ตอนที่ 8 : EP.7
สองวันมานี้นายหญิงยุ่งอยู่กับงานในไร่เพราะเธอตัดสินใจจะจัดงานในฤดูเก็บเกี่ยวองุ่นเพราะ เหมือนเป็นการดึงลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับไร่ของเธออีกด้วยหนึ่งในคนงานก็มีน้ำทิพย์อยู่ด้วย
ศิรินให้น้ำทิพย์เป็นคนจัดรูปแบบของงานและตกแต่งมันให้เสร็จก่อนวันงานด้วยส่วนเธอยุ่งอยู่กับการจัดเตรียมไวน์เอาไว้ต้อนรับแขกวีไอพี ซึ่งทางเสี่ยนิพนธ์ได้แจ้งมาว่าเขาจะพาญาติมาด้วยอีกสองคนเธอก็ไม่ขัดอะไร
“นายหญิงครับ! นายหญิง!”
ไม้ตะโกนเรียกศิรินดังลั่นโรงบ่มไวน์ขนาดผู้จัดการโรงบ่มยังต้องสะดุ้งแต่ศิรินก็เพียงแค่นิ่งเธอได้ยินแต่ไม่สนใจกับสนใจไวน์ตรงหน้าซะมากกว่าไม้เดินเข้ามาหาศิรินถึงข้างในด้วยท่าทีเหนื่อยหอบสีหน้าดูวิตกจนเห็นได้ชัด ศิรินหันมามองก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงเรียบ
“มีอะไร” ถามเสร็จก็หันกลับไปทำงานต่อ
“คุณบี..คุณบีเป็นลมครับ ตัวร้อนด้วยนะครับ” ศิรินนิ่งไปพักหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อของคู่หมั้นเธอ
“ก็พากลับไปพักสิ ถ้าเป็นหนักก็หามส่งโรงพยาบาล”
ศิรินเอ่ยบอกทั้งที่ยังไม่หันกลับมามองไม้และเธอก็ทำงานของเธอต่อใจจริงเธออยากจะไปดูให้เห็นกับตาว่าน้ำทิพย์เป็นอะไรมากหรือเปล่า แต่เพราะความฟอร์มเยอะทำให้ศิรินได้แต่เฉยทำเหมือนว่าไม่สนใจ
“แต่..”
“หมดธุระแล้วก็..เชิญ”
ไม้ยังพูดไม่ทันจบศิรินก็ขัดขึ้นมาซะก่อนทำให้ลูกน้องคนสนิทอย่างไม้ไม่กล้าพูดอะไรต่อเลยได้แต่เดินออกมาเงียบๆ เพียงแค่ไม้ลับตาไปศิรินก็เงยหน้าจากกองเอกสารและมองไปที่ประตูสีหน้าวิตกนิดหน่อยเพราะในใจลึกก็เป็นห่วงไม่น้อย
เสียงเครื่องยนต์ที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ๆทำให้ร่างผอมเพียวรีบล้มตัวลงไปนอนบนแคร่ไม้เพราะนึกว่านายหญิงจะเห็นใจและยอมมาปฐมพยาบาลให้ แต่สิ่งที่คิดกลับไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไม้เดินมายืนข้างๆแคร่ไม้ก่อนจะถอนหายใจออกเล็กน้อย
“ลุกขึ้นมาเถอะครับคุณบี”
น้ำทิพย์ค่อยๆหรี่ตามองพอเห็นว่าเป็นไม้เจ้าตัวก็รีบลุกขึ้นนั่งและมองซ้ายมองขวาหานายหญิงแต่ ก็ไม่เจอ ไม้เลยบอกสาเหตุว่าทำไมนายหญิงถึงไม่มาทำให้น้ำทิพย์รู้ว่าศิรินไม่ยอมใจอ่อนให้เธอจริงๆ
“หรือว่าคุณคริสจะรู้ว่าฉันแกล้ง” ไม้เลิกคิ้วคิดตามที่น้ำทิพย์พูด
“ไม่น่าจะรู้นะครับ”
“นายมั่นใจได้ไง นายหญิงของนายเก็บอาการเก่งจะตาย”
“ผมทำงานกับนายหญิงมานาน ผมรู้ครับ”
ไม้ยืนยันอย่างมั่นใจเพราะเขารู้ว่าศิรินไม่รู้แน่นอนว่าเรื่องที่เขานำไปบอกมันเป็นเรื่องโกหกซึ่งคนที่คิดแผนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกซะจากคู่หมั้นจอมเจ้าเล่ห์ที่ตอนนี้นั่งทำหน้าคุ้นคิดอะไรสักอย่างอยู่
“ฉันจะกลับบ้าน” อยู่ๆน้ำทิพย์ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยและเดิมดุ่มๆไปที่รถจนไม้ต้องรีบเดินตาม
“ยอมแพ้แล้วหรอครับ”
คำพูดของไม้ทำให้น้ำทิพย์ชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูก่อนจะหันมามองหน้าไม้และพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“ใครบอกว่าฉันยอมแพ้”
