ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นายปีศาจสุดเฮี้ยว VS ยัยครึ่งปีศาจสุดแสบ

    ลำดับตอนที่ #1 : การพบกันของทั้งสองคน

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 52


            ณ โลกใบหนึ่ง   3 เผ่าพันธุ์  มนุษย์  ปีศาจ  และเหล่าเทพ นางฟ้า  อยู่ร่วมกันในโลกนี้อย่างสงบสุข  โดยต่างฝ่ายต่าง

     

    ทำหน้าที่ของตน  เหล่าปีศาจทำหน้าที่ต่อสู้ปกป้องอันตรายให้เผ่าพันธุ์อื่นๆ เหล่าเทพ นางฟ้าทำหน้าที่ปกปักรักษา

     

    และทำพิธีกรรมต่างๆ  ส่วนเหล่ามนุษย์ทำหน้าที่ติดต่อ ค้าขาย ผลิตอาหารให้กับเผ่าพันธุ์อื่นๆ  ทุกเผ่าพันธุ์ต่างมีหน้าที่ที่ถูก

     

    กำหนดไว้  จึงมีกฎที่บังคับไว้ว่า  'ห้ามผสมข้ามเผ่าพันธุ์'

                                                                                                              

     

            เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ผมสีแดง นัยน์ตาคมเข้มแฝงไปด้วยแววตาอันแข็งกร้าว นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างบานหนึ่งของ

     

    ปราสาท  เขากำลังอ่านหนังสือที่ว่าด้วยกฎต่างๆของโลก

     


            "ของแบบนี้มันห้ามใจได้ที่ไหนเล่า"  เด็กหนุ่มคนนั้นพูดขึ้น  ใช่ อย่างที่เขาบอก  ของแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้อยู่แล้ว 

     

    จึงได้เกิดลูกผสมระหว่างเผ่าพันธุ์ขึ้นมามากมายในโลกใบนี้  ทำให้ต้องมีกฎบังคับอันใหม่ขึ้นมาว่า

     

    'ให้ถือสายเลือดของเผ่าพันธุ์ที่ข้นกว่า เป็นตัวกำหนดอาชีพ'

     

     

            "ยังไงก็ไม่มีทางทำในสิ่งที่ตนเองต้องการได้สินะ เฮ่อ.."  เด็กหนุ่มคนนั้นถอนหายใจ พร้อมขว้างหนังสือนั้นทิ้งไป...

     

            “โอ๊ย!!”  เสียงแหลมหนวกหูดังขึ้น  เมื่อหนังสือเมื่อครู่หล่นลงมาใส่หัวเจ้าของเสียง

     

            เด็กหนุ่มมองลงมาตามเสียง  เขาเห็นเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลแดงตัวเล็กที่อยู่เบื้องล่างมองขึ้นมาหาเขาด้วยสายตา

     

    อาฆาตแค้นเป็นที่สุด

     

            “นี่ นาย ทำผิดแล้วยังไม่รู้จักขอโทษอีกหรือไง  เด็กผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น  ความจริงเด็กหนุ่มก็อยากจะขอโทษอยู่หรอก 

     

    แต่เมื่อเห็นสายตาอาฆาตของเด็กผู้หญิง  เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องแกล้ง


            “ห่ะๆๆ  ฉันน่ะขว้างหนังสือของฉันอยู่ดีๆ  ใครใช้ให้เธอเอาหัวมารับเล่า  ฮ่า ฮ่า ฮ่า  เด็กหนุ่มหัวเราะอย่างสบาย

     

    อารมณ์

     

            “นี่ นาย บังอาจนักนะ  เด็กผู้หญิงพูดขึ้นพร้อมทำท่าเตรียมร่ายเวทย์ปล่อยพลังหมายให้โดนเด็กหนุ่มนั่น

     

           “จีอาร์  อย่าเลย  เด็กผู้หญิงผมสีดำหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเขามาห้ามเด็กผู้หญิงคนเมื่อกี๊ไว้

