ตอนที่ 6 : EP.5
ศิรินมองตามน้ำทิพย์ที่ลุกเดินออกไปทำไมเธอจะมองไม่ออกว่าเขากำลังงอนความเอาแต่ใจนี่ไม่มีใครเกินเลยจริงๆ ศิรินหันมาสนใจคู่สนทนาของเธอที่จ้องกันเหมือนต้องการคำตอบว่าทำไมน้ำทิพย์ถึงฟึดฟัดออกไปแบบนั้น
“มีแฟนเด็กก็งี้แหละ ขี้งอนไปหน่อย” ศิรินว่าขำๆ
“ไม่ตามไปดูหน่อยหรอ”
“นั้นสิ คริสควรจะออกไปดู”
แล้วร่างบางก็เดินออกไปจากโต๊ะอาหารพอเดินออกมาเธอก็ไม่เจอน้ำทิพย์แล้วรู้แต่ว่าเขาเดินออกไปข้างนอกบ้าน คิดว่าคงจะประชดออกไปเดินเล่นแถวนี้อีกเดี๋ยวก็คงกลับมาศิรินเลยเดินกลับเข้ามาในตัวบ้านและพาปั้นจั่นไปยังห้องรับรองแขกซึ่งตอนแรกเป็นห้องที่เธอจัดเตรียมไว้ให้น้ำทิพย์แต่เจ้าตัวไม่ยอมอยู่
“ขาดเหลืออะไรก็เรียกใช้แม่บ้านนะ”
“เดี๋ยวคริส”
ปั้นจั่นรั้งแขนคนตัวเล็กเอาไว้เจ้าตัวก็หันมามองหน้ากันนิ่งๆเพราะไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าแต่ดูจากสีหน้าเหมือนเขาจะมีคำถามมากกว่า
“มีอะไรหรอ” ศิรินเอ่ยถามและชักมือกลับเพราะมันดูไม่งามเท่าไหร่ ถึงปั้นจั่นจะเป็นเพื่อนแต่เขาก็เคยแอบชอบเธอมาก่อน
“เรื่องคุณบี..ไม่เห็นคริสเคยเล่าให้ปั้นฟังบ้างเลย”
ก็จริงอย่างปั้นจั่นพูดเพราะเรื่องของน้ำทิพย์เธอไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยแม้แต่พี่ชายของเธอยกเว้นไม้เพราะเขาเป็นคนที่เธอไว้ใจและให้ตามเรื่องของน้ำทิพย์
“ตอนนี้ก็รู้แล้วไงว่าเขาเป็นคู่หมั้นคริส”
“แต่ปั้นอยากรู้ว่าคริสไปหมั้นกับเขาได้ยังไง”
ศิรินมองหน้าปั้นจั่นนิ่งๆเพราะเธอเองก็ไม่รู้จะบอกเขายังไงเหมือนโชคเข้าข้างเสียงโทรศัพท์ช่วยชีวิตเธอไว้ ร่างบางคว้ามันมากดรีบทันทีที่เห็นเป็นเบอร์ของน้ำทิพย์
“คุณอยู่ไหน?” เธอเอ่ยถามทันที
‘คุณคริสคะ ออกมารับบีหน่อยสิคะตอนนี้อยู่ที่…เอ่อ..’ เสียงน้ำทิพย์ดูเหมือนกำลังหวาดกลัว
“อยู่ไหนคะ”
‘มันมืดไปหมดอ่ะ บีมองอะไรไม่เห็นเลยแต่รู้ว่าเดินมาจากสามแยกสองข้างทางเป็นพื้นที่กว้าง’
“สามแยกหรอคะ? คุณคงไม่เดินไปทางซ้ายหรอกนะ”
น้ำเสียงของนายหญิงเริ่มเครียดเพราะถ้าเป็นสามแยกที่เธอหมายถึงจริงๆแสดงว่าน้ำทิพย์เดินไปไกลพอสมควรและอีกอย่างแถวนั้นทั้งมืดทั้งเปลี่ยวมืดแบบนี้ไม่มีใครกล้าไปเดินหรอกเพราะงูมันชุม
“บี บี! ” เธอเรียกเขาแต่ปลายสายก็เงียบไปมองดูที่หน้าจอน้ำทิพย์ก็วางไปแล้วโทรไปอีกทีก็ติดต่อไม่ได้
“จะไปไหนหรอ” ปั้นจั่นเอ่ยถามหลังจากยืนเงียบมาสักพัก
“คริสจะไปรับบี”
“ปั้นไปด้วย”
เวลานี้ศิรินไม่มีอารมณ์มาห้ามเพราะเธออยากจะไปหาน้ำทิพย์ให้เร็วที่สุดไม่รู้ว่าอีกคนจะเป็นอะไรบ้างหรือเปล่า ปั้นจั่นอาสาจะขับรถให้แต่เธอไม่ยอมเพราะเธอรู้เส้นทางดีกว่าใครเลยขับเองแต่เพราะขับมาด้วยความไวทำให้เกือบเบรกไม่ทันที่เห็นร่างสูงของใครบางคน
“ชนไหม?”
