ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Crazy must Crazy เกมบ้าต้องบ้า

    ลำดับตอนที่ #5 : Ch.1 หญิงสาวพันธ์ุนักฆ่า

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 60


      แกร๊ก......

      เสียงใครบางคนกำลังขึ้นลำกล้องปืนไรเฟิล

      ทำไมนะ? ทำไมเราถึงมาตกอยู่ในสถานการณ์พรรคนี้ได้นะ ?

      นี่คือสิ่งที่หญิงสาวรูปร่างเพรียวบางในชุดเดรสสีดำคิด

      ดวงตาคมเรียวสีลาเวนเดอร์อันมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา กวาดหางตาเมื่อผู้คนรอบตัวที่มีกันนับสิบๆ ล้วนแต่เป็นกลุ่มชายสวมสูทสวมหน้ากากสัตว์โลกต่างๆนานา ยกเว้น หน้ากากหมาป่า ถือนานาสรรพอาวุธสากกระบือยันบาซูก้าเล้งมาที่เธอเป็นทางเดียวกัน

      เส้นผมดำยาวสลวยสะบั้นไปตามศีรษะหันมายังบุคคลตรงหน้าเธอ ถึงเธอจะดูทรงเสน่ห์และดูลึกลับน่าค้นหา แต่ชายตรงหน้าที่สวมหน้ากากแพนด้ากลับไม่แคร์เธอ ยืนแคะขี้มูกหน้าตาเฉยเหมือนเย้ย

      เขาดีดขี้มูกโดนขาเธอพอดีคล้ายจงใจกวน พร้อมถามว่า

      "มีอีหยังอีหนูบ้านแตก?"

      ปึด!

      ฟิวส์อารมณ์เธอขาดไปหนึ่งเส้น แต่ประสบการณ์อาชีพของเธอมันช่วยสอนเตือนให้รู้จักใจเย็นท่ามกลางดงอาวุธตอนนี้ แม้มือจะกำแน่นปึดเมื่ออีกฝ่ายพูดเหมือนจะรู้เรื่องแย่ๆในอดีตของเธอ

      ขอย้อนกลับไป เธอจำได้ว่า เมื่อเช้านี้ได้รับการจ้างวานจากชายปริศนาที่สวมหน้ากากหมาป่ามาให้ฆ่าคนคนหนึ่งที่อยู่ในงานเลี้ยงราตรีหน้ากากแฟนซี ที่สวมหน้ากากหมีแพนด้า

      ทันทีที่เธอเข้างานเลี้ยง เธอก็โดนต้อนรับแบบอุ่นหนาฝาคั่ง(ประชด) ด้วยการโดนแขกในงานชักอาวุธเข้าใส่แบบจัดหนักจัดเต็มจริงๆ จัดหนักจัดเต็มจริงนะๆขนาดเด็กในงานยังเอาน้อยหน่าเตรียมขว้างใส่เธอได้ทุกเมื่อถ้าคิดตุกติก

      ก่อนจะบังคับให้เธอปลดอาวุธทั้งหมดลง แถมยังฉลาดไม่ใช่ย่อยในการปลดเพราะยังเล่นปลดยาฆ่าตัวตาวในช่องปากเธอแบบเสร็จสรรพ เรียกว่าปลดของปลดเขี้ยวเล็บไม่ปาน จนเธอต้องมาอยู่ในสภาพอย่างนี้โดยมีเป้าหมายกำลังยืนกวนเธออยู่ตรงหน้า แต่ทำอะไรไม่ได้

      มันน่าเจ็บใจนัก..... หญิงสาวลอบคิดแค้นไว้ในใจ

      "แค้น.......แค้นที่พูดถึงพ่อแม่เธอใช่มั้ยอีหนู?"เป้าหมายพูดแทงใจดำ

      "แก........."หญิงสาวส่งสายตาแบบกินเลือดกินเนื้อ กะเอาตายให้ได้ถ้าไม่ติดกับสรรพอาวุธที่หันมาทางเธอทางเดียว

      "ใจเย็นๆอีหนูเซย์"

      หญิงสาวถึงกับสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายรู้ชื่อตัวเองได้ ทั้งที่ผ่านๆมาไม่น่าจะมีใครรู้ชื่อของเธอสักคนเดียว

      "แทงใจดำอีกดอกสินะ โทษที บังเอิญว่าทางชั้นมีสายข่าวดีระดับพรีเมี่ยมชนิดCIAยังต้องกราบเท้า อีกอย่างชั้นมีข้อมูลของเธออยู่แน่นปึกเลยล่ะ"

      เป้าหมายผู้สวมหน้ากากแพนด้าหยิบแฟ้มเอกสารขอเธอที่หนาจนเต็มแฟ้มมาโชว์ พร้อมเปิดดูข้อมูลของเธอซึ่งละเอียดตั้งแต่เกิดยันปัจจุบัน

      "เพอร์เซล บลังค์  เกิดวันที่7 ตุลา 1999 ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ส่วนพ่อแม่........ โอ้ะ หน้าตาดีนี่หว่า......."