ถึงแม้จะไม่เข้าใจนักแต่ไม้ก็ยอมขับรถไปส่งน้ำทิพย์ที่บ้านพักระหว่างทางน้ำทิพย์ก็ได้บอกแผนสำรองให้ฟังในเมื่อศิรินไม่สนใจมาดูดำดูดีเธอ น้ำทิพย์เลยต้องเริ่มแผนสองโดยการไปนอนรอนายหญิงคนสวยในห้องนอนและก็รอเวลาให้นายหญิงมาปฐมพยาบาล
“นายรออยู่นี่ก่อนนะ ฉันขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแปบหนึ่ง”
“คนไม่สบายอาบน้ำได้ด้วยหรอครับ” ไม้เผลอถามออกไปเพราะลืมว่าน้ำทิพย์ไม่ได้ป่วยจริงๆ
“ฉันแค่แกล้งป่วย ไม่ได้ป่วยจริงๆซะหน่อย”
“แต่ถ้าคุณบีอาบน้ำนายหญิงก็ต้องรู้นะสิว่าคุณบีแกล้ง”
“ผู้ชายนี่ซื่อบื้อทุกคนหรือเปล่าเนี่ย”
น้ำทิพย์แทบจะกุมขมับเพราะเธอเห็นไม้แกล้งทุกเรื่องแต่มาตกม้าตายเพราะมารยาผู้หญิงนี่แหละเธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงยังไม่มีแฟน แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลามาอธิบายรายละเอียดอะไรทั้งนั้นเลยบอกให้ไม้นั่งรอไปก่อน
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงน้ำทิพย์เลยเรียกให้ไม้ขึ้นไปข้างบนคนโดนเรียกก็ชะเง้อชะงักอยู่หน้าประตู ไม่ยอมเข้าไปจนน้ำทิพย์ต้องออกมาตาม
“ทำไมไม่เข้ามาล่ะ”
“เอาตามตรงนะครับ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนชวนผมเข้าห้องเลยครับ” ไม้เอ่ยตอบอย่างเขินๆ
“แล้วไง?” น้ำทิพย์เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกัน
“ก็คุณบีเป็นคนแรกที่ชวนผมเข้าห้อง”
“เห้ยๆ หยุดคิดเลยนะ ฉันแค่ให้นายเข้ามาซ้อมแผนต่างหากไม่ได้คิดพิศวาสนายซะหน่อย”
น้ำทิพย์รีบอธิบายก่อนที่ไม้จะคิดไปไกลกว่านี้เธอเริ่มจะเหนื่อยใจกับคนสนิทของศิรินซะเหลือเกินไม่คิดว่าจะยังมีผู้ชายแบบนี้หลงเหลืออยู่บนโลก เมื่อเคลียกันจนเข้าใจไม้ก็ยอมเข้ามานั่งในห้องและฟังแผนการต่อไปของน้ำทิพย์
“จะทำอะไรหรอครับ” ไม้รีบถามเมื่อเห็นน้ำทิพย์เปิดเครื่องเป่าผม
“ก็คนไม่สบายก็ต้องตัวร้อนนะสิ”
“ต้องทำขนาดนี้เลยหรอครับ”
“ขืนทำไม่เนียนคุณคริสได้จับได้พอดี”
ไม้พยักหน้าเข้าใจขั้นตอนต่อไปก็แกล้งทำทีให้แม่บ้านมาเช็ดตัวให้เพื่อที่ศิรินกลับมาแม่บ้านจะได้แจ้งให้ทราบว่าเธอไม่สบายจริงๆ และมันก็เป็นไปตามแผนเมื่อไม้บอกว่าศิรินกำลังจะมาที่บ้านน้ำทิพย์รีบวิ่งตรงไปยังห้องนอนของศิริน
“กลับมาแล้วหรอครับ”
“บีเป็นยังไงบ้าง”
“ขึ้นไปดูเองดีกว่านะครับ” ไม้ตอบเพียงแค่นั้น
“อื้ม ไปดูความเรียบร้อยที่ไร่ด้วยล่ะ”
“ครับ”
ศิรินเดินตรงไปยังห้องนอนของน้ำทิพย์แต่พอเปิดประตูเข้าไปกลับไม่พบใครเลยเธอกวาดสายตามองไปทั่วห้องจนแน่ใจว่าในห้องนี้ไม่มีใครอยู่ ในใจก็คิดว่าเด็กเจ้าเล่ห์มีแผนอะไรหรือเปล่าแล้วถ้าน้ำทิพย์ไม่อยู่ในห้องแล้วอยู่ไหนกัน
ศิรินรีบเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองเป็นไปตามที่คิดเพราะบนเตียงนอนของเธอมีน้ำทิพย์นอนอยู่จริงๆ แอบโมโหนิดหน่อยที่เขาเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่อีกใจก็คิดว่าไม้คงพามาผิดห้องร่างบางเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงและยื่นมือไปแตะหน้าผากดู
“ไหนบอกเช็ดตัวแล้ว ทำไมตัวยังร้อนอยู่เลย”
ศิรินพึมพำกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นและเดินหายเข้าไปในห้องน้ำส่วนน้ำทิพย์ที่แกล้งหลับก็ลืมตาขึ้นมามองพร้อมอมยิ้มที่ศิรินติดกับเธอเข้าจนได้ พอศิรินเดินออกมาน้ำทิพย์ก็เนียนทำทีว่าหลับอยู่จนศิรินเช็ดตัวให้เสร็จ
“คุณคริส”
มือเรียวคว้าแขนศิรินเอาไว้ปากก็ร้องเรียกแต่ชื่อของศิรินคล้ายคนละแมอเจ้าของชื่อก็พยายามจะแกะมือออกแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะแรงของน้ำทิพย์นั้นเยอะกว่าจนเธอไม่แน่ใจว่าอีกคนป่วยจริงหรือเปล่าแรงถึงได้เยอะขนาดนี้
“บีรักคุณคริสนะคะ”
ศิรินชะงักไปกับคำพูดของน้ำทิพย์เธอจ้องใบหน้าสวยคมที่หลับตาพริ้มหวังจะได้ยินเขาพูดมันอีกสักรอบให้แน่ใจว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้หูฟาด..น้ำทิพย์บอกรักเธอ..แต่เมื่อคิดได้ว่าน้ำทิพย์คงจะแค่ละเมอเท่านั้น
“ถ้าประโยคเมื่อกี้คุณพูดมันตอนมีสติก็คงจะดีนะ”
ศิรินเอ่ยออกมาเพราะคิดว่าน้ำทิพย์คงไม่ได้ยินน้ำเสียงเจือปนไปด้วยความน้อยใจเธอแกะมือน้ำทิพย์ออกช้าๆก่อนจะไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองให้เสร็จ ส่วนคนที่แกล้งหลับก็ดันหลับไปจริงๆ
น้ำทิพย์งัวเงียตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเธอเล่นนอนไปตั้งหลายชั่วโมงมองไปที่นอนด้านข้างก็ไม่เห็นศิรินเห็นแค่แสงไฟสลัวๆจากโต๊ะทำงานก็รู้ว่าศิรินคงยังไม่นอน คนอายุน้อยก็ทำทีกระแอมกระไอเพื่อให้อีกคนรู้ว่าเธอตื่นแล้วและก็เป็นผลเพราะศิรินเดินมาดูเธอจริงๆ
“ตื่นแล้วหรอคะ”
“คุณคริส” คนเจ้าแผนการตีเนียนทำหน้าดีใจที่ได้เจอศิริน
“เป็นยังไงบ้าง ปวดตรงไหนหรือเปล่า” ศิรินเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงแต่ก็ไม่ได้เดินเข้ามาใกล้น้ำทิพย์เธอเพียงแค่ยืนกอดอกอยู่ห่างๆ
“ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”
“นั้นทานยา แล้วก็กลับไปนอนที่ห้องของคุณได้แล้ว”
“ขอนอนที่นี่ไม่ได้หรอคะ บีลุกไม่ไหวอ่ะ” คนป่วยว่าอย่างน่าสงสารจนศิรินใจอ่อน
“เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้”
ศิรินคอยดูแลน้ำทิพย์อย่างดีไม่ว่าเขาจะเรียกหรืออ้อนอะไรศิรินก็ยอมไปซะทุกอย่างโดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังโดนหลอก แต่คนอย่างศิรินฉลาดพอที่จะมองออกเธอรู้ว่าน้ำทิพย์ไม่ได้ป่วยตั้งแต่ตอนเธออาบน้ำเสร็จแล้วกำลังจะเช็ดตัวให้น้ำทิพย์อีกที
แต่คนป่วยกลับละเมอออกมาหนึ่งประโยคคงเป็นเพราะความเพลียจากการทำงานเลยทำให้น้ำทิพย์ละเมอและสิ่งที่เขาละเมอออกมามันก็ทำให้ศิรินได้รู้ว่าเธอโดนหลอก แต่ถึงจะรู้อย่างนั้นเธอก็เต็มใจให้หลอก
วันนี้ที่ไร่ค่อยข้างวุ่นวายเพราะเป็นวันงานและแขกก็มากันเพียบคนงานในไร่ก็แต่งตัวตามสไตส์ยุโรปเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศงานช่วงเช้ายังไม่ค่อยหน้าเป็นห่วงเท่าไหร่เพราะส่วนมากจะเป็นแขกจากต่างจังหวัดหรือนักท่องเที่ยว
ส่วนแขกวีไอพีจะมาช่วงเย็นซึ่งนั้นเป็นเรื่องหนักใจของศิรินเพราะเธอไม่ได้อยากจะเจอพวกเขาเหล่านั้นสักเท่าไหร่โดยเฉพาะเสี่ยนิพนธ์ เธอรู้สึกไม่ชอบคำพูดคำจาของเขาเอาซะเลยได้แต่บอกกับตัวเองว่าเขาก็แค่คนแก่พูดมากก็เท่านั้น