“คิดว่าไม่” ศิรินตอบตามจริงเพราะไม่มีแรงกระแทก
เธอเดินลงมาดูพบว่าคนนั้นคือน้ำทิพย์ร่างบางถลาลงหาร่างสูงซึ่งเขาดูเลื่อนลอยเหมือนคนกำลังจะหมดสติ ศิรินหันไปมองปั้นจั่นที่เดินตามลงมา
“ปั้นช่วยอุ้มบีขึ้นรถหน่อย”
เธอมองดูหน้าซีดเซียวของน้ำทิพย์ก่อนจะมองสำรวจเมื่อขึ้นรถมาและให้ปั้นจั่นขับรถแทนไล่สายตาไปตามร่างกายของน้ำทิพย์เห็นชายเสื้อมันขาดวิ่นมองลงมาก็เห็นตรงข้อเท้าที่มีเศษผ้าพันอยู่
“โดนงูกัดหรอ”
เธอรู้ว่าน้ำทิพย์ต้องไม่ได้ดูดพิษมันออกแน่ๆและคนที่จะทำแบบนั้นตอนนี้ก็คงเป็นเธอศิรินยกศีรษะที่นอนหนุนตักให้นอนราบกับเบาะรถก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าและดูดพิษของงูที่ข้อเท้า เธอไม่เคยทำหรอกแต่รู้ว่ามันเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
“คริส ทำอะไรน่ะ”
“บีโดนงูกัด ช่วยขับรถไปโรงพยาบาลที”
ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการเดินทางเธอพยายามเรียกน้ำทิพย์ให้ตื่นแต่ก็ไม่เป็นผลตอนนี้ก็ถึงมือหมอแล้วก็ได้แค่รอ หวังว่าน้ำทิพย์จะไม่อ่อนแอแพ้พิษงูตายไปซะก่อน
ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนแต่กลิ่นของยาและแสงสว่างจากหลอดไฟก็พอจะทำให้รู้ว่าเธออยู่โรงพยาบาลและสิ่งที่คิดขึ้นได้คือ..ศิริน ใช่สิเธออยากเจอศิรินน้ำทิพย์กวาดสายตามองไปยังรอบๆแต่มันก็มาสะดุดที่เก้าอี้ด้านข้างเตียง
“ตื่นแล้วหรอ น้ำไหม”
ไม่ใช่ศิรินแต่เป็นเพื่อนของศิรินถ้ารู้ว่าเขามานั่งเฝ้ากันแบบนี้เธอจะไม่ตื่นขึ้นมาเลยแต่ทำไงได้ก็ตื่นขึ้นมาแล้วก็ใช้ให้คุ้มซะหน่อยแล้วกัน น้ำทิพย์ให้เขารินน้ำให้และให้พาไปเข้าห้องน้ำแต่ไม่ได้ถามว่านายหญิงอยู่ไหนก่อนที่เธอจะสลบไปเธอมั่นใจว่าเธอได้ยินเสียงศิริน
“หิวไหม”
“ไม่” ไม่ได้หยิ่งอะไรหรอกนะ เธอไม่หิวจริงๆนั้นแหละ
“อยากได้อะไรอีกไหม” เขาถามอย่างสุภาพทำเอาเธอเกลียดเขาไม่ลงทั้งที่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องคิดเกินเลยกับนายหญิงของเธอแน่นอน
“ฉันหลับไปนานหรือเปล่า”
“หนึ่งคืนเต็มๆครับ”
น้ำทิพย์เพียงพยักหน้าให้เท่านั้นอดน้อยใจไม่ได้เพราะคนแรกที่เธอหวังว่าจะเจอคือศิรินแต่กลับเป็นนายหน้าเข้มคนนี้ซะอย่างนั้น แต่ถึงจะน้อยใจอย่างไรศิรินก็คงไม่รับรู้เธอเลยถามปั้นจั่นว่าจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่ซึ่งเขาก็บอกว่าศิรินให้นอนดูอาการอีกหนึ่งคืน
การนอนอยู่บนเตียงเฉยๆเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากจะออกไปไหนก็ไม่ได้แถมคนเฝ้าไข้ก็เอาแต่เล่นโทรศัพท์ไม่รู้ว่าในนั้นมันมีอะไรนักหนาหน้าตาก็ดูจะซีเรียสนิดหน่อย ผ่านมาสองชั่วโมงจากที่บอกว่าไม่หิวตอนนี้ท้องมันก็เริ่มประท้วง
“คุณ” เขาเงยหน้ามามองกันนิ่งเหมือนรอให้เธอพูดต่อ “ฉัน...” แต่ยังไม่ทันได้พูดจบประตูก็ถูกเปิดเข้ามาซะก่อนพร้อมกับร่างบางของนายหญิง
ในมือถือปิ่นโตใบเล็กศิรินมองหน้าเธอแต่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะหันไปมองปั้นจั่นที่ตอนนี้เก็บโทรศัพท์ไปเรียบร้อยและกำลังลุกไปหาศิริน เธอมองภาพนั้นอย่างขัดใจทั้งสองคุยอะไรกันก็ไม่รู้เพราะเธอไม่ได้สนใจจะฟัง เบือนหน้าหนีไปยังระเบียงห้องคิดว่าวิวข้างนอกมันน่าสนใจกว่า
“ข้างนอกนั่นมีอะไรหน้าสนใจกว่าฉันหรอคะ” เสียงกระซิบข้างหูทำให้น้ำทิพย์หันไปมองอัตโนมัติ
ปลายจมูกของเธอชนเข้ากับปลายจมูกของนายหญิงมีเพียงเธอเท่านั้นที่ตกใจเพราะศิรินเองยังคงยิ้มและรอคำตอบที่เธอเอ่ยถามออกมา แต่เหมือนจะรู้ว่าเธอไม่มีคำตอบให้ใบหน้าไร้เครื่องสำอางนั้นก็ถอยห่างออกไปก่อนร่างบางจะทิ้งตัวลงนั้นข้างเตียงและเอื้อมไปหยิบถ้วยข้าวต้มที่เธอใส่ปิ่นโตมา
