ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Prologue(อารัมภบท)
ณ ที่ไหนสักที่ในดาวอาคาเซีย.......
ช่างเถอะ.......ถือว่าอยู่ในป่าเขาที่ไหนก็ไม่รู้ก็แล้วกัน
"แน่ใจนะว่าที่เนี้ย?"
"แหง่สิ เอาหัวเป็นประกันเลยที่นี่ชัวร์"
"เออ.....เพื่อนเราว่าเผ่นกันก่อนดีกว่านะ"
"จะบ้าหรือไงเล่า!? อุตส่าห์มาถึงทั้งที"
เหล่าคณะเดินทางทั้ง3คนกำลังเดินไปเถียงไปเกี่ยวกับที่ที่พวกเขากำลังจะไปตลอด
ประกอบไปด้วยชาย2 หญิง1 ซึ่งคนที่ค้านและลังเลอยู่เป็นชายท่าทางขี้กังวลผอมแห้ง
ส่วนอีก2คนเป็นชายรูปร่างล่ำสันมีความมั่นใจสูง กับผู้หญิงผมยาวใส่แว่นกำลังเปิดดูแผนที่ ซึ่งทุกคนได้ใส่ชุดสำหรับเดินทางพร้อมสะพายเป้ใบโตไว้คนละ1ใบ
พวกเขาทั้งหมดนี้กำลังเดินทางเพื่อตามหาสถานที่ใดสถานที่หนึ่งอยู่....
"ถ้าเรามาทางนี้ไปเรื่อยๆก็น่าจะเจอ....."
ผู้หญิงใส่แว่นลากนิ้วชี้ไปตามทางที่ขีดมาร์คไว้ในแผนที่ พลางดูเดินไปดูสภาพรอบข้างเทียบไปโดยเพื่อนๆก็เดินตามเธอ จนกระทั่ง.........
"อ่ะ เจอแล้ว!"
หญิงสาวชี้ไปยังภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งจะว่าคล้ายภูเขาหิมาลัยก็ไม่เชิงเพราะมันเต็มไปด้วยป่ารกชื้นไปหมดแถมยังต่ำกว่าภูเขาหิมาลัยปกติอีกต่างหาก แต่ถ้าลองตัดป่าไปก็อาจดูคล้ายภูเขาหิมาลัยขึ้นมาก็ได้ ส่วนรอบนอกเป็นแผ่นดินโล่งๆไม่มีอะไรน่าสนใจ ยกเว้น แนวสันเขาที่ห่างไปจากภูเขา20กม. และสูงร้อยกว่าเมตร
"นี่หรือภูเขารับสมัครตัวละครที่เราต้องไปปักธงน่ะ"ชายผอมกล่าว
"แหง่สิ จะรออะไรเล่า? ไปกันเลย"ชายล่ำสันพูดชวน
"โอ้ว!"หญิงสาวขานรับแล้วเดินไปพร้อมกับเพื่อน
ชายร่างผอมไม่รู้จะทำอย่างไร อีกใจก็อยากกลับบ้านใจจะขาดทว่าเพื่อนของเขาทั้งคู่ดันไปซะแล้ว ด้วยความที่กลัวจะถูกทอดทิ้ง เขาจำใจต้องเดินขึ้นไปด้วยอีกคนทั้งที่ยังไม่เต็มใจมากนัก
2ชั่วโมงผ่านไป........
"ถึงแล้วโว้ยยยยยย!!"ชายล่ำสันกู่ร้องลั่นด้วยความดีใจเป็นคนแรก
ในตอนนี้พวกเขาทั้ง3ได้มาถึงยอดเขาเป็นที่เรียบร้อย หลังผ่านป่ารกชื้นมาตั้งนาน โคลนก็เหนียวจนเดินลำบากไหนจะกิ่งไม้แหลมๆจะเกี่ยวเสื้อขาดหรือบาดเนื้อบาดตัวอีก ท้ายสุดพวกเขาก็ผ่านมาได้
บนยอดเขานั้นต่างกับเส้นทางที่ขึ้นมาอย่างชัดเจน ถ้าเส้นทางที่ขึ้นมาเป็นป่ารกชื้นสุดหฤโหด ยอดเขาจะต่างกันราวกับฟ้ากับเหวเพราะบนยอดเขานั้นเป็นทุ่งหญิงโปร่ง แสงแดดลอดผ่านมวลหมู่เมฆได้เพียงเล็กน้อย อากาศไม่ได้เย็นหรือร้อยจนเกินไป และมีต้นไม้แอปเปิ้ลขนาดใหญ่ให้นั่งพักพร้อมบริการอาหารฟรี(แอปเปิ้ล) เรียกคุ้มที่ได้มาจริงๆ!
หลังชายล่ำสันกู่ร้อง อีก2คนก็ตามมาตามลำดับ หญิงสาวในสภาพรองเท้าเปื้อนโคลน เสื้อผ้าเกี่ยวขาดไปเล็กน้อย เดินตามมาได้ไม่กี่วิ ต่างกับชายผอมที่เดินมาในสภาพเนื้อตตัวมอมแมมไปด้วยโคลน เสื้อผ้ายับเละเป็นขี้ริว
ส่วนอีก2คนเป็นชายรูปร่างล่ำสันมีความมั่นใจสูง กับผู้หญิงผมยาวใส่แว่นกำลังเปิดดูแผนที่ ซึ่งทุกคนได้ใส่ชุดสำหรับเดินทางพร้อมสะพายเป้ใบโตไว้คนละ1ใบ
พวกเขาทั้งหมดนี้กำลังเดินทางเพื่อตามหาสถานที่ใดสถานที่หนึ่งอยู่....
"ถ้าเรามาทางนี้ไปเรื่อยๆก็น่าจะเจอ....."
ผู้หญิงใส่แว่นลากนิ้วชี้ไปตามทางที่ขีดมาร์คไว้ในแผนที่ พลางดูเดินไปดูสภาพรอบข้างเทียบไปโดยเพื่อนๆก็เดินตามเธอ จนกระทั่ง.........
"อ่ะ เจอแล้ว!"
หญิงสาวชี้ไปยังภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งจะว่าคล้ายภูเขาหิมาลัยก็ไม่เชิงเพราะมันเต็มไปด้วยป่ารกชื้นไปหมดแถมยังต่ำกว่าภูเขาหิมาลัยปกติอีกต่างหาก แต่ถ้าลองตัดป่าไปก็อาจดูคล้ายภูเขาหิมาลัยขึ้นมาก็ได้ ส่วนรอบนอกเป็นแผ่นดินโล่งๆไม่มีอะไรน่าสนใจ ยกเว้น แนวสันเขาที่ห่างไปจากภูเขา20กม. และสูงร้อยกว่าเมตร
"นี่หรือภูเขารับสมัครตัวละครที่เราต้องไปปักธงน่ะ"ชายผอมกล่าว
"แหง่สิ จะรออะไรเล่า? ไปกันเลย"ชายล่ำสันพูดชวน
"โอ้ว!"หญิงสาวขานรับแล้วเดินไปพร้อมกับเพื่อน
ชายร่างผอมไม่รู้จะทำอย่างไร อีกใจก็อยากกลับบ้านใจจะขาดทว่าเพื่อนของเขาทั้งคู่ดันไปซะแล้ว ด้วยความที่กลัวจะถูกทอดทิ้ง เขาจำใจต้องเดินขึ้นไปด้วยอีกคนทั้งที่ยังไม่เต็มใจมากนัก
2ชั่วโมงผ่านไป........
"ถึงแล้วโว้ยยยยยย!!"ชายล่ำสันกู่ร้องลั่นด้วยความดีใจเป็นคนแรก
ในตอนนี้พวกเขาทั้ง3ได้มาถึงยอดเขาเป็นที่เรียบร้อย หลังผ่านป่ารกชื้นมาตั้งนาน โคลนก็เหนียวจนเดินลำบากไหนจะกิ่งไม้แหลมๆจะเกี่ยวเสื้อขาดหรือบาดเนื้อบาดตัวอีก ท้ายสุดพวกเขาก็ผ่านมาได้
บนยอดเขานั้นต่างกับเส้นทางที่ขึ้นมาอย่างชัดเจน ถ้าเส้นทางที่ขึ้นมาเป็นป่ารกชื้นสุดหฤโหด ยอดเขาจะต่างกันราวกับฟ้ากับเหวเพราะบนยอดเขานั้นเป็นทุ่งหญิงโปร่ง แสงแดดลอดผ่านมวลหมู่เมฆได้เพียงเล็กน้อย อากาศไม่ได้เย็นหรือร้อยจนเกินไป และมีต้นไม้แอปเปิ้ลขนาดใหญ่ให้นั่งพักพร้อมบริการอาหารฟรี(แอปเปิ้ล) เรียกคุ้มที่ได้มาจริงๆ!
หลังชายล่ำสันกู่ร้อง อีก2คนก็ตามมาตามลำดับ หญิงสาวในสภาพรองเท้าเปื้อนโคลน เสื้อผ้าเกี่ยวขาดไปเล็กน้อย เดินตามมาได้ไม่กี่วิ ต่างกับชายผอมที่เดินมาในสภาพเนื้อตตัวมอมแมมไปด้วยโคลน เสื้อผ้ายับเละเป็นขี้ริว
"คราวหน้าตูจะไม่มาเดินป่าเป็นรอบ2แล้ว......"ชายผอมกล่าวกับตัวเองในสภาพหอบกินจัด
เขาสาบานแล้วว่าจะไม่วันมาเดินป่าเป็นครั้งที่2 โดยเฉพาะกับเพื่อนพันธ์ุระห่ำ2คนนี้!
น่าเสียดายนักที่ตอนนี้เขาไม่มีความกล้าพอที่จะแข็งขืนเพื่อนพวกนี้ได้เลย
"ทุกคนเตรียมธงมาแล้วสินะ"หญิงสาวถามเพื่อนชายอีก2คน
""ช้าย!/อืม....""
ว่าจบพวกเขาทุกคนเปิดกระเป๋าและหยิบธงที่พวกเขาออกมา
ธงของชายล่ำสันเขียนไว้ว่า พระเอก ส่วนหญิงสาวเป็นธงนางเอก
สุดท้ายธงของชายผอมเป็นธงตัวประกอบ
"..นี่พวกเราจะปักธงจองที่นี่จริงๆเหรอ?"ชายผอมถามแบบกล้าๆกลัวๆ
"อะไรเล่า แค่ปักธงจองเองไม่เห็นมีอะไรเลย"ชายล่ำสันพูดราวกับเป็นเรื่องปกติ
"ฉันว่าดูโน้นดูกว่ามั้ย"ชายผอมชี้ไปอีกด้านของทุ่งหญ้าเหมือนสังเกตเห็นอะไร
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องตะลึงคือ
ด้านที่ชายผอมชี้ไปนั้นมีซากเละๆธงที่ถูกปักคาพื้นหลายธง
พื้นดินก็แห้งแล้งไร้หญ้าส่งบรรยากาศมาคุมาแต่ไกล ทำเอาขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
แต่ไอ้ที่สำคัญจริงๆน่ะ.......
