ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    King Kill Game เกมล่าราชันย์(รับสมัตรตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #10 : EP.5 สมรภูมินาม กรุงเทพ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 21
      0
      7 พ.ย. 59

        รายงานจากศูนย์ใหญ่หน่วยคัดเลือกทั่วโลก
    ผู้เข้าแข่ง:2642คน
    ผู้เสียชีวิต:358คน





      ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพ ไทย
      (ความรู้ จากไทยไปญี่ปุ่นใช้เวลา6ชม. เวลาเร็วกว่าไทยอยู่2ชม. และพวกชินจิเดินทางออกตอน5ทุ่ม)
      
      เวลาประมาณ3ตีของไทย พวกเขาทั้ง4 ได้แก่ชินจิ ไจโร ลุกซ์(ไม่เต็มใจ) และโนริโอะ ได้ก้าวเท้าลงจากเครื่องบิน รอรับกระเป๋าเดินทางของแต่ละคน จากนั้นก็มีรถลีมูซีนคันขาวมารับพวกเขาไปจากท่าอากาศยาน
      รถลีมูซีนสีขาวพาไปยังโรงแรมแถวๆย่านประตูน้ำ เมื่อลงจากรถก็ไปเช็คอินห้องพักไว้สัก3วันกันเผื่อ โดยห้องละ2คน 
      ทว่าตอนนี้ยังไม่จับคู่ก่อนเพราะเป้าหมายหลักคือ ตามหาเมกุมิ  ลูกสาวของตระกูลบีกันส์(ขอเปลี่ยนชื่อตระกูลนะครับ) ตระกูลผู้เป็นเจ้าของเศรษฐีจากด้านการแพทย์และโบราณคดี
     ก่อนจะตามหาใครสักคน เราควรมียานพาหนะไว้ก่อน
      ไจโรทำการติดต่อคนรู้จักในไทยให้ช่วยเอารถมาใช้2คัน พอคุยจบก็วางสายรอรถมาที่ห้องล็อบบี้โรงแรมชั้น1 เวลา6โมงเช้า
      "ตาลุง ไอ้รถที่ลุงให้เค้าเอามาให้เป็นรถระบบขับเคลื่อนล้ออะไรล่ะ?"
      ขณะรอรถจะมาชินจิเอ่ยถามคนติดต่อ
      "ถามอะไรโง่ๆ ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าสิ"ไจโรตอบขณะอ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอยู่(พ่อตาคนนี้เค้าพูดได้หลายภาษา)
      "นี่ผมต้องใช้พวกระบบขับเคลื่อนล้อหลังนะ หรือพวก4WDก็ได้"
      "จะบ้าหรือไง ประเทศนี้ชอบใช้รถนำเข้าจากญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่เพราะมันถูกกว่ารถยุโรป แถมสมัยนี้บริษัทรถญี่ปุ่นก็เปลี่ยนมาผลิตพวกล้อหน้าแล้ว ลดค่าใช้จ่ายแถมเวลาซ่อมก็จะได้รายได้เยอะกว่าล้อหลัง(ระบบขับเคลื่อนล้อหลังจะซ่อมได้ง่ายกว่าล้อหน้า เท่าที่ฟังมาจากพ่อผมที่ชอบเรื่องรถนะครับ) ไอ้พวกล้อหลังปัจจุบันหายากแล้ว ได้รถมาใช้ฟรีชั่วคราวก็บุญนักหนาแล้ว"
      "ครับๆ ผมเข้าใจแล้วคร้าบ"ชินจิตอบไปหน่ายๆเพราะจะต้องใช้รถประเภทที่ไม่ถนัด ไม่ชอบใจเลย
      อีกด้าน ลุกซ์กับโนริโอะก็นั่งคุบปรับสารทุกข์สุขดิบกัน ชินจิลองแอบฟังดู พบว่าเนื้อหาประมาณว่า ทั้งคู่เคยเกิดที่แหล่งสลัมเดียวกัน เป็นเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกัน ตอนเด็กก่อวีรกรรมแสบไว้มากมาย รู้สึกจะโดนแยกจากกันเพราะอะไรก็ไม่รู้ เพราะตอนนี้ในใจเขากระวนกระวายมากจนจับใจความได้แค่นี่
      ความกระวนกระวายที่อยากจะพบเจอเมกุมิหวานใจของเค้า พยายามระงับความรู้สึกว้าวุ่นไว้จนเผลอเท้าคาง กระดิกเท้าไปมา
      บอกตามตรงตอนขึ้นเครื่อง เขาแทบจะหลับไม่ลงสักนิด ไม่มีอารมณ์แม้แต่จะดูหนังหรือเล่นเกมฆ่าเวลา อาหารที่เอามาเสิร์ฟก็กินไปนิดเดียว อย่างมากก็แค่ดื่มโกโก้แก้ง่วง

