คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : #5#
#5#
“ไดซ์!!!!! พีชขอโทษนะ”
พี่การ์ดที่เปิดประตูเข้ามามองพีชหัวจรดเท้า เท้าจรดหัว และหัวจรดมือที่ถือสตรอว์เบอร์รี่...
“แกเมาสตรอว์เบอร์รี่หรือไงไอ้พีช”
การ์ดเคาะกะโหลกพีชไปหนึ่งที โทษฐานที่เห็นสุดหล่อย่างเขาเป็นยัยปลาตะเพียน...
“เฮอะ! พี่การ์ดหรอกเหรอ เซ็งชะมัด”
พีชทำหน้ามุ่ยพลางกัดสตรอว์เบอร์รี่ที่ถือไว้ในมือ แล้วเดินไปที่ห้องครัว
“แม่ฮะ หมดอีกแล้ว”
“ตกลงพีชจะมาเป็นเขยบ้านเราแล้วเหรอแม่?”
พี่การ์ดตะโกนถามอย่างไม่พอใจ เห็นแบบนี้เขาก็หวงแม่หวงน้องเหมือนกันนะเออ
“อะจึ้ย! พี่การ์ดดันได้ยินอีกง่ะ”
พีชแลบลิ้นทำหน้าทะเล้นใส่คุณป้าที่ตอนนี้ยิ้มแก้มแทบแตก
“ตกลงจะมาเป็นเขยจริงๆเหรอจ๊ะ แม่ไม่ว่านะ โฮะๆๆๆ”
“โหย ถ้าพี่การ์ดเปิดไฟเขียวผมคงยอมหมั้นตั้งแต่ตอนนี้เลยครับ”
“จริงรึเปล่าจ๊ะเนี่ย”
“ฮะๆๆๆๆๆ ไม่รู้ไม่ชี้ จริงมั๊งครับ ฮะๆๆๆๆ”
พีชยิ้มแก้มแดงเหมือนสตรอว์เบอร์รี่ที่กำลังกินอยู่ตอนนี้ไม่มีผิด
“การ์ด!!! ยอมไหมลูก?”
แม่แกล้งตะโกนไปงั้นๆ เธอรู้ว่าการ์ดกำลังแอบฟังอยู่ที่บันได
“ไม่!!!!!”
คำเดียวชัดๆไปเลย พีชทำหน้าเหยๆ ก่อนจะหยิบสตรอว์เบอร์รี่เข้าปากเรื่อยๆ แม่ส่ายหน้าอย่างระอาใจ ที่พีชไม่ได้คบกับไดซ์จริงๆสักทีสาเหตุก็เพราะการ์ดนี่แหละ!
“กลับมาแล้วค่า~!!”
“ไดซ์ เอ่อ... พี่ฮะ บ้านนี้มัน...”
พีชแทบจะลอยมาหาไดซ์เลยเมื่อได้ยินเสียงของเธอ เขาพุ่งมาที่ประตูแล้วก็ต้องชะงักกึก
“มันเป็นใครน่ะ”
เขาจ้องผู้ชายหน้าหล่อที่ยืนข้างๆไดซ์อย่างเอาเป็นเอาตาย ระหว่าทางเธอจัดการเช็ดหน้าและทิ้งหมวกฟางของเก้าลงถังขยะ ด้วยเหตุผลที่ว่า มันหล่ออ้ะ...
“...”
ไดซ์มองหน้าพีชนิ่งๆ เธอยังโกรธเขาอยู่ที่ทิ้งเธอเอาไว้ เสียงพี่การ์ดดังขึ้นมาก่อนที่พีชจะได้พูดคำว่าขอโทษ
“เฮ้ย นาย!!! นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย!!!”
พี่เบิ่งตาโตมองเก้า ส่วนเก้าก็หน้าซีดมองพี่การ์ด นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
“อะ..เอ่อ...สวัสดีครับคุ.....อุ๊บบบ”
พี่การ์ดผลักพีชไปข้างๆแล้วตะครุบปากเก้าไว้อย่าหนาแน่น ก่อนจะลากถูลู่ถูกังขึ้นไปข้างบน....