      สายตาอันทิ่มแทงส่งมายังเธอชัดเจน

      "........น่าเสียดายจริงๆที่ต้องมาพัวพันกับโลกมืด สุดท้ายครอบครัวพังยับไม่เหลือขี้ เมียก้ตายด้วย ส่วนเธอก็เป็นหนูทดลองไปชั่วระยะหนึ่ง ช่างเป็นพ่อที่แสนดีนะว่าม่ะ?"

      "แก!!!!"

      เซย์ที่พูดถึงครอบครัวที่พยายามใจเย็นมาตลอด เส้นอารมณ์ทั้งหมดขาดสะบั้น พร้อมความโทสะครอบงำเธอพุ่งกระโจนเข้าใส่เป้าหมาย หากแต่โชคร้ายที่เธอด้วยแขกในงานเข้ามาล็อคตัวแล้วกดลงกับพื้นเสียก่อน 

      เขาเดินเข้ามาใกล้ๆก่อนนั่งยองๆมองหน้าเธอ แม้ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แต่ภายใต้หน้ากากมีรอยยิ้มกวนๆซ่อนอยู่เป็นแน่

      "โอ๊ะๆ อย่าทำสายตาแบบนี้สิอีหนูเซย์ อยากฆ่าชั้นคนนี้มานักใช่มั้ย งั้นแพนดี้คนนี้จะทำให้เธอสมใจอยากเอง ถ้าชนะอีเว้นส์ของชั้นอะนะ"

      ".....อะไรของแก....?"เธอส่งสายอาฆาตพร้อมถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงโทสะ

      "ง่ายๆ ชั้นจะให้ปืนลูกโม่และเธอจะต้องยิงชั้นให้ได้ ปืนลูกโม่จะบรรจุกระสุนไว้7นัดแปลว่าเธอมีโอกาส7ครั้งในการฆ่าชั้น โดยชั้นจะใช้แค่ไม้คมคมแฝก ถ้ายังฆ่าชั้นไม่ได้ก็เตรียมตัวร้องหาพ่อหาแม่ได้เลย หวังว่าเธอจะยิงแม่นนะ"แพนดี้ยืนข้อเสนอปีศาจให้กับเธอดดยไม่สนความตาย

      แขกร่วมงานพ้อมใจกันลดอาวุธลงพร้อมแบ่งออกเป็น2ฝั่งซ้ายขวาคล้ายจะเป็นผู้ชม ตรงกลางกลายเป็นสนามประลองแคบไปในทันที

      แขกที่ล็อกตัวเซย์ก็ปล่อยมือออก พร้อมทิ้งปืนลูกโม่ไว้กระบอกหนึ่งก่อนเดินจากไปจาก ทิ้งไว้ให้เซย์ลุกขึ้นเองและหยิบปืนลูกโม่มาเตรียมเล็งใส่แพนดี้

      หากแต่เขานั้นหาไม่สนกับปืนนั้น สนใจกับไม้คมแฝกในมือตัวเองเสียมากกว่า

      "ปืนสมิธวิลสัน 986 PC เป็นปืนลูกโม่9มม. บรรจุได้7นัด เป็น1ในความพยายามที่จะนำแทนใช้แทนปืนพกกึ่งอัตโนมัติที่มีปัญหาที่ลำกล้องติดขัดได้ น่าเสียดายที่มันบรรจุกระสุนน้อยและต้นทุนสูง แต่ไกดับเบิลเบาเป็นพิเศษเพราะตัวโม่ทำจากไททาเนียมที่เบาเหล็ก เธอคงยิงแม่นขึ้นนะ"

      เซย์ลุกขึ้นมาพร้อมเล็งปืนมายังแพนดี้ "แกต้องการจะทำอะไรกันแน่......?"

      แต่คำตอบนั้นคือ......

      "ก็ไม่รู้สินะ โฮ้ะๆๆๆๆๆๆ"

      คำตอบกวนบาทาชิบจนความหมั่นไส้อยากยิงคนทิ้งบังเกิด
      
    "แก!"

      ทันใดนั้นเสียงของปืนลูกโม่ดังขึ้น พร้อมกับเสียงอะไรมาอย่างแฉลบไปโดนกับอะไรบางอย่างดังแกร็กเหมือนพลาสติกแข็งแตกในช่วงเวลาติดๆกัน

      "ไอ้เวรแพนดี้........คราวนี้มึงหัดปรึกษาเพื่อนก่อนจะเล่นพิเรนท์จะได้มั้ยว่ะ"มีแขกใกล้ๆคนหนึ่งพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน

      เซย์หันไปทางแขกคนนั้นและพบว่า หน้ากากของเขานั้นมีแตกหลุดร่วงจนเห็นโหนกแก้มชัดเจน แต่นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เธอตกตะลึงมากนักนอกเสียจากว่า........

