คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : LOVE NEEDING - 9
COUPLE :: BumHyuk , KangTeuk
STORY BY :: Tachibazaki
===================================
เจ็ดโมงเช้าวันต่อมา
คิบอมไม่ต้องรอให้ใครมาพูดตอกย้ำซ้ำซากอีกก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องห้องนี้เสียแล้ว
ห้องที่มีฮยอกแจนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ก่อนโดยไม่รู้เลยว่าห้องนอนของตัวองถูกบุกรุกโดยใครอีกคน
เพราะรู้ว่าเมื่อคืนทงเฮไม่ได้ค้างที่ห้อง วันนี้คิบอมเลยโผล่มาที่นี่แต่เช้า ร่างสูงนั่งลงข้างเตียงอย่างใจเย็น นำคางไปเท้ากับแขนที่วางพาดอยู่บนเตียงอยู่ก่อนแล้วมองหน้าคนหลับอย่างถือวิสาสะ พอลองเอามือเกลี่ยผมที่ลงมาปิดหน้าขาวใสของร่างเล็กที่เค้าอยากสัมผัสมาตลอดก็พบกับคราบน้ำที่ยังเหลือจางๆ
ไม่ว่าสิ่งที่เค้าตั้งใจจะทำต่อไปนี้จะทำร้ายใครให้ต้องเจ็บปวด
เค้าก็ตั้งใจว่าจะไม่ถอยอีกแล้ว
"ฮยอกแจ"
คิบอมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ร่างเล็กจนเกือบชิด พอเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าคิบอมก็เหมือนจะยังแยกไม่ออกว่าความจริงหรือความฝัน แต่พอนึกได้ว่านี่คือความจริงก็ถอยไปซะชิดกำแพงอีกฝั่งของเตียงจนคิบอมนึกขำ ฮยอกแจก็คือฮยอกแจ ปฏิกิริยาทุกอย่างเป็นไปตามที่คิบอมคาดไว้เสมอ
"เข้ามาทำไม"
"ไปอาบน้ำ เด็กสกปรก"
ฮยอกแจจิ๊ปาก ถ้าเค้าจำไม่ผิด เค้าเป็นพี่มันตั้งปีนึง!! ยังจะมาหน้าด้านชอบคิดว่าตัวเองโตกว่าอยู่ได้
"ถามก็ตอบก่อนซิวะ"
"บอกให้ไปอาบน้ำก็ไปซิ"
ฮยอกแจรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะถามต่อไป เพราะถ้าลองมันตั้งใจจะกวนตีนกันแล้วละก็ มันไม่เลิกง่ายๆหรอก
"เร็วๆ เดี๋ยวจะมีรถมารับไปโรงพยาบาล"
"ไปโรงพยาบาลทำไม"
"ก็รู้อยู่แล้วนิว่าวันนี้ชั้นต้องไปโรงพยาบาลทำไม"
"รู้ แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ มันเกี่ยวอะไรกับชั้น"
"ถ้าชั้นบอกว่านายเกี่ยว นายก็ต้องเกี่ยว"
".......!!!!!!!!!!!!!!......"
อะไรวะ พ่อแม่เค้ายังไม่เคยบังคับเค้าขนาดนี้เลย แล้วมันเป็นใครถึงมาพูดจาออกคำสั่งอย่างกะเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดูเค้ามายี่สิบกว่าปี!!
"ไปอาบน้ำ เดี๋ยวนี้"
"ไม่"
"ไปเร็วๆ"
"ไม่"
"ทำไมชอบให้บังคับ"
"แล้วนายล่ะ ทำไมชอบบังคับ"
"ก็บอกดีๆแล้วไม่ไป ก็ต้องบังคับซิ"
"ไม่ไป ไม่ ไม่ ไม่!!"