ฉันกับพีชมองตามไปอย่างมึนๆ ตั้งแต่เจอเก้ามานี่มีเรื่องให้มึนตลอดเลยแฮะ
“แม่!! พีชขึ้นไปดูพี่การ์ดก่อนนะ วันนี้ไม่กินข้าวเน้อ~! ไดเอ็ท!!”
เธอจงใจมองไปที่พีช เขาทำหน้าเศร้าๆก่อนจะยื่นนิ้วก้อยมาหาเธอ
“ดีกันเหอะไดซ์”
“คนปลิ้นปล้อนฉันเลิกคบโว้ย!!!”
เธอแลบลิ้นใส่เขาก่อนจะวิ่งขึ้นไปข้างบน พีชไม่ลดความพยายามวิ่งตามมาติดๆ
“อ๊ากกก~!!! พีชขอโทษๆๆๆๆๆ จะให้ทำอะไรก็ได้ อย่าโกรธเลยนะ”
“อะไรก็ได้ใช่มะ”
เธอยักคิ้วอย่างอารมณ์ดี คนฉลาดอย่างเธอพอจะรู้ว่าวันนี้ทำไมพีชถึงเอาใจเธอผิดปกติ แถมยังทำท่าเหมือนจะมาตามจีบเธออีกต่างหาก
“เลิกทำตัวแบบนี้ซักที หาแฟนดีๆซักคน แล้วไปหน้าม่อไกลๆให้พ้นๆฉันที!!!”
เธอจ้องหน้าพีชที่หลบตาวูบ แล้วหันหลังให้ไดซ์
“ทำไมรอบนี้มันรู้ตัวไวจังฟะ”
เขากะจะพึมพำเบาๆกับตัวเอง แต่นอกจากไดซ์จะหัวดีแล้วยังหูดีอีกด้วย!
ป้าบ!!!
เธอประทับรอยเท้าแห่งมิตรภาพให้พีชอย่าง งามๆที่กลางหลัง พีชหลังแอ่นก่อนจะหันขวับแล้วดันไดซ์ไปติดกับแพงด้วยความโมโห
“ทำไม?”
ไดซ์ไม่สะทกสะท้าน เธอรู้ว่าพีชไม่ได้ชอบเธอ ก็แค่อยากจะเอาชนะเท่านั้น พีชเป็นคนแบบนี้แหละ อะไรที่ได้มาก็ทิ้ง อะไรที่ไม่ได้ก็จะพยายามเอามาให้ได้ แล้วก็ทิ้ง วนเวียนซ้ำซาก ไดซ์มองรูปแบบนี้มานานเลยพอจะเดาออกว่าพีชจะทำอะไร
“ถ้าพีชบอกว่าพีชชอบไดซ์ล่ะ”
“ไอ้สตรอว์เบอร์รี่!”
“สตรอว์เบอร์รี่ที่รักเธอไง”
“พีช”
“จ๋าจ้ะ”
ไดซ์ชักหมดความอดทน เธอจ้องหน้าพีช พีชค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้ว....
พลั่ก!! ตุ๊บ!!!
“โอ๊ยยยยยย!!!”
พีชร้องเสียงหลงเมื่อถูกถีบให้ตกบันได ไม่ใช่ฝีมือฉันนะคะคุณผู้อ่าน! (นึกว่าเป็นฉันอ่ะดิ)
เป็นฝีมือของสองหนุ่มนั่นต่างหาก... ใช่แล้ว... พี่การ์ดกับน้องเก้า (เหมือนมันเป็นพี่น้องกันจริงๆเลยอ่ะ)
พี่การ์ดฉันพอจะเข้าใจนะว่าถีบพีชทำไม แต่น้องเก้าเนี่ยดิ ฉันมองเก้าที่ทำหน้าเอ๋อๆเหมือนไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป
“ขอโทษครับพี่ ผมขอโทษนะครับ”
เก้าวิ่งลงไปพยุงพีช ส่วนพีชมองหน้าเก้าอย่าง งองูเยอะจนสุดบรรยาย(ก็ งงงงงงงง......)
