ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DEUS : GOD RISES(รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #6 : Episode 2 เหตุเกิด ณ ห้องน้ำ

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 60


      ณ เมืองหลวงอาณาจักรเอ็มเพอร์เรอ

      "โอ้ยๆๆๆ!!!แสบ! แสบเหลือเกิน!!!!!!!"

      ชายหนุ่มคนหนึ่งส่งเสียงเจ็บปวดทรมานออกจากภายในห้องน้ำประตูสีทอง ซึ่งห้องน้ำนี้อยู่ในคฤหาสน์อันหรูหราแห่งหนึ่งที่พระราชาได้ประทานให้นับร้อยตารางวา ถือว่าใหญ่เป็นอันดับต้นๆในอาณาจักร

      หลังเสียงโอดโอยจบลงร่างของชายผู้ดีคนหนึ่งได้ถูกคนในชุดหมอทั้ง2จับหามร่างมากอย่างระมัดระวัง เพราะสภาพของคนผู้นี้เละเทะไม่มีผิด

      เสื้อผ้าชนชั้นสูงเละเป็นผ้าขี้ริ้ว เนื้อตัวฟกช้ำดำเขียวกันทั่วร่างยังกะโดนใครถลุงยับเป็นกระสอบทราย แขนขาถูกหักบิดรูปจนห้อยต่องแต่ง สภาพแบบนี้ถือว่าหมดสภาพมากพอแล้ว แต่นี่ยังไม่นับกับกลางเป้าที่มีเลือดซึมกางเกงออกมา

      ถ้ายังจำกันได้เมื่อตอนที่แล้ว เขานี่ล่ะคือชายผู้ดีที่โดนอัดไปในช่วงท้ายตอน

      "เป็นอะไรมั้ยลูกแม่!!"

      ในระหว่างนั้นเองหญิงร่างท่วมสวมชุดชนชั้นสูงสีขาวเจิดจ้าตา รีบวิ่งแจ้นเข้ามาดูอาการลูกชายอย่างเป็นห่วง ซึ่งตอนนี้ลูกชายได้สลบไปเป็นที่เรียบร้อย

      "หมอ!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายดิฉันกันแน่!!?"หญิงร่างท่วมตะคอกใส่หมอทั้ง2

      พวกเขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นดี เพราะอาการลูกชายหล่อนสาหัสมากแม้จะไม่ถึงขั้นไม่ได้สติชั่วชีวิต แต่อาการเจ้าหล่อนนะสิขืนพูดอาการโดยรวมไปก็ไม่ต่างกับเอาหัวไปวางบนกิโยติน

      "พูดสิ!! พูด!!! ไม่งั้นพวกแกตาย!!!!"หญิงร่างท้วมพูดข่มขู่อย่างเกรี้ยวกราด ยกแหวนรูปหงส์มาแสดงให้ดู

      หมอทั้ง2ต่างขนลุกซู่ขี้นมาทันทีที่เห็นแหวนวงนั้น เพราะว่ามันคือสัญลักษณ์ของร่างสถิตย์เทพพระเจ้า ผู้มีเทพพระเจ้าสถิต์ในตัว มันจะยิ่งนรกแตกยิ่งกว่าเจอจอมเวทย์ระดับสูงเสียอีก

      "ค.....ครับ!! คืออย่างนะครับคุณหญิงเป็ด คุณชายเหมือนจะถูกใครบางคนที่มีเชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เล่นงานจนอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่....คือ....."

      ช่วงท้ายประโยคหมอคนที่พูดไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เพราะกลัวว่ามันจะไปกระตุ้นให้คุณหญิงเป็ดเกรี้ยวกราดกว่าเดิมอีก

      "แต่คืออะไร! พูด!!"

      ".......คือ...."

      "พูดเดี๋ยวนี้นนนนน!!!"

      "ค..ครับ คือปิกาจู....."

      "พูดใหม่อีกที!!"

      ".....หนอนน้อย....."

      "พูดใหม่อีกที!!"

      "......ช้างน้อย...."

