ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Battle Royale Thailand เกมหฤโหด (Fic)

    ลำดับตอนที่ #5 : บทเรียนที่ 4 ไว้ใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 228
      0
      22 ม.ค. 57

    BATTLE ROYALE THAILAND

    เกมหฤโหด

    บทเรียนที่ 4 ไว้ใจ

    ---------------------------------------------------







     

    “นะ...นั่นใครน่ะ!” เสียงของเขามันช่างฟังดูน่าขำสิ้นดี แต่ถึงตอนนี้เขากลับขำไม่ออก เนื้อตัวสั่นไปหมด ไม่ใช่เพราะหนาว แต่เพราะว่ากลัวมากต่างหาก

    “นั่นธันย์ใช่ไหม ธันย์ใช่ไหม!!” เจ้าของเงานั้นตะโกนกลับมา

    เขาจำได้ เสียงนั้น นั่นเป็นเสียงของผู้ชายที่ถูกขานชื่อคนแรกในเกม เพียงแต่เขาจำไม่ได้ว่าเด็กผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร นี่ก็วิ่งมาตั้งนานทำไมมาหยุดเอาดื้อ ๆ ตรงนี้ “นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มเข้าไปหา

    บอยนั่งพิงต้นไม้แหงนหน้ามองผู้มาใหม่ เขาร้องไห้ออกมา เขานั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ เด็กหนุ่ม

    “ฉันมารอแก้ว .... นายเจอเธอบ้างไหม?” เขาถามหาเด็กสาวที่ส่งยิ้มให้เมื่อครู่ในห้องเรียน เขาพยายามนึก เด็กผู้หญิงชื่อแก้วคนนั้น คู่แฝดกับเกต เธอเพิ่งถูกเรียกออกไปไม่นานนัก

    “พวกเธอสองคนออกมาก่อนหน้าฉันนะ ไม่ได้สวนกันกับนายเหรอ” ธันย์ถามกลับ ชายหนุ่มส่ายหน้า

    “ถ้าเจอแก้ว ฝากบอกด้วย ว่า ... ว่าฉัน ...ระ...รอ” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร จู่ ๆ เขาก็ล้มลงบนตักของธันย์ ในตอนนั้นเองที่เขาตกใจอย่างสุดขีด

    ที่คอของเด็กหนุ่มมีรอยแผลที่ลากยาวจนเกือบจะหลุดออกจากบ่า!!

    เลือดสีแดงทะลักออกมาอย่างช้า ๆ ชายหนุ่มตาเหลือกอย่างทรมาน จากจุดที่ธันย์นั่งอยู่ เขาไม่ได้ทันสังเกตว่าบอยได้รับบาดเจ็บ นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ได้ลุกไปไหนเลย

    เพราะเขาถูกใครบางคนใช้ของมีคมขนาดใหญ่กระหน่ำฟันเขาที่คอจนเกือบขาดแบบนี้ ธันย์ค่อย ๆ วางร่างนั้นลงไปกับพื้น เขาเริ่มเวียนหัวกับกลิ่นคาวเลือดของเพื่อนร่วมห้อง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตกใจไปมากกว่านี้ เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดกำลังวิ่งออกมาจากที่ซ่อนเพื่อปลิดวิญญาณของเขาเหมือนที่มันทำกับบอย!

    เวลา 02.25

    ท้องฟ้าด้านบนเริ่มส่งเสียงร้องระงม ก้อนเมฆหลายต่อหลายกลุ่มเริ่มจับตัวกันเป็นสีเทาขมุกขมัว ไม่นานนัก พวกมันต่างหยดตัวลงมาเป็นเม็ดฝนสีขาวสะอาดตกลงมาสู่พื้นหญ้า รองเท้าผ้าใบของเด็กหนุ่มอายุราว ๆ 16 ปีย่ำลงบนพื้นหญ้าที่ชุ่มน้ำในลักษณะกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ผมสีน้ำตาลธรรมชาติของเขาสะบัดไปตามแรงโน้มถ่วงโลกและพวกมันต่างทิ้งน้ำหนักลงมาปรกหน้าผากของเขาทันทีที่สัมผัสกับน้ำฝน เขาวิ่งมาจนถึงต้นไม้ต้นหนึ่ง สายตามองซ้ายขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมาก่อนจะตัดสินใจนั่งลงเพื่อสงบสติอารมณ์

    เขาลอบหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่วิ่งมาเกือบจะสิบนาที จำได้ว่าตั้งแต่ที่ออกมาจากโรงเรียน เขาเห็นศพของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เขาเองจำได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องของเขาเอง เพียงแต่ไม่สนิทสนมด้วยเพียงเท่านั้น ร่างของเพื่อนถูกฟันด้วยมีดขนาดใหญ่จะเกือบจะหลุดออกมาจากบ่า ไม่มีการบอกลากันเกิดขึ้น หลังจากที่พวกเขาถูกจับมาที่นี่ ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว

    “ฉันเห็นมันวิ่งมาทางนี้!” เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกลมากนัก แต่ด้วยความเงียบสงัดของผืนป่าทำให้เขาได้ยินเสียงนั้นได้อย่างชัดเจน เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลชะงักก่อนจะพยายามใช้ต้นไม่ใหญ่เป็นฉากหลบซ่อนตัว

    เขาถูกสะกดรอย!

