ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic SJ Yaoi ] • LOVE NEEDING • ( BumHyuk , KangTeuk )

    ลำดับตอนที่ #9 : LOVE NEEDING - 9

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 51


    TITLE :: LOVE NEEDING - 9

    COUPLE :: BumHyuk , KangTeuk

    STORY BY :: Tachibazaki

     

    ===================================

     

    เจ็ดโมงเช้าวันต่อมา

    คิบอมไม่ต้องรอให้ใครมาพูดตอกย้ำซ้ำซากอีกก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องห้องนี้เสียแล้ว

     

    ห้องที่มีฮยอกแจนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ก่อนโดยไม่รู้เลยว่าห้องนอนของตัวองถูกบุกรุกโดยใครอีกคน

     

    เพราะรู้ว่าเมื่อคืนทงเฮไม่ได้ค้างที่ห้อง วันนี้คิบอมเลยโผล่มาที่นี่แต่เช้า ร่างสูงนั่งลงข้างเตียงอย่างใจเย็น นำคางไปเท้ากับแขนที่วางพาดอยู่บนเตียงอยู่ก่อนแล้วมองหน้าคนหลับอย่างถือวิสาสะ พอลองเอามือเกลี่ยผมที่ลงมาปิดหน้าขาวใสของร่างเล็กที่เค้าอยากสัมผัสมาตลอดก็พบกับคราบน้ำที่ยังเหลือจางๆ

     

    ไม่ว่าสิ่งที่เค้าตั้งใจจะทำต่อไปนี้จะทำร้ายใครให้ต้องเจ็บปวด

    เค้าก็ตั้งใจว่าจะไม่ถอยอีกแล้ว

     

    "ฮยอกแจ"

     

    คิบอมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ร่างเล็กจนเกือบชิด พอเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าคิบอมก็เหมือนจะยังแยกไม่ออกว่าความจริงหรือความฝัน แต่พอนึกได้ว่านี่คือความจริงก็ถอยไปซะชิดกำแพงอีกฝั่งของเตียงจนคิบอมนึกขำ ฮยอกแจก็คือฮยอกแจ ปฏิกิริยาทุกอย่างเป็นไปตามที่คิบอมคาดไว้เสมอ

     

    "เข้ามาทำไม"

    "ไปอาบน้ำ เด็กสกปรก"

     

    ฮยอกแจจิ๊ปาก ถ้าเค้าจำไม่ผิด เค้าเป็นพี่มันตั้งปีนึง!! ยังจะมาหน้าด้านชอบคิดว่าตัวเองโตกว่าอยู่ได้

     

    "ถามก็ตอบก่อนซิวะ"

    "บอกให้ไปอาบน้ำก็ไปซิ"

     

    ฮยอกแจรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะถามต่อไป เพราะถ้าลองมันตั้งใจจะกวนตีนกันแล้วละก็ มันไม่เลิกง่ายๆหรอก

     

    "เร็วๆ เดี๋ยวจะมีรถมารับไปโรงพยาบาล"

    "ไปโรงพยาบาลทำไม"

    "ก็รู้อยู่แล้วนิว่าวันนี้ชั้นต้องไปโรงพยาบาลทำไม"

    "รู้ แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ มันเกี่ยวอะไรกับชั้น"

    "ถ้าชั้นบอกว่านายเกี่ยว นายก็ต้องเกี่ยว"

    ".......!!!!!!!!!!!!!!......"

     

    อะไรวะ พ่อแม่เค้ายังไม่เคยบังคับเค้าขนาดนี้เลย แล้วมันเป็นใครถึงมาพูดจาออกคำสั่งอย่างกะเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดูเค้ามายี่สิบกว่าปี!!

     

    "ไปอาบน้ำ เดี๋ยวนี้"

    "ไม่"

    "ไปเร็วๆ"

    "ไม่"

    "ทำไมชอบให้บังคับ"

    "แล้วนายล่ะ ทำไมชอบบังคับ"

    "ก็บอกดีๆแล้วไม่ไป ก็ต้องบังคับซิ"

    "ไม่ไป ไม่ ไม่ ไม่!!"