     

           “ไม่ล่ะ  แอ๊ปเปิ้ล  ฉันจะต้องแก้แค้นไอ้หมอนี่ให้ได้  จีอาร์พูดขึ้นพร้อมร่ายเวทย์อีกครั้ง

     

           “พอเถอะน่า  จีอาร์  นี่วันแรกของการเปิดเรียนนะ  เธอจะทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไง  แอ๊ปเปิ้ลพยายาม

     

    ห้ามจีอาร์

     

           “ก็ได้ ก็ได้  วันนี้ฉันยังไม่ฆ่ามัน  แต่วันอื่นอย่าหวังว่ามันจะรอดเลย  จีอาร์พูดพร้อมมองค้อนขึ้นไปหาเด็กหนุ่มปีศาจ


           “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า  เด็กหนุ่มพูดก่อนที่จะวิ่งหายไป

     

           “เฮ้อ..  จีอาร์  ไปห้องโถงกันเถอะ  ใกล้ถึงเวลาปฐมนิเทศแล้วนะ"  แอ๊ปเปิ้ลเร่งจีอาร์

     

            "เธอจะรีบไปไหนเล่า  ห้องโถงมันไม่วิ่งหนีไปไหนหรอก  อีกอย่าง เราไม่ใช่ปีหนึ่งใสๆแบ๊วๆแล้วด้วย"  จีอาร์พูดขึ้น

     

    พร้อมทำท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนอะไร

     

            "ตามใจเธอแล้วกันนะ จีอาร์"  แอ๊ปเปิ้ลพูด พร้อมกับเดินไปที่ห้องโถงอย่างรวดเร็ว จีอาร์ทำท่าเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร

     

    มากมายนัก  แต่กลับรีบเดินตามแอ๊ปเปิ้ลไปอยากติดๆ

     

            "แอ๊ปเปิ้ล  เดี๋ยวสิ รอฉันด้วย..."

     

     

            มาดูอีกด้านหนึ่ง  พ่อ แม่ กำลังพานางฟ้าสาวตัวน้อยๆมาส่งที่โรงเรียน

     

            "ตั้งใจเรียนนะจ๊ะลูกรักของแม่"  แม่พูดพร้อมหอมแก้มลูกสาวด้วยความห่วงใย  พ่อของเธอดึงเธอเข้ามากอด 

     

    ก่อนที่นางฟ้าตัวน้อยตนนั้นจะเดินเข้าโรงเรียนไป...

     

     

            แล้วจีอาร์กับแอ๊ปเปิ้ล  ก็เดินไปที่ห้องโถงของโรงเรียน  ซึ่งในวันนี้มีพิธีปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ชั้นปีที่1 

     

    จีอาร์ชะเง้อมองไปยังกลุ่มเด็กปีหนึ่งเหมือนจะหาใครสักคน

     

            "จีอาร์ เธอกำลังมองหาใครอยู่รึเปล่า"  แอ๊ปเปิ้ลถามขึ้นอย่างสงสัย

     

            "เปล่า  ไม่มีอะไรหรอก"  จีอาร์ปฏิเสธ แต่เธอก็ยังคงมองชะเง้ออยู่เรื่อยๆ

                                                                                                                    

     

            ย้อน กลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ขณะที่จีอาร์อายุได้ 3 ขวบ  จีอาร์อยู่กับครอบครัว ซึ่งมีพ่อ แม่ และน้องสาวอีก1คน

     

    ซึ่งอายุห่างเธอเพียง1ปี ชื่อว่า ฟาเวล

     

     

            ฟาเวล เป็นเด็กผู้หญิงที่มีสายเลือดเทพบริสุทธิ์  และเป็นเด็กที่ถูกทำนายไว้ว่า จะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้น

     

    เมื่อเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ในโลก ฟาเวลจึงถูกพ่อ แม่เลี้ยงประคบประหงมอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม 

     

    ไม่ให้มีเรื่องเสื่อมเสียเด็ดขาด

     