“หน้าคุ้นๆนะเราอ่ะ นี่ใครเหรอพี่การ์ด”
เก้าทำหน้าตกใจที่พีชพูดคุยกับพี่การ์ดปกติเหมือนที่ถีบลงมาเมื่อกี๊ไม่ได้โกรธเลยสักนิด
(พีชมันโดนจนชินแล้วอ่ะค่ะ เข้าใจมันหน่อยเหอะ)
“คู่หมั้นยัยปลาตะเพียนไง”
พี่การ์ดยิ้มแสยะแบบผู้ชนะ เมื่อกี๊ว่าไงนะ คู่หมั้นงั้นเหรอ ใครกับใครอ่ะ? ปลาตะเพียนนี่ใครฟะ ฉันไม่รู้เรื่องงงง (นางเอกสมองกำลังเบรกดาวน์อย่างแรงค่ะ)
“หวัดดีฮะ”
เก้ายิ้มเจื่อนๆ หมอนี่เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าคนปกติแล้วล่ะ ส่วนผมยาวๆนั่นก็ปรกหน้าปรกตาจนทำให้มองไม่ชัด บังอาจริทำผมเหมือนดารา ทั้งๆที่มันน่ารำคาญจะตายไป จิ้มลูกตาทั้งวันเงี้ย เดี๋ยวก็ตาเหล่กันพอดี
“ได้ไงอ่ะ เฮ้ น้องหนู มาแข่งกับพี่ก่อนดีกว่า ถ้าชนะพี่ถึงจะยอมให้หมั้น ถ้าแพ้ ก็ถอนหมั้นซะ!!”
“อะไรจ๊ะอะไร ใครหมั้นกับใคร?”
แม่ฉันเดินลัลล้ามาจากห้องครัวมองภาพตรงหน้าอย่างสงสัยสุดชีวิต
“ทำไมน้าทำไม ทำไมไดซ์ตัวลีบติดกำแพง แล้วทำไมพี่ชายต้องตั้งการ์ด แล้วทำไมพีชถึงชี้หน้าคนๆนี้........!!!!!”
แม่เอียงคอมองเก้า ส่วนเก้าก็ส่งยิ้มบาดใจให้แม่ ขณะที่แม่กำลังจะอ้าปากพูดในสิ่งที่ฉันไม่มีวันรู้(อีกแล้ว)
พี่การ์ดชิงลงมือปิดปากลากแม่เข้าห้องครัวกลับไปอีก ทิ้งให้ฉันมองสองคนข้างล่างที่จ้องหน้ากันอย่างมึนๆ พีชจ้องหน้าเก้าสีหน้าสงสัยว่าไอ้นี่มันมาจากไหน ส่วนเก้าก็มองพีชด้วยสายตาที่อ่านได้ว่า พี่จะกระชากคอเสื้อผมทำไมครับ!
