คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : จอมมารจำเป็น
ยูยะ มาเล่นกับพวกเราไหม?
เสียงเรียกผมออกมากปากของเด็กรุ่นเดียวกันที่กำลังเล่นบอร์ดเกมอย่างสนุกสนาน
"ได้สิ ขอเล่นด้วยค-" ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดแทรกขึ้นมา
"ไม่ต้องไปชวนหมอนั้นหรอก ไอ้นั้นมันบ้านจนใครๆเขาก็รู้กัน จะให้มาแตะเกมของฉันไม่มีวันหรอก"
เด็กบ้านรวยเจ้าของบอร์ดเกมชอบดูถูกพูดขึ้นมาพร้อมด้วยสายตาเหยียดหยาม
ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว ในหัวว่างเปล่า อยากจะร้องออกมาแต่ก็ทนไว้
เพื่อนคนอื่นก็ไม่กล้าแย้งเพราะก็กลัวไม่ได้เล่นบอร์ดเกมและโดนเเบ่งชนชั้นเหมือนผม
ก็ได้แต่ส่งสายตาสงสารอาลัยมาให้ผม
"ไม่เป็นไรเราเล่นของเราเองได้"ผมยิ้มก่อนที่ผมจะเดินไปนั่งเล่นตัวต่อคนเดียว พลางได้ยินเสียงนินทาตามหลังมา
ตอนแรกผมน้อยใจนิดๆแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะพ่อแม่เคยบอกว่า ไอ้พวกที่ชอบดูถูกเราจริงๆมันแค่พวกอิจฉาและพูกเพื่อให้ตัวเองดูสูงก็เท่านั้น
แต่พอขึ้นมัธยมเรียนชั้นสูงขึ้นเหตุการณบูลี่มันก็ยังไม่จบแค่นี้
"ห๊ะ อยากอยู่กลุ่มกับพวกเราด้วยหรอ ทำอะไรให้พวกเราได้บ้างเอาเงินไปซื้อขนมมาให้กินก่อนสิฮ่าๆ"
ตอนแรกผมด้วยความที่อยากได้เพื่อนมีกลุ่มทำงานจึงทำให้มันจบๆไป หลังจากนั้นพวกนั้นก็ใช้งานผมอย่างกับทาสและนับวันเข้ามันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆจนผมเริ่มทนไม่ไหวและไม่เข้าใจพวกนั้นเหมือนกันจึงได้แต่รำพึงกับตัวเอง
ทำไม..เราไม่เหมือนคนอื่นยังไงเราก็แค่......... คิดอะไรแทบไม่ออก คิดแต่ว่าเราผิดอะไรทำไมต้องโดนอะไรแบบนี้ทำไมกัน
เกลียด.. นั้นคือคำแรกที่ผุดขึ้นมาจากในสมองของผม ใช่แล้วเกลียดผมเกลียดสังตอมเน่าๆของพวกมนุษย์ที่สุด ไม่มีใครมาเข้าใจผมเลย ทำไมทุกคนทำเหมือนเป็นเรื่องตลกร้ายไปได้
ทำไม ทำไมไม่มีคนเข้าใจ ทำไมต้องทำอย่างงี้ ทำไมเราต้องโดนตลอด ทำไม ทำไม ทำไม...
ผมได้แต่วนคิดแบบนี้ซ้ำๆไปตลอด ดังนั้นทำให้ผม ผมเก็บตัวไม่ไปเรียนไปสุงสิงกับใคร เพื่อที่จะตัดปัญหานั้นไป
..................................................................................................................
กลุ่มคนพวกนั้นทำให้เรานึกถึงเรื่องอดีตจนได้.........
