คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Mimosa
ทารกน้อยน่ารักหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาวที่มองดูด้วยแววตาแสนอ่อนโยน ดวงหน้าอันแสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวความเป็นไปบนโลก ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ผู้ที่โอบกอดร่างน้อยนั้นไว้สะเทือนใจอยู่ลึกๆ ความรู้สึกสงสารและเวทนายิ่งมากขึ้นทุกครั้งที่แลสบตา
ตาเรียวคู่สวยช้อนขึ้นมองชายผู้เป็นสามีที่ความรู้สึกตอนนี้ไม่ได้ต่างกันแม้แต่น้อย ยิ่งสายตาทั้งสองคู่ได้สบกันนานขึ้น ความรู้สึกวิตกกังวลที่ก่อตัวขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจให้เกิดก็วิ่งแทรกผ่านเข้าไปในจิตใจของคนทั้งคู่โดยไม่รู้ตัว
"แกน่าสงสารมากนะคะ ไม่น่าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย" หญิงสาวเอ่ยกับผู้เป็นสามีหลังจากที่ไม่มีใครปริปากพูดมาเป็นเวลานาน
"มันคงเป็นชะตาชีวิตของแต่ละคน ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้หรอกคุณ แต่ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้และต้องทำให้ดีที่สุดคือ เลี้ยงดูเขาและให้ความรักกับเขาให้ได้มากที่สุด" คุณคิมเอ่ยตอบภรรยาอย่างคนที่เข้าใจชีวิต
ชิมชางมินสูญเสียพ่อแม่ไปพร้อมๆกันอย่างกะทันหัน คุณคิมสามีภรรยาจึงรับเด็กคนนี้ไว้เป็นลูกบุญธรรม และสัญญาต่อหน้าหลุมศพของเพื่อนรักว่าจะดูแลลูกของพวกเขา จะให้ความรักและเอ็นดูเหมือนลูกแท้ๆ
และนั่นคือเหตุผลของความกังวล ไม่ใช่กังวลว่าเขาจะต้องลำบากเลี้ยงเด็กคนนี้ แต่.....มันเป็นเพราะ......
"ฉันกลัวแจจุงจะรับไม่ได้ กลัวลูกจะไม่เข้าใจ แกก็พอจะรู้เรื่องแล้วนะคะ" ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ยถึงความวิตกกังวลของตัวเองออกมา
"คุณอย่าเพิ่งโวยวายอะไรไปเลยนะ เราลองดูกันไปก่อน มันอาจจะไม่แย่อย่างที่เราคิดก็ได้" คุณคิมพูดไปอย่างนั้นเหมือนจะปลอบใจตัวเองและภรรยา แต่ดูจากแววตาแล้วไม่ได้บ่งบอกถึงความวางใจเลยสักนิด
"พ่อฮะ แม่ฮะ" เสียงใสๆเอ่ยเรียกพ่อกับแม่อย่างน่ารัก ทำให้สองสามีภรรยาต้องหันไปสนใจเสียงเรียกของลูกชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจเสียก่อน เจ้าเด็กคนนี้ขี้งอนน้อยซะเมื่อไร
"แจจุง มานี่มาลูก" คุณคิมเรียกลูกชาย พร้อมกับอ้าแขนออกกว้าง เด็กน้อยจึงรีบวิ่งจ้ำแล้วกระโดดโถมใส่ตัวผู้เป็นพ่อทันที
"ไงลูก ไปเล่นที่ไหนมาเนี่ย หิวข้าวรึยังครับ" คุณคิมเอ่ยถามลูกชาย พร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มยุ้ยๆขาวใสนั้น
ลูกชายไม่ตอบ แต่กลับมองไปที่อ้อมแขนของแม่อย่างสงสัย คนเป็นแม่อ่านสายตาคู่นั้นออกทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยปากถามอะไร ความกังวลที่มีอยู่แล้วยิ่งทวีมากขึ้นเมื่อลูกชายเอาแต่มอง มอง และมองโดยไม่เปิดปากพูดอะไรสักคำ หญิงสาวละสายตาไปมองสามีเหมือนต้องการขอความช่วยเหลือ คุณคิมพยักหน้าตอบทันทีที่ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
"แจจุงครับ แจจุงกำลังจะมีน้องนะลูก น้องชางมินจะมาเป็นน้องของแจจุงนะ ดีใจมั้ยครับ หนูจะได้ไม่เหงาไงลูก" คุณคิมถามลูกชายออกไปเพื่อหยั่งเชิงดูท่าที
"น้อง....น้อง...." แจจุงเอ่ยเรียกอยู่แบบนั้น ตากลมโตน่ารักยังคงมองร่างของทารกน้อยที่กำลังจะมาเป็นน้องชายอย่างไม่วางตา แต่แล้วเด็กน้อยก็ต้องหัวเราะคิกของมาทันทีที่เห็นน้องชายตรงหน้าหาววอดออกมา ทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม
"น้องน่ารัก รักน้อง...รักน้อง" คำพูดที่หลุดออกจากปากแจจุง ทำให้ความรู้สึกที่หนักอึ้งของสองสามีภรรยาเหมือนถูกเหวี่ยงทิ้งไปในทันทีทันใด
"แจจุงต้องรักและสงสารน้องนะลูก ต่อไปนี้แจจุงเป็นพี่ชาย ชางมินเป็นน้องชายนะครับ"
.......น้อง....น้องชางมิน.....
......น้องชายของพี่แจจุง......
......น้องชางมินของพี่แจจุง........
///////////////////////////////
....20 ปีผ่านไป....
__สนามบินนานาชาติอินชอน__
"เมื่อไรน้องจะมาถึงสักทียุนโฮ แจจุงคิดถึงน้องจัง ป่านนี้ตัวเท่าไหนแล้วเนี่ย จะสูงกว่าแจรึปล่าวนะ เด็กนั่นต้องตัวใหญ่กว่าแน่ๆ กินเก่งขนาดนั้น" ปากอิ่มสีเชอร์รี่พร่ำบ่นตลอดเวลาที่มาถึงสนามบิน จนคนรักอย่างยุนโฮอยากจะปิดปากนั้นไว้ด้วยปากตัวเองสักที ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจผู้คนที่เดินผ่านไปมา
"แต่ยุนโฮว่านะ แจจุงที่รักของยุนโฮน่ะจะต้องคอยาวขึ้นแล้วก็สูงขึ้นก็งานนี้แหละ เห็นยืดตัวเขย่งขามองหาน้องตั้งแต่มาถึงแล้ว" ยุนโฮบรรยายอากัปกิริยาของคนรักที่ตอนนี้ก็กำลังทำอย่างที่พูดอยู่
"ยุนโฮ!!!!!!!!!" แจจุงเอ็ดคนรักของมาทันทีอย่างงอนที่มาแซวกันได้ แก้มใสป่องออกมาพร้อมกับปากสีสวยที่ยื่นออกมาด้วยนั้น แจจุงจะรู้ตัวมั้ยนะว่า ไอ้เจ้าอาการแบบนั้นมันเสี่ยงกับการที่ตัวเองจะถูกใครบางคนจับกดแค่ไหน
(เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลย หุหุ)
แต่แล้วคนหน้าสวยก็ยิ้มออกมาได้เมื่อหันไปเห็นคนที่รอคอยอยู่ เดินออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า
"ชางมินมาแล้ว ไม่คุยกับยุนแล้ว แบร้!!!" แจจุงหันไปพูดกับคนที่งอนอยู่พร้อมกับแลบลิ้นให้หนึ่งที
ยุนโฮเห็นดังนั้นก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ก็แจจุงน่ะน่ารักทุกอากัปกิริยา ไม่ว่าจะทำอะไร การกระทำทุกอย่างของคนรักร่างบางของเขาสะกดทุกห้องหัวใจไว้ได้จริงๆ
..ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีสิครับว่า แล้วแบบนี้ชองยุนโฮจะไปไหนรอด..
"ชางมิน!!! พี่อยู่ทางนี้" เสียงเรียกกระตือรือร้นและแขนเรียวที่ยกขึ้นโบกไปมาของร่างบางเรียกความสนใจให้กับเจ้าของชื่อที่ตอนนี้วิ่งเกือบจะมาถึงตัวคนเรียกแล้ว
"พี่แจจุงฮะ ผมคิดถึงพี่จัง" น้ำเสียงออดอ้อนของคนที่เด็กกว่าเอ่ยกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายอย่างน่ารัก ช่างขัดกับรูปลักษณ์ภายนอก ที่เจ้าตัวไว้ผมยาวประบ่า เสริมให้ใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายนั้นให้ยิ่งดูเคร่งขรึมดุดัน
"โห้ นายกินอะไรบ้างเนี่ยอยู่ที่นั่น ทำไมสูงแบบนี้ล่ะ ตัวสูงกว่าพี่แล้วนะเนี่ย ดูพี่สิไม่สูงขึ้นเลย" แจจุงมองสำรวจน้องชายตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากที่คลายอ้อมกอดแห่งความคิดถึงออกจากกัน จากนั้นจึงกลับมามองดูตัวเอง พร้อมกับบ่นออกมาอย่างตัดพ้อ
"แล้วพี่จะสูงอีกทำไมหนักหนาล่ะครับ ตัวแค่นี้สูงเท่านี้ก็น่ารักแล้ว พี่แจจุงน่ะไม่เหมาะที่จะสูงมากๆแบบผมหรอก" ชางมินเอ่ยแก้ให้พี่ชายทันที ก่อนที่คนหน้าสวยจะน้อยใจในโครงสร้างร่างกายของตัวเองมากไปกว่านี้
"เหรอ นายคิดแบบนั้นเหรอ โอเค พี่เชื่อนาย กลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวพี่จะทำของโปรดของนายให้กิน"
"อะแฮ่ม!!!!!! แค้กๆๆ ที่รักครับ ที่รักลืมอะไรรึปล่าว" เสียงกระแอมไอของใครบางคนที่ดูเหมือนจะถูกลืมไปช่วงระยะเวลาหนึ่งดังขึ้น เตือนสติร่างบางที่เมื่อกี้จะว่าไป
....ก็ลืมตาหมีมันจริงๆนั่นแหละ อย่าไปบอกเขาเชียว.....