      "พูดใหม่อีกที!!"

      "......กล่องดวงใจ......."

      "พูดใหม่อีกที!!"

      ".....องคชาตครับ......"ครานี้หมอที่พูดพยายามพูดให้มันเบาๆที่สุดแล้ว

      "พูดใหม่ให้ชัดๆอีกที!!"

      ".....ครับ คือไอ้จู๋ครับ จู๋ของคุณชายโดนร่ายคำสาปโบราณที่มีชื่อว่า เหมันต์นิรันด์ ใส่เข้าเฉพาะจุดน่ะครับ......"

      "...."

      "......"

      "......."

      "........"

      "ล้อกันเล่นใช่มั้ย"

      "....ม....ไม่ใช่ครับ ตอนที่อยู่ในห้องน้ำพวกเขาเห็น2ตาว่าคุณชายฉี่ออกมาเป็นน้ำแข็งจริงๆ"

      "........."

      ".....เหมันต์นิรันด์เป็นคำสาปโบราณที่จะสาปให้ศัตรูหนาวเหมือนอยู่ในน้ำแข็งจริงๆ คนที่ร่ายคงมีฝีมือสูงส่งมากถึงขนาดร่ายใส่แบบเฉพาะจุดได้โดยไม่ครอบคลุมทั้งตัว ดูท่าคนที่ทำร้ายคุณชายคงมีกัน2คน คนหนึ่งเป็นนักสู้ อีกคนคงเป็น...."

      "ไม่ใช่โว้ย.....!"เสียงโวยสวนกลับมา

      "ลูกแม่!!"คุณหญิงดีใจเมื่อลูกชายตัวเองฟื้นขึ้น

      "ท่านแม่.....ฟังให้ดีนะ...มันมาแค่คนเดียวเท่านั้น! ข้าจะได้ลิ้มรสเด็กวัยเยาว์อยู่แล้ว มันไม่รู้โผล่มาจากไหนมาเล่นงานทั้งข้าทั้งนักผจญภัยที่จ้างมา!!"ลูกชายคุณหญิงเป็ดอธิบายด้วยความแค้นสุมอก ก่อนหันไปมองอีกด้านหนึ่งของเตียงที่เขานอน

      ร่างนักผจญภัยทั้ง6ถูกนอนกองแยกกันอย่างหมดสภาพ สะบักสะบอกไม่ต่างอะไรกับคุณชายแม้แต่น้อย แขนขาถูกหักจนหมดสิ้นแต่ยังมีชีวิตอยู่ แปลว่าผู้กระทำไม่คิดจะเอาชีวิตพวกเขา แค่อัดให้บาดเจ็บสาหัสเฉยๆ

      "มันไม่ใช่นักเวทย์ธรรมดานะท่านแม่ มือเปล่า! มันใช้แค่มือเปล่ากับเวทย์กระจอกๆเล็กน้อยเล่นงานพวกข้าจนมีสภาพเป็นอย่างงี้! ดูสิ!!"ลูกชายคุณหญิงเป็ดโชว์แขนข้างขวาที่ถูกหักให้ดู

      เมื่อได้ฟังดังนั้นคุณหญิงเป็ดเลือดขึ้นหน้า ขมับปูดโปดด้วยความโกธา มือทั้ง2ข้างกำไว้แน่นปึด เธอสาบานเลยว่าไอ้คนที่เล่นงานและทำลายความสุขของลูกชายเธอมันตายต้องเหมือนหมาข้างถนนแน่ ขอสาบาน!!

      "หมอ!!"

      ""...ค ครับ!""

      "พวกแกทั้ง2จงไปบอกให้กองกำลังส่วนตัวหงส์บินมาเข้าพบดิฉันเดี๋ยวนี้!!"

      "คือ....ให้เข้าพบทำไมกันล่ะครับ?"หมอคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย

      "เจ้าโง่! จะส่งพวกนั้นไปฆ่าไอ้คนที่เล่นงานลูกชายดิฉันไงเล่า! อีกอย่างเหตุมันเกิดคืนวานนี้เองมันคงอยู่ในเมืองแน่!"

