คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
ชองยุนโฮ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง หล่อ รวย เป็นที่ต้องการของสาวๆทั่วกรุงโซล แต่ใครจะรู้ว่าช่วงชีวิตในวัยเด็กแสนคึกคะนองของชายหนุ่ม ได้ผ่านการแต่งงานตั้งแต่อายุ 16 และมีบุตรตั้งแต่อายุ 17 ปี แต่ช่างโชคร้ายที่ภรรยาวัยเดียวของเขาได้เสียชีวิตลงขณะที่ให้กำเนิดทายาทตัวน้อยๆของตระกูลชองเนื่องจากร่างกายอ่อนแอ
แต่ทว่านั่นก็ยังนับว่าโชคดีที่บุตรของเขาได้รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด
เด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกช่างน่ารักสดใสและมีใบหน้าหวานราวกับเด็กผู้หญิง
อีกทั้งยังมีใบหน้าเหมือนกับภรรยาของเขาไม่มีผิดเพี้ยน
ร่างสูงทอดสายตามองเด็กน้อยที่กำลังหลับพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าจะตั้งชื่อน้องว่าอะไรค่ะ”พยาบาลสาวคนสวยเอ่ยขัด ในมือเจ้าหล่อนถือสมุดและปากกาเตรียมที่จะจดชื่อของเด็กน้อย ยุนโฮยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งแบบลวกๆก่อนจะนิ่งคิดไปชั่วขณะ
...จินซู ผมจะตั้งชื่อลูกของเราว่าอะไรดีล่ะ...
...จินโฮ...
...โฮซู...
...ยุนจิน..
...ยุนซู...
...จุนซู...
“อ๊ะ!”ชายหนุ่มหยุดความคิดก่อนจะระบายยิ้มกว้างแล้วหันไปแจ้งชื่อแก่พยาบาล
“ชองจุนซูครับ”
“ชองจุนซูนะค่ะ”ร่างบางจดชื่อตามคำบอกของผู้เป็นบิดา จากนั้นก็หยิบมาติดไว้ที่ผ้าสีฟ้าซึ่งพันอยู่รอบตัวเด็กทารก ยุนโฮลูบเบาๆที่ป้ายชื่อดังกล่าวพร้อมกับเอ่ยปาก
“จุนซูลูกชายคนเก่งของพ่อ...พ่อขออวยพรให้ลูกโตมาแข็งแรงและเป็นคนเก่งแบบแม่ของลูกนะ”
.......................................................
8 ปีผ่านมา ที่โรงเรียนประถมศึกษา
เสียงเครื่องยนต์จากรถคันหรูค่อยๆดับสนิทลง กระจกสีทึบลดลงทีละน้อยพร้อมกับแว่นกันแดดราคาแพงถูกถอดออก ชายหนุ่มเดินลงจากรถของตนอย่างวางมาดให้สมกับเป็นนักธุรกิจ วันนี้เขาเลิกงานเร็วกว่ากำหนด ซึ่งตรงกับเวลาที่ลูกชายเลิกเรียนพอดี ดังนั้นเขาจึงอาสาขับรถมารับลูกชายด้วยตนเองถึงหน้ารั้วโรงเรียน
“คุณป๊า...”เสียงใสแจ๋วดังมาแต่ไกลพร้อมกับเร่งฝีเท้าจากเดินจนกลายเป็นวิ่ง การที่พ่อแท้ๆมายืนรอรับที่โรงเรียนช่างเป็นความสุขของจุนซูมากจริงๆ ปกติจะเจอแต่พี่เลี้ยงและคนขับรถ ขณะที่พ่อได้แต่ส่งเสียงผ่านโทรศัพท์มารับแทนทุกครั้ง
“อย่าวิ่งสิจุนซู เดี๋ยวหกล้มขึ้นมา ป๊าจับตีก้นนะ”มือหน้ายีผมลูกชายอย่างหมั่นเขี้ยว
“คุณป๊าอ่ะ จุนซูไม่ล้มง่ายๆหรอกครับ”เด็กน้อยยิ้มตาหยี
“ลูกชายป๊าอวดเก่งตลอด อวดเก่งเหมือนใครเนี่ย”ยุนโฮก้มลงหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่
“เหมือนป๊าไง”นิ้วชี้เล็กจิ้มที่แขนบิดาแล้วทำแก้มป่อง ศีรษะกลมถูอกแกร่งอ้อนๆพร้อมกับเอ่ยคำขออย่างไม่รีรอ
“ป๊าครับ วันนี้ให้แจจุงไปเล่นที่บ้านเราอีกนะ”ยุนโฮละสายตาไปมองคนที่ยืนแอบอยู่ข้างหลังลูกชายตัวเอง ริมฝีปากหนานึกขันเด็กชายตัวน้อยอีกคนที่เอาแต่ยืนก้มหน้าหลบสายตา
...เจ้าเด็กนี่ขี้กลัวจัง เจอกันอยู่ทุกวันแต่ก็สบตาเขาได้ไม่นานซักที...