     

    ฮยอกแจแสร้งทำเป็นไม่สนใจสิ่งมีชีวิตที่ยืนหัวโด่อยู่ข้างเตียงแล้วเตรียมลงนอนต่อ มือบางเอื้อมไปหยิบผ้าห่มหวังจะเอามาคลายความหนาวจากเครื่องปรับอากาศแล้วหลับต่ออย่างสบายใจ แต่ไม่ทันที่มือจะได้สัมผัสผ้าห่มด้วยซ้ำ คิบอมก็จับข้อมือข้างหนึ่งเอาไว้พร้อมกับคลานขึ้นมาบนเตียง

     

    "เฮ้ย!"

     

    ไม่ต้องเสียเวลาซักนาที คิบอมก็ขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวคนปากเก่งที่เถียงเค้าด้วยเสียงแจ้วๆเมื่อครู่นี้

    เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย พออย่างงี้ล่ะหน้าซีดเชียวนะ

     

    "ไม่ตลกนะคิบอม"

    "ชั้นก็ไม่ได้ขำนิ"

    "ลงไปก่อนที่ชั้นจะเตะนายดีกว่ามั๊ย"

     

    คิบอมฟังแล้วเพียงกระตุกมุมปากยิ้มยั่ว

     

    "นายคิดว่า นายจะเตะชั้นได้ก่อนที่ปากของชั้นจะลงไปจูบปากของนายได้รึเปล่าล่ะ" คิบอมไม่พูดเปล่า แต่ยังก้มหน้าลงไปเสียจนปลายจมูกของทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงเซนต์ เนื่องจากคิบอมสามารถใช้แขนได้ข้างเดียวข้อมือทั้งสองข้างของร่างด้านล่างจึงถูกกดไว้เหนือหัวของเจ้าตัวเพื่อป้องกันการขัดขืน โดยร่างสูงไม่คิดจะสนใจเลยถ้าหากว่าจะมีใครหน้าไหนเข้ามาเห็นฉากเด็ดฉากนี้ "จะลองดูมั๊ยล่ะ"

     

    "อย่าเล่นแบบนี้นะ!!"

    "ไปโรงพยาบาลด้วยกัน ตกลงมั๊ย"

    "ไม่"

    "ไปด้วยกัน นะ" คิบอมไม่ได้พูดจาบังคับเหมือนตอนแรก เพียงแต่ก้มลงไปใกล้ใบหน้านั้นมากขึ้นอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง ^ ^

     

    ฮยอกแจหลับตาปี๋ ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนนี้แค่รู้สึกว่าลมหายใจของคิบอมสัมผัสกับใบหน้า ใจมันก็วูบไหวไปหมด

     

    ร่างเล็กกลั้นใจเบี่ยงหน้าไปด้านข้างเพราะทนกับความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวนี่ไม่ไหว ทำให้ปลายจมูกร่างสูงที่อยู่ใกล้มากอยู่แล้วแตะกับแก้มขาวนั้นอย่างไม่ตั้งใจและเหนือความคาดหมายของคิบอม

     

    เอาวะ!! ก็ดีว่าโดนจูบ!!

     

    "ปล่อยๆๆ จะไปอาบน้ำแล้ว" ฮยอกแจพูดทั้งที่หลับตาอยู่อย่างนั้น ท่าทางน่ารักนี้ทำให้คิบอมเผยรอยยิ้มอ่อนโยนแล้วปล่อยมือออกจากข้อมือบาง

     

    แต่ก็แค่ปล่อยข้อมือเท่านั้นแหละ เพราะหน้าที่ห่างกันเพียงคืบก็ยังคงรักษาระยะไว้เท่าเดิม

     

    ฮยอกแจที่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นอิสระจากการเกาะกุมแล้วจึงขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตา แต่พอเบิกตาโพลงได้ไม่ถึงสามวิก็ต้องกลับไปหลับตาเหมือนเดิมเพราะสัญญาณอันตรายคือใบหน้าหล่อๆที่โน้มลงมาอยู่อย่างนี้เป็นนานสองนานยังไม่ได้ถอยไปไหน

     

    "อะไรเล่า ถ้าเป็นแบบนี้แล้วจะไปอาบน้ำได้ไง" คนพูดทำปากงอง้ำ คล้ายว่าจะงอน

     

    เออ ยังน่ารักได้อีก

    จูบซะเลยดีมั๊ย!!!!