      "แต่...ขืนส่งออกไปแบบนั้นมีหวังพระราชาจะทรงกริ้วเอานะครับ"

      "ใครมันจะไปสน! ตระกูลของดิฉันเกิดค้ำอำนาจมาคู่กับสายเลือดเอ็มเพอร์เรอ ถ้าพวกมันเอาจริงเดี๋ยวจะไปเห็นดี พวกแกไปได้แล้ว!!"

      "ครับ!!"

      ด้วยความหวาดกลัวหมอทั้ง2จำใจต้องวิ่งออกจากห้องไปเพื่อทำตามคำสั่งนั้น ทั้งที่ความจริงไม่ใช่หน้าที่พวกเขาด้วยซ้ำ

      "ชิ เรื่องมากเสียจริงๆ......"คุณหญิงเป็ดค่อยทอดตัวนั่งลงบนโซฟาตัวหรูอย่างหงุดหงิด

      แต่ไม่ทันจะอยู่เงียบสงบสติอารมณ์ ราวกับคลื่นระลอก2ก็ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดขุนนางชั้นสูงถือวิสาสะเดินเปิดประตูเข้ามาหน้าตาเฉย ทำเอาเธอไม่ชอบใจนัก

      "คุณหญิงเป็ด ให้แก้แค้นข้าให้แน่แต่อย่าทำให้แผนนั้นเสียเชียวล่ะ"ชายในชุดขุนนางพูด

      "แค่ใช้อำนาจซะก็จบ เรื่องของดิฉันไม่ต้องมายุ่งโฮปฟูล......"คุณหญิงเป็ดตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

      โฮปฟูลเป็นชายหนุ่มอายุ19ปีคราววัยรุ่น มี
    บหน้าคมคาย นัยตาเย็นชา ผมสีน้ำเงินเข้ม ดูเป็นลูกคุณหนู ใบหน้าไม่ค่อยมีรอยยิ้มนัก ซึ่งตระกูลไฮสกายของเขาเป็นตระกูลที่อยู่คู่กับอาณาจักรเอ็มเพอร์เรอมาช้านานตั้งแต่ก่อตั้งมา ซึ่งเรื่องอำนาจไม่ต้องถามเพราะมีอำนาจมากกว่าคุณหญิงเป็ดหลายร้อยเท่า

      นอกจากนี้ยังเล่าลือกันว่ายังมีเทพพระเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรสืบทอดอยู่ภายในสายเลือดอีกด้วย ณ ปัจจุบันมีใครทั้งนั้นที่อยากมีเรื่องกับตระกูลนี้ คนที่ไปหาเรื่องล่าสุดได้เป็นตัวอย่างโดยหายสาปสูญไปแล้ว

      "บังเอิญว่าสัก3วันก่อนก็มีคนพูดแบบนี้เหมือนกัน"โฮปพูด

      "หมายความว่าไง?"

      "หุ้นส่วนข้าที่มีทางตะวันตกโน่นเป็นคนพูดน่ะ"

      "สรุป?"คุณหญิงเป็ดถามรวบรัด

      "3วันก่อนหุ้นส่วนคนนั้นโดนใครก็ไม่รู้เล่นงานหลังไปขนส่งขายทาสเอลฟ์ เห็นว่าจะต้องไปนอนบนเตียงตลอดชีวิตเลย"

      "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับดิฉันมิทราบ?"

      โฮปทำหน้าจริงจัง"ที่ข้ามาก็เพื่อเตือนเท่านั้น บางทีคนที่เล่นงานลูกชายเจ้าอาจจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่มาเล่นงานหุ้นส่วนข้า ในตอนนี้เราจะดำเนินแผนการขั้นสุดท้ายกันแล้ว คนๆนั้นไว้จัดการมันก็ยังไม่สาย"

      ทว่ากล่าวจบคุณหญิงเป็ดก็เหลืออดกับอีกฝ่าย หรือก็คือน็อตหลุดดีๆนี่เอง

      "สายงั้นหรือ!? แล้วทีเจ้าล่ะอยากจะเด็ดหัวพระราชาแทบใจขาด! รู้อะไรมั้ย? ดิฉันต่างจากคือดิฉันไม่ขี้ขลาดเหมือนแก! ถ้าดิฉันเป็นแกแล้วพ่อตาย ดิฉันจะ....."