“วันนี้ป๊าคงให้แจจุงไปบ้านเราไม่ได้นะจุนซู”ร่างสูงตอบลูกชายด้วยน้ำเสียงเรียบ มือหนาลูบศีรษะเล็กเป็นเชิงปลอบ ทั้งจุนซูและแจจุงต่างก็เงยหน้ามองด้วยความสงสัย ซึ่งแจจุงเองก็คิดหนักไม่น้อยว่าเมื่อวานตัวเองไปซนอะไรให้คุณพ่อของจุนซูไม่พอใจหรือเปล่าเพราะปกติเขาก็ไปเล่นกับจุนซูที่บ้านแทบทุกวัน
“ทำไมครับป๊า”จุนซูถามพร้อมกับทำหน้าตาสงสัยอย่างน่ารัก
“เพราะว่าอีกไม่นานจุนซูต้องไปเรียนต่อเมืองนอก”ริมฝีปากหน้าคลี่ยิ้ม แต่คนฟังกลับโวยวายขึ้นมาอย่างเอาแต่ใจ
“ไม่เอา! จุนซูไม่ไป!”
“ฟังป๊านะ จุนซูไปเรียนถึงแค่มัธยมเอง มหาวิทยาลัยจุนซูก็กลับมาเรียนที่เกาหลีก็ได้”ยุนโฮยังคงพยายามอธิบายให้ลูกชายฟัง แต่เด็กน้อยที่กำลังรู้สึกแย่กลับไม่ฟังและไม่ทำความเข้าใจในสิ่งที่ได้ยินอีกแล้ว
“เรียนแค่วันเดียวจุนซูก็ไม่ไป!!!”เสียงใสตะโกนจนเส้นเสียงปูดออกมา
“จุนซู......”แววตาคมเริ่มดุ อีกทั้งน้ำเสียงเย็นชาของยุนโฮทำเอาหยาดน้ำใสเริ่มเอ่อคลอที่ขอบตาของเด็กน้อย
“เพราะป๊าไม่รักจุนซู! แล้วจุนซูก็ไม่ใช่ลูกป๊าใช่ไหม! ป๊าถึงไล่จุนซู! จุนซูเกลียดป๊า!!”เด็กน้อยวิ่งร้องไห้ออกจากบริเวณนั้นในทันที คำพูดของจุนซูทำเอาผู้เป็นบิดาตกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้วิ่งตามลูกชายออกไป เนื่องจากรู้อยู่แก่ใจว่าจุนซูกำลังวิ่งหนีไปที่แห่งไหน ทางด้านแจจุงก็ยืนตัวสั่นด้วยความกลัว เมื่อนึกได้ว่าตัวเองเป็นคนบอกกับจุนซูเรื่องที่จุนซูกับยุนโฮอาจจะไม่ใช่พ่อลูกกัน เพียงเพราะยุนโฮไม่ค่อยมีเวลาเอาใจใส่จุนซู ทำให้จุนซูมาบ่นให้เขาฟังประจำ และเขาก็ทำได้แค่เพียงแนะนำไปเท่านั้นเอง
“ทำไมกัน ทำไมจุนซูถึงพูดว่าตัวเองไม่ใช่ลูก พอจะรู้สาเหตุไหม...แจจุง...”ในเมื่อไม่รู้จะพึ่งพาใครสุดท้ายต้องหันมาสนใจเพื่อนสนิทซี้ปึกของลูกชาย
“คือผมเป็นคนบอกกับจุนซูเรื่องนั้นเองครับ”แจจุงตัดสินใจตอบตามความจริง