    “มึงแน่ใจนะว่าไอ้ธันย์วิ่งมาทางนี้” อีกเสียงดังขึ้นพร้อมกับเดินขนาบข้างมากับเจ้าของเสียงแรก ในมือของเขามีหน้าไม้ซึ่งใช้ในการไล่ล่าในครั้งนี้อยู่ด้วย

    ธันย์กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อรู้ว่าตัวเองคือเป้าหมายของคนทั้งสอง ที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือเอกและป๊อป เขาจำได้ว่าสองคนนี้ไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไรนัก ป๊อปเป็นเด็กเรียนประเภทพวกหวงวิชาความรู้กลัวคนอื่นจะเก่งกว่าตนในขณะที่เอกเป็นนักกีฬารูปร่างดีแต่ไม่ฉลาดเท่า ในห้องเรียน ป๊อปมักจะถูกพวกเอกรังแกอยู่เสมอ ๆ บ้างก็โดนขโมยหนังสือการบ้าน บ้างก็โดนไถเงิน เป็นเรื่องธรรมดาของคนในห้องที่เห็นเหตุการณ์แบบนี้ไปแล้ว ในมือของเขาเองก็มีอาวุธร้ายแรงอย่างมีดหั่นหมูขนาดใหญ่ที่เลือดยังเปื้อนติดมาอยู่เลย หรือว่า .... เขาคือคนที่เล่นงานเพื่อนคนนั้นจนคอเกือบจะหลุด

    เด็กเรียนอย่างป๊อปเนี่ยนะจะฆ่าคนตาย!

    เขาไม่มีเวลามาคิดหาเหตุผลหรืออะไรก็ตามแต่ในตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องทำคือพยายามซ่อนตัวและไม่ให้สองคนนั้นจับได้ ทั้งสองเดินวนไปวนมาสักพักก่อนที่จะมุ่งหน้าไปทางเหนือซึ่งในแผนที่ ทิศเหนือของเกาะคือร้านอาหาร เมื่อสังเกตเห็นว่าพวกเขาไปไกลแล้ว ธันย์จึงออกมาจากที่ซ่อนและพยายามเปิดหาอาวุธที่อยู่ในกระเป๋า เขาเองยังไม่เคยเห็นอาวุธที่ใช้ป้องกันตัวเลยสักครั้ง

    ซิบเริ่มรูดออก มีน้ำสามขวด ขนมปังก้อนเล็กหนึ่งก่อน เข็มทิศ แผนที่ ปากกาเมจิคสีแดง และอาวุธที่เขามองหา

    กรรไกรตัดหญ้าคืออาวุธของเขาในศึกครั้งนี้

    เขาถอนหายใจ ยังดีกว่าหลายคนที่ได้พวกกล้องส่องทางไกลหรือกล่องพยาบาลง่อย ๆ นั่นแหละนะ เขาพยายามคิดในแง่บวกก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมา ในตอนนั้นเองที่มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากด้านหลังของเขาจนเขาถึงกับขนลุกซู่

    “เจอตัวแล้ว....” เสียงนั้นดังในระยะทีใกล้มาก ชายหนุ่มชะงักก่อนที่จะค่อย ๆ หันมามองเจ้าของเสียงเย็นยะเยือกนั้น

    ในตอนนั้นเองที่เขาถึงกับตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่าอาวุธในมือของเจ้าของเสียงนั้นคือ Claymore ดาบยาวที่เพียงตวัดนิดเดียว คอเขาคงหลุดเหมือนกับผู้ชายคนนั้นอย่างแน่นอน!

