ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    King Kill Game เกมล่าราชันย์(รับสมัตรตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #9 : EP.4 พ่อ ลูก แฟน (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 45
      0
      25 ต.ค. 59

      ในห้องอันมืดมิด ไม่รู้มีอะไรอยู่ภายใน ได้มีชายคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา
      แสงจากไฟข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาในห้องเผยให้เห็นเตียงนอน และสะท้อนทรงผมสีดำเรียบ
      ชายคนนี้เปิดสวิตช์ไฟขึ้น แสดงสภาพห้องที่น่าสยดสยอง เต็มไปด้วยคราบเลือด ที่สำคัญ มีชายคนหนึ่งถูกขึงไว้ข้างผนังในสภาพถูกซ้อมจนน่วม
      "แก....รู้เปล่า.....ว่า.....แก....กำลังยุ่งอยู่......กับใคร........"ชายที่โดนซ้อมทักทายชายผมดำด้วยความเคียดแค้น
      ชายผมดำ ผิวสีซีด ใช้สายตาอันเรียบเฉยสีทมิฬตักเตือน
      "เหรอ ฉันไม่สนว่ะ คำพูดของแกก็เหมือนหมาเห่าข้างซอยเท่านั้นแหละว่ะ อีกอย่างฉันได้ของที่ต้องการมาแล้ว ไม่เชือดทิ้งก็บุญนักหนาแล้ว"เขาโชว์แฟลชไดรฟ์ในมือให้ดูก่อนเก็บลงไปในกระเป๋ากางเกง
      ชายที่น่วมโกรธทันทีที่โดนคำพูดเรียกตีน"ไอ้เวร ฉันเป็นเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของหน่วยคัดเลือกนะโว้ย! แกคิด........."
      "บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ช่างหัวแม่มึงสิว่ะ"
      ชายผมดำไม่ให้มันพูดอีกต่อไป เดินเข้ามาตรงหน้าชายตัวดี
      "สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่านในตอนนี้ ฉันชื่อซาโตชิ โนริโอะ เป็นคนขายข่าวและขายของในตลาดมืด ฉากหน้าเป็นนักมายากล....."
      "พูดเ_ี้ยอะไรของมึงว่ะ!"
      "ช่วยหุบปากหน่อยได้มั้ยว่ะ"
      โนริโอะเหลืออดกับอีกฝ่ายเต็มทน จึงหยิบของบางอย่างออกมาจากใต้เตียง
      ฉากต่อไปบางท่านอาจจะรับไม่ได้ ถ้าใจไม่แข็งพอก็รีบข้ามไปเลย
      มันเป็นถุงพลาสติกบรรจุของเหนียวๆเหลวๆสีน้ำตาลเหลียวไว้ข้างใน ทันทีที่หยิบออกมาบรรดาเหล่าแมลงวันก็กรูเข้ามาตอมยกใหญ่ 
      กลิ่นอันเหม็นหึ่งโชยเข้าแตะจมูกเจ้าหน้าที่ระดับสูง สมองประมวลผลได้แวบเดียวจากกลิ่นและสี ความปากดีเมื่อกี้ถูกแทนด้วยใบหน้าซีดเผือก เขาพูดตะกุกตะกักหลายครั้งกว่าจะได้ความ
      "ข.....นี่.....มัน....ขี้ตูนี่หว่า!!!"
      "ปิ๊งป๊อง ถูกนะคร้าบบบบบบบ"
      โนริโอะค่อยๆแกะปมที่มัดถุงพลาสติกออก แมลงทั้งหลายเริ่มส่งเสียงหึงๆมากเรื่อยๆ
      "ย.....อย่านะโว้ย! พวกฉันไม่ได้ฝึกมาทนกับการทรมานพรรคนี้นะ!!"ชายระดับสูงที่รู้ชะตากรรมตัวเอง พยายามดิ้นรนอ้อนวอนขอชีวิต
      โนริโอะหันไปมองภายนอกหน้าต่างในห้อง จดจ้องไปยังเหล่าเมฆา
      เมฆาค่อยๆก่อตัวเป็นรูปร่างคนเขียนเรื่องนี้ยืนบนฟ้า ยกนิ้วโป้งขึ้นฟ้าให้ดู
      ทว่าในไม่กี่วิต่อมานิ้วโป้งค่อยๆกลับหมุนลงพื้นดิน เป็นอันบอกว่า
      "ประหารแมร่ง"
      โนริโอะแสยะยิ้มเหี้ยมราวกับฆาตรกรโรคจิต เดินถือถุงพลาสติกเข้ามาเรื่อยๆ
      ชายที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงมองโนริโอะเป็นเหมือนปีศาจจากขุมนรกตามมาเอาชีวิต กลัวจนพูดอะไรไม่ออกทำได้แค่ส่ายหัวไปมาเป็นเชิงไม่เอา
      สายไปแล้ว โนริโอะไม่สนใจ บรรจงกรอกขี้ในถุงลงไปในปากชายผู้โชคร้ายไปอย่าง...
      .
      .
      .
      ช้า
      .
      .
      ช้าๆ
      .
      ช้าๆๆ

