คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : #9#
#9#
ชีวิตช่วงนี้มันชุลมุนวุ่นวายดีจริงเลยแฮะ ตอนแรกก็เรื่องที่เธอไปยืนทะเลาะกับขอทาน คิกๆ กะอีแค่เรื่องกระเป๋ากุญแจใบเดียว จากนั้นก็มารู้ว่าเขาคือคู่หมั้น แถมยังเป็นรักแรก แล้วก็ดาราที่เธอหลงปลื้มมานานแสนนาน อะไรมันจะแจ๊กพอตแตกขนาดนี้เนี่ย
ไดซ์กอดหมอนมินนี่ตัวใหม่(สงสัยพีชแอบมาหยิบจากบ้านเธอไปแน่ๆเลย) กลิ้งไปกลิ้งมานึกถึงเรื่องราววุ่นๆที่เธอต้องเผชิญตลอดสามวันนี้ มันคงจะดีมากเลยนะ ถ้าเกิดเขาไม่โกหกเธอ...
“มนุษย์ยังคงต้องอยู่ในวังวนแห่งความหลอกลวงไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...”
เธอพูดกับเพดาน ราวกับว่ามันเป็นเด็กที่คอยฟังแลกเชอร์อยู่
“ความรู้สึกสิ้นหวังที่โดนหลอกใช้... เจ็บยิ่งกว่าอกหักซะอีกนะ”
เธอซุกหน้าร้องไห้กับหมอนมินนี่เม้าส์ ทุกคนมักจะมองว่าเธอเป็นคนเข้มแข็ง เป็นคนไม่สนใจอดีต เป็นคนที่ทำให้เรื่องทุกเรื่อง จบลงด้วยดีเสมอๆ เธออึดอัดกับการเป็นคนดีแบบนี้เต็มทนแล้ว
แต่ก็ไม่มีทางเลือก เธอมันคนอ่อนแอ มักจะพ่ายแพ้ให้กับปัญหาที่เป็นอุปสรรค ไม่มีใครเลยที่เข้าใจว่าเธอรู้สึกยังไง ทุกคนสนในแต่ตัวเอง ใส่ใจแต่ความสุขของตัวเอง!
เธอพยายามไล่ความคิดบ้าๆออกจากสมอง การอาบน้ำน่าจะช่วยให้เย็นลงได้บ้างนะ เฮ้อ... ที่เธอบอกไปว่าอยากเป็นแฟนกับนายน์ มันก็ไม่ได้โกหกหรอกนะ เธอรู้สึกชอบเขาจริงๆ เพราะเขาเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ เป็นรักแรก เป็นคนที่น่าหลงใหล เป็นกำลังใจให้เธอเสมอๆ แต่ปัญหาก็คือเธอจะรับตัวตนจริงๆของนายน์ได้หรือเปล่าเนี่ยสิ
ซ่า....
น้ำจากฝักบัวชำระล้างความรู้สึกแย่ๆออกไปจนหมดสิ้น เธอทำใจให้เย็นลง แล้วค่อยๆคิดหาทางออกที่จะทำให้ทุกคนมีความสุข... หรืออย่างน้อย ให้มีคนเจ็บปวดเพียงเธอคนเดียวก็พอ
“ไดซ์....”
ไดซ์ยืนอึ้งเมื่อได้ยินเสียงของนายน์ลอดผ่านประตูห้องของพีชเข้ามา
“เธออยู่ในนั้นใช่ไหม? ขอเข้าไปนะ?”
เฮ้ยๆๆๆๆ ไม่ได้นะ อย่าเข้ามานะไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ทำไงดีล่ะเนี่ยทำไงดีๆๆๆ
ไดซ์ในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวกำลังวิ่งพล่านไปทั่วห้องอย่างร้อนใจ... พีชเอาเสื้อผ้าไปไว้ที่ไหนกันล่ะเนี่ย? ถ้าพีชเก็บห้องได้เรียบร้อยกว่านี้ก็คงดีอยู่หรอก เฮ้อ!