ฮยอกแจแสร้งทำเป็นไม่สนใจสิ่งมีชีวิตที่ยืนหัวโด่อยู่ข้างเตียงแล้วเตรียมลงนอนต่อ มือบางเอื้อมไปหยิบผ้าห่มหวังจะเอามาคลายความหนาวจากเครื่องปรับอากาศแล้วหลับต่ออย่างสบายใจ แต่ไม่ทันที่มือจะได้สัมผัสผ้าห่มด้วยซ้ำ คิบอมก็จับข้อมือข้างหนึ่งเอาไว้พร้อมกับคลานขึ้นมาบนเตียง
"เฮ้ย!"
ไม่ต้องเสียเวลาซักนาที คิบอมก็ขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวคนปากเก่งที่เถียงเค้าด้วยเสียงแจ้วๆเมื่อครู่นี้
เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย พออย่างงี้ล่ะหน้าซีดเชียวนะ
"ไม่ตลกนะคิบอม"
"ชั้นก็ไม่ได้ขำนิ"
"ลงไปก่อนที่ชั้นจะเตะนายดีกว่ามั๊ย"
คิบอมฟังแล้วเพียงกระตุกมุมปากยิ้มยั่ว
"นายคิดว่า นายจะเตะชั้นได้ก่อนที่ปากของชั้นจะลงไปจูบปากของนายได้รึเปล่าล่ะ" คิบอมไม่พูดเปล่า แต่ยังก้มหน้าลงไปเสียจนปลายจมูกของทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงเซนต์ เนื่องจากคิบอมสามารถใช้แขนได้ข้างเดียวข้อมือทั้งสองข้างของร่างด้านล่างจึงถูกกดไว้เหนือหัวของเจ้าตัวเพื่อป้องกันการขัดขืน โดยร่างสูงไม่คิดจะสนใจเลยถ้าหากว่าจะมีใครหน้าไหนเข้ามาเห็นฉากเด็ดฉากนี้ "จะลองดูมั๊ยล่ะ"
"อย่าเล่นแบบนี้นะ!!"
"ไปโรงพยาบาลด้วยกัน ตกลงมั๊ย"
"ไม่"
"ไปด้วยกัน นะ" คิบอมไม่ได้พูดจาบังคับเหมือนตอนแรก เพียงแต่ก้มลงไปใกล้ใบหน้านั้นมากขึ้นอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง ^ ^
ฮยอกแจหลับตาปี๋ ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนนี้แค่รู้สึกว่าลมหายใจของคิบอมสัมผัสกับใบหน้า ใจมันก็วูบไหวไปหมด
ร่างเล็กกลั้นใจเบี่ยงหน้าไปด้านข้างเพราะทนกับความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวนี่ไม่ไหว ทำให้ปลายจมูกร่างสูงที่อยู่ใกล้มากอยู่แล้วแตะกับแก้มขาวนั้นอย่างไม่ตั้งใจและเหนือความคาดหมายของคิบอม
เอาวะ!! ก็ดีว่าโดนจูบ!!
"ปล่อยๆๆ จะไปอาบน้ำแล้ว" ฮยอกแจพูดทั้งที่หลับตาอยู่อย่างนั้น ท่าทางน่ารักนี้ทำให้คิบอมเผยรอยยิ้มอ่อนโยนแล้วปล่อยมือออกจากข้อมือบาง
แต่ก็แค่ปล่อยข้อมือเท่านั้นแหละ เพราะหน้าที่ห่างกันเพียงคืบก็ยังคงรักษาระยะไว้เท่าเดิม
ฮยอกแจที่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นอิสระจากการเกาะกุมแล้วจึงขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตา แต่พอเบิกตาโพลงได้ไม่ถึงสามวิก็ต้องกลับไปหลับตาเหมือนเดิมเพราะสัญญาณอันตรายคือใบหน้าหล่อๆที่โน้มลงมาอยู่อย่างนี้เป็นนานสองนานยังไม่ได้ถอยไปไหน
"อะไรเล่า ถ้าเป็นแบบนี้แล้วจะไปอาบน้ำได้ไง" คนพูดทำปากงอง้ำ คล้ายว่าจะงอน
เออ ยังน่ารักได้อีก
จูบซะเลยดีมั๊ย!!!!
