ตอนที่ 24 : EP.23
อากาศช่วงปลายฝนต้นหนาวทำเอาหลายคนเจ็บป่วยได้ง่ายและหนึ่งในนั้นคือน้ำทิพย์ เพราะเจ้าตัวดันซ่าตากฝนเมื่อวันก่อนแล้วไม่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าโดนไข้หวัดใหญ่เล่นงานจนต้องนอนแอ็ดมิทอยู่ที่โรงพยาบาล
น้ำทิพย์นอนมองห้องสี่เหลี่ยมที่แสนจะน่าเบื่อเธออยากจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านมากกว่าต้องนอนที่โรงพยาบาลซะอีกแต่นายหญิงไม่อนุญาต มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นแก้เบื่อจู่ๆก็มีสายเรียกเข้าจากชานนท์
"ฮัลโหล"
"ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นวะ"
ปลายสายถามอย่างสงสัยเพราะเสียงที่ติดแหบของน้ำทิพย์
"ไม่สบายว่ะ"
"เออ แล้วมึงจะมากรุงเทพวันไหนเนี่ย"
"ทำไมวะ?"
น้ำทิพย์ขมวดคิ้วเพราะเธอไม่ได้บอกซะหน่อยว่าเธอจะกลับกรุงเทพเร็วๆนี้ ไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
"เอ้า ก็มึงบอกกูว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย..ยังไงของมึงเนี่ย"
น้ำทิพย์เริ่มไม่แน่ใจเธอลองนึกดูอีกทีว่าเธอไปบอกชานนท์ตั้งแต่ตอนไหนว่าเธอจะไปกรุงเทพแล้วภาพวันก่อนก็ย้อนเข้ามาในหัว เธอจำได้แล้วว่าเธอเป็นคนโทรไปบอกเพื่อนรักเอง
"เออๆ กูจำได้ละ"
"เรื่องที่มึงจะคุยนี่สำคัญมากเลยหรอวะถึงคุยทางโทรศัพท์ไม่ได้เนี่ย"
"ก็คุยได้แหละแต่ก็ไม่อยากคุยไง"
น้ำทิพย์ตอบด้วยน้ำเสียงยียวนให้คนปลายสายได้ถอนหายใจและสบถด่าเธอแต่คนนอนป่วยกลับไม่สะทกสะท้านกับคำด่าของเพื่อนเลยสักนิดเหมือนกับมันเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว น้ำทิพย์คุยต่ออีกสักพักก่อนจะวางสายจากชานนท์
"ตื่นแล้วหรอคะคุณบี ทานข้าวเลยนะคะ"
อ้อนเอ่ยบอกและนำอาหารไปจัดใส่จานมาให้ ศิรินให้อ้อนมาเฝ้าน้ำทิพย์แทนพยาบาลเพราะไม่ไว้ใจกลัวว่าจะเกิดเรื่องเหมือนคราวก่อนอีก เธอจึงกันไว้ดีกว่าแก้
"ฉันยังไม่หิวอ่ะ"
น้ำทิพย์เอ่ยบอกและทำหน้าเหมือนเด็กที่งอแงไมยอมทานข้าวเช้าแต่นี่มันมื้อกลางวันแล้ว เธอรู้สึกเหมือนพึ่งทานข้าวเช้าไปเมื่อสักครู่เองและมันยังไม่ย่อยเลยด้วยซ้ำ
"ไม่ได้ค่ะ นายหญิงสั่งไว้ว่ายังไงคุณบีก็ต้องทานค่ะ"
อ้อนเลื่อนโต๊ะอาหารมาหยุดตรงหน้าน้ำทิพย์ถึงจะไม่ใช่อาหารรสจืดของโรงพยาบาลก็เถอะ แต่เธอไม่หิวก็คือไม่หิวนั้นแหละสีหน้าเธอมันบอกได้เลยว่าไม่อยากเอาอาหารตรงหน้าเข้าปากเลยแม้แต่น้อย
"นายหญิงบอกว่าถ้าคุณบีไม่ทานจะให้นอนต่ออีกหนึ่งคืนค่ะ"
"นี่คริสขู่บีหรอคะ"
"นายหญิงบอกว่าไม่ได้ขู่ค่ะ ถ้าคุณบีไม่เชื่อจะลองไม่ทานก็ได้นะคะ"
น้ำทิพย์ถอนหายใจอย่างยอมแพ้และตักข้าวตรงหน้าทานโดยมีอ้อนนั่งเฝ้า เธอซักไม่แน่ใจแล้วล่ะว่าเธอเป็นคนป่วยหรือเป็นนักโทษในฐานกักกันกันแน่ถึงต้องมีคนมานั่งเฝ้าตลอดเวลา