อ๊ะ!!! นั่นไงๆ แต่นี้มันเดรสสั้นสีชมพูที่พีชบอกว่าห้ามใส่นี่นา
ขณะที่กำลังชั่งใจอยู่นั้นเสียงลูกบิดประตูก็ดังขึ้น เธอรีบเผ่นเข้าไปในห้องน้ำจังหวะเดียวกับที่บานประตูเปิดออกพอดิบพอดี
“อ้าว... ไม่อยู่หรอกเหรอ”
นายน์เกาหัวแกรกๆ พลางมองไปรอบๆห้องที่รกรุงรัง อยู่ไปได้ยังไงเนี่ย เขาพิจารณาของต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ไม่ได้มีอคติกับพีชเค้าหรอกนะ แต่นี่มันโคตรจะรกเป็นบ้าเลย
เขาสังเกตเห็นประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ เลยเดินไปเคาะเบาๆ
“นี่! เธออยู่ในนั้นรึเปล่าน่ะ?”
“เปล่า!! ไม่อยู่!! กลับไปเถอะ!!!”
ไดซ์หมั่นไส้นายน์ขึ้นมาซะดื้อๆ เขาดันลบภาพพจน์เทพบุตรของเธอออกไปซะเกลี้ยงเลยนี่นา แล้วแบบนี้เธอจะมีกำลังใจเดินไปข้างหน้าได้ยังไงล่ะทีนี้?
“โธ่! คนกำลังซีเรียสนะ เอากุญแจบ้านคืนให้นายน์ได้ยัง? นายน์จะกลับบ้าน”
ไดซ์ฉุกคิดขึ้นมาได้ ที่เธอยอมพานายน์มาที่บ้าน ก็เพื่อจะให้เขาพิสูจน์ว่ากระเป๋ากุญแจใบนี้เป็นของเขาจริงๆ ตอนนี้คงไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว ดาราที่มีเงินมากมายมหาศาลอย่างเขาจะโกหกไปทำไมกัน
“อืมๆ แป๊ปนึง”
ไดซ์สวมเดรสสั้นอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ลำบากเรื่องชุดชั้นในเพราะเธอใส่ตัวเดิมของเมื่อคืน.. (ซกมกจริงๆน่ะแหละหล่อน)
แกร๊ก!
นายน์กระพริบตาถี่ๆมองคนตรงหน้าอย่างตกตะลึง เดรสสั้นสีชมพูจับจีบตรงชายกระโปรงทำให้ไดซ์ดูเหมือนผู้หญิงขึ้นมาทันตาเห็น
เพราะปกติเขามักจะเห็นเธอแต่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์จนชินตา เลยออกจะอึ้งๆเมื่อเห็นเธอใส่ชุดแบบนี้ คอเสื้อกว้างทำให้เห็นเนินอกสีครีมเนียน ไดซ์จัดว่าไม่ใช่ผู้หญิงที่ผิวขาวอมชมพู แต่ผิวสีครีมเนียนก็ทำให้ดูเซ็กซี่ไปอีกแบบ อ๊ะ!! นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย เขาชอบผู้หญิงที่มีหน้าอกนะไม่ใช่ไม้กระดานแบบ....แบบ.... เอ๊ะ?
เขาเพิ่งจะสังเกตว่าเมื่ออยู่ในชุดที่พอดีกับตัวเธอแล้ว ไดซ์ก็ไม่ใช่ผู้หญิงหุ่นไม้กระดาน อกก็ไม่ใช่ว่าจะเล็กเลยด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับเอวคอดกิ่วและสะโพกกลมกลึง โอ๊ย~!!! เพิ่งจะรู้นะว่ายัยนี่เป็นผู้หญิงซ่อนรูป หลงคิดว่าเป็นเด็กกะโปโลไปได้ตั้งหลายวัน
ไดซ์หงุดหงิดที่นายน์เอาแต่จ้องเธอจากหัวจรดเท้าอยู่แบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกประเมินราคาอยู่ ซึ่งเธอก็ไม่ชอบวิธีที่เขามองเพื่อประเมินเธอเลยสักนิด!