"พอน้องมาก็ลืมกันเลยนะ เล่นคุยกันสองคนไม่หันมาสนใจยุนเลย" ยุนโฮเอ่ยกับคนรักด้วยน้ำเสียงติดจะน้อยใจ
"โถๆๆ ใครกันนะลืมยุนโฮสุดหล่อได้ น่าตีจริงๆเลย" แจจุงเอ่ยล้อคนรักพร้อมกับมือน้อยๆหยิกเข้าที่แก้มอย่างหมั่นเขี้ยว จากนั้นปากอิ่มจึงขยับเอ่ยอะไรบางอย่างที่ได้ยินกันแค่สองคนกับคนรัก รอยยิ้มอันแสนบาดจิตตัดขั้วหัวใจจึงระบายออกมาได้
"ชางมิน นี่พี่ยุนโฮไง จำได้มั้ย" แจจุงถามน้องชายร่างสูงเพื่อทบทวนความทรงจำ
"อ๋อ พี่ยุนโฮ ถ้าผมเจอที่อื่นคงจำไม่ได้หรอกฮะ" ชางมินทำท่านึกอยู่สักพักเหมือนกันกว่าจะจำได้ว่าคนที่มากับพี่ชายคือใคร จึงบอกออกไปตามที่ตัวเองคิด
ยุนโฮรู้สึกได้ถึงแววตาอันวูบไหวของน้องชายของคนรัก นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าแววตาแบบนั้นมีความหมายว่าอย่างไร แต่ก็ต้องตัดใจเลิกคิดว่าคงจะคิดไปเองมากกว่า
"ไปได้แล้ว จะคุยอะไรค่อยไปคุยกันที่บ้าน" แขนเรียวของแจจุงโอบเอวชายหนุ่มอันเป็นที่รักทั้งสอง แล้วจึงดันออกเดินไปพร้อมๆกัน
ยุนโฮไม่อาจรู้ได้เลยว่า ไอ้เจ้าแววตาวูบไหวไม่มั่นใจที่เขาได้เห็นตอนนั้น บัดนี้มันได้เปลี่ยนเป็นแววตาแข็งกระด้างแสนก้าวร้าวไปแล้ว
.....แกทิ้งเขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ กลับมาทำไม กลับมาแย่งคนที่ฉันรักอีกทำไม.....
////////////////////////////////////////
อาณาจักรราชินีแห่งดอกไม้ในยามรุ่งอรุณแลงดงามดุจดั่งสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า ลำแสงสุริยาสาดส่องต้องกระทบกับสีสันสดสวยของกลีบดอกไม้ราชินี ยิ่งทำให้สีสวยสดนั้นเด็ดชัดตัดกับสีเขียวสดของใบหยักได้รูป เหล่าหมู่ภมรแมลงตัวเล็กตัวน้อยบินว่อนโฉบเฉี่ยวไปมาร่าเริงอิสระ ช่างเป็นดินแดนที่เหมือนกับหลุดเข้าไปยังโลกแห่งความฝัน
โลกแห่งความฝันเหรอ?
ไม่หรอก ไม่ใช่ความฝัน มันเป็นโลกแห่งความเป็นจริง มันเป็นบ้านของผม บ้านที่ให้ความรักความอบอุ่นตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆไม่รู้ประสีประสา กระทั่งเติบโตมาจนบัดนี้
สถานที่อันอบอุ่นแสนคุ้นเคย มีเสน่ห์เย้ายวนให้ผู้พำนักต้องโหยหาด้วยใจเรียกร้องกลับมาเสมอที่ต้องลาไกล สำหรับผมแล้ว หาใช่ตัวสถานที่ไม่ ที่ทำให้ผมโหยหาอยากจะกลับมาที่นี่ทุกคืนวัน
แต่...กลับเป็นคนที่ครองหัวใจทั้งสี่ห้องของผมต่างหากล่ะ ที่เรียกร้องให้หัวใจดวงนี้ปรารถนาที่จะกลับมายังที่แห่งนี้
ตาเรียวคมยังคงกวาดมองไปทั่วอาณาบริเวณเพื่อสำรวจสถานที่ที่ร้างไกลไปนานด้วยความชื่นชม ถึงจะไม่ได้เห็นนานแล้วแต่ก็ต้องยอมรับว่ายังสวยเหมือนเดิม ไม่สิ ต้องบอกว่า Rhodon knight สวยยิ่งกว่าเดิมถึงจะถูก โดยเฉพาะ......
ความคิดที่กำลังไหลลื่นต้องชะงักลงแค่นั้น เพราะสายตาสะดุดเข้ากับสิ่งหนึ่งที่ขึ้นแทรกอยู่ตรงแปลงกุหลาบ ขายาวจึงก้าวเดินตรงไปยังสิ่งนั้นทันที
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เด็กชายตัวน้อยผิวสีน้ำผึ้งเดินเล่นไปตามทางที่คั่นระหว่างแปลงกุหลาบแต่ละแปลงๆด้วยอารมณ์ที่ร่าเริงสุดๆ เด็กน้อยพยายามเดินให้อยู่ตรงกลางช่องทางมากที่สุด เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวได้เกิดการเรียนรู้แล้วว่า ถ้าเดินเฉียดเข้าไปใกล้อาจจะเจอหนามแหลมทำให้เจ็บตัวได้ แต่ด้วยความเป็นเด็ก เรื่องเจ็บตัวก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอยู่ดี ด้วยความที่อยากจับโน่นจับนี่ไปทั่ว
ท่ามกลางหมู่มวลกุหลาบหลากสี ดวงตาน้อยๆก็ยังอุตส่าห์แลเห็นดอกกลมฟูสีม่วงน่ารักของพืชต้นเล็กๆที่ขึ้นแอบอยู่ข้างแปลงกุหลาบ เด็กน้อยเอียงคอมองด้วยความสงสัยใคร่รู้ นิ้วชี้อวบเล็กจึงเข้าทำการสะกิดเข้าที่ดอกกลมฟูนั้นอย่างใจนึกคิด
ดอกฟูๆนั้นเมื่อถูกสัมผัสก็ถึงกับเสียหลักโงนเงนอ่อนไหวตามแรงนิ้ว พร้อมกับทำให้ต้นทั้งต้นเกิดแรงสั่นสะเทือนเบาๆ ใบของมันที่ดูราวกับขนนกหุบฉับงับลงทันใด เด็กน้อยมองปรากฏการณ์นั้นอย่างค้นหาคำตอบ พร้อมกับนิ้วอวบๆที่ย้ายตำแหน่งไปสะกิดที่ใบแทน ซึ่งมันก็หุบฉับลงเช่นเดิม
แต่คราวนี้แววตาแห่งความสงสัยกลับกลายเป็นมีประกายแห่งความสุขสนุกสนาน แม้ว่าในสมองของเด็กตัวน้อยๆยังคอยตั้งคำถามอยู่ว่า
ทำไม? ไอ้เจ้าต้นไม้ต้นนี้แตะนิดแตะหน่อยทำหวงตัวหุบหนีมือ แต่ความเพลิดเพลินดูท่าจะมีมากกว่าความคิดที่จะหาคำตอบ เสียงหัวเราะน้อยๆดังก้องไปทั่วบริเวณไร่ ถ้าดอกกุหลาบสามารถยิ้มได้ ตอนนี้คงได้เห็นรอยยิ้มแห่งความเอ็นดูระบายไปทั่ว
อีกครั้งที่นิ้วเล็กๆจะเข้าทำการสะกิดใบขนนกนั่น แต่เจ้าวัชพืชกลับลอยหวือหลุดออกทั้งรากทั้งโคนด้วยมือใหญ่ๆของใครบางคนที่คุ้นเคย
"อ้าววววววววว!!!!!!!!!!!!" เด็กน้อยอุทานขึ้นด้วยอารมณ์เสียดาย
"เล่นไม่ได้นะครับคุณหนู มันคันนะครับ" ผู้อาวุโสกว่าเอ็ดเด็กน้อยจอมซนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ทำไมล่ะฮะลุงยูจิน มันออกจะน่ารักนะ พอจิ้มปุ๊บหุบปั๊บ สนุกจะตาย" เด็กน้อยพูดถึงของเล่นชิ้นใหม่ที่ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าคงสนุกไม่เบา
"เจ้าพวกนี้มันขึ้นมาแย่งน้ำ แย่งอาหารกุหลาบของเรานะครับ คุณหนูจะว่ามันน่ารักอีกเหรอ" ลุงยูจินหาเหตุให้คุณหนูเล็กของเขาเลิกเล่นเจ้าวัชพืชชอบแย่งซะที