หญิงสาวหน้าซีดเผือกเมื่อสะดุดตากับบางสิ่งเข้า
"ค...โครงกระดูก......ม...มาได้ไง?"
บริเวณที่ชี้ไปถ้าไม่สังเกตดีๆจะไม่รู้เลยว่า มีโครงกระดูกหลายโครงฝังดินใต้บริเวณนั้น มีบางส่วนโผล่มาให้เห็น
หญิงสาวสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างเข้า เธอจึงวิ่งเข้าคุ้ยดินขุดมันออกมาเพื่อยืนยันความแน่ใจ
"โอ้......พระเจ้าช่วย......"
สิ่งที่สังหรณ์ใจเป็นจริง
เธอพบซากโครงกระดูกนับสิบในสภาพแตกหักยับเยินจนดูไม่ได้
บางก็ถูกบางสิ่งอัดจนหักเละ บางถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ
หนักสุดถูกบดละเอียดกลายเป็นผง(ถึงจะมีซากให้เห็นบางก็เถอะ)
"ฉันว่า...พวกเราหนีดีกว่านะ รู้สึกไม่ปลอดภัยเอาซะเลย....."ชายผอมออกความคิดเห็น
"น..นั้นสิ เห็นด้วย...."หญิงสาวสนับสนุนอย่างตะกุกตะกัก เพราะเริ่มหวั่นๆใจขึ้นมาแล้ว
นี่มันบ้าไปแล้ว! ไม่ปกติแล้ว! มันต้องมีเงื่อนไขหรือสัตว์ประหลาดอะไรแน่! ภูเขาพรรคนี้ชักไม่ดีแล้ว!
ไหนจะซากโครงกระดูกใกล้กับซากธงอีก แทบไม่อยากคิดเลยถ้าไปปักธงจองตรงนี้จะเกิดห่าเหวอะไรขึ้น!
"บ้าหรือไงเล่า!? อุตส่าห์ขึ้นมาทั้งทีแล้วจะให้กลับไปมือเปล่าเนี้ยนะ!"ชายล่ำสันเริ่มฉุน
เขาชักยั่ว ไม่ชอบใจอย่างแรงที่เพื่อนทั้ง2ของเขามากลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง
"มา!! เดี๋ยวจะแสดงให้ดูว่าพวกนายกลัวไม่เข้าเรื่องเอง!!"
"อ..อย่าเลยเพื่อน....."ชายผอมเตือน
"ช่างหัวมันสิว่ะ!"
ชายล่ำสันไม่สนคำห้ามปรามอีกต่อไป เขาเดินเข้าปักธงตรงบริเวณสยองๆที่ว่าทันที และผลที่ได้คือ.....
"เห็นม่ะ! ไม่อะไรเลย!"
ไม่เกิดอะไรเลย.......
ครืนนนนนนนน.........
จู่ๆหูของทั้ง3ได้ยินเสียงการพังทลายของแผ่นดินขนาดใหญ่เกิดขึ้น แถมยังเหมือนว่ามันจะเกิดใกล้ตีนพวกเขาด้วย
แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรเกิด......
ฉัวะ!
ทันใดนั้นเองเกิดเสียงบางสิ่งคล้ายแส้ลากฉีกอากาศพร้อมรอยตัดผ่านพื้นดินบริเวณระหว่างขาของชายล่ำสันยาวไปถึงสุดริมทุ่งหญ้า
"เอ้ย....นี่พวกนายเป็นอะไรไปน่ะหน้าซีดๆ?"ชายล่ำสันถาม
แล้วให้หน้าซีดได้ไงเล่า! ก็มีไอ้คนถามมันมีรอยคล้ายถูกผ่ากลางตัวแบบสดๆต่อหน้าต่อตาไม่ให้หน้าซีดยังไงเล่า!!
........ขอเวลาอีกสักนิดมันก็ได้แน่นอน ไม่มีอะไรเกิดแบบปุ้บปั้บหรอก.....
"You're already dead.(เจ้าน่ะตายไปแล้ว)"
เสียงทุ้มๆใหญ่ดังขึ้นมาจากใต้ดิน
"แกเป็นใครว่ะ!?"ชายล่ำสั่นตะโดนถามทั้งที่ยังไม่รู้สภาพตัวเองเลย
แต่ไม่ทันไรจะถามต่อ สติของชายล่ำสันเกิดดับวูบเหมือนทีวีถูกถอดปลั๊กทันใด
ร่างของเขาถูกแยกออกมาเป็น2ซีกตามรอยผ่าตัวล้มไปทางซ้ายขวาคนละซีก
เผยโลหิตพร้อมเครื่องในไหลออกมากองทั่วพื้น
ภาพเครื่องในไหลทะลักชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงฉานติดตาเพื่อน2คนที่เหลือจนวันตาย
ชายผอมที่จิตใจอ่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วถึงกับสำรอกของเก่าชุดใหญ่
ตามด้วยหญิงสาวที่สำรอกออกมาเยอะซะยิ่งกว่า
"Good day to _ucking die!"
สิ้นเสียงอันอาฆาต ภูเขาบางส่วนแตกร้าวทรุดตัวลงไป
และร่างสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ได้แหวกแผ่นดินภูเขา
สูงเกินกว่าฝุ่นคลุ้งจะกลบมิดได้ ปรากฏกายออกมาให้ทั้งคู่เห็นด้วยตาคู่นี้
ความรู้สึกอยากอาเจียนแทบจะถูกเตะไปทันที เมื่อเห็นรูปร่างอันสูง50เมตรของมัน
ร่างกายสีน้ำตาลแหลือง มีจุดสีดำคล้ายแต้มหมึกอยู่ทั่วตัวกระจัดกันไป
ลักษณะการยืนเป็น2ขาแต่ไม่คล้ายการเดินของมนุษย์
ส่วนหัวลักษณะคล้ายอสรพิษผสมกิ้งก่า มีหนวด2หนวดเหมือนหนวดแมลง
ผิวหนังเป็นปล้องๆคล้ายแมลงผสมกับสัตว์เลื้อยคลาน เท้ามันเป็นกีบ2กีบแหลม ที่เด็ดสุด คือมือทั้งข้างของมันเป็นแส้ปล้องๆต่อกันเรียวและเพียวเอามากๆ คาดว่าอาวุธชิ้นนี้แหละที่ใช้สังหารชายล่ำสัน
ที่แน่ๆมันไม่ใช่สิ่งที่ไม่ควรต่อกร ไม่สิ ไม่สมควรขัดขวางความตายที่มันมอบให้ด้วยซ้ำไป!
ผิวหนังเป็นปล้องๆคล้ายแมลงผสมกับสัตว์เลื้อยคลาน เท้ามันเป็นกีบ2กีบแหลม ที่เด็ดสุด คือมือทั้งข้างของมันเป็นแส้ปล้องๆต่อกันเรียวและเพียวเอามากๆ คาดว่าอาวุธชิ้นนี้แหละที่ใช้สังหารชายล่ำสัน
ที่แน่ๆมันไม่ใช่สิ่งที่ไม่ควรต่อกร ไม่สิ ไม่สมควรขัดขวางความตายที่มันมอบให้ด้วยซ้ำไป!
ความหวาดกลัวเข้าครอบงำคนที่เหลือรอด พวกเขากลัวจนถึงกับทรุดเข่าอ่อน
อย่าว่าแต่เดินเลยขนาดนิ้วยังแทบกระดิกไม่ได้เลย
ราวกับหวาดกลัววันสิ้นโลกที่กำลังมาถึง
"People with flag must Hell DIE!"มันพูดภาษาอังกฤษชัดเจนด้วยความโกรธมาแต่ชาติปางก่อน
สัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่รอช้า แส้มือถูกตวัดขึ้นเสยคนที่รอดให้ตายคาที่
ในพริบตาก่อนแส้ถึงตัวชายผอมดันเกิดฮึดดันความกล้า
รีบผละตัวหนีออกได้ทันต่างกับหญิงสาวที่เบิกตากว้างอยู่กับที่ด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
"กรี๊ดดดดดดดด!!"
กรีดร้องไปก็มิได้ช่วยอะไร ร่างเธอถูกแส้อันมหึมาฟาดขาเธออย่างรุนแรง ส่งผลให้เธอลอยเคว้งคว้างสูงจากพื้นดิน พร้อมกับขาทั้ง2ขาที่ขาดกระเด็นหายไปตามแรงฟาด ตามด้วยเลือดที่พุ่งออกมาควงเป็นวงกลมอย่างดงาม
ทว่ามันไม่สาแก่ใจเจ้าสัตว์ประหลาด
"ORAAAA....."
ท่อนแขนทั้ง2ข้างยกสูงขึ้น.....
แขนขวาเป็นแขนแรกที่ถูกง้างขึ้นมา....
แส้ขวาตวัดเปิดก่อน....จากนั้นมหกรรมหวดแหลกก็บังเกิด.....
"ORA! ORA! ORA! ORAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAA!!!!!!!!"
แส้ทั้ง2ฟาดซ้ายขวาซ้ายขวาอย่างบ้าคลั่งเหมือนลมกันโชก ความเร็วและพลังในการฟาดอันไม่ธรรมดาบวกกับความเปราะบางของร่างกายมนุษย์ ร่างกายของหญิงสาวถูกกระหน่ำฟาดไม่ยั้ง ไม่นานร่างกายเธอก็ถูกฟาดจนร่างแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดี กระจัดกระจายไปไม่เหลือซาก
ร่างอันแหลกเหลวกลายเป็นฝนเลือดสาดใส่ทั่วบริเวณ ย้อมทุกสิ่งให้เป็นสีเลือดราวกับที่นี่คือฝันร้าย ก่อนมีเศษเนื้อเล็กๆบางส่วนตกลงมาตามหลัง
"..............."
ต่อมาไม่นานมีเศษมันสมองสีชมพูย้อมเลือดตกมาเปรอะใบหน้าชายผอม เขานั่งเข่าอ่อนไปชั่วครู่ก่อนล้มลงไปในสภาพน้ำลายพูมปาก แววตาฉายความกลัวที่ฝึงลึกไปถึงรากเง้าจิตใจ
เสร็จไป2 เหลือ1 บัดนี้ถึงเวลาเสียทีที่ต้องสำเร็จโทษเหล่าผู้โง่เขลาคนสุดท้ายเสียที
มันค่อยๆยกเท้าขึ้นหมายจะบดขยี้ร่างชายผอม ในจังหวะนั้นเอง.....
