คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Red & White rose
^_^ Red & White rose ^_^
ร่างสูงของชายหนุ่มหน้าตาดีผ่านประตูกระจกบานใสเข้ามายังร้านดอกไม้ยอดนิยมในย่านๆหนึ่ง ณ มหานครแห่งเกาหลี ป้ายสีสวยหน้าร้านปรากฏข้อความสั้นๆเป็นการบอกกล่าวผู้ที่สัญจรไปมาว่าที่แห่งนี้มีนามว่า
...Narcissus...
โมบายสีสดใสที่โหนตัวกับมือจับประตูส่งเสียงกุ๊งกิ๊งชักชวนผู้เป็นเจ้าของร้านให้ต้องหันมาหาต้นเหตุที่ทำให้มันต้องส่งเสียงดังเรียกร้องความสนใจ
“นาซีซัส ยินดีต้อนรับค่ะ” หญิงสาวเจ้าของร้านกล่าวทักทายและยิ้มสดใสให้กับลูกค้า
ชายหนุ่มผู้มาเยือนก้าวตรงไปยังบริเวณเคาท์เตอร์พร้อมกับเอ่ยปากบอกจุดประสงค์แห่งการมาให้กับผู้ที่อยู่ได้รับรู้
“ผมมารับดอกไม้ที่สั่งไว้ครับ”
ดอกกุหลาบสีแดงขาวช่อยักษ์ถูกยกออกมาวางลงตรงหน้าชายหนุ่ม ตาคมหลุบลงมองช่อกุหลาบแสนสง่านั้นอย่างพึงพอใจ พร้อมกับระบายยิ้มอันน่าหลงไหลออกมา
“สวยมากครับ สั่งดอกไม้ร้านคุณโซยาไม่เคยผิดหวังเลยจริงๆ”
“ขอบคุณมากค่ะ ลูกค้าประจำสั่งนี่คะ ฉันจัดให้สุดฝีมือเลยค่ะ” จินโซยายิ้มอย่างเปี่ยมสุขที่ลูกค้าชอบสินค้าของเธอ
“กุหลาบเพิ่งมาส่งตอนที่คุณยุนโฮโทรมาสั่งพอดีเลยค่ะ ฉันก็เลยรีบจัดให้ทันทีเลย เนี่ยยังไม่ได้เก็บให้เรียบร้อยเลยนะคะ ต้องขอโทษด้วยที่วันนี้ร้านรกไปหน่อย” จินโซยาบอกถึงสาเหตุที่มีลังใส่กุหลาบหลายใบวางเรียงรายอยู่บนพื้นในร้านดูเกะกะ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมต้องขอบคุณซะมากกว่าที่รีบจัดให้” ยุนโฮเอ่ยกับเจ้าของร้านอย่างเกรงใจ
ตาคมหลุบลงมองลังใส่กุหลาบบนพื้น ที่ตอนนี้เริ่มมีจำนวนลดน้อยลงแล้ว เพราะฝีมือของพนักงานในร้าน ด้านข้างของลังระบุชื่อและที่อยู่ของแหล่งกุหลาบไว้อย่างชัดเจน
ยุนโฮรู้สึกสะกิดใจขึ้นมา เหมือนมีอะไรบางอย่างมาดลใจเขาว่า...ควรจะไปหาแหล่งกำเนิดของเจ้ากุหลาบพวกนี้...