     

    "อาบเร็วๆนะ รถจะมาแปดโมง"

    "จะช้าก็เพราะนายนี่แหละ"

     

    คิบอมหัวเราะกับคำพูดของร่างเล็กแล้วลุกขึ้นจากเตียงแต่โดยดี อีกฝ่ายพอตัวเองได้รับอิสระ(อย่างแท้จริง)ก็วิ่งเข้ามาเตะขาคิบอมเป็นการเอาคืนที่มาแกล้งกันแล้ววิ่งหนีออกไปอาบน้ำเหมือนติดจรวจ

     

    ไม่เบาไม่แรง แต่ก็เล่นเอาเจ็บเหมือนกัน

     

    คิบอมนั่งลงบนขอบเตียงของร่างเล็กที่วิ่งออกไปเมื่อครู่ มือก็ลูบขาตรงจุดที่เจ็บ

    พอคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปไม่พ้นนาที คิบอมก็ขำออกมาดื้อๆจนคิดว่าหมู่นี้เค้าคงเริ่มจะประสาทเสียแล้ว

     

     

    ฮยอกแจใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อย แต่ต้องเสียเวลาไปกับเรื่องอื่นซะมากกว่า เพราะพอคิบอมบอกให้ลงไปรอรถข้างล่างด้วยกันฮยอกแจก็เกิดงอแงไม่ยอมไปอีก จึงต้องมีการขู่บังคับกันอีกหลายรอบกว่าจะขึ้นรถมาที่โรงพยาบาลได้ก็เล่นเอาเหนื่อยทั้งคนบังคับและคนถูกบังคับ

     

    แต่พอมาถึงโรงพยาบาลคนที่บ่นอุบอิบมาตลอดทางว่าที่มาเพราะโดนบังคับไม่งั้นคงไม่มากลับทำตัวคล่องแคล่ว จัดการเรื่องโน้นเรื่องนี้ได้ว่องไวเพื่อทั้งตัวเค้าและคิบอมจะได้ไม่เสี่ยงต่อการโดนแฟนคลับรุมที่โรงพยาบาล อีกอย่างทางบริษัทก็ติอต่อคุณหมอไว้ให้เรียบร้อยแล้วจึงไม่ค่อยยุ่งยากและใช้เวลาไม่นานนัก

     

    ตลอดทางที่นั่งรถไม่ว่าจะขาไปหรือขากลับ คิบอมสังเกตว่าร่างบางมักจะนั่งเหม่อบ่อยๆจนคิบอมต้องหาเรื่องแกล้งอยู่ตลอดเพื่อจะให้ร่างเล็กที่เค้าพามาด้วยนั้นหยุดคิดฟุ้งซ่านเรื่องโน้นเรื่องนี้เสียที

     

    "ฮยอกแจ"

    "..............."

    "ฮยอกแจ" เมื่ออีกคนนั่งเงียบมองออกไปนอกหน้าต่างรถทำเหมือนว่าเค้าไม่มีตัวตน คิบอมจึงต้องเขย่าแขนเล็กนั่นเบาๆให้อีกคนตื่นจากพวังค์

    "หะ ว่าไง"

    "เกมส์ที่ชั้นเคยให้นายเล่น ตอนนี้นายเล่นถึงไหนแล้ว"

    "ก็เรื่อยๆ ตอนนี้ยังไม่ผ่านเลเวล 4 เลย พอจะผ่านตรงหน้าผาทีไรก็ตายทุกที" ฮยอกแจพูดพร้อมกับทำหน้าเสียดายซะเต็มประดา

    "ก็งี้แหละ คนมันอ่อน"

    "อะไรวะ พูดงี้ต่อยกันดีมั๊ย นายเล่นถึงไหนแล้วล่ะ ก็คงไปไม่ถึงไหนหรอกมั้ง ถึงโยนมาให้ชั้นเล่นเนี่ย"

     

    นั่น เอาอีกแล้ว

    เป็นแบบนี้ทุกที เดี๋ยวท้าเตะ เดี๋ยวชวนต่อย

    ทีกะทงเฮล่ะทำเป็นหวาน!!

