ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เดอะคริสคอท ตอน หุบผาสะกดวิญญาณกับตำนานผู้กล้าทั้ง 4

    ลำดับตอนที่ #2 : มหานครโคว์

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 49



              เกวียนหลายร้อยหรืออาจจะเป็นพันเล่มค่อย ๆ เคลื่อนไปที่ละน้อยบนถนนที่ทอดผ่านทุ่งหญ้าสีเขียว  ดอกไม้หลากสีเบ่งบานส่งกลิ่นหอมเอนลู่ไปมาตามแรงลมที่พัดผ่าน  ภาพดังกล่าวช่วยผ่อนคลายความหงุดหงิดและเบื่อหน่ายกับการจราจรที่ติดขัด แสนเชื่องช้าผิดกับวิสัยของใครบ้างคนที่นั่งพิงหลับอยู่ในเกวียน

              " ทามัส  ฮอนเทรต  จากเวเลนเดีย " เสียงปรบมือดังขึ้นจากผู้คนรอบข้างเพื่อร่วมแสดงความยินดี  ทำให้เจ้าของชื่อใบหูร้อนผ่าว ยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ  แล้วก้าวเดินไปต่อแถวผู้ที่สอบผ่านอย่างไม่ค่อยจะเชื่อหูตัวเองนัก
       
              ผลุบ!…โป๊ก! "โอ้ย !"  
             
              เด็กหนุ่มรูปร่างสูงกำยำสมส่วน  จมูกโด่งเป็นสัน  นัยน์ตาคมเข้มสีผิวค่อนไปทางขาวมากกว่า  ตัดกับผมที่ดำสนิท  ตกใจตื่นเพราะแรงกระแทก ทำให้ดาบที่ห้อยอยู่หล่นใส่หัวอย่างจัง

              " ว้าว ! "  ทามัสโผล่หัวออกมาจากเกวียน และตื่นตากับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า

              " ไม่เปลี่ยนเลย " คามชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่  ผิวคล้ำนัยน์ตาคล้ายกับลูกชาย แถมมีหนวดเคราครึ้มทั่วใบหน้า พูดขึ้นพลันล้วงมือไปหยิบยาสูบจากกระเป๋าเสื้อคลุมขึ้นมาดูด

              " พ่อเคยมาเหรอ    แล้วมาทำอะไร    มากับใคร   เจอแม่ที่นี่ใช่ปะ "
      
              โป๊ก !…

              โอ้ย ! ทามัสลูบหัวเบา ๆ เพราะถูกเคาะด้วยกล้องสูบยา

              " ถามทีละอย่างสิวะ เล่นถามแบบไม่รอคำตอบ ใครที่ไหนจะฟังทัน "
      คนถามส่งยิ้มแหย ๆ ให้ผู้เป็นพ่อ

              แถวเกวียนที่ยาวเหยียดบัดนี้หดสั้นเหลือเพียงอีกไม่กี่สิบเล่มเท่านั้น ก็จะถึงเกวียนของทามัสแล้ว  แต่ด้านหลังยังคงมีขบวนเกวียนอีกยาวจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดทั้ง ๆ ที่ตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว  

              " พ่อว่าจะมีโรงแรมเหลืออยู่ไหม "
      
              " มี " ผู้เป็นพ่อตอบสั้น ๆ อย่างนึกรำคาญที่ถูกขัดจังหวะสูบยา

              กำแพงเมืองสร้างด้วยหินสูงใหญ่มาก  ขนาดเอาช้างสองตัวมาต่อกันก็ยังปีนข้ามไปไม่ได้  บนกำแพงมีป้อมเล็ก ๆ เรียงรายอยู่ตลอดแนว  เบื้องหลังกำแพงมีปราสาทหลังงามสูงตระหง่านแหวกอากาศขึ้นไป  บนยอดมีธงสีแดงสลับเหลืองปลิวไสว  ราวกับกำลังโบกต้อนรับผู้มาเยือนในฤดูกาลแห่งการสอบ  เมื่อเกวียนขยับใกล้เข้าไปทำให้เห็นบานประตูไม้สีน้ำตาลขนาดใหญ่  มีร่องรอยบอกให้รู้ว่ามีอายุยาวนานแต่ยังคงความแข็งแกร่งไว้เช่นเดิม  หน้าประตูเมืองมีลำธารไหล่ผ่านและมีสะพานพาดข้ามเป็นทางตรงไปยังประตู   ที่เชิงสะพานด้านนอกมีป้อมขนาดเล็ก ที่คอยตรวจหนังสือเดินทางของผู้ที่จะผ่านเข้าไปในเมือง  คานไม้กั้นลอยขึ้นเปิดทางให้เกวียนเคลื่อนผ่านสะพานเข้าไป  แล้วจึงลอยกลับลงมากั้นเกวียนอีกเล่มหนึ่งที่ยังไม่ได้ตรวจบัตรผ่าน
     