"นี่น่ะหรือ สัตว์อเวจีที่เกิดจากวิญญาณความแค้นของเหล่าผู้คนที่ถูกแย่งจอง"
"Who are You?"
ไม่รู้ว่าตอนไหนมีคนในชุดนักเวทย์สีดำ สวมฮู้ดคลุมหัวปรากฏขึ้นบนทุ่งหญ้าสีเลือดราวกับสายลมพเนจรพัดผ่าน เขาคนนั้นยืนตั้งตระหง่านต่อหน้ามันราวกับท้าทายมัน
"กรี๊ดดดดดดดด!!"
กรีดร้องไปก็มิได้ช่วยอะไร ร่างเธอถูกแส้อันมหึมาฟาดขาเธออย่างรุนแรง ส่งผลให้เธอลอยเคว้งคว้างสูงจากพื้นดิน พร้อมกับขาทั้ง2ขาที่ขาดกระเด็นหายไปตามแรงฟาด ตามด้วยเลือดที่พุ่งออกมาควงเป็นวงกลมอย่างดงาม
ทว่ามันไม่สาแก่ใจเจ้าสัตว์ประหลาด
"ORAAAA....."
ท่อนแขนทั้ง2ข้างยกสูงขึ้น.....
แขนขวาเป็นแขนแรกที่ถูกง้างขึ้นมา....
แส้ขวาตวัดเปิดก่อน....จากนั้นมหกรรมหวดแหลกก็บังเกิด.....
"ORA! ORA! ORA! ORAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAA!!!!!!!!"
แส้ทั้ง2ฟาดซ้ายขวาซ้ายขวาอย่างบ้าคลั่งเหมือนลมกันโชก ความเร็วและพลังในการฟาดอันไม่ธรรมดาบวกกับความเปราะบางของร่างกายมนุษย์ ร่างกายของหญิงสาวถูกกระหน่ำฟาดไม่ยั้ง ไม่นานร่างกายเธอก็ถูกฟาดจนร่างแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดี กระจัดกระจายไปไม่เหลือซาก
ร่างอันแหลกเหลวกลายเป็นฝนเลือดสาดใส่ทั่วบริเวณ ย้อมทุกสิ่งให้เป็นสีเลือดราวกับที่นี่คือฝันร้าย ก่อนมีเศษเนื้อเล็กๆบางส่วนตกลงมาตามหลัง
"..............."
ต่อมาไม่นานมีเศษมันสมองสีชมพูย้อมเลือดตกมาเปรอะใบหน้าชายผอม เขานั่งเข่าอ่อนไปชั่วครู่ก่อนล้มลงไปในสภาพน้ำลายพูมปาก แววตาฉายความกลัวที่ฝึงลึกไปถึงรากเง้าจิตใจ
เสร็จไป2 เหลือ1 บัดนี้ถึงเวลาเสียทีที่ต้องสำเร็จโทษเหล่าผู้โง่เขลาคนสุดท้ายเสียที
มันค่อยๆยกเท้าขึ้นหมายจะบดขยี้ร่างชายผอม ในจังหวะนั้นเอง.....
"นี่น่ะหรือ สัตว์อเวจีที่เกิดจากวิญญาณความแค้นของเหล่าผู้คนที่ถูกแย่งจอง"
"Who are You?"
ไม่รู้ว่าตอนไหนมีคนในชุดนักเวทย์สีดำ สวมฮู้ดคลุมหัวปรากฏขึ้นบนทุ่งหญ้าสีเลือดราวกับสายลมพเนจรพัดผ่าน เขาคนนั้นยืนตั้งตระหง่านต่อหน้ามันราวกับท้าทายมัน
"คุณน่ะควรปล่อยวางเสียบ้างเถอะ
ผมรู้นะว่าคุณแค้นมากแต่คุณก็ฆ่าคนมามากไปแล้ว นี่คือคำเตือน
คุณจงไปจากที่นี่และเลิกฆ่าคนอื่นได้แล้วสัตว์อเวจีจากความแค้น โซรุม"
เขาคนนั้นพูดเตือนกับสัตว์ประหลาดร่างยักษ์หน้าตาเฉย เหมือนครูเตือนนักเรียนและให้โอกาสแก้ตัว
"Don't understand me! You can't understand my feeling! Just DIE NOW!"
ทว่านั้นเป็นการยั่วโทสะที่เดือดตลอดเวลาให้เดือดขึ้นอีก โซรัมตวัดแส้อีกครั้งเข้ากะจะตัดหัวคนผู้มาใหม่ให้ขาด
ฝุบ!
ในเสี้ยววิก่อนแส้จะสะบั้นคอ เขาย่อเข่าลงนิดหนึ่งหลบฉิวเฉียดแต่แส้กลับโดนฮู้ดขาดวิ่นแทน
สายลมโฮกใหญ่อาบร่างชายหนุ่ม หอบเอาเศษผ้าฮู้ดปลิวไปข้างบน
เผยให้เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มวัยรุ่นผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกาแฟดำ รุ่นราวอายุ15ปี กำลังทำหน้านัยว่า ช่วยไม่ได้นะ
"ผมเตือนแล้วนะ........."
กล่าวจบเด็กหนุ่มเลิกใช้วิธีฉันท์มิตรมาเป็นวิธีใช้ความรุนแรง ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบใจอย่างแรงนัก ทว่าในเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องคงช่วยไม่ได้นัก
ดาบรูปร่างแปลกประหลาดถูกเด็กหนุ่มชักออกมาจากข้างลำตัว มันเป็นดาบที่มีตัวคั่นกลางระหว่างด้ามดาบกับใบดาบเป็นวงล้อวงกลมขนาดเท่าจานข้าว ใจกลางวงล้อเป็นสีดำสนิทแล้วมีวงล้อสีเงินล้อมทับอีกที ใบดาบเป็นทรงยุโรปตัดแดง ปลายดาบเป็นหัวคล้ายลูกศร ด้ามจับดำสีดำตัดแดงมีปุ่มคล้ายไกปืนก็ไม่เชิงอยู่ด้านข้างด้ามดาบ
ความจริงเด็กหนุ่มมีหลายวิธีที่น่าจะช่วยเจ้าสัตว์ประหลาด ไม่สิ สัตว์อเวจีได้ แต่บัดนี้มันหมกมุ่นกับความแค้นที่ถูกเหล่าผู้คนชิงปักธงจองตัวละครก่อน มันเกินสายแล้วเหมือนคราบสกปรกในโบราณสถาน100ปี
"ถึงไม่อยากจะทำแต่ถ้าไม่หยุดคุณต้องมีคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตายไปมากกว่านี้ อโหสิเถอะนะ"เด็กหนุ่มพูดขึ้นพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่
เด็กหนุ่มชูดาบคู่ใจขึ้นบนฟ้า พร้อมกดไปที่ปุ่มข้างด้ามดาบอย่างรวดเร็ว
"ออร์บิส!"
สิ้นคำวงล้อคั่นดาบเกิดหมุนขึ้นมาอย่างรุนแรง มันหมุนเร็วขึ้นเรื่อยจนเกิดประกายแสงสีฟ้าปริมาณมหาศาลฟุ้งกระจายไปรอบบริเวณ ก่อนจะห่อหุ้มร่างเด็กหนุ่มไปทั่วตัว
ทว่าโซรุมไม่สนและไม่คิดจะไม่ให้มันเกิดด้วย มันฟาดแส้ลงอีกครั้งและคราวนี้ไม่พลาดแน่!
ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มที่ถูกประกายสีฟ้าห่อหุ้มร่างพลันเปล่าแสงอันเจิดจ้า ทำให้โซรุมตาพร่าและโจมตีพลาดไปโดนตรงอื่นแทน
แสงอันเจิดจ้าพวยพุ่งจากพื้นนับ40เมตร แล้วมันก็กลายเป็นบางสิ่งที่ใหญ่โต.......
เปรี้ยง!
......และทรงพลัง
ทว่านั้นเป็นการยั่วโทสะที่เดือดตลอดเวลาให้เดือดขึ้นอีก โซรัมตวัดแส้อีกครั้งเข้ากะจะตัดหัวคนผู้มาใหม่ให้ขาด
ฝุบ!
ในเสี้ยววิก่อนแส้จะสะบั้นคอ เขาย่อเข่าลงนิดหนึ่งหลบฉิวเฉียดแต่แส้กลับโดนฮู้ดขาดวิ่นแทน
สายลมโฮกใหญ่อาบร่างชายหนุ่ม หอบเอาเศษผ้าฮู้ดปลิวไปข้างบน
เผยให้เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มวัยรุ่นผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกาแฟดำ รุ่นราวอายุ15ปี กำลังทำหน้านัยว่า ช่วยไม่ได้นะ
"ผมเตือนแล้วนะ........."
กล่าวจบเด็กหนุ่มเลิกใช้วิธีฉันท์มิตรมาเป็นวิธีใช้ความรุนแรง ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบใจอย่างแรงนัก ทว่าในเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องคงช่วยไม่ได้นัก
ดาบรูปร่างแปลกประหลาดถูกเด็กหนุ่มชักออกมาจากข้างลำตัว มันเป็นดาบที่มีตัวคั่นกลางระหว่างด้ามดาบกับใบดาบเป็นวงล้อวงกลมขนาดเท่าจานข้าว ใจกลางวงล้อเป็นสีดำสนิทแล้วมีวงล้อสีเงินล้อมทับอีกที ใบดาบเป็นทรงยุโรปตัดแดง ปลายดาบเป็นหัวคล้ายลูกศร ด้ามจับดำสีดำตัดแดงมีปุ่มคล้ายไกปืนก็ไม่เชิงอยู่ด้านข้างด้ามดาบ
ความจริงเด็กหนุ่มมีหลายวิธีที่น่าจะช่วยเจ้าสัตว์ประหลาด ไม่สิ สัตว์อเวจีได้ แต่บัดนี้มันหมกมุ่นกับความแค้นที่ถูกเหล่าผู้คนชิงปักธงจองตัวละครก่อน มันเกินสายแล้วเหมือนคราบสกปรกในโบราณสถาน100ปี
"ถึงไม่อยากจะทำแต่ถ้าไม่หยุดคุณต้องมีคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตายไปมากกว่านี้ อโหสิเถอะนะ"เด็กหนุ่มพูดขึ้นพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่
เด็กหนุ่มชูดาบคู่ใจขึ้นบนฟ้า พร้อมกดไปที่ปุ่มข้างด้ามดาบอย่างรวดเร็ว
"ออร์บิส!"