“อ้าปากสิ” ศิรินเอ่ยสั่ง
“คุณคริสไม่เป่าหน่อยหรอคะ มันร้อน”
ร่างบางเบิกตากว้างเหมือนจะพึ่งคิดได้ว่ามันต้องเป่าก่อนเลยชักมือกลับนำช้อนที่ตักข้าวต้มไปจ่อที่ริมฝีปากเป่าเบาๆสองสามทีจนแน่ใจว่ามันคงจะหายร้อนบ้าง ก่อนจะยื่นมาให้คนป่วยทานน้ำทิพย์เองก็อยากจะเรียกร้องความสนใจโดยการไม่ทานแต่เพราะความหิวทำให้เธอไม่อยากเรื่องมากยอมให้ศิรินป้อนจนหมด
ทานเสร็จเธอพึ่งสังเกตว่านายหน้าเข้มนั้นไม่อยู่ในห้องแล้วแต่ก็ดีเหมือนกันเธอจะได้อยู่กับศิรินสองต่อสองบ้าง มีอะไรหลายอย่างที่อยากจะคุยอยากจะถามสายตาคมมองร่างบางที่เดินกลับมาพร้อมจานผลไม้
“ไม่ทานหรอ” ศิรินเอียงคอถามเพราะน้ำทิพย์ไม่อ้าปากทานผลไม้ที่เธอป้อน
“ผู้ชายคนนั้นแค่เพื่อนจริงๆหรอคะ”
ศิรินนิ่งไปกับคำถามของเธอจากสีหน้าปกติแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจังเธอเดาอารมณ์ของนายหญิงไม่ออกเลยจริงๆว่ากำลังคิดอะไรอยู่บางทีอยากจะรู้ด้วยซ้ำว่านายหญิงมีความรู้สึกบ้างไหม ตอนแรกก็น่ารักเข้าหาได้ง่ายแต่เพราะอะไรกันตอนนี้ถึงได้ดูเฉยชา เข้าหายาก
มือบางวางจานผลไม้ไว้บนโต๊ะหัวเตียงพร้อมกับนั่งลงข้างๆสายตาว่างเปล่าจ้องมองกันยอมรับว่าแอบกลัวแต่เธอมีสิทธิ์ที่จะรู้ในฐานะคู่หมั้น น้ำทิพย์เองก็จ้องกลับแบบไม่ยอมแพ้จนศิรินหลบสายตาของเธอ
“เพื่อนกัน”
ศิรินตอบเพียงสั้นๆและเตรียมจะลุกออกไป น้ำทิพย์คว้าแขนเธอจนเซล้มมานอนทับตัวเธอความมือไวน้ำทิพย์กอดรั้งเอวบางไม่ให้ลุกหนี ถ้าศิรินจะโกรธเธอก็ยอมแต่เธอจะไม่ปล่อยให้เราสองคนเมินเฉยใส่กันแบบนี้
“อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหมคะ” น้ำทิพย์พูดเสียงอ่อนเหมือนคนจะร้องไห้
“แบบไหนหรอคะ”
“ไม่สนใจ ไม่ง้อ ไม่แคร์บีเลยอ่ะ”
สายตาของน้ำทิพย์ตอนนี้มันเหมือนน้องบีเด็กน้อยวัยสี่ขวบกำลังงอแงเพราะไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการยิ่งเธอนิ่งน้ำทิพย์ก็ยิ่งโอบรัดเธอแน่นขึ้นไปอีก อาการเหมือนเด็กที่กำลังเอาแต่ใจไม่มีผิด
“ก็คุณดื้อ เด็กดื้อไม่มีสิทธิ์เรียกร้องนะคะ”
“ที่บีดื้อเพราะอยากให้คุณคริสสนใจนิคะ”
“บอกได้ไหมว่าทำไหมถึงอยากให้สนใจ”
เด็กดื้อหลุบตาลงต่ำเหมือนกำลังซ้อนความผิดศิรินจึงเชยคางน้ำทิพย์ให้เงยหน้ามาสบตาเธอตอนหมดฤทธิ์ก็น่ารักดีนะ แต่พอได้เจ้าเล่ห์ละหน้าตีซะมัดน้ำทิพย์เม้มปากจนเป็นขีดเดียวก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา
“บีอยากเป็นที่หนึ่งสำหรับคุณคริสนิ”
ศิรินอมยิ้มกับคำตอบใช้สองมือดันตัวเองให้ลุกขึ้นแต่น้ำทิพย์กลับไม่ยอมปล่อยเขายังคงกอดรั้งเธอเอาไว้และจ้องมองกันอย่างไม่พอใจ ศิรินถอนหายใจเล็กน้อยและโน้มตัวเข้าหาน้ำทิพย์ใบหน้าห่างกันเพียงกระดาษกั้นก่อนที่จะก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูใบหน้าเฉียดกันนิดเดียว
“คุณคือที่หนึ่งสำหรับฉันเสมอค่ะ”
เหมือนถูกชาร์จจนตัวชามันดีใจและก็อึ้งไปพร้อมกับเรียวแขนที่โอบกอดร่างบางเหมือนไร้เรี่ยวแรงสองแก้มเจือสีแดงระเรื่อจนอยากจะร้องกรี๊ดไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของศิรินความโกรธและความน้อยใจหายไปจนหมดสิ้น
“พอใจแล้วก็ทานยาด้วยนะคะ” ศิรินหยิบแก้วยาขึ้นมาให้
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่มีคุณคริสมาอยู่ข้างๆบีก็หายแล้ว”