ปากหยักกำลังจะขยับเพื่อที่จะเอ่ยถามกับเจ้าของร้าน แต่ก็ต้องชะงักคำพูดไว้ เพราะเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่ส่งเสียงและสั่นอย่างบ้าคลั่งเรียกร้องความสนใจจากเขา มือหนาหยิบเจ้าวัตถุชิ้นนั้นขึ้นมากดปุ่มรับแล้วกรอกเสียงนุ่มๆลงไปทันที
“สวัสดีครับ ท่านบรรณาธิการ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ชองยุนโฮคนนี้รับใช้ครับ” ชื่อที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอทำให้ยุนโฮยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับกล่าวทักทายหยอกล้อปลายสายด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
“ฉันมีงานให้แกทำ และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะปฏิเสธ เพราะอาจเสี่ยงต่อการอดรับโบนัสปลายปีนี้ เข้าใจมั้ยชองยุนโฮ” ปลายสายต่อบทสนทนาอย่างรวดเร็วฉับพลัน โดยไม่ให้คู่สนทนาพูดตัดบทได้
“นี่หรือครับ คือสิ่งที่พ่อเค้าทำกับลูกน่ะ ไม่สมควรนะครับเนี่ย” ยุนโฮกล่าวกับชายผู้เป็นบิดาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“โธ่เอ๊ย คุณลูกที่เคารพครับ อยากมีเงินใช้มั้ยครับ ถ้าคุณลูกอยากมีเงินใช้ คุณลูกก็ต้องทำงานสิเว้ย” คุณชองเพิ่มระดับความดังของเสียงขึ้นไปอีกด้วยความหมั่นไส้เจ้าลูกชายตัวดีที่กวนประสาทได้ทุกวี่ทุกวัน
“ครับๆๆๆ ท่านบรรณาธิการบริหาร ไม่ทราบว่าจะให้ยุนโฮคนนี้ไปบุกป่าฝ่าดงที่ไหนมิทราบครับ” ยุนโฮถามถึงรายละเอียดขึ้นมาซะก่อนที่เรื่องจะไม่จบ
เมื่อได้รับคำสั่งแล้วตาคมจึงหลุบลงมองชื่อและที่อยู่ข้างลังใส่กุหลาบอีกครั้ง ปากหยักได้รูปกดยิ้มอย่างพึงพอใจ อวัยวะตรงหน้าอกด้านซ้ายที่เคยเต้นตามจังหวะปกติกลับเพิ่มอัตราเร็วจนเจ้านายของมันยังแปลกใจ กับอาการประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
...ฉันกำลังจะได้ไปบ้านเกิดของพวกเธอแล้วนะ...
---------
ยานพาหนะคันงามสีดำเงาวับแล่นผ่านซุ้มประตูเหล็กดัดขนาดใหญ่ มีตัวอักษรภาษาอังกฤษคำว่า...Rhodon Knight...กำกับอยู่บริเวณตรงกลางส่วนโค้งด้านบน เหมือนเป็นการต้อนรับผู้มาเยือน
เจ้าของรถรูปงามทอดสายตามองป้ายที่มีลูกศรชี้นำทาง แขนแกร่งหมุนหักพวงมาลัยที่ควบคุมเจ้า 4WD คันเก่งลัดเลาะไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวและลาดชัน
ล้อทั้งสี่หยุดสนิทลงทันที ถัดมาคือเสียงเครื่องยนต์ที่สงบลง หลังจากมาถึงที่หมาย ชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลองสบายๆ ก้าวขาลงจากรถแล้วพาตัวเองเข้าสู่สถานที่ที่เป็นตัวสำนักงาน
“ผมชองยุนโฮ จากนิตยาสาร Cassiopeia ที่จะมาขอสัมภาษณ์คุณคิมเจ้าของไร่ครับ” ชายหนุ่มบอกจุดประสงค์การมาทันที โดยไม่ต้องรอให้ชายวัยกลางคนที่สำนักงานเอ่ยถาม