      ระหว่างที่ชินจิกำลังเหม่อลอย คิดถึงเรื่องของเมกุมิ ก็มีใครบางเดินมาทางเขา
      "นี่ๆพ่อรูปหล่อ สนใจจะมาเป็นแนวร่วมเดียวกับเจ้มั้ยค่าาาาา?"พูดเป็นภาษาญี่ปุ่นซะด้วย
      เมื่อชินจิเงยหน้าไปดูหน้าคนทัก ซึ่งคๆนั้นเป็นกระเทย ส่วนหน้าตาน่ะเหรอ สิวเต็มหน้าครับพี่น้องแถมหน้าเป็นผู้ชาย90% ถ้าไม่ติดว่าพยายามแต่งตัวให้คล้ายผู้หญิงอ่ะนะ
      ชินจิไม่ตอบเพราะไม่มีอารมณ์จะตอบ
      "เจ้ชื่อ อั้ม เนโกะนะ ช่วย......"เหมือนจะยังดื้อดันจะแนะนำ ทว่ามีเสียงเรียกของไจโรเรียกเข้ามา
      "ทุกคน รถมาแล้วไปกันเถอะ"
      ทุกคนที่ได้ยินก็เดินไปข้างนอกไปดูรถ ส่วนชินจิทำเป็นไม่สนใจฟัง เดินออกนอกโรงแรมไปหารถเพราะเขาไม่มีอารมณ์มาฟังเรื่องชาวบ้าน
      ทว่าเหมือนกระเทยรายนี้จะไม่ยอมรามือง่ายๆ พยายามเดินประกบพร้อมพูดเกลี้ยกล่อมชินจิ ทำให้โนริโอะรีบเอามือมาป้องปากกระเทยรายนี้ไม่ให้เสียงเข้าไปในบท
      ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ถ้าไอ้เรื่องที่ออกมาจากปากดันเป็นเรื่องพระเจ้าแผ่นดิน เขาเองก็อยากมีบทต่อและไม่อยากให้นิยายไม่โดนแบนนะ!
      ชินจิสังเกตถึงเรื่องนี้ ตัดสินใจพูดขึ้นมา
      "เอ้ โนริโอะไม่ต้อง เดี๋ยวชั้นจะคุยกับอีนี่ก็แล้ว"
      "เอาจริงดิ?"
      "ช่วงนี้ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้นล่ะ แต่ก็ไม่อยากมีคนมากวนการตามหาเมกุมิหรอกนะ ชั้นจะเคลียร์เองแค่แปบเดียว"
      "ว้าว! จริงเหรอ"กระเทยรายนี้ดีใจมาก
      "ตามมา"ชินจิพูดน้อยคำ กวักมือให้ตามที่ห้องน้ำหลัง
      ซึ่งเหมือนกระเทยรายนี้จะดีใจอย่างมาก เลยรีบเดินตามไปด้วย
      แต่หารู้ไม่ ก่อนจะเดินจากไปชั่วคราว ชินจิทำสายตาดุจราวกับสัตว์ดุร้ายกำลังรอวันขย้ำเหยื่อไม่เหมือนกับชินจิคนเดิมที่เลือดร้อน ไจโรซึ่งอยู่ใกล้สุดรู้ดีว่า ชินจิกำลังเดือดเป็นพิเศษจนกลับเข้าสู่โหมดนักเลงสมัยก่อน
      .
      .
      ทันทีที่ทั้งคู่เดินเข้าไปในห้องน้ำหลังโรงแรมไปไม่กี่วิ ก็มีเสียงหนึ่งดังผ่านเสียงแว่วลม
      "โอร่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!"