      จากนั้นเสียงหวีดร้องจากความสิ้นหวังก็กรีดร้องอย่างไร้สิ้นสุดจนกว่าชีวิตจะหาไม่


      กลับมาอีกด้านหนึ่ง

      รถคันสีฟ้ามีรอยถลอกใหญ่ไปทั่วข้างขวาของตัวเองและกระจกมองข้างขวาหักหายไปเรียบร้อย วิ่งเข้าไปในเขตตัวเมืองฮอกไกโดช้าๆในยามค่ำคืนประมาณ3ทุ่ม คนส่วนใหญ่คงปิดบ้านหลับไปกันหมดแล้ว
      "กว่าจะถึง........การเดินทางแบบนี้ชั้นไม่เอาด้วยแล้ว"ชินจิบ่นไปขับไป คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในวันนี้
      "บ่นเป็นคนแก่ไปได้ ตอนจัดการไอ้ร่างทรงราชันย์นั่นยิ้มยังกะคนบ้า"ชายปริศนาแหวะ
      "เออ........ก็ตอนนั้นมันสะใจนี่หว่าที่รู้พลังกวนๆของมัน"ชินจิตอบไปอย่างไร้อารมณ์ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
      "จะว่าไปแกชื่ออะไรว่ะยังไม่ได้ถามเลย"
      ชายปริศนาส่ายกน้า"คงบอกไม่ได้ เป็นความลับทางราชการ"
      "โอเค งั้นเปลี่ยนใหม่ ช่วยเล่าหน่อยสิว่าเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมแกถึงได้พลังแบบเดียวกับชั้นมา"
      "งั้นจะเล่าให้ก็แล้วกัน"
      "เล่าเลย"
      "เหตุการณ์มันเกิดขึ้นประมาณช่วงกลางวัน ตอนนั้นฉันกำลังตามสืบเครือข่ายใต้ดินที่โตเกียวอยู่น่ะ"
      "จะว่าไปนี่นายอยู่สังกัดไหนล่ะ CIA FBI KGB หรือว่าM16?"
      "ไม่บอก"
      "ไม่เป็นไร อย่างนายคงเป็นCIAหรือM16มั้ง"ชินจิพูดหยอกเล่นไปงั้นๆ
      "ฮ....เฮ้ย! นี่แกรู้ได้ไงว่าฉันเป็นคนองค์กรM16!?"ชายปริศนาถึงกับตื่นตระหนกที่อีกฝ่ายรู้
      "บ้าไงเล่า พูดไปเล่นๆเท่านั้นแหละ ปากสว่างแบบนี้องค์กรไหนเค้ารับแกกันล่ะว่ะ"ชินจิพูดปฏิเสธไปเนื่อยๆ ไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงใครตอนนี้
      ชายปริศนาทำหน้าคล้ายคนได้บรรลุธรรม รู้ตัวว่าตัวเองเผลอพูดอะไรไม่สมควรซะแล้ว
      "เล่าต่อเถอะ ชั้นไม่บอกใครหรอกเพราะไม่คิดจะยุ่งเรื่องการเมืองอยู่แล้ว"
      "ด..ได้ จู่ๆอยู่ดีไม่ว่าดี ฟ้ายังไม่ครื้ม ฝนก็ยังไม่ตก ดันมีฟ้ามาผ่าใส่ตัวฉัน"
      "เฮ้ยๆ แล้วแบบนี่แกจะรอดได้ไง"
      "ตอนนั้นก็คิดว่าไม่รอดแล้วล่ะ สายลับบ้าอะไรโดนฟ้าผ่าตาย อนาถดีมั้ยล่ะ แต่......"
      "ยังรอดมาได้ชิมิ"
      "ถูก พอรู้สึกตัวอีกทีตัวชาไปหมดเลยล่ะ รอบๆตัวมืดมิดไม่เห็นอะไรเลยเหมือนอยู่ในความวางเปล่า จากนั้นมีบางสิ่งปรากฏออกมาต่อหน้าต่อตาฉัน"
      "บางสิ่ง?"ชินจิทวนคำ
      "มีแสงสีทองสว่างจ้าปรากฏต่อหน้า ฉันไม่ทันจะได้ถามอะไรมันก็พูดก่อนคล้ายไม่เห็นหัวชาวบ้าน ว่า สวัสดีเจ้ามนุษย์ ข้าคือพระเจ้า ส่วนเจ้าคือ1ในผู้ถูกเลือกให้มาเข้าร่วมเกมอันศักดิ์สิทธิ์ ในใจตอนนั้นแทบอยากจะตะโกนไปว่า ไม่เอาโว้ย แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนรู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ต่อหน้าตัวเองนั้นมันสูงส่งเกินกว่าจะเอื้อมมือไปถึงได้ เหมือนฉันเป็นขยะที่พร้อมตายตอนไหนก็ได้"
      ชินจิผิวปาก สังเกตใบหน้าของชายปริศนา ถึงแค่นิดเดียวแต่เขารู้ว่าชายปริศนารู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าอยู่ หมือนว่าพระเจ้านั้นจะน่ากลัวไม่เล่น
      "มันบอกต่ออีกว่า ดูที่หลังมือเจ้าดูสิ ฉันก็ลองดูตามที่มันบอกดู งงไปเลย มีสัญลักษณ์วงกลมส่องแสงอยู่บนหลังมือขวาจริงๆ"
      "และจากนั้นมันก็บอกว่า ขอโชคดี หรือไม่ก็ขอให้เรียนรู้พลังกันเอาเองใช่ม่ะ"
      "แกรู้ได้ไง!?"
      ชินจิเหนื่อยใจเพราะตัวเองแค่พูดเล่นๆเฉยๆ โชว์หลังมือขวาตัวเองให้ดูพร้อมกับร่างOver the cloudโผล่มาแวบเดียวแล้วหายไป
      "ไม่รู้เว้ยแค่เดาจากประสบการณ์อ่านการ์ตูนและนิยายแนวเกมไล่ล่ามาก่อนก็เท่านั้นเอง อีกอย่างถ้าชั้นเป็นพวกกรณีแบบเดียวกับแก มือชั้นคงมีสัญลักษณ์แบบเดียวกัน และแกอาจโดนอัดเละไปก่อนหน้านั้นชัวร์"ชินจิพูดจบก็ถอนหายใจ
      "นั้นสินะ"ชายปริศนาพยักหน้ารับ
      ในใจของปริศนายังสลัดภาพตอนที่Over the Cloudอัดคนในชุดเกราะสูทสำหรับต่อต้านร่างทรงราชันย์ซะหมดรูปไม่หายสักที
      "เล่าต่อดิ"ชินจิเตือน
      "นั้นสิ พอพระเจ้าพูดจบ สติของฉันมันก็วูบดับไปดื้อๆ ตื่นมาอีกทีก็อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้"
      "อ่าอ่ะ"
      " ฉันงงมากเลย แต่ไม่กี่นาทีต่อมาก็มีพวกที่คล้ายๆกับที่มาโจมตีใส่นายและฉันในวันนี้ ฉันเลยยิงปืนตอบโต้กลับแล้วนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เผลอใช้ราชันย์เป็นครั้งแรก"
      ชายปริศนาโชว์เหล่าภูติทั้ง7ออกมาให้เห็น
      "ดีนะที่เจ้าพวกนี้มีความสามารถที่เรียบง่าย คือ สามารถเบี่ยงวิถีกระสุนให้เข้าเป้าหมายได้ เลยเรียนรู้วิธีใช้ได้เร็วอยู่........"ชายปริศนาหยุดชั่วครู แสดงหน้าอึดอัดใจ
      "บอกตามตรงตอนแรกโคตรดีใจเลยล่ะ แต่พอพวกมันใช้ชุดเกราะอะไรของพวกมันก็ได้รู้ เหวอกินเลยเพราะกระสุนที่ฉันยิงไปไม่ต่างอะไรกับเม็ดถั่ว ต่างกับพวกมันเอาปืนยิงเอาๆ ยิงซ้ำตรงจุดเดิมก็ยังไร้ผล สุดท้ายก็โดนพวกมันยิงแขนซ้ายแล้วเร่รอนมาหานายเนี้ยแหละ"
      "งั้นทำไมแกถึงไม่ไสหัวออกไปจากรถสักทีล่ะว่ะฮะ?"ชินจิพูดประชด
      "อยู่กับนายแล้วรู้สึกปลอดภัยดี"
      "ปลอดภัยบ้านแกสิว่ะ! ชั้นนี่แหละเว้ยที่ไม่รู้สึกปลอดภัยเลยสักนิด!"ชินจิโวย
      "งั้นเหรอ แต่ตอนนี้พวกมันคงอาจจะล่าหัวแล้วล่ะ อย่าดูถูกพวกมันเชียว ไอ้คนพวกนี้อาจจะมีเส้นสายกับพวกบิ๊กๆก็ได้"
      "เวร"ชินจิก่ายหน้าผากข้างหนึ่ง
      สรุป ถึงไม่อยากจะไปพัวพันด้วยแต่ต้องไปพัวพันอยู่ใช่มั้ยเนี้ย!?
      ชินจิพลางนึกถึงใบหน้าอีธานยิ้มหน้าระรื่นในหัว เขาสาบานเลยว่าถ้ามันยังรอดมาได้จะไปตั๊นหน้ามันให้เละเลยคอยดู
      เขาเก็บความรู้สึกอยากกระทืบตัวพาความซวยคนแรกลง ขับรถต่อไปจนถึงบ้านของคนที่เขาเรียกว่า ตาลุง

      "ดูท่าจะรวยไม่ใช่เล่นนะเนี่ย"ชายปริศนากล่าวชมทันทีที่มาถึงหน้าบ้าน
      หน้าบ้านถูกรอบไว้ด้วยกำแพงไม้สูง3ม. รูปแบบคล้ายคลึงกับอยู่ในสมัยเมจิ มีประตูบานใหญ่อยู่พร้อมมีเครื่องสแกนม่านตาอยู่ด้วย ดูแค่นี้ก็รู้ฐานะของคนบ้านนี้แล้ว
      "สรุป....นี่เอ็งจะติดตามชั้นอยู่ไปถึงไหนก็แน่ว่ะ?"ชินจิเริ่มเอือมระอา
      "เคยได้ยินป่ะ ทุกชีวิตย่อมพึ่งพา.........."
      "พอๆ ขี้เกียจฟัง เอาที่สบายใจแกก็แล้วกัน อยู่ในรถก่อน"ชินจิตัดบทก่อนจะเดินออกจากรถไปแสกนม่านตา
      เครื่องสแกนม่านตาปล่อยแสงสีแดงขึ้นลงบริเวณดวงตาชินจิสักพักหนึ่ง จากนั้นประตูบานใหญ่ก็ค่อยเปิดอ้าออกต้อนรับ
      ชินจิกลับมาที่รถ ค่อยๆเหยียบคันเร่งเบาๆเข้าไปหลังกำแพงนั้น
      ชายปริศนาผิวปากเมื่อเห็นบ้าน มันเป็นบ้านไม้ขนาดใหญ่และกว้างชั้นเดียว มีบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟ2บ่อ ที่เหลือรอบบ้านเป็นสวนย่อมเขียวขจีหมด มีทางเดินหินอยู่ทั่วบริเวณ นี่เป็นการจัดบ้านสไตล์ชาวญี่ปุ่นขนานแท้
      พวกเขาทั้ง2ลงจากรถ เดินไปเข้าทางประตูบ้านทว่า.........
      ตาขวาของชินจิเกิดกระตุกขึ้นมาซะอย่างนั้น
      'ฮ...เฮ้ย รู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้'
      และสมองของเจ้าตัวก็เกิดไอเดียปิ๊งขึ้นมา
      "เฮ้ แกไปกดกริ่งที่อยู่หน้าบ้านเรียกตาลุงที"ชินจิสะกิดไหล่ชายปริศนา ชี้ไปที่กริ่งหน้าประตู
      "นายไปกดเองไม่ได้หรือไงว่ะ?"ชายปริศนาถามอย่างไม่เข้าใจ
     "เอาเถอะน่า แค่กดกริ่งนิดเดียวเองไม่เห็นเป็นไรเลยนี่"ชินจิอ้อนวอน
      "เอาก็เอา"
      กริ๊ง!
      ชายปริศนากดไปทีหนึ่ง ขณะที่ชินจิแอบตีเนียนไปหลบอยู่ฉากประตูที่ยื่นหน้ามา
      "สงสัยไม่ได้ยิน อีกที"
      กริ๊ง!
      กริ๊ง!
      ไม่กี่วิต่อมามีเสียงคนกำลังเดินเร่งๆมา
      "มาได้สักที"
      ทว่าจู่ๆตาขวาของชายปริศนาก็กระตุกฉับพลัน พร้อมกับเสียงเดินที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ
      "อะไร......."
      