“อ๋อ คุณจะมาสัมภาษณ์คุณแจจุง ถ้าจำไม่ผิดพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอครับ พอดีว่าคุณแจจุงออกไปดูงานในไร่น่ะครับ” ชายวัยกลางคนกล่าวกับเด็กหนุ่มอ่อนวัยกว่า
“พรุ่งนี้ไม่ผิดหรอกครับ พอดีว่าผมอยากมาพักผ่อนล่วงหน้าก่อน ไม่ทราบว่าจะขัดข้องอะไรรึปล่าว”
“555+ ตามสบายเลยครับ ผมชื่ออันยูจิน เรียกว่าลุงยูจินก็ได้นะ มาครับ เดี๋ยวลุงพาไปที่พัก
ยุนโฮก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นการตอบรับ ขายาวก้าวตามผู้ที่อาวุโสกว่า พร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างจากคำพูดของบุคคลข้างหน้า
“คิมแจจุงเหรอ ชื่อนี้คุ้นๆจัง แต่คงไม่ใช่หรอกมั้ง คนชื่อซ้ำกันตั้งเยอะแยะ” ร่างสูงบ่นกับตัวเองเบาๆ
-----
ลุงยูจินเดินนำยุนโฮมายังที่พักที่สร้างอยู่บนเนินเขา จากนั้นจึงขอตัวกลับเพราะยังคงมีงานค้างอยู่ ถึงแม้ว่าบ้านพักที่นี่ถูกสร้างแยกออกจากบริเวณแปลงกุหลาบ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นความสดใสสวยงามของเจ้ากุหลาบพันธุ์ต่างๆสารพัดสี ผนวกกับวิวทิวทัศน์ที่เป็นภูเขาเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มเรียงรายสลับซับซ้อน สายลมพัดเอื่อยๆกระทบแผ่วเบาบนใบหน้า เหมือนอยากจะช่วยปัดเป่าความเหนื่อยล้าจากการตรากตรำทำงานให้พ้นไป ที่นี่ช่างเป็น.....สวรรค์บนดินโดยแท้.....
มือใหญ่จัดการหิ้วสัมภาระเข้าไปเก็บในตัวบ้านพัก จากนั้นขายาวจึงพาร่างสูงมุ่งหน้าสู่อาณาบริเวณของราชินีแห่งดอกไม้ เพื่อที่จะได้เดินชมเสน่ห์ความงามของไร่กุหลาบแห่งนี้จนทั่ว
ขณะที่กำลังเดินมองนั่นทีมองนี่ทีอยู่นั้น ยุนโฮรู้สึกได้ถึงแรงปะทะจากด้านหน้า จนเสียหลักล้มลงไปนอน บวกกับบริเวณที่ยืนนั้นเป็นทางลาด ถึงแม้จะไม่ชันมาก แต่ก็ทำให้ยุนโฮและตัวคนที่ชนเขา กลิ้งหลุนๆม้วนลงไปพร้อมกัน ระยะทางไกลแค่ไหน เป็นเวลานานเท่าไรไม่อาจทราบ รู้แต่เพียงว่าพอหยุดปุ๊บ ก็อยู่ในท่าที่ร่างสูงของยุนโฮทาบทับบนร่างบางของเจ้าตัวปัญหา และใบหน้าก็ใกล้เพียงลมหายใจกั้น
เจ้าตัวปัญหานั้นมีผิวขาวอมชมพูดูสุขภาพดี ดวงตากลมโตใสแจ๋ว จมูกโด่งรั้นนิดๆกำลังน่ารัก ปากอิ่มสีทับทิมอวบอิ่มน่าสัมผัส ยุนโฮถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื๊อกทันที ตาคมเลื่อนสายตาลงมายังคอระหงส์ เครื่องประดับที่ปรากฏสู่สายตา ทำให้หัวใจของชองยุนโฮกระตุกอย่างรุนแรง ตาเรียวเบิกกว้างอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างกายชะงักนิ่งดั่งต้องคำสาป
อาการผิดปกติเหล่านี้ทำให้คนที่อยู่ข้างใต้รู้สึกแปลกใจไม่น้อย แต่....มันก็ไม่สำคัญไปกว่า.....เมื่อไรไอโย่งนี่จะลุกไปสักที.....