      
      10นาทีผ่านไป

      หลังจากพวกชินจิเดินทางออกจากโรงแรมไป พนักงานทำความสะอาดสาวได้มาทำความสะอาดห้องน้ำหลังโรงแรม
      เมื่อทำความสะอาดห้องน้ำหญิงเสร็จ ถึงคราวมาทำห้องน้ำชายบ้าง
      เธอทำความสะอาดตรงอ่างล้างมือและโถ้ปัสสาวะก่อน แล้วค่อยมาทำห้องอุจจาระทีหลัง
      ในระหว่างทำความสะอาดทีละห้อง พอมาถึงห้องหนึ่ง
      "โอ้..........พระเจ้าช่วย.........."เธอถึงกับอุทาน
      ภายในห้องนั้นมีกระเทยคนหนึ่งตัวโชกเลือด ตามตัวมีรอยหมัดเต็มไปหมดแต่ยังไม่ตาย เพราะคนทำคงไม่กะให้ถึงตายแต่กะไม่ให้หนี อยู่นี่จนมีคนมาช่วยเอง
      "ช่วย......จ.....เจ้.......ด้วย"กระเทยรายนี้พยายามขอความช่วยเหลือ
      ตอนแรกพนักงานสาวนั้นเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมา ก่อนจะพิจารณาดูรูปร่างของผู้ขอความช่วยเหลือ เมื่อดูดีๆทำให้เธอเกิดแสยะยิ้มแบบตัวร้ายในละครไทยน้ำเน่า พร้อมตะโกนเรียกเพื่อน
      "อีอั้ม เนโกะ มันอยู่โว้ย!!"
      สิ้นประโยคไม่กี่วิ เสียงกู่ร้องของเพื่อนร่วมเกิดหลายๆคนดังขึ้นแล้วเริ่มเข้ามาใกล้ กระเทยโชกเลือดหน้าถอดสี รู้ถึงชะตากรรมตัวเองจึงเอ่ยขอชีวิต
      "น้องๆ ค่อยคุย........"
      พนักงานกลับตัดบทให้พูด "หุบปากซะ แล้วกรุณาไปกินขนมตุบตั้บได้แล้วอีเศษสวะ!!"
      ทันทีที่เพื่อนร่วมงานเธอมาถึง เสียงของสหบาทาและเสียงกรีดร้องของใครบางคนดังผ่านแว่วลม 
      ต่อให้มีใครได้ยินก็ไม่ใครคิดจะช่วยสักนิด เพราะรู้ดีว่าเจ้าของเสียงกรีดร้องมันคือใคร!!"




      กลับมาทางด้านพวกชินจิ เวลา8โมงเช้า

      ก่อนจะขึ้นรถออกไปตามหา รถที่ได้มามี2คัน แปลว่าต้องแยกหากัน2กลุ่ม กลุ่มละ2คน คนออกไอเดียคือไจโรเอง 
      สาเหตุที่ต้องแยกเป็น2กลุ่มเพราะ1.จะได้แยกกันตามหาได้สะดวก 2.ถ้ารวมกลุ่ม4คนตามหา อาจตกเป็นเป้าจากร่างทรงร่างทรงราชันย์คนอื่นได้ง่าย อีกอย่างในกลุ่มก็มีลุกซ์เป็น1ในผู้ร่วมเกมด้วย 2.ถ้าแยกเดียวกันตามหา ในกรณีเจอกับพวกที่มีความสามารถที่แพ้ทางเข้า ต้องมีคนช่วยไว้อีกคน 3.จะได้มีอีกคนช่วยกำกับอีกคนไว้
      กลุ่มแรกคือ ไจโรกับลุกซ์ ส่วนกลุ่ม2คือ ชินจิกับโนริโอะ รถที่พวกเขาใช้กันคือ  Toyota Soluna รุ่น Soluna โฉม AL-50 รุ่นแรก



      (Toyota Soluna คือรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นมาภายใต้แนวคิดรถครอบครัวราคาประหยัด โดยเป็นผลงานชิ้นแรกของ Toyota ที่มีทีมวิศวกรจากประเทศไทย กับทีมวิศวกรจากประเทศญี่ปุ่นจับมือพัฒนารถคันนี้ร่วมกันขึ้นมา โดยโครงการเริ่มกันตั้งแต่ปี ค.ศ.1992 ด้วยการจับเอาส่วนอื่นๆของรถรุ่นอื่นๆมาผสมรวมกัน และในบางส่วนก็ออกแบบใหม่ขึ้นมาเลย แต่งเติมโน่นนิดนี่หน่อย พัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งโครงการเป็นผลสำเร็จ Toyota Motors Thailand จึงได้ทำการเปิดตัวรถคันนี้สู่ตลาดรถประเทศไทยในวันที่ วันที่ 6 มกราคม ค.ศ.1997 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่มาของชื่อ Soluna นั้น เกิดจากการประสมคำในภาษาสเปนสองคำรวมเข้าด้วยกัน นั่นคือคำว่า Sol ที่แปลว่า“พระอาทิตย์” มาประสมกับคำว่า Luna ที่แปลว่า“พระจันทร์” แล้วเกิดเป็นชื่อใหม่ที่สื่อถึงตัวรถอย่างชัดเจนว่าเป็นรถที่แตกต่างจากรถคันอื่นๆ แถมยังเป็นชื่อที่จำง่าย ออกเสียงง่าย และเป็นชื่อที่ติดหูอย่างดีอีกด้วย ขอบคุณข้อมูลจาก  http://oknation.nationtv.tv/blog/CarMania/2012/11/03/entry-1)