“งานเป็นไงบ้างไม้”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ แล้วอาการคุณบีเป็นยังไงบ้างครับ”
“นายไม่รู้จริงๆหรอ” ศิรินเอ่ยถามแต่สายตาของเธอกลับมองไปยังแขกที่มาในงาน
“นายหญิงหมายความว่าไงครับ”
“จะยอมรับเองหรือรอให้ฉันพูด”
ศิรินหันมามองหน้าไม้พร้อมพูดจาชวนให้ขนลุกยิ่งพูดไปด้วยแล้วฉีกยิ้มหวานยิ่งทำให้ไม้หน้าซีดเขาพอจะเดาได้แล้วว่าศิรินรู้เรื่องทั้งหมดแล้วและขืนยังโกหกต่อศพไม่สวยแน่
“ก็นายหญิงใจแข็งก่อนทำไมละครับ”
“นายก็รู้ว่าฉันอยากจะดัดนิสัยบี แล้วยังจะช่วยอีก”
“ก็คุณบีเขาน่าสงสาร…”
“แล้วนายไม่สงสารฉันบ้างหรือไง” ศิรินเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“คุณบีเธอยังเด็ก ยังวัยรุ่นก็คงทำอะไรตามใจคิดไม่ได้นึกถึงผลที่จะตามมา..ผมว่านายหญิงก็น่าจะเคยเป็นนะครับ”
ศิรินหรี่ตามองไม้ที่เขากล้าสอนเธอจนไม้ต้องหลบสายตาแต่ที่เขาพูดเพราะไม่อยากให้ทั้งสองบึ้งตึงใส่กันอายุอานามนายหญิงก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว
“ก็เคย แต่ฉันก็ไม่ได้เจ้าชู้แบบนี้นิ”
“หึงหรอครับ”
“ฉันมีสิทธิ์ที่จะหึงไม่ใช่หรอ”
“โอเค เอาเป็นว่าผมจะทำตัวเป็นกลางคอยมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆนะครับ”
ช่วงค่ำจะเป็นปารตี้รอบกองไฟซึ่งแขกในงานจะไม่มากเท่าเมื่อเช้าเพราะบางคนต้องกลับต่างจังหวัดและไม่ได้จองที่พักไว้ส่วนแขกที่ยังเหลืออยู่ส่วนมากจะเป็นแขกที่เคยมาแล้วและรู้ว่าต้องค้างคืนเลยใช้บริการรีสอร์ทของพ่อเลี้ยงเปรม
“อ้าวคุณบี”
“แขกของนายหญิงมาหรือยัง”
“มาแล้วสามคนครับ”
“ไหนอ่ะ” น้ำทิพย์ดูกระตือรือร้นเอามากๆ
“นู้นไงครับ คนแรกคุณอำนาจเป็นนายกจังหวัด คนที่สองคุณพิศิษย์ปลัดอำเธอ คนที่สามคุณเชษฐ์ไม่มีตำแหน่งหน้าที่อะไรหรอกครับ”
“อ้าว แล้วมาทำไมอ่ะ”
“เขาเคยจีบนายหญิงน่ะครับ ตอนนี้ก็จีบอยู่นะครับ” ไม้เอ่ยบอกอย่างยิ้มๆ เพราะเห็นน้ำทิพย์ทำหน้าไม่พอใจเมื่อเขาบอกว่าหนึ่งในแขกคนสำคัญมางานนี้เพราะอยากสานสัมพันธ์กับนายหญิง
“คอยดูนะ ฉันจะทำให้มันรีบกลับบ้านแทบไม่ทันเลย”
“อย่าแม้แต่จะคิดเลยครับคุณบี” ไม้ว่าเสียงเครียด
“ทำไมล่ะ ก็ฉันไม่ชอบหน้ามันนิ”
“ขืนคุณบีไปทำให้คุณเชษฐ์ไม่พอใจนายหญิงจะพลอยซวยไปด้วยนะครับ”
“นายพูดอย่างกับพ่อมันเป็นมาเฟียงั้นแหละ”
“ก็เปล่าหรอกครับ แต่เขาเป็นแขกคนสำคัญนายหญิงคุณบีอย่าลืมสิครับ” ไม้เอ่ยเตือนสติน้ำทิพย์เพราะกลัวว่าน้ำทิพย์จะวู่วามทำอะไรไม่คิด
“แต่ฉันยอมให้มันมาจีบคุณคริสไม่ได้หรอกนะ”
“หายห่วงได้ครับเพราะนายหญิงเอาอยู่”
ถึงไม้จะบอกแบบนั้นแต่น้ำทิพย์ก็ยังไม่วางใจเธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับเชษฐาเอาเสียดื้อๆ ระหว่างรอศิรินแขกที่เหลือก็มาถึงโดยที่พ่อเลี้ยงเปรมมาถึงก่อนได้สักพักก็ตามมาด้วยเสี่ยนิพนธ์พร้อมกับญาติอีกสองคน
“เสี่ยนิพนธ์มาแล้วครับ”
น้ำทิพย์ที่กำลังยกไวน์ขึ้นดื่มหันมามองไวน์ที่กำลังจะกลืนแทบจะพุ่งออกมาเมื่อหนึ่งในญาติของเสี่ยนิพนธ์คือ…วทานิกา แฟนสาวของเธอพร้อมกับพ่อของหล่อน !!!!