หลังทานข้าวทานยาน้ำทิพย์หยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาเล่นเกมอย่างไม่รู้จักเบื่อเหมือนมันเป็นสิ่งเดียวที่พอจะฆ่าเวลาได้ แต่พอเล่นนานๆเข้าก็กลับมาเบื่อเหมือนเดิม เปิดดูทีวีก็มีรายการข่าวซึ่งเธอไม่ชอบ
ไม้เคาะประตูเรียกคนข้างในที่ดูจะเพลินกับการหมักไวน์สูตรใหม่จนลืมเวลา นายหญิงหันมามองไม้ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยและผสมไวน์ต่อเพราะเธออยากจะทำให้มันเสร็จๆไปซะ
"ดูนายหญิงจะชอบการคิดสูตรไวน์ใหม่นะครับ ไม่ลองส่งเข้าประกวดดูบ้างล่ะครับผมว่าไวน์ของนายหญิงต้องได้รางวัลแน่นอน"
"นายรู้ได้ยังไง รสชาติไวน์ของฉันอาจจะถูกปากคนไทยแต่อาจจะไม่ถูกปากต่างชาติก็ได้"
"อะไรที่ยังไม่ได้ลองก็อย่าพึ่งบอกว่ามันไม่ดีสิครับ นายหญิงเคยบอกผมแบบนี้ไม่ใช่หรอครับ"
"ก็จริง แต่ฉันไม่รู้จะทำไปทำไมในเมื่อไวน์ของเราก็ติดตลาดในไทยอยู่แล้ว"
ไม่ว่าไม้จะพยายามเปลี่ยนใจนายหญิงยังไงดูเหมือนจะไม่เป็นผลสำเร็จเพราะศิรินมักจะหาเหตุผลมาลบล้างได้ทุกเมื่อจนเขาต้องยอมจำนน
"เรื่องโรมแรมเป็นยังไงบ้างไม้"
"นายหญิงจะขายมันจริงๆหรอครับ"
ศิรินมองไม้ผ่านกระจกมองหลังเธอรู้ว่าไม้ไม่เห็นด้วยที่เธอจะขายมันแต่ไร่องุ่นของเธอที่ขยายเพิ่มขึ้น ภาระเธอก็เพิ่มมากขึ้นเธอคิดว่าเธอคงไม่มีเวลาบริหารโรงแรมของพี่ชายไปในเวลาพร้อมๆกันและเธอก็ปรึกษาเคนแล้วเหมือนกันเขาแล้วแต่เธอ
"นายก็รู้ว่าฉันทำคนเดียวไม่ไหว จะให้หาหุ้นส่วนที่ไว้ใจได้ก็คงยาก"
"ไม่ใช่เพราะนายหญิงอายุเยอะขึ้นหรอครับ"
ศิรินมองค้อนไม้เธอไม่เถียงหรอกเพราะมันคือเรื่องจริงบางทีอายุที่มากขึ้นมันอาจทำให้เธอเหนื่อยก็ได้
"ทำต่อเถอะครับ ผมว่าผมหาคนช่วยนายหญิงได้นะครับ...คุณบีไงครับ"
"ช่วยทำให้ฉันหาคนซื้อไวขึ้นน่ะสิ"
"ไม่หรอกครับ ไหนๆนายหญิงกับคุณบีก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วแบ่งงานให้คุณบีทำก็ไม่น่าเสียหายนะครับ"
"นายก็พูดไปเรื่อย ฉันกับบีแค่คบกันเฉยๆยังไม่ได้แต่งงานกันซะหน่อย"
"อีกไม่นานก็แต่งครับ"
ศิรินไม่ต่อล้อต่อเถียงกับไม้เพราะเวลาพูดเรื่องที่มันนอกเหนือจากงานกับไม้ทีไรไม่เคยจะจบสักที มีแต่จะเถียงกันไปเถียงกันมาอย่างไม่รู้จบมากกว่า
น้ำทิพย์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดออกเธออยู่ในชุดที่พร้อมกลับบ้าน สายตาน้ำทิพย์มองเลยไม้ไปยังด้านหลังประตูคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน
"คริสล่ะ"
นั้นคืออย่างแรกที่น้ำทิพย์ถามหาเพราะเธอไม่เห็นนายหญิงเดินตามไม้เข้ามา
"คุยกับคุณหมออยู่ครับ"
"คุยทำไมอ่ะ ทำไมต้องคุย แล้วฉันกลับได้หรือยัง"
น้ำทิพย์เอ่ยถามออกไปเป็นชุดโดยไม่รอคำตอบจากไม้เธอก็เดินออกจากห้องพักไปทันที เพราะกลัวศิรินจะให้เธอนอนต่ออีกคืนถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะได้หนีไปรอที่รถเพราะรู้ว่าศิรินชอบจอดรถตรงไหน