“เอาคืนไปเหอะ เดี๋ยวไปหยิบให้ ตามมาสิ”
เธอเดินผ่านเขาไปโดยไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น นายน์ที่อยู่ในจอทีวีคือตัวจริงของเธอ ไม่ใช่นายน์ที่เหมือนกับเด็กธรรมดาๆแบบนี้ ให้ตายสิ หลงนึกว่าหมอนี่จะมีอะไรพิเศษเพราะเป็นคนดัง แต่ที่ไหนได้ก็แค่เด็ก! เด็กวัยรุ่นธรรมดาๆ เท่านั้นเอง
“เอ่อ...ไดซ์ นายน์มีอะไรจะสารภาพอ่ะ”
ระหว่างที่นายน์เดินตามเธอมาเขาก็พยายามหาเรื่องคุย เธอจะไม่แปลกใจอีกแล้วว่าเขาปิดบังเรื่องอะไรกับเธอไว้บ้าง ในเมื่อเขาอยู่ในโลกมายา ที่เต็มไปด้วยความหลอกลวงแบบนั้น!!
“ว่ามาจะฟังให้ก็ได้”
“ก่อนอื่นขอถามอะไรหน่อยนะ”
“
..”
“ไดซ์ชอบนายน์จริงรึเปล่า?”
ไดซ์หยุดเดิน ก่อนจะหันมายิ้มให้เขาด้วยแววตาใสแจ๋ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเธอยังคงมองเขาด้วยสายตาแบบนี้ เขาก็รู้สึกดีแล้วล่ะ
“ไดซ์ชอบนายน์ที่อยู่ในวงการบันเทิง”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเคลิ้มฝัน ผิดคาดจากที่นายน์คิด เขาหวังให้เธอมองตัวตนจริงๆของเขามากกว่า
“ไดซ์พูดตรงๆนะ ไดซ์ไม่รู้จักนายน์คนนี้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะชอบได้หรือเปล่า?”
“อ้าว! แล้วที่ไดซ์พูดตอนอยู่หน้าบ้านล่ะ?”
“พูดตรงๆอีกทีนะ มันเป็นความรู้สึกชั่ววูบน่ะ เพราะตอนที่นายน์เล่นเป็นเก้า ไดซ์รู้สึกว่าเก้าน่าสนใจดี ไม่ใช่นายน์คนนี้ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า”
“เอาดีๆหน่อยสิ เราสับสนไปหมดแล้วนะ”
“แหะๆ อย่าว่าแต่นายน์เลย ไดซ์ก็สับสนเหมือนกัน เอาเป็นว่านายน์ที่เป็นดารา ไดซ์ชอบเขามาก แต่ถ้านายน์คนนี้ ต้องขอดูอีกทีก็แล้วกัน”
เธอพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วตอนที่เธอรั้งไม่ให้ผมไปล่ะ? มันหมายความว่ายังไงกัน?!
“แล้วตอนที่ไดซ์ถามนายน์ว่าชอบไดซ์หรือเปล่า...”
“ไดซ์ถามนายน์...คนที่อยู่ในวงการบันเทิง!!!”
ผมฟังเธอพูดอย่างตกตะลึงพรึงเพริด ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงตามผู้หญิงคนนี้ไม่ทัน
เธอใช้ชีวิตแบบตามใจเธอ เธอคิดยังไงเธอก็ทำอย่างนั้น ไม่คิดจะปรับตัวเข้าหาใคร ไม่คิดจะแก้ปัญหาให้ใคร เพราะปัญหาทุกเรื่องที่อยู่รอบตัวเธอ เธอก็แค่มองว่ามันไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเธอเลย ก็แค่นั้น!! การบิดเบือนความเป็นจริง ไม่ต่างอะไรกับการโกหกหรอกนะ
แล้วดันมาบอกว่าไม่ชอบคนโกหก เฮ้อ!! เหลือเชื่อเลยนะว่าจะมีคนที่โกหกตัวเองแบบสุดๆ มายืนอยู่ตรงหน้าผม ผมตัดสินใจแล้วล่ะ นายน์ที่อยู่ในวงการจะไม่มีวันชอบเธออย่างเด็ดขาด!!! ถ้าเธอไม่ยอมรับทั้งหมดของผม ก็อย่าหวังเลยว่าผมจะยอมรับเธอ!แม้แต่เสี้ยวนึงก็ตามทีเถอะ!