     

    เด็กสาวเดินเตร็ดเตร่เข้ามาในบ้านพักหลังหนึ่ง ประตูไม่ได้ลงกลอนเอาไว้ เธอถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้านหลังนั้นอย่างเงียบ ๆ ขาของเธอสั่นไปหมด เหงื่อกาฬและน้ำตานั้นรื้นอยู่ทั่วใบหน้าขาวสะอาดของหล่อน เมื่อเข้ามาในบ้าน ซูกัสรีบล็อกประตูอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้ใครบุกรุกเข้ามาได้อีก ตอนนี้บ้านที่เธอซ่อนตัวยังไม่ใช้โซนอันตรายแต่อย่างใด ทำให้เธอเบาใจลงได้นิดหน่อย เธอเดินสำรวจไปทั่วบ้านให้แน่ใจว่าไม่มีใครเข้ามาในนี้ก่อนเธอ เมื่อปลอดภัย เธอว่ากระเป๋าลงข้าง ๆ โต๊ะอาหารก่อนที่จะนั่งลงฟุบอยู่กับโต๊ะนั้น

    “ฉันอยากกลับบ้าน .... พ่อคะ แม่คะ ช่วยหนูด้วย” เด็กสาวยังคงสะอื้นอยู่อย่างนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ตอนนี้เธอต้องหาทางออกไปจากเกาะบ้า ๆ หาทางติดต่อครอบครัวของเธอให้ได้

    ใช่..เธอต้องติดต่อหาพ่อแม่ของเธอ!!

    เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงลองเปิดกระเป๋าที่ได้มา มีเพียงอาหารและสิ่งที่มนัสได้บอกเอาไว้ นอกจากนั้นมีเครื่องชอตไฟฟ้ายี่ห้อหรูอีกหนึ่งเครื่อง ไม่มีโทรศัพท์อย่างที่หาเอาไว้

    “ในบ้านนี้ต้องมีโทรศัพท์บ้างสิ” การกระทำไวกว่าความคิด เด็กสาวเหลือบไปเห็นโทรศัพท์บ้านวางอยู่ตรงเคาน์เตอร์กลางบ้าน หล่อนรีบวิ่งไปหมายจะกดเบอร์ปลายทางไปหาพ่อแม่ของเธอ

    ตู๊ดดดดด.....

    “มีสัญญาณ!” หล่อนอุทานออกมาอย่างดีใจ อีกไม่นานเธอจะได้รอดออกไปจากฝันร้ายแห่งนี้เสียที มือรีบกดโทรศัพท์ติดต่อหาผู้เป็นพ่อโดยเร็ว

    ตู๊ดดดดด.....

    ตู๊ดดดดด.....

    ตู๊ดดดดด.....

    ฮัลโหล

    “พะ..พ่อคะ นั่นพ่อใช่ไหม!! หนูดีใจจังเลย” เธอแทบจะปล่อยโฮออกมาเมื่อได้ยินเสียงปลายสายที่เธอปรารถนาอยากจะได้ยินมันสักครั้ง

    ลูกอยู่ที่ไหน ปลอดภัยดีไหม

    “พ่อช่วยหนูด้วย แจ้งตำรวจที หนูกับเพื่อนติดอยู่ที่เกาะ พวกเรากำลังจะถูกฆ่า พ่อต้องมารับหนูนะ”

    เกาะมันมีตั้งมากมาย พ่อจะไปถูกได้ยังไง นี่ลูกเมายาหรือเปล่า

    “พ่อคะ พ่อต้องช่วยหนูนะ หนูพูดความจริง!

    หนูแน่ใจนะว่าหนูอยู่ที่เกาะ....เกาะอะไรนะ...เกาะที่เขากำลังจัด Battle Royale อยู่หรือเปล่าน๊า

    หล่อนชะงัก นี่พ่อรู้ใช่ไหมว่าเธออยู่ที่ไหน เสียงปลายสายที่ฟังเมื่อครู่เริ่มเปลี่ยนไป หล่อนเริ่มจำได้ ความกลัวเมื่อครู่มันกัดกินเธอจนเธอลืมฟังเสียงปลายสายนั้น

    เสียงอาจารย์มนัส!

    “ไอ้สารเลว!!!” หล่อนเหวี่ยงโทรศัพท์สีดำสนิทลงพื้นอย่างแรงด้วยความโมโห ความหวังที่เธอสร้างเอาไว้ต้องมาทลายลง เธอไม่มีโอกาสได้กลับไปหาพ่อกับแม่แล้วใช่ไหม

    แกร๊ก!

    เสียงบางอย่างดังขึ้นจากทางหลังบ้าน หล่อนชะงัก ความรีบร้อนและกลัวตายของเธอกลับทำให้เธอไม่รอบคอบกว่านี้ เธอลืมล็อกประตูหลังบ้านได้ยังไงกัน!