      "บ บ บ้าน่า!!?"

      ข้างเท้าของแขกคนนั้นมีเศษหน้ากากที่แตกและกระสุนปืนตกอยู่ ด้วยความตกตะลึงเธอจึงเช็คกระสุนปืนดู นั้นเองที่เธอทำให้รู้ถึงความจริงอันโหดร้ายของชายผู้สวมหน้ากากแพนด้า

      กระสุนที่ตกอยู่ใกล้เท้าของแขกคนนั้นเป็นกระสุน9มม.แบบเดียวกับปืนในมือของเธอ!

      เธอค่อยๆหันไปยังชายสวมหน้ากากแพนด้า ที่กำลังควงไม้คมแฝกในมือไปมาอย่างไม่รู้ร้อนหนาวชิวๆ

      "อะไร?"เขาเอียงคอถามด้วยน้ำเสียงกวนๆ

      ไม่ มันต้องไม่อย่างที่คิดแน่ ไอ้เรื่องที่เอาไม้คมแฝกมาปัดกระสุนเหมือนในละครเนี่ยนะ!!

      "น นี่แกโกงอยู่ใช่มั้ย!? โกงอยู่สินะ!!"เธอตะคอกถาม ไม่รู้ตัวเองเริ่มลนลาน

      "ชั้นเนี่ยนะโกง?"

      "ใช่ แกต้องโกงอยู่แน่ๆ!!"

      ความเยือกเย็นเธอเริ่มค่อยๆสูญเสียโดยไม่รู้ตัว อีกใจหนึ่งคลั่งแค้นที่โดนพูดถึงอดีตอันเลวร้าย อีกใจหนึ่งพยายามหลอกตัวเองว่าตัวเองโดนโกง และอีกใจก็พยายามรับความจริงเมื่อกี้ จนหลายอารมณ์ความรู้สึกละเลงใจแยกไม่ออกว่าเป็นอารมณ์ไหน สมองเธอชักว่างเปล่าเป็นสีขาวที่บิดเบี้ยวที่ต้องมาเจอเรื่องบ้าๆที่หลุดออกมาจากละครตลกร้ายเรื่องหนึ่ง

      "หึ......"น้ำเสียงแพนดี้เย็นเฉียบลง"งั้นมาลองอีกทีดูก็ได้"

      ปังๆๆๆๆๆ!

      สิ้นคำท้าทายเซย์ที่เริ่มสติตัวเองไม่อยู่จึงลั่นไกออกไป6นัดที่เหลืออยู่รวดเดียว พร้อมกับวิสัยทัศน์รอบตัวค่อยๆช้าลงเหมือนฉากสโลว์โมชั่นในหนัง และนั่นทำให็เธอรู้ถึงความจริงนั้น

      กระสุนทั้ง6นัดที่เหลือดิ่งตรงเข้าใส่ชายสวมหน้ากากแพนด้า ทว่าเขากลับเลือกไม่หลบไปไหนหรือเอนเอวไปด้าหลัง180องศาเหมือนหนังเดอะเมทริกซ์ เขาเพียงใช้ไม้คนแฝกปัดกระสุนขึ้นข้างบนไปมาอย่างชำนาญ

      กระสุนที่เธอยิงต่างกระเด็นกระดอนไปคนละทางขึ้นข้างบนไปหมดทุกนัด มือเธอเริ่มอ่อนขึ้นมาเฉียบพลันจนเผลอทำปืนหลุดมือ แม้ร่างกายกับจิตใจบอกว่ายังสู้ได้ ต้องฆ่ามันได้ แต่จิตใต้สำนึกกลับคิดในทางตรงกลับข้ามสุดขั้ว

      ชายตรงหน้าคือสิ่งที่เหนือสำมัญสำนึกของพวกเราไปแล้ว!

      ภายใต้ห่วงเวลาที่ช้าลง แพนดี้หรือชายสวมหน้ากากแพนด้าถีบตัวตรงข้างหน้าเข้ามาเธออย่างรวดเร็ว แววตาฉายความกลัวออกมาโดยไม่รู้ตัว ขาเริ่มอ่อนเริ่มตามจิตใต้สำนึกเหมือนผู้แพ้ที่ไร้ทางชนะในทุกๆทาง จนไม่มีทางหลบหลีกต่อตัวอันตรายหน้าเธอได้

      เปรี้ยง!

      ภาพสุดท้ายที่เธอได้เห็นคือ ชายสวมหน้ากากแพนด้าพุ่งมาแล้วง้างหัวโขกใส่เธอเต็มๆ พร้อมเสียงกระโหลกชนกันดังกังวาน ก่อนภาพจะหงายขึ้นเพดานงานและดับวูบเป็นสีดำไปในที่สุด............

      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×