สิ้นคำวงล้อคั่นดาบเกิดหมุนขึ้นมาอย่างรุนแรง มันหมุนเร็วขึ้นเรื่อยจนเกิดประกายแสงสีฟ้าปริมาณมหาศาลฟุ้งกระจายไปรอบบริเวณ ก่อนจะห่อหุ้มร่างเด็กหนุ่มไปทั่วตัว
ทว่าโซรุมไม่สนและไม่คิดจะไม่ให้มันเกิดด้วย มันฟาดแส้ลงอีกครั้งและคราวนี้ไม่พลาดแน่!
ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มที่ถูกประกายสีฟ้าห่อหุ้มร่างพลันเปล่าแสงอันเจิดจ้า ทำให้โซรุมตาพร่าและโจมตีพลาดไปโดนตรงอื่นแทน
แสงอันเจิดจ้าพวยพุ่งจากพื้นนับ40เมตร แล้วมันก็กลายเป็นบางสิ่งที่ใหญ่โต.......
เปรี้ยง!
......และทรงพลัง
หมัดดุ้นๆถูกซัดเข้าปลายคางโซรัมอย่างจังๆ มันถึงกับล้มไปกองวัดพื้นแทบจะทันใด
แสงอันเจิดจ้าก่อตัวเป็นมนุษย์ยักษ์40เมตร บนตัวมีสีแดงเป็นหลัก สีเงินเป็นลวดลายเสริมความน่าเกรงขาม ส่วนหัวเป็นสีเงินหน้าตาคล้ายคลึงกับพระพุทธรูปก็ไม่เชิง มีดวงตาสีนิลออกเนื้อเป็นวงรีเฉียงลง มีปุ่มแสงสีฟ้าอยู่กลางหน้าผาก จุดเด่นจริงๆ ใจกลางหน้าอกมีวงแหวนสีฟ้าเรืองแสง แผงหน้าอกมีลวดลายตัว"}"เรียงอยู่คล้ายลายของสายลม
"DAMM YOU!!"
โซรัมที่พึ่งฟื้นมาตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด พร้อมตวัดแส้2มือทั้งแนวขวางแนวเฉียงเป็นพายุ
มนุษย์ยักษ์ตีลังกาถอยหลังหลบพายุแส้ออกมาได้
แต่โซรุมยังเดินหน้าฟาดต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งจนทำให้มนุษย์ยักษ์ต้องตีลังกาถอยหลังต่อไป
จนกระทั่งถอยหลังไปติดแนวสันเขาที่ใหญ่กว่า ทำให้ต้องสปริงตัวขึ้นมารับมือ
"DIE!!"
โซรุมไม่รอช้าตวัดแส้ทั้ง2ข้างออกหมายจะรัดร่างมนุษย์ยักษ์
ทว่ามนุษย์ยักษ์กลับกลิ้งโน้มตัวไปข้างหน้าหามันเพื่อหลบ
ก่อนจะหยุดตรงหน้าขามันแล้วจัดการเตะกวาดลานตัดขามันล้ม
จนล้มไปซะพื้นดินสะเทือน
ในช่วงที่โซรุมพยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง มนุษย์ยักษ์ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุด
ดีดตัวขึ้นมาจับขาทั้ง2ข้างของมัน
จากนั้นจับร่างมันเหวี่ยงเป็นวงกลมไปมา4-5 รอบ
การโดนจับเหวี่ยงไปมาไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์นัก
โลกของโซรุมหมุนไปเหวี่ยงมาจนแทบมองโลกขวาเป็นซ้าย บนเป็นล่าง
ก่อนจะถูกมนุษย์ยักษ์จับขว้างร่างมันกระแทกเข้ากับแนวสันเขาใกล้ๆ
จนหินผาแตกกระจาย
โซรุมพยายามรีบลุกให้ได้
ทว่าไม่นานนักมนุษย์ยักษ์พุ่งเข้ามาเตะเสยคางซ้ำอีกดอก
แรงมันถึงกับพาร่างนับหมื่นตันลอยจากพื้นสู่พื้น จนมันแน่นิ่งสนิทคาที่
เพื่อความชัวร์ มนุษย์ยักษ์ค่อยๆเดินมาตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง เขายื่นมือหวังจะเช็คว่ามันตายหรือยัง ทว่านั่นเป็นกับดัก
โซรุมที่แสร้งว่านอนสลบอยู่ กลับตวัดแส้ข้างหนึ่งจับขามนุษย์ยักษ์
และกระชากล้มหงายหลังอย่างแรงจนพื้นดินสะเทือน มวลดินกระเพื่อมขึ้น
ได้ทีมันแล้ว มันลุกขึ้นแล้วฟาดไม่เลี้ยงเอาคืน
มนุษย์ยักษ์ถูกฟาดเข้าที่ลำตัวอย่างไม่ยั้งจนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
โซรุมที่ได้ยินก็ยิ่งสะใจเข้าไปใหญ่พร้อมใส่แรงฟาดขึ้นอีกจนมนุษย์ยักษ์เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
"I got you."มันพูดด้วยความสะใจ
เพื่อแก้เกมมนุษย์ยักษ์ฝืนความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ
พลังในตัวได้มาสถิตใจกลางหน้าอกจนถึงขีดสุด หน้าอกพลันเกิดแสงแรงจ้า
ทั่วบริเวณพลันเป็นสีขาววูบเดียว
โซรุมที่แสบตาต้องเอามือที่เป็นแส้ทั้ง2ข้างมาป้องตา
เปิดโอกาสให้มนุษย์เตะผลักร่างมันออกไป
ในเมื่อตามันยังพล่าอยู่ มนุษย์ยักษ์ฟันศอกเข้าข้างแก้มโซรุมจนมันหน้าสะบั้น และระดมซัดหมัดซ้ายขวาเป็นชุดๆไม่ยั้งเข้าท้องมัน ก่อนจะต่อยมันฮุคท้องซ้ำจุดเดิมทำเอามันถอยหลังไปหลายก้าว เกือบได้ล้มลงอีกครั้ง
"You can't beat me!"
โซรุมหายตาพล่าแล้วพร้อมตะโกนด้วยความโมโห มันฟาดแส้ขวาตวัดเฉียงลง แต่มนุษย์ยักษ์กระโดดกลิ้งตัวมาทางด้านข้างขวาเพื่อหลบ แล้วลุกขึ้นมารวบรวมพลังไว้มือขวา จากนั้นชกหมัดขวาพร้อมปล่อยกระสุนแสงใส่
เปรี้ยง!
ราวกับเสียงอัดกระแทกหนัก กระสุนแสงยิงเข้าไปที่หน้าอกของโซรุมเข้าจังเบอร์ ราวกับมีมวลสารอัดเข้าหน้าอกมัน ร่างมันถูกอัดกระแทกอย่างแรง พาร่างนับหมื่นตันดีดขึ้นขึ้นจากพื้นก่อนจะลอยถอยไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น
มนุษย์ยักษ์วิ่งเข้าไปหวังจะซ้ำโซรุมที่กำลังลุก ทว่าโซรุมกลับลุกทันเสียก่อน ซ้ำร้ายมันหันหน้ามาทางมนุษย์ยักษ์ เผยความสามารถอีกอย่างของมันโดยตอนที่ล้มคว่ำหน้าไปตะกี้มันแอบกินดินเข้าไปจำนวนหนึ่ง ทันทีที่มนุษย์ยักษ์เข้าในระยะมันก็พ่นดินออกมาเป็นฝุ่นดินใส่ใบหน้ามนุษย์ยักษ์เต็มๆ
นี่ไม่ใช่การโจมตีเพราะการพ่นดินไม่ได้ทำให้ศัตรูเจ็บหรือแสบตาด้วยซ้ำ แต่มันคือการซื้อเวลาต่างหาก
ฝุ่นดินบดบังวิสัยทัศน์มนุษย์ยักษ์ ด้วยความตกใจเขาต้องก้าวถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อตั้งหลัก สอดตาซ้ายขวาเพื่อหาศัตรู
ไม่นานสายลมได้หอบพัดฝุ่นดินหายไป.....
"!?"
ถ้ามนุษย์ยักษ์แสดงสีหน้าได้คงแสดงสีหน้าตกใจแน่แท้
โล่ง(?) สภาพรอบตัวโล่งไปหมด ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตไซส์เดียวกับตัวเองที่ฟัดกันดุเด็ดเผ็ดมันส์เมื่อตะกี้ ถึงจะมีร่องรอยการต่อสู้ให้เห็นบ้างก็เถอะ
หน้าค่อยๆหันไปทางหนึ่งห่างจากเขาไปสัก6-7ก้าว มีหลุมใหม่ที่คล้าย 'อะไรบางอย่างขุดลงไปใต้ดิน' แค่นี้มนุษย์ยักษ์พลันสัมผัสถึงเค้าลางความบรรลัยแล้ว
ครืนนน!!
"อุบ!"มนุษย์ยักษ์ส่งเสียงจุกท้อง
พื้นดินใกล้ใต้เท้าเกิดแตกขึ้นมา ร่างอสูรร้ายพุ่งทะลวงจากผิวดิน พุ่งชนเข้าใส่ท้องมนุษย์ยักษ์เต็มแรง ความแรงในการชนมิใช่เล่นถึงขนาดพาร่างยักษ์กระดอนไปหลังนับสิบเมตรแล้วกระแทกลงพื้นด้วยความจุก
ร่างนั้นคือ โซรัม และความสามารถอันร้ายกาจที่สุด คือ การดำดินได้ ซึ่งสมัยก่อนเคยมีผู้คนต่อหลายคนพยายามจะกำจัดมันมานักต่อนัก ผลกลับเป็นความล้มเหลวเพราะเจ้าความสามารถนี้เนี่ยแหละ ใช้ทั้งหนีหรือโจมตีไปในตัว แม้จะเรียบง่ายแต่น่ากลัว
"This is my turn!"
หลังกล่าวจบโซรุมก็มุดดินหนีอีกครั้ง มนุษย์ยักษ์จึงรีบลุกยืนอีกครั้ง ทว่าไม่นานโซรุมก็พุ่งทะลวงจากดินมาพุ่งชนใส่มนุษย์ยักษ์อีกครั้ง ส่งผลให้เขาล้มลงไปอีกครั้ง
ราวกับวนลูปไม่ว่ามนุษย์ยักษ์จะลุกขึ้นมาอีกกี่ครั้ง ไม่วายยังถูกโซรุมพุ่งจากใต้ดินชนจนล้มซ้ำอีกรอบ มนุษย์ยักษ์แทบมิอาจจะโต้ตอบได้ เขาไม่สามารถคาดเดาการโจมตีได้ว่าจะโจมตีเวลาไหน ยากจะป้องกันโดยแท้
เปรี้ยง!!