"อาบเร็วๆนะ รถจะมาแปดโมง"
"จะช้าก็เพราะนายนี่แหละ"
คิบอมหัวเราะกับคำพูดของร่างเล็กแล้วลุกขึ้นจากเตียงแต่โดยดี อีกฝ่ายพอตัวเองได้รับอิสระ(อย่างแท้จริง)ก็วิ่งเข้ามาเตะขาคิบอมเป็นการเอาคืนที่มาแกล้งกันแล้ววิ่งหนีออกไปอาบน้ำเหมือนติดจรวจ
ไม่เบาไม่แรง แต่ก็เล่นเอาเจ็บเหมือนกัน
คิบอมนั่งลงบนขอบเตียงของร่างเล็กที่วิ่งออกไปเมื่อครู่ มือก็ลูบขาตรงจุดที่เจ็บ
พอคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปไม่พ้นนาที คิบอมก็ขำออกมาดื้อๆจนคิดว่าหมู่นี้เค้าคงเริ่มจะประสาทเสียแล้ว
ฮยอกแจใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อย แต่ต้องเสียเวลาไปกับเรื่องอื่นซะมากกว่า เพราะพอคิบอมบอกให้ลงไปรอรถข้างล่างด้วยกันฮยอกแจก็เกิดงอแงไม่ยอมไปอีก จึงต้องมีการขู่บังคับกันอีกหลายรอบกว่าจะขึ้นรถมาที่โรงพยาบาลได้ก็เล่นเอาเหนื่อยทั้งคนบังคับและคนถูกบังคับ
แต่พอมาถึงโรงพยาบาลคนที่บ่นอุบอิบมาตลอดทางว่าที่มาเพราะโดนบังคับไม่งั้นคงไม่มากลับทำตัวคล่องแคล่ว จัดการเรื่องโน้นเรื่องนี้ได้ว่องไวเพื่อทั้งตัวเค้าและคิบอมจะได้ไม่เสี่ยงต่อการโดนแฟนคลับรุมที่โรงพยาบาล อีกอย่างทางบริษัทก็ติอต่อคุณหมอไว้ให้เรียบร้อยแล้วจึงไม่ค่อยยุ่งยากและใช้เวลาไม่นานนัก
ตลอดทางที่นั่งรถไม่ว่าจะขาไปหรือขากลับ คิบอมสังเกตว่าร่างบางมักจะนั่งเหม่อบ่อยๆจนคิบอมต้องหาเรื่องแกล้งอยู่ตลอดเพื่อจะให้ร่างเล็กที่เค้าพามาด้วยนั้นหยุดคิดฟุ้งซ่านเรื่องโน้นเรื่องนี้เสียที
"ฮยอกแจ"
"..............."
"ฮยอกแจ" เมื่ออีกคนนั่งเงียบมองออกไปนอกหน้าต่างรถทำเหมือนว่าเค้าไม่มีตัวตน คิบอมจึงต้องเขย่าแขนเล็กนั่นเบาๆให้อีกคนตื่นจากพวังค์
"หะ ว่าไง"
"เกมส์ที่ชั้นเคยให้นายเล่น ตอนนี้นายเล่นถึงไหนแล้ว"
"ก็เรื่อยๆ ตอนนี้ยังไม่ผ่านเลเวล 4 เลย พอจะผ่านตรงหน้าผาทีไรก็ตายทุกที" ฮยอกแจพูดพร้อมกับทำหน้าเสียดายซะเต็มประดา
"ก็งี้แหละ คนมันอ่อน"
"อะไรวะ พูดงี้ต่อยกันดีมั๊ย นายเล่นถึงไหนแล้วล่ะ ก็คงไปไม่ถึงไหนหรอกมั้ง ถึงโยนมาให้ชั้นเล่นเนี่ย"
นั่น เอาอีกแล้ว
เป็นแบบนี้ทุกที เดี๋ยวท้าเตะ เดี๋ยวชวนต่อย
ทีกะทงเฮล่ะทำเป็นหวาน!!