      เปรี้ยง!
      ไม่ทันจะพูดอะไรต่อ บาทาสวมรองเท้าเกี๊ยะก็จัดประเคนเต็มหน้าชายปริศนาเข้าอย่างจังเบอร์!!



      ณ ทำเนียบขาว
      ประธานาธิบดีอเมริกาในห้องทำงาน กวาดตาดูแฟ้มเอกสารต่างๆ อาทิเช่น รายงานงบประมาณรายรับรายจ่ายของรัฐบาล ข่าวของพรรคคู่แข่งที่เอเยนต์ส่งมา หรือเอกสารการอนุมัติการสร้างอาคารทางหลวง พร้อมจิบกาแฟไปบ้างเพื่อระงับอารมณ์หัวเสียกับเรื่องในรายงานเอกสารและเปิดเพลงแจ๊สฟังเพื่อผ่อนคลายจิต 
      ระหว่างนั้นเองมีคนติดต่อมาผ่านทางวิดีโอ
      "ท่านครับ มีคนจากหน่วยคัดเลือกต้องติดต่อท่านครับ"
      "เรื่องอะไร?"
      "รู้สึกว่า จะมีรายงานว่ามีร่างทรงราชันย์ทำร้ายเจ้าหน้าที่จากหน่วยคัดเลือกไป4คนครับ"
      ประธานาธิบดีขมวดคิ้ว"คุณ...จะบอกว่าหน่วยคัดเลือกโดนเล่นงานหรือไง? ผมไม่ขำนะ คุณต้องล้อผมเล่นแน่ๆ"
      "มันเป็นเรื่องจริงนะครับ ผมเพิ่งได้รับรายงานมาเองว่า หน่วยคัดเลือกที่ไปปฏิบัติงานที่ญี่ปุ่นโดนจัดการไป4ราย ตาย2 บาดเจ็บ2"เสียงจากปลายสายนั้นดูเคร่งแครียดมากจนประธานธิบดีดูว่าออกว่าที่รายงานมาไม่ใช่เรื่องอำแน่
      "งั้นช่วยต่อสายที"
      "ครับ"
      สัญญาณได้เปลี่ยนไปทางหน่วยคัดเลือก
      "คุณคือหัวหน้าหน่วยคัดเลือกที่ญี่ปุ่นใช่มั้ย"ประธานาธิบดียิงคำถามใส่ปลายสายด้วยน้ำเสียงซีเรียส
      "ครับ ผม พันตรี อิไลจาห์ หัวหน้าหน่วยคัดเลือกแถบเอเชียตะวันออก รายงานตัวครับ"
      "ดี ผมได้รับรายงานมาว่าหน่วยของคุณโดนเล่นงานไปตั้ง4คน ผมต้องการคำแก้ตัวของคุณ"
      "ผมมีแน่นอนครับ ดูนี่สิครับ"เสียงจากปลายสายส่งข้อมูลมายังทีวีจอแบนที่วางไว้อยู่หน้าโต๊ะประธานาธิบดี เอาไว้สำหรับฉายข้อมูลภาพต่างๆ
      ภาพฉากแรกคือถาพของซากรถอัดกับเสาไฟฟ้าละเอียดคาที่
      "ภาพนี้คือ ภาพที่รถของทางเราชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทางรถไฟ พอตรวจสอบดูพบว่ามันเป็นอุบัติเหตุจากการคุมไม่อยู่ขณะขับประกบรถไฟ ทว่ามีเรื่องน่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง....."
      "เรื่องน่าแปลก?"ประธานาธิบดีทวนคำ
      "ครับ แต่ไม่ใช่เรื่องที่มีพวกร่างทรงราชันย์ท้าตีกันในรถไฟนะครับ แต่ที่แปลกคือ มี1ในร่างทรงราชันย์ที่รบคำท้านั้นกลิ้งมาข้างรางรถไฟในสภาพอาการปางตาย กระดูกหลายแห่งหักละเอียดเหมือนมีใครก็ไม่รู้เอาค้อนปอนด์กระหน่ำทุบรั่วๆ"
      "แล้วใครจะสามารถใช้ค้อนปอนด์ทุบแบบรั่วได้ล่ะ?"
      "ขอโทษนะครับท่าน เหมือนว่าจะไม่ใช้ค้อนปอนด์ครับ เท่าที่ตรวจดูเหมือนจะเป็นรอยหมัดเสียมากกว่า"
      "คุณ.....จะบอกว่าพลังทำลายขนาดทำให้กระดูกหลายแห่งหักละเอียด ไม่ใช่ค้อนปอนด์แต่มันคือหมัด"
      "ใช่ครับ ขอกลับเข้าเรื่องนะครับ 1ในผู้ตายในรถคันนั้นเป็นคนที่ขับรถเก่งมากในสังกัดผม เขาไม่น่าจะขับรถไม่ชนเสาได้ นอกจากนี้ล้อรถยังไม่มีอาการสึกเหร่อเลยสักนิด ไม่ว่าทางเราจะพยายามหาสาเหตุการตายที่แน่นอนสุดมากเพียงไหน สุดท้ายก็เป็นเพราะคุมรถไม่อยู่"
      ประธานาธิบดีเอามือป้องหน้า"แล้วคนที่รอดมาล่ะ?"
      "คนหนึ่งเหมือนว่าจะถูกชกใบหน้าเข้าอย่างแรงจนหน้ายุบเป็นหลุม ตอนนี้ยังอยู่ในอาการโคม่า ส่วนอีกคนศีรษะฟาดพื้นอย่างรุนแรงจนสมองได้รับการกระทบกระเทือน เห็นหมอบอกว่า จะสูญเสียความทรงจำไปดีไม่ดีอาจตลอดกาลด้วยซ้ำไป"
      "ขอบคุณที่บอก ไปได้แล้ว"
      "ครับ"
      สายตัดไป
      ประธานาธิบดีถอนหายใจแรงๆสุดปอด
      "หน่วยคัดเลือกที่สามารถต่อกรกับราชันย์ได้เนี้ยนะ จะถูกเล่นงานได้ ไม่อยากจะเชื่อ...."



      กลับมาอีกด้าน

      ร่างของชายปริศนาค่อยๆเงนล้มลงกับพื้นโดยมีรอยบาทาประทับหน้า สลบไปทั้งที่ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำไรผิดกันแน่
      "ลูกสาวกูอยู่ไหนว่ะไอ้เด็กเวร!?"
      เสียงของชายแก่อายุราว50กว่าปีตะโกนดังลั่นสะท้อนเข้าหูเขา ก่อนสติจะดับวูบในไม่กี่วิต่อมา...

