คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ลังเล
12
เนื่องด้วยฉันเป็นเด็กที่โกหกไม่เก่ง ฉันเลยเล่าทุกอย่างให้พี่ซองฟังยกเว้นเรื่องที่นอนบนเตียงพี่พรีมนะ พอบอกเรื่องทีมจบพี่ฉันก็นั่งนิ่ง มันคิดอะไรอยู่เนี่ย
“แต่ฉันไม่ได้ชอบเพื่อนแกแบบนั้นนี่”
“อ้าว หมายความว่าเธอแกล้งทีมเหรอที่ผ่านมา”
“แกล้งอะไร เมื่อไหร่ ฉันเป็นปกติของฉันอย่างงี้เธอคิดไปเองแล้วล่ะ” พูดจบพี่ซองก็เดินกลับขึ้นห้องนอนไปเลย
แอบดีใจที่พี่ซองไม่ได้คิดอะไรกับทีม แต่ก็เสียใจแทนทีมเหมือนกันนะ จะทำไงล่ะ เฮ้อ~ เรื่องพี่พรีมจะให้ฉันเป็นแฟนทดลองสองสัปดาห์ ฉันก็ไม่ได้บอกพี่ซองหรอก ไม่ใช่เรื่องน่าบอกซักเท่าไหร่ มันเป็นความสะเพร่าของฉันเองที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ เอาว่ะ สองสัปดาห์แห่งการฝืนใจ(Y^Y)กับผู้ชายสุดหล่อ( เอ๊ะยังไง) ฉันควรจะตัดสินใจให้ได้เร็วๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มามหาลัยด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน สาธุอย่าเจอทีมเลยวันนี้ ฉันไม่อยากจะบอกข่าวร้ายกับทีมซักเท่าไหร่ เฮ้อ ห่อเหี่ยวหัวใจคนที่เรารักก็ไม่รัก ไอ้คนที่ไม่รักก็วิ่งตามอยู่ได้ ให้ตายซิ (-_-)
“ว่าไงจ้ะ สาวน้อย” ไอ้เฟรมผู้ไม่ต้องเดือดร้อนอะไร ฉันล่ะอิจฉามันจัง
“กำลังจะตายง่ะ”
“เป็นไรอีกว่ะ ไปคาราโอเกะฟรีกับหนุ่มหล่อยังไม่พอใจอะไรอีกย่ะ”
“ก็ทีมชอบพี่สาวฉันโอเคไม๊ แล้วตอนนี้พี่พรีมก็มาขอเป็นแฟนหลอกๆกับฉัน” จบประโยคฉัน ไอ้เฟรมก็ตาโตเป็นไข่ห่าน บอกไม่ถูกว่ามันตกใจ หรือ เสียใจกันแน่
“แกถ้าแกไม่เอา ก็ยกให้ฉันทั้งคู่แล้วกัน กรี๊ดๆๆๆ” (-_-) เวรกรรม นี่หรือคือสิ่งที่ออกมาจากปากมัน
“เออ พอเหอะฉันไปรอที่ห้องเรียนนะ” หมดอารมณ์คุย ให้ตายซิไอ้เพื่อนบ้าคนยิ่งเครียดๆอยู่ด้วย
ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลย
“หวัดดี ซายน์ทำไมหน้าโทรมอย่างกับนอนไม่พองั้นแหละ”
“แฮะๆ ทีม หวัดดี” คนที่ไม่อยากเจอที่สุด มักจะหนีไม่พ้นจริงๆด้วย เฮ้อ~เซ็ง
“เราโทรไปหาพี่ซองได้ไหม ซายน์ พี่เขาว่าไงมั่ง”สุดหล่อของฉันดูกระวนกระวายใจสุดๆ
“เอ่อ คือเรายังไม่ได้คุยกับพี่ซองเลยอ่ะ แบบว่าพี่ซองเลิกงานดึกทุกวันเลย”
“เหรอ” ทีมทำสีหน้าผิดหวังเดินคอตกจากไป ขอโทษนะ ทีม เฮ้อ~