แม้กระทั้งตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจไอ้พวกมนุษย์สังคมที่ชอบทำดีบังหน้าไปวันๆอยู่ดี
กลับมาปัจจุบันผมที่กำลังกดดูคลังเก็บของที่น่าจะมีอาวุธของผมที่ได้จากการสุ่มกล่อง
ผมเหลือบไปเห็นอาวุธนึงมีรูปร่างคล้ายหน้ากาก!? อยู่ในคลังของผมผมอ่านความสามารถ
คำอธิบายหน้ากาก
เมื่อสวมใส่ทำให้รับรู้ถึงบางอย่างของผู้ที่ถูกมองได้
เดียวๆอะไรคือการสุ่มอาวุธได้หน้ากากปาหี่นี้ใช้แทบไม่ได้เลยไม่ใช่หรอไงฟะ
ผมลองจับหน้ากากลองเอามาใส่ดู ครืนๆ ผมรับรู้ได้ถึงพลังแปลกและชั่วร้ายได้หลังจากสวมหน้ากากนั้น
ผมมองไปที่ต้นตอของเสียงเจอกับชายคนนึงที่ทำหน้าเครียดปล่อยออร่าน่ากลัวกำลังเดินอยู่ที่ทางเดินข้างหน้าผม
"โอ้ยย ข้าเบื่อกับการเป็นจอมมาร ข้าอยากกินเคเอฟซี ทำไมข้าต้องมาทำอะไรน่าเบื่อพวกนี้ด้วย"
ผมได้ยินเสียงนั้นดังขึ้นทั้งที่เขาไม่ได้พูดออกมาด้วยซ้ำ
จู่ๆเหมือนจอมมารตนนั้นจะรู้ว่าผมได้จ้องมองเขา จึงเดินเข้ามาหา ผมรีบถอดหน้ากากออกทันที
"โอ๊ส ว่าไงเจ้ามนุษย์รู้สึกว่าเจ้าจะรับรู้พลังของข้าได้นะ พอทีข้าเบื่อการเป็นจอมมารแล้วเราสนใจมาเป็นจอมมารหน่อยไหม ดูเจ้าจะสนใจด้วยนี้ หน้าตาก็ดูคล้ายๆข้า"
เป็นจอมมารก็ไม่เลวนะ จะได้จัดการพวกคนที่เห็นแก่ตัวพวกนั้นได้ด้วย ผมคิดในใจ
"ก็ได้อยู่หรอกแต่ว่าถ้าสลับกันแล้ว ถ้าลูกน้องท่านจะคิดว่าข้าไม่ใช่จอมมารจะทำยังไง"
"เจ้าสนใจสินะอย่างงี้สิค่อยพูดกันง่ายหน่อย ไม่มีปัญหาไม่ต้องห่วงหรอกปกติพวกนั้นก็ไม่ค่อยสนใจหน้าตาหรอกเเละก็ไม่เคยเห็นหน้าข้าตรงๆหรอกและอีกอย่างถึงเป็นจอมมารแต่ก็เป็นจอมมารแค่ชื่อแหละลูกน้องไม่ได้มีมากอย่างที่คิดหรอกเพราะพวกตระกูลจอมมารที่สืบกันมาไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากนัก"
เอายังไงดีโดนจอมมารอะไรไม่รู้เข้ามาหาขนาดนี่แล้ว ก็คงต้องตามน้ำไปละมั้ง
"เอาละถึงเจ้าจะคิดปฏิเสธไปก็เท่านั้นเจ้ารู้เรื่องถึงขนาดนี้แล้วคงให้ปฏิเสธไม่ได้รับพลังไปสะ ข้าจะรีบไปกินไก่"
ทันใดนั้นจอมมารก็จับไปที่หน้าผากของผมพร้อมกับพูดว่า "ด้วยนามตัวแทนของผู้สืบทอดพลังจอมมารข้าจอมมารลำดับที่8ขอส่งต่อพลังไปยังจอมมารคนใหม่เหล่าบรรพบุรุษเอ๋ยจงส่งมอบพลังไปที่ชายคนนี้ด้วย"
หลังากนั้นก็มีตาประทับขึ้นที่หัวของผมและจางหายไป ผมรับรู้ได้ถึงพลังที่ไหลเข้ามาในตัวของผม
"โอเคเสร็จละ ข้าไปก่อนละฝากดูแลต่อด้วยนะ ข้าขอตัวไปกินไก่ละ"
ก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินจากผมไป
"เดียว!ท่านจอมมารชื่ออะไร "
"ข้าหรอ ข้าชื่อ แอสทารอส เรียกข้าว่า "แอส" ก็ได้ และอีกอย่างข้าไม่ใช่จอมมารแล้ว แต่เป็นเจ้าต่างหาก ถ้าอย่างงั้นข้าไปก่อนละ" และเดินหายไปยังฝูงชน
"เคเอฟซีหรอ เป็นจอมมารแต่อยากกินไก่ ผิดคาดแหะ"
คงเป็นเพราะมีการแฮกค์เกิดขึ้นทำให้NPCมีความคิดเป็นของตัวเองละมั้ง
ผมเดินออกนอกเมืองไปในป่าไปตามทางที่จอมมารคนเก่าบอกทางให้ผมไปยังปราสาทของตน
ผมเดินไปเรื่อยๆ เจอพวกมอนเตอร์มากมายแต่ไม่รู้ทำไมพวกนั้นถึงเดินหนีผมไปหมด
สงสัยเพราะออร่าจอมมารแน่เลย
จู่ก็มีเหมือนหนามแหลมพุ่งมาหาผมด้วยความเร็ว ผมยกมือขึ้นมาป้องทำให้หนามนั้นหยุดลงกลางอากาศ
"ใครกัน!"
ผมสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจของบุคคลปริศนาที่โจมตีผม
"ทะ-ท่านจอมมาร..."
เสียงเล็กแหลมพูดขึ้นมา พร้อมกับเดินออกมาจากหลังต้นไม้เผยให้เห็นเด็กสาวร่างเล็กและมีเขาที่หัวแล้วเขี้ยวเล็กๆเผยให้เห็น
"ท่านจอมมารจริงๆด้วยดูจากพลังแล้วต้องใช้แน่ๆ ท่านจอมมาร~~~"
ปีศาสาวร่างเล็กใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นวิ่งเข้ามากอดผม
'เดียวๆนี้ใครนะอยากบอกนะว่าลูกของจอมมารคนเก่า? ไปปล่อยไข่แล้วมาให้เราดูแลหรอเนี่ย!?'
เธอเข้ามากอดแล้วเอาหน้าจุ่มเข้าไปในเสื้อของผมและพูดออกมา "รักที่สุดเลยย นึกว่าท่านจอมมารจะหนีหายไปไม่กลับมาสะเเล้ว .....คิดถึงท่านจอมมารจะแย่อยู่แล้ว"
"คือ..เจ้าเป็นใคร.."
ปีศาจสาวเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าตาสงสัยและผละตัวออกไปโพสท่าแนะนำตัวเองพร้อมกับพูดว่า
"นี้ท่านลืมข้าไปแล้วหรอ ข้าคือ วิกน่า ปีศาจผู้ซื่อสัตย์ของท่านที่ท่านบอกว่าจะให้ข้าเป็นภรรยาท่านพูดว่า 'เจ้าจงมาเป็นของข้าสะ' คำพูดนั้นของท่านทำเอาข้าใจสั่นไปเลยละ"
มันต้องเป็นการเข้าใจผิดอะไรแน่ๆแต่ช่างมันเถอะ ขอฟังเรื่องราวหน่อยละกัน
"ช่วงที่ข้าไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นบ้าง"
"อ่อ ข้าก็ทำความสะอาดปราสาทของท่านทุกวันอย่างดีเลยละ เตรียบที่นอ-"ผมพูดขัดขึ้นมา
"หยุดๆ ข้าหมายถึง เกี่ยวกับคนอื่นๆ"
"ถ้าคนอื่นๆละก็เตรียมรับมือกับพวกปีศาจที่หวังจะยึดปราสาทของท่าน เพราะว่าท่านจอมมารไม่ยอมอยู่นั้นแหละ พวกปีศาจเลยจะขึ้นเป็นจอมมารแทนท่านยังไงล่ะ"
สร้างปัญหาจริงๆนะเจ้าจอมมารคนเก่า ในเมื่อเราตัดสินใจไม่เข้าร่วมกับพวกมนุษย์ก็คงมีแค่ทางนี้ทางเดียวแล้วสินะ
"วิกน่า พาข้าไปปราสาทที"
"โอเค เจ้าค่ะ~~"
....................................................................................................