"คริส"
ศิรินหันมามองเธอและหันกลับไปพูดอะไรบางอย่างกับหมอเจ้าของไข้ก่อนที่เขาจะเดินจากไป
"แต่งตัวไวกว่าที่คิดนะ"
"บีกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมอ่ะ"
เธอเอ่ยถามเสียงอ่อนเหมือนเด็กน้อยที่ถูกเอามาฝากไว้โรงเรียนประจำจะได้กลับบ้านก็ต่อเมื่อหยุดเสาร์อาทิตย์ ศิรินยิ้มให้กับใบหน้างอแงของน้ำทิพย์
"คริสต้องถามอ้อนก่อนว่าวันนี้บีดื้อหรือเปล่า"
"ไม่เลยค่ะ จริงๆน้า"
ศิรินแกล้งเลิกคิ้วเหมือนไม่เชื่อที่เขาพูดน้ำทิพย์ก็ยังยืนยันว่าวันนี้เธอไม่ดื้อจริงๆและยอมทานข้าวจนหมดด้วย พูดจนอ้อนเดินออกมาและยืนยันให้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง
หลังกลับจากโรงพยาบาลน้ำทิพย์เหมือนจะมีไข้แต่เจ้าตัวก็บอกว่าไหว พยายามดูแลตัวเองไม่ให้ไข้ขึ้นสูงไปมากกว่านี้และเช้าวันนี้น้ำทิพย์ก็ออกมาจ็อกกิ้งเบาๆ เผื่อว่าการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายเธอมีภูมิคุ้มกันมากกว่าขึ้น
จังหวะที่วิ่งเข้าบ้านเธอเจอศิรินยืนอยู่หน้าประตูสีหน้าไม่แสดงอาการใดใดทำเอาเธอแอบกลัวนิดหน่อย
"ออกไปวิ่งทำไมไม่บอกคริสก่อนคะ"
"บีไปใกล้ๆแค่นี้เอง"
"จะใกล้จะไกลก็ต้องบอก ถ้าหน้ามืดเป็นลมแล้วไม่มีใครเห็นจะทำยังไง"
ศิรินว่าเสียงดุเพราะตอนเธอกลับมาแล้วไม่เจอน้ำทิพย์ใจเธอล่นไปอยู่ตาตุ่มถามแม่บ้านก็บอกว่าน้ำทิพย์ออกไปวิ่ง การออกกำลังกายถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแต่มันไม่เหมือนกับคนที่หายป่วยไม่สนิทถ้าน้ำทิพย์หน้ามืดเป็นลมขึ้นมามันจะแย่กว่าเดิม
"บีโทษนะค่า คริสอย่าโกรธบีเลยนะ"
"ก็ได้ค่ะ รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วค่ะ"
"รับทราบค่ะนายหญิง"
ศิรินเห็นว่าน้ำทิพย์อยากออกกำลังกายเธอเลยให้เขาออกกำลังกายที่สวนหน้าบ้านเพราะยังมีร่มเงาของต้นไม้อยู่บ้างอีกอย่างมีป้าอิ่มและอ้อนคอยดูแลด้วย น้ำทิพย์เองก็ไม่ได้หักโหมเธอออกแต่พอประมาณเพราะการนอนโรงพยาบาลเกือบอาทิตย์ไหนจะต้องให้น้ำเกลือในช่วงแรกอีกตัวเธอบวมขึ้นมานิดหน่อยเลยต้องเบรินซะหน่อย
"คริสคะ อีกสองวันบีขอไปกรุงเทพนะคะ"
ศิรินหันมาขมวดคิ้วให้กับคนรักเพราะเธออยากจะรู้ว่าน้ำทิพย์มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปกรุงเทพ
"ไอ้ขุนมันมีปัญหาเรื่องงานนิดหน่อยค่ะ แล้วบีอยากไปหาแม่ด้วยคริสไปกับบีไหมคะ"
"ไม่ล่ะ งานคริสเยอะขนาดนี้ไปไม่ได้หรอกแล้วบีไปกี่วัน"
"สองสามวันค่ะ"
"ให้ไม้ขับรถไปส่งไหมคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ คริสไม่ต้องห่วงนะบีไม่ขับรถเร็วแน่นอน"
น้ำทิพย์โทรมาบอกชานนท์ว่าเธอจะบ้านวันนี้และถึงตอนค่ำ พอเขาจะเดินออกจากที่ทำงานก็เจอวทานิกาเข้าพอดีซึ่งวทานิกาก็จะชวนเขาไปทานข้าวเป็นเพื่อนเพราะวันนี้วุ้นเส้นไม่ว่าง
"โทษทีนะแพรพอดีนัดไอ้บีไว้น่ะ"
"บีมาหรอ?"