      เท้าค่อยๆดึงหลุดออกมาจากหลุดประตูจากข้างใน ประตูบางเลื่อนเปิดขึ้นเผยชายแก่รูปร่างกำยำ ผมสีหงอกตามวัยชรา  สายตามรกตเฉียบคมดุจใบมีดเฉือดเฉือน สายตานั้นเลื่อนไปหาชินจิที่หลบอยู่ข้างฉากประตู ทำเอาเจ้าตัวเสียวหัววาบ
      "เอาลูกตูไปไว้ไหนไอ้เด็กเวร......"ชายแก่พูดด้วยน้ำเสียงคล้ายจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้
      "เออ......เดี๋ยวสิตาลุง ยัยเมกุมิ......"ชินจิพยายามแก้ตัว
      "ไม่สนโว้ย!"
      ชายแก่ไม่สนใจคำแก้ตัว ตวัดขาหาชินจิ!
      "ใจเย็น!"
      ชินจิรู้ตัวจึงก้มตัวหลบทันก่อนแข้งขาจะฟาดก้านคอ แต่ชายแก่ไม่ยอมให้พักหายใจ พุ่งเข้าไปชกใส่หน้าชินจิ
      ความชินจิตั้งใจจะถอยห่างหลบ แต่ดันเมื่ออะไรมาสะดุดขาเขา
      เชือก.......
       เชือกเส้นสีม่วงวางขึงไว้หลังขาเขา เมื่อจะถอยห่างจึงไปสะดุดมันเข้า
      'เมื่อตะกี้ยังไม่เห็นจะมีอยู่เลยนี่หว่า!?'
      ชินจิไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงมาขึงได้ถูกที่ถูกเวลาแบบนี้ ทั้งๆที่มันไม่จะมาวางได้
      แบบนี้มันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!
      ระหว่างตื่นตะลึงอยู่นั่นเอง หมัดของชายแก่ก็เบี่ยงไปหาหน้าของเขาที่กำลังจะล้มกับพื้น
      ชินจิรู้ดีว่าหมัดของชายแก่คนนี้แรงไหน เมื่อไร้ทางตอบโต้แบบปกติจึงตัดสินใจใช้มาตรการขั้นสุดท้าย
      "อ..อะไรกัน!?"
      ในชั่วเสี้ยววิที่หมัดเข้าใกล้ใบหน้าชินจิ Over the cloudปรากฏร่างออกมาข้างตัวชายแก่ พร้อมรับหมัดไว้ได้ง่ายๆ ทำเอาชายแก่ถึงกับตาเบิกโพลง
      ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก แต่เขาเองก็เห็นร่างราชันย์ของชินจิเหมือนกัน!
      ถึงจะยังนั้นชายแก่ก็ยังดื้อดึงหมายจะต่อยให้ได้สักเปรี้ยง หมัดขวาที่ถูกรับไว้โดยราชันย์ของชินจิได้มีเชือกสีม่วงเลื้อยมาตามแขน พุ่งเข้ารัดแขนของOver the cloud
      ชินจิรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองขยับแขนไม่ได้เหมือนโดนอะไรรัดทั้งๆที่ไม่มีอะไร ทว่าหมัดซ้ายของชายแก่พุ่งเข้าใส่ใบหน้าแล้วโดยที่ใช้มือรับได้
      เขาตัดสินใจแก้เฉพาะหน้า ให้Over the cloudใช้แขนข้างที่ถูกพันใช้ประโยชน์จากความยาวเชือกบวกกับแรงของราชันย์ตัวเอง ยื้อเชือกที่พันอยู่แล้วเอาเชือกมาพันคอชายแก่รั้งคอไว้
      "แสบนะแก!"
      ชายแก่ยังไม่ยอมง่ายๆ ซ้ำยังจะต่อยใส่เขาให้ได้โดยไม่กลัวเชือกตัวเองจะรัดขาดอากาศหายใจ
      "ไม่หยุดชิมิ อย่าหาว่าโหดร้ายแล้วกันนะตาลุง"
      เมื่อไม่หยุดนัก Over the cloudรีบแก้เชือกที่พันมือออกส่งผลให้เจ้าของสามารถใช้แขนได้ตามเดิมโดยไม่รู้มีอะไรมารัดมือ แล้วชินจิก็เล็งปืนมือไปที่ร่างชายแก่
      ชินจิส่งกระสุนสีครีมใส่ตัวชายแก่ขณะที่อีกฝ่ายโดนล็อคคอจากราชันย์ไม่ให้หนีไปไหนได้ พอกระสุนถูกตัวก็ได้ช่วงชิงการมองเห็นในทันที
      เมื่อไร้การมองเห็น ชินจิให้โอกาสที่อีกฝ่ายมึนงงไม่เข้าใจสถานการณ์ พุ่งเข้าไปเตะใส่โลด
      เปรี้ยง! 
      "ฮุก........."
      จุดที่เล็งไว้คือ น้องชายอันเป็นของรักของห่วงไว้นั่น
      เมื่อถูกเตะผ่าหมากสุดแรง ชายแก่ถึงจุกเสียดแน่นท้องนอนงอเป็นกุ้ง เอามือกุมไข่ตัวเองไว้อัตโนมัติ ชินจินึกถึงไข่ที่โดนกระเทาะจนแตกละเอียดพร้อมเอามือกุมไข่ด้วยเพราะอดเสียวตามไปไม่ได้
      "อโหสินะตาลุง อยากจะใช้ความรุนแรงเองนะ"

      "งั้นถ้าฉันขอให้ความรุนแรงกับนายบ้างนะ"
      เสียงหนึ่งดังมาทางประตูทางเข้าใหญ่ ไม่ใช่ในบ้าน
      "ใคร!?"ชินจิหันไปหาต้นเสียง
      ทว่าก่อนจะได้หัน ดาบคาตานะพุ่งแหวกอากาศไปเสียบโด่คาหน้าประตูบ้าน
      "ดาบ?"ชินจิเบนความสงสัย
      แต่ไม่นานนัก......สิ่งที่เหลือเชื่อได้ปรากฏต่อสายตาของชินจิอีกรอบ..........
      
      เพียงเสี้ยววิร่างของชายผมดำในชุดชุดสีเดียวกับผมพร้อมผ้าพันคอสีส้มโผล่มาดุจผีร้ายในจุดที่คาตานะเสียบอยู่ ก่อนจะหยิบดาบคาตานะออกมาฟันโดยเล็งไปที่คอของชินจิ!
      แต่ร่างของOver the cloudพุ่งเข้ามาเอามือประกบดาบรับไว้ได้เสียก่อน ชายผมดำใช้โอกาสนี้สละดาบตัวเอง ก้มตัวลงมาวิ่งเข้าไปอัดชินจิซึ่งชินจิรู้ตัวเตรียมง้างหมัดใส่อีกฝ่ายแบบไม่เกรงกลัวเช่นกัน
      ปัง!
      ก่อนหมัดจะได้ปล่อย เสียงปืนดังขึ้นและเหมือนว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเพราะนี่เป็นการยิงขู่เท่านั้น
      เขม่าควันลอยฉุนออกมาจากปลายกระบอกปืนลูกโม่ และไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากชายปริศนาที่ฟื้นตัว นอนชี้ปืนขึ้นฟ้า
      "แกมาทำไมว่ะโนริโอะ?"
      นี่คือประโยชน์แรกหลังฟื้นตัว
      "โย้! ลุกซ์ งานสายลับเป็นไงบ้างว่ะ"โนริโอะทักทาย
      ชินจิหันไประหว่างทั้งคู่"นี่พวกนายเป็นเพื่อนก็หรือเนี่ย?"
      และก็พยักหน้าเชิงว่าถูกจ้า
      "จะว่าไปนี่นายมาทำอะไรกันแน่ลุกซ์?"โนริโอะถามอย่างสนิมสนม
      "แค่โดนใครก็ไม่รู้ไล่ล่า ดูดิพวกมันเล่นแขนซ้ายฉันโดย"ลุกซ์ยกแขนให้ดูผ้าพันแผลพันที่ต้นแขนซ้าย
      "เข้าใจล่ะ แล้วแกมาอยู่ตามกับเจ้าลูกเขยของตระกูลบีกันส์ทำไมว่ะ?"
      "ก็ฉันเล่นงานพวกมันไม่ได้นี่หว่า ยิงยังไงก็เหมือนยิงใส่ยาง แต่หมอเนี้ยทำได้ง่ายๆ"
      "เข้าใจแล้ว แปลว่าหมอนี่ก็เป็นพวกมีพลังตั้งแต่เกิดเหมือนฉันสินะ ถึงเล่นงานพวกหน่วยคัดเลือกได้"
      ""!?""
      "ไว้ค่อยอธิบาย ก่อนอื่นพาคุณไจโรเข้าในบ้านก่อนแล้วพอฟื้นมาค่อยเคลียร์ไปทีละเรื่อง"โนริโอะชี้ไปที่ร่างของชายแก่ที่นอนสลบเหมือด นอนขดเป็นกุ้ง
      สุดท้ายคนรับหน้าที่ต้องแบกร่างชายแก่คือคนกระทำ ชินจินี่เอง.....