“เออ คุณครับรบกวนช่วยลุกขึ้นหน่อยได้มั้ย คือว่าผมกำลังจะขาดอากาศหายใจตายน่ะครับ” ร่างบางเอ่ยกับร่างสูงที่ยังคงนิ่งอยู่
“ข....ขอโทษครับ มาผมช่วย” ร่างสูงเริ่มตั้งสติได้ ลุกขึ้นพร้อมกับยื่นมือฉุดร่างบางขึ้นมา
“ผมต่างหากล่ะครับที่ต้องขอโทษคุณ รีบเดินไปหน่อยไม่ได้มองอะไรเลย” ร่างบางกลับเป็นฝ่ายขอโทษซะเองด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่คุณช....”
“ผมต้องไปก่อนนะครับ ขอโทษอีกครั้ง” ร่างบางวิ่งฉิวไปทันทีหลังจากพูดจบ
ยุนโฮนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หัวใจที่เรียกร้องสั่งสมองให้ควบคุมมือหนา จับไปที่ต้นคอของตัวเอง แต่ก็ต้องหน้าเสียทันทีเพราะสิ่งที่สมควรอยู่กลับอัตรธาน ร่างสูงจึงหมุนตัวดูรอบๆเพื่อมองหาของที่หายไป แต่ก็พบกับความผิดหวัง จึงตัดสินใจวิ่งกลับที่พัก รื้อกระเป๋า โต๊ะ ตู้ เตียง หาทุกที่ที่คิดว่าน่าจะเจอ แต่คำตอบก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง น้ำตาแห่งความผิดหวังค่อยๆเอ่อล้นออกจากดวงตา ปากหยักขยับรำพึงรำพัน
.....นายใช่มั้ย ฉันเจอนายแล้วใช่มั้ย แต่ฉันกลับเป็นคนปล่อยมือนายไปอีกครั้งด้วยความเผอเรอของฉันเอง.....
-----
อันยูจินนั่งมองเครื่องประดับลำคออย่างพิจารณา คนงานในไร่บอกว่าเก็บได้ระหว่างทางที่ไปบ้านพัก เขารู้สึกคุ้นเหมือนเคยเห็นเครื่องประดับชิ้นนี้มาก่อน แต่แล้วสายตาก็ต้องละไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังเดินมา ซึ่งตัวเขาเองเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน แถมเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ยังมีฐานะเป็นเจ้านายของเขาอีกด้วย
“คุณหนูแจจุง ช่วยมาดูนี่หน่อยครับว่าใช่ของคุณหนูรึปล่าว” ลุงยูจินยื่นสร้อยในมือให้กับแจจุง
เด็กหนุ่มร่างบางรับมาดู พร้อมกับอีกมือที่จับไปที่สร้อยคอของตัวเอง
“ก็ยังอยู่นะฮะลุง”
“คนงานเจอตกอยู่ตรงทางเดินน่ะ เขาบอกว่าจำได้ว่าคุณหนูมีสร้อยแบบนี้” ลุงยูจินบอกถึงที่มาของสร้อยทันที
สร้อยของแจจุงกับสร้อยที่เจอมานั้น มีความเหมือนกันตรงที่เป็นสร้อยที่ใช้ห้อยแหวนไว้คล้องคอ มองผ่านๆ แหวนทั้งสองวง ดูเหมือนจะมีลักษณะเหมือนกัน แต่ถ้าลองพิจารณาดีๆจะพบว่า เป็นแหวนที่สามารถใส่ให้เข้าล็อคกันได้ ลองพูดอีกอย่างก็คือ เป็นแหวนวงเดียวกันแต่แยกออกเป็นสอง
.....แหวนวงเดียวกัน......
.....หรือว่า.....
“ยุนโฮ” แจจุงเอ่ยชื่อของคนๆหนึ่งออกมาอย่างแผ่วเบาแทบจะเป็นเสียงกระซิบ ก้อนเนื้อที่หน้าอกข้างซ้ายเต้นแรงและเร็วขึ้น
“เมื่อกี้คุณหนูพูดว่าไงนะครับ”
“ป..ปล่าวฮะลุง ไม่ได้พูดอะไร”
“อืมใช่ วันนี้คอลัมนิสต์ที่จะสัมภาษณ์คุณหนู เขามาแล้วนะครับ” ลุงยูจินนึกขึ้นได้จึงรีบบอกทันที “เขาบอกว่าชื่อ...ชองยุนโฮ...”