"อืม เอางี้ไหม ไปทานข้าวบ้านไอ้บีกัน..ถ้าแพรสะดวกนะ"
วทานิกามีสีหน้าหนักใจนิดหน่อยไม่ใช่ว่าเข้าหน้าน้ำทิพย์ไม่ติดหรอกนะแต่อะไรที่มันไม่เหมือนเดิมแล้วก็อยากที่จะทำตัวเป็นปกติทุกอย่างต้องใช้เวลาจริงๆ แต่เธอบริสุทธิ์ใจจะไปก็คงไม่ผิดอะไร
"แพรกลัวว่าบีจะไม่สะดวกมากกว่าน่ะสิ"
"ไปเถอะน่า ไอ้บีมันไม่คิดอะไรมากหรอก"
ชานนท์และวทานิกาช่วยแม่จัดเตรียมอาหารรอน้ำทิพย์และศิรินเพราะทุกคนไม่ทราบว่าศิรินไม่ได้มาด้วยเลยทำอะไรให้มันดูเป็นพิธีรีตองหน่อยกลัวว่าที่ลูกสะใภ้จะไม่ประทับใจ เสียงรถของน้ำทิพย์มาตรงเวลาเพราะพวกเขาจัดโต๊ะเสร็จพอดี
"สวัสดีค่ะแม่ คิดจังเลย"
น้ำทิพย์พุ่งตัวเข้าไปกอดคนเป็นแม่ก่อนจะหันมาทักทายขุน
"โห วันนี้มีงานอะไรหรือเปล่าคะทำไมกับข้าวเยอะจัง"
"ก็ทำไว้รอบีกับหนูคริสนั้นแหละ แล้วหนูคริสล่ะ"
คนเป็นแม่มองหาศิรินเพราะตั้งแต่น้ำทิพย์เดินเข้าบ้านมาก็ยังไม่เห็นว่าร่างบางของศิรินจะเดินตามมาเลย
"บีลืมบอกน่ะว่าคริสไม่ได้มาด้วย"
"อ้าว ทะเลาะกันหรอลูก
"เปล่าค่ะแม่ คริสเขางานหนักน่ะค่ะอีกอย่างไม่มาก็ดีเหมือนกัน"
ชานนท์และแม่มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจว่ามันดียังไงที่ศิรินไม่ได้มาด้วย น้ำทิพย์พาเปลี่ยนเรื่องโดยการชวนทุกคนทานข้าว
"แล้วเรื่องสำคัญของแกคือเรื่องไรวะ"
"กินก่อน เดี๋ยวค่อยบอก"
"กินไปบอกไปก็ได้นิ ยิ่งทำอย่างนี้ฉันยิ่งอยากรู้"
ชานนท์คาดคั้นเอาคำตอบจากน้ำทิพย์เพราะเพื่อนโทรมาเกริ่นไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วและมันก็ทำให้เขาอยากรู้เอามากๆ ตอนนี้ก็เพิ่มแม่มาอีกคน น้ำทิพย์ถึงกับหยุดทานกระดกน้ำดื่มจนหมดแก้วและทำหน้าจริงจัง ชานนท์และแม่ทำหน้าลุ้นยิ่งกว่าตอนหวยออกซะอีก
"อ้าวแพร"
ชานนท์กับแม่ถอนหายใจออกมาพร้อมกันเพราะลุ้นจนตัวโก่งแต่น้ำทิพย์ดันเอ่ยทักทายวทานิกาซะงั้น ชานนท์บอกให้วทานิกานั่งลงร่วมโต๊ะอาหารเพราะจะได้ฟังเรื่องสำคัญจากน้ำทิพย์พร้อมกัน
"คราวนี้บอกมาได้ละว่าเรื่องสำคัญของแกคือเรื่องอะไร"
น้ำทิพย์มองหน้าเพื่อนรักอย่างชานนท์ที่ดูจะจริงจังเอามากๆ และหันไปมองหน้าคนเป็นแม่ก่อนจะมาหยุดที่วทานิกา
"เดี๋ยวแพรออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้นะ"
"ไม่ต้องๆ"
น้ำทิพย์เอ่ยรั้งวทานิกาไว้เพราะเธอไม่อยากให้หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นคนนอกและเรื่องที่เธอจะพูดคงไม่มีผลอะไรกับวทานิกาหรอก
"พูดมาสักทีสิวะไอ้บี ทุกคนรอฟังอยู่เนี่ย"
ชานนท์เร่งเร้าอยากจะรู้ว่าเรื่องสำคัญที่น้ำทิพย์บอกมันคืออะไรถึงคุยผ่านทางโทรศัพท์ไม่ได้ เจ้าตัวยกมือประสานกันตรงหน้าพร้อมกับทำหน้าจริงจังก่อนจะเอ่ยบอกเรื่องสำคัญที่ทำให้ทุกคนถึงกับตกใจ
"ฉันจะขอคริสแต่งงานน่ะ"
"ห๊ะ!"