      เคร้ง.....

      คุณหญิงเป็ดถึงกับชะงักกึกทันที ทันทีที่โฮปได้ยินคำว่าพ่อตาย มันดันไปกระตุ้นความทรงจำอันเลวร้ายเข้าจังๆ

      ไม่รู้ว่าตอนไหนเขาชักดาบเคลย์มอร์(ดาบยักษ์)มาจ่อข้างคอคุณหญิงเป็ด ด้วยเหตุนี้เธอถือกับขอหยุดพูดชั่วคราว ไม่งั้นตาย

      "ด่าได้ก็เชิญด่าไป แต่ห้ามพูดถึงพ่อข้า....."

      ว่าจบโฮปไร้อารมณ์มาเสวนากับพวกอีโก้สูงอีกต่อไป ดาบเคลย์มอร์ได้เก็บหายเข้าไปในกระเป๋ามิติที่พกอยู่ และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

      "เฮอ! เอาที่สบายใจ!!"คุณหญิงเป็ดตะโกนไล่หลังด้วยความหงุดหงิดหัวเสีย




      อีกด้านหนึ่ง.......

      ปู้ด!

      "ฮุ้ย.......ไหนบอกว่าของถูกคุณภาพดีไงเล่าหัวหน้า"

      ป้าด!

      "ผมเองก็ไม่รู้นี่นา ถือซะว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน"

      ปู้ด!

      "ชักหน้าหน้ามืดแล้วสิเรา"

      ป้าด!

      "น...นั้นสินะ"

      ภายในห้องน้ำสาธารณะฝั่งของโซนคนชั้นสูง ไอซ์กับสเปอร์นอฟได้เข้ามานั่งห้องสวมในฝั่งชายห้องติดกัน ส่วนสาเหตุต้องย้อนไปไม่กี่สิบนาทีที่แล้ว

      ในระหว่างกำลังเก็บข้อมูลเกี่ยวกับดาวอาคาเซียอยู่นั้นเอง พวกเขาทั้งคู่ได้ทดสอบลองกินอาหารจากฝั่งโซนคนจนดูเพื่อศึกษาวัฒนธรรมการกินดู

      ด้วยเหตุประการ ณ ฉะนี้ พวกเขาถึงต้องมาปลดทุกข์เป็นการใหญ่ในห้องน้ำแห่งนี้

      ถ้าถามว่า ทำไมถึงเข้ามายังโซนคนชั้นสูงได้ทั้งๆที่ปลอมตัว ง่ายๆเอาแหวนเพชรพลอยมาตบหัวสักทีหนึ่งก็เข้าได้แล้ว(ซึ่งไม่ได้ขโมยมาแต่อย่างได้)

      "หัวหน้า แล้วสปาน่าล่ะไปไหน"สเปอร์นอฟถามขึ้นมา เพราะหลังจากที่พวกเขาท้องเสียก็ไม่รู้ว่าเธอไปไหน

      "ถ้าเธอล่ะก็เข้าห้องฝั่งหญิงอยู่น่ะ ห่วงหรือไง?"ไอซ์ตอบพลางอ่านไลท์โนเวลXenon Liferอยู่

      "เปล่านี่"

      แอ๊ด.....