“เป็นอะไรไปอ่ะ? เงียบทำไมเล่า??”
ผมยิ้มเหยียดๆ รู้สึกว่ามองเธอผิดไปตั้งแต่แรก ยกเว้นที่ว่าเธอเหมือนความฝัน เพราะเธออยู่แต่ในโลกของเธอ มันคงยากนะที่จะทำใจยอมรับโลกแห่งความเป็นจริง
“ฟังนะครับสาวน้อย”
ผมใช้นิ้วเชยคางเธอขึ้นแบบฉากหนึ่งในละครตอนเช้า เธอหน้าแดงขึ้นมาซะดื้อๆ ผมจะไม่หวั่นไหวกับเธออีกแล้ว ไม่มีวันเด็ดขาด!
“นายน์มีคนเดียว ไม่มีนายน์เวอร์ชั่นวงการบันเทิง ไม่มีนายน์ที่ชื่อไนเจล ไม่มีนะครับ มีแต่นายน์คนนี้คนเดียว”
อึ๋ย~!! ทำไมจู่ๆนายน์ถึงทำตัวเท่ระเบิดแบบนี้ขึ้นมาล่ะเนี่ย สาวน้อยหวั่นไหวค่า กรี๊ดกร๊าดด~! ว่าแต่ไอ้ที่เขาพูดมันคืออะไรกันน่ะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย
“ที่เธอพูดว่าชอบนายน์ที่อยู่ในวงการ แสดงว่าไม่ใช่นายน์คนนี้ใช่ไหมครับ?”
ฉันเริ่มสับสน ทำไมล่ะ? ก็นายน์คนที่ทำให้หัวใจฉันสั่นคลอนได้คือนายน์ที่อยู่ในวงการบันเทิงนี่นา นายน์คนนี้งั้นเหรอ? ไม่รู้สิ ทำไมรู้สึก งง แบบนี้เนี่ย ก็นายน์คนนี้ไม่เหมือนกับนายน์ในวงการบันเทิงแล้วฉันจะชอบไปได้ยังไงเล่า ถามบื้อๆจริงเชียวนะหมอนี่เนี่ย
ฉันส่ายหน้าเบาๆ หมอนี่แสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา ฉันรู้สึกว่าเขาคงไม่ได้ชอบฉันซะแล้วล่ะ ก็พฤติกรรมมันต่างกับก่อนหน้านี้ลิบลับเลยนี่นา โฮ....
“ฟังไว้นะแม่สาวน้อย ไม่ว่านายน์คนไหนๆ ก็ไม่มีวันชอบเธอทั้งนั้น ไม่มีวัน!ได้ยินไหม?!”
ฉันยื่นทื่อเป็นหุ่นเมื่อนายน์พูดคำเหล่านี้ออกมาจากปากของเขา อะไรกัน ก่อนหน้านี้เขายังทำท่าเหมือนชอบอยู่เลยนี่นา
“แต่ฉันนึกว่านายชอบฉันซะอีก”
ฉันพูดเสียงสั่น หมอนั้นยิ้มเหยียดๆก่อนจะทำท่าขยะแขยงออกมาให้เห็น
“ตอนแรก ฉันมองว่าเธอเป็นคนแปลกๆ ก็เลยสนใจ”
แปลกงั้นเหรอ นี่นายไม่รู้เลยใช่ไหมว่าฉันคือคนที่คอยมอบความสุขให้กับคนรอบข้างน่ะ รวมทั้งนายด้วยน่ะแหละ แล้วนี่จะมาบอกว่าไม่ชอบฉันเนี่ยนะ!!! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
“แต่ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่าเธอก็เป็นแค่จอมลวงโลกเท่านั้นแหละ!”
เพี๊ยะ!!!!