ทั้งสามแยกตัวออกมาจากโต๊ะกินข้าวก่อนจะปรึกษากันว่าสิ่งที่น้ำทิพย์พูดออกมาเมื่อกี้เป็นเรื่องจริงหรือว่าอำเล่น ถึงแม้น้ำทิพย์จะดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากกว่าแต่ก่อน แต่เรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่มีใครเขาเอามาล้อเล่นกัน
"ผมว่ามันต้องทะเลาะกับคุณคริสมาแน่ๆหรือไม่ก็มีอะไรมาดลใจให้มันคิดเรื่องแต่งงาน"
ชานนท์เอ่ยบอกสายตาเขายังจดจ้องอยู่ที่น้ำทิพย์ที่เอาแต่ตักอาหารเข้าปากเขานึกภาพงานแต่งงานของเพื่อนไม่ออกจริงๆว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน และเขาก็ไม่คิดว่าน้ำทิพย์จะอยากแต่งงานจริงๆ
"แพรว่าบีไม่ได้พูดเล่นหรอกนะ"
"ก็ไม่แน่นะ ดูมันดิไม่เห็นจะตื่นเต้นอะไรเลย..อีกอย่างมาครั้งนี้ก็ไม่ได้พาคุณคริสมาด้วยอีก"
"เอาเถอะๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะลองถามบีให้แน่ใจอีกที"
คนเป็นแม่เอ่ยขึ้นก่อนที่ชานนท์และวทานิกาจะเถียงกันไม่รู้จบ หลังมื้ออาหารทั้งสองก็ขอตัวกลับน้ำทิพย์ก็ดูเหนื่อยล้าจากการขับรถเขาขอตัวไปอาบน้ำนอนคนเป็นแม่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร
เวลานี้พนักงานและแม่บ้านต่างกลับบ้านไปพักผ่อนเหลือก็แต่ห้องทำงานของท่านประทานซึ่งตอนนี้มันเป็นของศิรินโดยสมบูรณ์แม้เจ้าตัวจะไม่ยินดีกับมันสักเท่าไหร่แต่ก็ต้องรับไว้เพราะเป็นสิ่งเดียวที่พี่ชายมอบให้
"ทำงานเกินค่าแรงอีกแล้วนะครับ"
ไม้วางถ้วยชาลงบนโต๊ะให้นายหญิงเพราะถ้าเขาเสิร์ฟกาแฟตอนนี้ก็กลัวว่านายหญิงจะนอนไม่หลับเผลอๆพรุ่งนี้เช้าอาจจะเบลอได้
"ไม่ยักรู้นะว่าเจ้าของโรงแรมมีค่าแรงด้วย"
"ไม่ได้หมายถึงนายหญิงครับ หมายถึงผมต่างหาก"
ไม้ตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉยถึงเจตนาของเขาตั้งใจจะกวนประสาทนายหญิงก็ตามศิรินเองก็ไม่มีแรงจะเถียงมือบางคว้าถ้วยชามาจิบและปล่อยให้ไม้เก็บเอกสารที่เธอทำรกให้เข้าที่
"คุณบีไม่อยู่ที่ไร่ดูเงียบๆนะครับ"
ไม้เอ่ยขึ้นขณะขับรถกลับไร่เขาแอบมองนายหญิงผ่านกระจกมองหลัง อยากจะรู้ว่าคนเบาะหลังมีอาการอย่างไรเมื่อเขาพูดถึงน้ำทิพย์ รอยยิ้มคิดถึงจากริมฝีปากบางพอจะเป็นคำตอบได้ก่อนจะถูกกลบเกลื่อนด้วยคำพูดนิ่งๆของเจ้าของ
"ให้มันเงียบบ้างเถอะ"
ไม้ส่ายหน้าไปมากับความปากแข็งของนายหญิง เขารู้ว่าศิรินคิดถึงน้ำทิพย์แค่ไหนถึงน้ำเสียงและสีหน้าจะบอกว่าไม่แต่แววตามันบอกว่าคิดถึงมากถึงมากที่สุด
น้ำทิพย์เดินออกจากห้องนอนด้วยสภาพผมยุ่งเหยิงเขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่มีข้าวต้มร้อนๆถูกวางรอไว้ตรงหน้าก่อนจะตามมาด้วยคนที่ทำมัน
"ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนกัน ดูหน้าตาเพลียๆ"
"งานหนักนิดหน่อยค่ะ"
"อย่างเราเนี่ยนะจะทำงาน"
คนเป็นแม่ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกสาวที่ไม่ค่อยเอาไหนของเธอจะทำงานถ้าบอกว่าไปป่วนศิรินเธอยังจะเชื่อกว่าอีก
"ทำไมดูถูกลูกสาวจังเลยละค่า" น้ำทิพย์ทำหน้างอใส่
"ก็บีไม่เห็นจะบอกแม่เลยนิว่าบีทำงานอะไร"
"ก็..เหมือนไกด์อ่ะแม่"
แม่เลิกคิ้วไม่เข้าใจ ก่อนที่น้ำทิพย์จะขยายความว่าเขาได้แรงบันดาลใจจากคนที่มาเที่ยวคนหนึ่งได้พูดคุยก็ทราบว่าเป็นอาจารย์และเขาสนใจเลยสอบถามว่าที่นี่เปิดให้ทัวร์มาลงหรือเปล่า น้ำทิพย์ก็ปิ๊งไอเดียเธอเลยขอศิรินโดยโครงการนี้ไม่เสียความใช้จ่ายเป็นการให้เข้าชมและให้ความรู้ฟรี
หากทัวร์ที่มาลงสนใจหรือติดใจองุ่นและไวน์ของไร่ก็มีบริการจำหน่ายต่างหากและวิธีของน้ำทิพย์ก็เพิ่มรายได้ให้กับทางไร่มากพอสมควร อีกอย่างเป็นสีสันของไร่เพราะมีคนแวะเวียนมาเที่ยวทำให้ที่ไร่ดูไม่เงียบเหงา
"บีดูโตขึ้นเยอะเลยนะ"
คนอายุเยอะเอ่ยชื่นชมเธอไม่เคยเห็นน้ำทิพย์จริงจังกับอะไรแบบนี้เลยสักครั้งก่อนหน้านี้น้ำทิพย์ก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่เอาแต่เที่ยวตอนนี้เธอคงต้องมองลูกสาวของเธอซะใหม่