     

    "ไปได้ไม่เท่าไหร่หรอก ก็แค่กำลังจะขึ้นเลเวล 7 เท่านั้นแหละ" คิบอมผิวปากอารมณ์ดีกับชัยชนะหมาดๆ ทำเป็นไม่สนใจฮยอกแจที่ทำเสียงฮึดฮัดอยู่ข้างๆ แต่พอรู้ว่าร่างเล็กไม่ได้มองตัวเองอยู่ก็แอบอมยิ้มอยู่หลายครั้ง

     

    นี่ก็เป็นอีกเหตุการณ์ที่คิบอมต้องแกล้งเพื่อหยุดอาการคิดมากของฮยอกแจ

     

     

     

    ...................................................

     

     

    ........................

     

     

     

     

    อีทึกลืมตาตื่นมาพร้อมกับหัวสมองที่หนักอึ้ง แม้จะปวดหัวมากเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ตกค้าง

     

    แต่ใจกลับปวดยิ่งกว่า

     

    ไม่เพียงแต่เค้าจะจำเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเค้ากับฮยอกแจเมื่อคืนนี้ได้

    แต่เค้ากลับจำเรื่องที่ไม่คาดคิดอีกเรื่องนึงได้ด้วย

     

    ถ้าเลือกได้ เค้าอยากจะลืมมันหรือเปล่านะ..

     

    เสียงการสนทนาระหว่างคังอินกับฮยอกแจที่พูดกันตอนที่คิดว่าเค้าหลับยังวนเวียนอยู่ในหัวเหมือนเปิดซีดีแล้วเพลงก็เล่นซ้ำไปซ้ำมา

     

    อีทึกที่ความรู้สึกช้าพอๆกับฮยอกแจแทบจะไม่อยากเชื่อและไม่อยากจะทำความเข้าใจกับสิ่งใหม่ที่ได้รับรู้

     

    ยิ่งตื่นขึ้นมาแล้วเจอคู่กรณีนอนหลับฟุบอยู่ข้างๆเตียงเค้าแบบนี้ยิ่งคิดอะไรไม่ออก

     

     

    "พี่ชอบพี่อีทึก ใช่ไหม"

     

    การไม่ปฏิเสธก็แสดงว่าใช่ หรือถ้ายังลังเลอยู่ว่าเพื่อนสนิทคนนี้คิดยังไง

     

     

     

    "ชั้นไม่ได้ทนหรอกนะฮยอกแจ

     

    แต่ชั้นแค่มีความสุข ที่เห็นอีทึกมีความสุขเท่านั้นเอง"

     

    ฟังจากประโยคสุดท้ายก็คงต้องแน่ใจเสียแล้ว...

     

     

    ร่างบางตื่นมาแล้วเกือบครึ่งชั่วโมงแต่ยังเลือกที่จะนอนนิ่งๆ พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

     

    ตรงมุมของโปสเตอร์รูปซูเปอร์จูเนียร์สิบสามคนเริ่มหลุดออกแล้วนะ

    ทำไมโต๊ะเครื่องแป้งมันรกจัง

    เสื้อของชินดงมาแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเค้าได้อย่างไร

    วันนี้เป็นวันศุกร์หรือวันเสาร์กันแน่

     

    แม้จะเป็นความคิดไร้สาระ แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นเรื่องที่เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบทั้งนั้น

     

    เรื่องคังอินก็เหมือนกัน...

    คงเป็นเรื่องที่ต้องการคำตอบด้วยซินะ

     

    "คังอิน" ร่างบางเอามือลูบไหล่ของคนที่หลับอยู่เพียงเบาๆ คังอินก็สะดุ้งตื่นจนคนปลุกพลอยตกใจไปด้วย

    "ตื่นนานหรือยัง" คังอินถามอย่างงัวเงียพลางมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องสีครีม

     

    เก้าโมงเช้า ยังไม่สายเท่าไหร่...

