คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Hydrangea
...ขอคุยก่อนนะคะ พวกเราคงรู้กันเป็นอย่างดีว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเทพ ในส่วนของรายละเอียดเหตุการณ์ฟ้องร้องที่เกิดขึ้นไม่ขอกล่าวถึงนะคะเพราะจอยคิดว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อจิตใจแคสมากๆ ถ้าให้ข้อมูลผิด ย่อมไม่ดีแน่ ที่จอยแต่งฟิคเรื่องนี้ออกมาก็แค่อยากจะนำเสนอความห่วงใยและการให้กำลังใจต่อกันและกันเท่านั้นค่ะ...
ไฟที่เปิดตามตึกรามบ้านช่องท่ามกลางบรรยากาศยามรัตติกาล ดั่งท้องฟ้าที่ประดับประดาด้วยดวงดาวนับร้อยพัน ไม่ได้ทำให้ร่างบางภายในห้องพักหรูรู้สึกบันเทิงใจได้เลย เสียงถอนหายใจครั้งที่ร้อยดังขึ้น คงไม่เบาเท่าไรนักมิเช่นนั้นคงรู้ตัวซะก่อนว่าจะมีใครมาขโมยความหอมหวานจากแก้มใสๆของตัวเอง
"เหม่อไปถึงไหนเนี่ย คิดถึงยุนใช่มั้ยล่ะ" ยุนโฮละจากแก้มใสๆนั้นมามองหน้าแจจุงที่นั่งหน้าง้ำบนโซฟาอย่างไม่สบอารมณ์
"ใช่ แจจุงเหงา" ร่างบางตอบกลับไปทั้งที่ปากยังเบะเหมือนจะร้องไห้
"พวกเราทำงานหนักติดๆกันตั้งนาน ถือโอกาสนี้เป็นการพักผ่อนก็แล้วกันนะ" มือหนาลูบหัวกลม และนั่งลงข้างๆพร้อมกับดึงคนขี้เหงาเข้ามากอด
"แต่ยุนกับชางมินยังไม่ได้พักเลยนะ" น้ำเสียงเหงาๆเปล่งออกมาอย่างเป็นห่วง "ร่างกายน่ะหายเหนื่อยแล้ว แต่มันยังเหนื่อยใจอยู่เลย ยังไงซะ ได้ทำงานก็ดีกว่ามานั่งเหงาอยู่แบบนี้" ทั้งสองคนต่างเงียบและมองหน้ากัน รู้อยู่แก่ใจทั้งคู่ว่า ทำไมคนหนึ่งต้องมานั่งเหงา และทำไมอีกคนหนึ่งถึงยังต้องเหนื่อยทำงานไม่ได้พักสักที
ร่างสูงกอดคนรักแน่นขึ้น ผ่อนลมหายใจยาวๆออกมาก่อนที่จะพูดถึงเรื่องที่ต่างก็รู้กันดี "ถึงแม้ว่าความคิดของเราจะแตกต่างกัน แต่เราก็จะไม่แตกแยกออกจากกันนะ"
"แน่นอนอยู่แล้วล่ะ" แจจุงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่หนักแน่น
"ขอบคุณนะ ที่เข้าใจกันมาตลอด" ยุนโฮดันไหล่แจจุงออกเบามือ มองลึกเข้าไปในดวงตากลม แววตามุ่งมั่นแต่ความกังวลนั้นยังมีอยู่
"ถ้าเรากันเองยังไม่เข้าใจกัน แล้วใครเค้าจะมาเข้าใจเราล่ะ จริงมั้ย?" มือเล็กลูบใบหน้าคม มองใบหน้านั้นอย่างแสนรัก ส่งกำลังใจผ่านรอยยิ้มเพื่อให้ร่างสูงคลายกังวล
"เดี๋ยวยุนต้องไปถ่ายละครต่อแล้วนะ แจจุงอย่าดื้อ อย่าซนล่ะ เป็นเด็กดีนะครับ" ยุนโฮนึกได้ว่ามีงานที่ต้องรับผิดชอบรออยู่ แต่ก่อนที่จะตั้งท่าลุกขึ้นยืน มือหนาจับหัวเล็กแล้วขยี้เบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
"เค้าโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กสักหน่อย จะไปทำงานไม่ใช่เหรอ ไปเลยไป" ร่างบางได้ยินดังนั้น ออกอาการกระเง้ากระงอดงอนขึ้นมาทันทีที่ถูกกล่าวหา