"ไม่จริงหรอก เจ้าพวกนี้เนี่ยนะจะมารังแกกุหลาบของเรา"
"ถ้ามันดีจริง ลุงกับพี่ๆคนงานจะถอนทิ้งทำไมล่ะ" เด็กน้อยเงียบลงทันที เพราะไม่รู้จะหาเหตุข้อไหนมาเถียงกับผู้ใหญ่ตรงหน้า
อันยูจินเห็นดังนั้นก็รู้แล้วว่า คุณหนูไม่คิดจะต่อปากต่อคำด้วยอีก มือใหญ่จึงเอื้อมไปจับมือน้อยๆแล้วจึงฉุดให้ออกเดิน
"ลุงไปส่งคุณหนูที่บ้านนะครับ คุณหนูแจจุงต้องเดินตามหาอยู่แน่เลย" พูดจบปุ๊บ คนที่เอ่ยถึงก็มาปรากฏตรงหน้าพอดี
"มานี่เลย เจ้าชางมินตัวยุ่ง พี่ตามหาตั้งนาน มาให้ทำโทษเดี๋ยวนี้เลยนะ" แทนที่จะกลัว เด็กน้อยชางมินกลับยิ้มร่าและวิ่งเข้าใส่พี่ชายที่อายุมากกว่า 2 ปีทันที
"ขอบคุณนะฮะลุงยูจิน" แจจุงกล่าวกับคนสูงวัยกว่าด้วยความเกรงใจ
"ไม่เป็นไรหรอก ลุงไปทำงานต่อนะ"
"พี่แจจุง หิวแล้ว" ชางมินเอ่ยกับพี่ชายทันทีที่ลุงยูจินเดินจากไป
"สมควรแล้วล่ะ ซนนักนะเรา" ไม่เอ็ดปล่าว นิ้วที่ใหญ่กว่าบีบเข้าที่จมูกรั้นๆของน้องชายอย่างหมั่นเขี้ยว "ไปกินข้าวกัน แม่ทำกับข้าวอร่อยๆไว้รอแล้ว"
แจจุงทรุดตัวลงนั่งยองๆ เพื่อให้น้องชายได้นั่งขี่หลังกลับบ้าน หัวกลมๆหันกลับไปมองที่ไร่กุหลาบ พร้อมกับความคิดที่ยังคงความสงสัยไม่สิ้น
......ต้นเล็กๆอย่างนั้นน่ะเหรอ จะทำอะไรใครได้..........
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
นิ้วอวบเล็กเมื่อครั้งก่อน บัดนี้กลายเป็นนิ้วเรียวแกร่ง เอื้อมดึงดอกเล็กๆกลมฟูสีม่วงนั้นขึ้นมาจ้องมองพร้อมๆกับความทรงจำเก่าๆที่ไหลกลับมาสู่ปัจจุบัน
แปลกใจตัวเองไม่น้อย ทำไมตัวเขาเองถึงสนอกสนใจเจ้าวัชพืชที่ใครๆต่างก็ตราหน้าว่าไร้ค่า
คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจหยุดความคิดนั้นลง เลิกคิดซะดีกว่า ปวดหัวเปล่าๆ จากนั้นขายาวก็ก้าวออกเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน
ดวงตาเรียวคมมองจ้องไปยังหน้าจอสี่เหลี่ยมที่ขึ้นหน้าเว็บ search engine ชื่อดังไว้ ช่วงเวลาที่อากาศดีๆแบบนี้ สมองส่วนการเรียนรู้คงเปิดเพื่อเตรียมรับข้อมูลอย่างเต็มที่ กะว่าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเรียนคงจะดีไม่น้อย แต่เจ้าสมองนั้นมันคงแล่นดีมากๆ จนฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นิ้วเรียวจึงรัวลงบนแป้นพิมพ์ เพื่อค้นหาคำว่า mimosa
ชางมินไล่อ่านข้อมูลที่แสดงผลออกมาและพยักหน้ากับตัวเองเป็นการรับรู้
ขณะที่กำลังจะเข้าสู่สาระของการที่มานั่งหน้าจอสี่เหลี่ยมนี้ เด็กหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งรู้สึกเหมือนนึกอะไรบางอย่างออกมาได้ จึงรัวแป้นเพื่อพิมพ์คำเดิมลงไป แต่คราวนี้คั่นด้วยเครื่องหมาย + และตามด้วยคำว่า flower language
ใบหน้าแสดงอาการรับรู้เมื่อข้อสงสัยถูกกำจัดไม่ได้ปรากฏอย่างที่เคย แต่กลับกลายเป็นสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหมองเศร้า ปากหยักกดเหยียดยิ้มมุมปาก หัวเราะหึลงลำคอด้วยความสมเพชตัวเอง เมื่อคำตอบของคำค้นได้ประจักษ์สู่สายตา
.....นี่ล่ะสินะ คือคำตอบ นายอยากจะบอกฉันมาตั้งนานแล้วใช่มั้ย.....
////////////////////////////////////////////////
อีกมุมหนึ่งของบ้าน คิ้วเรียวสวยที่อยู่บนใบหน้างามๆของใครบางคน กำลังขมวดเข้าหากันแล้วผูกเป็นปมอย่างแน่นหนา ด้วยสาเหตุมาจากเจ้ากองเอกสารตรงหน้า ที่ถึงกับทำให้หัวสวยๆนั้นปวดหนึบอยู่ตลอดระยะเวลาการทำงาน
แต่สักพักใบหน้าสวยหวานที่กำลังเคร่งเครียดอยู่นั้น ก็คลายลงได้เมื่อเงยหน้ามาเจอเข้ากับช่อกุหลาบหลากสีสัน ซึ่งได้บดบังใบหน้าของคนที่ถือเอาไว้ ไม่ต้องบอกก็รู้กันทั่วทั้งไร่แล้วว่า...ใครเป็นคนถือมา...
....มีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ ที่กล้าเด็ดกุหลาบเล่นแบบนี้.....
คนสวยหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมระบายยิ้มนางฟ้าที่แฝงด้วยเล่ห์แห่งนางมาร จากใบหน้าที่ดูสดใสขึ้น จึงเปลี่ยนกลับมามุ่ยลงอีกครั้ง และคิ้วที่ขมวดปมแน่นหนามากขึ้นกว่าเดิม
....นั่งทำงานเครียดมาตั้งนาน แกล้งคนคลายเครียดดีกว่า.....
ใบหน้าหล่อๆโผล่พ้นช่อกุหลาบออกมา เพราะเริ่มรู้สึกได้ถึงความเงียบที่ดูจะผิดปกติ แล้วตามด้วยยิ้มแบ๊วๆ ที่เจ้าตัวพยายามทำให้น่ารักน่าเอ็นดู.....สุด-ชี-วิต
"แจจุง ยุนโฮเก็บกุหลาบมาให้แจจุงด้วยนะ มีทุกสีเลย สวยใช่ม๊า"
...ดูท่าแล้ว หมีคงยังไม่รู้ตัวเลยว่า....ใกล้ตายแล้ว.... ไม่ได้สังเกตสังกาเลยให้ตายสิ...
"แจจุงรู้ปล่าวว่า ยุนโฮให้ช่อกุหลาบหลากสีกับแจจุงน่ะ หมายความว่ายังไง"
...ยัง ยังได้อีก ยังแบ๊วได้อีก...
"ก็หมายความว่ายุนโฮให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับแจจุงไง ให้ทั้งตัวทั้งหัวใจเลยนะ ให้แจจุงคนเดียวเลย"
"ชองยุนโฮ!!!!!!! มันใช่ของเล่นเหรอ กุหลาบนี้แจจุงปลูกไว้ขายนะ ทำไมยุนโฮทำแบบนี้ล่ะ" แจจุงตวาดคนตรงหน้าเสียงดังลั่น จนเทดดี้ยุนถึงกับสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แล้วก็หงอลงในที่สุด
....คุณชายชองฮะ อยากจะบอกเหลือเกินว่า ไอ้เจ้ากุหลาบช่อแค่นี้ ไม่ได้กระเทือนรายได้ของ Rhodon Knight เลยแม้แต่วอนเดียว....แต่คนมันอยากแกล้งอ่ะ มีไรป่ะ?....
