คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : มหานครโคว์
เกวียนหลายร้อยหรืออาจจะเป็นพันเล่มค่อย ๆ เคลื่อนไปที่ละน้อยบนถนนที่ทอดผ่านทุ่งหญ้าสีเขียว ดอกไม้หลากสีเบ่งบานส่งกลิ่นหอมเอนลู่ไปมาตามแรงลมที่พัดผ่าน ภาพดังกล่าวช่วยผ่อนคลายความหงุดหงิดและเบื่อหน่ายกับการจราจรที่ติดขัด แสนเชื่องช้าผิดกับวิสัยของใครบ้างคนที่นั่งพิงหลับอยู่ในเกวียน
" ทามัส ฮอนเทรต จากเวเลนเดีย " เสียงปรบมือดังขึ้นจากผู้คนรอบข้างเพื่อร่วมแสดงความยินดี ทำให้เจ้าของชื่อใบหูร้อนผ่าว ยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ แล้วก้าวเดินไปต่อแถวผู้ที่สอบผ่านอย่างไม่ค่อยจะเชื่อหูตัวเองนัก
ผลุบ!
โป๊ก! "โอ้ย !"
เด็กหนุ่มรูปร่างสูงกำยำสมส่วน จมูกโด่งเป็นสัน นัยน์ตาคมเข้มสีผิวค่อนไปทางขาวมากกว่า ตัดกับผมที่ดำสนิท ตกใจตื่นเพราะแรงกระแทก ทำให้ดาบที่ห้อยอยู่หล่นใส่หัวอย่างจัง
" ว้าว ! " ทามัสโผล่หัวออกมาจากเกวียน และตื่นตากับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า
" ไม่เปลี่ยนเลย " คามชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำนัยน์ตาคล้ายกับลูกชาย แถมมีหนวดเคราครึ้มทั่วใบหน้า พูดขึ้นพลันล้วงมือไปหยิบยาสูบจากกระเป๋าเสื้อคลุมขึ้นมาดูด
" พ่อเคยมาเหรอ แล้วมาทำอะไร มากับใคร เจอแม่ที่นี่ใช่ปะ "
โป๊ก !
โอ้ย ! ทามัสลูบหัวเบา ๆ เพราะถูกเคาะด้วยกล้องสูบยา
" ถามทีละอย่างสิวะ เล่นถามแบบไม่รอคำตอบ ใครที่ไหนจะฟังทัน "
คนถามส่งยิ้มแหย ๆ ให้ผู้เป็นพ่อ
แถวเกวียนที่ยาวเหยียดบัดนี้หดสั้นเหลือเพียงอีกไม่กี่สิบเล่มเท่านั้น ก็จะถึงเกวียนของทามัสแล้ว แต่ด้านหลังยังคงมีขบวนเกวียนอีกยาวจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดทั้ง ๆ ที่ตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว
" พ่อว่าจะมีโรงแรมเหลืออยู่ไหม "
" มี " ผู้เป็นพ่อตอบสั้น ๆ อย่างนึกรำคาญที่ถูกขัดจังหวะสูบยา
กำแพงเมืองสร้างด้วยหินสูงใหญ่มาก ขนาดเอาช้างสองตัวมาต่อกันก็ยังปีนข้ามไปไม่ได้ บนกำแพงมีป้อมเล็ก ๆ เรียงรายอยู่ตลอดแนว เบื้องหลังกำแพงมีปราสาทหลังงามสูงตระหง่านแหวกอากาศขึ้นไป บนยอดมีธงสีแดงสลับเหลืองปลิวไสว ราวกับกำลังโบกต้อนรับผู้มาเยือนในฤดูกาลแห่งการสอบ เมื่อเกวียนขยับใกล้เข้าไปทำให้เห็นบานประตูไม้สีน้ำตาลขนาดใหญ่ มีร่องรอยบอกให้รู้ว่ามีอายุยาวนานแต่ยังคงความแข็งแกร่งไว้เช่นเดิม หน้าประตูเมืองมีลำธารไหล่ผ่านและมีสะพานพาดข้ามเป็นทางตรงไปยังประตู ที่เชิงสะพานด้านนอกมีป้อมขนาดเล็ก ที่คอยตรวจหนังสือเดินทางของผู้ที่จะผ่านเข้าไปในเมือง คานไม้กั้นลอยขึ้นเปิดทางให้เกวียนเคลื่อนผ่านสะพานเข้าไป แล้วจึงลอยกลับลงมากั้นเกวียนอีกเล่มหนึ่งที่ยังไม่ได้ตรวจบัตรผ่าน