               " หนังสือเดินทาง " เสียงพูดอย่างวางอำนาจดังขึ้น  ทำให้ผู้ฟังพยายามหาต้นตอของเสียง  ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นนอกจากล่องสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลใบเก่า ๆ ที่มีช่องสำหรับเสียบหนังสือเดินทางด้านบน  และอีกช่องอยู่ด้านล่าง  คามหยิบการ์ดใบสีน้ำเงินเสียบเข้าไปในช่องด้านบนของกล่อง ก่อนที่จะหยิบการ์ดพร้อมกับกระดาษสีขาวแผ่นเล็ก ๆ จากช่องด้านล่างคานไม่ที่กั้นอยู่ลอยขึ้นเปิดทางให้เกวียนของคามและทามัสเคลื่อนผ่านเข้าไป 

              ภาพความคับคั่งและคึกคักของมหานครโคว์ปรากฏแก่สายตาของผู้มาเยือน ร้านรวงมากมายมีของจากทั่วทุกสารทิศวางขายอยู่  ผู้คนก็พูดจากันอื้ออึงจนฟังไม่ออกว่าพูดภาษาอะไรกัน  คามหันไปมองเจ้าลูกชายที่เคยถามซอกแซกไม่เข้าเรื่อง  แต่ตอนนี้กลับหันซ้ายหันขวาด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น
       
              คามบังคับม้าให้เลี้ยวไปทางซ้าย เลาะไปตามด้านในของกำแพงก่อนจะหยุดที่อาคารไม้ 7 ชั้นหลังหนึ่งที่ติดป้ายว่า  "โรงแรมแทมเมอรีน"

              " นี่ไงโรงแรม "  คามใช้แขนตวัดคอลูกชายลงจากเกวียน

              " สภาพเงี่ยะ " ทามัสมองโรงแรมอย่างชั่งใจ เพราะสภาพที่เห็นมันน่าจะเป็นโรงแรมร้างซะมากกว่า

              " สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่อย่างที่เห็น ….ตามมา "  คามเดินนำเข้าประตูไป ปล่อยทามัสยืนสำรวจอยู่หน้าโรงแรมสักพักก่อนที่จะสาวเท้าตามเข้าไปอย่างแหยง ๆ  เมื่อผลักประตูเข้าไป  ภาพของโรงแรมระดับสี่ดาวก็ปรากฏแก่สายตาผู้ไม่คุ้นเคย  ห้องโถงขนาดใหญ่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิด  และอบอวนไปด้วยกลิ่นน้ำมันหอม  พนักงานโรงแรมสาวสวยในชุดเสื้อคลุมสีชมพูหวานแหวว  เดินมาต้อนรับผู้เข้าพัก  ทางซ้ายเป็นบาร์น้ำชา  ทางขวาเป็นห้องรับฝากสัตว์เลี้ยง  ถัดไปเป็นบันไดทองเหลืองที่ถูกขัดจนขึ้นเงาแวววาว

              คามเดินโบกมือเรียกเป็นสัญญาณบอกให้ทามัสตามไป  แล้วตัวเองเดินลิ่วตามพนักงานสาวขึ้นบันไดไปเฉย  ทามัสรีบวิ่งตามไปอย่างเสียดายเวลาดูของสวย ๆ งาม ๆ
      
              โครม !…. ตุ๊บ!