"ยุนเห็นแจเครียดๆ ก็เลยไปเก็บดอกกุหลาบมาให้ เผื่อจะได้รู้สึกดีขึ้น แต่ถ้ามันทำให้แจไม่พอใจ ยุนก็ขอโทษด้วย ส่วนกุหลาบน่ะ เดี๋ยวยุนจะจ่ายเงินให้นะ" ยุนโฮอธิบายเหตุผลด้วยท่าทางหงอยๆ ใบหน้าหล่อก้มมองพื้นด้วยความจิตตกถึงขีดสุด "ยุนคงอยู่ที่นี่นานไปแล้วล่ะ อีกสองวันก็หมดเวลาพักร้อนแล้ว เดี๋ยวยุนก็กลับแล้วล่ะ แจไม่ต้องห่วงนะ จะไม่มีคนๆนี้มาทำให้แจรำคาญใจอีก"
....อุ้ย!!! เรื่องใหญ่แล้วล่ะสิ.....
แจจุงเห็นอากัปกิริยาของคนรักในตอนแรก ถึงกับกลั้นหัวเราะจนรู้สึกปวดไปทั้งแก้ม แต่เมื่อฟังจากคำพูดหลังๆ ดูท่าว่าเขาคงจะแกล้งแรงไปจริงๆ
....ถ้างอนกลับไปแล้วไม่มาอีกทำไงล่ะเนี่ย.....
....ง้อเหรอ ง้อก็ได้ รู้แล้วล่ะหน่าว่าผิด....
"ยุน"
"......"
"แจจุงล้..."
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ ยุนเข้าใจ"
"แต่แจจุงจะบอกว่......"
"ยุนเข้าใจ ยุนไม่ได้เป็นคนเข้าใจอะไรยากนะ"
"ยุนฟังแจพูดก่อนสิ"
"ก็ยุนบอกแล้วว่าไม่ต้องอธิบ....อุ๊บ!"
ปากอิ่มสีสวยประกบเข้ากับปากหยักทันที เพราะร่างสูงตรงหน้าไม่ยอมหยุดฟังอะไรเลย
......อยากพูดมากดีนัก พล่ามอยู่นั่นแหละ ปิดปากซะเลย......
คนที่โดนจู่โจมถึงกับตาโตด้วยความตกใจ แต่ไม่นานนักก็เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนหวานที่คนรักมอบให้ มือใหญ่จึงเลื่อนขึ้นไปเพื่อที่จะกดลงที่ท้ายทอยให้สัมผัสนั้นแนบแน่นมากยิ่งขึ้น จนคนที่เป็นฝ่ายรุกนั้นเริ่มประท้วงขออากาศหายใจโดยการทุบเบาๆที่ไหล่กว้าง
"อยากจูบยุนก็บอกตรงๆสิ ไม่เห็นต้องใช้มุกนี้เลย" ยุนโฮเอ่ยออกมาหลังจากที่ปากหยักละออกจากปากอิ่มสวยอย่างรู้สึกเสียดาย ตาคมในตอนนี้ดูเป็นประกายวิบวับแพรวพราว สายตาที่มองนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก อยากจะกอด อยากจะจูบ อยากจะสัมผัสให้นานเท่านาน
"บ้าเหรอ ใครเขาอยากจูบยุนกันล่ะ อยากพูดมากเอง หมั่นไส้ก็เลย....... ปิดปากซะ" แจจุงตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่เต็มนัก แก้มใสๆนั้นก็แดงแล้วแดงอีก
ยุนโฮมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู ความรู้สึกหมั่นเขี้ยวจึงบังเกิด และก็บันดาลให้ปากหยักประกบเข้ากับปากอิ่มสีเชอร์รี่อีกครั้ง
"แต่ยุนน่ะ อยากจูบแจจุงมากๆเลย รู้ปล่าว"
"อยากจูบมากเลยเหรอ นี่แน่ะ!!!" แจจุงหยิกเข้าที่แก้มของยุนโฮด้วยความหมั่นเขี้ยวที่ไม่น้อยไปกว่ากัน "ได้แล้วจะเอาอีก โลภจริงๆเลยนะ"
"สำหรับแจจุง เท่าไรก็ไม่พอหรอก"
หลังจากที่คำพูดของยุนโฮจบลง มือน้อยๆก็เข้าทำการหยิก ทุบ ตี อย่างไม่มีการยั้งมือด้วยความเขิน (เขินจริงๆนะ ไม่ได้โกรธ สาบานได้ ถ้าโกหกขอให้สวยวันสวยคืนเลยเอาสิ หุหุ)
คนที่โดนทำร้ายร่างกายก็ได้แต่ร้องโวยวายด้วยความเจ็บเสียเต็มประดา สลับกับเสียงหัวเราะที่ใครที่ผ่านไปมาแถวๆนั้นได้ยินแล้วต่างรู้สึกเอ็นดูในความน่ารักของคนทั้งคู่
ตั้งแต่ผู้ชายที่ชื่อชองยุนโฮก้าวเข้ามา ทุกคนใน Rhodon knight สัมผัสได้ถึงความสุขที่มากขึ้นทุกวันของเจ้าของไร่คนสวยที่เป็นที่รักของทุกคนในไร่กุหลาบแห่งนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าชองยุนโฮจะได้ใจของคนที่นี่ไปเต็มๆ
.......แต่.........
ความรู้สึกดีๆแบบนี้กลับไม่ได้ทำให้คนๆหนึ่งรู้สึกตามไปได้ด้วยเลย
ดวงตาคมที่จับภาพเหตุการณ์มาตลอดนั้น เต็มไปด้วยไฟแห่งความริษยาที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดหายกลายเป็นจุลไปต่อหน้า มือใหญ่กำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นตามลำแขนแกร่ง ดูก็รู้ว่าเจ้าของของมันพยายามข่มความรู้สึกของตัวเองจากการกระทำที่ไม่สมควรมากแค่ไหน
.
.
.
.
.
"พี่แจจุงฮะ" เสียงนุ่มๆของใครบางคนดังขึ้นขัดเสียงหัวเราะคิกคักของคนสองคน "ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่ฮะ......เป็นการส่วนตัว" ชางมินตอบออกไปเน้นย้ำท้ายประโยค พร้อมกับมองคนที่นั่งข้างๆพี่ชายด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออก
"ยุนว่า ยุนไปก่อนดีกว่านะ พี่น้องคงมีอะไรคุยกัน" ยุนโฮเอ่ยกับสองพี่น้องด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ช่วงขายาวที่ทำท่าจะก้าวออกเดิน หยุดลงทันทีพร้อมกับหันหน้ามาหาคนรัก และประทับจูบแผ่วเบาลึกซึ้งลงบนกลีบปากอวบอิ่มนั้น ต่อหน้าต่อตาอีกคนที่อยู่ในห้องนี้
"ยุน ไม่เอาหน่า ต่อหน้าชางมินเลยนะ" แจจุงกระซิบแผ่วเบาข้างๆหูของคนรัก ด้วยน้ำเสียงที่ติดจะห้ามปรามอย่างไม่จริงจังนัก
"รักแจจุงนะ" คำบอกรักแผ่วเบาถูกส่งถึงคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ร่างบางคงไม่ได้เอะใจเลยว่า มันมีความหวาดหวั่นเจืออยู่ แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน แจจุงรู้สึกว่า ต้องตอบรับคนรักออกไปเพื่อมอบความมั่นใจให้ "แจจุงก็รักยุนโฮนะ"
ร่างสูงยิ้มออกมาได้กับคำที่ได้ยิน ค่อยๆผละออกจากร่างบาง หันมาเผชิญหน้ากับน้องชายคนรัก ส่งสายตาดุดันแข็งกร้าวชิงชังให้กับคนตรงหน้า ทำให้คนที่ถูกมองนั้นรู้สึกหวาดหวั่นได้ไม่น้อย
ภาพที่ได้ประจักษ์สู่สายตาของชิมชางมินก่อนหน้านี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันยิ่งทำให้ไฟแห่งความโกรธที่ค่อยๆดับลง ยิ่งประทุโชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันถูกดับลงด้วยสายตาคู่นั้นที่มองมา
ชองยุนโฮไม่เคยใช้สายตาแบบนี้มองน้องชายคนรักมาก่อน ตัวเขานั้นเริ่มรู้สึกได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องลุกขึ้นมาสู้ เพื่อปกป้องสิ่งที่รักเอาไว้ หมดเวลาของการพลัดพรากแล้ว จะไม่มีวันนั้นอีก ใครหน้าไหนที่คิดจะมาพรากเขาออกจากแจจุง คนๆนั้นจะต้องได้รับความเจ็บปวดอย่างสาสม
ชางมินตรงเข้าสวมกอดพี่ชายทันทีหลังจากที่ยุนโฮออกไป "พี่แจจุง"
"ว่าไง มีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ" แจจุงเอ่ยถามน้องชายทันที เพราะไม่เห็นน้องจะพูดอะไร นอกจากกอดเขาไว้แบบนี้
"ไม่มีอะไรหรอกฮะ แค่.....อยากกอดพี่แจจุง....เท่านั้นเอง"
////////////////////////////////////////////////
อาหารหลากหลายเมนูถูกวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าอย่างระรานตา สีสันและหน้าตาพร้อมกับกลิ่นอันหอมหวนของมันกระตุ้นต่อมน้ำลายให้สอออกมาได้ไม่น้อย
เจ้าน้องเล็กยิ้มเหมือนได้ของเล่นชิ้นใหญ่ให้กับคนที่ปรุงแต่งอาหารเหล่านี้ เพราะอาหารตรงหน้าน่ะ ของโปรดของเขาทั้งนั้น แต่ก็ต้องรู้สึกเอะใจขึ้นมากับเมนูอาหารอย่างหนึ่ง
"ตั้งแต่กลับมาผมเห็นมีกิมจิจีเกทุกมื้อเลยนะฮะ"
"ยุนโฮเค้าชอบน่ะ กินทุกมื้อเลย พี่ยังสงสัยเลยนะ ว่าเค้าไม่เบื่อรึไง" แจจุงหันไปส่งสายตาหวานและยิ้มให้กับคนรักที่นั่งข้างๆ
"ถ้าแจจุงเป็นคนทำให้กินยุนไม่มีวันเบื่อหรอก" ยุนโฮตอบกลับไปพร้อมกับสายตาที่มีความหมายอย่างมากมาย
"พี่ยุนโฮชอบแค่กิมจิจีเกเหรอฮะ แต่ผมน่ะ ชอบทุกอย่างที่พี่แจจุงทำเลยนะฮะ"
.ใครจะรู้บ้างว่าเจ้าน้องเล็ก แอบจุดชนวนสงครามกับคนรักพี่ชายเข้าแล้ว.