    ฝีเท้าประหลาดจากแขกยามวิกาลดังขึ้นช้า ๆ ตอนนี้เธอต้องหาทางซ่อนตัวจากผู้บุกรุกที่เข้ามาในอาณาเขตของเธอ ใช่!เธอมีเครื่องชอตไฟฟ้า เด็กสาวปาดน้ำตาก่อนจะตรงไปยังกระเป๋าของหล่อนที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร ในตอนนั้นเองที่แสงจากไฟฉายของใครบางคนสาดเข้ามาที่ใบหน้าของซูกัสจนเธอถึงกับผงะ

    “ใครน่ะ!!เธอเป็นใคร!!

    “ซูกัสเองหรอกเหรอ .... ฉันดีใจจังเลย!!” เด็กสาวอีกคนเปรยขึ้นก่อนที่เดินเข้ามาหาเจ้าของชื่อทั้งน้ำตา

    “อย่าเข้ามานะ!” ซูกัสถอยห่าง ตอนนี้เธอไม่มีอาวุธอะไรในมือเลย

    “ฉันเดินตามหาเพื่อน....ฉันไม่เจอใครเลย...ฮึก...ฮือ” เด็กสาวร้องไห้โฮ น้ำตาร่วงโรยลงมาจากดวงตาคู่โตไม่ขาดสาย ซูกัสลดการ์ดลง เธอมองหน้าทรายอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ นัยน์ตาคู่นั้นแสดงถึงความหวาดกลัวอย่างสุดขีด

    “ทราย..ฉันขอโทษ ฉันไม่คิดว่าเป็นเธอ” ซูกัสเดินเข้าไปหาพรางสวมกอดเด็กสาวผู้มาใหม่เอาไว้แน่น

    “อย่าทิ้งฉันไว้นะ ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวแล้ว” ทรายยังคงร้องไห้ไม่หยุด

    “พวกเราจะหาที่ซ่อนและหาทางหนีออกไปจากที่นี่กันนะทราย” ซูกัสปลอบใจเพื่อน อย่างน้อยเธอก็ยังมีทรายที่หวาดกลัวเหมือนกัน น้ำตานั้นทำให้เธอเริ่มไว้ใจ เธอมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยคนเข้มแข็งอย่างทรายยังกลัวได้เลย ไม่ใช่เธอที่กลัวอยู่คนเดียว

    “เธอมีอาวุธอะไร เธอจะทำร้ายฉันหรือเปล่า?” เด็กสาวยังคงร้องไห้ไม่หยุดจนทรายต้องกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม

    “ไม่หรอก แค่เครื่องชอตไฟฟ้า ฆ่าใครไม่ได้หรอกทราย”

    “ฮึก....ฮึก...หึ...หึหึ” เสียงสะอื้นเริ่มหายไป “ที่นี่น่ะรอดออกไปได้แค่คนเดียว” พูดจบ สาวเจ้าน้ำตาเมื่อครู่รีบหยิบมีดสั้นที่เหน็บไว้ที่ขอบกระโปรงออกมาพร้อมกับบรรจงกดปลายมีดเข้าไปในต้นคอของเด็กสาวที่ถูกสวมกอดอยู่

    ฉึบ!

    ทันทีที่ปลายมีดสัมผัสเข้ากับเนื้อบาง มันถูกกระชากมาตามรอยต่อของคออย่างรุนแรงจนบาดแผลเปิดกว้าง เด็กสาวอ้าปากค้างก่อนจะล้มลงไปกับพื้น เลือดเริ่มเจิ่งออกมาจากคอไหลกระฉูดลงบนพื้นไม้ราคาแพง นัยน์เหลือกจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า

    “ใครว่าฆ่าคนไม่ได้ล่ะ แค่จิ้มแรง ๆ ทีเดียวมีสิทธิ์ตายได้เลยนะ.....”

    ทรายยืนมองผลงานของตนก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา หล่อนเดินไปที่โต๊ะ หยิบขวดน้ำ อาหารและเครื่องชอตไฟฟ้าเก็บไว้ในกระเป๋าของตน หล่อนส่งยิ้มให้ร่างอันแน่นิ่งของซูกัสก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน คืนนี้เธอต้องหาที่นอนเอาไว้พักสายตาสักงีบ พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันต่อ

    รายงานผล BATTLE ROYALE THAILAND
    -ชายหมายเลข #1 บอย-
    -หญิงหมายเลข
    #13 ซูกัส-

    เสียชีวิต
    เหลือผู้เล่น 38 คน

     

    TO BE CONTINUED….
    เปิดเกมมา เดี้ยงไปแล้ว 2 คน มีใครเชียร์สองคนนี้หรือเปล่านะ
    เหลืออีก 38 ชีวิต พวกเขาจะเจอกับอะไรบ้าง คอมเม้นต่อสิ แล้วจะบอก 555+
    ^/\^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×