"แม่ว่าบีโตพอที่จะแต่งงานได้หรือเปล่า" น้ำทิพย์ถามเสียงจริงจัง
"คิดดีแล้วหรอลูก"
"ทำไมล่ะคะ บีดูไม่พร้อมหรอ"
"แม่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่บีแน่ใจแล้วนะว่าบีอยากใช้ชีวิตอยู่กับหนูคริสอีกอย่างการแต่งงานสำหรับผู้หญิงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญผิดพลาดอะไรขึ้นมามันแก้ไขไม่ได้นะบี รู้ใช้ไหมว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากแต่งงานเป็นรอบที่สอง"
สิ่งที่แม่พูดน้ำทิพย์เข้าใจและก็มั่นใจว่าเธอพร้อมศิรินเองก็พร้อมแค่เธออยากจะทำอะไรให้มันถูกต้อง
"บีอยากแต่งงานกับคริสจริงๆค่ะแม่" แม่ฉีกยิ้มกว้างที่ได้ยินแบบนั้น
"บีจะให้แม่ช่วยอะไรก็บอกได้นะ"
ผู้ใหญ่อนุมัติแล้วอย่างอื่นก็ไม่ใช่เรื่องยากน้ำทิพย์ยืนมองชุดเจ้าสาวที่ตั้งโชว์หน้าร้าน น้ำทิพย์เดินเข้าไปข้างในเพื่อรอพบกับเจ้าของร้านเธอนั่งรอที่โซฟาตามที่พนักงานเอ่ยบอก
"รอนานไหมบี"
เจ้าของเสียงเรียกความสนใจจากน้ำทิพย์ให้หันไปมองเธอยิ้มให้กับเจ้าของร้านและเชิญหล่อนนั่ง
"บีอยากให้แพรออกแบบชุดแต่งงานให้บีหน่อย ได้ไหมคะ"
มันดูเป็นเรื่องตลกเหมือนกันนะที่เธอกำลังขอให้แฟนเก่าช่วยออกแบบชุดแต่งงานให้เธอกับแฟนใหม่ที่พึ่งคบกันได้ครึ่งปี ตอนแรกเธอเลือกร้านเวดดิ้งทั่วไปแต่แวบหนึ่งทำให้นึกถึงวทานิกาขึ้นมาเลยลองมาขอให้หล่อนช่วยดู
"ถ้าแพรปฏิเสธจะดูใจร้ายไปไหมคะ" น้ำทิพย์หน้าเจือนนิดหน่อยแต่เธอเข้าใจ
"ไม่หรอกค่ะ บีเข้าใจ"
"แต่แพรคงใจร้ายไม่ลงหรอกค่ะ แพรตกลงถือว่าเป็นของขวัญแต่งงานละกันนะ"
"ขอบคุณนะคะ"
น้ำทิพย์โล่งใจกับเรื่องชุดแต่งงานวันนี้แขกที่ร้านไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่วทานิกาเลยขอวัดสัดส่วนของน้ำทิพย์เอาไว้ก่อนเพราะถ้าออกแบบเสร็จจะได้ลองตัดได้เลย
"ก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่"
วทานิกาเอ่ยบอกเมื่อวัดเสร็จเรียบร้อยน้ำทิพย์เองก็ไม่รู้ว่าที่หล่อนพูดออกมาแบบนั้นเป็นการหยอกล้อหรือประชดกันแน่แต่จากสีหน้าแล้วเธอคิดว่าวทานิกากำลังหยอกเธอเล่นมากกว่า
"แพรไม่ได้บอกว่าบีอ้วนใช่ไหม" หล่อนยิ้มกับคำถามของเธอ
"ไม่หรอก หุ่นดีกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ"
"แต่เมื่อก่อนบีผอมกว่านี้นะ"
เรื่องสัดส่วนสำหรับผู้หญิงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างไม่มีข้อยุติแม้แต่น้ำทิพย์ที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องของรูปร่างตัวเองเท่าไหร่ยังซีเรียสอย่างเห็นได้ชัด
"ผอมกับหุ่นดีมันต่างกันนะบี"
วทานิกาไม่รู้จะอธิบายยังไงให้น้ำทิพย์เข้าใจเธอเลยบอกว่าการที่ใครชมว่าหุ่นดีไม่ว่าจะผอมหรืออ้วนมันก็คือหุ่นดี แม้น้ำทิพย์จะไม่เข้าใจในสิ่งที่วทานิกาพูดแต่เธอก็ยอมจบประเด็นนี้เพราะไม่รู้ว่าเถียงให้ชนะแล้วจะได้อะไร
ศิรินมองข้อความล่าสุดที่น้ำทิพย์ส่งมาจากรอยยิ้มบางๆกลายเป็นใบหน้าเรียบเฉยเพราะแฟนตัวดีของเธอขอเลื่อนวันกลับเป็นอาทิตย์หน้า ทั้งที่น้ำทิพย์ไปกรุงเทพนานเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว เธออยากจะรู้ซะจริงว่าคนกระล่อนแบบนั้นคิดถึงแม่จนไม่ยอมกลับหรือไปเจออะไรที่ติดใจแล้วไม่ยอมกลับกันแน่
“เหลวไหลจริงๆ”
เธออยากจะโกรธน้ำทิพย์เหมือนกันนะแต่เธอไม่รู้ว่าจะโกรธเขาไปทำไม เมื่อก่อนตอนไม่มีน้ำทิพย์เธอเองก็อยู่ได้ไม่เห็นมีอะไรผิดแปลก แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกห่อเหี่ยวไร่นี้ดูจะกว้างและเงียบเหงาเวลาตัวแสบอย่างน้ำทิพย์ไม่อยู่
“เหมือนว่าในนี้จะมีคนคิดถึงแฟนนะครับ”
เสียงของไม้เรียกศิรินให้ออกจากความคิดฟุ้งซ่าน เธอละเบื่อเขาจริงๆที่รู้ไปซะทุกอย่างว่าเธอกำลังคิดอะไรและรู้ด้วยว่าจุดอ่อนของเธอคือน้ำทิพย์ ไม้ถึงได้ล้อเธอทั้งเช้าทั้งเย็นแบบนี้ไงล่ะแล้วเธอก็แปลกที่ยังทนให้เขาล้ออาจจะเพราะว่าชอบก็ได้มั้ง
“เย็นนี้มีนัดทานข้าวกับหุ้นส่วนคนสำคัญนะครับ”
“หุ้นส่วน?”