จนกระทั่งจังหวะหนึ่งโซรุมดำดินด้วยความลึกมากกว่าเดิม ก่อนจะพุ่งมาชนเข้าที่ท้องมนุษย์ยักษ์สุดแรงเกิด คราวนี้ร่างมนุษย์ยักษ์กระเด็นยาว และกระแทกกับแนวสันเขาจนหินผาร้าว ร่างแทบจะติดเกือบแนวสันเขาแงะแทบไม่ออก
'แย่แล้ว!'
การโจมตีเมื่อกี้สาหัส เขาเริ่มเจ็บปวดไปทั่วร่างคล้ายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ท้องยังจุกไปหมด งานนี้วิกฤตของแท้!
โซรุมค่อยๆผุดขึ้นมาจากพื้นดินอย่างช้าๆต่อหน้ามนุษย์ยักษ์คล้ายเย้ย จากนั้นมันง้างฟาดทั้ง2ข้างฟาดใส่มนุษย์ยักษ์ในสภาพนั้นทันที
เสี้ยววิมนุษย์ยักษ์ยื่นมือ2ข้างมาข้างหน้า พลังงานในร่างถูกแปรเปลี่ยนออกมาเป็นม่านพลังวงกลมขึ้นมาป้องกันการระดมโจมตีจากแส้มันได้สำเร็จ
โซรุมยังไม่ยอมเลิกง่ายๆ ในเมื่อยังมีม่านพลังคอยก็บ่เป็นหยังดอก แส้คู่ระดมใส่ม่านพลังอย่างโหมหนักดุจพายุ จนม่านพลังเริ่มแตกร้าวเหมือนกระจกแล้ว
"โอ้วววว........"มนุษย์ยักษ์กู่ร้อง
เขารีดเค้นแรงในร่างกายทั้งหมด กล้ำกลืนความเจ็บปวดแล้วพยายามดันร่างตัวเองให้ออกจากการติดแง่ะคาแนวสันเขาให้ได้
ครืนนน!
สำเร็จ เขาดันตัวเองออกจากแนวสันเขาออกมาได้จนหินผาบางส่วนกระจายออกเป็นแผ่นๆในตอนเอาตัวออก ทำเอาโซรุมผงะหยุดชั่วครู่ จากนั้นถีบม่านพลังที่เขาสร้างเต็มแรง
ม่านพลังที่ถูกถีบพุ่งเข้าไปกระแทกใส่โซรุมเน้นๆ มิได้แบ่งปันใคร ส่งร่างโซรุมล้มลงกับพื้นอีกครา
โซรุมเห็นท่าไม่ดี ถ้าดูล่ะก็ทางมนุษย์ยักษ์เก่งกว่ามันแน่แต่ประสบการณ์ยังน้อย ทางมันก็แค่มีประสบการณ์เยอะกว่ากับถนัดเล่นทีเผลอเท่านั้น มันจึงตัดสินใจจะลุกแล้วรีบมุดดินทันที
บรึ้ม!
ก่อนมันจะทำได้ดั่งใจหวัง ทันทีที่ลุกขึ้นแล้วกำลังจะเตรียมขุดดิน มนุษย์ยักษ์ใช้จังหวะนี้ซัดพลังจากฝ่ามือรูปหัวลูกศร ใส่กลางกระหม่อนจนเกิดการระเบิดขึ้น
ทว่าท่านี้ ไม่สิ ท่าแฮนด์สเลซ มีอานุภาพทำลายต่ำเป็นทุนเดิม ไม่สามารถใช้ในการปลิดชีพตัวไซส์เดียวกันได้ ยกเว้น ศัตรูตัวเล็กกระจ้อยหรือปางตายจริงๆ มนุษย์ยักษ์ไม่คิดจะปลิดชีพด้วยท่านี้ตั้งแต่แรกแน่
สิ้นควันฝุ่นจากการแรงระเบิด โซรุมยกมือที่เป็นแส้ทั้ง2ข้างมากุมหัวและร้องโอดอวยด้วยความเจ็บปวดยันทรวงใน บัดนี้หนวดบนหัวของมันทั้งหมดถูกระเบิดเป็นจุลไปเสียแล้ว
ขออธิบาย ในยามที่โซรุมต้องดำดินมันจำเป็นต้องมีเซนเซอร์หรืออะไรบางอย่างที่ช่วยนำทางไม่ให้หลงทางขณะดำดิน ซึ่งอวัยวะที่ทำหน้าที่อันนี้ก็คือหนวดบนหัวของมัน แต่มันกลับโดนทำลายไปเสียแล้ว
หมายความว่า ตอนนี้มันมิอาจดำดินได้ตลอดชีวิต และสถานการณ์ได้พลิกกับมาทางฝั่งมนุษย์ยักษ์
"I going to kill you today!!!"
ด้วยความโกรธถึงขีดสุด โซรุมที่โกธาวิ่งเข้าประจันหน้ามนุษย์ยักษ์อย่างบ้าคลั่งกันตรงๆ จนทุกก้าวที่เหยียบพื้นถึงสะเทือนไปทั่ว ดินกระเพื่อมขึ้น ในขณะมนุษย์ยักษ์ก็วิ่งเข้าประจันกันตรงๆจนดินกระเพื่อมเหมือนกัน
แส้ซ้ายตวัดกลางลานลงหวังตัดขามนุษย์ยักษ์ที่ห่างกัน5ก้าว มนุษย์ยักษ์จึงกระโดดใส่โซรุมเพื่อหลบแส้ ก่อนรวบร่างมันลงกับพื้นกันทั้งคู่
โซรุมพยายามจะลุกขึ้นก่อนแต่ช้าไป มนุษย์ยักษ์ลุกมาก่อนจะจับแส้ซ้ายมัน และจัดการกระชากมันให้ตรึงสุดแรงให้ขาดให้ได้จนเจ้าของร้องจ๊าก
ฉัวะ!
เขาใช้มือซ้ายจับแส้ ส่วนแขนขวาง้างขึ้นแล้วฟาดสันมือเต็มแรง ตัดแส้ซ้ายมันจนขาดสะบั้น ราวกับตัดเส้นด้ายธรรมดา
"F_CK! F_CK! F_CK! F_CK! F_CK! F_CK! F_CK!!!!"โซรุมถอนแขนซ้ายออกอย่างเจ็บปวด
ด้วยความโกรธแค้นมันตวัดแส้ขวาที่อยู่เหลืออยู่ใส่มนุษย์ยักษ์ระยะประชิด หายจะเอาคืน เหมือนว่ามันคงจะลืมอะไรไป
แส้ของมันจะใช้ได้ดีในระยะกลางกับไกล แต่ใช้ไม่ค่อยได้กับระยะใกล้หรือโดนเข้าคลุกวงใน โซรุมคงโกรธจนลืมจุดบอดข้อนี้เสียสนิท
มนุษย์ยักษ์ตอบแทนค่าโง่ให้โดยจับล็อคไหล่ขวามันไว้ และบิดขึ้นให้แน่นทำให้แส้ไม่ทันถึงตัว จากนั้นคว้าไหล่มันจับทุ่มข้ามสะโพกไป
การทุ่มนั้นทุ่มสุดแรงเอาการ แผ่นหลังโซรุมปะทะพื้นดินอย่างไร้ที่รองเต็มเม็ดเต็มหน่วย เป็นเหตุให้แผ่นดินแตกกระจายเป็นหลุมกว้าง เศษดินกระจายไปทั่ว
โซรุมปวดบริเวณแผ่นหลังอย่างรุนแรงชนิดเหมือนสันหลังจะหักก็ไม่หักไม่ปาน รอบนี้มันเจ็บหนักชนิดลุกแทบไม่ขึ้นแล้ว ทว่าฟ้ายังคงแกล้งมันอีก
มนุษย์ยักษ์เมื่อเห็นดังนั้น เขาไม่รอช้าจับแส้ขวาดึงมาให้ตึง แล้วเค้นแรงจับกระชากขึ้นมาและเหวี่ยงมันเป็นวงกลม ตัวเองเป็นศูนย์กลางขณะจับแส้ขวามันเหวี่ยงไปเหนือพื้นดินพร้อมร่างมัน
ปึด!
แน่นอนการจับเหวี่ยงแส้ที่เสมือนมือของมันไม่ใช่สนุกสำหรับคน(หรือตัว?)โดนแน่ แส้ขวาที่โดนเหวี่ยงไปมาไม่ได้แข็งแรงขนาดทนน้ำหนักของเจ้าของมันและแรงเหวี่ยงศูนย์กลางได้ ในไม่กี่อึดใจต่อมาแส้ข้างสุดท้ายก็ขาดปึดราวกับเชือกด้าย
เมื่อที่รั้งไม่ให้หลุดจากการเหวี่ยงอย่างแส้ขวาขาด โซรุมลอยไปตามแรงเหวี่ยงก่อนร่วงหน้ากระแทกกับพื้นดินตามระเบียบ
มนุษย์ยักษ์ถอยหลังออกไปตั้งท่ารอดูสถานการณ์ โซรุมค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างช้า ดวงตามันเต็มไปด้วยความแค้นอันระอุศัตรูตรงหน้า ตามันจ้องมืออดีตมือที่ขาดสลับซ้ายขวา
ยิ่งมองก็ยิ่งแค้น อาวุธอันภาคภูมิใจของมันกลับถูกไอ้เด็กบ้าตัวไหนก็ไม่รู้แปลงร่างเป็นมนุษย์ยักษ์ แล้วทั้งอัดทั้งทำลายสิ่งที่ภาคภูมิมาโดยตลอด
ถ้าจะตายๆก็ขอพาไอ้เด็กนรกนี่ไปลงนรกด้วยเลยก็แล้วกัน!!
"กี๊ซซซซซซซซซ!!"
โซรุมกู่ร้องราวสัตว์ร้าย ก่อนเกร็งขา2ขาถีบพุ่งเข้าดับเครื่องชนให้มนุษย์ยักษ์ด้วยความเร็วดุจสว่าน ทว่ามนุษย์ยักษ์ไหวตัวทันโดยเบี่ยงไปซ้าย ทำให้จุดมุ่งหมายในการพุ่งชนเฉียดสีข้างขวาแทน
ทันทีที่หัวเกือบจะถึงสีข้างขวาไม่กี่มิล มนุษย์ยักษ์คว้ามือจับล็อคคอมันรวดเร็ว และจัดการทิ้งน้ำหนักตัวกดคอมันให้กระแทกพื้นสุดแรงเกิด
กร๊อบ!