     

    "อืม ตื่นซักพักแล้ว นายไปนอนดีๆซิ นอนอย่างงี้มันเมื่อยนะ"

    "ไม่เป็นไร ชั้นไม่ง่วงแล้ว ปวดหัวอยู่มั๊ย" ร่างหนาจะยื่นมือไปจับหน้าผากเผื่อไว้ว่าอาจจะมีไข้

     

    แต่อีทึกกลับเบี่ยงหน้าหลบ

    คังอินจึงต้องชักมือกลับอย่างช่วยไม่ได้

     

    ไม่ใช่ว่ารังเกียจ แต่มันแค่ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนเค้าคงรู้สึกดีเวลาคังอินทำแบบนี้แล้วยิ้มรับสัมผัสนั้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ตอนนี้เค้ารู้แล้วว่าอีกคนรู้สึกกับตัวเองอย่างไรมันก็ยากที่จะทำให้เหมือนเดิมไปซะทุกอย่าง

     

    ยังไงก็คงต้องพูดให้รู้เรื่องกันไป ดีกว่าปล่อยให้มีหลายเรื่องมาทับซ้อนจนสุดท้ายก็แก้ไขอะไรไม่ได้สักเรื่อง

     

    "คังอิน ถ้าคนที่นายรักเค้าไม่ได้รักนาย.. นายยังจะดันทุรังรักเค้าต่อไปอีกหรือเปล่า"

     

    แวบแรกที่คังอินได้ยินคำถามนี้จากร่างบาง คังอินคิดไปว่าอีทึกคงจะปรึกษาเรื่องของตัวเองกับฮยอกแจ แต่แววตาของอีทึกที่มองมามันแตกต่างออกไป จนคังอินอดคิดไม่ได้ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องของใครอื่นเสียแล้ว

     

    หากสิ่งที่คังอินกลัวกำลังจะเกิดขึ้น

    เค้าก็พร้อมแล้วที่จะรับผลของมัน ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหนก็ตาม

     

    "แล้วนายล่ะอีทึก นายจะทำยังไง"

     

     

     

    "ถ้าเป็นชั้น.....................

     

    .....

     

     

     

    ชั้นจะตัดใจ"

     

     

    คังอินไม่รู้ว่าตัวเองมีสีหน้ายังไงตอนได้ยินคำพูดนี้จากอีกคน

    รู้แต่ว่าภายในมันเหมือนมีลมพายุตีขึ้นตีลงจนพลานจะทำให้เวียนหัว

     

    "แล้วชั้นต้องตัดใจตามนายด้วยรึเปล่า"

     

    "ถ้าเป็นไปได้ ชั้นก็อยากให้นายทำ..

    เพราะความรักของนาย อาจจะไม่มีทางสมหวังเลยก็ได้"

     

    ขณะที่พูด อีทึกไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าอีกคนเลยด้วยซ้ำ ร่างบางเอาแต่หันหน้าไปทางอื่นเหมือนกำลังพูดกับกำแพงที่ว่างเปล่า โดยไม่ได้หันมาดูเลยว่าคังอินมีสีหน้าที่เรียบเฉยจนน่าใจหายเพียงไร

     

     

    แบบนี้เค้าเรียกว่าอกหักหรือเปล่านะ..

    ใช่ซิ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ

     

    เวลาดูละคร เห็นคนผิดหวังในความรักยังเจ็บปวดแทน บางครั้งถึงกับหลั่งน้ำตาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันก็เป็นแค่ละคร

     

    แต่เรื่องจริงดูจะโหดร้ายและเจ็บปวดรุนแรงกว่าหลายเท่า

     

    "เข้าใจแล้ว"

     

    คังอินตอบได้เพียงเท่านั้นจริงๆ

     

     

    ................................................