จากเด็กน้อยขี้แยเมื่อกี้กลายเป็นเสือบีขึ้นมาทันมีมือเรียวเอื้อมไปจับมือศิรินและดึงเธอให้เข้ามาใกล้จนคนอายุเยอะกว่าถึงกับส่ายหน้าเธอไม่น่าง้อน้ำทิพย์เลยจริงๆ พอหายงอนก็เจ้าเล่ห์ชีกอเหนื่อยจะรับมือเหลือเกิน
“ดื้อหรอคะ”
ในเมื่ออยากมีแฟนเด็กก็ต้องกำหราบให้อยู่หมัดไม่นั้นน้ำทิพย์ก็จะได้ใจไม่เกรงกลัวเธอ คนอายุน้อยยู่หน้าเมื่อได้ยินคำถามคงเป็นเพราะไม่อยากทานยาเลยอ้างนู้นอ้างนี่พอเขากำลังจะอ้าปากเถียงศิรินเลยจับยากรอกปากซะเลย
“แค่กๆ “
“น้ำค่ะ”
น้ำทิพย์รีบรับน้ำไปดื่มเพราะยามันติดคอพอดื่มเสร็จก็หันมามองศิรินอย่างไม่พอใจแต่คนโดนมองกลับทำไม่รู้ไม่ชี้และจะเดินกลับไปนั่งยังโซฟาก็ถูกคนเจ้าเล่ห์ดึงขึ้นไปนั่งบนเตียง
“จะทำอะไรคะ”
“บีง่วงแล้วค่ะ” เขาตอบแต่ก็ไม่ยอมปล่อยออกจากเอวเธอ
“ง่วงก็นอนสิ”
“นอนด้วยกันนะคะ” สายตาเว้าวอนปนขี้อ้อนเกือบจะทำให้เธอใจอ่อนแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่มันโรงพยาบาลไม่ใช่ที่บ้าน
“แต่ฉันไม่ง่วงค่ะ”
ศิรินเอ่ยตอบเสียงเรียบและพยายามแกะมือของน้ำทิพย์ออกแต่ก็ไม่เป็นผลคนป่วยไม่ฟังอะไรเลยกลับล้มตัวลงนอนและดึงเธอลงไปนอนด้วยใบหน้าสวยแนบเข้ากับอกของเขาทำเอาร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
“อย่าหนีไปไหนนะ บีกลัวฝันร้าย”
เด็กเอาแต่ใจว่าจบก็หลับไปทันทีศิรินเองก็ได้แต่นอนทำหน้ายุ่งไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องทำตามคำสั่งของน้ำทิพย์ด้วยนะ เพราะความอบอุ่นจากร่างกายน้ำทิพย์ทำให้ศิรินเผลอเคลิ้มหลับตามน้ำทิพย์ไปจนได้
เมื่อรถจอดสนิทร่างบางของนายหญิงก็ก้าวลงจากรถและเดินเข้าบ้านไม่ได้สนใจใยดีคนป่วยที่ร้องเรียกเธอเลยสักนิดเพราะอารมณ์โมโหมันมีมากเกินกว่าที่จะเก็บไว้ ด้านคนเจ็บแผลที่ข้อเท้ายังไม่หายดีก็พยายามเดินลงจากรถ
“ไม้ ช่วยฉันหน่อย”
เธอหันไปร้องขอความช่วยเหลือจากไม้คนสนิทของศิรินและชายหนุ่มก็ทำตามโดยการพยุงน้ำทิพย์ให้ก้าวตามศิรินเข้าไปในบ้านเมื่อเดินเข้ามาจนถึงตัวศิรินน้ำทิพย์ก็บอกให้เขาปล่อยก่อนจะเดินไปจับท่อนแขนของนายหญิงเอาไว้
“คุณคริสคะ” เธอว่าเสียงอ่อนตามฉบับเดิมเวลาทำผิด
ศิรินหันมาจ้องหน้าคู่หมั้นตัวดีที่ทำแววตาเว้าวอนเหมือนลูกแมวสิ้นฤทธิ์มันจะน่าสงสารและเห็นใจอยู่หรอกนะถ้าไม่เกิดเรื่องที่โรงพยาบาลเมื่อเช้านี้ สายตาแข็งกระด้างของศิรินทำให้น้ำทิพย์แทบจะไม่กล้าสบตาเธอหลุบตาลงต่ำแต่มือเรียวก็ยังจับแขนศิรินไว้อยู่
“ไม้ช่วยไปตามป้าอิ่มกับอ้อนให้ฉันทีสิ”
“ครับนายหญิง”
ไม้รับคำและเดินออกไปทันทีเพราะเวลานี้เขาไม่แม้แต่จะถามหรือกล้ากวนประสาทนายหญิงเท่าที่ดูจากอารมณ์ตอนนี้ศิรินพร้อมจะระเบิดมันออกมาได้ทุกเมื่อถ้ามีอะไรขัดใจ สิ่งที่น้ำทิพย์ยังไม่รู้เกี่ยวกับนายหญิงคนนี้ก็คงเป็นเรื่องของอารมณ์เวลาใครดีเธอก็ดีตอบแต่เวลาโมโหเธอก็ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้นแต่กรณีนี้ศิรินมักจะใช้กับการทำงาน
ชีวิตปกติเธอไม่เคยโมโหร้ายใส่ใคร..น้ำทิพย์ถือว่าเป็นคนแรก..แต่เท่าที่คำนวณดูศิรินไม่ได้โกรธจนเกลียดแต่เธอโกรธแบบหึงมากกว่า อารมณ์ประมาณว่าหวงแฟนอะไรปานนั้นซึ่งมันน่ากลัวกว่าสิบเท่าไม่รู้ว่าน้ำทิพย์ควรจะดีใจหรือเปล่าที่เป็นคนแรกที่ทำให้ศิรินปรี๊ดแตกได้ขนาดนี้
“คุณคริสคะ บีขอโทษ..บี..”
“จะแก้ตัวหรอคะ” ศิรินเอ่ยเสียงเย็นจนน้ำทิพย์ขนลุกสายตาเธอยังจับจ้องอย่างกดดัน
“คือบี..”
“ฉันรู้ว่าคุณ อยาก แต่นั่นมันโรงพยาบาล!” ศิรินเริ่มขึ้นเสียงจนน้ำทิพย์ตกใจ “จะทำอะไรไว้หน้าฉันบ้าง..ในฐานะคู่หมั้นก็ยังดี!”