      ภาพหลอนสุดท้ายก่อนสลบไป.......
      ลูกสาว.......เขาเห็นใบหน้าของลูกสาวกำลังให้กับเขา
      บัดนี้เธออยู่ไหนกัน!?
      ต้องใช่ฝีมือมันแน่......ไอ้ลูกเขยตัวแสบที่มันยังมาจีบลูกสาวสมัยที่มันยังเป็นนักเลงอยู่....
      ชัวร์ เมื่อวานมันเพิ่งได้แชมป์รายการเอเชียเรซแน่ มันต้องแอบพาลูกสาวไปxxxกันแน่
      แค่คิดก็แทบจะกระอักเลือดแล้ว........เขาอยาก.....เขาอยากจะพูดให้ก้องว่า

      "ไอ้เด็กเ_ี้ย!!!! กูจะอัดมึงให้เละ!!!!"
       
      
      พลันสะดุ้งตื่นมาจากความฝัน ชายแก่นาม ไจโร เตรียมง้างหมัดพร้อมต่อยหน้าคนรอบข้าง แต่ต้องหยุดซะก่อน
      "ริอย่าแม้แต่จะคิด"ลุกซ์เตือน
      ทั้งชินจิและลุกซ์มานั่งรออยู่ในห้องรับแขก โดยวางร่างไจโรไว้ที่โซฟาในห้องและนั่งใกล้ๆดักรอให้ฟื้นมาจะได้หยุดได้ทัน
      เมื่อตื่นมาลุกซ์ก็เอาปืนจ่อตาให้เห็นชัดๆเลยว่าตัวเองเอาอะไรจ่ออยู่ อีกด้านชินจิเตรียมOver the cloudตั้งการ์ดพร้อมชกได้ทุกเมื่อ
      "พวกแก......"ไจโรยังแค้นไม่เลิก
      "ตาลุง......แต่วานนี้ผมไม่ได้พาเมกุมิไปดูผมแข่งขันซะหน่อย ถ้าผมพาไปด้วยจริงยัยนั้นคงกลับบ้านมาพร้อมผมแน่"ชินจิอธิบาย
      "ไม่ฟงไม่ฟังโว้ยเว้ย!"
      ทว่าไจโรดื้อดึงและทำท่าจะฟัดอีกรอบ ทำให้ลุกซ์ตัดสินใจยิงกระสุนยาสลบใส่ทันที
      ปัง!
      นั้นกลายเป็นการคิดผิดอย่างแรง เพราะชายแก่ไม่กลัว เอานิ้วก้อยหมายจะอุดปากกระบอกปืนแบบไม่สนเรื่องนิ้วจะขาด
      พริบตาก่อนนิ้วก้อยจะอุดปากกระบอกปืน ทั่วร่างของไจโรก่อเกิดออร่าสีเหลืองดุจอัศนีบาศหุ้มตัวไม่เว้นแต่นิ้ว ทว่าทุกคนยกเว้นโนริโอะถึงกับตะลึง เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่านี่มันไม่ใช่พลังของราชันย์ แต่เป็นอย่างอื่นที่คนปกติสามารถเห็นได้!
      นิ้วก้อยได้เข้าไปในกระบอกปืน ปะทะเข้ากับกระสุนที่กำลังปล่อยจากลูกโม่

      แพล่ก!
      "บ้าน่า!"
      ปืนลูกโม่ของลุกซ์กลับกระจุยเละเป็นชิ้นๆ กระจายไปทั่วบริเวณ ถึงอย่างนั้นลูกปืนที่ถูกยิงออกไปกลับยังอยู่ดีซะงั้นสร้างความประหลาดอย่างมาก
      ก่อนจะไจโรจะเข้าไปต่อยหน้าชินจิที่เตรียมรับมือ โนริโอะกลับพูดแทรกแซงขึ้นมาเสียก่อน
      "คุณไจโรครับ คุณหนูเมกุมิอยู่ที่ประเทศไทยนะครับ"
      ""!?""
      ไจโรกับชินจินิ่งค้างในท่าเดิมหลังคำพูดของโนริโอะ
      "เดี๋ยวๆ ชั้นให้แกไปสืบมานะโว้ย ไม่ใช่ให้มาพูดปด"
      "นี่ครับ"โนริโอะเอาซองเอกสารออกมาจากเสื้อของเขา
      ไจโรคลายท่าลงเช่นเดียวกับชินจิ รับซองมาเปิดดูข้างใน
      พอเปิดมาดูข้างใน ทั้งหมดคือภาพของลูกสาวของเขาอีกและยังเป็นแฟนของชินจิด้วย อยู่ในสถานฑูตญี่ปุ่นในกรุงเทพนอกจากนี่ยังมีภาพเธออยู่ในสถานที่ต่างๆด้วย โดยเป็นภาพที่ถ่ายมาจากกล้องวงจรปิด
      "เมื่อวานนี้ลูกสาวชั้นยังอยู่ที่บ้านกับชั้นดีๆอยู่เลยนะ แล้วอีท่าไหนเธอเป็นอยู่ที่ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้?"ไจโรถาม
      โนริโอะจึงเฉลย"เพราะเธอคือผู้ถูกรับเลือกให้เข้าร่วมเล่นเกมที่ถูกจัดทุกๆ100ปี King Kill Gameไงล่ะครับ"
      "ว่าไงนะ!!!!?"
      ไจโรถึงกับตะโกนมาทั้งใบหน้าถอดสีซีดเผือก เขารู้ดีว่าเกมนี้มันเป็นอย่างไร!!
      ""King Kill Game?""ชินจิกับลุกซ์ทวนคำ
      "ก็ไอ้เกมที่นายเล่นอยู่ตอนนี้ไงเล่าลุกซ์"โนริโอะบอก
      "เกมบ้าอะไรว่ะ ชื่อเช้ยชิบหาย"ชินจิวิจารณ์
      (ฮัดเช้ย! ใครแซว)คนเขียน
      "โนริโอะ นายรู้...."ลุกซ์จะถาม
      อีกฝ่ายกลับตัดบท"โอเค นายทั้งคู่อยากจะถามว่านี่มันอะไรใช่มั้ย"
      "โนริโอะ เดี๋ยวอธิบายเอง"ไจโรขออาสา
      "แต่......."โนริโอะจะค้าน
      "ถ้าเกี่ยวกับเกมนี้ ชั้นรู้ดีกว่าแกอีก"
      "ครับ"
      ไจโรส่งสายตาไปที่ชินจิกับลุกซ์"ชินจิ แกมีพลังราชันย์มาตั้งแต่ตอนไหน?"
      "ตั้งแต่เกิด"ชินจิตอบตามความจริง
      "แล้วแกล่ะ?"
      คราวนี้ตาลุกซ์
      "เมื่อวานนี้เอง"เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยคล้ายบอกว่า จะถามไปทำไม
      "งั้นพวกแกทั้ง2ไปเจอกันอีท่าไหนกันแน่ถึงติดรถมาด้วยกันแบบนี้?"
      เมื่อถาม พวกเขาก็พร้อมตอบ
      ชินจิขอตอบก่อน โดยเล่าถึงเรื่องที่เกิดระหว่างทางไปด้วยรถไฟจนต้องขโมยรถจากศัตรูมาใช้ ทำให้ไจโรเข้าใจเหตุผลที่ชินจิมาช้าและต้องเข้าใจผิดว่าชินจิแอบเอาลูกสาวเขาไปด้วย ส่วนลุกซ์ก็เล่าเรื่องของตัวเขา ทั้งตอนเจอพระเจ้า ตอนโดนล่า และตอนมาเจอกับชินจิ
      "สรุป แกโดนเล่นงานที่รถไฟแล้วรอดพร้อมขโมยรถมันมา พอหนีมาได้ เอารถไปจอดที่ปั้มก็โดนแก(ลุกซ์)เอาปืนจ่อหัวให้พาหนีไป จากนั้นก็โดนไล่ล่าต่ออีกรอบ   หลังจัดการกลุ่มแรกเสร็จต้อมาเจอกับรถหุ้มเกราะที่มีร่างทรงราชันย์ขับ สุดท้ายก็จัดการมันด้วยรถไฟชินคันเซ็น สุดท้ายก็ติดรถมาด้วยเพราะอยู่แล้วรู้สึกอุ่นใจว่างั้นเถอะ"ไจโรสรุปเรื่องทั้งหมดในวันนี้
      "ลุง นี่ลุงรู้หรือไงเรื่องพวกที่ไล่ล่าผมและเจ้าหมอนี่?"ชินจิถามต่อ
      "โอเค ชั้นตอบแกแน่แต่ต้องตั้งใจเรื่องที่ชั้นจะเล่าให้แกฟังก่อนนะ ไม่งั้นจะฟังเรื่องพวกนี้ไม่รู้เรื่อง"
      "ครับ/ได้"