แจจุงสะบัดหน้าหันมามองในทันทีที่ได้ยินชื่อ หัวใจที่เริ่มเต้นเร็วด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้ยิ่งเต้นหนักขึ้นเหมือนจะกระเด็นออกมานอกอก
.....นายอยู่ที่นี่แล้วใช่มั้ย คนที่ฉันกำลังจะได้เจอ ใช่ชองยุนโฮของฉันรึปล่าว ฉันควรจะทำยังไงดี....
-----
.....แจจุง ฉันทำมันหาย ฉันทำมันหายไปแล้ว ถ้าฉันบอกนายโดยไม่มีมัน นายจะเชื่อมั้ย ว่าฉันคือ ชองยุนโฮของนาย.....
“สวัสดีครับ คุณชองยุนโฮ” เสียงทักทายทำให้ยุนโฮตื่นออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองต้นเสียง
“คุณ/คุณ” สองเสียงประสานขึ้นอย่างพร้อมเพียง แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของคนทั้งคู่
“ถ้าผมรู้ว่าคนที่ชนผมเมื่อวานเป็นคุณคิมเจ้าของไร่ ผมจะจับสัมภาษณ์ตอนนั้นเลยนะครับ” ยุนโฮบอกด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ตาคมยังคงจับภาพของคนตรงหน้าไม่วางตา
แจจุงสัมผัสถึงสายตาคมที่มองมายังตนได้ หน้าขาวใสเริ่มแดงเรื่อขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ
“สัมภาษณ์วันนี้ดีแล้วครับ มาถึงจะให้ทำงานเลยเนี่ย มันเหนื่อยนะ” ร่างบางเจ้าของไร่บอกคนตรงหน้าอย่างเขินๆ กับสายตาที่มองมา “วันนี้ผมจะเป็นคนพาคุณทัวร์ให้ทั่วไร่เองครับ แล้วก็จะตอบทุกข้อสงสัยเลย”
“รบกวนด้วยนะครับ” ยุนโฮเอ่ยกับเจ้าของไร่อย่างเกรงใจ
.....ถ้าเป็นข้อสงสัยส่วนตัว นายจะตอบฉันมั้ย แล้วมันจะใช่คำตอบที่ฉันต้องการรึปล่าว บอกหน่อยได้มั้ย คิมแจจุง.....
-----
.....ของสองชิ้นที่เคยอยู่ด้วยกัน มันกลับมาเจอกันแล้วนะ แต่เราสองคนยังไม่เจอกันเลย เมื่อไรล่ะ เราจะได้เจอกันสักที ชองยุนโฮ.....
“ไร่กุหลาบ Rhodon Knight มีพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่เศษ เราแบ่งพื้นที่หลักๆออกเป็นสองส่วน คือส่วนที่เป็นไร่กุหลาบ กับส่วนของบ้านพัก สำนักงาน กุหลาบจากไร่ของเราส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในแถบเอเชีย ในประเทศก็มีนะครับ แต่จะเป็นแหล่งใหญ่ๆหน่อย” ข้อมูลต่างๆพรั่งพรูออกมาจากปากอิ่มของเจ้าของไร่อย่างไม่ขาดตอน
“ที่นี่มีกุหลาบพันธุ์อะไรบ้างครับ” ยุนโฮยิงคำถามต่อทันที
“Misty Morn, White Christmas พันธุ์สีขาว Christian Dior, Scarlet Knight, Nicole พันธุ์สีแดง แล้วก็ยังมีสีอื่นๆด้วย สีม่วงก็มีนะครับ อันนี้หาดูยาก พันธุ์ Blue Moon” แจจุงไล่เรียงพันธุ์กุหลาบต่างๆให้กับคอลัมนิสต์คนเก่งฟัง
“อ๋อ แล้วก็ยังมี Double Delight มันเป็นชื่อบ้านพักของคุณด้วย” ร่างสูงทำท่านึกตาม
.....อืม จริงด้วยสิ บ้านพักที่นี่ตั้งตามชื่อพันธุ์ของกุหลาบ จะว่าไปก็มีความคิดสร้างสรรค์ดีนะ เอ๊ะ หรือว่าคนที่ตั้งจะขี้เกียจคิดกันแน่.....