" หนังสือเดินทาง " เสียงพูดอย่างวางอำนาจดังขึ้น ทำให้ผู้ฟังพยายามหาต้นตอของเสียง ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นนอกจากล่องสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลใบเก่า ๆ ที่มีช่องสำหรับเสียบหนังสือเดินทางด้านบน และอีกช่องอยู่ด้านล่าง คามหยิบการ์ดใบสีน้ำเงินเสียบเข้าไปในช่องด้านบนของกล่อง ก่อนที่จะหยิบการ์ดพร้อมกับกระดาษสีขาวแผ่นเล็ก ๆ จากช่องด้านล่างคานไม่ที่กั้นอยู่ลอยขึ้นเปิดทางให้เกวียนของคามและทามัสเคลื่อนผ่านเข้าไป
ภาพความคับคั่งและคึกคักของมหานครโคว์ปรากฏแก่สายตาของผู้มาเยือน ร้านรวงมากมายมีของจากทั่วทุกสารทิศวางขายอยู่ ผู้คนก็พูดจากันอื้ออึงจนฟังไม่ออกว่าพูดภาษาอะไรกัน คามหันไปมองเจ้าลูกชายที่เคยถามซอกแซกไม่เข้าเรื่อง แต่ตอนนี้กลับหันซ้ายหันขวาด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น
คามบังคับม้าให้เลี้ยวไปทางซ้าย เลาะไปตามด้านในของกำแพงก่อนจะหยุดที่อาคารไม้ 7 ชั้นหลังหนึ่งที่ติดป้ายว่า "โรงแรมแทมเมอรีน"
" นี่ไงโรงแรม " คามใช้แขนตวัดคอลูกชายลงจากเกวียน
" สภาพเงี่ยะ " ทามัสมองโรงแรมอย่างชั่งใจ เพราะสภาพที่เห็นมันน่าจะเป็นโรงแรมร้างซะมากกว่า
" สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่อย่างที่เห็น
.ตามมา " คามเดินนำเข้าประตูไป ปล่อยทามัสยืนสำรวจอยู่หน้าโรงแรมสักพักก่อนที่จะสาวเท้าตามเข้าไปอย่างแหยง ๆ เมื่อผลักประตูเข้าไป ภาพของโรงแรมระดับสี่ดาวก็ปรากฏแก่สายตาผู้ไม่คุ้นเคย ห้องโถงขนาดใหญ่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิด และอบอวนไปด้วยกลิ่นน้ำมันหอม พนักงานโรงแรมสาวสวยในชุดเสื้อคลุมสีชมพูหวานแหวว เดินมาต้อนรับผู้เข้าพัก ทางซ้ายเป็นบาร์น้ำชา ทางขวาเป็นห้องรับฝากสัตว์เลี้ยง ถัดไปเป็นบันไดทองเหลืองที่ถูกขัดจนขึ้นเงาแวววาว
คามเดินโบกมือเรียกเป็นสัญญาณบอกให้ทามัสตามไป แล้วตัวเองเดินลิ่วตามพนักงานสาวขึ้นบันไดไปเฉย ทามัสรีบวิ่งตามไปอย่างเสียดายเวลาดูของสวย ๆ งาม ๆ
โครม !
. ตุ๊บ!