"ใช่ พี่ก็ชอบทุกอย่างที่แจจุงทำนะ แต่กิมจิจีเกเป็นอาหารที่แจจุงรู้ว่าพี่ชอบเป็นพิเศษ คนรักกันที่ใส่ใจซึ่งกันและกันมากๆ เขาต้องรู้สิ ว่าคนที่ตัวเองรักชอบอะไรเป็นพิเศษ แต่สำหรับน้องชายที่ชอบกินมันทุกอย่าง ก็ไม่ต้องใส่ใจก็ได้หนิ ว่าต้องทำอะไรให้กินทุกมื้อ" ยุนโฮตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ และยิ้มออกมาเหมือนไม่รู้เลยว่าคำพูดของตัวเองทำให้ใครบางคน...เริ่มเดือด....
คนกลางอย่างแจจุงนั้น เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่ครึ้มๆบนโต๊ะอาหาร จึงเอ่ยตัดบทเพื่อระงับสงครามที่ทำท่าจะเกิดขึ้น "กินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวจะเย็นหมด ไม่อร่อยอย่ามาโทษกันนะ"
....คิดจะมาเล่นคนอย่างฉันเหรอ ชิมชางมิน เร็วไปสิบปีนะไอ้น้อง.....
/////////////////////////////////////////////////
ร่างบางระหงส์นอนทอดกายยืดยาวอยู่บนฟูกสีขาวปุยเมฆ ผิวที่ขาวผ่องดั่งไข่มุก มองแล้วเหมือนจะทำให้ร่างงามถูกกลืนหายไปกับฟูกสีขาวนั้น
ร่างสูงที่เพิ่งย่างกรายเข้ามา มองภาพตรงหน้านิ่งดังโดนมนตร์สะกด ยุนโฮเคยคิดว่า เขาคงมีบุญมากๆฟ้าถึงได้ลิขิตให้เขามีคนรักที่งดงามเหมือนนางฟ้าแบบนี้
ไม่ใช่แค่รูปกายภายนอกเท่านั้นที่งดงาม แจจุงของเขายังมีจิตใจที่อ่อนโยน บริสุทธิ์และงดงามยิ่งกว่า
ขายาวก้าวตรงไปยังเตียงนอนที่เจ้าหญิงตัวน้อยนอนอยู่ ตาคมจดจ้องใบหน้าสวยหวานนั้นอย่างแสนรัก ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆก้มลงประทับจุมพิตที่หน้าผากมน ตาคมเลื่อนลงหวังจะมองใบหน้างามให้ชัดยิ่งขึ้น แต่ก็พบว่าดวงตากลมโตจ้องรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
"อ้าว ยุนนึกว่าแจหลับแล้ว" เจ้าชายเอ่ยกับเจ้าหญิงนิทราที่เพิ่งจะลืมตาตื่นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอบอุ่น
"จะรอกอดยุนก่อนแล้วค่อยหลับ"
"กอดยุน...จะกอดแบบไหนดีล่ะ" สายตาอบอุ่นในตอนแรกเปลี่ยนเป็นแพรวพราวขึ้นมาทันทีที่รู้สึกว่าคนรักเริ่มเปิดทางให้
"ไม่ต้องมาทะลึ่งเลยนะ ก็กอดไง กอดอ่ะ พูดกันตรงๆเลย ไม่ได้มีนัยสำคัญใดๆ เข้าใจมั้ย หมีลามก" ยุนโฮหัวเราะลั่นทันทีที่แจจุงพูดจบ
"ง่วงก็หลับก่อนสิครับ ยังไงๆยุนก็กอดแจทุกคืนอยู่แล้ว"
"แต่คืนนี้ไม่เหมือนกันหนิ" เสียงหวานๆเอ่ยออกมาอย่างหงอยเหงา หลุบสายตาลงซ่อนแววเศร้าสร้อย "วันพักร้อนของยุนจะหมดแล้ว ยุนกำลังจะกลับ" แจจุงหยุดพูดได้เท่านี้ก็เงยหน้าขึ้นมองคนรัก
"ถ้าแจไม่อยากให้ยุนกลับไป ยุนจะว่าแจเอาแต่ใจตัวเองรึปล่าว" คราวนี้ตากลมสวยเริ่มคลอไปด้วยน้ำตา รู้สึกใจหายอยู่ลึกๆ ถึงแม้ว่ายุนโฮกลับไปเพื่อทำงาน แต่แจจุงก็อดที่จะรู้สึกเคว้งคว้างไม่ได้ แปลกนะ ตลอดระยะเวลาที่จากกัน แจจุงคนนี้อยู่คนเดียวมาได้ตลอด แต่พอยุนโฮกลับมา.....แจจุงอยู่คนเดียวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว.....
"ยุนไม่ได้อยากกลับเลย อยากอยู่กับแจจุงตลอดเวลาเลยนะ เอาแบบนี้ดีกว่า เสร็จงานเมื่อไร ยุนจะรีบขับรถมาหาแจนะ" ความรู้สึกของแจจุงตอนนี้ ทำไมยุนจะไม่รู้ ก็บอกแล้วไง...หัวใจของเราสองคนมันหลอมรวมกันมาตั้งนานแล้ว... ยิ่งตอนนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกหวั่นใจ ยิ่งไม่อยากจากแจจุงไปไหนเลย
"ถ้าแจอยากจะกอดยุน...แบบ....เออ....มีนัยสำคัญ....ยังจะทันอยู่มั้ย" คนสวยเอ่ยเสียงอ้อมแอ้มกับคนรักอย่างขัดเขิน
สิ้นเสียงของร่างบางไม่มีคำตอบใดๆออกจากร่างสูง มือหนาลูบแก้มใสของเจ้าหญิงตัวน้อยอย่างแผ่วเบา ปากหยักตามลงประกบจูบแผ่วเบาบดเบียดลงบนปากอิ่มสวย แล้วจึงค่อยๆเพิ่มความหนักหน่วงให้มากยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนเลียแตะกลีบปากอิ่มสีทับทิมให้เผยอออกเพื่อที่จะเข้าไปชิมความหวานด้านในด้วยการเกี่ยวไล้ลิ้นเล็กที่ตอบรับเขาเป็นอย่างดี
ร่างบางครางอู้อี้ประท้วงเรียกร้องขออากาศหายใจ ปากหยักผละออกเปลี่ยนตำแหน่งเลื่อนมาเป็นซอกคอขาว ขบเม้มทิ้งร่องรอยแสดงเครื่องหมายความเป็นเจ้าของ มือหนาลูบไล้สอดเข้าใต้เสื้อนอนตัวบาง สัมผัสไปตามผิวเนียนละเอียดอย่างหลงไหล
มือหนาค่อยๆปลดเปลื้องอาภรณ์ป้องกายออกให้พ้นจากร่างบาง พร้อมกับที่ตัวเขาก็ถูกร่างบางค่อยๆจับถอดออกทีละชิ้นเช่นกัน
ร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งสองแนบชิดแอบอิงเนื้อแนบเนื้อ แทบจะหลอมละลายรวมเป็นหนึ่ง
ยิ่งเนื้อแท้ของกันและกันสัมผัสใกล้ชิดมากขึ้นเท่าใด ความต้องการที่มีก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่วนล่างกลางลำตัวเริ่มแข็งขึงขึ้นต้องการการปลดปล่อย ร่างสูงพยายามเก็บกลั้นความรู้สึกเอาไว้เพื่อรอให้ร่างบางพร้อมที่จะรับเขาเข้าไปได้ทั้งหมด
"อื้อ..อึก..ยุน..ข..เข้ามา" แต่กลับเป็นร่างบางที่อยากจะรับคนรักเข้ามาจนแทบจะทนไม่ไหว ปากหยักจูบลงบนหน้าผากเนียนชื้นเหงื่อของนางฟ้าของเขาเป็นการปลอบโยน ก่อนที่จะค่อยๆแทรกกายเข้าครอบครองร่างบางอย่างไม่เร่งรีบ พยายามอย่างที่สุดที่จะอ่อนโยน แม้ว่าตัวเองเกือบจะคลั่งตายแล้วก็ตาม
ร่างสองร่างที่สอดประสานกัน เคลื่อนไหวรุนแรงตามแรงอารมณ์ที่โหมกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ
เสียงครางกระเส่าแผ่วเบาผลัดส่งอารมณ์ให้แก่กันและกัน ดังก้องกังวานดั่งเพลงบรรเลงประกอบบทรักอันเร่าร้อน
กลับเป็นเหมือนดั่งคลื่นเสียงสูงจากสัตว์นรกอเวจี บุกเข้ากระทบโสตประสาทและแทงทะลุเข้ากลางหัวใจ สาปให้คนที่ยืนง้างมือเพื่อจะเคาะเรียกคนข้างในตัวแข็งเป็นหิน
แต่อีกมุมหนึ่ง.....มันเป็นดั่งเสียงเรียกร้องให้ด้านมืดของจิตใจถูกปลุกขึ้น
ทำให้เจ้าของของมันตัดสินใจกระทำการบางอย่าง โดยไม่ต้องหยุดคิดอะไรอีกต่อไป เพื่อกำจัดตัวมารหัวใจให้พ้นทาง
...เก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้ให้ได้มากที่สุดนะ
แล้วนับเวลารอความตายได้เลย...ชองยุนโฮ....