น้ำทิพย์ถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นหน้าวทานิกาเพราะไม่คิดว่าจะเจอแฟนสาวที่นี่แถมยังมาในฐานะแขกคนสำคัญของนายหญิงอีก เธอรีบหันหลังให้เพราะไม่อยากให้วทานิกาสังเกตเห็นกำลังจะรีบเดินออกไปจากตรงนี้แต่ไม้กลับคว้าแขนเอาไว้ก่อน
“จะไปไหนครับ ไม่เข้าไปทักทายแขกของนายหญิงหน่อยหรอครับ”
“ไม่ละ ฉันรู้สึกปวดหัวน่ะ” น้ำทิพย์ตอบปฏิเสธทันควัน
“จะแกล้งป่วยอีกแล้วหรอครับ” แต่ไม้กลับคิดว่าน้ำทิพย์หาข้ออ้างที่จะไม่ร่วมวงสนทนา
“ถ้านายหญิงถามหาบอกว่าฉันไม่สบายละกัน แล้วก็ขอโทษด้วยที่อยู่ร่วมงานไม่ได้”
พูดจบน้ำทิพย์ก็เดินออกไปทันทีไม่ปล่อยให้ไม้ได้ถามอะไรอีกเพราะขืนเธอยังยืนอยู่ตรงนี้มีหวังวทานิกาได้มองเห็นเธอแน่ๆ ร่างเพียวรีบเดินออกมาให้ไกลจากงานมากที่สุดแต่ก็ไม่วายหันไปมองเพื่อให้แน่ใจว่าวทานิกาไม่เห็นเธอจนไม่ได้มองทางข้างหน้า
"คุณคริส!" น้ำทิพย์ชะงักไปเมื่อหันกลับมาแล้วเจอศิริน
"ตกใจอะไรขนาดนั้นคะ" ศิรินถามอย่างสงสัย
"ก็คุณมาเงียบๆ ไม่ให้สุ่มให้เสียงบีก็ตกใจนะสิ" น้ำทิพย์รีบอธิบายพยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุจ
"ที่ตกใจเพราะหนีอะไรมาหรือเปล่า"
คำถามของศิรินทำให้น้ำทิพย์อึกอักเพราะจะให้เธอบอกว่าหลบหน้าแฟนสาวมาดูจะไม่เหมาะอีกอย่างถ้าเธอเข้าไปร่วมวงสนทนาไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
"เปล่าค่ะ" น้ำทิพย์เอ่ยตอบทั้งที่ไม่สบตากับศิริน
“แล้วนี่จะไปไหนคะ”
“คือ…บีรู้สึกปวดหัวค่ะว่าจะกลับไปนอนพักสักหน่อย”
"แต่ตอนออกมาคุณยังดูร่าเริงอยู่เลยนิ"
"เอ่อ..คือ..อยู่ๆมันก็ปวดขึ้นมาอีก บีขอตัวก่อนนะคะ"
น้ำทิพย์ไม่รอให้ศิรินได้ถามอะไรอีกเธอก็รีบเดินหนีมาทันทีและไม่สนด้วยว่าศิรินจะสงสัยหรือรู้ว่าเธอโกหกขอแค่ไม่เจอหน้าวทานิกาเป็นพอ
ศิรินแปลกใจกับอาการร้อนรนของน้ำทิพย์นิดหน่อยแต่เธอก็คงห้ามไม่ให้น้ำทิพย์ออกจากงานไม่ได้ร่างบางจึงเดินเข้ามาร่วมวงสนทนากับแขกคนสำคัญของเธอ ซึ่งไม่ได้อยากจะต้อนรับสักเท่าไหร่ถ้าไม่ติดตรงคำว่า 'มารยาททางสังคม'
"ได้ข่าวว่าปีนี้คู่หมั้นมาช่วยจัดงานหรอ ดูใหญ่โตกว่าทุกปีเชียว"
ก้นพึ่งจะแตะเก้าอี้เสี่ยนิพนธ์ก็เอ่ยทักเธอด้วยประโยคที่เหมือนจะกระแหนะกระแหนเพราะความเป็นเจ้างานศิรินก็เพียงทำได้แค่นิ่งและแสดงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้าเท่านั้น
"ใครกันครับ? ทำให้นายหญิงยอมสละโสดได้" พ่อเลี้ยงเปรมเอ่ยแซวเล่นตามประสาคนสนิท
"แถมยังเด็กอีกด้วยนะพ่อเลี้ยง” เสี่ยนิพนธ์เอ่ยเสริมขึ้นมาอีกจนศิรินซักสีหน้า
"พักเรื่องส่วนตัวของฉันไว้ก่อนดีไหมคะ ตามมารยาททางสังคมเขาไม่ถามเรื่องส่วนตัวกันถ้าไม่สนิทพอเพราะอะไรรู้ไหมคะ” ศิรินหยุดพูดและหันไปมองหน้าเสี่ยนิพนธ์ที่ยิ้มเยาะอยู่ “เพราะมันส่อให้เห็นว่าคู่สนทนา..ไร้มารยาท!”