      ในระหว่างนั้นเองได้มีคนๆหนึ่งเปิดประตูเข้าห้องสวมใกล้กับสเปอร์นอฟ ทำให้ทั้งคู่ต้องรีบหยุดคุยก่อน มิเช่นนั้นขืนพูดต่อมีหวังความแตก

      แม้จะพูดคุยกันไม่ได้จนกว่าคนใกล้ห้องจะออกไป สเปอร์นอฟลองพินิจดูรูปส้วมชักโครกที่เขานั่งอยู่ พบว่า ในหลายส่วนมีความคล้ายคลึงกับส้วมชักโครกค.ศ.1775ของอเล็กซานเดอร์ คัมมิงส์มาก

      (ข้อมูลเพิ่มเติม   ขุนนางชาวอังกฤษชื่อ "เซอร์จอห์น แฮริงตัน" ได้ประดิษฐ์ส้วมชักโครกรุ่นแรกขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1596 (พ.ศ. 2139) มีถังพักน้ำติดตั้งสูงเหนือโถส้วม เมื่อกดชักโครกแล้ว น้ำจะดันของเสียผ่านท่อไปยังถังเก็บ

            ต่อมาในปี ค.ศ. 1775 (พ.ศ. 2318) "อเล็กซานเดอร์ คัมมิงส์" ได้พัฒนาส้วมชักโครก โดยการดัดท่อระบายของเสียข้างใต้ที่ลงบ่อเกรอะให้เป็นรูปตัวยู สามารถกักน้ำไว้ในท่อ และยังกันกลิ่นของเสียไม่ให้ย้อนกลับขึ้นมาได้ นับเป็นต้นแบบของชักโครกที่ใช้งานในปัจจุบัน

            สำหรับประเทศไทยในระยะแรกที่ส้วมชักโครกเข้ามา คือช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2460-2490 ส้วมชักโครกคงมีเฉพาะตามวังและบ้านเรือนของผู้มีฐานะดีที่จบการศึกษาหรือเคยใช้ชีวิตในต่างประเทศ ไม่ค่อยแพร่หลายสู่คนทั่วไป ต่อมาเริ่มมีผู้ใช้ส้วมชักโครกมากขึ้นในช่วงที่มีการก่อสร้างบ้านแบบสมัยใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชักโครกในสมัยนั้นจะมีถังพักน้ำติดตั้งสูงเหนือโถ เมื่อชักโครกน้ำจะไหลลงมาชำระให้อุจจาระลงไปสู่ถังเซ็ปติกแทงก์ (Septic Tank) ที่ไว้เก็บกักอุจจาระกระทั่งต้นทศวรรษ 2500 โถส้วมชนิดนี้ก็ได้รับความนิยมและมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ)

      'ถึงจะล้าหลังแต่บางส่วนก็พัฒนาไปมากกว่ายุคกลางโลกเราอีกสินะ'

      พอดูรอบตัวอีกทีผนังห้องข้างขวามีกระดาษชำระแขวนอยู่ด้วย เขาลองจับมันดูรู้สึกมันหยาบไปนิดเหมือนกระดาษรีไซเคิล อย่างน้อยก็พอเช็ดได้ไม่แสบก้นก็แล้วกัน

      มาทดสอบชักโครกกันบ้าง ลองกดคันโยนสั้นๆดูก็มีแสงสีเรืองแสงสีฟ้าจางจากช่องชักโครก พร้อมกับมวลน้ำที่ไหลมากลืนอุจจาระลงไปในท่อใต้ตัวมันไปในที่สุด ซึ่งนี่คือเป็นเวทย์แน่

      "เออ..ขอโทษนะครับมีกระดาษชำระมั้ยครับ"ชายที่อยู่ห้องข้างๆสเปอร์นอฟเอ่ยถามขึ้นมา

      "เอ้านี่"สเปอร์นอฟดึงกระดาษชำระมาพอประมาณ ก่อนโยนข้ามห้องไป

      "ขอบคุณมากครับ"ชายข้างห้องกล่าวขอบคุณ

      "ไม่ต้องหรอก"เขาตอบอย่างไม่สนใจอะไร เพราะห้องของเขามีเยอะแบ่งไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย

      จากนั้นไม่นานเขาก็ได้กดชักโครกดังขึ้น เป็นอันว่าแต่ในจังหวะเดียวกันเอง

      กึ่กๆๆๆๆๆ!