“ครับ นายหญิงลืมไปแล้วหรอครับ”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันทีเธอไม่เห็นจะจำได้เลยว่าเธอมีนัดและหุ้นส่วนอะไรนี่มันใครกันล่ะ ตั้งแต่ทำธุรกิจมาเธอไม่เคยจะมีหุ้นส่วนและไม่คิดจะมีด้วย เธอว่าไม้คงเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆหรือไม่เขาก็คงเพี้ยนไปแล้ว
“ฉันไม่เคยมีหุ้นส่วน”
“กำลังจะมีไงครับ”
“ฉันบอกนายตอนไหนว่าฉันอยากมี” เธอเริ่มไม่พอใจเขาเสียแล้วล่ะ
“แต่หุ้นส่วนคนนี้เขาอยากหุ้นกับนายหญิงจริงๆนะครับ ลองไปเจอเขาก่อนดีไหมครับไม่แน่นายหญิงอาจจะชอบเขา”
ตั้งแต่ทำงานกับไม้มาเธอว่าวันนี้เขาทำสิ่งที่ขัดใจเธออย่างมากถ้าเธอจะเอ่ยปากไล่เขาให้ออกจากห้องทำงานตอนนี้ก็คงไม่ผิดหรอกใช่ไหม
“จะไม่มีนัดทานข้าวอะไรทั้งนั้น ฉันคงไม่ต้องพูดซ้ำหรอกนะ”
“นายหญิงดื้อจังเลยนะครับ”
“ไม้! นายว่าฉันหรอ”
“ผมไม่เถียงกับคนดื้อดีกว่า ขอตัวไปทำงานให้คุ้มกับเงินเดือนก่อนนะครับ”
เธอปล่อยให้ไม้อยู่กับน้ำทิพย์มากเกินไปหรือเปล่าเนี่ยซักจะกวนประสาทเหมือนกันเข้าไปทุกที เขาวางระเบิดใส่เธอแล้วก็เดินออกไปเฉยๆแบบนี้ได้ยังไงกัน อย่าให้เธอเจอเขาอีกก็แล้วกันเธอไม่รับประกันว่าจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆหรือเปล่า
แฟ้มเอกสารเล่มสุดท้ายของวันศิรินเหลือบมองนาฬิกาตอนนี้ก็เย็นมากๆแล้วเธอเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะออกไปเช็คงานข้างนอกต่อ ร่างบางพาตัวเองกลับบ้านพักเพราะพรุ่งนี้เช้ามีประชุมใหญ่ที่โรงแรมแต่ก่อนจะก้าวขาเข้าบ้าน ผู้ก่อการร้ายเมื่อกลางวันกำลังยืนยิ้มให้เธออยู่หน้าประตูบ้าน
“นี่ครับ”
“อะไร?”
เธอรับแฟ้มเอกสารมาจากไม้เพราะคิดว่าตัวเองเคลียงานของวันนี้หมดแล้ว ไม้ยิ้มบางๆให้เธอก่อนเข้าจะขยายความว่าสิ่งนี้มันคืออะไร
“รายละเอียดของหุ้นส่วนคนใหม่ครับ”
“นายกำลังทำให้ฉัน..”