“อะไรนะ!!!!”มือแกร่งตรงเข้ามาบีบแขนเล็กอย่างลืมตัวว่าคนตรงหน้าเป็นเพียงเด็กน้อยอายุ 8 ขวบ ขณะที่เด็กน้อยแจจุงยืนตัวสั่นก้มหน้าด้วยความกลัว
“แจจุง...คุณครูจะกลับแล้วนะ”เสียงของหญิงสูงวัยในชุดเครื่องแบบคุณครูดังขึ้นขัดสถานการณ์ที่กำลังย่ำแย่ เสียงของเธอช่วยทำให้แจจุงรอดพ้นจากสถานการณ์ตึงเครียดได้โดยง่าย
“ครับคุณครู”แจจุงรีบสะบัดตัวออกแล้ววิ่งไปหาหญิงผู้มาใหม่อย่างเร่งรีบ เพราะทุกวันเขามักจะกลับบ้านพร้อมคุณครูเสมอหากไม่ได้ถูกจุนซูชวนไปเล่นที่บ้านเสียก่อน ขณะเดียวกัน ยุนโฮยืนมองทั้งสองเดินจากไป และนั่นก็เป็นเพียงภาพสุดท้ายที่เขาจะมองแจจุงว่าเป็นเด็กน่ารัก เพราะตอนนี้แจจุงเหมือนพยายามยุยงเรื่องไร้สาระให้จุนซู ซึ่งเขาไม่พอใจอย่างมาก ไม่รู้ว่าแจจุงอิจฉาที่จุนซูมีพร้อมทุกอย่างหรืออย่างไรกัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ทางด้านเด็กน้อยจุนซูก็วิ่งตรงเข้ามาในโรงพยาบาลที่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่นัก มือเล็กเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของนายแพทย์ท่านหนึ่งอย่างคุ้นชินทั้งน้ำตา
“คุณหมอ...ฮึก...ฮือ...”
“จุนซูเป็นอะไรครับ แล้วคุณป๊าล่ะ”เจ้าของชื่อที่เด็กน้อยเอ่ยเรียกถึงกับลุกเดินมาหาผู้มาใหม่ด้วยความตกใจ ร่างสูงย่อตัวลงนั่งแล้วจับมือเล็กเอาไว้เป็นเชิงปลอบ
“คุณป๊าไม่รักจุนซูแล้วครับ”ใบหน้าหวานของจุนซูตรงเข้าซุกที่อกแกร่งทันที ความรู้สึกที่มีตอนนี้มันช่างเคว้งคว้างไร้ที่พึ่งพิง
“คุณป๊าจะไม่รักจุนซูได้ไงครับไหนบอกคุณหมอซิ”ริมฝีปากหนาหอมแก้มนุ่มไปฟอดใหญ่จนแก้มใสแดงปลั่งเป็นลูกมะเขือเทศ
“ก็...ฮึก...คุณป๊า...จะส่งจุนซูไปนอกเมือง”
“นอกเมือง?? ฮ่าๆๆ คุณป๊าไม่ทำแบบนั้นหรอกนะครับคนเก่ง”ยูชอนพูดปลอบแต่ในใจนึกขำอยู่ไม่น้อย
...นี่ไอ้บ้าชองมันไม่มีอะไรจะขู่ลูกมันหรือไงว่ะ...ถึงจะส่งลูกไปต่างจังหวัดเนี่ย...
“ฮึก..แต่คุณป๊าพูดเมื่อกี้...”