      เสียงรองเท้าบู้ตเหล็กนับสิบกระทบพื้นกระเบื้องห้องน้ำเป็นจังหวะ เงาของทหารเกราะเหล็กพร้อมอาวุธครบมือหลายนายทอดมายังใต้ประตูห้องส้วมจนบดบังแสงตะเกียงเวทย์มิด

      ทั้งไอซ์ทั้งสเปอร์นอฟต่างสังหรณ์ใจไม่ดีเหมือนงานจะเข้า ไม่ใช่ว่าเรื่องที่พวกเขาเอาเงินฟาดหัวทหารให้ผ่านโซนชั้นสูงมาได้เกิดแตกขึ้นมาหรือไง แต่ที่แน่ๆทั้งคู่ชักเลเซอร์กันอันเป็นอาวุธรูปปืนสั้นประจำตัวทุกคนในทีมรอไว้แล้ว

      ตาสเปอร์นอฟค่อยๆจับไปที่เงาที่มอดมายังใต้ประตูห้องตัวเอง ถ้าเงามาเข้าทางห้องและเข้มขึ้นเมื่อไหร่เขายิงแบบไม่ลังเลเพื่อรักษาชีวิตตัวเองแน่


      บรรยากาศสถานการณ์ชักตรึงเครียดขึ้นมาเรื่อยๆโดยไม่ทราบสาเหตุ ไอซ์กับสเปอร์นอฟต่างลุ้นกันตัวโก่งว่าใครจะถูกแจ๊คพ๊อต(?)หรือทั้งคู่

      เพียงคิดแค่นี้ทั้งคู่ที่อยู่ห้องติดกันก็เม้มปากพร้อมกำปืนในมือโดยไม่รู้ตัว ใครมันจะไปนึกว่าจะเกิดเรื่องพรรคนี้เข้า แถมยังอยู่ในสถานที่ไม่น่าเกิดอย่างห้องน้ำเสียด้วย

      นี่มันบ้าอะไรกันเนี้ย? หลักสูตรไม่ได้สอนว่าจะรับมือสถานการณ์ตึงเครียดในห้องน้ำนะเฮ้ย!

      "หึ ไม่นึกว่าจะมาปลดทุกข์อยู่ที่นี่......ดี!แกจะได้สบายก่อนตาย พวกแก!"ทหารที่คล้ายเป็นหัวหน้าพูดขึ้นมา

      ""ครับ!""เหล่าทหารนับสิบขานรับพร้อมเพรียง

      "ฆ่ามันนนนนน!!!"

      "โอ้วววววว!!"


      'ชิบหายแล้วววววววววววววววววววววววววววววว!!!!'

      ทั้งสองกู่ร้องในใจ

      ลาก่อย.....การสำรวจแบบสโลว์ไลฟ์ของข้อย.....


    To be continued

    --------------------------------------------------------------------------------------------


      ขอโทษทีที่หายไปนาน ทั้งกันพลาทั้งการบ้านไหนจะเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีก โอ้ยยย กดดันง่ะ T_T

      ตอนนี้แต่งนี่ผมต้องพิมพ์นิยายแบบกระดื้บๆเป็นหนอนชาเขียวในโฆษณาไทยสมัยเด็กๆเลย ทุ่มอ่านรายละเอียดเข้ามหาลัย+ทำการบ้าน+อ่านของเก่า ผลคือต้องจำกัดเวลาเขียนไว้ที่1ชม.กว่า

      ความจริงผมอยากจะเขียนทั้งฉากบู๊ทั้งฉากหนีมากเลยในตอนนี้ แต่ด้วยเวลาที่น้อยและผมกลัวคนที่ติดตามอ่านจะเกิดอาการลงแดงขึ้นมา ตอนนี้เลยต้องตัดจบแบบละครไทยไปก่อน555+

      ตอนหน้าเตรียมระห่ำกันแน่ครับ! ปล.อาจช้าหน่อยแต่ไม่ทิ้งแน่

      




     

     

      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×