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันนี้ใช้เวลาเรียนทั้งวันไปอย่างเหม่อลอย ฟุ้งซ่านเพราะคิดมากเรื่อง ผู้ชาย อ้ากกก ฉันคิดมากเรื่องผู้ชายดูดีมีสกุลซะเหลือเกิน เป็นความทุกข์ที่บอกใครก็ไม่ได้ ไอ้เพื่อนที่พอจะบ่นได้ก็ช่างให้กำลังใจกันเหลือเกิน โอ๊ย ฉันจะทำยังไงกับ ทีมดีล่ะ พี่พรีมก็อีกคน วุ่นวายซะเหลือเกิน
เลิกเรียนฉันก็ยังอยู่ในมหาลัย หมู่นี้พี่แนทก็ไม่ค่อยกลับบ้าน ไปเที่ยวกับเพื่อน หรือ กับแฟนก็ไม่รู้
ฉันเลยยิ่งขี้เกียจกลับบ้านเพิ่มขึ้นอีก กลับไปกัดกับยัยพี่ปากร้ายที่บ้าน ฉันยอมนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินอยู่ใน มหาลัยนี่แหละ
“ครืดดดด
ครืดดดด
.” มือถือระบบสั่นของฉันที่เสียงดันอย่างกับเครื่องซักผ้า ปลุกให้ตื่นจากภวังค์
“ฮัลโหล”
“สวัสดีครับน้องซายน์ จะให้คำตอบพี่ได้หรือยัง”
“น้องซายน์ที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ บลาๆๆๆๆ”
“อ้าว จะหนีกันดื้อๆอย่างนี้เลยเหรอ อุตส่าห์จะมารับไปดูหนัง” จบประโยคก็มีมือมาลูบหัว ถ้าไม่มีการโทรบอกล่วงหน้าคงจะชอคตายไปแล้ว
“หกโมงกว่าแล้วนะ ทำไมยังอยู่ในมหาลัยอีกล่ะ”
“ไม่อยากกลับบ้าน จะนั่งตากยุงอยู่ตรงนี้แหละ”
พี่พรีมมองฉันส่ายหัวน้อยๆ เหมือนมองเด็กๆขี้งอนอย่างไงอย่างงั้น ถ้าไม่ติดว่าเขาคิดกับฉันมากกว่าพี่ชาย น้องสาวละก็ ฉันคงปลื้มพี่ชายแบบนี้แน่ๆเลย
“เรานี่น้า~ไปกลับบ้านได้แล้ว ถ้าคนที่บ้านเป็นห่วงจะทำไง” พี่พรีมพุดพร้อมกับขยี้ผมฉัน
“อย่ามาทำเหมือนซายน์เป็นเด็กนะ แล้วพี่พรีมรู้ได้ไงว่าซายน์อยู่ตรงนี้”
“จริงๆพี่มาถึงซักพักแล้วล่ะ แต่เห็นซายน์นั่งมองพระอาทิตย์อยู่เลยไม่อยากกวน”
“พี่พรีมยังตอบไม่ตรงคำถาม ซายน์ถามว่ารู้ได้ไงว่าซายน์อยู่ตรงนี้”
“เฟรมบอก พี่โทรหาซายนืแล้วครั้งนึงสงสัยจะไม่ได้ยิน พี่เลยโทรหาเฟรม”
“สนิทกันดีเนอะ ไม่ไปคบกับเฟรมล่ะพี่พรีม” ฉันนี่ปากดีได้ตลอดจริงๆเลย เมื่อไหร่จะเลิกปากดีได้นะ
“ตลกล่ะ ถึงพี่จะดูเจ้าชู้ยังไง แต่ถ้าลองปักชอบใครซักคนแล้วไม่เปลี่ยนใจแน่นอน”
พี่พรีมพูดพลางเดินมายืนตรงหน้าฉันก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงนั่ง ฉันนั่งบนม้าหินอ่อน ตอนนี้เราสองคนสบตากันนิ่ง ถ้าใครผ่านมาเห็นคงดูเหมือนคู่รักเดทกัน หรือไม่ก็พี่ชายมารับน้องสาวกลับบ้านล่ะ ทำไมคนหน้าตาดีขนาดนี้ถึงได้มาชอบเด็กกะโปโลแบบฉันนะ