“ส่วนที่พักของที่นี่จัดเป็นแบบโฮมสเตย์ครับ ทางไร่ของเราจัดเป็นแบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตร สร้างบ้านพักไม่เยอะ คือคนที่มาพักจะเป็นพวกที่รักและเข้าใจธรรมชาติจริงๆ เป็นพวกนักเขียนก็มี หรือแม้กระทั่งผู้ป่วยมาพักฟื้น” เจ้าของไร่คนสวยยังคงให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
คำถามและคำตอบของคนสองคนถูกถามตอบสลับกันไปมา จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่ายเกือบจะเย็นย่ำ พร้อมกับภาพแห่งความประทับใจก็ถูกบันทึกผ่านเลนส์คมจนถึงเวลาเดียวกัน
ทั้งคอลัมนิสต์คนเก่งและเจ้าของไร่คนสวย นั่งอยู่บนม้านั่งที่ด้านบนปกคลุมไปด้วยกุหลาบเลื้อยสีสวย สายตาสองคู่ทอดมองไกลสุดขอบฟ้า ต่างคนต่างมีเรื่องที่ต้องคิดในยามที่ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา แต่ในที่สุดปากหยักก็ขยับเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“แจจุงครับ โลโก้ของไร่ล่ะครับ ทำไมถึงออกแบบแบบนั้น แล้วก็มีความหมายยังไง” ยุนโฮถามคำถามที่คาใจมานาน แต่ก็เกือบลืมที่จะถามออกไป
สัญลักษณ์ของไร่กุหลาบ Rhodon Knight คือ ดอกกุหลาบสีแดงหนึ่งดอกที่ถูกล้อมด้วยกุหลาบเลื้อยสีขาวที่ดัดเป็นตัว R
“กุหลาบแดงแทนตัวคุณพ่อ ส่วนกุหลาบเลื้อยสีขาวแทนตัวคุณแม่ครับ” แจจุงยิ้มออกมาอย่างมีความสุขก่อนจะตอบ
“คุณพ่อใช้ดอกกุหลาบแดงบอกรักและขอคุณแม่แต่งงาน ส่วนคุณแม่ใช้ดอกกุหลาบขาวตอบรับรักและตอบตกลงแต่งงานกับคุณพ่อ”
ยุนโฮรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าสัญลักษณ์นี้จะมีความหมายลึกซึ้งได้ขนาดนี้
“นั่นคือความหมายที่คนทั่วไปรู้กัน” แจจุงหยุดพูดนิดนึง เพื่อให้ผู้ฟังเกิดอาการลุ้น
.....ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว พระผู้เป็นเจ้าโปรดเข้าข้างผมด้วยนะครับ ขอให้เป็นเขาคนนั้น คนที่ผมเฝ้ารอมาตลอด.....