"ไปได้ไม่เท่าไหร่หรอก ก็แค่กำลังจะขึ้นเลเวล 7 เท่านั้นแหละ" คิบอมผิวปากอารมณ์ดีกับชัยชนะหมาดๆ ทำเป็นไม่สนใจฮยอกแจที่ทำเสียงฮึดฮัดอยู่ข้างๆ แต่พอรู้ว่าร่างเล็กไม่ได้มองตัวเองอยู่ก็แอบอมยิ้มอยู่หลายครั้ง
นี่ก็เป็นอีกเหตุการณ์ที่คิบอมต้องแกล้งเพื่อหยุดอาการคิดมากของฮยอกแจ
...................................................
........................
อีทึกลืมตาตื่นมาพร้อมกับหัวสมองที่หนักอึ้ง แม้จะปวดหัวมากเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ตกค้าง
แต่ใจกลับปวดยิ่งกว่า
ไม่เพียงแต่เค้าจะจำเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเค้ากับฮยอกแจเมื่อคืนนี้ได้
แต่เค้ากลับจำเรื่องที่ไม่คาดคิดอีกเรื่องนึงได้ด้วย
ถ้าเลือกได้ เค้าอยากจะลืมมันหรือเปล่านะ..
เสียงการสนทนาระหว่างคังอินกับฮยอกแจที่พูดกันตอนที่คิดว่าเค้าหลับยังวนเวียนอยู่ในหัวเหมือนเปิดซีดีแล้วเพลงก็เล่นซ้ำไปซ้ำมา
อีทึกที่ความรู้สึกช้าพอๆกับฮยอกแจแทบจะไม่อยากเชื่อและไม่อยากจะทำความเข้าใจกับสิ่งใหม่ที่ได้รับรู้
ยิ่งตื่นขึ้นมาแล้วเจอคู่กรณีนอนหลับฟุบอยู่ข้างๆเตียงเค้าแบบนี้ยิ่งคิดอะไรไม่ออก
"พี่ชอบพี่อีทึก ใช่ไหม"
การไม่ปฏิเสธก็แสดงว่าใช่ หรือถ้ายังลังเลอยู่ว่าเพื่อนสนิทคนนี้คิดยังไง
"ชั้นไม่ได้ทนหรอกนะฮยอกแจ
แต่ชั้นแค่มีความสุข ที่เห็นอีทึกมีความสุขเท่านั้นเอง"
ฟังจากประโยคสุดท้ายก็คงต้องแน่ใจเสียแล้ว...
ร่างบางตื่นมาแล้วเกือบครึ่งชั่วโมงแต่ยังเลือกที่จะนอนนิ่งๆ พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ตรงมุมของโปสเตอร์รูปซูเปอร์จูเนียร์สิบสามคนเริ่มหลุดออกแล้วนะ
ทำไมโต๊ะเครื่องแป้งมันรกจัง
เสื้อของชินดงมาแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเค้าได้อย่างไร
วันนี้เป็นวันศุกร์หรือวันเสาร์กันแน่
แม้จะเป็นความคิดไร้สาระ แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นเรื่องที่เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบทั้งนั้น
เรื่องคังอินก็เหมือนกัน...
คงเป็นเรื่องที่ต้องการคำตอบด้วยซินะ
"คังอิน" ร่างบางเอามือลูบไหล่ของคนที่หลับอยู่เพียงเบาๆ คังอินก็สะดุ้งตื่นจนคนปลุกพลอยตกใจไปด้วย
"ตื่นนานหรือยัง" คังอินถามอย่างงัวเงียพลางมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องสีครีม
เก้าโมงเช้า ยังไม่สายเท่าไหร่...