"โตแล้วจริงเหรอ แล้วใครกันนะ ที่มานั่งเหงาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อกี้นี้น่ะ" ยุนโฮทำหน้าล้อเลียน ยิ่งทำให้แจจุงหน้าง้ำมากขึ้น มือเล็กจับไหล่หนาพลิกให้หันหน้าไปยังประตู แอบแลบลิ้นให้ร่างสูงทีนึง
ก่อนที่จะก้าวเท้าออกไป ยุนโฮชะงักหยุดเหมือนลืมอะไรบางอย่าง ร่างบางแปลกใจเล็กน้อยแต่ยังไม่ทันเอ่ยปากถาม ร่างสูงพลิกตัวกลับมาปากหยักได้รูปสัมผัสปากอิ่มน่ารักแผ่วเบา เนิ่นนาน และลึกซึ้ง
ยุนโฮผละจากปากอิ่มอย่างเสียดาย ตัดใจจากเพื่อไปทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อร่างสูงเดินพ้นห้องไปแล้ว แจจุงจึงหันหลังกลับเข้ามาในห้อง สะดุดเข้ากับช่อไฮเดรนเยียหลากสีมีทั้งสีขาว ฟ้า ชมพู ม่วง วางอยู่บนโต๊ะอาหาร ร่างบางเดินตรงไปหยิบขึ้นมาพิจารณา การ์ดใบเล็กบ่งบอกให้คนสวยรู้ได้ว่า เจ้าช่อดอกไม้นี่มีที่มาที่ไปอย่างแน่นอน
...For My Jaejoong. Thank you for understanding. I love you forever...
From your other half ..Yunho..
แจจุงยิ้มและส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู เพราะยุนโฮที่ตั้งใจจะเอาดอกไม้มาเซอร์ไพร้ซ์ แต่กลับเป็นว่าแจจุงมาเห็นเองเพราะคนตัวโตวางเอาไว้แล้วลืมให้
"เฮ้อ นิสัยขี้ลืมนี่มันแก้ไม่หายสักทีเลยนะ ชองยุนโฮ"
~*~*~*~*~*
กระจกเงาบานใหญ่สะท้อนภาพเด็กหนุ่มห้าคนที่ตอนนี้ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อที่หลั่งไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง เป็นเวลากว่าสามชั่วโมงที่เด็กหนุ่มกลุ่มนี้ซ้อมการแสดงสำหรับซิงเกิ้ลล่าสุดของพวกเขาอย่างหนัก เพื่อให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
ท่าเต้นสุดท้ายจบพร้อมๆกับบทเพลงที่เงียบเสียงลง ร่างของเด็กหนุ่มทั้งห้าร่วงลงไปกองกับพื้น เกยก่ายกันระเนระนาดด้วยความเหนื่อยอ่อนทันทีที่เสียงของโคโรกราฟเฟอร์เปล่งเสียงออกมาเป็นการสิ้นสุดการซ้อมอันแสนทรหด เปลือกตาของเด็กหนุ่มกำลังจะปิดลงด้วยความอ่อนล้า แต่ดวงตาคู่หนึ่งกลับจ้องไปยังร่างของใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามายังห้องข้างๆที่มีกระจกใสกั้นทำให้มองเห็นกัน
จากความรู้สึกเหนื่อยล้าแทบขาดใจ กลายเป็นความรู้สึกสดใสกระปรี้กระเปร่า ดวงตาใสมองตามร่างนั้นจนเดินลับไป แต่สายตาก็ยังไม่ละไปจากภาพตรงหน้า จนกระทั่งเสียงหนึ่งจากกองที่เกยกันระเนระนาดดังขึ้น
"เป็นห่วงพี่เค้ามากก็ตามไปสิมินโฮ วันนี้ซ้อมแค่นี้พอแล้วล่ะ" หัวหน้าวงลั่นวาจาทันทีที่เห็นสมาชิกที่สูงยาวที่สุดในวง มองตามรุ่นพี่ร่วมค่ายเดินออกไปจนลับสายตา
เด็กหนุ่มตัวยาวไม่ว่าอะไร แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นว่ารับรู้สิ่งที่หัวหน้าวงพูด คือการเด้งตัวลุกขึ้น และรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
"เออนะ ให้มันได้อย่างนี้สิ" พูดจบลีดเดอร์เต้าหู้ก็ล้มลงไปเกยกับอีกสามร่างเหมือนเดิม
.