“ยุนโฮรู้ความหมายของกุหลาบแดงขาวมั้ยครับ” ยุนโฮส่ายหน้าช้าๆเป็นการปฏิเสธ
“เป็นหนึ่งเดียวกัน นั่นคือความหมาย” แจจุงหันหน้าไปมองคนหล่อที่อยู่ข้างๆ
“สัญลักษณ์ของไร่ในความหมายของคิมแจจุงคือ การรอคอยที่จะได้อยู่ด้วยกันของคนสองคน และของสองชิ้นที่จะกลับมารวมกันเป็นหนึ่ง”
“แต่คนๆหนึ่งกลับทำของชิ้นหนึ่งหายไป” ยุนโฮเพ้อของออกมาเหมือนตกอยู่ในภวังค์
“แต่ของชิ้นนั้นหายไปเพื่อมาเจอกับของอีกชิ้นหนึ่ง และนำพาให้คนสองคนพบเจอกันในที่สุด” มือเรียวของแจจุงหยิบสร้อยสองเส้นที่ตัวออกมา ถอดแหวนทั้งสองออกจากสร้อยและประกบเข้าด้วยกัน
ยุนโฮมองการกระทำนั้นด้วยหัวใจที่พองโตขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ตัวแจจุงนั้นเริ่มสั่นน้อยๆ ด้วยแรงสะอื้น
ดวงตาสองคู่จ้องมองกันและกันอย่างโหยหา ในที่สุดขายาวเป็นฝ่ายก้าวเข้ามาเพื่อให้วงแขนแกร่งโอบกอดเอวบางถ่ายเทความรักความผูกพันให้กันและกัน แขนเรียวเล็กของคนร่างบางก็โอบกอดอีกฝ่ายไว้เช่นกัน
ความอบอุ่นจากร่างกายของทั้งสอง เหมือนจะช่วยหลอมรวมให้คนทั้งคู่กลายเป็นคนๆเดียวกัน หยาดน้ำใสแห่งความคิดถึงไหลรินออกจากดวงตา เหมือนจะช่วยชะล้างความเหงาปล่าวเปลี่ยวจิตใจในยามที่ไม่มีคนในอ้อมกอดอยู่ด้วย
ตอนนี้คนทั้งคู่ตัดการรับรู้จากโลกภายนอก และดำดิ่งสู่ห้วงแห่งความทรงจำ เมื่อครั้งที่ยังผูกพัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“แจจุง ดูนี่สิ” เด็กชายร่างสูงยื่นมือออกไปให้กับเด็กชายร่างเล็กดูบางสิ่งบางอย่างในมือ
“แหวน ทำไมเหรอยุนโฮ” ร่างเล็กดูแปลกใจกับท่าทางของคนตรงหน้า...จะตื่นเต้นอะไรหนักหนา...
“ไม่ใช่แหวนธรรมดานะ ดูนี่ซะก่อน” เด็กชายยุนโฮแยกแหวนจากวงเดียวออกเป็นสอง
“ว้าว ยุนโฮจะให้แจจุงใส่ด้วยเหรอ” แจจุงดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ใครเค้าจะให้แจใส่ล่ะ ให้ดูเฉยๆหรอก” แจจุงดูสลดลงทันทีหลังจากได้ยินคำตอบจากเพื่อนร่างสูง
“โหย แจจุง งอนเหรอ ยุนโฮล้อเล่นนะ ยุนโฮเอามาให้แจจุงใส่นั่นแหละ ใส่คู่กับยุนไง” ยุนโฮรีบง้อทันที เมื่อร่างเล็กเริ่มออกอาการเศร้า
“เอานิ้วมา ยุนใส่ให้” ไม่รอคำตอบ เด็กชายยุนโฮคว้ามือซ้ายแล้วสวมแหวนเข้าที่นิ้วนางให้กับแจจุง “ว้าว พอดีเด๊ะ”
เด็กชายแจจุงยิ้มกว้างอย่างน่ารัก พร้อมกับกระโดดกอดคอยุนโฮทันที “แจรักยุนจังเลย”
“ยุนก็รักแจมากเลยนะ แต่.....ยุนจำเป็นต้องไป” น้ำเสียงในท้ายประโยคเศร้าลงทันที
“ยุนไปไหน แจไปด้วยสิ”