ทั้งสองคนนี้ดูเหมือนจะไม่เบื่อจ้องหน้ากันเลยนะ ฉันเริ่มรู้สึกสนุกเลยนั่งลงที่ขอบบันไดพลางมองสองคนนี้จ้องกัน แม่กับพี่น่ะเหรอ ปล่อยเค้าเหอะ
ฉันนึกสนุกลองใส่เสียงที่ทั้งสองคนกำลังคิดในใจดูดีกว่า งานนี้ท่าจะมันส์ มีอีโมติคอนด้วยฮุๆ
เก้า: พี่คร้าบ ผมเหนื่อยแล้วคร้าบปล่อยผมเถอะคร้าบ T_T
พีช: หน้าคุ้นๆเว้ย มันเป็นใครฟะ ทำไมถึงหล่อกว่าตู - -a
เก้า: พี่คร้าบ ไม่มีอะไรติดหน้าผมนะคร้าบ ผมล้างหน้าแล้วคร้าบ TOT
พีช: ตูยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่ามันเป็นใคร... - -;;;;
เก้า: เริ่มหมดความอดทนแย้วน๊ะ นับ1-3ถ้าไม่ปล่อยเค้าจะกัดหูตัวเองจริงๆด้วย ++TT_TT
พีช: ตูจ้องมา15นาทียังนึกไม่ออกเลยฟ่ะ พับฝ่าสิ! -*-
เก้า: เอ้า1....... TT^TT
พีช: ตกลงมันเป็นใครฟะ -*-
เก้า: เอ้า2...... TT^TT
พีช: หน้าตาก็ดี ริมฝีปากสวยอีกต่างหาก -3-
เก้า: เอ้า3.....อุ๊ฟ!!!!!!!! OoO
พีช:
..(ไดซ์ไม่รู้จะให้มันคิดยังไงดีอ่ะ มันจูบเก้าอ้ะ!!!!!)
“ว้ากกกกกกกก~!!!!! อ้วกก อูแหวะ แหยะ ยี้ๆ”
นึกว่าเสียงเก้าใช่ไหมคะ? ไดซ์ก็คิดค่ะว่าเก้าน่าจะพูดแบบนี้ แต่คนพูดคือ... ไอ้พีช...
มันพูดไม่พูดเปล่าพลางถูปากอีกตะหาก ไดซ์นั่งจ้องสองคนนี้อยู่เลยเห็นจะๆ เต็มๆตา ว่าพีชโน้มตัวไปจุ๊บเก้าเค้า สงสารน้องเก้าจังเลยอ่ะ แต่ดูน้องเค้าไม่ซีเรียสเลยแฮะ แค่ทำตาโต หน้าซีด และ... ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ (อ๊า สงสารอย่างแรง)
“.....”
แม่และพี่ออกมาเห็นฉากเด็ดพอดี (ทำไมเรื่องแบบนี้คนรู้เห็นมันเยอะนักนะ?)
พี่ทำท่าผะอืดผะอม เหมือนจะคลื่นไส้แล้วเป็นลม ส่วนแม่ก็เอามือปิดปาก แต่ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับเหมือนเห็นเป็นเรื่องสนุก นี่แหละ แม่ฉันเอง เหอๆ
“......”
เก้าไม่สนใจท่าทางของคนอื่นๆ เขามองมาที่ฉันแล้วเดินมาหา แถมยังจับมือลากขึ้นข้างบนอีกแน่ะ คงจะช็อกมากล่ะมั๊ง อยากได้คนปลอบมั๊ยคะน้องชาย (กำลังเห่อการมีน้อง เหอๆ)
“ไดซ์ คิดยังไงกับเรื่องที่พี่การ์ดพูด”
จู่ๆหมอนี่ก็พูดเรื่องซีเรียสขึ้นมา ตอนนี้เราอยู่กันที่ดาดฟ้าค่ะ ไม่มีพระจันทร์ อดได้บรรยากาศเลยแฮะ บู่.....
“ห๊ะ อะไรนะ ขออีกที”
เหมือนฉันจะช็อคกับเรื่องเมื่อสักครู่มากกว่าเก้าเค้าซะอีก
“ที่นะ...เอ่อ...เก้าเป็นคู่หมั้นไดซ์น่ะ”
“เรื่องแบบนั้นมันพูดเล่นๆอยู่แล้วนี่นา ไม่เห็นต้องใส่ใจเลย”
“แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ”
เก้าทำหน้าเครียดเหมือนมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย อะไรจะเว่อร์ปานนั้น
“ก็น่าสนุกดีนี่”
ฉันยิ้มให้เก้า เขาตกใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ไม่โกรธเหรอที่ถูกจับคลุมถุงชนน่ะ ไม่กลัวเลิกกับแฟนเหรอ แล้วไม่กลัวว่าเก้าจะกลายเป็นโรคจิตเหรอ?”