ในเมื่อตามันยังพล่าอยู่ มนุษย์ยักษ์ฟันศอกเข้าข้างแก้มโซรุมจนมันหน้าสะบั้น และระดมซัดหมัดซ้ายขวาเป็นชุดๆไม่ยั้งเข้าท้องมัน ก่อนจะต่อยมันฮุคท้องซ้ำจุดเดิมทำเอามันถอยหลังไปหลายก้าว เกือบได้ล้มลงอีกครั้ง
"You can't beat me!"
โซรุมหายตาพล่าแล้วพร้อมตะโกนด้วยความโมโห มันฟาดแส้ขวาตวัดเฉียงลง แต่มนุษย์ยักษ์กระโดดกลิ้งตัวมาทางด้านข้างขวาเพื่อหลบ แล้วลุกขึ้นมารวบรวมพลังไว้มือขวา จากนั้นชกหมัดขวาพร้อมปล่อยกระสุนแสงใส่
เปรี้ยง!
ราวกับเสียงอัดกระแทกหนัก กระสุนแสงยิงเข้าไปที่หน้าอกของโซรุมเข้าจังเบอร์ ราวกับมีมวลสารอัดเข้าหน้าอกมัน ร่างมันถูกอัดกระแทกอย่างแรง พาร่างนับหมื่นตันดีดขึ้นขึ้นจากพื้นก่อนจะลอยถอยไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น
มนุษย์ยักษ์วิ่งเข้าไปหวังจะซ้ำโซรุมที่กำลังลุก ทว่าโซรุมกลับลุกทันเสียก่อน ซ้ำร้ายมันหันหน้ามาทางมนุษย์ยักษ์ เผยความสามารถอีกอย่างของมันโดยตอนที่ล้มคว่ำหน้าไปตะกี้มันแอบกินดินเข้าไปจำนวนหนึ่ง ทันทีที่มนุษย์ยักษ์เข้าในระยะมันก็พ่นดินออกมาเป็นฝุ่นดินใส่ใบหน้ามนุษย์ยักษ์เต็มๆ
นี่ไม่ใช่การโจมตีเพราะการพ่นดินไม่ได้ทำให้ศัตรูเจ็บหรือแสบตาด้วยซ้ำ แต่มันคือการซื้อเวลาต่างหาก
ฝุ่นดินบดบังวิสัยทัศน์มนุษย์ยักษ์ ด้วยความตกใจเขาต้องก้าวถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อตั้งหลัก สอดตาซ้ายขวาเพื่อหาศัตรู
ไม่นานสายลมได้หอบพัดฝุ่นดินหายไป.....
"!?"
ถ้ามนุษย์ยักษ์แสดงสีหน้าได้คงแสดงสีหน้าตกใจแน่แท้
โล่ง(?) สภาพรอบตัวโล่งไปหมด ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตไซส์เดียวกับตัวเองที่ฟัดกันดุเด็ดเผ็ดมันส์เมื่อตะกี้ ถึงจะมีร่องรอยการต่อสู้ให้เห็นบ้างก็เถอะ
หน้าค่อยๆหันไปทางหนึ่งห่างจากเขาไปสัก6-7ก้าว มีหลุมใหม่ที่คล้าย 'อะไรบางอย่างขุดลงไปใต้ดิน' แค่นี้มนุษย์ยักษ์พลันสัมผัสถึงเค้าลางความบรรลัยแล้ว
ครืนนน!!
"อุบ!"มนุษย์ยักษ์ส่งเสียงจุกท้อง
พื้นดินใกล้ใต้เท้าเกิดแตกขึ้นมา ร่างอสูรร้ายพุ่งทะลวงจากผิวดิน พุ่งชนเข้าใส่ท้องมนุษย์ยักษ์เต็มแรง ความแรงในการชนมิใช่เล่นถึงขนาดพาร่างยักษ์กระดอนไปหลังนับสิบเมตรแล้วกระแทกลงพื้นด้วยความจุก
ร่างนั้นคือ โซรัม และความสามารถอันร้ายกาจที่สุด คือ การดำดินได้ ซึ่งสมัยก่อนเคยมีผู้คนต่อหลายคนพยายามจะกำจัดมันมานักต่อนัก ผลกลับเป็นความล้มเหลวเพราะเจ้าความสามารถนี้เนี่ยแหละ ใช้ทั้งหนีหรือโจมตีไปในตัว แม้จะเรียบง่ายแต่น่ากลัว
"This is my turn!"
หลังกล่าวจบโซรุมก็มุดดินหนีอีกครั้ง มนุษย์ยักษ์จึงรีบลุกยืนอีกครั้ง ทว่าไม่นานโซรุมก็พุ่งทะลวงจากดินมาพุ่งชนใส่มนุษย์ยักษ์อีกครั้ง ส่งผลให้เขาล้มลงไปอีกครั้ง
ราวกับวนลูปไม่ว่ามนุษย์ยักษ์จะลุกขึ้นมาอีกกี่ครั้ง ไม่วายยังถูกโซรุมพุ่งจากใต้ดินชนจนล้มซ้ำอีกรอบ มนุษย์ยักษ์แทบมิอาจจะโต้ตอบได้ เขาไม่สามารถคาดเดาการโจมตีได้ว่าจะโจมตีเวลาไหน ยากจะป้องกันโดยแท้
เปรี้ยง!!
จนกระทั่งจังหวะหนึ่งโซรุมดำดินด้วยความลึกมากกว่าเดิม ก่อนจะพุ่งมาชนเข้าที่ท้องมนุษย์ยักษ์สุดแรงเกิด คราวนี้ร่างมนุษย์ยักษ์กระเด็นยาว และกระแทกกับแนวสันเขาจนหินผาร้าว ร่างแทบจะติดเกือบแนวสันเขาแงะแทบไม่ออก
'แย่แล้ว!'
การโจมตีเมื่อกี้สาหัส เขาเริ่มเจ็บปวดไปทั่วร่างคล้ายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ท้องยังจุกไปหมด งานนี้วิกฤตของแท้!
โซรุมค่อยๆผุดขึ้นมาจากพื้นดินอย่างช้าๆต่อหน้ามนุษย์ยักษ์คล้ายเย้ย จากนั้นมันง้างฟาดทั้ง2ข้างฟาดใส่มนุษย์ยักษ์ในสภาพนั้นทันที
เสี้ยววิมนุษย์ยักษ์ยื่นมือ2ข้างมาข้างหน้า พลังงานในร่างถูกแปรเปลี่ยนออกมาเป็นม่านพลังวงกลมขึ้นมาป้องกันการระดมโจมตีจากแส้มันได้สำเร็จ
โซรุมยังไม่ยอมเลิกง่ายๆ ในเมื่อยังมีม่านพลังคอยก็บ่เป็นหยังดอก แส้คู่ระดมใส่ม่านพลังอย่างโหมหนักดุจพายุ จนม่านพลังเริ่มแตกร้าวเหมือนกระจกแล้ว
"โอ้วววว........"มนุษย์ยักษ์กู่ร้อง
เขารีดเค้นแรงในร่างกายทั้งหมด กล้ำกลืนความเจ็บปวดแล้วพยายามดันร่างตัวเองให้ออกจากการติดแง่ะคาแนวสันเขาให้ได้
ครืนนน!
สำเร็จ เขาดันตัวเองออกจากแนวสันเขาออกมาได้จนหินผาบางส่วนกระจายออกเป็นแผ่นๆในตอนเอาตัวออก ทำเอาโซรุมผงะหยุดชั่วครู่ จากนั้นถีบม่านพลังที่เขาสร้างเต็มแรง
ม่านพลังที่ถูกถีบพุ่งเข้าไปกระแทกใส่โซรุมเน้นๆ มิได้แบ่งปันใคร ส่งร่างโซรุมล้มลงกับพื้นอีกครา
โซรุมเห็นท่าไม่ดี ถ้าดูล่ะก็ทางมนุษย์ยักษ์เก่งกว่ามันแน่แต่ประสบการณ์ยังน้อย ทางมันก็แค่มีประสบการณ์เยอะกว่ากับถนัดเล่นทีเผลอเท่านั้น มันจึงตัดสินใจจะลุกแล้วรีบมุดดินทันที
บรึ้ม!
ก่อนมันจะทำได้ดั่งใจหวัง ทันทีที่ลุกขึ้นแล้วกำลังจะเตรียมขุดดิน มนุษย์ยักษ์ใช้จังหวะนี้ซัดพลังจากฝ่ามือรูปหัวลูกศร ใส่กลางกระหม่อนจนเกิดการระเบิดขึ้น
ทว่าท่านี้ ไม่สิ ท่าแฮนด์สเลซ มีอานุภาพทำลายต่ำเป็นทุนเดิม ไม่สามารถใช้ในการปลิดชีพตัวไซส์เดียวกันได้ ยกเว้น ศัตรูตัวเล็กกระจ้อยหรือปางตายจริงๆ มนุษย์ยักษ์ไม่คิดจะปลิดชีพด้วยท่านี้ตั้งแต่แรกแน่
สิ้นควันฝุ่นจากการแรงระเบิด โซรุมยกมือที่เป็นแส้ทั้ง2ข้างมากุมหัวและร้องโอดอวยด้วยความเจ็บปวดยันทรวงใน บัดนี้หนวดบนหัวของมันทั้งหมดถูกระเบิดเป็นจุลไปเสียแล้ว
ขออธิบาย ในยามที่โซรุมต้องดำดินมันจำเป็นต้องมีเซนเซอร์หรืออะไรบางอย่างที่ช่วยนำทางไม่ให้หลงทางขณะดำดิน ซึ่งอวัยวะที่ทำหน้าที่อันนี้ก็คือหนวดบนหัวของมัน แต่มันกลับโดนทำลายไปเสียแล้ว
หมายความว่า ตอนนี้มันมิอาจดำดินได้ตลอดชีวิต และสถานการณ์ได้พลิกกับมาทางฝั่งมนุษย์ยักษ์
"I going to kill you today!!!"
ด้วยความโกรธถึงขีดสุด โซรุมที่โกธาวิ่งเข้าประจันหน้ามนุษย์ยักษ์อย่างบ้าคลั่งกันตรงๆ จนทุกก้าวที่เหยียบพื้นถึงสะเทือนไปทั่ว ดินกระเพื่อมขึ้น ในขณะมนุษย์ยักษ์ก็วิ่งเข้าประจันกันตรงๆจนดินกระเพื่อมเหมือนกัน
แส้ซ้ายตวัดกลางลานลงหวังตัดขามนุษย์ยักษ์ที่ห่างกัน5ก้าว มนุษย์ยักษ์จึงกระโดดใส่โซรุมเพื่อหลบแส้ ก่อนรวบร่างมันลงกับพื้นกันทั้งคู่
โซรุมพยายามจะลุกขึ้นก่อนแต่ช้าไป มนุษย์ยักษ์ลุกมาก่อนจะจับแส้ซ้ายมัน และจัดการกระชากมันให้ตรึงสุดแรงให้ขาดให้ได้จนเจ้าของร้องจ๊าก
ฉัวะ!