“พี่ซองสวยกว่า ซายน์ตั้งเยอะทำไมพี่พรีมไม่ไปจีบพี่ซองล่ะ”
“พี่มีเหตุผลของพี่ และจะไม่บอกตอนนี้ด้วย” พี่พรีมยังไม่ละสายตา แต่มันเริ่มทำให้ฉันอึดอัดแล้วล่ะ
ฉันเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อน ฉันไม่กล้ามองใครนานๆหรอก ยังไงก็เขินอยู่ดี เป็นนิสัยที่แก้ไม่หายจริงๆ
“ซายน์อยากกลับบ้านแล้วล่ะ” ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน เดินดุ่มๆโดยไม่รอให้อีกฝ่ายเดินตามทัน
“อ้าวเดี๋ยวซิ จะรีบเดินไปไหนล่ะ เดี๋ยวพี่จะไปส่งไง” พี่พรีมคว้าแขนฉันไว้ได้ข้างหนึ่ง ทำไมผู้ชายมันแขนยาวจังฟ่ะ (-_-)
“ก็ปล่อยแขนซิ ซายน์เดินเองได้” ตุบๆๆ ทำไมหัวใจฉันันต้องเต้นแรงด้วยนะ แทนทีจะเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้ทีม ดันมาเต้นแรงใกล้อีตานี่ได้ หัวใจหนอหัวใจ
สุดท้ายฉันก็ขึ้นรถพี่พรีมจนได้ ยังไงก็กลับฟรีล่ะนะ แต่ทำไมฉันต้องมาหวั่นไหวด้วยนะ ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ คงจะเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีผู้ชายมาทำดีด้วย ใช่แล้วๆๆ ท่องเอาไว้ มันเป็นความวูบไหว ไม่ใช่ความใจอ่อน(-_-) งึมๆๆ ในขณะที่ฉันนั่งท่อง สะกดจิตตัวเอง เสียงเมสเสจเข้ามาในมือถือ ก็ทำเอาฉันสะดุ้ง ส่วนคนขับนะเหรอ ไม่ต้องพูดถึงนั่งอมยิ้มกับปฏิกิริยาฉันเรียบร้อย (ขอโทษนะที่ฉันมันตกใจง่าย เชอะ) (-_-;;)
(0_o)!!! เมสเสจเล่นเอาตะลึง
“เฮ้ย ไรเนี่ยพี่แนทจะไปไหน” อาการของฉันนี่เรียกความสนใจจากพี่พรีมได้เยอะทีเดียว
“พี่พรีมช่วยพา ซายน์กลับด่วนเลยนะ”
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น เฮ้ยซายน์ปล่อยก่อนพี่ขับรถไม่ถนัด” ด้วยความลืมตัวฉันเลยจับชายแขนเสื้อพี่พรีมไว้อย่างเหนียวแน่น เอิ๊ก~เวลาตกใจทีไรเกร็งทุกทีต้องคว้าอะไรไว้ ฉันปล่อยมือแทบจะทันทีขืนไม่ปล่อยซิ อาจจะได้ไปนอนโรงพยาบาลทั้งคู่
“รีบพาซายน์กลับบ้านก่อนนะค่ะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
พี่พรีมเลิกถามและ เร่งความเร็วของรถขึ้นอีกเล็กน้อย ทุกครั้งที่ฉันอยู่ในเหตุการณ์คับขัน พี่พรีมมักจะอยู่ด้วยเสมอ แปลกจริงๆ อย่างกับเจ้าชายขี่ม้าขาวงั้นแหละ(งั้นฉันก็เป็นเจ้าหญิงน่ะซิ แหวะ) หรือว่าฉันจะให้เวลาสองสัปดาห์ที่เจ้าชายคนนี้ขอเป็นของขวัญ ก่อนที่ฉันจะหนีไปจากเขาดีล่ะ ฉันควรจะตัดสินใจยังไงดี
ความคิดเห็น