.
.
เสียงวิ่งตุบตับดังมาแต่ไกล ทำให้คนร่างสูงในห้องพักศิลปินยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างสมใจ เมื่อรู้ว่าแผนล่อเหยื่อของตัวเองประสบผลสำเร็จ ใบหน้าหล่อตีขรึมทันทีที่เสียงเคาะตามมาด้วยเสียงเปิดประตูดังขึ้น คนโตกว่ายังคงเก็กท่าอ่านหนังสือต่อไป ทั้งๆที่ตัวหนังสือไม่ได้ซึมเข้าไปในซีรีบลัมของหัวกบาลเลยแม้แต่น้อย
"พี่ชางมิน" เสียงเจ้าเด็กตัวยาวดังขึ้นเมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าคนบ้า (อ่าน)หนังสือ
ร่างสูงยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู สายตาละออกจากหนังสือมองไปยังคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกรัก คิดถึง และห่วงหา
"ว่าไงเรา หายเหนื่อยแล้วค่อยออกมาหาพี่ก็ได้ ไม่เห็นต้องรีบเลย" ชางมินเอ่ยออกมาเนื่องด้วยยังเห็นเจ้าเด็กตัวยาวยังคงมีอาการหอบน้อยๆอยู่
"เฮ้อ พี่ชางมิน ก็ยังคงเป็นพี่ชางมินอยู่วันยันค่ำนะฮะ มั่นใจเหลือเกิน เจ้าเล่ห์เหลือหลาย ฉลาดมากมาย แต่ก็ไม่วาย (ตกหลุม) รักเด็กอย่างผม" ไม่พูดเปล่า ยังแถมยักคิ้วให้ร่างสูงที่นั่งอยู่สามทีอย่างขี้เล่น
"มานี่เลยเจ้าตัวแสบ" มือใหญ่คว้าแขนมินโฮได้ก็ฉุดลงมานั่ง จับไหล่สองข้างไว้ และจ้องลึกเข้าไปในลูกแก้วสีนิลวาวใสนั้น "อยากพูดอะไร อยากถามอะไร ว่ามา"
"เออ ผมเห็นข่าวแล้ว ผมเป็นห่วงพี่" มินโฮพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจว่าสมควรจะพูด แต่กลับแฝงความห่วงใยไว้เต็มเปี่ยม
"ห่วงทำไม พี่ไม่ได้ไปฟ้องร้องอะไรกับเค้าสักหน่อย"
"ก็นั่นแหละ เพราะไม่ได้ฟ้องร้องเนี่ยแหละถึงเป็นห่วง"
"อ๋อ ที่ข่าวออกมาว่าหัวหน้าและน้องเล็กของวงดงบังชินกิทรยศเพื่อนน่ะเหรอ" ชางมินตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจกับข่าวโคมลอยเหล่านั้น
"ก็ใช่น่ะสิ ทำไมพี่ยังเฉยอยู่ได้ ไม่รู้สึกอะไรบ้างรึไง" คนที่เดือดเนื้อร้อนใจกลับไม่ใช่คนที่เป็นข่าว