ศิรินสะบัดมือออกแต่ก็ยังมองหน้าน้ำทิพย์อยู่ใบหน้าคมซีดเผือดไม่เคยเจอศิรินโมโหร้ายแบบนี้มาก่อนขนาดขอบตาเธอตอนนี้เอ่อคลอด้วยน้ำสีใสศิรินก็ยังไม่มีท่าทีจะอ่อนให้เธอเลย รู้ว่าอ้อนไปก็คงไม่ได้ผลเพราะศิรินคงจะโกรธเธอมากจริงๆ
จากที่เมื่อคืนตกลงกันแล้วว่าน้ำทิพย์จะต้องนอนค้างที่นี่อีกหนึ่งคืนเพราะข้อเท้ายังบวมอยู่คุณหมอเลยไม่อยากให้ออกแรงมากแต่คนป่วยคนนี้ก็กลับดื้อไม่ยอมนอนเอาแต่อ้อนนายหญิงตลอดทั้งคืนจนคนอายุเยอะจิ๊ปากใส่หลายครั้ง
“คืนนี้คุณคริสนอนกับบีนะ นะค้า”
ศิรินมองเจ้าลูกแมวน้อยขี้อ้อนดีดดิ้นอยู่บนเตียงทำตัวเหมือนเด็กสี่ขวบไปได้เธอก็อยากจะตามใจหรอกนะแต่งานที่ไร่เธอก็ทิ้งไม่ได้เหมือนกันเลยยื่นข้อเสนอว่าเธอจะนอนเฝ้าแต่เธอจะนอนที่โซฟาไม่ขึ้นไปนอนเบียดบนเตียงเหมือนเมื่อตอนกลางวัน
“โอเคค่ะ ฉันจะนอนเฝ้าคุณ”
“ดีค่ะ คุณคริสน่ารักที่สุด”
“แต่ฉันจะนอนโซฟานะคะ”
“แต่…”
“ไม่มีข้อแม้ค่ะ ไม่นั้นฉันกลับ”
คนป่วยหน้างอไปทันทีเพราะว่าที่อ้อนก็อยากจะนอนกอดนายหญิงทั้งคืนแต่ไหงเป็นแบบนี้ได้นอกจากจะไม่ได้นอนกอดแล้วศิรินยังให้พยาบาลป้อนข้าวเธอแทนอีกเพราะมีสายด่วนจากทางโรงแรมเล่นเอาน้ำทิพย์ซึมไปเลย
แต่พอจะนอนน้ำทิพย์ก็หาเรื่องชวนคุยไม่หยุดถามนู้นถามนี่เรื่องไร้สาระทั้งเพลแต่ศิรินก็เพียงแต่ตอบสั้นๆเพราะเธอเองก็เริ่มง่วงแต่น้ำทิพย์ก็ยังพูดไม่หยุดเนินนานที่พูดอยู่คนเดียวพอหันมามองยังโซฟาก็พบว่าศิรินหลับไปแล้ว
คนเจ้าเล่ห์แอบลงจากเตียงลงมายืนข้างโซฟาข้อเท้าก็เจ็บแต่ก็เขย่งมาถึงจนได้เธอก้มมองใบหน้าอ่อนกว่าเยาว์ที่ปราศจากเครื่องสำอางเห็นทีจะมีก็แต่แป้งเด็กที่ทากันหน้ามันกับลิปมันกันปากแตกเท่านั้น เชื่อเลยว่าถ้าใครได้มายืนมองศิรินใกล้ๆแบบนี้ต้องหลงรักหล่อนแน่ๆ
“ยิ้มแบบนี้ฝันถึงบีอยู่ละสิ”
คนตัวสูงว่าเองเออเองทั้งหมดและยืนพูดอยู่อย่างนั้นก่อนจะค่อยย่อตัวลงไปหอมแก้มศิรินแผ่วเบาไม่ให้หล่อนรู้สึกตัวตื่นมาด่าเธอโทษฐานขโมยหอมแก้มยามวิกาล
“ฝันดีนะคะ”
ไม่ได้กอดได้หอมก็ยังดี..น้ำทิพย์กลับมาที่เตียงและล้มตัวลงนอนจนหลับไปรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนมีคนมาเปิดม่านนี่แหละรู้สึกขัดใจนิดหน่อยแต่พอคิดว่าในห้องนี้มีแค่เธอกับศิรินและคนที่เปิดม่านก็คงจะเป็น..
“คุณคริ- อ้าว..”