วิกน่าพาผม จนมาถึงปราสาทจอมมาร ดูเหมือนจะไม่ใช่ประตูปราสาทนะดูเหมือนจะเป็นปากถ้ำมากกว่า
"ท่านอาจจะประหลาดใจแต่ว่า พวกเราได้ซ่อนปราสาทด้วยการพลางตัวไปกับธรรมชาติ เดียวข้าจะพาท่านจอมมารเข้าไปข้างในเองเจ้าค่ะ"
ผมและวิกน่าเดินเข้าไปในถ้านั้นในถ้ำที่มีหินย้อยค้างคาวและน้ำขังเป็นสถานที่น่าขนลุกจริงๆ ถ้าเป็นปกติเราคงไม่กล้าเข้ามาหรอก แต่ตอนนี้เราได้เป็นจอมมารแล้ว
"ยินดีต้อนรับกลับขอรับท่าน แอสทารอส" ชายร่างสูงหางยาวแหลม ใส่ถุงมือและชุดเหมือนพ่อบ้าน ดูยังไงก็ไม่ใช่มนุษย์แน่ๆอยู่แล้ว ออกมาจากเงามืดพร้อมกับพูดทักทาย
"ข้าน้อยสัมผัสได้ถึงพลังของท่าน จึงจะมาต้อนรับเชิญท่านกลับสู่ปราสาทของท่าน" พ่อบ้านก้มโค้งคำนับให้กับผม
"เงยหน้าขึ้นมาเถอะ"
"ขอบคุณอย่างสูงครับท่านจอมมาร และก็ขอบใจมากวิกน่า ที่หาตัวท่านจอมมารจนเจอ ตอนนี้เราได้เตรียม ห้องบัลลังก์ของท่านไว้พร้อมรอรับท่านกลับมาแล้วขอเชิญทางนี้เลยครับ"
พ่อบ้านตนนั้นเอามือจับไปที่กำแพง เกิดอุโมงทางเดินทางหนึ่งขึ้นมา มองเห็นทางทอดยาวไปที่อีกประตูแห่งหนึ่ง มีคบเพลิงจำนวนมาก จุดติดขึ้นอยู่ทางสองข้างทาง พวกเราผมวิกน่าและพ่อบ้านได้เดินเข้าไปพร้อมกันในช่องประตูที่ปรากฎ พอเข้ามาในอุโมงทางที่มีคบเพลงสองข้าง หลังจากนั้นอุโมงที่เข้ามาก็หายไปกลายเป็นทางเดินตลอดเส้นทางเหมือนกับถ้ำเมื่อกี่ไม่เคยมีอยู่ที่นี้มาก่อน พวกเราโพล่มาอยู่ในอีกที่แห่งๆหนึ่งในนี้
"หลังประตูนั่นคือห้องบัลลังก์ของท่าน เชิญท่านกลับสู่บัลลังก์ของท่านได้เลยขอรับ"
ผมเดินไปโดยมีพ่อบ้านและวิกน่าเดินตาม จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าประตู ขนาดใหญ่ ผมรับรู้ได้ถึงพลังที่แผ่ออกมากจากหลังประตูนี้.....
ผมผลักประตูนั่น เห็นทางเดินทอดยาวไปที่บัลลังก์ยกสูงที่นั่งขนาดใหญ่ตรงใจกลางในสุดของห้อง มีพรมสีแดงขอบเหลืองที่ปูทาง พร้อมกับเหล่าปีศาจจำนวนหนึ่ง ยืนอยู่เรียงแถวทั้งสองฝั่งของทางเดิน ถึงจะบอกว่าเป็นปีศาจแต่ก็ไม่เชิงเพราะรูปร่างส่วนใหญ่คล้ายมนุษย์
"เคารพ ท่านจอมมาร!" หลังจากสิ้นเสียงนั่งปีศาจทุกตนก็ก้มหัวทำความเคารพทันที
'มาขนาดนี้แล้วคงต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับจอมมารแล้วสินะ' ผมเดินไปยังบัลลังก์ที่ตั้งสุดของทางเดิน
และนั่งไปที่บัลลังก์นั่น.........
ถึงเวลาที่จะได้จัดการกับโลกใบนี้ด้วยตัวเองแล้วสินะ
ความคิดเห็น