     

     

     

    ตอนที่คิบอมกับฮยอกแจกออกจากโรงพยาบาลเวลาก็ใกล้จะบ่ายโมงเข้าไปแล้ว พอทั้งสองคนมาถึงห้องพักจึงเป็นช่วงเวลาที่สมาชิกที่เหลือเริ่มเตรียมจะทางอาหารกลางวันพอดี

     

    คิบอมก้าวขาเข้ามาในห้องพักไม่ถึงสามก้าวก็เจอทงเฮที่ยืนกอดอกพิงกำแพงต้อนรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ร่างสูงจึงหยุดเดินทำเอาคนที่เดินตามหลังมาอย่างฮยอกแจต้องหยุดเดินไปด้วย

     

    "ทงเฮ" ฮยอกแจเอ่ยทัก

    "ขอโทษด้วยที่พาฮยอกแจออกไปข้างนอกโดยที่ไม่ได้บอกนายก่อน" คิบอมพูด

     

    เนื่องจากเป็นประโยคที่ทงเฮไม่คิดว่าจะได้ฟังจากปากของคนที่ชื่อคิมคิบอม ทั้งคู่จึงยืนจ้องหน้ากันอยู่สักพัก

     

    ดูจากสีหน้าแววตาหรือน้ำเสียง ไม่มีสิ่งใดเลยที่บ่งบอกว่าอีกคนมาเยาะเย้ยหรือแฝงเจตนาอื่น ทงเฮจึงเข้าใจว่าคนพูดคิดอย่างที่พูดจริงๆ

     

    คิบอมพูดแบบนี้ เพราะในใจเกิดละอายขึ้นมา

    ถึงยังไงกับทงเฮก็เป็นเพื่อนร่วมวงที่ดีต่อกัน

     

    "ไม่หรอก ดีแล้ว" ทงเฮพูดแค่นั้นแล้วเดินนำเข้าไปข้างใน

     

    ร่างสูงไม่เข้าใจกับประโยคที่อีกคนพูดเพราะผิดจากที่คิดไว้มาก ตอนแรกนึกว่าจะโดนทงเฮต่อว่าหรือแสดงปฏิกิริยาอะไรซักอย่างที่บ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายแล้วอีกคนกลับพูดแค่นั้น

     

     ดีแล้ว.. อย่างงั้นหรือ

     

    "จะยืนปิดทางอีกนานมั๊ย ชั้นหิวข้าวนะ" คนที่อยู่ด้านหลังท้วง คิบอมจึงรู้สึกตัวว่าตัวเองจมอยู่ในพวังค์ไปครู่นึงเลยทีเดียว

    "อืม โทษที"

     

     

    เมื่อเข้ามาถึงโต๊ะทานข้าว สมาชิกทุกคนที่อยู่แถวนั้นต่างมองฮยอกแจด้วยความเป็นห่วงว่าอาการของเพื่อนขี้เล่นคนนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทางไหนเมื่อเจอพี่อีทึกน็อคเอาท์ไปตั้งแต่ยกแรกเมื่อคืนนี้ แต่ร่างเล็กไม่ได้สนใจสายตาใคร่รู้ของใคร เพียงแต่กวาดสายตาหาอีทึกไปรอบๆห้องแต่ก็ไม่เจอ เป้าหมายจึงเป็นคังอินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวประจำ

     

    "พี่คังอิน พี่อีทึกละ"

    "ยังไม่ออกมา"

    "ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม"

    "ไม่รู้เหมือนกัน" น้ำเสียงคังอินที่พูดแต่ละคำติดจะเย็นชาจนฮยอกแจแอบคิดไปว่าตัวเองไปทำอะไรผิดอีกรึเปล่า แล้วเหมือนคังอินจะอ่านสีหน้ารุ่นน้องออกจึงพูดเสริม

     

    "นายอย่ามาคิดว่าชั้นโกรธนายเพราะเรื่องอะไรเชียว ชั้นไม่บ้าขนาดนั้นหรอก"

     

    ฮยอกแจนึกขำท่าทางและน้ำเสียงที่คล้ายนักเลงโตของพี่ชายคนนี้ เมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกคนไม่ได้โกรธอะไรในตัวเค้าร่างเล็กจึงพูดด้วยอารมณ์ผ่อนคลายมากขึ้น

     

    "พี่คิดว่าผมควรจะคุยกับพี่อีกทึกเลยดีไหม"

    "นั่นมันก็แล้วแต่นาย"

    "แต่ว่า.."