เก้ามองหน้าฉัน ลมเย็นๆในยามราตรีพัดผ่านเรา ทำเอาหมู่เมฆเคลื่นตัวเผยให้เห็นหมู่ดาวที่พราวพร่างเต็มท้องฟ้า...
“เรื่องที่พี่จะเล่าให้ฟังน่ะจำได้ไหม?”
“เรื่องที่ยังคิดชื่อไม่ออกน่ะเหรอ?”
“ใครบอกยะ คิดออกแล้วย่ะ แบร่ๆๆ”
“เรื่องอะไรล่ะ?”
“หัวใจ...ของไดซ์ ความรัก...ของไดซ์ เรื่อราว...ของไดซ์”
ลมเย็นๆพัดผมให้ปลิวสยาย เธอไม่มีมีผมที่ยาวขนาดนั้นแต่ผมรู้สึกว่าเธอดูเหมือนอยู่กันคนละโลกกับผม... เธออยู่ในโลกของความฝัน ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ผมอยู่ในโลกมายา ที่ไม่ว่าอะไร ก็โหดร้ายเสมอ ดั่งเช่นความเป็นจริง...
“ชื่อยาวชะมัด เหมือนจะน่าเบื่อ ไม่ฟังดีกว่า”
ผมหันหลังให้เธอ ง่ายๆซะงั้น แล้วค่อยๆเดินจากมา
เป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะเรียกผมไว้ แล้วหาเรื่องทะเลาะ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงจะเปลี่ยนประเด็นไปได้ไม่ยาก แล้วก็ไม่ต้องฟังเรื่องเล่าของเธอ... แต่ผมลืมไป ว่าไดซ์ไม่ใช่ผู้หญิง เธอเป็นความฝัน เพราะฉะนั้นถึงแม้ผมจะเดินออกมา แต่เธอก็เริ่มเล่าเรื่องอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น..
“ครั้งหนึ่ง ยังมีเด็กน้อยไร้เดียงสา ราวกับผ้าขาวซึ่งไร้มลทินใดๆ...”
ผมไม่ใจแข็งขนาดนั้นหรอกครับ เสียงที่เธอกำลังเล่านั้นเหมือนกับเล่านิทานก่อนนอน ขาของผมหยุดนิ่ง หูคอยฟังเสียงที่เธอเล่า เหมือนหัวใจผมจะสามารถทำงานได้อย่างปกติอีกครั้ง ทั้งๆที่มันด้านชาไปนานแล้ว...
“เด็กน้อยโตขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะ ท่ามกลางความสุข ไม่เคยรู้ว่าความทุกข์คืออะไร เด็กน้อยเติบโต อย่างร่าเริง และฉลาดเฉลียว โดยไม่ต้องพึ่งโฆษณานมผง...”
อุ๊บ...ฮะๆ อะไรของเค้าเนี่ย ผมขำออกมานิดนึง ไม่ได้หันไปมอง ก็เลยไม่รู้ว่าเวลาที่เล่าเรื่องนี้ เธอมองผมอยู่ตลอดเวลา...
“วันหนึ่ง เด็กน้อยออกไปเล่นที่สนามหญ้าแถวบ้าน โดยไม่ได้บอกใครสักคน วันนั้นเธออยากอยู่คนเดียว รู้สึกเบื่อ รู้สึกเซ็ง รู้สึกยังไงก็ไม่รู้ เพราะเธอยังเด็กมาก เด็กๆก็อย่างนี้แหละนะ เธอไม่รู้ว่าอะไรคืออันตราย เธอไม่รู้จักอะไรเลย นอกจากความสุข และเสียงหัวเราะ...”
ถ้าผมเป็นเด็กคนนั้นคงจะดีไม่น้อย... รู้จักแต่ความสุข และเสียงหัวเราะงั้นเหรอ?