“โอ๋ๆๆ ไม่ร้องแล้วน้าาา ไว้เดี๋ยวคุณป๊าตามมา แล้วคุณหมอจะจับคุณป๊าตีก้นเลยดีไหมครับ”ยูชอนทำท่าทางจริงจังแต่ก็ยังเผลออมยิ้มให้จุนซูเห็น
“คุณหมอไม่ทำหรอกครับ เพราะคุณหมอกับคุณป๊าเป็นเพื่อนกัน”จมูกสวยเชิดขึ้นเล็กน้อย แขนเรียวยกขึ้นกอดอกด้วยความเอาแต่ใจ
“ทำสิครับ เพราะครั้งนี้เพื่อนคุณหมอทำจุนซูร้องไห้ มาครับ..คุณหมอจุ๊บๆสัญญา”ยูชอนทำปากจู๋รออีกฝ่าย ซึ่งคำว่า ‘จุ๊บๆสัญญา’ เป็นสัญลักษณ์ที่เขาตกลงกับจุนซูเพื่อใช้ในการรักษาสัญญากันตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเป็นคุณหมอประจำตัวของเด็กน้อยคนนี้ และเด็กน้อยเองเมื่อเห็นอีกฝ่ายให้สัญญาก็เดินเข้าไปจุ๊บปากหนึ่งทีก่อนจะตามด้วยหอมแก้มของอีกฝ่าย
“สัญญาแล้วนะครับ”ดวงตาเรียวมองคุณหมอของเขาอย่างเชื่อใจ
“ครับ”ร่างสูงพยักหน้าแล้วยีผมเด็กน้อยเบาๆ
แกร๊ก!!! ยุนโฮเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าจริงจังที่จ้องลูกชายอย่างเอาเรื่อง
“นี่ไอ้คุณชายชอง จะส่งลูกแกไปนอกเมืองทำบ้าอะไรว่ะ!!!”ยูชอนเปิดบทสนทนาขึ้นทันที ขณะที่จุนซูยืนชิดกับคุณหมอเป็นปาท่องโก๋
“ใครบอกแกไอ้หมอปาร์ค”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันพร้อมกับสีหน้าสงสัย
“ก็จุนซูน่ะสิ”ร่างสูงตอบแล้วก้มไปหอมแก้มนิ่มของจุนซูอีกครั้ง
“ไอ้ปาร์คแกอย่ามาลวนลามลูกชายฉันนะเว้ย ที่สำคัญฉันจะส่งจุนซูไปเรียนเมืองนอก ไม่ใช่นอกเมือง!!!”ยุนโฮชี้หน้าคุณหมอจอมเจ้าเล่ห์
“อ้าวเมืองนอกงั้นหรอ”ร่างสูงหันขวับมามองเด็กน้อยที่ยืนข้างๆซึ่งจุนซูเมื่อรู้ว่าตัวเองบอกข้อมูลผิดก็รีบเข้าซุกอกแกร่งพร้อมแสดงปฏิกิริยาออดอ้อน
“นั่นแหละครับคุณหมอ...ฮึก...คุณหมอต้องจัดการนะ คุณหมอสัญญาแล้วนี่นา”
“ครับสัญญา มาจุ๊บๆกันอีกทีซิ”คุณหมอจอมเจ้าเล่ห์ทำปากจู๋ แต่ทว่าครั้งนี้กลับถูกผู้เป็นบิดาของเด็กน้อยผลักศีรษะเสียจนเซแทบจะตกเก้าอี้
“โอ๊ยยย เล่นแรงไปแล้วนะเว้ยไอ้คุณชายชอง”เสียงทุ้มโวยวาย เมื่อกี้หัวใจคุณหมอปาร์คแทบหล่นไปตาตุ่มเมื่อถูกเพื่อนรักกระทำแบบไม่รู้ตัว
“แกจะได้เลิกลวนลามลูกชายฉันซักทีไง”ใบหน้าคมทำสีหน้าจริงจังประหนึ่งคุณพ่อหวงลูกสาว(?)
“อะไรว่ะ นี่มันแค่เด็กอายุ 8 ขวบนะเว้ย”ยูชอนโวยวายอีกครั้ง
“ฉันมองตาแกก็รู้แล้วว่าแกหวังอะไรในตัวลูกชายฉัน”ยุนโฮชี้แจงด้วยความรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของเพื่อน
“หวังอะไรว่ะ ฉันก็แค่อยากเป็นลูกเขยแกเองนะ ฮ่าๆๆ”คุณหมอหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะ
“ลูกเขยคืออะไรหรอครับ”เสียงของเด็กน้อยเอ่ยถามอย่างสงสัย ร่างสูงจึงยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะตอบคำถามของจุนซูทันที
“ถ้าคุณหมอได้เป็นลูกเขยของคุณป๊าของจุนซู คุณหมอก็จะได้อยู่กับจุนซูตลอดไปไงครับ”
“อ่า...จริงหรอครับ”แววตาของเด็กน้อยดูตื่นเต้นและดีใจแบบสุดๆเมื่อได้ฟังความหมายของคำว่า ‘ลูกเขย’