“นายหญิง!!”
“เออ…คุณลุงคะ”
วทานิกาที่นั่งฟังอยู่นานรีบยื้อแขนเสี่ยนิพนธ์ที่กำลังชี้หน้านายหญิงอยู่ให้กลับลงที่เดิมเพราะเธอเห็นว่าศิรินเป็นเจ้าของงานไม่ควรจะเสียมารยาทถึงแม้คำพูดของศิรินจะแรงไปก็ตาม แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงเหมือนกันเธอพอจะเข้าใจ
ศิรินเองก็ไม่ได้เกรงกลัวกลับยกยิ้มมุมปากและมองหน้าคู่กรณีด้วยหางตาเท่านั้นเมื่อทั้งโต๊ะเกิดความเงียบนพดลพ่อของวทานิกาจึงเอ่ยทำร้ายความเงียบและเบี่ยงประเด็นไม่ให้พี่ชายของเขาต้องมีปากเสียงกับศิรินอีก
“คุณคริสเก่งมากเลยนะครับ ที่สามารถดูแลคนงานทั้งไร่ได้ทั้งที่คุณก็เป็นผู้หญิง”
“ขอบคุณค่ะ ที่จริงฉันก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ก่อนอื่นต้องขอโทษก่อนเลยนะครับ เพราะตอนแรกผมคิดว่านายหญิงของไร่จะแก่กว่านี้ซะอีกพอมาเจอตัวจริงแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาเลยครับว่าจะสวยได้ขนาดนี้”
คำหวานที่นพดลเอ่ยออกมาทำให้เสี่ยนิพนธ์ต้องเบือนหน้าหนีส่วนศิรินก็เพียงแต่ยิ้มให้ตามมารยาทและการสนทนาก็เป็นเรื่องทั่วไปบ้างเรื่องงานบ้างตามประสาผู้ใหญ่เขาคุยกัน วทานิกาที่อายุน้อยสุดก็ได้แต่ทำหน้าเซ็งๆเพราะหาคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแทบไม่เจอ
“ขอโทษนะครับนายหญิง” ไม้เดินเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาทำให้ศิรินต้องหันไปมอง
“มีอะไรหรอไม้”
“เชิญนายหญิงเต้นเปิดงานหน่อยครับ”
“ไม่ต้องก็ได้มั้ง” ศิรินเอ่ยบอกเพราะเธอไม่ค่อยถนัดด้านนี้เท่าไหร่
“อย่าปฏิเสธเลยครับ ทุกคนรอสนุกอยู่นะครับ”
“แต่ฉันไม่มีคู่เต้นนะ”
“อ้าว แล้วคุณบีละครับก็เห็นคุณบีบอกว่าจะเป็นคู่เต้นให้นิครับ” ไม้เอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะไม่คิดว่าน้ำทิพย์จะหายตัวไปจริงๆ
“บ่นว่าไม่สบายน่ะ” ศิรินทำหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนจะหันไปทางพ่อเลี้ยงเปรม “ให้เกีรยติ์เป็นคู่เต้นเปิดงานให้ฉันหน่อยนะคะพ่อเลี้ยง”
“ยินดีครับ”
พ่อเลี้ยงเปรมกล่าวตอบก่อนจะลุกขึ้นและโค้งอย่างสุภาพเอื้อมมือไปให้นายหญิงจับและทั้งคู่ก็เต้นเปิดงานก่อนจะตามด้วยคู่อื่นๆ ซึ่งส่วนมากก็เป็นคู่รักกันทั้งนั้นและแขกคนสำคัญของเธอที่มาเพียงคนเดียวศิรินก็ให้คนงานสาวๆคอยเอ็นเตอร์เทน และคนที่สาวๆอยากเต้นด้วยมากที่สุดก็หนีไม่พ้นพ่อเลี้ยงเปรมและนพดลถึงทั้งคู่จะอายุเข้าเลขสี่แล้วแต่ยังหล่อเหลาไม่แพ้วัยรุ่นอยู่เลย
“ไม่ไปเต้นสักหน่อยหรอคะ” ศิรินเห็นว่าวทานิกาออกมานั่งตรงบาร์ด้านนอกเพียงคนเดียวเลยเดินเข้ามาทัก
“ไม่ละคะ”
“ทำไมละคะ งานไม่สนุกหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่..พอเห็นงานปาร์ตี้แบบนี้อดคิดถึงบีไม่ได้เลยคะ” วทานิกาเอ่ยทั้งที่สายตายังจ้องไปยังกลุ่มคนที่เต้นรอบกองไฟ
“บี?”