“มีคุณลุงใจดีหยุดถามทางกับเธอ เด็กน้อยตอบไปอย่างฉะฉาน แต่คุณลุงก็ยังไปไม่ถูกอยู่ดี เลยขอให้เธอไปเป็นเพื่อน จะได้บอกทางให้กับเขา เธอไม่เคยนึกถึงด้านเลวร้ายของมนุษย์ เพราะเธอเติบโตมาท่ามกลางสิ่งดีๆ เด็กน้อยแสนดีจึงตามคุณลุงไปอย่าว่าง่าย...”
โอเค ผมเชื่อแล้วว่านี่คือเรื่องของไดซ์ โลกนี้คงไม่มีใครทำได้อย่างเธอคนนี้อีกแล้วล่ะ
“คุณลุงที่กำลังจะก่ออาชญากรรม ฟังเด็กน้อยเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟังอย่างมีความสุข เรื่องที่มีแต่สิ่งดีๆ เรื่องที่ใส และบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเรื่องไหนๆในโลก... คุณลุงจู่ๆก็จอดรถแล้วร้องไห้ออกมา นี่เป็นครั้งแรก ที่เด็กน้อยได้เห็นน้ำตา เธอสงสัยว่ามันคืออะไร แต่ด้วยสัญชาตญาณและเสียงสะอื้นของคุณลุง เธอจึงรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ๆ คุณลุงเล่าเรื่องต่างๆที่ยากเกินกว่าเด็กสี่ขวบจะเข้าใจ เรื่องของมนุษย์สกปรก เรื่องของสิ่งมีชีวิตบนโลก ที่ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด...”
ผมนั่งลงที่ขอบดาดฟ้า มองไปยังดวงดาว ถ้าเด็กหญิงคนนั้นไม่เจอคุณลุงจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ ไดซ์จะยังคงเป็นเหมือนความฝัน... แบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า...?
“สุดท้าย คุณลุงบอกว่าจะปล่อยให้เด็กน้อยกลับบ้าน แทนที่เธอจะระแคะระคายว่าคุณลุงกำลังทำเรื่องไม่ดี กลับถามอย่างเป็นห่วง ว่าหาทางไปถูกหรือยัง คุณลุงตาแดงก่ำกอดเด็กน้อยแล้วกระซิบที่ข้างหูว่า อย่าเสียความสดใสในตอนนี้ไป จงอย่าสูญเสียสิ่งดีๆ สิ่งไม่ดีให้นึกไว้ว่าเป็นประสบการณ์ สิ่งดีๆให้เก็บมันไว้เพื่อก้าวไปข้างหน้า คุณลุงปล่อยเด็กน้อยทิ้งไว้ แล้วขับรถออกไป ช่างน่าขำนักที่คุณลุงผู้โง่เขลาคนนั้น ลืมนำเด็กน้อยไปส่งที่บ้าน เขาพาเด็กน้อยออกมาถึงเชียงใหม่ แล้วบ้านของเด็กน้อยอยู่ระยอง แบบนี้จะกลับถูกได้ยังไงกันล่ะเนี่ย แย่จริงๆ”
ผมขมวดคิ้วพลางคิดตามที่เธอเล่า ตกลงเรื่องนี้มันเรื่องจริงรึเปล่าฟะ ทำไมมันแหม่งๆ ขับขึ้นเหนือแล้วเด็กไม่ได้นอนเลยรึไง? ลุงแกบ้ารึเปล่าเนี่ย!
“เอ๊ะไม่สิ...หรือว่ากรุงเทพกันแน่น้า...อืม........”
จู่ๆไดซ์ก็เอาแต่พึมพำกับตัวเอง เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าผมกำลังนั่งฟังอยู่ตรงนี้...
เธอแหงนหน้ามองดูดาว ก่อนจะลงไปนอนแผ่หลาบนดาดฟ้า มั่นใจว่ามันสะอาดมากเหรอครับนั่น... ผมทำเป็นบ่นไปงั้นแหละ แต่ก็มานั่งข้างๆเธอจนได้...
จึ้กๆ!
เธอหันมามองผม ตาปรือเชียว เล่าเองง่วงเองเนี่ยนะ เชื่อเขาเลยให้ตายเถอะ!