เขาใช้มือซ้ายจับแส้ ส่วนแขนขวาง้างขึ้นแล้วฟาดสันมือเต็มแรง ตัดแส้ซ้ายมันจนขาดสะบั้น ราวกับตัดเส้นด้ายธรรมดา
"F_CK! F_CK! F_CK! F_CK! F_CK! F_CK! F_CK!!!!"โซรุมถอนแขนซ้ายออกอย่างเจ็บปวด
ด้วยความโกรธแค้นมันตวัดแส้ขวาที่อยู่เหลืออยู่ใส่มนุษย์ยักษ์ระยะประชิด หายจะเอาคืน เหมือนว่ามันคงจะลืมอะไรไป
แส้ของมันจะใช้ได้ดีในระยะกลางกับไกล แต่ใช้ไม่ค่อยได้กับระยะใกล้หรือโดนเข้าคลุกวงใน โซรุมคงโกรธจนลืมจุดบอดข้อนี้เสียสนิท
มนุษย์ยักษ์ตอบแทนค่าโง่ให้โดยจับล็อคไหล่ขวามันไว้ และบิดขึ้นให้แน่นทำให้แส้ไม่ทันถึงตัว จากนั้นคว้าไหล่มันจับทุ่มข้ามสะโพกไป
การทุ่มนั้นทุ่มสุดแรงเอาการ แผ่นหลังโซรุมปะทะพื้นดินอย่างไร้ที่รองเต็มเม็ดเต็มหน่วย เป็นเหตุให้แผ่นดินแตกกระจายเป็นหลุมกว้าง เศษดินกระจายไปทั่ว
โซรุมปวดบริเวณแผ่นหลังอย่างรุนแรงชนิดเหมือนสันหลังจะหักก็ไม่หักไม่ปาน รอบนี้มันเจ็บหนักชนิดลุกแทบไม่ขึ้นแล้ว ทว่าฟ้ายังคงแกล้งมันอีก
มนุษย์ยักษ์เมื่อเห็นดังนั้น เขาไม่รอช้าจับแส้ขวาดึงมาให้ตึง แล้วเค้นแรงจับกระชากขึ้นมาและเหวี่ยงมันเป็นวงกลม ตัวเองเป็นศูนย์กลางขณะจับแส้ขวามันเหวี่ยงไปเหนือพื้นดินพร้อมร่างมัน
ปึด!
แน่นอนการจับเหวี่ยงแส้ที่เสมือนมือของมันไม่ใช่สนุกสำหรับคน(หรือตัว?)โดนแน่ แส้ขวาที่โดนเหวี่ยงไปมาไม่ได้แข็งแรงขนาดทนน้ำหนักของเจ้าของมันและแรงเหวี่ยงศูนย์กลางได้ ในไม่กี่อึดใจต่อมาแส้ข้างสุดท้ายก็ขาดปึดราวกับเชือกด้าย
เมื่อที่รั้งไม่ให้หลุดจากการเหวี่ยงอย่างแส้ขวาขาด โซรุมลอยไปตามแรงเหวี่ยงก่อนร่วงหน้ากระแทกกับพื้นดินตามระเบียบ
มนุษย์ยักษ์ถอยหลังออกไปตั้งท่ารอดูสถานการณ์ โซรุมค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างช้า ดวงตามันเต็มไปด้วยความแค้นอันระอุศัตรูตรงหน้า ตามันจ้องมืออดีตมือที่ขาดสลับซ้ายขวา
ยิ่งมองก็ยิ่งแค้น อาวุธอันภาคภูมิใจของมันกลับถูกไอ้เด็กบ้าตัวไหนก็ไม่รู้แปลงร่างเป็นมนุษย์ยักษ์ แล้วทั้งอัดทั้งทำลายสิ่งที่ภาคภูมิมาโดยตลอด
ถ้าจะตายๆก็ขอพาไอ้เด็กนรกนี่ไปลงนรกด้วยเลยก็แล้วกัน!!
"กี๊ซซซซซซซซซ!!"
โซรุมกู่ร้องราวสัตว์ร้าย ก่อนเกร็งขา2ขาถีบพุ่งเข้าดับเครื่องชนให้มนุษย์ยักษ์ด้วยความเร็วดุจสว่าน ทว่ามนุษย์ยักษ์ไหวตัวทันโดยเบี่ยงไปซ้าย ทำให้จุดมุ่งหมายในการพุ่งชนเฉียดสีข้างขวาแทน
ทันทีที่หัวเกือบจะถึงสีข้างขวาไม่กี่มิล มนุษย์ยักษ์คว้ามือจับล็อคคอมันรวดเร็ว และจัดการทิ้งน้ำหนักตัวกดคอมันให้กระแทกพื้นสุดแรงเกิด
กร๊อบ!
คอที่กดลงพร้อมร่างผู้กระทำอย่างรวดเร็ว
เมื่อบวกกับน้ำหนักตัวทั้งคู่และการลงกระแทกกับพื้นในองศาที่เกินคอจะงอไว้
ผลคือ โซรุมคอหักในทันใด
ยังไม่พอน้ำหนักตัวกับแรงกดยังกดหัวทะลุดิน
ปักหัวทิ่มคาเด๋เป็นเสาสัตว์ประหลาดหัวทิ่มพื้น
แน่นิ่งอยู่ตรงนั้นขยับไปไหนหรือกระดิกอะไรเลย
แม้ไม่รู้ว่าโซรุมจะตายสนิทหรือยัง มนุษย์ยักษ์เน้นชัวร์ เขาถอยมา3ก้าว
ก่อนจะรวมพลังงานไว้ในหมัดขวา
แล้วชกปล่อยกระสุนแสงท่าเดิมออกไปยิงใส่หน้าอกมันซ้ำเข้าจุดเดิมอีกครั้ง
กระสุนแสงยิงใส่หน้าอกมันเต็มๆโดยมิอาจขยับไปไหนได้ พลันเกิดปฏิกิริยาอันเหลือเชื่อขึ้นมา.....
บรึ้มมมมมมมม!!
เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นมาอย่างรุนแรงจากภายในร่างของโซรุม
แม้จะไม่ระเบิดชนิดเละเป็นๆชิ้น กระจุยกระจายเป็นโกโก้ครั้น
แต่มันทำให้ร่างของมันกลายเป็นตุ๊กตาเพลิง
ผิวสีเนื้อมันถูกเผาไหม้ด้วยอุณหภูมิสูง
แปรเปลี่ยนเป็นสีดำไหม้ ในเวลาไม่นานนักก็ส่งกลิ่นเหม็นไหม้โชย
ในเวลาไม่นานนักก็เกิดการระเบิดซ้ำดัง บรึ้ม อีกครา
ระเบิดร่างโซรุมกระจายเป็นเศษไหม้ๆติดไฟรอบบริเวณในที่สุด
นี่แหละคือฤทธิ์ของอีกท่าหนึ่งของมนุษย์ยักษ์ ซึ่งอาจเป็นท่าไม้ตายปิดฉากเลยก็ได้
นัคเคิลช็อต เป็นท่าที่รวบรวมพลังงาน ไม่สิ
พลังเวทย์มนตร์ในร่างกายแล้วชกออกไปเป็นกระสุนลำแสงเมื่อชั่วครู่ใส่ศัตรู
ทว่าจะต้องยิงเข้าซ้ำที่จุดเดิมถึง2ครั้ง
ในนัดแรกเมื่อถูกตัวศัตรูจะอัดกระแทกร่างมันและเป็นชนวนที่รอตัวจุดภายในตัวศัตรู
ส่วนนัดสองจะเป็นตัวจุดชนวนชั้นดีที่ทำให้ร่างศัตรูระเบิดในชั่วพริบตา
นี่เป็นจุดจบของสัตว์อเวจีอันร้ายกาจตัวนี้.....ด้วยท่านัคเคิลช็อตของเขา
การต่อสู้ได้สิ้นสุด
มนุษย์ยักษ์ไม่รอให้ชายผอมตื่นเพราะคิดว่าเดี๋ยวไม่นานชายร่างผอมก็ตื่นเอง
คงจะไม่มีอะไรมาทำร้ายเขาแน่ เขาจึงทะยานออกตัวจากพื้น และบินจากไปในที่สุด
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"นี่มันเกิดอะไรฟ่ะ"
นี่คือคำแรกจากชายผอมหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา
เขาจำความได้ว่าเขากลัวโซรุมจนสลบเหมือดไป พอตื่นมาอีก
ทุ่งหญ้าบนยอดเขาเละเทะไปหมด เห็นคราบเลือดก่อนหน้านั้นอยู่
ลุกขึ้นมาดูสภาพรอบข้างภูเขา ปรากฏว่า
มีร่องรอยการต่อสู้ระหว่างยักษ์เจอยักษ์ มีทั้งหลุมบ่อยุบไปเยอะ
พื้นดินบางส่วนแตกร้าวเพราะทนรับน้ำหนักไม่ไหว
แนวสันเขาอันใหญ่โตมีรอยเป็นตัวคนยักษ์ฝังไปลึก
แถมที่หลุมบ่ออันหนึ่งที่รอบข้างมีรอยไหม้คล้ายรอยระเบิด
รอบบริเวณมีเศษชิ้นส่วนติดไฟไม้อยู่ บางก็มอดไปแล้ว
สภาพที่เขาเห็นสามารถใช้คำนิยามว่า วินาศสันตะโร ได้แท้จริง
"ชิบหายแล้ว!! อยู่ไม่ได้แล้วตู!!"
ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ชาวร่างผอมรีบเช็ครอบตัว
เมื่อเสร็จก็รีบเผ่นอย่างไม่คิดชีวิต
ไม่สนใจที่จะอาลัยให้เพื่อนที่ตายหรืออะไรทั้งนั้น
เพราะขืนอยู่นานมีหวังตาย!