ใครคนหนึ่งลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น ก่อนจะเงยหน้าและลุกขึ้นมาทำตาเขียวใส่เจ้าคนก่อเรื่อง
" ขอโทษครับ " ทามัสรีบกล่าวแล้วยกมือเกาหัวเพราะไม่รู้จะพูดไงต่อ รอดูท่าทีฝ่ายตรงข้าม ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย แต่กลับเป็นการมองสำรวจไปตามพื้นเหมือนหาอะไรบางอย่าง
" หนูฉัน " เด็กชายรูปร่างโปร่งผมสีน้ำตาลแดงตัดกับใบหน้าสีขาวจมูกโด่งเป็นสัน เสียอย่างเดียวผอมไปจนดูเก้งก้าง พูดขึ้นด้วยท่าทางขึงขัง ทามัสก้าวขาถอยหลังไปหวังจะช่วยหาหนูของเด็กหนุ่มแปลกหน้า แต่เขารู้สึกเหมือนกับเหยียบอะไรสักอย่างอยู่ ในใจก็ภาวนาของอย่าให้เป็นหนูเลย ทามัสค่อย ๆ แง้มดูที่เท้าของตัวเอง และไม่อยากจะคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปถ้าเด็กหนุ่มคนนั้นเห็นภาพนี้ เขาค่อย ๆ ย่อตัวลงทำทีเป็นช่วยมองหาหนู และด้วยความไวพลันล้วงมือไปหยิบเจ้าสิ่งที่อยู่ใต้เท้านั้นใส่กระเป๋ากางเกงไว้ พนักงานโรงแรมพากันมาช่วยหา จนกลายเป็นมหกรรมการตามหาหนูไปเสียแล้ว
" นายชื่ออะไร..มาจากไหน..มาคนเดียวเหรอ.." พลันชะงักเมื่อรู้ว่าคำถามอย่างนี้ไม่ช่วยเพิ่มบรรยากาศแห่งมิตรภาพเลย
" กอเลียส กริม
มาจากเฮเลียน มากับพ่อแต่พ่อกลับไปแล้วมีธุระด่วน " เด็กหนุ่มค่อย ๆ ตอบไล่ไปทีละคำถาม
" ฉัน ทามัส ฮอนเทรต มาจากเวเลนเดีย มากับคาม พ่อฉันเอง ตอนนี้ไม่รู้ตามพนักงานโรงแรมไปถึงไหนแล้ว " ทามัสยิ้มพร้อมกับยักไหล่
" แล้วหนูนาย "
" มันชื่อ แรฟ ฉันเลี้ยงมันตั้งแต่ตัวแดง ๆ .." กอเลียสพูดพลางมองสำรวจหาแรฟต่อ
" ฉันว่ามันคงอยู่แถวนี้แหละ " คนผิดหาทางเอาตัวรอด
" แล้วนายมาทำไมที่นี่
มาสอบเข้าคริสครอทใช้ปะ.. ฉันก็เหมือนกัน..แต่ไม่อยากมาหรอก..คาม
เฮ่ยพ่อฉันนะซิบังคับ " ทามัสถามต่อตามนิสัย
" อื้อ คงงั้นแหละ " คำตอบสั้น ๆ แต่น้ำเสียงกระทบนิดหน่อย ก็เจ้าคนถามเล่นถามเองตอบเอง ทามัสส่งยิ้มเจือน ๆ ไปให้
" นายพักอยู่ชั้นไหนเหรอ
." ทามัสรีบเอามือปิดปากก่อนคำถามชุดจะหลุดออกมาอีก แล้วหัวเราะแหะ ๆ
" ชั้น 7 นายละ "
" ชั้น
ไม่รู้สิ เดี๋ยวพ่อคงลงมารับ"
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ยังมีเสียงล้อเกวียนดังอย่างไม่ขาดสาย เสียงแตรจากปราสาทที่เป่าบอกเวลาการเปลี่ยนเวรยามของทหารดังขึ้นทุก ๆ สองชั่วโมง ทามัสยังคงนั่งอยู่ที่บาร์ ในใจก็พลันหงุดหงิดกับการที่ถูกพ่อปล่อยทิ้งไว้ท่ามกลางคนแปลกหน้า โชคดีที่ยังมีเพื่อนคุย เพื่อนที่จะยอมเป็นเพื่อนหรือเปล่าเมื่อรู้ความจริง
" นายไปนอนห้องฉันก็ได้ " เพื่อนใหม่ยื่นข้อเสนอ
" นายไม่กลัวเหรอ.. หมายถึงถ้าฉันเป็นขโมย เป็นฆาตกร เป็นอาชญากรที่ถูกหมายหัว หรือเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพ " คนฟังมองสบตาเจ้าคนตั้งคำถามอย่างชั่งใจ