      ในโลกเรามีเรื่องเล่าอยู่หลายเรื่องนับไม่ถ้วน บางเรื่องยังเล่าขานจนถึงปัจจุบัน บางเรื่องหายสูญเพราะไร้ผู้เล่าขาน และบางเรื่องมีเพียงน้อยคนจะรู้ ซึ่งKing Kill Gameคือ1ในนั้น
      เกมที่พระผู้เป็นเจ้าจัดขึ้นเพื่อคัดเลือกขึ้นผู้แกร่งที่สุดจากกลุ่มคนที่ได้รับเลือกได้พลังในรูปแบบที่ต่างกัน ซึ่งเรียกว่าราชันย์ และผู้ครอบครองพลังนี้จะถูกเรียกว่า ร่างทรงราชันย์
      จุดประสงค์คือ หาร่างทรงราชันย์ที่เป็นคนสุดท้ายแล้วนำมาฝึกฝนให้รับใช้ต่อสวรรค์ สู้กับเหล่าปีศาจร้าย โดยของรางวัลที่เท่าเทียมจากการรอดจากเกมนี้ คือ การทำให้ความปรารถนาที่ขอมาเป็นจริงได้1ข้อ
      "จบ?"ชินจิพูดแทรกขณะไจโรอธิบาย
      "อย่ามาขัดสิ ยังมีต่อ"ไจโรแย้ง
      "งั้นต่อ"
      เกมนี้ประวัติความเป็นมาไม่แน่ชัดนัก แต่เท่าที่ค้นคว้ามาได้ เกมนี้มีอายุมาตั้งแต่ค.ศ.ได้ถือกำเนิดมา16ปี(ปัจจุบันค.ศ.2016) 
      "เดี๋ยวๆ ลุงรู้ได้ไงว่าเกมบ้านี่อายุอานามปาไป2000ปี?"ชินจิพูดแทรกอีก
      "แกอย่าลืมสิว่า ตระกูลชั้นเป็นอะไร ที่ร่ำรวยมาได้จนป่านนี้เป็นเพราะบรรพบุรุษได้อุทิศต่อเรื่องโบราณคดีนะ เรื่องนี้ก็อยู่1ในเรื่องที่กำลังค้นคว้าอยู่เหมือนกัน"ไจโรอธิบาย
      ถึงอย่างนั้นก็เป็นเรื่องน่าแปลกอยู่ ในการขุดพบของตระกูลบีกันส์ บุคคลบางจำพวกที่มีพวกแบบนี้มาตั้งแต่เกิด อาจเป็นไปได้ว่าในยุคกลางอาจมีร่างทรงราชันย์แบบธรรมชาติผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก จากรายงานการประหารชีวิตแม่มดนับไม่ถ้วน และในจำนวนนั้นอาจเป็นร่างทรงราชันย์ด้วย
      "ตาลุง มีแค่เฉพาะหญิง แล้วไอ้ผมที่เป็นผู้ชายจะไม่โดนไปด้วยหรือ?"
      "สาเหตุก็เพราะผู้คนหวาดกลัวในแม่มดมากนะสิ ในยุคมืดเนี่ยพวกหญิงในสมัยนั้นตายไปไม่รู้กี่ศพต่อกี่ศพแล้ว แค่มีทักษะอะไรพิเศษหรือทำตัวเข้าข่ายต้องสงสัยว่าเป็นแม่มด ก็โดนจับถ่วงน้ำหรือเอาไปย่างสดตามระเบียบแล้ว ไม่ต้องแปลกใจเลยสักนิดที่คนประหารจะฆ่าหญิงสาวได้เพียงเพราะเรื่องของศาสนา"
      "ยุคกลางนี่มันโคตรเ_ี้ยจริงๆเนอะ"ชินจิวิจารณ์(แบบจวกยับ)
      "เออ เห็นด้วยมันก็เ_ี้ยจริง"โนริโอะจวกบ้าง
      ลุกซ์ไม่ตอบเพียงพยักหน้าเห็นด้วยเท่านั้น
      "หยุดวิจารณ์อดีตก่อน เดี๋ยวจะเล่าต่อแล้วนะ"ไจโรตบมือหันเหความสนใจทุกคนมายังตัวเอง
      ทว่าในการจัดเกมครั้งแรกนั้นก็เกิดปัญหาขึ้นเพราะมันดันยืดยื้อมากเกินไปจนกินเวลาไปเกือบปี ในท้ายสุดก่อนจะเริ่มเกมครั้ง2 พระเจ้าได้ต่อแบบแปลนอะไรสักอย่าง มันเป็นชุดเกราะวิเศษที่ทำให้พลังของราชันย์ไร้ผล และนำไปสวมให้กับเหล่านักรบที่คัดเลือกมาเพื่อรับใช้พระเจ้า โดยกลุ่มนักรบเหล่านี้ถูกเรียกว่า หน่วยคัดเลือก หน้าที่คือ สังหารเหล่าร่างทรงราชันย์ที่พบเห็นให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เกมจะได้จบเร็วๆ
      "อย่างนี้นี่เอง มิน่าว่าทำไมพวกมันถึงตามมาเล่นงานฉันแทบเอาตัวไม่รอดและพลังของฉันทำอะไรไม่ได้เลย"ลุกซ์พูด
      หลังจากแก้ไขได้เรื่องหนึ่งแล้ว ในช่วงยุคกลางก็ได้เกิดร่างทรงราชันย์ที่ไม่ได้เข้าร่วมเกมแต่มีมาโดยธรรมชาติ และเรื่องวุ่นวายก็ได้เกิดขึ้นเมื่อครั้งหนึ่งมีการจัดเกมขึ้นแล้วมีผู้ที่มีมาโดยธรรมชาติปรากฏตัวออกมาแทรกแซงเกม ในตอนนั้นเกมเกือบจะล่มไปเลยเพราะผู้มีพลังโดยธรรมชาติสามารถเล่นงานหน่วยคัดเลือกได้ ทางแก้ปัญหา ณ เวลานั้น คือ ใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างโดยกล่าวหาว่าเป็นแม่มดแล้วสังหารซะ

      "ในสมัยคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความรู้เหมือนสมัยนี้เลยใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างง่ายๆ ต่อให้มันดูไร้สาระแค่ไหนแต่คงเชื่อได้อยู่ดี"ชินจิสรุป
      "สรุปคือ เรื่องราวมันเป็นอย่างนี้แหละ"ไจโรจบประเด็น
      "รู้นะว่าแอบอู้นะคนเขียน"โนริโอะพูดเบาๆ
      (กูไม่ได้อู้โว้ย)
      "อะไรของแก?"ไจโรสงสัยในตัวโนริโอะ
      "เปล่าครับ ไม่มีอะไร"โนริโอะแก้ตัว
      "ชั้นไม่สงสัยในตัวแกอยู่แล้วล่ะน่า เราช่วยเหลือกันตลอดนะ"
      "ขอบคุณครับ"โนริโอะโค้งคำนับ
      ลุกซ์แอบกระทีบมาใกล้เพื่อนเก่าตัวเอง แอบกระซิบถาม"นี่นายไปช่วยหาข่าวให้ลุงแกตอนไหนเนี่ย?"
      "ตั้งแต่3ปีก่อน หลังแยกทางกับแกไปนั่นแหละ คุณไจโรใจดีกับฉันมากและช่วยฉันในหลายเรื่องเลยสำนึกบุญคุณน่ะ เวลาฉันได้ข่าวอะไรมาที่อาจเป็นอันตรายกับตระกูลของคุณไจโรก็ชอบมารายงานทุกครั้งนั้นล่ะ"
      "อย่างนี้นี่เอง"