"คนทุกคนล้วนแล้วแต่มีเหตุผลและวิถีทางในการแก้ไขปัญหาไม่เหมือนกัน พวกพี่ทั้งห้าคนก็เป็นแบบนั้นแหละ เราเข้าใจกันดีนะ แต่พวกเราเลือกวิธีที่จะปกป้องสิ่งล้ำค่าไม่เหมือนกัน" ชางมินเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังมากขึ้นเมื่อเอ่ย
"สิ่งล้ำค่า?" มินโฮทวนคำเพื่อความแน่ใจว่าเขาได้ยินไม่ผิด
"ความเป็นดงบังชินกิของพวกพี่ยังไงล่ะ" รอยยิ้มบนใบหน้าบ่งบอกได้ว่าร่างสูงภูมิใจกับสิ่งที่เขาได้พูดออกไป "พี่รู้นะว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ยากต่อการเข้าใจ แต่พี่คิดว่ายังไงซะคนที่รักพวกพี่จริงๆต้องเข้าใจและเชื่อใจ ถึงแม้จะไม่เข้าใจ แต่ก็ขอแค่สิ่งเดียว..เชื่อใจ.. เพราะพี่คิดเสมอว่าพี่มีชีวิตอยู่เพื่อคนที่รักพี่เท่านั้น แต่ถ้าคนที่พี่รักไม่ยอมเข้าใจ แถมยังไม่เชื่อใจกันอีก ก็เท่ากับฆ่าพี่ให้ตายทั้งเป็น"
"ผมเชื่อใจพี่" ชางมินเลิกคิ้วสูงเหมือนอยากจะถามว่า..จริงเหรอ?..
"จริงๆนะฮะ ถึงจะยังไม่เข้าใจอะไรมากเท่าไร แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือผมเชื่อใจ ตั้งแต่ที่ผมได้ยินข่าวครั้งแรก ผมรู้ได้ทันทีว่าการแยกวงของพวกพี่จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน" ความจริงใจแสดงออกผ่านรอยยิ้มน่ารักไร้เดียงสา ร่างสูงอดใจไม่ไหวดึงเจ้าเด็กตัวยาวเข้ามาจูบที่หน้าผากเนียนและกอดเอาไว้แนบอก
ความอบอุ่นส่งผ่านถึงกันและกันโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย แต่แล้วเจ้าเด็กในอ้อมกอดรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆซึมผ่านเสื้อกระทบผิว รู้ได้ทันทีว่ารุ่นพี่ที่รักไม่ได้เป็นดั่งกิ่งไม้แห้งที่ดื้อด้านจะยืนตระหง่านต้านลมพายุ เพราะท้ายที่สุดก็ต้องหักกลางจากแรงลม แต่ร่างสูงกลับเป็นดั่งยอดหญ้าที่ยอมโอนอ่อนและอ่อนไหวได้ง่าย เมื่อมีสิ่งใดมากระทบ
ชางมินดันไหล่เด็กน้อยตัวยาวออกแล้วจึงหันไปหยิบอะไรบางอย่าง ช่อดอกไม้สีขาวถูกยัดใส่มือเจ้าตัวยาวอย่างแผ่วเบา คนที่ได้รับช่อไฮเดรนเยียสีขาวจ้องร่างสูงตรงหน้าอย่างตั้งคำถาม ร่างสูงยิ้มและก้มลงมองการ์ดใบเล็กๆในช่อ เพื่อให้เด็กน้อยมองตาม
...Thank you for understanding...