     

            ความจริง เด็ก 3 ขวบไม่น่าจะรับรู้ข้อมูลอะไรได้ขนาดนี้  แต่นั่นก็คือเด็ก3ขวบทั่วๆไป ซึ่งไม่ใช่จีอาร์ เธอรับรู้ทุกอย่าง

     

    และเกิดความสงสัยอยู่เป็นอย่างมาก  เพราะตัวเธอเองนั้นเป็นเลือดผสม แต่ทำไมน้องสาวของเธอจึงเป็นเลือดบริสุทธิ์ได้  

     

    และในภายหลัง เธอก็ได้รู้ความจริงว่า  เธอไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อ ซึ่งเป็นเทพ  แต่เป็นลูกติดจากคนรักเก่าของแม่

     

     

            จีอาร์ตัดสินใจ หนีออกจากบ้านไปตั้งแต่ตอนนั้น เพราะเธอไม่อยากให้น้องสาวของเธอต้องเดือดร้อนภายหลัง 

     

    หากรู้ว่าเธอมีเลือดปีศาจผสมอยู่...

     

     

            จีอาร์ได้เข้าไปอยู่ในบ้านร้านขายขนมเค้ก  ซึ่งมีคุณยายใจดีคนหนึ่งเป็นเจ้าของ  ยายรับจีอาร์เข้ามาเลี้ยงดูเหมือน

     

    ลูกหลานแท้ๆของตน  จีอาร์นั้นฉลาดเกินเด็กธรรมดาๆอยู่แล้ว  เธอจึงสามารถช่วยงานต่างๆในร้านได้อย่างคล่องแคล่ว

     

     ลูกค้าที่พบเห็นเด็กตัวเล็กๆอย่างจีอาร์ที่ขยันขันแข็งต่างก็พากันเอ็นดูชื่นชมในตัวของจีอาร์

     

     

           ที่ร้านขายขนมเค้กของคุณยายยังมีเด็กอีกคนหนึ่ง  เธอชื่อว่า แอ๊ปเปิ้ล  เป็นเด็กสายเลือดมนุษย์แท้ๆ ซึ่งแอ๊ปเปิ้ลก็คือ

     

    หลานของคุณยายเจ้าของร้าน  แอ๊ปเปิ้ลมีอายุมากกว่าจีอาร์นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีความเป็นผู้ใหญ่ไปมากกว่าจีอาร์นัก

     

     (เพราะจีอาร์นั้นฉลาดเกินไปนั่นเอง) แอ๊ปเปิ้ลกับจีอาร์จึงเหมือนเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันมากกว่าที่จะเป็นพี่น้องกัน

     

     

            จีอาร์ จีอาร์... จีอาร์!!!”  แอ๊ปเปิ้ลเรียกจีอาร์อย่างเสียงดัง

     

           “ม..มีอะไรเหรอ แอ๊ปเปิ้ล  เรียกซะดังเชียว

     

           “ก็จีอาร์น่ะ ฉันเรียกตั้งหลายครั้งแล้วนะ  เธอดูเหม่อๆจังเลยนะวันนี้


           “ก็ นิดหน่อยน่ะ  เมื่อคืนฉันนอนดึกล่ะ  ฮ้าว..ว  ฉันอาจจะฝันกลางวันอยู่ก็ได้


           “เธอนี่เข้าใจยากจริงๆเลย  แอ๊ปเปิ้ลบ่นอุบอิบ

     

     

           “เฮ้ๆ เบลซ  นายเห็นเด็กปีหนึ่งคนนั้นมั้ยน่ะ  เด็กหนุ่มผมย้อมสีน้ำเงินเข้มพูดขึ้น  เขาชี้ไปที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

     

           “คนไหน?  เด็กหนุ่มผมสีแดงที่กล่าวไว้แต่ตอนต้นเรื่องถามขึ้นอย่างสนใจ

     