////////////////////////////////////////////////
ท่ามกลางความมืดมิดที่โรยตัวลงมาจนพระจันทร์ยามเที่ยงคืนส่องแสงสว่าง ร่างสูงของใครคนหนึ่งถือกล่องเครื่องมือช่างมุ่งตรงสู่ 4WD สีดำสุดเท่ห์ ตาเรียวจ้องมองยานพาหนะตรงหน้าด้วยสายตามุ่งหมาย พร้อมกดยิ้มมุมปากสะใจไว้ล่วงหน้ากับเหตุการณ์ที่ตัวเขาเองกำลังจะทำให้มันเกิด
ร่างสูงกระทำการบางอย่างกับ 4WD คันงามนั้น หมายให้เกิดการทำงานที่ผิดไปจากปกติ
เวลาล่วงเลยไปได้สักพัก หลังมือหนาปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากออกอย่างเหนื่อยอ่อน เป็นการรูดม่านปิดฉากการประทุษร้ายยานพาหนะคันเก่ง จากนั้นจึงจัดแจงเก็บของทุกอย่างอย่างเบามือที่สุด สองขายาวก้าวเดินกลับที่อย่างมั่นใจ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเสียงคุ้นหูที่ไม่คิดอยากได้ยินดังขึ้น
"ขอบใจนะ อุตส่าห์ตื่นมากลางดึก มาเช็ครถให้พี่" เสียงของชายหนุ่มที่มาตอนไหนไม่ทราบเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย
"พี่ยุนโฮ!!! เออ.....คือผมก็เห็นพี่เช็คแล้วนะฮะ แต่เพื่อความมั่นใจก็เลยมาดูให้อีกครั้ง" ชางมินพยายามกลบเกลื่อนความตกใจไว้แล้วทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด เพราะเจ้าตัวไม่คาดคิดว่าเจ้าของรถจะมาที่นี่ในเวลานี้
เมื่อเอ่ยกับคนตรงหน้าจบแล้ว ชางมินจึงก้าวขาออกเดินจะกลับห้องนอน แต่ก็ต้องหยุดการกระทำไว้แค่นั้น เมื่อเสียงเรียบเย็นแต่หนักแน่นดึงเขาเอาไว้
"ทำแบบนี้เพื่ออะไร? ....ชิมชางมิน"
"ผมทำอะไรเหรอฮะพี่ยุนโฮ" ชางมินไม่ตอบ แต่กลับเป็นฝ่ายถามกลับแทน แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แต่ภายนอกชิมชางมินปกปิดความหวาดหวั่นเหล่านั้นได้อย่างแนบเนียน
"ตัวนายเองรู้ดีที่สุดว่าพี่พูดถึงอะไร" ยุนโฮพูดต่อโดยที่ใบหน้ายังไม่หันมามองคนที่เด็กกว่า "พี่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่นายทำ มีอะไรจะแก้ตัวรึเปล่า"
"ไม่จำเป็นนี่ฮะ เพราะ....ผม.....ไม่ได้ทำอะไรผิด" ชางมินยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างหนักแน่น
"นั่นน่ะสินะ ใครจะไปยอมรับล่ะว่าตัวเองกำลังจะเป็น...ฆาตกรฆ่าคน..." ยุนโฮตอบกลับคนที่เด็กกว่า โดยเน้นคำหลังให้คนตรงหน้าได้คิดสะกิดใจขึ้นมาบ้าง
"ถนนที่มุ่งสู่ Rhodon knight ค่อนข้างจะคดเคี้ยว มีหุบเขาสลับซับซ้อนและหุบเหวลึกทั้งสองข้างทาง การที่จะมีรถคันหนึ่ง ตกลงไปในเหวเพราะรถขาดสมรรถนะในการขับขี่ มันก็ไม่แปลกอะไร แต่รถคันนั้นคงไม่เหลือซากเลย ว่ามั้ย? นับว่าเป็นการวางแผนฆ่าที่ไม่ยากนัก แถมเข้าท่าเลยทีเดียว" ยุนโฮบรรยายด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเหมือนกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ
"ถ้าฉันอยู่ในรถคันนั้น คงทิ้งหลักฐานไว้ให้คนตามสืบให้นะ ว่าใครเป็นฆาตกร"
"แต่พอดีว่าตอนนี้ฉันก็ยังคงยืนอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นการจะเอาผิดคนๆนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลย" คราวนี้ชองยุนโฮหันกลับมามองคู่สนทนาด้วยสายตามุ่งหมาย "นายคิดเหรอ ชางมิน ว่าการที่ไม่มีฉันแล้ว มันจะดีกับตัวนาย"
"ดีสิ...ดีมากด้วย เพราะพี่แจจุงจะเป็นของฉันคนเดียว ไม่ใช่เป็นของคนที่ทิ้งเขาไปอย่างแก" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาของเด็กหนุ่มร่างสูงแฝงไว้ด้วยความรู้สึกโกรธเกรี้ยว เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็ให้มันจบๆตรงนี้เลยก็แล้วกัน
"ฉันไม่ได้ทิ้งแจจุง"
"ทุเรศ!!! แกทิ้งเขาไป 15 ปี ยังจะมาหน้าด้านพูดว่า ไม่ได้ทิ้งเหรอ กระดากปากบ้างรึปล่าว ชองยุนโฮ" อารมณ์ของเด็กหนุ่มผิวน้ำผึ้งในตอนนี้ ยิ่งทวีความเดือดดาลขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเลย
"แจจุงรู้ดีที่สุดว่าทำไมฉันจำเป็นต้องจากเขาไป เรื่องนี้เป็นเรื่องของฉันกับแจจุงสองคน น้องชายอย่างนาย....อย่ายุ่ง"
"หุบปาก!!! ไม่ต้องมาย้ำคำว่าน้องชาย เหมือนว่าตัวเองจะได้ชัยชนะไปหรอก ฉันว่านายก็ไม่ได้โง่นะ คงรู้ว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง"
"นายคิดยังไง ฉันไม่เคยใส่ใจเอากลับไปคิดให้หนักสมองหรอกนะ ฉันรู้แค่ว่า แจจุงไม่มีวันคิดกับนายเป็นอื่น นอกจากน้องชายแน่นอน"
"ก็แค่น้องชายบุญธรรม ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดเลยแม้แต่นิดเดียว และฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นน้องชายของพี่แจจุงสักเท่าไรหรอกนะ เพราะฉันไม่ได้คิดกับเขาแค่เป็นพี่ชาย"
"นายคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ ....ชางมิน"
"แจจุง/พี่แจจุง" สองเสียงของชายหนุ่มที่ปะทะคารมกันอยู่ ต้องหยุดชะงักลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงของบุคคลที่กำลังเป็นประเด็น
"นายไม่เคยเห็นพี่เป็นพี่ชายนายเลยเหรอ นายดีใจที่พี่กับนายไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ นายปัดความรักของพี่ชายคนนี้ทิ้งมาตลอด ที่พี่พูดมาทั้งหมดมีตรงไหนผิดบ้าง ชิมชางมิน" คิมแจจุงเอ่ยกับคนที่ตัวเองรักเหมือนน้องชายแท้ๆด้วยน้ำเสียงที่พยายามเป็นอย่างที่จะไม่ให้ตัวเองต้องหลั่งตาออกมา
สองขาเรียวค่อยๆก้าวเดินเข้ามาใกล้ๆกับชายอันเป็นที่รักทั้งสอง แจจุงรับรู้บทสนทนาทั้งหมด เพราะเขาเดินตามยุนโฮออกมาหลังจากที่ยุนโฮเดินพ้นห้องไปได้แป็บเดียว
"แต่พี่สิ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะคิดว่านายเป็นคนอื่น นายคือน้องชายของพี่ พี่แจจุงคนนี้ไงชางมิน พี่เสียใจมาตลอด ว่าทำไมเราถึงไม่มาเกิดเป็นพี่น้องกันจริงๆนะ ทำไมคนบนฟ้าถึงเล่นตลกกับชีวิตคนเราแบบนี้" น้ำเสียงที่เริ่มสั่นไหวบ่งบอกให้รู้ว่าแจจุงเริ่มจะสกัดกั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้ว