เร็วกว่าความคิดมือไปไวกว่าแสง เธอตบหน้าเขาเต็มๆ ซวยแล้วไหมล่ะนี่จะโดนฟ้องศาลไหมเนี่ยโทษฐานทำใบหน้าของดาราเป็นรอย
แต่มันก็สมควรแล้วนี่นา กล้าดียังไงมาหาว่าเธอเป็นจอมลวงโลก เธอเกลียดการโกหกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แล้วทำไมตัวเธอถึงจะต้องไปหลอกใครต่อใครด้วยล่ะ?
“รับไม่ได้งั้นเหรอ? ฮึ น่าสมเพชจริงๆ ฟังฉันเอาไว้นะไดซ์...”
เธอเงียบมองหน้าผู้ชายคนนี้อย่างไม่เข้าใจ เธอรู้อยู่อย่างเดียวคือเธอเกลียดเขา!
“การที่ปิดกั้นตัวเองจากความจริงบนโลกนี้ ไม่ได้ทำให้เธอพบความสุขที่แท้จริงหรอก”
เสียงของเขาแทรกผ่านเข้าไปยังก้นบึ้งของจิตใจ เธอไม่อยากฟัง! ทำไมเขาต้องทำลายความสุขของเธอด้วย! ความสุขที่เธอสร้างมันขึ้นมาเพื่อทุกคน!!
“เธอหลอกตัวเอง ว่ารอบตัวเธอมีแต่ความสุข มีแต่เสียงหัวเราะ ทั้งๆที่ เธอก็แค่ปฏิเสธที่จะยอมรับความเป็นจริงเท่านั้นแหละ!”
เขาตะโกนใส่หน้าเธอ เธอจะไม่ฟังอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้โหดร้าย สกปรก ไม่ควรจะมาอยู่ในความทรงจำของเธอ เธอจะลบเขาของไป ลบออกไปให้หมด ทำให้ลืมไปซะว่าเคยหลงชอบคนแบบนี้มาได้ตั้งหลายปี
นายน์มองไดซ์วิ่งหายเข้าไปในบ้าน เขารู้สึกอยากจะตบปากตัวเองนักที่จู่ๆก็โพล่งสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปจนหมดสิ้น มันอาจจะดูโหดร้ายเกินไปสำหรับเธอ แต่นั่นก็คือความจริง!
ปังงง!!!
แฮ่ก...แฮ่ก.......
ไดซ์หายใจหอบเพราะความโกรธที่พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ลึกๆลงไปเธอรู้ว่าเขาพูดถูก แต่จะให้เธอยอมรับได้ยังไงล่ะ ในเมื่อเธออยู่กับโลกแห่งความสุขมาตลอดสิบเจ็ดปี จู่ๆเขาจะให้เธอหันมายอมรับความจริงรึไง
ความจริงที่ว่าเธอไม่มีความสุข! ไม่เคยมีเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะทุกครั้งที่เธอยิ้มแย้ม เธอไม่ได้ยิ้มออกมาจากหัวใจ ทุกครั้งที่เธอหัวเราะ เธอไม่ได้เข้าใจด้วยซ้ำว่าหัวเราะทำไม หรือแม้แต่ตอนที่ลืมอดีตเลวร้ายไปได้อย่างง่ายดาย มันก็ไม่ได้ลืม ไม่เคยไปไหน ยังอยู่ในความทรงจำของเธอทุกครั้ง ทุกเวลาและนาที เธอไม่อยากออกไปจากโลกแห่งความสุขใบนี้
เพราะถ้าเธอก้าวออกมา คนรอบข้างคงต้องทุกข์ใจไปกับปัญหาของเธอ เธอเป็นห่วงพี่การ์ด เป็นห่วงแม่ เป็นห่วงพีช แค่นั้นก็พอแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องมาห่วงเธอ เรื่องร้ายๆทุกเรื่องเธอจะทำให้มันหายไปให้หมด เพื่อที่พวกเขาจะได้มีความสุข.... ความสุข..... ความ....สุข....?