“อ่อ แฟนแพรเองค่ะ”
“ชื่อบีหรอคะ” ศิรินถามย้ำให้แน่ใจ
“ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” วทานิกาถามกลับบ้างเพราะเห็นศิรินทำหน้าสงสัย
“บังเอิญจังเลยนะคะ คู่หมั้นฉันก็ชื่อบีเหมือนกัน”
วทานิกาเลิกคิ้วแปลกใจเพราะไม่คิดว่ามันจะบังเอิญอะไรขนาดนี้สองสาวพากันคุยเรื่องทั่วไปจนได้รู้อีกว่าคนรักของทั้งคู่นอกจากจะชื่อเหมือนกันแล้วยังเจ้าเล่ห์และแสบพอๆกัน หัวข้อสนทานาในครั้งนี้เลยทำให้ศิรินและวทานิกาคุยกันถูกคอ
น้ำทิพย์เดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบคอยยกแขนขึ้นมามองเวลาเพราะนี้ก็จะสี่ทุ่มแล้วศิรินยังไม่กลับมาในใจก็กระวนกระวายและคิดไปต่างๆนานาว่าถ้าหากทั้งสองคนได้คุยกันแล้วบทสนทนาดันเป็นเรื่องของเธอขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น
น้ำทิพย์สองจิตสองใจว่าเธอควรจะออกไปดูหรืออยู่รอจนกว่าศิรินจะกลับมาแต่การรอมันก็ทำให้เธอฟุ้งซ่านจะนั่งก็ยังนั่งไม่ติด น้ำทิพย์จึงกลับไปที่งานเพราะอยากแน่ใจว่าความลับจะไม่แตก
พอมาถึงก็ทำให้เธอแทบช็อคเพราะศิรินและวทานิกานั่งคุยกันพร้อมหัวเราะคิกคักถ้าไม่รู้มาก่อนว่าทั้งสองพึ่งเจอกันวันนี้เธอคงคิดว่าพวกเธอรู้จักกันมานาน แต่ด้วยระยะห่างทำให้น้ำทิพย์ไม่ได้ยินว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน
เธอหาทางที่จะเข้าไปใกล้โชคดีที่เป็นตอนกลางคืนและตอนนี้ทุกคนกำลังสนุกอยู่กับการเต้นรอบกองไฟเลยไม่มีใครสักเกตเห็นเธอ น้ำทิพย์เดินมาหยุดตรงต้นไม้ใหญ่ที่ใกล้บาร์เล็กๆที่ทั้งสองนั่งอยู่และตั้งใจฟังบทสนทนา
“แพรซักอยากจะเห็นหน้าคู่หมั้นคุณคริสซะแล้วสิ” แค่ประโยคแรกก็ทำเอาน้ำทิพย์สะดุ้ง
“อย่าดีกว่าค่ะ”
“ทำไมละคะหรือว่ากลัวคุณบีจะหลงเสน่ห์แพรคะ” ศิรินเลิกคิ้วกับคำพูดเมื่อครู่ “ล้อเล่นค่ะ แพรสวยสู้คุณคริสไม่ได้หรอกค่ะ” วทานิกาเอ่ยบอกอย่างขำๆเพราะเธอรู้สึกว่าผู้หญิงแบบศิรินนั้นน่าอิจฉาเหลือเกิน
“ทำไมคิดแบบนั้นคะ คุณก็เป็นคนสวยคนหนึ่งนะคะ”
“หรอคะ แต่แพรว่าผู้หญิงแบบคุณคริสมีเสน่ห์ น่าค้นหา ใครอยู่ใกล้ก็อดที่จะหลงรักไม่ได้” สายตาที่วทานิกามองศิรินมันทำให้คนถูกมองทำหน้า งงๆ
“พูดเหมือนคุณกำลังจะจีบฉันเลยค่ะ” ศิรินแหย่กลับ
“ถ้าไม่ติดว่ามีแฟนก็ไม่แน่นะคะ”
ศิรินเริ่มจะตกใจกับคำพูดของวทานิกาก่อนที่หล่อนจะหัวเราะชอบใจและบอกว่าล้อเล่นทำให้ศิรินโล่งอกไปที ขืนวทานิกาคิดจริงอย่างที่พูดคงไม่ดีแน่ส่วนน้ำทิพย์ที่ยืนอยู่หลังต้นไม้ก็พลอยถอนหายใจโล่งอกไปด้วย
“คุณคริสคะ!”
“คะ?”