           “ก็เด็กผมสีทองเป็นลอน ดวงตาสีฟ้าคนนั้นไงเล่า  นายเห็นมั้ยน่ะ โดดเด่นที่สุดในกลุ่มปีหนึ่งเลยนะ

     

           “อืม.. ฉันเห็นแล้ว  สวยว่ะ

     

           “ไม่ใช่แค่สวย ยังเก่งด้วยนา  เห็นเค้าว่ากันว่า เด็กคนนี้ได้รับคำทำนายว่า จะเป็นคนที่กอบกู้โลก อะไรทำนองนี้น่ะ

     

           “หืม  ใช่เล่นนะเนี่ย  น่าจีบแฮะ

     

           “เหม่ เบลซ  นิสัยนายไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

     

           “ไม่ต้องมาทำพูดอย่างนี้น่า นายเองก็คิดจะจีบเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง เลนนอน

     

           “นายนี่รู้ใจฉันดีจริงๆเลย  แล้วทั้งสองหนุ่มก็หัวเราะพร้อมกัน

     

           “เลิกคิดกันแบบนั้นเถอะนะครับทั้งสามคน  ล่อลวงเด็กนี่มันไม่ดีเลย  เด็กหนุ่มผมย้อมสีเงินพูดขึ้น

     

           “หุบปากน่า  อูริค

     

     

           ขณะนี้ นักเรียนปีหนึ่งทุกคนกำลังทยอยเดินเข้าสู่ห้องโถงเพื่อรับฟังการปฐมนิเทศ  นักเรียนบางคนแสดงอาการตื่นเต้น

     

    เป็นอย่างมากกับการได้เข้าโรงเรียนใหม่  ในขณะที่นักเรียนบางคนแสดงอาการเบื่อหน่ายเพราะอยากเรียนเต็มแก่

     


           “จะมาปฐมนิเทศทำไมก็ไม่รู้  ไร้สาระจริงๆเลย  เด็กผู้ชายใส่แว่นพูดขึ้น


           “ทนๆไปเหอะน่า  เดี๋ยวเค้าบ่นๆเสร็จก็เริ่มเรียนแล้วมั้ง  เด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งพูดขึ้นกับเพื่อน


           “เริ่มกะผีอะไร  ยังมีกิจกรรมรับน้องบ้าบอคอแตกอีก  เด็กผู้ชายใส่แว่นยังคงบ่นต่อไปด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก

     

           “ถ้าน้องไม่พอใจก็กลับบ้านไปเลี้ยงควายเลยไป  มันก็เป็นอย่างนี้ทุกโรงเรียนนั่นแหละ  ถ้าน้องไม่ให้ความสำคัญกับ

     

    กิจกรรม ก็เท่ากับว่าน้องไม่ให้ความสำคัญกับโรงเรียนที่ให้ความรู้กับน้อง  น้องก็ไม่ต้องเรียนหรอก  กลับบ้านไปเลย ไป!!!”

     

    รุ่นพี่ปี5คนหนึ่งตวาดเด็กใส่แว่นคนนั้น

     

           “ถ้าการเข้าทำงานมันดูที่ความสามารถไม่ใช้ใบจบจากโรงเรียนปัญญาอ่อนนี้ผมก็ไม่มาเรียนให้เมื่อยตุ้มหรอก  ผมอยู่

     

    บ้านอ่านหนังสือเองยังเข้าใจ  แล้วเข้าใจมากกว่าที่ครูห่วยๆสอนเสียอีก  เด็กใส่แว่นคนนั้นพูดตอบกลับ


           “ไร้มารยาท  เฮ้ย!  เอาเด็กคนนี้ไปสั่งสอนให้มันรู้สำนึกก่อนจะเข้าพิธีปฐมนิเทศ  รุ่นพี่ปี5คนนั้นสั่งลูกน้องของตน 

     

    เด็กใส่แว่นคนนั้นถูกหิ้วไปยังที่ๆหนึ่งเพื่อรับการสั่งสอน  ส่วนเด็กอีกคนหนึ่งที่มาด้วยกันมีสีหน้าเกรงกลัวจนตัวสั่นไปหมด