"อืม ตื่นซักพักแล้ว นายไปนอนดีๆซิ นอนอย่างงี้มันเมื่อยนะ"
"ไม่เป็นไร ชั้นไม่ง่วงแล้ว ปวดหัวอยู่มั๊ย" ร่างหนาจะยื่นมือไปจับหน้าผากเผื่อไว้ว่าอาจจะมีไข้
แต่อีทึกกลับเบี่ยงหน้าหลบ
คังอินจึงต้องชักมือกลับอย่างช่วยไม่ได้
ไม่ใช่ว่ารังเกียจ แต่มันแค่ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนเค้าคงรู้สึกดีเวลาคังอินทำแบบนี้แล้วยิ้มรับสัมผัสนั้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ตอนนี้เค้ารู้แล้วว่าอีกคนรู้สึกกับตัวเองอย่างไรมันก็ยากที่จะทำให้เหมือนเดิมไปซะทุกอย่าง
ยังไงก็คงต้องพูดให้รู้เรื่องกันไป ดีกว่าปล่อยให้มีหลายเรื่องมาทับซ้อนจนสุดท้ายก็แก้ไขอะไรไม่ได้สักเรื่อง
"คังอิน ถ้าคนที่นายรักเค้าไม่ได้รักนาย.. นายยังจะดันทุรังรักเค้าต่อไปอีกหรือเปล่า"
แวบแรกที่คังอินได้ยินคำถามนี้จากร่างบาง คังอินคิดไปว่าอีทึกคงจะปรึกษาเรื่องของตัวเองกับฮยอกแจ แต่แววตาของอีทึกที่มองมามันแตกต่างออกไป จนคังอินอดคิดไม่ได้ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องของใครอื่นเสียแล้ว
หากสิ่งที่คังอินกลัวกำลังจะเกิดขึ้น
เค้าก็พร้อมแล้วที่จะรับผลของมัน ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหนก็ตาม
"แล้วนายล่ะอีทึก นายจะทำยังไง"
"ถ้าเป็นชั้น.....................
.....
ชั้นจะตัดใจ"
คังอินไม่รู้ว่าตัวเองมีสีหน้ายังไงตอนได้ยินคำพูดนี้จากอีกคน
รู้แต่ว่าภายในมันเหมือนมีลมพายุตีขึ้นตีลงจนพลานจะทำให้เวียนหัว
"แล้วชั้นต้องตัดใจตามนายด้วยรึเปล่า"
"ถ้าเป็นไปได้ ชั้นก็อยากให้นายทำ..
เพราะความรักของนาย อาจจะไม่มีทางสมหวังเลยก็ได้"
ขณะที่พูด อีทึกไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าอีกคนเลยด้วยซ้ำ ร่างบางเอาแต่หันหน้าไปทางอื่นเหมือนกำลังพูดกับกำแพงที่ว่างเปล่า โดยไม่ได้หันมาดูเลยว่าคังอินมีสีหน้าที่เรียบเฉยจนน่าใจหายเพียงไร
แบบนี้เค้าเรียกว่าอกหักหรือเปล่านะ..
ใช่ซิ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ
เวลาดูละคร เห็นคนผิดหวังในความรักยังเจ็บปวดแทน บางครั้งถึงกับหลั่งน้ำตาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันก็เป็นแค่ละคร
แต่เรื่องจริงดูจะโหดร้ายและเจ็บปวดรุนแรงกว่าหลายเท่า
"เข้าใจแล้ว"
คังอินตอบได้เพียงเท่านั้นจริงๆ
................................................