“คุณคริสลงไปซื้อกาแฟด้านล่างค่ะ ขออนุญาตเช็ดตัวนะคะ”
พยาบาลสาวกล่าวอย่างสุภาพและเดินเข้าไปหาน้ำทิพย์เพื่อจะเช็ดตัว คนป่วยก็ว่านอนสอนง่ายแต่พอร่างกายของคุณพยาบาลมาบดเบียดกับท่อนแขนของเธอมันก็ทำให้รู้สึกวูบวาบ ความต้องการที่เคยทิ้งไปดันกลับมาสายตาก้มลงจะมองหน้าคุณพยาบาลแต่มันก็ดันไปสะดุดกับหน้าอกหน้าใจแทน
“ขออนุญาตถอดเสื้อนะคะ”
สติสตางค์ตอนตื่นนอนก็ไม่ค่อยจะมียิ่งมาเจออะไรแบบนี้อีกเสือบีที่คิดว่าถอดเล็บแล้วกำลังจ้องจะขย้ำพยาบาลสาวอยู่เพียงแค่ผ้าชุบน้ำสัมผัสโดนหน้าอกก็ทำเอาน้ำทิพย์สะดุ้ง ไม่ได้เขินอายหรอกเพราะเธอออกจะชินกับการมีผู้หญิงมาทำอะไรแบบนี้
“บีเสียเปรียบจังเลยนะคะ” คนป่วยที่นิ่งอยู่นานเอ่ยขึ้นจนพยาบาลสาวทำหน้างง
“เรื่องอะไรหรอคะ”
“ปกติบีไม่แก้ผ้าให้ใครดูง่ายๆหรอกนะเพราะถ้าแก้อีกฝ่ายก็ต้องแก้ด้วย”
มือบางหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำตอบเธอพึ่งจะเข้ามาทำงานที่นี่เป็นวันแรกและงานแรกของเธอก็คือการเช็ดตัวให้น้ำทิพย์ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอคำพูดสองแง่สองง่ามอย่างนี้ตั้งแต่เช้า ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่ไม่นึกโกรธกับคำพูดลามกออกจะขวยเขินจนไม่แน่ใจกับอาการของตัวเอง
“คุณนี่ช่างหยอกนะคะ” พยาบาลสาวพยายามคิดในแง่บวก
“คุณพยาบาลมีแฟนหรือยังคะ”
“ยังค่ะ”
“ดีเลย ไม่มีพันธะก็ง่ายหน่อย”
น้ำทิพย์รู้สึกถึงแรงสั่นของมือพยาบาลสาวเธอยกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะดึงหล่อนเข้ามาใกล้และเชยคางคุณพยาบาลให้มองหน้ากัน ใบหน้าสวยหวานเจือสีแดงระเรื่อแววตาตื่นกลัวนิดๆเป็นเหยื่อที่น่าลิ้มลองซะมัด
“ถ้าบีจูบคุณพยาบาลจะโกรธไหมคะ”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างผ้าในมือร่วงหล่นทันทีริมฝีปากบางถูกปิดทับสนิทและคนที่ตกใจดันเป็นน้ำทิพย์แทนเพราะคนที่เริ่มก่อนคือ..คุณพยาบาล! หล่อนโน้มตัวเข้ามาบดจูบจากจูบที่แสนธรรมดาก็เริ่มรุนแรงขึ้นทีละนิดเหมือนต้องการจะคุมเกม
น้ำทิพย์แค่ต้องการจะแหย่เล่นแต่ไม่คิดว่าพยาบาลสาวคนนี้จะเอาจริงคนอย่างเธอก็เหมือนไฟเมื่อมีคนจุดให้ติดก็ไม่สนอะไรอีกแล้ว มือเรียวดึงร่างบางขึ้นมาบนเตียงก่อนจะเป็นคนคุมเกมเสียงครางหลุดออกมาจากปากพยาบาลสาวยิ่งทำใหน้ำทิพย์ชอบใจ
ศิรินเดินลงมาจนถึงชั้นล่างแต่พึ่งนึกได้ว่าลืมกระเป๋าสะตางค์ไว้บนห้องเธอถอนหายใจกับอาการหลงลืมของตัวเองทั้งที่ยังไม่แก่ซะหน่อย ร่างบางกลับเข้าไปในลิฟท์เพื่อจะไปเอาของที่เธอลืมไว้คิดว่าถ้าถึงแล้วน้ำทิพย์คงจะเช็ดตัวเสร็จพอดี
ประตูลิฟท์ถูกเปิดออกศิรินก็เดินออกมาอย่างไม่รีบร้อนมือบางจับลูกบิดกำลังจะเปิดเข้าไปแต่หมอหนุ่มเรียกเธอเอาไว้บอกว่าจะเข้าไปตรวจอาการของน้ำทิพย์พอดีแต่เธอเห็นว่าเขาเป็นผู้ชายและน้ำทิพย์กำลังเช็ดตัวอยู่เลยบอกให้เขากลับไปก่อนเสร็จเมื่อไหร่จะให้พยาบาลไปเรียก
เสียงปิดประตูดังขึ้นทำให้สองร่างที่โอบกอดกันบนเตียงในสภาพเสื้อผ้าหลุดหลุ้ยหันไปมองด้วยความตกใจส่วนคนที่เดินเข้ามาก็ตกใจไม่แพ้กัน ร่างบางของพยาบาลสาวกำลังขึ้นคร่อมคู่หมั้นของเธออยู่ไหนจะกระดุมเสื้อที่ถูกถอนออกจากเกือบหมดส่วนน้ำทิพย์ก็คงไม่ต้องพูดถึง
“ไม่ยักรู้ว่าพยาบาลที่นี่เขาเช็ดตัวคนป่วยกันบนเตียง!”
“คุณคริ-“
“ฉันให้เวลาคุณแต่งตัวสิบนาทีระหว่างที่ฉันเคลียค่าใช้จ่าย”
ศิรินเดินออกไปและปิดประตูเสียงดังพยาบาลสาวหน้าซีดพูดอะไรไม่ออกไม่อยากนึกภาพเลยว่าถ้าหัวหน้ารู้เข้าเธอจะโดนไล่ออกไหมเพราะพึ่งมาทำงานวันแรกแท้ๆ แต่เพราะความเอาตัวรอดเธอเลยรีบลงจากเตียงและแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะตามศิรินออกไป
เธอยืนรอศิรินอยู่หน้าห้องจนร่างบางเดินกลับมาศิรินชะงักเล็กน้อยก่อนจะส่งสายตาเย็นเฉียบไปให้เห็นพยาบาลสาวแอบกลืนน้ำลายและอึกอักไม่ยอมพูด เธอเลยเดินจะเข้าห้องแต่หล่อนกลับยกมือขว้าง
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” เธอว่าอย่างกล้าๆกลัวๆ
“มีอะไร” ศิรินปรายสายและเอ่ยถาม
“เรื่องเมื่อกี้,,”
“ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัว” หล่อนตกใจที่ศิรินพูดแทรกขึ้นมาด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
“ไม่แก้ตัวก็ได้ค่ะ แต่ขอร้องได้ไหมคะ..อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกหัวหน้าแผนกเลยนะคะ”
เธอร้องขออย่างเห็นใจศิรินเองก็มองอย่างเหลืออดเท่าที่พิจารณาดูพยาบาลคนนี้ก็อายุไล่เลี่ยกับน้ำทิพย์ไม่แปลกที่จะเข้ากันได้ง่ายขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่ชอบใจอยู่ดีที่หล่อนทำเกินหน้าที่
“เธอรู้หรือเปล่าว่าหน้าที่ของพยาบาลคืออะไร”
“ดะ ดูแลคนป่วยค่ะ”
“แล้วที่ทำเมื่อกี้เรียกว่าดูแลหรือเปล่า” ศิรินจ้องมองจนสาวเจ้าหลบตา “อะไรที่มันไม่ใช่หน้าที่..ที่หลัง..อย่าทำ!”