" ไม่มีขโมยที่ไหนบอกว่าตัวเองเป็นขโมย หรือฆาตกรหรืออาชญากรที่เที่ยวประกาศให้คนอื่นรู้ หรือแม้แต่นักต้มตุ๋นที่กลัวคนจับได้เป็นที่สุด "
" นั่น สิ " ทามัสสนับสนุนพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างให้
" ว่าไง " คนชอบตั้งคำถามถูกถามกลับ
" ตกลง คงเป็นการเสียมารยาทที่จะปฎิเสธมิตรภาพที่ถูกหยิบยื่นให้ " ทามัสตอบอย่างไว้ท่า
" ตามมา" กอเลียสเดินนำไปทางซ้าย ซึ่งเป็นคนละทางกับที่มีบันไดอยู่
" เฮ้ บันไดอยู่ทางโน้นไม่ใช่เหรอ หรือทางนี้ก็มี แล้ว
" ก่อนที่ทามัสจะยิงคำถามชุดนี้จบ
" ลิฟท์บอร์ด ไวกว่า "
กอเลียสเดินมาหยุดที่แผ่นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากนักพอยืนได้สองคนที่ถูกวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ กอเลียลขึ้นไปเหยียบแล้วพยักหน้าให้ทามัสตามขึ้นไป แผ่นไม้ค่อย ๆ ลอยขึ้น ทำให้คนไม่เคยเกาะติดเพื่อนใหม่แน่น
" นายท่าจะไม่เคย "
" ไม่เลย ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ "
" อึม เวเลนเดีย " กอเลียสท่าทางใช้ความคิด " ถึงแล้ว " ทั้งคู่ก้าวไปตามทางที่ทอดอยู่กลางอากาศเข้าสู้ระเบียงกลางที่สองฝั่งเป็นห้องพัก
" เวเลนเดีย เป็นไงเหรอ " ทามัสติดใจกับคำพูดของกอเลียสเมื่อสักครู่
" เวเลนเดีย เป็นเผ่ามนุษย์ธรรมดาไม่มีความเกี่ยวพันธ์ทางสายเลือดกับรูฟ จึงทำให้ไม่คุณเคยกับการใช้เวทมนตร์ "
" ชัวร์ป๊าบ " พึ่งรู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่จริง " ว่าแต่
" ทามัสหยุดคิด " รูฟคืออะไรอะ
นายเป็นด้วยเหรอ
นายใช้เวทมนตร์ได้หรือปล่าว
ทำให้ดูหน่อยดิ
แล้วมีเวทมนต์ที่สามารถอ่านใจคนได้หรือปล่าว " คำถามชุดใหญ่ถูกยิงออกไป
" ฉันเป็นลูกครึ่ง แม่เป็นรูฟ แน่นอนฉันใช้ได้ แต่ไม่ค่อยเก่งหรอก แล้วเวทมนตร์ที่ใช้อ่านใจคนนั้น
"
" ไม่มีใช้ไหม " ทามัสรีบพูดขึ้นก่อนเพราะยังรู้สึกเสียวสันหลังเรื่องหนู
" มีสิ "
" แล้วนายทำได้หรือปล่าว "
" ได้ แต่ต้องมีใบอนุญาติก่อน เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล "
" แล้วจะรู้ได้ไงว่าใครใช้ตอนไหน " ทามัสถามด้วยเกรงถึงความปลอดภัย
" มีสายตรวจอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีโทษปรับและจำคุกด้วย "
" ขืนไม่มีมาตราการคงได้แตกหักกันแน่ " ทามัสพูดในใจแต่ก็ยังรู้สึกเสียวไม่หายแสงไฟจากตะเกียงบนเกวียนด้านนอก บอกให้รู้ว่าขบวนเกวียนยังไม่สิ้นสุด ดวงไฟเรียงต่อกันเป็นแถวบอกให้รู้ว่านั่นคือแนวถนนที่ทอดยาวในความมืด ลมเย็นพัดมาต้องผิวหน้าทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน ภาพความรโหฐานเมื่อตอนกลางวันเปลี่ยนเป็นความงามด้วยแสงสีจากตะเกียงไฟ คบเพลิงบนยอดปราสาทถูกจุดส่องให้เห็นผู้คนที่ยังคงคับคั่งอยู่บนถนนเบื้องล่าง
ความคิดเห็น