    "ชั้นไม่ใช่เจ้าของอีทึกและไม่มีทางจะเป็น เพราะฉะนั้นเวลาจะทำอะไรก็ไม่ต้องมาถามชั้นหรอก" เสียงคังอินไม่ดังไม่เบา แต่ท่าทางคนในห้องนั้นคงจะได้ยินกันหมด

     

    ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ตั้งอกตั้งใจฟังเหมือนเป็นเรื่องของตัวเองกันทั้งนั้น!

     

    "พี่คังอิน มีอะไรเกิดขึ้นอีกรึเปล่า"

    "ไม่มีหรอก ทุกอย่างก็เหมือนเดิมนั่นแหละ ไม่มีอะไร... เปลี่ยนไปได้หรอก" คังอินพูดเพียงแค่นั้นแล้วหันหน้าไปทางอื่นเป็นเชิงว่าบทสนทนาควรจะจบแต่เพียงเท่านี้

     

     

     

    เมื่อฮยอกแจรู้ว่าอีทึกยังอยู่ในห้องจึงเดินเข้าไปหา แม้ในใจจะลังเลอยู่บ้างแต่ก็ตัดสินใจตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่ายังไงวันนี้ก็คงต้องพูดออกไป เพื่อพี่คังอินและตัวพี่อีทึกเองด้วย

     

    โดยที่ฮยอกแจไม่รู้เลยว่า เรื่องคังอิน.. มันสายไปเสียแล้ว

     

    "พี่อีทึก" ฮยอกแจเรียกอีกคนที่นั่งเช็ดหัวอยู่บนเตียง คงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ

    "ฮยอกแจ กลับมาแล้วเหรอ" เมื่อเช้านี้หลังจากคุยกับคังอิน อีทึกก็ออกไปข้างนอกห้องแล้วพบซองมิน จึงรู้ว่าร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้าออกไปโรงพยาบาลกับคิบอมตั้งแต่เช้าแล้ว

    "พี่ ผมอยากคุยกับพี่"

     

    "พี่รู้ใช่ไหม ว่าผมจะคุยเรื่องอะไร"

     

    อีทึกพยักหน้าแล้วเอาผ้าที่อยู่ในมือเช็ดผมที่ยังเปียกอยู่ต่อไปราวกับว่าเรื่องที่จะคุยกันไม่สำคัญจนถึงขนาดต้องตั้งใจฟัง

     

    แม้ในใจจะรู้ว่าพอหลังจากที่ร่างเล็กนี่ออกไป เค้าคงต้องเจ็บปวดจนแทบขาดใจ

     

    แล้วอีทึกไม่คิดเลยหรือ ว่าคังอินจะเจ็บปวดแค่ไหนหลังจากฟังคำพูดนั้นของตัวเอง

     

    "ผม.. ขอโทษนะ ที่ไม่สามารถรัก..พี่ แบบที่พี่รักผมได้" คำพูดแต่ละคำของฮยอกแจออกมาจากบางนั่นค่อนข้างลำบาก ถ้าเป็นไปได้เค้าไม่อยากพูดคำเหล่านี้ออกไปเลยด้วยซ้ำ

     

    "อืม พี่เข้าใจ"

     

    อีทึกหมายความตามที่พูดจริงๆ

     

    "ขอโทษนะพี่"

    "ไม่เป็นไรหรอก เป็นแบบนี้ก็ดีพี่จะได้ไม่ต้องอึดอัด นายเองก็เหมือนกัน อย่ามาไม่สบายใจเพราะเรื่องนี้เลยนะ" อีทึกลูบหัวอีกคนเหมือนที่เคยทำ

    "พี่เสียใจมากไหม"