พวกเขามีความสุขไปกับเธอด้วยจริงๆน่ะหรือ?
การที่เธอบิดเบือนความเป็นจริง สร้างความสุขให้กับพวกเขารึเปล่านะ?
จู่ๆเธอก็สับสนขึ้นมา ทำไมโลกแห่งความสุขที่เธอเพียรพยายามสร้างมันมาตั้งแต่เกิดถึงถูกผู้ชายที่เพิ่งคุยกันได้ไม่กี่วันทำลายลงอย่าง ง่ายดายล่ะ?
ก็อกๆ!
“
.”
ไม่ต้องบอกก็รู้ เธอสัมผัสได้ด้วยใจว่าใครอยู่อีกฟากของประตู
“ไดซ์...”
เธอกลัวนักว่าเขาจะพูดอะไรออกมาอีก เขาจะทำลายอะไรอีกล่ะ? ถ้าโลกแห่งความสุขของเธอพังทลาย มันจะเหลืออะไร?
“เอ่อ... เปิดประตูหน่อยได้ไหม?”
“ไปให้พ้น!!!!”
“
..”
“นายทำลายโลกของฉัน นาย...ทำลาย...อึก.....สิ่งสำคัญของฉัน!!!”
ไดซ์เริ่มสะอึกสะอื้น เธอเป็นคนที่มีความสับสนในตัวเองอยู่แล้ว ยิ่งมีคนมาจี้จุดอ่อนแบบนี้ยิ่งทำให้เธอเปราะบางไปกันใหญ่ นายน์พอจะเข้าใจดี เลยคิดที่จะมาปลอบเธอ
“ขอโทษ...แต่....เอ่อ.....คือ.....”
นายน์ตะกุกตะกัก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง เรื่องแบบนี้หนักเกินกว่าที่เขาจะทำคนเดียวซะด้วยสิ
“
..”
“ขอโทษจริงๆนะ....คือ.....คือว่า....กุญแจ”
ไดซ์ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นทันทีแล้วปล่อยเสียงร้องไห้โฮ เวลาที่เธอต้องการใครสักคนมาปลอบโยน เขากับมาถามหากุญแจเนี่ยนะ!! โลกนี้มีแต่คนเห็นแก่ตัวจริงๆด้วย แล้วแบบนี้เธอจะมีความสุขได้ยังไงกันล่ะ?
นายน์อยากตีปากตัวเองสักร้อยรอบ ถึงจะนึกอะไรไม่ออกก็น่าจะหาเรื่องที่ดีกว่านี้ยกขึ้นมาคุย ไม่ใช่มาถามหากุญแจบ้านพัก อา... รู้สึกเห็นแก่ตัวชะมัดเลยเรา
“เอาไป...แล้วไปให้พ้น!!!”
เธอเปิดประตูเล็กน้อยแล้วเขวี้ยงกระเป๋าออกมานอกบ้าน แต่นายน์ที่รอจังหวะก็ใช้แรงทั้งหมดดันประตูเข้ามาในบ้านจนได้
“บอกว่าไปให้พ้นไงเล่า!!!”
เธอกรีดเสียงดังลั่นทำเอาแม่ที่แอบฟังอยู่นานแล้ววิ่งออกมาดู ส่วนพี่การ์ดก็วิ่งลงมาจากห้องทั้งๆที่ยังทำงานไม่เสร็จ
“ตายแล้วไดซ์ลูกแม่” แม่วิ่งปราดเข้ามากอดเธอ
“เฮ้ย! นายน์!!! แกทำอะไรน้องฉัน!!!” พี่ยืนชี้หน้านายน์ที่ยืนอยู่หน้าประตู
“ฮือๆๆๆๆๆๆ อึก... ฮือๆๆ......” ฉันทำไรไม่ได้นอกจากร้องไห้ เหมือนสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจมันระเบิดออกมาไม่เหลือแหล่
“ผมว่า เราคงต้องคุยกันอย่างซีเรียสแล้วล่ะครับ”
นายน์สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะผายมือไปทางห้องนั่งเล่น....
ความคิดเห็น