อยู่ๆวทานิกาก็เรียกชื่อเธอเสียงดังจนศิรินตกใจเธอมองหน้าหล่อนเพราะอยากจะรู้ว่ามีเรื่องอะไรให้น่าตื่นเต้นหรือเปล่า วทานิกาฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยบอกถึงสาเหตุ
“ต้นเดือนหน้าคุณคริสพอจะว่างไหมคะ”
“ยังไม่แน่ใจเลยค่ะ ทำไมหรอคะ”
“แพรมีเรื่องอยากจะรบกวนนิดหน่อยค่ะ”
ศิรินยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ว่าวทานิกาต้องการจะให้เธอช่วยอะไรแต่เท่าที่ดูคงจะไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไร ศิรินพึ่งสังเกตว่าเวลาวทานิกายิ้มแล้วดูน่ารักขึ้นตั้งเยอะต่างจากตอนเจอกันตอนแรกเพราะหล่อนทำหน้านิ่งๆเหมือนเข้าหายากแท้จริงแล้วก็เป็นเด็กสาวที่ยิ้มง่าย น่ารักและนิสัยดี
“เรื่องที่แพรบอกว่าจะรบกวนเอาไว้แพรจะบอกอีกทีนะคะ”
“ได้ค่ะ”
“แพรว่า..แพรต้องพาพ่อกลับบ้านแล้วค่ะ ดูท่าไม่น่าจะไหว”
ศิรินหันกลับไปมองยังนภดลที่ดูโงนเงนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ก็อดที่จะขำตามวทานิกาไม่ได้และไม่ใช่แค่นพดลที่ไม่ได้พ่อเลี้ยงเปรมก็มีสภาพที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ โชคดีที่ยังมีคนงานในไร่คอยประคองทั้งคู่ไม่ให้ล้มทั้งยืน
“ฉันเห็นด้วยค่ะ”
“นั้นแพรขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ค่ะ”
“ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันอีกนะคะคุณคริส” วทานิกาฉีกยิ้มกว้างให้ศิริน
“ยินดีค่ะ”
น้ำทิพย์รอจังหวะให้วทานิกาเดินออกไปเพราะเธอจะได้ออกไปหาศิรินแต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเธอเอาซะเลยขณะที่วทานิกากำลังจะก้าวขาออกไป ไม้ที่เห็นน้ำทิพย์แอบอยู่เลยเดินเข้ามาทัก
“คุณบีมาทำอะไรตรงนี้ครับ”
น้ำทิพย์ตกใจสุดขีดรีบหันกลับไปมองไม้และเอื้อมมือไปปิดปากศิรินและวทานิกาก็ได้ยินเสียงนั้นจึงหันไปมองหลังต้นไม้แต่ก็ไม่เห็นจะมีใคร คิดว่าตัวเองหูฟาดแต่พอมองหน้าวทานิกาที่ได้ยินเหมือนกันก็คิดว่าคงไม่ได้หูฟาด
“คุณบีมาปิดปากผมทำไมครับ”
“ชู่ววว์!!”
“เสียงใครน่ะ” ศิรินลองเอ่ยเรียกดูแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
น้ำทิพย์เริ่มรู้สึกว่าตรงนี้มันไม่ปลอดภัยสำหรับเธอแล้วจึงพาไม้ไปให้ไกลจากที่นี้ด้วยความที่เป็นต้นไม้ใหญ่และหลังต้นไม้ก็มืดทำให้ศิรินไม่สามารถมองเห็นว่าน้ำทิพย์ได้วิ่งออกไปแล้ว พอเธอเดินอ้อมมาดูก็ไม่เจอใคร
“คุณบีเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ไม้ได้ทีก็สะบัดมือน้ำทิพย์ออก
“ไม่มีไร” น้ำทิพย์เอ่ยตอบอย่างเซ็งๆ
“แล้วทำไมไม่เข้าไปในงานครับ มาด้อมๆมองๆอยู่ตรงนั้นทำไม” เพราะเป็นคนช่างสังเกตทำให้ไม้เอ่ยถามอย่างต้องการเอาคำตอบ
“จะเข้าไปได้ไงล่ะ ก็ฉันโกหกคุณคริสว่าไม่สบายนิ” ได้ทีก็ตีเนียนเอาเรื่องป่วยมาอ้าง
“ทำไมต้องโกหกครับ งานก็ออกจะสนุก”
“นายไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่าอย่าบอกคุณคริสละกันว่าฉันมาที่นี่”
“ไม่รับปากนะครับ”
ไม้ตอบพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างยียวนเพราะเขาเป็นพวกโกหกไม่เนียนและชอบทำให้ศิรินจับได้ตลอดน้ำทิพย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยังดีกว่าโผล่ออกไปให้วทานิกาเห็นแล้วความแตกละกัน
Talk ::
จะรอดไปได้สักกี่น้ำกันนะคนบีบี
แล้วคุณคริสกับคุณแพรนี่ยังไงกันคะ คุยกันถูกคอไปอี๊ก
ไม่อยากจะคิดภาพตอนเขาสองคนรู้ความจริงเลยค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เเฟน?..คู่หมั้น(คนรัก)
แต่ก็ ทีมบีคริส อยู่ดีแหละ อยากให้คุณคริสจับได้ซะที อยากเห็นคนบีบีชดใช้กรรม 5555555 ทำไมเราสายดราม่าอย่างนี้ละ ไม่ดีเลย หุหุ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 25 สิงหาคม 2560 / 20:29