“เล่าต่อดิ”
“ทำไมไม่พูดเพราะๆแล้วล่ะ? นายเด็กกว่าฉันนะ”
“ใครบอกล่ะครับ 17 เท่ากันต่างหาก”
ผมบ่นอุบ ส่วนเธอก็เด้งขึ้นมาฟาดผมดัง เพี๊ยะ!
“แล้วทำไมตอนแรกถึงโกหกล่ะ?”
เธอถลึงตาจ้องผมอย่างเอาเรื่อง รู้สึกจะโกรธยิ่งกว่าตอนที่ผมด่าเธอซะอีก อึ๋ยย
“ก็ใครๆหาว่าผมหน้าเด็ก เสียงก็เพิ่งจะมาแตกหนุ่ม เหมือนเด็กม.ต้น เลยกะลองทำตัวเป็นเด็กม.ต้นจริงๆดูอ่ะ”
“แล้วทำไมตอนแรกต้องบอกว่าอายุ15ล่ะ?”
“ไม่กล้าโกงอายุเยอะ เดี๋ยวโดนจับได้”
ผมทำหน้าจ๋อยสนิท
“งั้นนายมีอะไรที่โกหกฉันอีกไหม”
ขอโทษนะไดซ์ จริงๆเราโกหกไดซ์หลายเรื่องเลยแหละ ขอโทษนะขอโทษ....
ปากมันพูดไม่ได้อย่างใจคิด เมื่อเธอชิงบอกซะก่อนว่า...
“สิ่งที่ทำให้ฉันเกลียดได้มีแค่อย่างเดียว... อย่างเดียวจริงๆคือ การโกหก....”
ผมเงียบ เธอเงียบ เราต่างอยู่ในความเงียบกันพักใหญ่ๆ จนผมรู้สึกผิดสังเกตนั่นแหละ เลยเหลือบมองดูเธอ...ที่หลับไปซะแล้ว.... แป่ววว นั่งเก๊กให้เมื่อทำไมเนี่ยตู เฮ้อออ~!!!
“ถ้าวันนึงไดซ์รู้ความจริงแล้วไม่เกลียดนายน์ มันคงจะดีนะ...”
เขามองเธอที่กำลังหลับใหล พอจะเข้าใจว่าทำไมแม่เขาถึงเลือกเธอคนนี้ให้เป็นคู่หมั้นของเขา... จริงๆแล้วแม่กำชับไว้ว่าห้ามมาเจอเธอจนกว่าจะลาออกจากวงการบันเทิง...
ผมยังมีสัญญากับบริษัทค้างไว้ตั้งสองปี ทำไงดีเนี่ย...พี่มิเชล... ช่วยผมทีสิครับ...
----------
“Huh? Nigel??”
มิเชลที่กำลังเตรียมจะขึ้นเครื่องกลับไปสวิสเซอร์แลนด์เหมือนได้ยินเสียงของนายน์ขึ้นมา... เขาคิดเอาว่าคงจะหูฝาดไปเอง
เพราะตลอด5ปีที่ทำงานด้วยกันมีเขากับนายน์เนี่ยแหละ ที่สนิทกันมาก เหมือนพี่เหมือนน้อง บางทีก็เหมือนพ่อลูก เขาอมยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงรุ่นน้อง แต่ก็ต้องถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องที่นายน์จะต้องเจอ... เขาไม่ได้อยากจะร่วมมือกับรีเบคก้าเลยสักนิด ยัยพิธีกรพุดเดิ้ลคนนั้นดันทำเอาเขาปฏิเสธไม่ลงจริงๆ สิ่งที่เขาทำได้... คงมีแค่การภาวนาต่อพระเจ้า ให้นายน์ผ่านวิกฤติช่วงนี้ไปในที่สุด...
อำนาจในวงการบันเทิงของรีเบคก้า จะต้องทำให้นายน์เสียภาพพจน์ไปไม่น้อยเลยทีเดียว...
ความคิดเห็น