      กริ๊ง! กริ๊ง!
      เสียงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงของไจโรดังขึ้น แสดงมีคนโทรเข้ามา
      "แปบหนึ่ง ขอรับสายก่อน"ไจโรรีบรับสาย
      "ฮัลโหล นี่ใคร......."
      "พ่อค่ะนี่หนูเอง!!"
      เหมือนเสียงจากปลายสายจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความตื่นตระหนก คว้าที่พึงสุดท้าย
      ในใจของหัวอกของคนเป็นพ่อเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจไม่ออกทั้งที่ไม่มีอะไรมารัดคอ ไม่ต่างกับทางชินจิที่ดูจากท่าทางและเสียงจากโทรศัพท์ซึ่งฟังผ่านโดยใช้Over the cloudที่ประสาทสัมผัสการฟังดีกว่ามาฟัง
      ชินจิที่รู้สึกอึด ตัดสินใจแย่งมือถือมาจากไจโรมาเปิดลำโพงจะได้ยินด้วยทุกคน
      "นี่เมกุมิ นี่ชินจิเองนะ! เกิดบ้าอะไรขึ้น!?"ชินจิเผลอถามแบบกึ่งๆโดยไม่รู้ตัว
      "ชินจิคุงรึ!? ต.....ตอนนี้น่ะมีใครก็ไม่รู้มาจู่โจมใส่ฉัน! แล้วมีตัวประหลาดอะไรก็ไม่รู้อยู่ด้านหลังเขาด้วย!! ไม่นะ...ไม่!! เขามาแล้ว!! ชินจิคุง คุณพ่อ ช่วย....."
      ทว่าก่อนจะได้ความอะไรต่อ สัญญาณเหมือนจะถูกตัดกระทันหัน
      "บัดซบ!!!"ชินจิควบคุมอารมณ์เดือดดาลไม่อยู่ ขว้างมือถือลงพื้นอย่างรุนแรง
      "ไอ้เวรตัวไหนเล่นงานลูกกูว่ะ!! กูจะไปฆ่าแมร่งให้เป็นอาหารหมาแน่!!!"ไจโรก็เดือดดาลไม่แพ้กัน
      มีคนเคยกล่าวไว้ว่า คน2คนที่มีอารมณ์และความรู้สึกคล้ายกัน ณ เวลานั้น มักจะเข้ากันได้อย่างเหลือเชื่อ และกรณีของพ่อตากับลูกเขยคู่นี้ก็ใช้ได้ผลเช่นกัน
      ชินจิ ไจโร ทั้ง2ฝ่ายต่างจ้องลึกเข้าไปในนัยต์ตาอีกฝ่าย ไม่รู้เป็นความเป็นลูกผู้ชายหรือเพราะลึกๆทั้งคู่อาจมีส่วนคล้ายกัน ทั้งคู่รับรู้ความสึก....
      ความรู้สึกที่ไม่อยากสูญเสียสิ่งที่สำคัญในชีวิต ความหงุดหงิด ความอยากอาละวาดให้ตายกันไปข้าง รวมถึงความโกรธแค้น พวกเขาทั้งคู่รับรู้ไปเพียงแค่สบตา
      "ตาลุง ผมไม่อยากเชื่อเลยนะว่า เราทั้ง2มีความคิดเห็นตรงกันแบบเนี่ย"ชินจิกล่าวเปิด
      "นั้นสิว่ะ งานนี้ต้องมีคนต้องชดใช้ที่บังอาจมาทำลายแก้วตาของเรา"
      ทั้งคู่ค่อยๆเผยรอยยิ้มราวกับทหารที่บ้าคลั่งพร้อมไปทำสงครามทุกเวลา เป็นครั้งที่2ที่ลุกซ์เกิดหนาวสันหลังวูบ คราวนี้เขาไม่ได้คิดไปเองแน่
      หรือว่ามันคือรังสีอำมหิต!
      ทางโนริโอะเหมือนรู้งานดี ชักมือถือไฮเทคซึ่งไม่รู้ว่าได้มาจากไหนแกะรอยสัญญาณที่โทรโดยผ่านดาวเทียม เพราะโทรศัพท์ของเมกุมิเป็นโทรศัพท์ดาวเทียมจึงโทรไปส่วนไหนของโลกก็ได้
      ""โนริโอะ!/นาย!""พ่อตา ลูกเขาประสานเรียก
      ทำเอาคนโดนเรียกขนลุกชัน "ครับ เหมือนแหล่งสัญญาณโทรศัพท์จะมาจากประเทศไทย กรุงเทพ แถวๆบางนา" แถมเผลอทำท่าคล้ายนายทหารเคารพผู้บัญชาการตามสัญชาตญาณ
      "คือ................."ลุกซ์จะเอ่ยว่าขอผ่านไม่ไป เพราะรู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้ อีกอย่างไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับอะไรด้วย
      "ไม่ได้! แกต้องมา!"ชินจิที่เคยพยายามผลักไสไล่ส่ง จู่มาตัดบท ออกคำสั่งหน้าตาเฉย 
      "เอ้ย....เดี๋ยวสิ ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับ....."ลุกซ์พยายามเค้นเหตุผล
      เหมือนสวรรค์จะไม่เป็นใจนัก เพราะเหมือนสัญลักษณ์บนหลังมือขวาเกิดส่องแสง พอเอามาดูพบว่า มีตัวอักษรเล็กปรากฏออกมาบนหลังมอโดยเขียนไว้ว่า
      'ถึงร่างทรงราชันย์ที่อยู่ในทวีปเอเชียทุกคน พรุ่งนี้ก่อนเวลา2ทุ่มที่ประเทศไทย กรุงเทพ จงมาให้ทันครบทั้ง150คนโดยเฉพาะคนที่อยู่บริเวณแถบตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้จงมาให้ครบก่อน ผู้ที่มาไม่ทันมีโทษถึงตายสถานเดียว
      พรุ่งนี้จะมีอีเว้นท์พิเศษ คนไหนที่สามารถสังหารร่างทรงราชันย์ด้วยกันได้มากสุด ราชันย์ของคนนั้นจะได้รับพลังเพิ่มให้แกร่งขึ้น'
      อ่านจบลุกซ์หน้าซีดไม่รู้จะเล่าความอย่างไรดี หลักฐานปรากฏอยู่คาหลังมือต่อหน้าอีก3คนแถมถ้ามาไม่ทันก็ตายอีก ทั้งที่ในใจกรีดร้อง สาปแช่งพระเจ้าว่าไม่ได้อยากต้องการจะเข้าร่วมเกมบ้าๆนี่เลยสักนิดเดียว แค่อยากจะทำงานในฐานะสายลับธรรมดาเท่านั้นเอง ไม่อยากได้อะไรที่มันยิ่งใหญ่เลยสักนิด------
      "ก็.....ได้..........."ลุกซ์ยอมจำนน
      ไจโรตบเรียกความสนใจทุกคน "เอาล่ะ ทุกคนไปเตรียมของให้พร้อมก่อนถึง4ทุ่มครึ่ง ของที่จำเป็นขนไปให้พอ เรื่องอาวุธให้โนริโอะใช้เส้นสายส่งไปตามทีหลัง" ก่อนออกคำประกาศิตให้ทุกคนทำ
      "แล้วผมล่ะลุง"ลุกซ์ยกมือถามเพราะเขาเป็นคนที่ต้องโดนลากมาเกี่ยวด้วย ของมีแค่มือถือ กระเป๋าตังค์และหนังสือเดินทางนอกนั้นตัวเปล่า อาวุธก็เละไปไม่กี่นาทีเอง
      "ของที่จำเป็นยืมจากบ้านชั้นเอา ส่วนอาวุธ......."ไจโรอธิบายและเดินไปแจกัน
      เขาเคลื่อนแจกันออก กดสวิตช์ใต้แจกัน
      ครืด.......
      ลุกซ์ถึงกับอ้าปากค้าง ตาถล่น ข้างฝาผนังบางส่วนในห้องเลื่อนออกเผยให้เห็นอาวุธสงครามจำนวนมาก อาทิ ปืนสั้นรุ่นยอดนิยมที่ทหารอเมริกันใช้กัน ปืนซับแมชชีนกัน ปืนกลเบาไปถึงหนัก ปืนลูกซอง ปืนสไนเปอร์ วรมถึงปืนลูกโม่ที่เป็นรุ่นที่เขาใช้อยู่ด้วย
      อยากรู้จริงว่ามีได้งั้น หรือนี่คือฤทธิ์คนรวย!?
      "ชั้นกับเจ้าชินจิขอตัวไปเตรียมของข้างบนบ้านก่อน เดี๋ยวเอากระเป๋าเดินทางมาให้ ส่วนโนริโอะ ช่วยไปเก็บรถที่ชินจินั่งมาให้เรียบร้อย ไม่ให้พวกหน่วยคัดเลือกสาวถึงตัวพวกเราได้ แล้วเตรียมรถมาให้ชั้นด้วย"
      "ครับ"โนริโอะรับคำและทำตามทันที
      ต่างฝ่ายต่างรีบไปทำงานของตัวเองให้เสร็จ ลุกซ์หยิบอาวุธที่คิดว่าจำเป็นจริงๆวางกองไว้รอกระเป๋าเดินทาง โนริโอะติดต่อคนรู้จัก นำรถของพวกชินจิไปเก็บหรือเตรียมรถ สุดท้ายไจโรและชินจิขึ้นไปข้างบนบ้าน เตรียมของใช้ที่ต้องเอาไป