เธอไม่ได้กำลังขู่แค่อยากเตือนเพราะพึ่งทราบว่าหล่อนเข้ามาทำงานวันนี้วันแรกและเธอก็ไม่อยากตัดโอกาสใครคนเราผิดได้ก็ย่อมแก้ไขได้ครั้งนี้เป็นผิดครั้งแรกเธอถือว่าให้อภัย
“ถ้ารักในอาชีพของตัวเองอย่าทำอีกละกัน เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ศิรินมีสีหน้าอ่อนลงก่อนจะบอกให้หล่อนกลับไปทำงานต่อแต่เหมือนพึ่งคิดอะไรออก “เดี๋ยว!” ร่างบางชะงักกึกด้วยความตกใจค่อยๆหันหน้ามามองศิริน “บีเขาไม่ได้บอกหรอว่ามีคู่หมั้นแล้ว” คำถามนี้ทำเอาพยาบาลสาวหน้าซีดเข้าไปอีก
“มะ ไม่ค่ะ”
นายหญิงกำหมัดแน่นขบกรามเพื่อข่มอารมณ์กำลังจะเข้าไปจัดการคนในห้องแต่ไม้ก็เอ่ยเรียกเธอเอาไว้ก่อนศิรินสูดหายใจเข้าอย่างสกัดกั้นอารมณ์โกรธเอาไว้..ท่องไว้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล!
“ฉันจะไปรอที่รถ!”
ไม้เดินเข้ามาพร้อมกับป้าอิ่มและอ้อนเห็นศิรินและน้ำทิพย์ยืนนิ่งเงียบเหมือนกำลังเล่นสงครามประสาทแต่คนที่ดูแย่เห็นทีจะเป็นน้ำทิพย์เพราะเอาแต่หลบตาศิริน รังแสอำมหิตแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณจนป้าอิ่มคนเก่าคนแก่ช่วยกู้สถานการณ์ให้
“นายหญิงเรียกป้ามามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เรื่องที่โทรมาสั่งก่อนหน้านี้จัดการเรียบร้อยหรือยังคะ” ศิรินเอ่ยถามทั้งที่ยังมองหน้าน้ำทิพย์อยู่
“เรียบร้อยค่ะ”
ศิรินไม่พูดอะไรต่อเธอเดินกลับขึ้นไปบนห้องน้ำทิพย์เองก็รีบเดินตามเพราะรู้สึกว่ายังเคลียไม่จบแต่กว่าจะตามศิรินขึ้นมาได้ก็แทบไม่ทันเพราะข้อเท้ายังปวดอยู่นิดหน่อย เธอใช้มือดันประตูเอาไว้ก่อนที่มันจะปิดลงเจ้าของห้องหันมามองกันด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“เรายังคุยกันไม่จบนะคะ”
“แต่ฉันพูดจบแล้วค่ะ” ศิรินดันประตูจะปิดแต่น้ำทิพย์กลับไม่ยอมถอย
“บีรู้ว่าบีผิดแต่คุณคริสอย่าเย็นชาใส่บีแบบนี้ได้ไหม”
น้ำทิพย์ว่าอย่างเหลืออดเพราะเธอไม่ชอบอาการเมินเฉยเหมือนเธอไม่มีตัวตนและรู้สึกเป็นคนอื่นสำหรับศิรินแบบนี้ เธอไม่ชอบที่ศิรินเป็นแบบนี้เลยสักนิดถ้าตบหรือด่ายังจะดีกว่าการนิ่งและใช้คำพูดเฉือดเฉือนให้เหมือนตายทั้งเป็นเธอไม่ชอบเอาซะเลย
“แล้วคุณจะให้ฉันดีใจ ยิ้ม หัวเราะกับสิ่งที่คุณทำหรอคะ” ศิรินว่าอย่างประชดพร้อมกับแค่นยิ้ม
“คุณคริสหึงบี”
“ใช่! ฉันหึงคุณและก็ไม่พอใจมากด้วย!”
น้ำทิพย์นิ่งไปกับคำตอบเธอไม่นึกว่าศิรินจะยอมรับตรงๆเพราะปกติเวลาเธอบอกว่าอีกฝ่ายหึงก็จะได้อาการอ้ำอึ้งมาแทนและท่าทีโกรธหรือโมโหก็จะหายไปแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เลย นายหญิงของเธอไม่ยอมอ่อนข้อให้กันเหมือนก่อน
“มีอะไรจะพูดอีกไหมคะ ถ้าไม่มีก็เชิญกลับห้องคุณไปซะ!”
“ห้องบี?”