      กลับมาทางด้านชินจิอีกครั้ง

      โนริโอะนั่งที่นั่งข้างคนขับ กวาดตาดูไปเรื่อย ทางชินจิได้รับเป็นพลขับอีกครั้ง พยายามกวาดตาไประหว่างทางถนนสายบางกะปิ
      เมื่อเห็นว่ายังไม่เห็นคนรักตัวเอง ชินจิก็ใช้สายตาของOver the cloudสอดส่องด้วย เนื่องจากราชันย์ตัวนี้มีสายตาดีพอๆกับเหยี่ยว
      "ชินจิ เข้าใจนะว่าอยากเจอลูกสาวคุณไจโรแต่อย่าใช้ราชันย์มากไปเชียวนะ เดี๋ยวโดนพวกเข้าแข่งเกมเข้าใจผิดแล้วมาเล่นงานเอา"โนริโอะเตือนขณะช่วยกันมอง
      "โอเค"ชินจิเรียกให้มันหายไปก่อนหันถามเรื่องค้างใจเรื่องหนึ่ง
      "นี่ราชันย์นายเป็นดาบคาตานะใช่มั้ย?"
      "ยังคาใจตอนนั้นอยู่สินะ ไหนๆก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วจะบอกให้ก็ได้"โนริโอะตอบไปพลางมองข้างทางไป
      "ราชันย์ของฉันชื่อ Ride the wild อยู่ในรูปของดาบคาตานะ ไอ้ความสามารถน่ะคือ เมื่อดาบถูกปักไว้ไหนก็ได้สักที่ ฉันจะวาร์ปไปโผล่ตรงนั้นเลย"
      "แต่ถ้าปักโดนไว้ผิดจุด ซวยแน่"ชินจิเผย
      "ไม่ต้องห่วง ฉันมั่นใจในฝีมือการขว้างนะ อีกอย่างถึงจะเจอสภาพที่ใช้ราชันย์ไม่ได้ก็ยังมีนี่อยู่"
      โนริโอะล้วงเอาของมากระเป๋ากางเกง มันคือตลับไพ่ธรรมดา
      "จะใช้ไพ่ฆ่าคนเนี่ยนะ"ชินจิพูดคล้ายจะไม่เชื่อ
      "ถูก ถนัดขว้างกว่ายิง รียูสได้ อีกอย่างใช้งบน้อยกว่าปืนเยอะ"โนริโอะตอบอย่างภูมิใจ
      "โนคอมเม้นต์ครับ"ชินจิจนยอมเพราะโนริโอะเหมือนมั่นใจในเรื่องการขว้างมาก ไม่สนของที่แรงกว่าอย่างปืนในสายตาสักกะนิด
      ในระหว่างที่บทสนทนากำลังจะจบลง ทัศนวิสัยของโนริโอะสังเกตอะไรบางอย่าง ทำเอาเขาตื่นตระหนกพร้อมรีบสะกิดไหล่ชินจิให้มองตาม
      "อะไรเล่า รีบๆทำมาหากินกันหน่อยสิ"ชินจิไม่สนใจ เอาแต่เพ่งเล็งตามหาทางฝั่งตัวเอง
      "ไม่ใช่โว้ย!"
      โนริโอะตบหัวใส่ชินจิข้อหาหมั่นเคี้ยว แล้วจับหัวให้หันมาทางตัวเอง
      "อะไร.....เฮ้ย!!"ชินจิร้องดังลั่นเมื่อถูกจับหัวให้หันตาม
      พวกเขาเห็นแผ่นหลังที่สวมชุดลำลองสีขาวธรรมดา     ดูจากเอวอันบอบบางราวนางแบบก็รู้ว่าเป็นผู้หญิง แต่ที่สะดุดตาสุดก็คือผมของเธอเป็นผมสั้นๆ สีชมพูแดง
      "เมกุมิ....."ชินจิเอ่ยชื่อของคนรักตัวเอง
      เธอค่อยๆเดินไปเรื่อยๆจนถึงตรอกซอยหนึ่งก็เดินเลี้ยวเข้าไป ซึ่งบริเวณตรอกซอยนั้นมีโครงการคอนโดใหม่ที่กำลังก่อสร้างอยู่
      ตอนแรกชินจิกะออกไปทักแต่โนริโอะห้ามไว้ เพราะท่าเดินของเมกุมิเหมือนคนเหม่อลอยจิตลอยไปทั่ว ทำให้คนที่อยู่ในวงการโลกมืดมานานรู้สึกไม่น่าไว้วางใจนัก จึงบอกให้ชินจิขับตามสะกดรอยก่อน
      การสะกดรอยตามด้วยรถได้จบลง เมื่อเมกุมิเดินเข้าไปในตึกคอนโดที่ยังสร้างไม่เสร็จโดยไม่มีคนงานมาห้ามเพราะดูเหมือนจะโครงการอาจจะถูกพักชั่วคราว เลยไม่มีคนงานมาก่อสร้าง
      อีกอย่างคนปกติที่ไหนกันจะเข้าไปในตึกที่กำลังก่อสร้างไม่เสร็จกัน เพราะไม่รู้จะมีอันไหนบ้างภายในที่อันตรายและยังไม่สมบูรณ์ อย่าลองเข้าไปน่าจะดีกว่า
      ชินจิกับโนริโอะลงมาจากรถเมื่อเห็นว่าเมกุมิอยู่ไม่ให้ระยะสายตาให้มองเห็นกันอีกต่อไป แล้วเช็คอาวุธของแต่ละคน