     

           “อ๊ะๆๆ  น้องไม่ต้องกลัวนะครับ  เชิญเข้าห้องโถงได้เลยครับ  น้องไม่มีความผิด  รุ่นพี่ปี5คนเดิมหันมาพูดด้วยคำพูดที่

     

    สุภาพมาก ก่อนจะส่งเด็กอีกคนเข้าห้องโถงไป

     

     

           “โหๆ  เบลซ  นายเห็นอะไรนั่นป่ะ?  เลนนอนถามขึ้น


           “สาวที่ไหนอีกล่ะสิ  เบลซพูดเหน็บแนมเหมือนรู้นิสัยเพื่อนของตน

     

           “ไม่ใช่เว้ย  ดูนั่นดิ  เด็กปี1โดนพวกพี่ว้ากเล่นแล้วว่ะ  เลนนอนพูดพร้อมชี้ไปทางด้านนอกของห้องโถง

     

           “ห่ะๆๆ  พวกเทพก็สมควรโดนอย่างนั้นแหละ  ชอบหยิ่งและอวดเก่งนัก  เบลซพูดพร้อมยิ้มแสยะด้วยแววตาที่

     

    สะใจที่สุด  ดูเหมือนว่าเขาคงจะเกลียดพวกเทพ (ยกเว้นผู้หญิง) อยู่ไม่น้อย

                                                                                              

     

           “นี่  จีอาร์  เธอจะชะเง้อขอยืดคอยาวไปถึงไหนกันนะ  ถามจริงๆเถอะ นี่เธอกำลังมองหาใครรึเปล่า  ให้ฉันช่วยหามั้ย? 

     

    แอ๊ปเปิ้ลถามขึ้น


           “เปล่านี่ เปล่า  ฉันไม่ได้มองหาใครเลย


           “โกหก  ฉันรู้ล่ะน่า  เธอต้องรู้จักเด็กสักคนในรุ่นนี้แน่

     

           “เถอะน่าๆ  ไม่ต้องสนใจหรอกนะ


           “งั้นเธอก็เลิกทำคอยืดคอยาวเถอะ  ฉันเวียนหัวจะแย่อยู่แล้ว


           “จ้าๆๆ  จีอาร์ตอบไปอย่างส่งๆ  หากสายตาของเธอยังคงสอดส่องมองหาใครบางคน  คนที่เธอรักและเป็นห่วงมาก 

     

    ฟาเวล  คนที่เป็นน้องสาวของเธอ

     

     

           “ขอยินดีต้อนรับนักเรียนทุกคนเข้าสู่โรงเรียนไซแอนซิส  ปีนี้เป็นปีที่น่ายินดีอย่างยิ่ง  เพราะเป็นปีที่โรงเรียนไซแอนซิส

     

    ของเราเปิดสอนมาครบรอบ 10,000 ปี...”

     

           “ว้าว  หมื่นปีเลยหรอเนี่ย?  เก่าแก่จัง  ฟาเวลพูดขึ้น  สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆห้องโถงที่ถูกประดับประดาไว้

     

    อย่างตระการตา  ดูเธออ่อนต่อโลกเสียยิ่งกว่ากะไร

     

     

           พิธีปฐมนิเทศยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ  นักเรียนชั้นปีสูงๆหน่อยก็เริ่มง่วงเหงาหาวนอน  โดยเฉพาะปีที่9  ที่ต้องนั่งฟัง

     

    ประโยคเดิมๆซ้ำๆราวกับเปิดเทปที่อัดไว้ตั้งแต่เมื่อ9ปีที่แล้ว  ส่วนนักเรียนปีอื่นๆก็เริ่มหาอะไรขึ้นมาทำอย่างเช่น  พับนก 

     

    พับจรวด  พับเรือ  วาดรูปล้อเลียนเหล่าบรรดาคณาจารย์ที่อยู่ตรงหน้า  บางคนที่มีความสามารถมากก็จะวาดเป็นการ์ตูนเป็น