      ""เดี๋ยวจะสอนให้รู้เองว่า ใครเป็นหมู่หรือจา.......""พ่อตากับลูกเขยเผลอพูดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายขณะจัดของ






      ณ เท็กซัส สหรัฐอเมริกา  ช่วงเวลาเดียวกัน
      ในช่วงกลางคืน บาร์เหล้าเล็กๆใจกลางเมืองกำลังเปิดให้บริการซึ่งมีคนเข้ามาใช้บริการพอสมควร บรรยากาศร้านถูกคอนเซปต์ไว้ว่า เหมือนอยู่ในยุคสิงห์ปืนเถื่อนหรือคาวบอย เอาง่ายๆ คล้ายบาร์เหล้าในสมัยนั้นไม่มีผิด
      บาร์เทนเดอร์สวมแว่นคนหนึ่ง ใบหน้าดูเรียบๆเหมือนคนทั่วไป ผมสีน้ำตาลแกมเขียวอ่อนในชุดบาร์เทนเดอร์ กำลังรินเหล้ารินเหล้านานาชนิดลงในแก้วของลูกค้าอย่างช่ำชอง
      ระหว่างนั้นมีชายหัวโล้นในชุดสูทพร้อมสวมแว่นกันแดดและพกกระเป๋าใบใหญ่ เดินเข้ามาบาร์เทนเดอร์คนนั้น
      เมื่อมาถึงเคาน์เตอร์ชายหัวโล้นเริ่มเปิดก่อน "เรามีงานให้คุณ ขอคุยส่วนตัวกันหน่อย"
      "ได้ งั้นขอคุยตรงหลังร้านนะ"บาร์เทนเดอร์ตอบ ก่อนจะบอกเพื่อนว่ามีธุระกับคนๆนี้ แล้วเดินไปที่หลังร้าน
      "คุณมาทำอะไร?"บาร์เทนเดอร์ถามด้วยน้ำเสียบเรียบ
      "โซยีน มิกดอย คือชื่อของคุณ นักฆ่ามือโปรที่เลื่องลื่อกันในหมู่นักฆ่าโดยกันเอง เรามีงานให้ทำ"
      "ขอรายละเอียด"
      "เมื่อวานนี้ที่ญี่ปุ่น คุณอีธาน หัวหน้าของเวน่อมมาเฟียของพวกเราถูกใครก็ไม่รู้อัดจนกระดูกหักไปหลายซี่ ตอนนี้อยู่ในอาการโคม่า เป็นตายร้ายดีเท่ากัน"
      "สรุป คุณต้องการจะให้ผมไปฆ่าคนที่เล่นงานหัวหน้าคุณสินะ"
      "ถูกต้อง"
      "เอางี้ ถ้าคุณคิดจะจ้างผมล่ะก็ต้องทำความเข้าใจกันหน่อยนะ พวกเรานักฆ่ามักมีมาตรฐานในการรับงานต่างกัน บางคนต้องการเงินจ้างที่สูง บางคนเป็นพ่อใจพระ ไม่เอาราคาสูง สำหรับผมเป็นพวกต้องการเงินจ้างสูง อย่างต่ำหลักล้านดอลล์ขึ้นไป"
      "เรารู้แล้ว นี่เงินค่าจ้าง"ชายหัวโล้นเปิดกระเป๋าให้ดู
      ข้างในบรรจุธนบัตรไว้มากมาย ซึ่งทำเอาโซยีนหรือยีมผิวปากตะลึง เพราะทั้งหมดนี่มันตั้ง70ล้านดอลล์
      "ค่าจ้าง70ล้านดอลล์ ทว่าเรามีเงื่อนไขอยู่"
      "ว่ามา"
      "เงื่อนไข คือ ถ้าคุณจับเป็นจะได้จำนวนเต็มๆแน่ ในกรณีที่คุณฆ่ามันไป เงินจะถูกหักไป25% คุณยอมรับมั้ย?"
      "ยอมรับก็แล้วกัน ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนมาจ้างซะด้วย ถือว่าได้ยืดเส้นยืดสายหลังไม่มีใครจ้างมาตั้ง2เดือนก็แล้วกัน ว่าแต่มันเป็นใคร?"ยีนส่งสายตาให้ตอบด้วย
      "เรื่องมันเกิดในรถไฟสายโตเกียว-ฮอกไกโดน่ะ ตอนนั้นหัวหน้านั่งอยู่ที่โบกี้ที่4 ตอนที่ทราบข่าวว่าหัวหน้าโคม่า มีผู้ต้องสงสัยคือคนที่อยู่ในโบกี้เดียวกันทว่าคนเหล่านั้นตายหมดก่อนหัวหน้าจะโดนเล่นงาน พอเราสืบสวนเชิงลึกโดยเจาะเข้าระบบของตำรวจญี่ปุ่น มีข้อมูลที่ใครบางคนได้จงใจปกปิดไว้"
      "เล่าต่อ"
      "ก่อนหน้าจะเกิดเรื่องคนในโบกี้ตายหมดยกเว้นหัวหน้า เหมือนมีคนจากโบกี้ที่3เดินเข้ามาใช้ห้องน้ำในโบกี้ที่4"
      "แปลว่าคนๆนั้นเป็นผู้ต้องสงสัยว่าน่าจะเล่นงานหัวหน้าคุณ"
      "ใช่ คนนั้นคือเซคาสึ ชินจิ นี่คือเป้าหมายที่ต้องไปฆ่า"
      "เข้าใจแล้ว ผมรับงาน ช่วยไปเตรียมตำแหน่งของเป้าหมายด้วยนะ เดี๋ยวผมขอไปลางานก่อน"
      "ได้ งั้นขอตัว"ชายหัวโล้นขอตัวลา เดินจากไป
      ยีนก็เดินไปเข้าไปในร้านเพื่อไปบอกผู้จัดการว่าขอลางานชั่วคราว และในระหว่างกำลังเดินไปที่ห้องผู้จัดการ หลังมีขวาเขาส่องแสงสัญลักษณ์วงกลมวูบหนึ่งโดยไม่มีใครสังเกตเพราะกำลังรื่นรมย์กับเครื่องดื่มอยู่

      ถ้าถามว่าทำไมยีนถึงมีสัญลักษณแบบนี้?
      .
      .
      มันง่ายนิดเดียว เพราะเขาเองก็เป็นร่างทรงราชันย์ที่เข้าร่วมเกมนี้ด้วยเช่นกัน.......
      .
      .
      อันตรายอันใหม่เริ่มมาเยือนชินจิโดยไม่รู้ตัวดุจดั่งปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือบิน.....


      
         


      



      
      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×