      โนริโอะติดต่อไปหาไจโรว่าเจอลูกสาวของเขาแล้ว และเอาไพ่จากตลับไพ่ใส่เกระเป๋าเสริมตรงที่ผูกติดไว้กับกางเกง
      ชินจิที่ใจอยากจะช่วยเมกุมิแทบขาดใจ พยายามกลั้นความรู้สึกไว้เพราะมันไม่ชอบพากลอย่างที่โนริโอะว่า แล้วเช็คว่าปืนช็อตไฟฟ้า(โนริโอะให้มา)ยังอยู่ในกระเป๋ากางเกงหรือยัง
      สาเหตุที่เขาเลือกใช้ปืนนี้เพราะส่วนตัวไม่ได้ชอบฆ่าเท่าไหร่นัก สมัยเขาเป็นนักเลง ถึงจะดุหาเรื่องไปทั่ว แต่อย่างมากก็แค่ไปหยอดน้ำข้าวต้นเป็นปีก็เท่านั้นเอง
      พวกเขาค่อนเดินเข้าไปในอาคารอย่างระมัดระวัง กวาดตาไปโดยรอบ เก็บรายละเอียดรอบตัวไม่ตกเม็ด
      เหมือนพื้นปูนจะไม่แห้งสนิทพอ ถึงจะไม่ติดเท้าแต่ทุกครั้งที่เหยียบมักจะรอยเท้าเบาๆ พอจะดูออก ทำให้ทั้ง2รู้ทางที่เมกุมิเดินไปได้และเดินตามรอยเท้านั้นไป
      รอยเท้าเมกุมิเหมือนจะหยุดอยู่ที่บริเวณชั้นที่4ของตึก โนริโอะแบบมือห้ามชินจิให้อยู่นิ่ง ออกไปสำรวจก่อน
      โนริโอะพบเมกุมิในสภาพเหม่อยืนคุยอะไรสักอย่างกับชาย1หญิง1โดยพูดราวกับหุ่นยนต์ 
      'นี่มันไม่ปกติแล้ว'
       เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสังเกตเห็น โนริโอะกวักมือเรียกชินจิให้ตามมา ไปหลบหลังกล่องไม้ข้างเสาปูนซึ่งใหญ่พอให้2คนไปหลบได้
      "......เขตบางนามีร่างทรงราชันย์ประมาณ3คนสินะ"
      เด็กสาวสวมแว่นอายุราวๆ17ปี ร่างเตี้ยเหมือนเด็กม.ต้น ผมถูกปล่อยให้ยาวสลวยตามธรรมชาติเช่นเดียวกับสีเขียว สีแห่งธรรมชาติ เอ่ยปากทบทวนคำที่ได้ยิน
      "ระวังล่ะ แค่ไปสำรวจแบบผิวเผินเท่านั้นนะ"เสียงของชายอารมณ์ดีขึ้นเตือน
      เจ้าของเสียงเป็นชายผู้เหลืองแก่ ดวงตาขี้เล่นช่างเหมาะกับความหล่อเหลาของเขาเล่ไปทางเพื่อนข้างๆตัวเอง
      "ก็จริงอย่างที่พูดนะ"หญิงสาวผมเขียวพยักหน้าเห็นด้วย
      "อีกอย่างพลังที่แทรกแซงจิตใจคนเวลาอ่อนแอแล้วควบคุมคนๆนั้นได้เป็นเหมือนหุ่นชักใยน่ะมีจุดอ่อนที่สำคัญอยู่จุดหนึ่งนะ"ชายหนุ่มผมเหลืองแก่เอ่ยอะไรก็ไม่รู้หน้าตาเฉย
      ทว่าชินจิที่แอบฟังอยู่ เงียบไปพร้อมกุมกอดเข่าไว้ทำให้โนริโอะรู้สึกเป็นห่วงมาก
      "อะไรของนาย จู่ๆพูดเรื่องอะไรเนี่ย อย่าให้ฉันเสียวนะ"
      "จุดอ่อนของพลังเธอ คือ คนที่ถูกควบคุมจะไม่รู้สึกไม่รู้สาว่ามีคนสะกดรอยอยู่ไง"
       สิ้นประโยคในกระเป๋ากางเกงโนริโอะที่ภายในใส่มือถือไว้เกิดไฟฟ้าสถิต จนเจ้าตัวสะดุ้ง หยิบมือถือมาเช็ค
      ในจังหวะนั้นเอง...
      "คนที่สะกดรอยตามก็คือ พวกแกไงเล่า!"
      ทันทีที่หยิบมือถือออกมา กระแสไฟฟ้าพวยพุ่งออกมาจากมือถือ และไฟฟ้าทั้งหมดก่อร่างกลายเป็นมนุษย์กัปปะสีเหลืองทองไซส์เด็กป.6 เขารู้ทันทีว่า มันคือราชันย์
      "ตายซะ!"
      โนริโอะถึงกับตระหนก เมื่อเจ้าราชันย์ตัวนี้ต่อยเข้าใส่หน้าด้วยความเร็วหมัดค่อนข้างสูง!
      แต่มันสายไปเพราะมันเกิดขึ้นอย่างรวดเกินไป ทำให้เขาไม่ทันจะรับมือและหมัดจะตั้นหน้าเขาแล้ว!
      หมับ!
      ก่อนหมัดจะถึงใบหน้าโนริโอะกลับมีมือมารับมือไว้เสียก่อน นั้นคือOver the cloud