“พ่อกับแม่จะพายุนย้ายไปอยู่ที่อื่น ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไรเราจะได้เจอกัน ยุนก็เลยตั้งใจเอาแหวนมาให้แจ ให้มันเป็นตัวแทนของเรา ยุนก็จะใส่แหวนไว้ตลอดนะ” ยุนโฮมองแจจุงด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ...ฮึก...ฮึก....ยุนจะทิ้งแจเหรอ แล้วแจจะเล่นกับใครล่ะ...ฮือ..” เด็กชายแจจุงร้องไห้ออกมาในที่สุด ไม่อยากแยกจากยุนโฮเลย
“เราต้องได้เจอกันสักวัน สัญญานะว่าเราต้องได้เจอกัน” แจจุงพยักหน้ารับ นิ้วก้อยเล็กยกขึ้นเกี่ยวกับนิ้วก้อยที่ใหญ่กว่าของอีกคน “แหวนของเราจะรวมเป็นวงเดียวกันอีกครั้งในวันที่เราเจอกันนะ สัญญานะยุนโฮ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ยุนโฮและแจจุงคลายวงแขนออกจากกัน มือเรียวขาวยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมของยุนโฮด้วยความรัก มือใหญ่คว้ามือนั้นมากดจูบและแนบกับแก้มของตัวเอง
“ตอนแจเห็นแหวน แจดีใจมากเลยนะ ยุนมาอยู่ที่นี่แล้ว แต่อีกใจก็กลัวว่าจะผิดหวังอยู่เหมือนกัน” แจจุงเริ่มเปิดบทสนทนาหลังจากที่ทั้งสองคนเงียบไปนาน
“แต่ยุนรู้ก่อนแจนะ ตั้งแต่ที่แจชนยุนล้มแล้วกลิ้งไปด้วยกันนั่นแหละ” พูดเสร็จก็ฝังจมูกโด่งลงที่แก้มใสทันทีด้วยความหมั่นเขี้ยว “ตอนแหวนหาย ยุนแทบหมดแรงเลยนะ เจอแจแล้วแต่แหวนกลับหาย ยุนกลัวเหมือนกันว่า ถ้าบอกแจโดยที่ไม่มีแหวนอยู่แจจะไม่เชื่อ”
“ช่างมันเถอะ ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่าเราได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ”
“15 ปีที่ต้องจากกัน มันนานมากเลยนะ การรอคอยของเราสิ้นสุดแล้ว เราไม่ต้องห่างจากกันอีกต่อไปแล้วนะ แจจุง”
ทั้งสองสวมกอดกันอีกครั้ง สัญญาณแห่งความสุขดังก้องไปไกลสุดปลายฟ้า ต่อไปนี้จะไม่ต้องกอดตัวเองอีกแล้ว
.....กุหลาบแห่ง Rhodon Knight เป็นพยานรักให้กับพวกเราด้วยนะ.....
~FIN~
*~HyeJae~* talks with you
หายไปนานใช้ได้นะเนี่ย ดีอย่างนะที่เรายังไม่มีคนตามอ่านมาก
มิเช่นนั้นอาจโดนด่าเละเทะ
คราวนี้มาเป็นแบบฟิคโปรเจคต์นะจ๊ะ
ติดตามกันได้เรื่อยๆนะ ดอกไม้มีล้านแปดชนิด
ความหมายของมันก็ โอ้ มิรู้ตั้งเท่าไร
สามารถเชียร์ได้นะว่าอยากให้ไร้ท์เตอร์หยิบดอกอะไรมาแต่ง
หรือไม่ก็อารมณ์แบบไหน อะไรประมาณนั้น
แต่สงสัยอย่างหนึ่งนะ เราต้องโดนอาถรรพ์ฟิคยาวแน่ๆ
(มีด้วยเหรอกอาถรรพ์แบบนี้)
จริงๆนะ จะเขียนๆ อ้าว ไม่ได้เขียน ก็เลยได้แต่ออก
ช็อทฟิคบ้าง แล้วก็มาเป็นฟิคโปรเจคต์เนี่ยแหละ
ใครก็ได้ล้างอาถรรพ์ให้ที แงงงงงง
ไม่ต้องอะไรมาก อ่านแล้วเม้นท์ ช่วยได้เยอะเลย จริงๆนะ
ความคิดเห็น