~*~*~*~*~*
ชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาดีรูปร่างสมส่วนมองไปทั่วภายในร้าน Time Out Gelato ร้านไอศกรีมสไตล์อิตาเลี่ยนด้วยสายตาชื่นชม บนโต๊ะไม้ดีไซน์โมเดิลมีแจกันดอกไม้วางอยู่ทุกโต๊ะ ทำให้บรรยากาศภายในร้านที่ตัวเขาตั้งใจเปิดให้แม่นั้นดูสดชื่นสดใสขึ้นมาถนัดตา
"อืม ดีมาก ได้อย่างสั่งเหมือนกันนะแก" ชายหนุ่มหันไปพูดกับอีกคนที่รูปร่างหน้าตาถอดแบบกันมาแต่อ่อนวัยกว่า
"อะฮึ่ม!!!! ให้มันรู้ซะบ้างว่าใคร ปาร์คยูฮวานครับพี่น้อง เจ๋งทุกเรื่อง" คนที่ถูกชมยืดตัวโงหัวขึ้นมาจากตู้ไอศกรีมทันทีอย่างภาคภูมิใจ
"เออ ให้มันเจ๋งจริงก็แล้วกัน อย่าเจ๊งขึ้นมาล่ะ" ปาร์คยูชอนพูดกับน้องชายด้วยความหมั่นไส้ ซึ่งคนโดนแขวะก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แต่ก่อนที่จะหมุดหัวลงไปตักไอศกรีมต่อนั้น ความสงสัยที่ยังค้างคาใจทำให้ยูฮวานเอ่ยปากถามออกไป "แล้วทำไมต้องเป็นไฮเดรนเยียด้วยล่ะพี่ ผมเห็นพี่จุนโฮก็ซื้อไปแต่งที่ misarang เหมือนกัน"
"นี่ตกลงแกยังไม่รู้เหรอว่าทำไมร้านนี้กับ misarang ถึงต้องใช้ดอกไฮเดรนเยีย" ยูชอนส่ายหัวอย่างเซ็ง เพราะเจ้าน้องชายที่ทำเป็นคุยอย่างกับรู้ทุกเรื่อง "ปัดโธ่ ไอ้วอก ไหนแกบอกว่าแกเจ๋งทุกเรื่องไง"
"ก็มันไม่รู้นี่หว่า บอกหน่อยจิ" น่าน...หงอยเลย
"แกรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับพวกฉัน"
"อืม แล้ว..."
"ทั้งสองร้านน่ะ แคสสิโอเปียมาอุดหนุนกันเยอะแยะ ฉันกับจุนซูคิดเหมือนกันว่าอยากจะใช้ดอกไม้บอกข้อความบางอย่างกับพวกเขา" ยูชอนหยุดพูดเล็กน้อยมองหน้าน้องชายที่ตั้งใจฟังอย่างเอาเป็นเอาตาย
"ดอกไฮเดรนเยีย มีความหมายว่า..ขอบคุณสำหรับความเข้าใจ.. ซึ่งดอกไม้ชนิดนี้น่ะ มันจะเปลี่ยนสีตามค่าความเป็นกรดด่างของดิน ถ้าดินมีความเป็นกรด สีของดอกจะไปทางสีชมพู ถ้าดินเป็นด่างสีของดอกก็จะไปทางสีฟ้า ม่วง และถ้าดินมีค่าเป็นกลางดอกก็จะมีสีขาว ประมาณนี้แหละ" ยูชอนอธิบายไปเรื่อยๆ แต่ยูฮวานนั้นอ้าปากค้างอย่างทึ่ง ไม่นึกว่าพี่ชายจะรู้เรื่องอะไรแบบนี้ด้วย
"เพราะว่าเป็นดอกไม้ที่หาความแน่นอนไม่ได้เนี่ยแหละ มันถึงต้องการความเข้าใจไง ถ้าเปรียบกับคน บางครั้งการที่เราทำในสิ่งที่เกินจากความคาดหมายไปบ้าง เราก็ต้องการคนที่เขาเข้าใจเราว่าเราทำไปเพื่ออะไร มีเหตุอะไรที่ต้องทำ"
"เฮ้ย เป็นพี่น้องกันมาเกือบยี่สิบปี เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่หลักแหลมและลึกซึ้งขนาดนี้"
"ไปเลยไป ไปขุดไอศกรีมต่อเลยไป ทำให้จุนซูก่อนนะ เดี๋ยวฉันยกไปให้เอง" อารมณ์เรียบเรื่อยเมื่อครู่เปลี่ยนไปโดยพลัน เพราะเจ้าน้องชายที่ดูจะพูดมากเกินควร
"รู้แล้วหน่า" ยูฮวานบ่นได้แค่นั้นแล้วจึงหมุดหัวลงไปขุดไอศกรีมต่อ
.