"เดี๋ยวก่อนสิพ่อหนุ่มอย่าเพิ่งไป"
จู่ๆมีเสียงของหนุ่มหล่อพร้อมเสียงหล่อมาขัดไว้
ชายผอมชะงักกึ้ก ก่อนหันไปหาต้นเสียงอย่างสงสัย
และเขาได้พบกับชายผู้มีใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา ร่างกำยำ
ใส่ชุดสีฟ้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ดูชาวบ้านเอามากๆ
กำลังนั่งบนเก้าอี้ไม้สาธารณะที่ไม่รู้โผล่มาได้ไงใต้ต้นแอปเปิ้ล
พร้อมเปิดเสื้อบางส่วนเผยหน้าอกอันแน่นๆ ส่งสัญญาณสีม่วงมาแต่ไกล
"น...นายเป็นใคร....?"ชายผอมถามตะกุกตะกัก เขาสังหรณ์ไม่ค่อยนักกับผู้มาใหม่
ชายผู้มาใหม่ไม่ตอบ เพียงยิ้มน้อยๆ และเอ่ยคำพูดสั้นๆขึ้นมาด้วยน้ำเสียงยั่วยวนและเชื้อเชิญว่า.....
ว่า....
ว่า......
ว่า.........
ว่า...........
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"ยาราไนก้า?"
นั่นแหละครับ ท่านผู้ชม..........
อีกด้านหนึ่ง
มนุษย์ยักษ์ได้บินจากสถานที่ต่อสู้มาไกล ตอนนี้ปุ่มสีฟ้ากลางหน้าอกเริ่มดับวูบสลับไปมา อันแสดงถึงขีดจำกัดเวลาในร่างนี้แล้ว
เขาค่อยๆลงจอดใกล้ริมลำธาร เมื่อลงจอดได้ร่างก็ส่องแสงจ้าไปทั่วบริเวณ
เมื่อแสงได้จางหายไปมนุษย์ยักษ์ได้กลับกลายมาเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้ง
"ฟู่ว........"
เด็กหนุ่มถอยหายใจเฮือก ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงกับพื้นหญ้าใกล้ลำธาร การต่อสู้เมื่อกี้สาหัสเอาการเพราะศัตรูตัวนี้มันแสบเขายอมรับจริงๆ แถมเหนื่อยอีกต่างหาก
"ขอบคุณนะ.....ออร์บิส"เขาชูดาบคู่ใจขึ้นฟ้าอย่างภาคภูมิ
ดาบนี้มีชื่อว่า ออร์บิส ซึ่งชื่อของมนุษย์ยักษ์ก็ใช้ชื่อนี้เช่นกัน
ดาบเล่มนี้เป็นดาบที่บรรพบุรุษสร้างกันจนถึงรุ่นพ่อของเขาที่สร้างเสร็จ อันเป็นสมบัติของตระกูล โดยได้เลียนแบบพลังมาจากเทพพระเจ้าที่เคยช่วยปกป้องบ้านเกิดเขาไว้เมื่อ500ปีก่อน ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่า5ปีที่แล้วดีกว่า
ใช่แล้ว เมื่อ5ปีก่อน เขาในวัย10ขวบได้เคยเจอเทพพระเจ้าองค์นั้นมาครั้งหนึ่งแล้วไงล่ะ!
"นายมองเห็นผมอยู่หรือเปล่านะเดอุส"เขาเอ่ยชื่อเทพพระเจ้าองค์นั้น
ถึงไม่รู้ว่าฝ่ายที่พูดถึงจะมองดูการต่อสู้เขาอยู่หรือเปล่า ที่แน่ๆเขาเริ่มชักง่วงขึ้นมาแล้วสิ
เด็กหนุ่มค่อยๆปิดเปลือกตาลง ทิ้งการต่อสู้ที่ผ่านมาให้เป็นอดีต โยนเรื่องที่คั้งคาในใจออกจากสมอง และเข้าสู่ห้วงนิทราเพื่อการเดินทางในวันใหม่ต่อไป
มนุษย์ยักษ์ได้บินจากสถานที่ต่อสู้มาไกล ตอนนี้ปุ่มสีฟ้ากลางหน้าอกเริ่มดับวูบสลับไปมา อันแสดงถึงขีดจำกัดเวลาในร่างนี้แล้ว
เขาค่อยๆลงจอดใกล้ริมลำธาร เมื่อลงจอดได้ร่างก็ส่องแสงจ้าไปทั่วบริเวณ
เมื่อแสงได้จางหายไปมนุษย์ยักษ์ได้กลับกลายมาเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้ง
"ฟู่ว........"
เด็กหนุ่มถอยหายใจเฮือก ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงกับพื้นหญ้าใกล้ลำธาร การต่อสู้เมื่อกี้สาหัสเอาการเพราะศัตรูตัวนี้มันแสบเขายอมรับจริงๆ แถมเหนื่อยอีกต่างหาก
"ขอบคุณนะ.....ออร์บิส"เขาชูดาบคู่ใจขึ้นฟ้าอย่างภาคภูมิ
ดาบนี้มีชื่อว่า ออร์บิส ซึ่งชื่อของมนุษย์ยักษ์ก็ใช้ชื่อนี้เช่นกัน
ดาบเล่มนี้เป็นดาบที่บรรพบุรุษสร้างกันจนถึงรุ่นพ่อของเขาที่สร้างเสร็จ อันเป็นสมบัติของตระกูล โดยได้เลียนแบบพลังมาจากเทพพระเจ้าที่เคยช่วยปกป้องบ้านเกิดเขาไว้เมื่อ500ปีก่อน ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่า5ปีที่แล้วดีกว่า
ใช่แล้ว เมื่อ5ปีก่อน เขาในวัย10ขวบได้เคยเจอเทพพระเจ้าองค์นั้นมาครั้งหนึ่งแล้วไงล่ะ!
"นายมองเห็นผมอยู่หรือเปล่านะเดอุส"เขาเอ่ยชื่อเทพพระเจ้าองค์นั้น
ถึงไม่รู้ว่าฝ่ายที่พูดถึงจะมองดูการต่อสู้เขาอยู่หรือเปล่า ที่แน่ๆเขาเริ่มชักง่วงขึ้นมาแล้วสิ
เด็กหนุ่มค่อยๆปิดเปลือกตาลง ทิ้งการต่อสู้ที่ผ่านมาให้เป็นอดีต โยนเรื่องที่คั้งคาในใจออกจากสมอง และเข้าสู่ห้วงนิทราเพื่อการเดินทางในวันใหม่ต่อไป
ทว่าเด็กหนุ่มหาได้รู้ไม่ว่า มีบางสิ่งกำลังจองเขาอยู่ ณ ที่ห่างไกล
นอกดาวอาคาเซีย เหนือชั้นบรรยากาศดาวอันเป็นขอบเขตของอวกาศอันไพศาล
มีแสงสว่างดวงหนึ่งได้จับจ้องเด็กหนุ่มอยู่
และเหมือนว่ามันจะมีความนึกคิดเป็นของตัวเอง
"ลุกซ์ ออร์บิสเอ๋ย........"แสงสว่างกล่าวชื่อเด็กหนุ่ม "ข้าได้ยินเจ้านะ
และข้าได้ดูเจ้าแล้ว
จงแข็งแกร่งขึ้นไปอีกแต่อย่าได้ทิ้งความอ่อนโยนที่สถิตในใจเจ้าไปล่ะ
เพราะว่าเจ้าคือวีรบุรุษที่ข้าคนนี้ยอมรับไงล่ะ....."
กล่าวจบแสงสว่างดวงนั้นได้ลอยจากไปดั่งฟ้าแลบ บินไปเข้าในอวกาศอันมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด
ไม่มีใครรู้ได้ว่ามันจะไปที่ไหนกันแน่ มีเพียงตัวมันเท่านั้นที่รู้......
ไม่มีใครรู้ได้ว่ามันจะไปที่ไหนกันแน่ มีเพียงตัวมันเท่านั้นที่รู้......
แถม.........
ณ ดาวโลก
ท่ามกลางฐานบัญชาการแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใจกลางเมืองใหญ่เป็นตึกสูง4ชั้น
ด้านหลังมีโรงงานเล็กนับสิบกำลังวิจัยเทคโนโลยี
มีโรงจอดทั้งรถยันไปถึงเครื่องบินรบขนาดยักษ์ยาว30เมตร
ทว่ากลับมีการปลูกต้นไม้อยู่ทั่วบริเวณจนดูรมรื่นและไม่มีปล่องควันไฟปล่อยมลพิษ
ซึ่งที่นี่คือฐานบัญชาการสูงสุดขององค์กรWPF (World Peaceable Federation) ภารกิจหลักขององค์กรนี้
คือ การรังสรรค์สภาพแวดล้อมบนโลกให้น่าอยู่ ยุติชนวนเหตุสงคราม รักษาสันติภาพ
การนำวิทยาศาสตร์ล้ำสมัยมาใช้ในงานพัฒนาวิจัย การออกค้นหาทรัพยากรในอวกาศ
และอื่นๆอีกมากมาย
ภายในใจกลาง มีห้องหนึ่งที่หน้าประตูติดป้ายไว้ว่า ห้องผู้บัญชาการสูงสุด
และภายในห้องมีชายที่หน้าตาผ่านโลกมานานในชุดยศสูงสุดของที่นี่
หรือผู้บัญชาการสูงสุด
นั่งโต๊ะทำงานกำลังก้มหน้าจ้องไปยังเอกสารหนึ่งบนโต๊ะไม่วางตา
ตอนนี้มีชายอีก2คนยืนอยู่หน้าโต๊ะเขา
ซึ่งทั้งคู่ใส่ชุดเหมือนกับผู้บัญชาการสูงสุด
ต่างกันที่เข็มกลัดที่ติดไว้เป็นยศต่ำกว่ายศหนึ่ง
"เหมือนถึงเวลาเสียทีแล้วนะครับท่าน"
"อืม...."ผู้บัญชาการพยักหน้า
เขาบรรจงเซ็นอนุมัติเอกสารตรงหน้าเสร็จ และยื่นเอกสารนั้นให้แก่ชายอีกคนไป
สำหรับเขานี่ถือเป็นการตัดสินครั้งยิ่งใหญ่ที่เปิดทางไปสู่สมัยใหม่ของมวลมนุษยชาติเลยทีเดียว
ผู้บัญชาการสูงสุดมองไปยังหน้าปกเอกสารนั้นอย่างไม่วงตาขณะส่งให้ชายตรงหน้า
โดยหน้าแฟ้มได้ถูกประทับไว้ด้วยหมึกสีแดงและเขียนว่าลับสุดยอด
และชื่อเอกสารนี้มีชื่อว่า.....
โครงการGAT(Galaxy Away Team)
-------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าผมเกิดเขียนได้ไม่ถูกใจก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ดวยนะ เนื่องจากทางผู้เขียนตั้งใจจะเขียนให้ตอนนี้ตัวเอกยังอ่อนประสบการณ์อยู่ ยังตีบวกมาน้อย มันอาจจะทำให้ตอนแรกอาจจะดูไม่สนุกไปหน่อยก็ได้ในฉากบู๊
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น