      "กล้ามากนะ....."ชินจิพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
      มือของราชันย์ชินจิบีบหมัดจนดัง กึด
      "อ๊ากกก!!"ชายหนุ่มผมเหลืองแก่ผู้เป็นเจ้าของกรีดร้องมาด้วยความเจ็บปวดคล้ายถูกบีบมือขวาตัวเอง และเอากุมมือไว้อย่างเจ็บปวด
      ยังไม่พอชินจิยังสั่งให้ราชันย์ตัวเองขว้างราชันย์อีกฝ่ายกระแทกเข้ากับเสาปูนอีก
      พลัก!
      "อั่ก!"ชายหนุ่มเจ้าของถึงกับเจ็บที่หลังคล้ายไปฟาดกับปูนซะแรง ซึ่งความเจ็บปวดนี้มาจากราชันย์ตัวเองที่ส่งความเจ็บปวดเมื่อโดนเล่นงาน
      หญิงสาวผมเขียวเห็นท่าไม่ดีจึงเรียกราชันย์ตัวเอง รูปร่างคล้ายตัวตลกครึ่งท่อนกำลังชักใยเมกุมิที่ถูกควบคุมอยู่ และควบคุมให้เธอเรียกราชันย์ที่มีรูปร่างเป็นหุ่นยนต์ผสมมนุษย์ต่างดาวหัวทรงถังออกมา
      ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ตัวแล้ว ทั้งชินจิกับโนริโอะไม่มีความจำเป็นต้องหลบซ่อนอีกต่อไป จึงเผยตัวออกมาแต่โดยดีพร้อมเรียกราชันย์ของแต่ละคนมาเตรียมรับมือ
      "พวกนายเป็นใคร?"หญิงสาวผมเขียว
      ในเมื่อถามโนริโอะก็พร้อมจะตอบ เพราะช่วงที่เขามีบทไม่มีพูดอะไรเลย ทว่าชินจิเอามือป้องปากไว้เป็นเชิงห้ามพูด
      "เจ้าบ้านควรแนะนำตัวเองก่อนนะ"ชินจิพูดยั่วะ
      หญิงสาวผมเขียวจึงแนะนำตัวก่อน"ฉันชื่อเมโลน่า ราชันย์ของฉัน Don't lose your mind"เธอแอบคิ้วตากระตุกนิดๆคล้ายยั่วะๆ
      "เหมือนความสามารถคือ เจาะเข้าไปในจิตใจคนเวลาอ่อนแอ แล้วควบคุมสินะ"โนริโอะลอบประเมินจากที่แอบฟัง
      "และฉันชื่อ ฮิเดะ!"ชายผมเหลืองแก่แนะนำตัวบ้างหลังฟื้นตัวได้ 
      น่าเสียดายที่ชินจิไม่สนแถมไม่คิดจะจำชื่อตัวพวกตัวประกอบให้รกสมอง
      ชินจิพลางลอบประเมินอีกฝ่าย คนที่ชื่อเมโลน่าจะมีพลังด้านควบคุมจิตใจคน ส่วนคนที่ชื่อฮิเดะจะมีพลังเกี่ยวกับไฟฟ้า พอลองประเมินสถานการณ์ตอนนี้ดู จึงสรุปได้ว่า
      ชินจิกระซิบกับโนริโอะ"เฮ้ย ไอ้คนที่ชื่อฮิเดะฝากหน่อย"
      "ไอ้บ้า ให้สู้กับคนที่มีราชันย์ที่ทำให้ฉันเฉียดตายเนี่ยนะ?"โนริโอะโวยเบาๆ
      "ช่างแมร่งสิว่ะ อีดอกนี่ชั้นจัดการเอง ส่วนนายแค่ระวังพวกเครื่องไฟฟ้าก็พอแล้วเพราะราชันย์นั่นเกี่ยวข้องกับไฟฟ้า"ชินจิอธิบาย
      และพวกเขารีบปลดของในตัวที่ใช้ไฟฟ้าออกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นมือถือหรือปืนช็อตก็ทิ้งหมด ไม่ให้ซ้ำรอยเดิม
      "เฮ้ยๆ นั่นเป็นผู้หญิงนะโว้ย"โนริโอะแย้งเพราะนึกได้
      ในชีวิตของโนริโอะถึงจะทำงานในโลกมืด แต่เขาก็ใจอ่อนไม่ได้ถึงกับฆ่าผู้หญิง พอเจอแบบนี้ก็รับไม่ได้ที่ชินจิคิดจะฆ่าผู้หญิงที่บงการแฟนของตัวเอง
      "แต่มันไม่ใช่แม่ชั้นซะหน่อย อีกอย่างน้อยก็แค่ไปอยู่ห้องICUตลอดก็เท่านั้นเอง"ชินจิกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเพราะอารมณ์ไม่ดีสุดๆ
      'แต่ไอ้อย่างน้อยของเอ็งแมร่งมันหนักไปนะว่ะโว้ย!?'
      โนริโอะยอมกับความคิดของชินจิจนมิรู้จะเถียงอะไรดี
      พูดจบชินจิยื่นเท้าก้าวนำหน้าโนริโอะมา1ก้าวคล้ายจะเป็นตัวเแทน