ตอนที่คิบอมกับฮยอกแจกออกจากโรงพยาบาลเวลาก็ใกล้จะบ่ายโมงเข้าไปแล้ว พอทั้งสองคนมาถึงห้องพักจึงเป็นช่วงเวลาที่สมาชิกที่เหลือเริ่มเตรียมจะทางอาหารกลางวันพอดี
คิบอมก้าวขาเข้ามาในห้องพักไม่ถึงสามก้าวก็เจอทงเฮที่ยืนกอดอกพิงกำแพงต้อนรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ร่างสูงจึงหยุดเดินทำเอาคนที่เดินตามหลังมาอย่างฮยอกแจต้องหยุดเดินไปด้วย
"ทงเฮ" ฮยอกแจเอ่ยทัก
"ขอโทษด้วยที่พาฮยอกแจออกไปข้างนอกโดยที่ไม่ได้บอกนายก่อน" คิบอมพูด
เนื่องจากเป็นประโยคที่ทงเฮไม่คิดว่าจะได้ฟังจากปากของคนที่ชื่อคิมคิบอม ทั้งคู่จึงยืนจ้องหน้ากันอยู่สักพัก
ดูจากสีหน้าแววตาหรือน้ำเสียง ไม่มีสิ่งใดเลยที่บ่งบอกว่าอีกคนมาเยาะเย้ยหรือแฝงเจตนาอื่น ทงเฮจึงเข้าใจว่าคนพูดคิดอย่างที่พูดจริงๆ
คิบอมพูดแบบนี้ เพราะในใจเกิดละอายขึ้นมา
ถึงยังไงกับทงเฮก็เป็นเพื่อนร่วมวงที่ดีต่อกัน
"ไม่หรอก ดีแล้ว" ทงเฮพูดแค่นั้นแล้วเดินนำเข้าไปข้างใน
ร่างสูงไม่เข้าใจกับประโยคที่อีกคนพูดเพราะผิดจากที่คิดไว้มาก ตอนแรกนึกว่าจะโดนทงเฮต่อว่าหรือแสดงปฏิกิริยาอะไรซักอย่างที่บ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายแล้วอีกคนกลับพูดแค่นั้น
ดีแล้ว.. อย่างงั้นหรือ
"จะยืนปิดทางอีกนานมั๊ย ชั้นหิวข้าวนะ" คนที่อยู่ด้านหลังท้วง คิบอมจึงรู้สึกตัวว่าตัวเองจมอยู่ในพวังค์ไปครู่นึงเลยทีเดียว
"อืม โทษที"
เมื่อเข้ามาถึงโต๊ะทานข้าว สมาชิกทุกคนที่อยู่แถวนั้นต่างมองฮยอกแจด้วยความเป็นห่วงว่าอาการของเพื่อนขี้เล่นคนนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทางไหนเมื่อเจอพี่อีทึกน็อคเอาท์ไปตั้งแต่ยกแรกเมื่อคืนนี้ แต่ร่างเล็กไม่ได้สนใจสายตาใคร่รู้ของใคร เพียงแต่กวาดสายตาหาอีทึกไปรอบๆห้องแต่ก็ไม่เจอ เป้าหมายจึงเป็นคังอินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวประจำ
"พี่คังอิน พี่อีทึกละ"
"ยังไม่ออกมา"
"ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม"
"ไม่รู้เหมือนกัน" น้ำเสียงคังอินที่พูดแต่ละคำติดจะเย็นชาจนฮยอกแจแอบคิดไปว่าตัวเองไปทำอะไรผิดอีกรึเปล่า แล้วเหมือนคังอินจะอ่านสีหน้ารุ่นน้องออกจึงพูดเสริม
"นายอย่ามาคิดว่าชั้นโกรธนายเพราะเรื่องอะไรเชียว ชั้นไม่บ้าขนาดนั้นหรอก"
ฮยอกแจนึกขำท่าทางและน้ำเสียงที่คล้ายนักเลงโตของพี่ชายคนนี้ เมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกคนไม่ได้โกรธอะไรในตัวเค้าร่างเล็กจึงพูดด้วยอารมณ์ผ่อนคลายมากขึ้น
"พี่คิดว่าผมควรจะคุยกับพี่อีกทึกเลยดีไหม"
"นั่นมันก็แล้วแต่นาย"
"แต่ว่า.."