“อ๋อ! ฉันลืมน่ะ ตามมาสิ”
ศิรินเดินนำน้ำทิพย์มายังห้องรับแขกซึ่งก่อนหน้านี้เธอให้ปั้นจั่นเข้าพักแต่เขาก็ไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำหลังจากเฝ้าน้ำทิพย์ที่โรงพยาบาลแทนเธอเขาก็มีงานด่วนต้องรีบกลับกรุงเทพทันที น้ำทิพย์เดินเข้ามาในห้องด้วยความมึนงงไม่รู้ว่าศิรินพาเธอมาที่นี่ทำไม
“ต่อไปนี้ห้องนี้คือห้องของคุณ”
“ทำไมเราต้องนอนแยกห้องกันด้วยละคะ”
“ฉันไม่อยากให้สิ่งแปลกปลอมจากตัวสาวๆของคุณไปแปดเปื้อนห้องของฉัน”
ถ้านี่เป็นละครมันก็คงกำลังถึงจุดเปลี่ยนและเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเพราะเริ่มเรื่องทุกอย่างโอเคสวยงามไปหมดและมันก็พังเพียงเพราะการยับยั้งชั่งใจไม่ได้ของตัวเอกอย่างน้ำทิพย์ เธอไม่โทษศิรินเลยกลับเข้าใจว่าที่เป็นแบบนี้เพราะศิรินไว้ใจพยายามตามใจเธอตั้งแต่วันแรกที่มาแต่เธอก็ทำลายมันด้วยตัวของเธอเอง
“ครั้งนี้จะให้อภัยกันไม่ได้เลยหรอคะ” เธอถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
“ฉันไม่ให้โอกาสคนทำผิดซ้ำสองค่ะ”
อยากจะร้องไห้กับคำตอบที่แทบจะไม่ต้องคิดของศิรินเธอไม่เคยเจ็บเพราะผู้หญิงคนไหนเลย..ศิรินเป็นคนแรก..คนแรกของการเริ่มต้นใหม่ เพราะต่อไปนี้เธอจะไม่ทำให้ผู้หญิงคนนี้เสียใจอีก
“แล้วสถานะของเรา…”
“คู่หมั้น..ในนาม”
“ไม่เอาแบบนี้ได้ไหมคะ” น้ำทิพย์กอบกุมมือบางขึ้นมาจับไว้
“ตามสัญญาคุณจะต้องดูแลฉันในฐานะคู่หมั้นเป็นเวลาหกเดือนเมื่อครบกำหนดคุณจะเป็นอิสระทันทีแต่ถ้าภายในหกเดือนคุณ..อึดอัด..จะยกเลิกสัญญาและกลับกรุงเทพไปก็ได้จะไม่มีบทลงโทษตามสัญญาใดใดทั้งสิ้นถือว่าฉันยกเว้นให้”
ว่าจบร่างบางก็ดึงมือกลับพร้อมกับหันหลังให้กัน
“ไม่..” น้ำทิพย์ว่าเสียงแผ่ว
“อีกอย่างหนึ่งค่ะ ถ้าคุณอยากจะนัดเจอหรือไปมีอะไรกับใครที่ไหน…” ศิรินหยุดคำพูดไว้หันกลับมาเธอเดินเข้ามาใกล้น้ำทิพย์อีกนิด “ขออย่าเป็นที่สาธารณะก็พอ”
แววตาศิรินกระตุกวูบที่ต้องพูดประโยคนี้ออกมาถ้าน้ำทิพย์ไม่ก้มหน้าก็คงจะเห็นขอบตาที่มันพร้อมจะหลั่งน้ำสีใสออกมา คนตัวสูงกำลังจะเงยหน้ามามองแต่ศิรินกลับหันหลังและเดินออกไปจากห้องซึ่งน้ำทิพย์ก็ยอมแต่โดยดีไม่มีการรั้ง
เพราะเธอยอมผู้หญิงคนนี้หมดทุกอย่าง..ยอมเพราะรัก..เธอยอมให้ศิรินก้าวออกไปจากห้องแต่จะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนี้ก้าวออกไปจากชีวิตของเธอแน่นอน จากที่ไม่เคยต้องร้องไห้ให้กับผู้หญิงคนไหนวันนี้แหละที่เธอจะทำมัน
ร่างเพียวทรุดตัวลงนั่งและร้องไห้ออกมาเงียบๆอย่างไม่อายใครตลอด25ปีที่มีแฟนมาพึ่งจะรู้สึกเหมือนอกหักก็วันนี้แหละ รู้แล้วว่ามันเจ็บจนพูดอะไรไม่ออกอยากระบายออกมาเป็นคำพูดมากมายแต่ก็ทำได้เพียงร้องไห้เงียบๆ
แต่คนที่เสียใจหนักที่สุดคงไม่ใช่น้ำทิพย์แต่เป็นนายหญิงของไร่เมื่อกลับเข้าห้องมาศิรินก็ทรุดลงกับประตูห้องน้ำตาที่กลั้นไว้ตั้งแต่โรงพยาบาลไหลเป็นสายเหมือนจะไม่มีวันหยุด 25ปีที่เธอรอน้ำทิพย์ก่อนหน้านี้เขาจะเป็นของใครเธอไม่สนแต่ตอนนี้เขาเป็นของเธอจะไม่ให้เธอเสียใจได้ยังไง
ครั้งแรกที่รู้ว่าน้ำทิพย์ยอมมาอยู่กับเธอที่ไร่เธอพยายามเอาใจเขาสารพัดเพราะอยากให้เขาสนใจเธอคนเดียวแต่เหมือนยิ่งตามใจมากเท่าไหร่น้ำทิพย์ก็ยิ่งทำให้เธอเจ็บ เธอหวังว่าระยะเวลาหกเดือนมันจะมีความหมายมากกว่านี้แต่วันนี้เธอเริ่มไม่แน่ใจ เพราะฉะนั้นไม้อ่อนสำหรับน้ำทิพย์คงไม่ได้ผลเธอก็ต้องใช้ไม้แข็ง
“ฉันจะหยุดเธอเอง..บี!”
Talk ::
เป็นไงล่ะเด็กดื้อ เจอนายหญิงสายโหดเข้าไปถึงกับร้องไห้เลย
ถ้ายังไม่เลิกเจ้าชู้อีกไรท์จะเขียนให้ตัวเองได้กับพี่คริสแล้วนะ // อ้าวไม่ได้หรอ 555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

งานนี้ดัดนิสัยยาวๆเลยคร่า