     

    เรื่องเป็นราวจนเอาไปขายหลังพิธีได้ตังค์ก็มี

     

     

            “อะไรกันเนี่ย!!!  แน่ใจหรอว่ามันเป็นตารางเรียนของนักเรียนปี4น่ะ!”  จีอาร์พูด  เมื่อเธอเห็นตารางเรียนของเธอ

     

            “ท..ทำไมล่ะจีอาร์  แอ๊ปเปิ้ลถามขึ้นในท่าทีที่แสนจะงงงวย

     

            “ทำไมตารางเรียนมันว่างเปล่าอย่างนี้ล่ะ?

     

            “ล..แล้วมันไม่ดีหรอ

     

            “จะไปดีได้ไงล่ะ  แล้วจะได้รับสาระวิชาการได้ครบยังไงกัน  ยิ่งปีนี้เรียนแบบแบ่งตามสายอาชีพด้วย  มันไม่ยิ่งแย่

     

    กันไปใหญ่เหรอ””


            “จีอาร์  เธอไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้นะ

     

            “นั่นสิจีอาร์  เธอน่าจะดีใจนะที่ได้มีเวลาพักผ่อนน่ะ  แทมร่า  เพื่อนสาวลูกครึ่งปีศาจ-มนุษย์พูดขึ้น

     

            “ไหน  ขอดูตารางเรียนของเธอหน่อยสิ  แอ๊ปเปิ้ลพูด  จีอาร์ยื่นตารางเรียนให้  แอ๊ปเปิ้ลนำตารางเรียนของจีอาร์

     

    มาเปรียบเทียบกับของตน

     

            “น..น้อยจริงๆด้วย  น้อยกว่าของฉันอีกแหนะ

     

            “จริงหรอ  ขอพวกเราดูบ้างสิ  แทมร่าและเพื่อนๆของเธอต่างเอาตารางสอนไปเทียบดูกันใหญ่

     

            “จีอาร์  เธอไม่มีเรียนวิชาเฉพาะเลยนี่


            “ว่าไงนะ


            “ดูตารางเรียนของฉันสิ  ยังมีวิชาปีศาจศึกษา  แต่เธอไม่มีเลย  ทั้งเทพศึกษา มนุษย์ศึกษา หรือปีศาจศึกษา 

     

    เธอไม่มีเลยทั้งนั้น

     

            “ฉันต้องไปคุยกับอาจารย์ใหญ่  พูดแล้วจีอาร์ก็รีบวิ่งออกไปจากที่นั่นทันที

     

     

            ที่หน้าห้องอาจารย์ใหญ่...

     

            ก๊อก ก๊อก

     

            “เชิญ  เสียงเรียบเฉยหากเปี่ยมไปด้วยพลังกล่าวขึ้น

     

            “ขออนุญาตค่ะ  จีอาร์พูดแล้วค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในห้อง


            “เธอมีอะไรรึ  จีอาร์

     

            “อาจารย์ใหญ่คะ  ทำไมตารางเรียนหนูถึงไม่มีวิชาเฉพาะ?

     

            “ทางโรงเรียนไม่รู้จะจัดตารางเรียนให้เธออย่างไร  ในเมื่อทางโรงเรียนยังไม่สามารถทราบได้ว่าในเลือดผสมของเธอ

     

    มีสายเลือดอะไรมากกว่ากัน

     

            “ปีศาจค่ะ  เลือดปีศาจแน่นอน  สีตาดำไร้ประกาย สีผมน้ำตาลค่อนไปทางแดง ทุกอย่าง  มันแสดงออกถึงความเป็น

     

    ปีศาจชัดๆ  หนูมีเลือดปีศาจมากกว่าแน่นอนค่ะ

     

            “ไม่ได้นะจีอาร์  เราตัดสินจากภายนอกไม่ได้  ที่เรายังไม่รู้ว่าเธอมีสายเลือดอะไรมากกว่า  นั่นเป็นเพราะเธอยังมีอายุ