              ใครคนหนึ่งลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น  ก่อนจะเงยหน้าและลุกขึ้นมาทำตาเขียวใส่เจ้าคนก่อเรื่อง
     
               " ขอโทษครับ " ทามัสรีบกล่าวแล้วยกมือเกาหัวเพราะไม่รู้จะพูดไงต่อ  รอดูท่าทีฝ่ายตรงข้าม  ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย  แต่กลับเป็นการมองสำรวจไปตามพื้นเหมือนหาอะไรบางอย่าง 

              " หนูฉัน " เด็กชายรูปร่างโปร่งผมสีน้ำตาลแดงตัดกับใบหน้าสีขาวจมูกโด่งเป็นสัน  เสียอย่างเดียวผอมไปจนดูเก้งก้าง พูดขึ้นด้วยท่าทางขึงขัง ทามัสก้าวขาถอยหลังไปหวังจะช่วยหาหนูของเด็กหนุ่มแปลกหน้า  แต่เขารู้สึกเหมือนกับเหยียบอะไรสักอย่างอยู่  ในใจก็ภาวนาของอย่าให้เป็นหนูเลย  ทามัสค่อย ๆ แง้มดูที่เท้าของตัวเอง  และไม่อยากจะคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปถ้าเด็กหนุ่มคนนั้นเห็นภาพนี้  เขาค่อย ๆ ย่อตัวลงทำทีเป็นช่วยมองหาหนู  และด้วยความไวพลันล้วงมือไปหยิบเจ้าสิ่งที่อยู่ใต้เท้านั้นใส่กระเป๋ากางเกงไว้  พนักงานโรงแรมพากันมาช่วยหา  จนกลายเป็นมหกรรมการตามหาหนูไปเสียแล้ว

              " นายชื่ออะไร..มาจากไหน..มาคนเดียวเหรอ.." พลันชะงักเมื่อรู้ว่าคำถามอย่างนี้ไม่ช่วยเพิ่มบรรยากาศแห่งมิตรภาพเลย
      
              " กอเลียส  กริม…มาจากเฮเลียน  มากับพ่อแต่พ่อกลับไปแล้วมีธุระด่วน " เด็กหนุ่มค่อย ๆ ตอบไล่ไปทีละคำถาม
            
              " ฉัน ทามัส  ฮอนเทรต  มาจากเวเลนเดีย  มากับคาม  พ่อฉันเอง ตอนนี้ไม่รู้ตามพนักงานโรงแรมไปถึงไหนแล้ว " ทามัสยิ้มพร้อมกับยักไหล่
      
              " แล้วหนูนาย "
      
              " มันชื่อ  แรฟ  ฉันเลี้ยงมันตั้งแต่ตัวแดง ๆ .." กอเลียสพูดพลางมองสำรวจหาแรฟต่อ
      
              " ฉันว่ามันคงอยู่แถวนี้แหละ " คนผิดหาทางเอาตัวรอด
      
              " แล้วนายมาทำไมที่นี่…มาสอบเข้าคริสครอทใช้ปะ.. ฉันก็เหมือนกัน..แต่ไม่อยากมาหรอก..คาม…เฮ่ยพ่อฉันนะซิบังคับ "  ทามัสถามต่อตามนิสัย
      
              " อื้อ คงงั้นแหละ " คำตอบสั้น ๆ แต่น้ำเสียงกระทบนิดหน่อย ก็เจ้าคนถามเล่นถามเองตอบเอง  ทามัสส่งยิ้มเจือน ๆ ไปให้
      
              " นายพักอยู่ชั้นไหนเหรอ …." ทามัสรีบเอามือปิดปากก่อนคำถามชุดจะหลุดออกมาอีก แล้วหัวเราะแหะ ๆ 
      
              " ชั้น 7  นายละ " 
      
              " ชั้น …ไม่รู้สิ เดี๋ยวพ่อคงลงมารับ"

              พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว  แต่ยังมีเสียงล้อเกวียนดังอย่างไม่ขาดสาย  เสียงแตรจากปราสาทที่เป่าบอกเวลาการเปลี่ยนเวรยามของทหารดังขึ้นทุก ๆ สองชั่วโมง  ทามัสยังคงนั่งอยู่ที่บาร์   ในใจก็พลันหงุดหงิดกับการที่ถูกพ่อปล่อยทิ้งไว้ท่ามกลางคนแปลกหน้า  โชคดีที่ยังมีเพื่อนคุย  เพื่อนที่จะยอมเป็นเพื่อนหรือเปล่าเมื่อรู้ความจริง   
      
              " นายไปนอนห้องฉันก็ได้ " เพื่อนใหม่ยื่นข้อเสนอ
      
              " นายไม่กลัวเหรอ.. หมายถึงถ้าฉันเป็นขโมย  เป็นฆาตกร  เป็นอาชญากรที่ถูกหมายหัว  หรือเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพ " คนฟังมองสบตาเจ้าคนตั้งคำถามอย่างชั่งใจ
      