"ชั้นไม่ใช่เจ้าของอีทึกและไม่มีทางจะเป็น เพราะฉะนั้นเวลาจะทำอะไรก็ไม่ต้องมาถามชั้นหรอก" เสียงคังอินไม่ดังไม่เบา แต่ท่าทางคนในห้องนั้นคงจะได้ยินกันหมด
ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ตั้งอกตั้งใจฟังเหมือนเป็นเรื่องของตัวเองกันทั้งนั้น!
"พี่คังอิน มีอะไรเกิดขึ้นอีกรึเปล่า"
"ไม่มีหรอก ทุกอย่างก็เหมือนเดิมนั่นแหละ ไม่มีอะไร... เปลี่ยนไปได้หรอก" คังอินพูดเพียงแค่นั้นแล้วหันหน้าไปทางอื่นเป็นเชิงว่าบทสนทนาควรจะจบแต่เพียงเท่านี้
เมื่อฮยอกแจรู้ว่าอีทึกยังอยู่ในห้องจึงเดินเข้าไปหา แม้ในใจจะลังเลอยู่บ้างแต่ก็ตัดสินใจตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่ายังไงวันนี้ก็คงต้องพูดออกไป เพื่อพี่คังอินและตัวพี่อีทึกเองด้วย
โดยที่ฮยอกแจไม่รู้เลยว่า เรื่องคังอิน.. มันสายไปเสียแล้ว
"พี่อีทึก" ฮยอกแจเรียกอีกคนที่นั่งเช็ดหัวอยู่บนเตียง คงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
"ฮยอกแจ กลับมาแล้วเหรอ" เมื่อเช้านี้หลังจากคุยกับคังอิน อีทึกก็ออกไปข้างนอกห้องแล้วพบซองมิน จึงรู้ว่าร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้าออกไปโรงพยาบาลกับคิบอมตั้งแต่เช้าแล้ว
"พี่ ผมอยากคุยกับพี่"
"พี่รู้ใช่ไหม ว่าผมจะคุยเรื่องอะไร"
อีทึกพยักหน้าแล้วเอาผ้าที่อยู่ในมือเช็ดผมที่ยังเปียกอยู่ต่อไปราวกับว่าเรื่องที่จะคุยกันไม่สำคัญจนถึงขนาดต้องตั้งใจฟัง
แม้ในใจจะรู้ว่าพอหลังจากที่ร่างเล็กนี่ออกไป เค้าคงต้องเจ็บปวดจนแทบขาดใจ
แล้วอีทึกไม่คิดเลยหรือ ว่าคังอินจะเจ็บปวดแค่ไหนหลังจากฟังคำพูดนั้นของตัวเอง
"ผม.. ขอโทษนะ ที่ไม่สามารถรัก..พี่ แบบที่พี่รักผมได้" คำพูดแต่ละคำของฮยอกแจออกมาจากบางนั่นค่อนข้างลำบาก ถ้าเป็นไปได้เค้าไม่อยากพูดคำเหล่านี้ออกไปเลยด้วยซ้ำ
"อืม พี่เข้าใจ"
อีทึกหมายความตามที่พูดจริงๆ
"ขอโทษนะพี่"
"ไม่เป็นไรหรอก เป็นแบบนี้ก็ดีพี่จะได้ไม่ต้องอึดอัด นายเองก็เหมือนกัน อย่ามาไม่สบายใจเพราะเรื่องนี้เลยนะ" อีทึกลูบหัวอีกคนเหมือนที่เคยทำ
"พี่เสียใจมากไหม"
"ก็... ไม่รู้ซิ ความจริงพี่ก็รู้อยู่แล้วว่านายไม่ได้ชอบพี่เลยซักนิดเดียว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พี่คงไม่กินเหล้าจนเมาแล้วพูดอะไรบ้าๆแบบนั้นให้นายไม่สบายใจหรอก เพราะยังไงซะ ผลที่ออกมามันก็เท่ากัน"
ฮยอกแจมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่ีอีทึกกลับยิ้มเพื่อให้อีกคนสบายใจ
อีทึกกับฮยอกแจพูดอะไรกันอีกเล็กน้อย ร่างเล็กก็ชวนอีทึกออกไปกินข้าวแต่คนเป็นพี่กลับบอกให้อีกคนออกไปก่อนแล้วตัวเองเช็ดผมเสร็จจะตามออกไปทีหลัง
ถ้าถามความรู้สึกในตอนนี้ อีทึกเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเค้ารู้สึกว่าตัวเองไม่เจ็บปวดกับเรื่องฮยอกแจมากมายอย่างที่คิดไว้
เค้าเคยมั่นใจมาตลอดว่ารักฮยอกแจนักหนา แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้แม้เค้าจะเสียใจอยู่บ้าง มันก็ยังไม่สมกับความรักที่เค้าทุ่มให้ฮยอกแจอยู่ดี
รักมาก ก็เจ็บมาก
คำนี้ใช้ได้จริงหรือ? ทำไมมันไม่เป็นอย่างนั้น
แต่ที่ทำให้อีทึกกังวลใจแล้วรู้สึกทุกข์ใจไปมากกว่าเรื่องนี้กลับเป็นเรื่องของคังอิน
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะอีทึกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคังอินรักตัวเองแค่ไหนแล้ว
การที่เค้าต้องการจะรักษาความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่รู้ใจมากกว่าจะเปิดใจยอมรับความรักของอีกฝ่ายมันถูกหรือผิดกันแน่
แต่หัวใจที่คุ้นเคยกับความอบอุ่นที่คังอินมีให้มันสั่งให้เค้าทำแบบนี้
เพราะถ้าเราต้องเปลี่ยนสถานะไปจากนี้ ความรู้สึกที่แล้วๆมามันอาจจะหายไป
อีทึกเพียงแค่ต้องการรักษาความรู้สึกของคังอินที่เคยมีมาให้ยังคงอยู่ตลอดไปก็เท่านั้น
แล้วเคยคิดหรือเปล่าว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร...
ที่อีทึกต้องการให้คังอินเคียงข้างตลอดเวลามันเป็นความรู้สึกของ เพื่อน อย่างนั้นหรือ....
อีทึกไม่ต้องการเสียความเป็นเพื่อนไป หรือไม่ต้องการเสียคังอินไปในวันข้างหน้ากันแน่
เมื่อไหร่ที่อีทึกแยกความกลัวกับความรักออกจากกัน
เมื่อนั้น คำตอบคงจะอยู่ไม่ไกล....
TBC~*
Talk :: แง่ม.. เรารักคังอินอปป้านะ แฮะๆ ^ ^"
ไม่ใช่ว่าเราแกล้งพี่หมีนะเออ แต่แบบว่า รักที่ได้มายาก จะยิ่งรักกันมากใช่มั๊ยล่ะ ฮ่า ฮ่า (ขำตรงไหน = =")
เรื่องเริ่มแบ่งเป็นสองคู่อย่างชัดเจนแล้วตอนนี้
พอพี่อีทึกกับน้องฮยอกแจเคลียกันได้ ทีนี้ก็เป็นเรื่องของคู่ใครคู่มันแล้วล่ะค่ะพี่น้องงงง
คราวนี้เหมือนทงเฮโดนลดบท = ="
เอาน่า ตัวละครมันเยอะ สลับกันไป เหอ เหอ
ขอบคุณคนอ่าน รักคนเม้นนะจ๊ะ >_<
ความคิดเห็น