     

    ไม่ถึง15ปี  จึงยังไม่ถึงเวลาที่จะตรวจเลือดได้  ถึงแม้ว่าเธอจะมายืนยันว่าตนเองเป็นปีศาจ  และจะเลือกเรียนวิชาปีศาจ 

     

    ทางโรงเรียนก็ไม่สามารถจัดตารางให้ได้  เพราะหากภายภาคหน้าตรวจผลออกมาแล้วเธอมีเลือดเทพมากกว่า 

     

    เธอก็ต้องไปเรียนวิชาเทพซ้ำใหม่

     

            “งั้นในตอนนี้  หนูขอเรียนทั้งวิชาเทพและปีศาจควบคู่กันไปได้มั้ยคะ


            “อะไรนะ!!”

     

            “หนูขอเรียนทั้ง2วิชาควบคู่กันไปค่ะ

     

            “แต่ตารางเรียนของเธอจะเรียนหนักมากเลยนะ

     

            “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  แค่ให้หนูได้เรียนไปพร้อมๆกับเพื่อนรุ่นเดียวกันก็พอแล้วค่ะ

     

            “เอาล่ะ  ได้  ฉันเชื่อมั่นว่าเธอจะต้องทำได้  แล้วฉันจะออกตารางเรียนใหม่ให้  ในระหว่างนี้เธอก็เข้าเรียนตาม

     

    ตารางเดิมไปก่อน

     

            “ขอบคุณมากค่ะ

     

            “ให้ตายสิ  ฉันยังไม่เคยเห็นเด็กคนไหนใจกล้าเท่าเด็กนี่มาก่อนเลย  อาจารย์ใหญ่พูดพร้อมกุมขมับ

     

     

            จีอาร์เดินไปเรื่อยๆพร้อมฮัมเพลงไปอย่างสบายอารมณ์  เธอไม่มีคาบเรียนเลยตลอดเช้าวันนี้

     

            “พวกเราจะไปเรียน  พี่ๆมาขวางทำไม  เสียงแหลมของเด็กผู้หญิงดังขึ้น  จีอาร์หยุดชะงักและหันกลับไปมองที่

     

    ต้นเสียงนั่น  เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ3คนกำลังจะเดินไปหอสมุด  แต่ถูกขวางทางโดยรุ่นพี่ผู้ชาย3คน

     

            “ก็พี่ไม่ให้ผ่านทางนี้  น้องจะทำอะไรพี่ได้  หนึ่งในรุ่นพี่กลุ่มนั้นพูดขึ้นพร้อมทำท่าทางยียวนกวนประสาทเป็นที่สุด

     

            “พวกเราจะไปฟ้องอาจารย์  เด็กผู้หญิงคนเดิมพูดเสียงแหลมปรี๊ด

     

            “พวกเราจะไปฟ้องอาจารย์  รุ่นพี่กลุ่มนั้นเลียนเสียง  แต่ออกจะแหลมเว่อร์เสียยิ่งกว่า  ตายๆๆ  กลัวจังเลยครับผม 

     

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า

     

            “พี่ๆคะ  ให้เราเดินผ่านไปทางนี้เถอะนะคะ  พวกเราต้องรีบไปเรียนจริงๆ  เสียงหวานจากเด็กผู้หญิงผมทอง

     

    นัยน์ตาฟ้าดังขึ้น

     

            “ให้มันน่ารักแบบนี้สิ  รุ่นพี่คนหนึ่งพูดพร้อมเอามือจับที่คางของเด็กผู้หญิง

     

            “หยุดได้แล้ว!”  เสียงอาจารย์วันดา อาจารย์ฝ่ายปกครองสุดโหดดังขึ้น  เธอยกไม้เรียวชี้หน้ารุ่นพี่เรียงคน 

     

    ตามฉันมาที่ห้อง

     

            “งานเข้าแล้วไง  หนึ่งในรุ่นพี่ทั้งสามคนบ่นอุบอิบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×