              " ไม่มีขโมยที่ไหนบอกว่าตัวเองเป็นขโมย  หรือฆาตกรหรืออาชญากรที่เที่ยวประกาศให้คนอื่นรู้  หรือแม้แต่นักต้มตุ๋นที่กลัวคนจับได้เป็นที่สุด "
     
               " นั่น สิ " ทามัสสนับสนุนพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างให้
     
               " ว่าไง " คนชอบตั้งคำถามถูกถามกลับ
         
               " ตกลง  คงเป็นการเสียมารยาทที่จะปฎิเสธมิตรภาพที่ถูกหยิบยื่นให้ " ทามัสตอบอย่างไว้ท่า
     
               " ตามมา" กอเลียสเดินนำไปทางซ้าย ซึ่งเป็นคนละทางกับที่มีบันไดอยู่
      
              " เฮ้  บันไดอยู่ทางโน้นไม่ใช่เหรอ   หรือทางนี้ก็มี   แล้ว…" ก่อนที่ทามัสจะยิงคำถามชุดนี้จบ
      
              " ลิฟท์บอร์ด  ไวกว่า " 
      
              กอเลียสเดินมาหยุดที่แผ่นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากนักพอยืนได้สองคนที่ถูกวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ  กอเลียลขึ้นไปเหยียบแล้วพยักหน้าให้ทามัสตามขึ้นไป  แผ่นไม้ค่อย ๆ ลอยขึ้น ทำให้คนไม่เคยเกาะติดเพื่อนใหม่แน่น
     
               " นายท่าจะไม่เคย "
      
              " ไม่เลย ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ "
     
               " อึม  เวเลนเดีย " กอเลียสท่าทางใช้ความคิด " ถึงแล้ว " ทั้งคู่ก้าวไปตามทางที่ทอดอยู่กลางอากาศเข้าสู้ระเบียงกลางที่สองฝั่งเป็นห้องพัก
      
              " เวเลนเดีย เป็นไงเหรอ " ทามัสติดใจกับคำพูดของกอเลียสเมื่อสักครู่
     
               " เวเลนเดีย  เป็นเผ่ามนุษย์ธรรมดาไม่มีความเกี่ยวพันธ์ทางสายเลือดกับรูฟ จึงทำให้ไม่คุณเคยกับการใช้เวทมนตร์ " 
      
              " ชัวร์ป๊าบ "  พึ่งรู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่จริง  " ว่าแต่…" ทามัสหยุดคิด " รูฟคืออะไรอะ…นายเป็นด้วยเหรอ…นายใช้เวทมนตร์ได้หรือปล่าว…ทำให้ดูหน่อยดิ…แล้วมีเวทมนต์ที่สามารถอ่านใจคนได้หรือปล่าว " คำถามชุดใหญ่ถูกยิงออกไป
      
              " ฉันเป็นลูกครึ่ง  แม่เป็นรูฟ  แน่นอนฉันใช้ได้  แต่ไม่ค่อยเก่งหรอก  แล้วเวทมนตร์ที่ใช้อ่านใจคนนั้น… "
      
              " ไม่มีใช้ไหม " ทามัสรีบพูดขึ้นก่อนเพราะยังรู้สึกเสียวสันหลังเรื่องหนู
      
              " มีสิ "
      
              " แล้วนายทำได้หรือปล่าว "
      
              " ได้   แต่ต้องมีใบอนุญาติก่อน เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล "
          
              " แล้วจะรู้ได้ไงว่าใครใช้ตอนไหน " ทามัสถามด้วยเกรงถึงความปลอดภัย
      
              " มีสายตรวจอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีโทษปรับและจำคุกด้วย "
      
              " ขืนไม่มีมาตราการคงได้แตกหักกันแน่ " ทามัสพูดในใจแต่ก็ยังรู้สึกเสียวไม่หายแสงไฟจากตะเกียงบนเกวียนด้านนอก  บอกให้รู้ว่าขบวนเกวียนยังไม่สิ้นสุด  ดวงไฟเรียงต่อกันเป็นแถวบอกให้รู้ว่านั่นคือแนวถนนที่ทอดยาวในความมืด  ลมเย็นพัดมาต้องผิวหน้าทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน  ภาพความรโหฐานเมื่อตอนกลางวันเปลี่ยนเป็นความงามด้วยแสงสีจากตะเกียงไฟ  คบเพลิงบนยอดปราสาทถูกจุดส่องให้เห็นผู้คนที่ยังคงคับคั่งอยู่บนถนนเบื้องล่าง 

     

     

     

     

     

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×