      "แล้วพวกนายเป็นใครกัน"เมโลน่าถามกลับ
      ".........."
      ชินจินิ่งเงียบไม่ตอบ หน่ำซ้ำยังเอามือข้างหนึ่งอุดไปไม่ให้เพื่อนตัวเองอีกต่างหาก
      "นี่พวกนายเป็นใบ้หรือไงมิทราบ"เมโลน่ายังถาม
      "..........."
      ไม่มีเสียงเรียกสาย
      "ตอบหน่อยเถอะ"
      ชินจิยอมเปิดปากแต่ไม่ใช่การแนะนำตัว
      "ขอถามสักนิด ได้เธอมาจากไหน?"เขาชี้ไปที่เมกุมิที่โดนควบคุมอยู่
      "ถามไปทำไม งั้นตอบให้ก็ได้"เมโลน่าตอบคล้ายเป็นเรื่องปกติ
      ฮิเดะรับช่วงพูดต่ออย่างอารมณ์ดี"พวกเราก็แค่ไปเจอยัยงี่เง่านี่โดยบังเอิญก็เท่านั้นเอง ดีที่ยัยนี่ดันงี่เง่าไม่รู้จักวิธีใช้พลังตัวเอง เราเลยไล่ต้อนจนหวาดกลัวจนถึงขีดสุด ใช้โทรศัพท์ก็พังทิ้งซะจะได้ไม่มีใครมากช่วย......"
      ทว่าจู่ๆทุกคนกลับไม่ใครกล้าจะพูด เพราะเหมือนมีอำนาจอะไรบางอย่างไม่ให้พูด และมันมาจากตัวชินจิ
      โนริโอะสะดุ้งโย่งเพราะตัวชินจิคล้ายมีรังสีอำมหิตทั่วตัว ทำเอาเขานึกถึงคำของไจโร
      โดยบอกไว้ว่า ถึงชินจิจะเป็นพวกเลือดร้อนทว่าเวลาโกรธก็เหมือนกับภูเขาไฟที่รอวันปะทุครั้งใหญ่ จริงอยู่ที่เขาอาจจะดูเป็นคนที่น่าจะธรรมดาสุดในหมู่ทั้ง4คน ทว่าไจโรเคยพูดไว้เหมือนกันว่า ชินจิอาจน่ากลัวที่สุดในกลุ่มเพราะเวลาโกรธต่อให้เป็นเด็ก ผู้หญิง คนแก่ พร้อมจะเล่นงานแบบไร้ปราณีได้เหมือนกัน ถ้าคนเหล่านั้นไปกวนส้นเท้ามันเข้า
      ชินแบมือกางนิ้ว5นิ้ว
      "1.......พวกแกรังแกคนที่ตาลุงห่วง ถึงจะบอกว่านี่เป็นสัจธรรมของโลกแต่มันน่าหงุดหงิดม่ะ"ชินจิหุบนิ้วโป้ง
      ""?""อีกฝ่ายไม่เข้าใจความหมาย
      ต่อไปก็หุบนิ้วก้อย.....
      "2....ด่าเมกุมิว่างี่เง่า"
      ทั้งเมโลน่ากับฮิเดะงงว่าชินจิรู้จักกับคนที่ถูกควบคุมได้อย่างไร
      นิ้วนางได้หุบ....
      "3.........ให้เธอไปทำงานเสี่ยงตาย แต่ดีที่เธอไม่เป็นไร"
      นิ้วกลางหุบตามไปติดๆ
      "4.........ไอ้โทรศัพท์ที่พวกแกพังไปน่ะ ชั้นซื้อมันมาให้เธอเป็นของขวัญวันเกิด"
      ปิดท้ายด้วยนิ้วชี้........
      "5......นั่นมันแฟนกูโว้ยไอ้เวร!!"
      บางอ้อเลย....
      ถ้ามันเล่นงานเขา เขาไม่ว่า.......
      เขายังจำได้ดี เพราะเธอคนเดียวที่เป็นคนเปลี่ยนแปลงคนอย่างเขาที่เป็นแค่หมาบ้าตัวหนึ่งให้กลายเป็นผู้เป็นคน และให้รู้จักคำว่าความรัก
      เขาสาบาน
      "รอก่อนะ...."เขาพูดอย่างแผ่วเบาไม่ให้ใครได้ยินขณะสาวเท้าไปหาคนทั้ง2ที่โดนจดเข้าแบล็คลิสต์เรียบร้อย
      เมโลน่าเห็นท่าไม่ดี จึงบังคับเมกุมิใช้ราชันย์จัดหมัดใส่ทว่าก็ถูกOver the cloud เอามือปัดไปได้ง่ายดาย แถมชินจิยังเดินตรงหาเธอลูกเดียว
      เพื่อนชายตัดสินจะช่วยโดยสั่งให้ราชันย์พุ่งไปต่อยชินจิ แต่ผลลัพธ์เหมือนกันแถมจะหนักกว่าด้วย เนื่องจากถูกOver the cloud จับบีบคอกลางอากาศแล้วขว้างใส่ผู้เป็นเจ้าของเดิมกระเด็นไปคลุกฝุ่น
      "...ชั้นจะช่วยเธอเอง"