.
.
"อ่ะนี่ ไอศกรีมของนาย ฉันเลี้ยงเอง" ยูชอนวางถ้วยไอศกรีมสีสันสดใสโรยหน้าด้วยท้อปปิ้ง ลงตรงหน้าคนที่นั่งรอเขาอยู่
"ว้าว น่ากินจัง แล้วนายไม่กินเหรอ" ถึงแม้ไอศกรีมจะน่ากินจนแทบอดใจไม่ไหว แต่จุนซูก็มีกะใจชักชวนให้กิน เพราะเห็นยูชอนถือมาถ้วยเดียว
"ไม่ล่ะ นายกินเถอะ" ยูชอนปฏิเสธไปเพราะไม่อยากแย่งคนน่ารัก และอีกอย่างตอนนี้เขาไม่อยากจะกินไอศกรีมเท่าไร
ไอศกรีมถ้วยใหญ่ถูกจัดการเรียบในเวลาไม่ถึงห้านาที จุนซูยิ้มอย่างปลาบปลื้มกับไอศกรีมถ้วยอร่อย ลูบพุงตัวเองและตบเบาๆอย่างน่ารัก ยูชอนเห็นดังนั้นอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
เมื่ออิ่มท้องแล้ว จุนซูจึงเริ่มเปิดบทสนทนา
"ยูชอน พวกเรากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่ใช่มั้ย เราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนใช่หรือเปล่า" ถึงแม้ว่าคำถามจะฟังเหมือนบ่นไปเรื่อย แต่น้ำเสียงนั้นแฝงความกังวลเล็กๆที่สามารถรู้สึกได้
"พวกเราทำถูกต้องแล้ว ที่จริงเราสมควรทำมาตั้งนานแล้วด้วย อย่ากังวลใจไปเลย" ยูชอนตอบหนักแน่น แววตามุ่งมั่น "ถ้าเราไม่สู้ไม่ตอบโต้ไปบ้าง เราก็จะเป็นฝ่ายถูกรังแกอยู่ร่ำไป"
"พวกเราก็แค่อยากเดินตามความฝันของตัวเอง ทำไมพวกเขาถึงต้อง....." พูดยังไม่ทัน จุนซูถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
"คนแต่ละคนมีความคิดและจิตใจที่แตกต่างกัน มันถึงได้มีเรื่องขัดแย้งกันแบบนี้ไง" ยูชอนพูดอย่างคนที่เข้าใจสัจธรรมดี เป็นธรรมดาโลกที่มนุษย์หนีความเห็นแก่ตัวไม่พ้น
"ไม่รู้เหมือนกันนะว่า เรื่องจะยืดเยื้อยาวนานไปถึงไหน แต่ก็ขอให้จบโดยที่ไม่มีฝ่ายไหนต้องเจ็บปวดก็แล้วกัน" ยูชอนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเอ็นดูและชื่นชม เพราะจุนซูของเค้ามองโลกในแง่ดีเสมอแบบนี้แหละ สถานการณ์ที่ว่าย่ำแย่ก็เลยไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
"พวกเรามีกลุ่มดาวศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ จะต้องกลัวทำไม จริงมั้ย" ยูชอนพยักเพยิดชวนให้จุนซูเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ตอนนี้ประดับประดาไปด้วยดาวนับล้าน ทั้งสองยิ้มและหัวเราะด้วยกันอย่างเป็นสุข ถึงแม้ว่าในค่ำคืนนี้จะยังมองไม่เห็นกลุ่มดาวที่ว่า แต่พวกเขาก็รู้ว่ากลุ่มดาวศักดิ์สิทธิ์กลุ่มนี้จะส่องแสงสว่างนำทางให้กับพวกเขา...ชั่วนิรันดร์
~*~*~*~*~*
รักแท้ย่อมมีอุปสรรค เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็คงเป็นดั่งบททดสอบเพื่อค้นหารักแท้จาก..ตัวจริง..