"พี่แจจุง" ชางมินเรียกร่างบางตรงหน้าอย่างแผ่วเบา ไม่คาดคิดจริงๆว่าวันนี้จะมาถึง วันที่ความรู้สึกที่แท้จริงถูกเปิดเผย "ผมรักพี่ รักมาก มากที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักคนๆหนึ่งได้"
"แต่พี่ไม่ต้องการความรักแบบนั้นจากนาย" แจจุงตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะตวาด
"ชิมชางมิน นายรู้มั้ย ทำไมพี่ถึงรักนายและยุนโฮพร้อมๆกันได้" แจจุงตั้งคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบกับน้องชาย
"เพราะความรักที่พี่มีให้ทั้งสองคนไม่เหมือนกันไง พี่ไม่จำเป็นต้องหยุดรักนาย เพื่อที่จะรักยุนโฮ และก็ไม่ต้องห้ามใจตัวเองที่จะรักยุนโฮ เพราะว่ารักนาย" แจจุงยังคงพูดต่อไปโดยที่ดวงตาคู่งามมองสลับไปมาระหว่างคนรักและน้องชาย
"นายคือน้องชายที่พี่รักมากที่สุด รักเหมือนน้องชายแท้ๆ เป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่อีกคน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าไม่ใช่ ส่วนยุนโฮ เขาคือหัวใจของพี่ เขาเป็นชีวิตจิตวิญญาณของพี่" คำพูดของแจจุงส่งผลให้คนที่ได้ชื่อว่าน้องชายนั้น เกิดอาการสั่นไหว ร่างทั้งร่างเริ่มสั่นเทา น้ำใสๆคลอที่ดวงตาคม
"นายปัดความรักของพี่ทิ้งยังไม่พอ ยังคิดจะฆ่าคนที่เป็นเหมือนหัวใจของพี่ นายทำแบบนี้ได้ยังไง...ชิมชางมิน นายกำลังจะฆ่าพี่ให้ตายทั้งเป็น รู้ตัวบ้างรึปล่าว ถ้าไม่มีเขาอยู่บนโลกใบนี้ นายคิดเหรอ ว่าพี่ยังอยากจะมีชีวิตอยู่อีก"
"พี่รักใครไม่ได้อีกแล้ว นอกจากยุนโฮ ทั้งตัวทั้งหัวใจของพี่เป็นของเขาหมดแล้ว ถึงจะไม่มีเขา พี่ก็ไม่มีวันจะรักนายแบบนั้นได้ เข้าใจมั้ย...ชางมิน"
"แล้วที่เขาทิ้งพี่แจจุงไปล่ะ เขาทำให้พี่ต้องนั่งเศร้าทุกวัน มีแต่ผมที่คอยอยู่เคียงข้างพี่ตลอด พี่ไม่เคยสนใจผมเลย พี่ก็ปัดความรักของผมทิ้งมาตลอดเหมือนกัน" ชางมินหาเหตุเพื่อเริ่มประเด็นใหม่ทันที
"ยุนไม่ได้ทิ้งพี่ เราเข้าใจกัน เรารอกันและกันมาตลอด ถ้านายคิดว่ายุนโฮทิ้งพี่ไป นายเข้าใจผิดแล้วล่ะ"
"ความรักที่พี่ปัดทิ้งไป แต่นายกลับเก็บมันขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการพรากลมหายใจของคนๆหนึ่ง พี่ไม่นึกเลย ไม่เคยนึกเลยจริงๆ ว่านายจะเป็นได้มากขนาดนี้"
"ถ้าลมหายใจของพี่มันคอยหล่อเลี้ยงชีวิตปีศาจร้ายในตัวนาย พี่ควรจะดับลมหายใจตัวเองลงซะเลยดีมั้ย นายจะได้ไม่มีจิตใจที่ชั่วร้ายเลวทรามแบบนี้ เพราะพี่ที่ทำให้นายเป็นแบบนี้ อย่าโทษยุนโฮ อย่าโทษใครๆ เพราะพี่เอง นายได้ยินมั้ย เพราะพี่เอง" แจจุงพร่ำออกมาด้วยหัวใจที่แตกสลาย
...น้องชายที่รัก คิดจะฆ่าคนรัก...
ในชีวิตของคิมแจจุงคงจะมีเรื่องนี้เนี่ยแหละที่เลวร้ายพอๆกับที่พ่อแม่จากเขาไป
ร่างบางค่อยๆหมุนตัวกลับไปหาคนรักที่ตอนนี้สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย แจจุงมองตาเรียวคมคู่นั้นด้วยความรู้สึกผิดและอ้อนวอน ปากอิ่มสั่นนิดๆพยายามที่จะเอ่ยกับคนตรงหน้าอย่างยากลำบาก ยุนโฮรู้ทันทีว่าคนที่เขารักต้องการอะไร เพราะหัวใจของเขากับแจจุงมันหลอมรวมกันมานานแล้ว ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าหัวใจของแจจุงมันแหลกลานมากแค่ไหน
"ยุนจะไม่เอาเรื่องชางมิน"
สิ้นเสียงทุ่มต่ำราบเรียบของคนรัก ร่างบางทรุดลงทันที ไม่สนใจเลยว่าหัวเข่าของตัวเองจะกระแทกแล้วเจ็บแค่ไหน มือบอบบางวางทาบกับพื้นตรงหน้า หน้าผากมนทำท่าจะแตะลงไปเหมือนต้องการจะคำนับ ถ้าไม่ติดตรงที่ร่างสูงรีบตรงเข้ามาประคองแล้วดึงตัวร่างบางเข้ามากอดไว้แนบอก
"ยุนโฮ....ขอบคุณ ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ" ร่างบางพร่ำพูดแต่คำว่าขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำอีก น้ำตาที่กลั้นไว้ค่อยๆไหลออกมาอาบแก้มเนียน
"ถ้ายุนจะเอาเรื่องชางมินจริงๆ แจจุงจะรับโทษแทนน้อง เพราะแจจุงเป็นต้นเหตุ แจจุงทำให้ชางมินจะฆ่ายุน แจจุงขอโทษ แจจุงขอโทษ"
"แจจุง อย่าทำแบบนี้ แจจุงไม่ต้องขอโทษ แจจุงไม่ได้ผิดอะไร แจจุงไม่รู้เลยเหรอ ว่ายุนโฮรักแจจุงมากแค่ไหน ยุนโฮคนนี้ให้คิมแจจุงได้ทุกอย่าง..... แม้กระทั่งการให้อภัยคนที่คิดจะฆ่าตัวเอง เพราะคนๆนั้นคือน้องชายที่แจจุงรักมากที่สุด" ยุนโฮเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนในตอนแรก แต่กลับกดน้ำเสียงท้ายประโยคลงเพื่อเน้นย้ำ พร้อมกับปรายตามองหน้าของคนอีกคนที่สะดุ้งอย่างขวัญเสียทันทีที่ดวงตาคู่นี้ส่งถึง อากัปกริยาอันแสนก้าวร้าวของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้อง กลับสงบลงทันทีที่เห็นสภาพของคนที่ตัวเองรักมากกว่าพี่ชาย
น้ำตาที่ไหลเอื่อยๆในตอนแรก กลับพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อคำพูดของคนรักจบลง เสียงสะอื้นดังออกมาเหมือนอยากจะระบายความอัดอั้นในใจออกมาให้หมดสิ้น ความปวดร้าวทั้งหมดส่งผ่านระหว่างใจถึงใจให้อีกคนได้รับรู้
"แจจุง....ไม่เอานะครับ ไม่ร้องนะ หยุดร้องนะครับ โธ่ ยุนใจจะขาดอยู่แล้วนะ" อ้อมกอดแข็งแกร่งกอดกระชับคนรักร่างบางเอาไว้แน่นมากยิ่งขึ้น เจ็บปวดที่สุดที่เห็นคนที่ตัวเองรักกำลังรวดร้าว คำปลอบโยนไม่ได้ทำให้คนในอ้อมกอดหยุดร้องไห้ได้เลย
"นี่น่ะเหรอความรักของนาย...ชางมิน ทำให้คนที่ตัวเองรักเจ็บปวดปางตายเนี่ยนะ มันคือความรัก ฉลาดนักไม่ใช่เหรอ ก็เอาสมองที่มันมีรอยหยักถี่ยิบของนายคิดดูบ้างก็แล้วกันว่าที่ผ่านมามันคืออะไร" ยุนโฮระเบิดอารมณ์ออกมาทันที
มือแกร่งของชางมินกำลังจะเอื้อมมาสัมผัสกับร่างบอบบางของคนที่อยู่ในอ้อมกอดของยุนโฮ แต่ก็สัมผัสได้เพียงความว่างเปล่าเมื่อยุนโฮยกคนรักที่ตอนนี้ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนเพื่อจะอุ้มกับไปที่ห้อง หนีมือแกร่งที่ไร้เรี่ยวแรงออกมา ยุนโฮจงใจจะไม่ให้ชางมินได้แตะต้องร่างบางของเจ้าหญิงตัวน้อยของเขาแม้แต่ปลายนิ้ว
ร่างทั้งร่างของชางมินทรุดฮวบลงทันที น้ำตาที่ไม่รู้มาจากไหนหลั่งไหลออกมาอาบใบหน้าคม...หมดแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว....