    "ก็... ไม่รู้ซิ ความจริงพี่ก็รู้อยู่แล้วว่านายไม่ได้ชอบพี่เลยซักนิดเดียว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พี่คงไม่กินเหล้าจนเมาแล้วพูดอะไรบ้าๆแบบนั้นให้นายไม่สบายใจหรอก เพราะยังไงซะ ผลที่ออกมามันก็เท่ากัน"

     

    ฮยอกแจมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่ีอีทึกกลับยิ้มเพื่อให้อีกคนสบายใจ

     

    อีทึกกับฮยอกแจพูดอะไรกันอีกเล็กน้อย ร่างเล็กก็ชวนอีทึกออกไปกินข้าวแต่คนเป็นพี่กลับบอกให้อีกคนออกไปก่อนแล้วตัวเองเช็ดผมเสร็จจะตามออกไปทีหลัง

     

    ถ้าถามความรู้สึกในตอนนี้ อีทึกเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเค้ารู้สึกว่าตัวเองไม่เจ็บปวดกับเรื่องฮยอกแจมากมายอย่างที่คิดไว้

     

    เค้าเคยมั่นใจมาตลอดว่ารักฮยอกแจนักหนา แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้แม้เค้าจะเสียใจอยู่บ้าง มันก็ยังไม่สมกับความรักที่เค้าทุ่มให้ฮยอกแจอยู่ดี

     

    รักมาก ก็เจ็บมาก

     

    คำนี้ใช้ได้จริงหรือ? ทำไมมันไม่เป็นอย่างนั้น

     

     

    แต่ที่ทำให้อีทึกกังวลใจแล้วรู้สึกทุกข์ใจไปมากกว่าเรื่องนี้กลับเป็นเรื่องของคังอิน

    ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะอีทึกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคังอินรักตัวเองแค่ไหนแล้ว

     

    การที่เค้าต้องการจะรักษาความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่รู้ใจมากกว่าจะเปิดใจยอมรับความรักของอีกฝ่ายมันถูกหรือผิดกันแน่

     

    แต่หัวใจที่คุ้นเคยกับความอบอุ่นที่คังอินมีให้มันสั่งให้เค้าทำแบบนี้

    เพราะถ้าเราต้องเปลี่ยนสถานะไปจากนี้ ความรู้สึกที่แล้วๆมามันอาจจะหายไป

     

    อีทึกเพียงแค่ต้องการรักษาความรู้สึกของคังอินที่เคยมีมาให้ยังคงอยู่ตลอดไปก็เท่านั้น

     

     

    แล้วเคยคิดหรือเปล่าว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร...

    ที่อีทึกต้องการให้คังอินเคียงข้างตลอดเวลามันเป็นความรู้สึกของ เพื่อน อย่างนั้นหรือ....

     

    อีทึกไม่ต้องการเสียความเป็นเพื่อนไป หรือไม่ต้องการเสียคังอินไปในวันข้างหน้ากันแน่

     

     

     

    เมื่อไหร่ที่อีทึกแยกความกลัวกับความรักออกจากกัน

    เมื่อนั้น คำตอบคงจะอยู่ไม่ไกล....

     

     

     

     

    TBC~*

     

     

     

    Talk :: แง่ม.. เรารักคังอินอปป้านะ แฮะๆ ^ ^"
    ไม่ใช่ว่าเราแกล้งพี่หมีนะเออ แต่แบบว่า รักที่ได้มายาก จะยิ่งรักกันมากใช่มั๊ยล่ะ ฮ่า ฮ่า (ขำตรงไหน = =")
    เรื่องเริ่มแบ่งเป็นสองคู่อย่างชัดเจนแล้วตอนนี้
    พอพี่อีทึกกับน้องฮยอกแจเคลียกันได้ ทีนี้ก็เป็นเรื่องของคู่ใครคู่มันแล้วล่ะค่ะพี่น้องงงง

    คราวนี้เหมือนทงเฮโดนลดบท = ="
    เอาน่า ตัวละครมันเยอะ สลับกันไป เหอ เหอ

    ขอบคุณคนอ่าน รักคนเม้นนะจ๊ะ >_<


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×