“ถ้าไม่อยากโดนดีอีกรอบ แกเลิกทำเจ้าชู้ใส่ลูกชายฉันซักทีไอ้คุณหมอปาร์ค แล้วก็กรุณาช่วยอธิบายให้จุนซูฟังเรื่องที่ฉันจะส่งเขาไปเรียนต่อเมืองนอกให้สมกับอาชีพหมอแกด้วย!!! กล่อมคนไข้ทำเป็นไหมห๊ะ!!!”เสียงทุ้มเริ่มไม่พอใจเมื่อเพื่อนรักทำทีเอาแต่จีบลูกชายตัวเองเป็นบ้าเป็นหลัง
“อย่าทำมาเสียงดังกับฉันหน่อยเลย แกเป็นพ่อยังไงว่ะ กล่อมลูกตัวเองยังทำไม่ได้”ยูชอนส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะเยาะเย้ย
“ก็เป็นพ่อที่คิดผิดส่งแกมาเป็นหมอประจำตัวจุนซูจนเขาติดแกมากกว่าฉันนี่ไง!!”ร่างสูงยังคงเสียงดังเหมือนเดิม ก่อนจะส่งสายตามองทั้งคู่คุยกัน
ยูชอนค่อยๆลดตัวลงนั่งตรงหน้าเด็กน้อยจุนซูอีกครั้ง แววตาขี้เล่นแสดงถึงความจริงจังจนจุนซูได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง รอฟังคำพูดของอีกคนอย่างใจจดใจจ่อ
“จุนซูอยากพูดภาษาอังกฤษได้ อยากเป็นคนเก่งอย่างคุณหมอไม่ใช่หรอครับ”คำถามที่ถูกถามขึ้นทำให้คนฟังพยักหน้ารับ
“ครับ แต่จุนซูไม่อยากห่างคุณป๊า ไม่อยากห่างคุณหมอ ไม่อยากห่างแจจุง”
“เดี๋ยวคุณหมอกับคุณป๊าโทรหาจุนซูหรือส่งE-mailหาก็ได้นี่ครับ”คุณหมอสุดหล่อวาดยิ้มพร้อมกับกุมมือเล็กเอาไว้
“แต่แจจุงไม่มี...”เด็กน้อยแสดงสีหน้าเศร้า
“เดี๋ยวคุณหมอคอยดูแลแจจุงให้โอเคไหมครับ คุณหมอจะส่งข่าวแจจุงให้จุนซูฟังเป็นระยะเลย”
“แต่ป๊าอยากให้จุนซูตัดขาดกับแจจุงนั่นซะ เพราะเขากำลังทำให้ป๊ากับจุนซูทะเลาะกัน”ยุนโฮพูดขัดขึ้น ซึ่งเรียกหยดน้ำใสออกมาจากดวงตาของลูกชายได้โดยง่าย
“ทะเลาะกันเรื่องอะไรว่ะ”ยูชอนหันกลับมามองยุนโฮที่แสดงสีหน้าโมโหสุดขีดเมื่อพูดถึงเพื่อนของลูกชาย
“ก็เด็กนั่นบอกว่าฉันไม่ใช่พ่อแท้ๆของจุนซู พูดแล้วฉันหงุดหงิด!”
“แจจุงยังเด็ก ที่สำคัญแจจุงเป็นเด็กกำพร้านายก็รู้นี่ แล้วแจจุงจะรู้จักและเข้าใจความรักจากพ่อแม่ได้ยังไง”เสียงคุณหมอหนุ่มเอ่ยแย้ง
“เออ ฉันผิดเอง ฉันไปรอข้างนอกก็แล้วกัน!!”ร่างสูงเดินออกจากห้องอย่างหัวเสีย ด้วยความที่เป็นพ่อตั้งแต่อายุยังน้อยเลยทำให้เขายังขาดความเข้าใจและเอาใจใส่ลูกมากกว่านี้ เรื่องบางเรื่องที่พ่อแม่ควรจะเข้าใจ บางทียุนโฮเองก็ยังไม่เข้าใจเลยเสียด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกที่เขาจะยอมให้เพื่อนรักวัยเดียวกันดูแลลูกของเขา เนื่องจากการงานอาชีพของเพื่อนที่เป็นแพทย์ดูเข้าใจในสิ่งที่เขาขาดไป
“คุณหมอต้องดูแลแจจุงดีๆนะครับ อย่าให้ป๊าผมไปทำร้ายแจจุงนะ”จุนซูใช้สองมือของเขาจับมือคุณหมอเอาไว้แน่น
“ครับ หมอจะดูแลให้ดีที่สุด แล้วจุนซูก็รีบตั้งใจเรียนรีบกลับมาหาคุณหมอนะครับ”ยูชอนยิ้มหวาน ริมฝีปากหนาเลื่อนเข้าจูบแก้มใสอีกครั้ง
..................................................................................
[โปรดติดตามตอนต่อไป]
ความคิดเห็น