ถ้าคุณจิตแข็งพอก็จะสามารถผ่านบททดสอบนี้ได้ และรู้ไว้เถอะว่ารางวัลอันแสนยิ่งใหญ่รอคุณอยู่ขอให้กอดคอร่วมสู้ด้วยกันต่อไป ในท้ายที่สุดพวกเรานี่แหละจะเป็นผู้กำชัยชนะเอาไว้
Let’s fight together. Real Cassiopeia, BigEast, Asteria and all TVXQ Lovers
...Always Keep The Faith...
*~FIN~*
..Talk.. ซาหวาดดีคร๊าบบบบบบบ มิตรรักแฟนฟิคทุกท่าน หุหุ หายหัวไปนานมากกกกกกก ครั้งนี้กลับมาพร้อมกับเรื่องเล่าของดอกไม้ลำดับที่สี่นะจ๊ะ ตอนแรกจอยจะอัพ Gloxinia ออกมาก่อน แต่ว่าแต่งไม่จบสักที มีสิทธิได้เปลี่ยนพล็อตเรื่องนะเนี่ย ไปๆมาๆได้อัพเรื่องนี้ก่อนอ่ะเพราะว่าปิ๊งไอเดียขึ้นมา
เนื่องจากแฟนคลับพี่แดน วรเวช คนหนึ่ง (เออ อย่าเพิ่งงงว่าพี่แดนมาเกี่ยวไรด้วย อ่านต่อๆ) เค้าเอาช่อไฮเดรนเยียไปให้พี่แดนในวันแถลงข่าวเปิดอัลบั้ม ซึ่งมีความหมายดีๆดังที่กล่าวไว้ในฟิค จอยก็เลยปิ๊งขึ้นมา เพราะว่าสามารถเอาไปแต่งฟิคให้เข้ากับเหตุการณ์ของเทพในช่วงนี้ได้ ดังที่ได้อ่านกันไปนั่นแหละค่ะ ซึ่งบทสนทนาในฟิค จอยได้ใส่ความคิดของตัวเองไว้ด้วย และอีกอย่างคืออยากเตือนสติแคสบางคนที่สติแตก จิตตก ฟุ้งซ่าน บลา..บลา...บลา... ให้เลิกตื่นตูมกันสักที
ก่อนจากอยากจะฝากว่า จอยนั้นเป็นเพียงไร้ท์เตอร์ขาจรและติสท์จัด นั่นคือ คิดจะอัพฟิคเมื่อไรก็อัพ โหะๆ เพราะฉะนั้นก็เลยจะบอกว่า ถ้าใครมีจิตเมตตาคิดอยากจะตามฟิคของจอย ช่วยลงอีเมล์ไว้ให้ด้วยนะคะ เดี๋ยวอัพเมื่อไรจะส่งเมล์ไปบอก ส่วนผู้มีรายนามดังนี้ พั้นช์ น้องอี๊ฟ น้องแองจ์ และน้องจอย สี่คนนี้เรายัดเยียด เอ๊ย ส่งให้เวลาอัพฟิคอยู่แล้ว ก็ขอขอบคุณอีกครั้งที่ทนอ่านฟิคบ้าๆบอๆของเราต่อไป หุหุ
พีเอสสึ รักนะ หอยขม.....>_<
ความคิดเห็น