////////////////////////////////////////////
หลังจากค่ำคืนที่แสนโหดร้ายผ่านพ้นไป ชางมินตัดสินใจกลับอเมริกาทันที ทั้งที่ยังไม่ถึงกำหนด
ทุกๆคนร่วมกันมาส่งเจ้านายคนเล็กของพวกเขาอย่างพร้อมหน้า เว้นก็แต่...เจ้าของไร่คนสวย ยุนโฮบอกกับทุกคนว่า แจจุงไม่สบายลุกขึ้นไม่ไหว แต่ทุกคนรู้ดีว่ามันเป็น...ข้ออ้าง... เพราะคนอย่างแจจุงไม่เกือบจะตายจริงๆ ไม่มีวันที่จะเอาแต่นอนบนเตียงแบบนั้นหรอก
ความผิดปกติที่เกิดขึ้น ทุกคนสามารถสัมผัสมันได้ ถึงแม้ในใจลุกลนอยากจะรู้สาเหตุมากเพียงใด แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยปากถามออกมา
ชางมินกวาดสายตามองทุกคน พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่พยายามฝืนให้ดูดีที่สุด ข้อความแสดงการร่ำลาถูกส่งผ่านสายตา โดยไม่ต้องขยับปากเปล่งเสียงออกมาแต่อย่างใด
ช่วงขายาวก้าวถอยหลังออกมา แล้วหมุนตัวไปทางรถตู้ที่จอดรออยู่เพื่อจะไปส่งเขาที่สนามบิน ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ตัวรถ ตาคมเหลือบมองเห็นดอกเล็กๆกลมฟูที่คุ้นเคย
ชางมินเด็ดเจ้าดอกไม้น่ารักแต่นิสัยเสียนั้นขึ้นมา ส่งผลให้ต้นทั้งต้นสั่นไหวตามแรงดึง และหุบฉับลงทันใดตามธรรมชาติของมัน ร่างสูงมองเจ้าดอกวัชพืชในมือ หลังจากที่ขึ้นมานั่งบนตัวรถเรียบร้อยแล้ว
...พวกนายยังคงเหมือนเดิมเลยนะ จับนิดจับหน่อยก็หุบหนีอย่างเจียมตัวเสมอ ถ้าพวกนายรู้จักที่จะมีความรักได้ ก็คงเลือกที่จะเก็บซ่อนความรักไว้ให้เป็นความลับตลอดไป เหมือนภาษาดอกไม้ประจำตัวพวกนายใช่มั้ย
ฉันกับพวกนายไม่เหมือนกันก็ตรงนี้แหละ ฉันเลือกที่จะเผยความรักที่เก็บซ่อนไว้ออกมา หวังจะให้คนที่ฉันมีใจให้ได้รับรู้ แต่มันกลับกลายเป็นว่า ความรักของฉันทำร้ายคนที่ฉันรักจนเขาเจ็บปวดแทบตาย
...แต่ฉันกับพวกนายก็มีสิ่งที่เหมือนกันนะ พวกนายเกิดมาเพื่อเป็นวัชพืชที่คอยแย่งน้ำ แย่งอาหารจากกุหลาบในไร่ที่ปลูกไว้
ส่วนฉัน...ชิมชางมิน เกิดมาเพื่อ.....แย่งความรัก.....
ฉันแย่งความรักของคุณพ่อคุณแม่ที่ควรจะมีให้พี่แจจุงคนเดียวมาไว้ที่ตัวฉันครึ่งหนึ่ง และฉันก็พยายามที่จะแย่งความรักของพี่แจจุงที่มีให้พี่ยุนโฮมาเป็นของตัวเอง
จะว่าไปฉันมันก็เป็น..คนชอบแย่ง..พอๆกับที่พวกนายเป็น..พืชช่างแย่ง..
...นายคิดเหมือนฉันมั้ย เจ้า mimosa...
...เลว... คำๆนี้มันคงเหมาะสมกับคนอย่างฉันที่สุดในตอนนี้
รถตู้ค่อยๆแล่นออกห่างจาก Rhodon knight ไปเรื่อยๆ ชางมินหันกลับไปมองบ้านอันแสนอบอุ่นของเขาอีกครั้ง แล้วจึงหันกลับมาก้มลงมองดอกไม้ในมือ พร้อมกับความคิดที่ยังคงหลั่งไหลเข้ามา
...พี่แจจุงฮะ ผมขอโทษ ตอนนี้ผมคงอยู่สู้หน้าพี่ไม่ได้ เพราะหัวใจของผมมันสกปรกโสโครกเหลือเกิน ผมไม่อยากให้คนดีๆอย่างพี่ต้องมาแปดเปื้อนเพราะมีน้องชายเลวๆแบบผม
ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก
...จนกว่า...
หัวใจดวงนี้มันจะบริสุทธิ์มากพอที่จะอยู่ในฐานะน้องชายของคิมแจจุง
...ผมจะกลับมาพร้อมกับฐานะน้องชายของพี่แจจุงอย่างแท้จริง จะเป็นน้องชายที่พี่แจจุงภูมิใจให้ได้ รอผมนะครับ...
ลาก่อนนะฮะพี่แจจุง
ลาก่อน (พี่ชาย)ที่รักของชิมชางมิน....
~FIN~
*~Hyejae~* talks with you
Yeah!!! Yahoo!!!
Assa!!! A-wa-ma!!!
Uh!!! Oh! My god.
^&%$#@$^& Pam-pa-ya!!!
Wow!!! Wow!!! Wow!!!
มีอะไรอีกมั้ย ยี๊ฮ่า!!! ในที่สุด ในที่สุด ฟิคสั้นอันแสนมาราธอนเรื่องนี้ก็จบลง
ขอจุดประทัดฉลองสักหมื่นดอกได้มั้ย บอกตามตรงนะ เครียดกับฟิคเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆๆ เพราะเป็นแนวที่ฉีกออกไปจากที่เคยแต่ง ไม่รู้ reader จะว่ายังไงกันบ้าง ไม่รู้ว่าสิ่งที่อยากจะสื่อมันถึงคนอ่านมั้ย NC เล็กๆของเราจะเป็นยังไงบ้าง โอ๊ย!!! เครียด ช่วยเม้นท์ให้หน่อยนะ มีตรงไหนขาดตกบกพร่องบอกได้นะ น่าจะเติมตรงนั้น น่าจะตัดตรงนี้ อะไรประมาณนี้ บอกกันได้นะ ยินดีน้อมรับและนำไปแก้ไข ^_^
เออใช่ มีคนเค้าบอกว่า Wrong number เป็นเพลงยุนแจ ซึ่งจอยขอชูมือหนับหนุนด้วยอีกคน คิดเหมือนกันมั้ยว่า the 4th album Mirotic ชองยุนร้องเพลงดีขึ้นมากๆๆๆๆๆๆ และยิ่งไปกว่านั้น ทำเอาทึ่งมาจนบัดนี้ คิมแจ Rap OH!!! โค-ต-ร ชอบแจแร็พอ่ะ ทำไม๊ ทำไม ไม่แร็พให้เร็วกว่านี้ (อ๋อ ยังไม่ชำนาญชิมิ) ได้ข่าว(มานานมาก)ว่า แจจุงไม่เชี่ยวในการแร็พ แต่ ณ วันนี้ แจจุงทำได้ Assa!!! ขอยอมรับเลยว่า ชอบเพลง Wrong number จากท่อนที่คิมแจแร็พเนี่ยแหละ ให้มันรู้ซะบ้างใครเป็นใคร เทพนะเทพ
Rap ตัวพ่อ กับ Voice ตัวแม่
แหม....เขาคงจะไปเทรนกันกระหนุงกระหนิง โหะๆ นึกภาพตามแล้วเขิน ^_^ (ขอกลิ้งรอบบล็อกสัก 5 รอบ)
ยัง...ยังไม่พอ ช่วยกันแต่งท่อนแร็พด้วย Wow!!! Yunjae is real. Assa!!!
คิดถึงคนอ่านจัง จะมีคนอ่านฟิคเราเยอะมั้ยนะ หายไปตั้งนานแล้วยังทำเนียนพล่ามกลบเกลื่อนความผิด เรื่องต่อไปจะพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่หายไปนาน
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่าน ทั้งที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ
รักทุกคนค่ะ รักนะ จุ๊บ จุ๊บ ....
ความคิดเห็น