“ลองอ่านก่อนนะครับ ถ้านายหญิงไม่ตกลงผมว่าไปบอกเขาเองดีกว่า”
“ฉันไม่…”
“สัญญานะครับว่าจะอ่านก่อน อ๋อ เขาขอคำตอบหลังจากอ่านเสร็จเลยนะครับ”
ศิรินไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้อีกเพราะไม้รัวคำพูดใส่เธอเสร็จเขาก็เดินออกไปทันทีเหมือนรู้ว่าถ้ายืนอยู่ต่อต้องโดนเธอด่าหูชาแน่ๆ แล้วเอกสารบ้านี่เธอต้องอ่านมันจริงๆสินะ ศิรินเปิดมันอ่านทันทีเพราะไม่อยากให้ค้างคา
บีเอ็นที จำกัด(รัก)
เรียน หุ้นส่วนที่รัก
เรื่อง..ระหว่างเรา
ดิฉัน บี น้ำทิพย์ มีความประสงค์อยากจะร่วมหุ้นลงทุนชีวิตกับคุณจึงเขียนหนังสือฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อขอความรัก หากคุณก็มีความประสงค์อยากจะร่วมลงทุนชีวิตไปด้วยกัน โปรดตอบตกลงและเดินมาหาดิฉันตอนนี้เลยนะคะ
อ่านมาถึงตรงนี้ศิรินเงยหน้ามองหาคนเจ้าแผนการแต่กลับไม่เจอใครเลย เธอคิดว่าน้ำทิพย์อาจจะแกล้งเธอเล่นแต่มันก็น่ารักดีสำหรับเธอ เพียงแค่เดินเข้ามาในบ้านแสงไฟที่เคยส่องสว่างมันต่างไปจากเดิม มันดูโรแมนติกเหมือนฉากสวีทในหนัง
บ้านเธอถูกตกแต่งด้วยไฟสีส้มมีดอกไม้ประดับให้ดูสวยงามและแสงเทียนนำทางไปตามทางเดินจนมาหยุดตรงระเบียงหลังบ้าน มีโต๊ะอาหารสำหรับสองที่นั่งถูกจัดวางไว้อย่างดีบนเก้าอี้มีช่อดอกไม้วางอยู่พร้อมกับการ์ดแนบไว้
“เล่นอะไรของเขานะ”
ปากก็บ่นไปแต่มือบางกลับยิ้มช่อดอกไม้นั้นขึ้นมาและเปิดการ์ดที่แสบไว้ มีเพียงข้อความสั้นให้เธอเลือกระหว่าง Yes or No ดูจะงง สักเล็กน้อยว่าให้เธอตอบตกลงเรื่องอะไรแต่ก่อนจะคิดออกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากข้างหลังเธอ
“ก่อนจะตอบบีขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
น้ำทิพย์ดูตื่นเต้นไม่น้อยแต่เขากำลังเก็บอาการ เขาเดินเข้ามาใกล้เธอหยิบดอกไม้และแฟ้มเอกสารในมือเธอไปวางไว้บนโต๊ะและใช้สองมือของเขากุมมือเธอไว้ ความเย็นจากมือน้ำทิพย์ทำให้ศิรินรู้ว่าน้ำทิพย์กำลังประหม่า
“บีไม่รู้ว่าคำตอบจะออกมายังไงแต่บีอยากให้คริสรู้ไว้ว่าบีรักคริสนะจะว่าอะไรไหมถ้าบีจะบอกว่า..แต่งงานกันนะ”
น้ำทิพย์หยิบแหวนในกระเป๋าเสื้อออกมามันอาจจะไม่มีราคาค่างวดอะไรแต่มันมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับเธอเพราะมันเป็นแหวนแต่งงานของพ่อที่ให้กับแม่และแม่ก็ให้เธอ
“แหวนวงนี้แม่ให้บี ทันทีที่รู้ว่าบีจะขอคริสแต่งงาน”
ศิรินมองสบตาน้ำทิพย์เขาจริงจังทุกคำพูดเธอไม่เห็นความล้อเล่นในสายตาคู่นี้เลย หากเธอจะตอบตกลงและฝากชีวิตไว้กับผู้หญิงคนนี้ก็คงไม่ผิดอะไรใช่ไหม
“ที่จริง ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นะบี”
“บีอยากทำให้มันถูกต้องและนี่ก็คือสิ่งที่ถูกต้อง”
“เพื่ออะไรล่ะบี” ศิรินเอ่ยถามให้แน่ใจ
"เพื่อยืนยันว่าบีจะไม่เปลี่ยนใจไปจากคริสเหมือนที่คริสไม่เคยเปลี่ยนใจไปจากบีไง”
รู้ร้อนๆที่ขอบตาเธอไม่ได้กำลังร้องไห้อยู่ใช่ไหม แต่ถ้าน้ำตาไหลตอนนี้เธอจะไม่อายเลยก็คำพูดจากเด็กบ้าตรงหน้ามันทำให้เธอซาบซึ้งจริงๆนิ ใครจะไปคิดว่าจะมีวันนี้วันที่น้ำทิพย์ขอเธอแต่งงาน
“ตกลงว่า Yes หรือ No คะ”
“Yes”
ย้อนหลังวาเลนไทน์ละกันเนาะ
ว่าจะแต่งให้เสร็จก่อนวาเลนไทน์แต่ก็แต่งไม่ทัน
ตอนหน้าก็จบละนะ เพราะไรท์เริ่มคิดบทไม่ออกแล้ว 55
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หลังแต่งงานอยากให้พี่บีพี่คริสมีตัวเล็กอะ