      ชินจิไม่เคยคิดปราณีคนที่ควบคุมคนรัก เตรียมจะกำมือแล้วต่อยแต่เมโลน่าเอามือขวาเอื้อมไปข้างหลัง แอบไปหยิบมีดที่ซ่อนไว้ใต้กระโปรงหวังจะเล่นทีเผลอเสียบคอหอย
      ก่อนชักมีดออกมา ชินจิดันสังเกตถึงพิรุธ ตัดสินใจถ่มน้ำลายให้ตาข้างหนึ่งของ
    เมโลน่าอย่างรวดเร็วทำให้เธอชะงักเพราะน้ำลายไประคายตาเข้า เปิดโอกาสให้ชินจิตุ้ยคาง
      เปรี้ยง!
      หมัดที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นปะทะเข้ากับปลายคางเมโลน่าเข้าจังๆ ทว่าชินจิออมแรงไว้ไม่สลบ ถึงจะงั้นแต่เธอก็ไปนอนจูบพื้นอยู่ดี
      เธอรู้สึกมึนหัวคล้ายกับโลกกลับหัวไปหมด พอได้สติขึ้นมาเธอถึงว่าชายคนนี้....

      "เฮ้ ได้ยินป่ะ"ชินจิเรียกสติเมโลน่า
      ตาเธอนั้นเลื่อนลอยไปเพราะมึนๆอยู่ ทว่ากลับหายมึนไปในทันที!
      
      นิ้วกลางทั้ง2ข้าง for you....
      แถมไร้ยังสัญลักษณ์บนหลังมือขวาบ่งบอกว่าเป็นผู้เข้าร่วมด้วย......

      "ชั้นมีอะไรจะบอก......."สายตาชินจิตอนนี้กำลังก้มมองขยะ(เมโลน่า)ชิ้นหนึ่งอยู่

      "กูจะพิพากษามึงเองวันนี้! เตรียมไว้ให้ดีเลยอีรูตูดหมาตัวเมียเว้ย!!!!"

      ......มันคือขาโหดของจริง!



      




    พอมาคิดอีกที ตอนนี้มันหยาบคายเกินไปหรือเปล่าเนี่ย
      







    ไดอารี่ร่างทรงราชันย์01

    ชื่อ:ฮิเดะ
    อายุ:18
    ราชันย์:High Voltage
    ความสามารถราชันย์:ราชันย์ไฟฟ้า ดูดกินไฟฟ้าเป็นอาหารเพิ่มพลัง และแฝงตัวเข้าไปในระบบไฟฟ้าได้



    ชื่อ:เมโลน่า
    อายุ:17
    ราชันย์:Don't lose your mind
    ความสามารถราชันย์:แทรกแซงจิตใจคนๆนั้นเวลาอ่อนแอแล้วควบคุมคนๆนั้นได้เป็นเหมือนหุ่นชักใย



    ส่งท้ายด้วยเพลงเพราะๆซะหน่อย



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×