ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DEUS : GOD RISES(รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #3 : Prologue(อารัมภบท)

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 60




      ณ ที่ไหนสักที่ในดาวอาคาเซีย.......


      ช่างเถอะ.......ถือว่าอยู่ในป่าเขาที่ไหนก็ไม่รู้ก็แล้วกัน


      "แน่ใจนะว่าที่เนี้ย?"


      "แหง่สิ เอาหัวเป็นประกันเลยที่นี่ชัวร์"


      "เออ.....เพื่อนเราว่าเผ่นกันก่อนดีกว่านะ"


      "จะบ้าหรือไงเล่า!? อุตส่าห์มาถึงทั้งที"

      เหล่าคณะเดินทางทั้ง3คนกำลังเดินไปเถียงไปเกี่ยวกับที่ที่พวกเขากำลังจะไปตลอด ประกอบไปด้วยชาย2 หญิง1 ซึ่งคนที่ค้านและลังเลอยู่เป็นชายท่าทางขี้กังวลผอมแห้ง

      ส่วนอีก2คนเป็นชายรูปร่างล่ำสันมีความมั่นใจสูง กับผู้หญิงผมยาวใส่แว่นกำลังเปิดดูแผนที่ ซึ่งทุกคนได้ใส่ชุดสำหรับเดินทางพร้อมสะพายเป้ใบโตไว้คนละ1ใบ

      พวกเขาทั้งหมดนี้กำลังเดินทางเพื่อตามหาสถานที่ใดสถานที่หนึ่งอยู่....

      "ถ้าเรามาทางนี้ไปเรื่อยๆก็น่าจะเจอ....."

      ผู้หญิงใส่แว่นลากนิ้วชี้ไปตามทางที่ขีดมาร์คไว้ในแผนที่ พลางดูเดินไปดูสภาพรอบข้างเทียบไปโดยเพื่อนๆก็เดินตามเธอ จนกระทั่ง.........

      "อ่ะ เจอแล้ว!"

      หญิงสาวชี้ไปยังภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งจะว่าคล้ายภูเขาหิมาลัยก็ไม่เชิงเพราะมันเต็มไปด้วยป่ารกชื้นไปหมดแถมยังต่ำกว่าภูเขาหิมาลัยปกติอีกต่างหาก แต่ถ้าลองตัดป่าไปก็อาจดูคล้ายภูเขาหิมาลัยขึ้นมาก็ได้ ส่วนรอบนอกเป็นแผ่นดินโล่งๆไม่มีอะไรน่าสนใจ ยกเว้น แนวสันเขาที่ห่างไปจากภูเขา20กม. และสูงร้อยกว่าเมตร

      "นี่หรือภูเขารับสมัครตัวละครที่เราต้องไปปักธงน่ะ"ชายผอมกล่าว

      "แหง่สิ จะรออะไรเล่า? ไปกันเลย"ชายล่ำสันพูดชวน

      "โอ้ว!"หญิงสาวขานรับแล้วเดินไปพร้อมกับเพื่อน

      ชายร่างผอมไม่รู้จะทำอย่างไร อีกใจก็อยากกลับบ้านใจจะขาดทว่าเพื่อนของเขาทั้งคู่ดันไปซะแล้ว ด้วยความที่กลัวจะถูกทอดทิ้ง เขาจำใจต้องเดินขึ้นไปด้วยอีกคนทั้งที่ยังไม่เต็มใจมากนัก



      2ชั่วโมงผ่านไป........

      "ถึงแล้วโว้ยยยยยย!!"ชายล่ำสันกู่ร้องลั่นด้วยความดีใจเป็นคนแรก

      ในตอนนี้พวกเขาทั้ง3ได้มาถึงยอดเขาเป็นที่เรียบร้อย หลังผ่านป่ารกชื้นมาตั้งนาน โคลนก็เหนียวจนเดินลำบากไหนจะกิ่งไม้แหลมๆจะเกี่ยวเสื้อขาดหรือบาดเนื้อบาดตัวอีก ท้ายสุดพวกเขาก็ผ่านมาได้

      บนยอดเขานั้นต่างกับเส้นทางที่ขึ้นมาอย่างชัดเจน ถ้าเส้นทางที่ขึ้นมาเป็นป่ารกชื้นสุดหฤโหด ยอดเขาจะต่างกันราวกับฟ้ากับเหวเพราะบนยอดเขานั้นเป็นทุ่งหญิงโปร่ง แสงแดดลอดผ่านมวลหมู่เมฆได้เพียงเล็กน้อย อากาศไม่ได้เย็นหรือร้อยจนเกินไป และมีต้นไม้แอปเปิ้ลขนาดใหญ่ให้นั่งพักพร้อมบริการอาหารฟรี(แอปเปิ้ล) เรียกคุ้มที่ได้มาจริงๆ!

      หลังชายล่ำสันกู่ร้อง อีก2คนก็ตามมาตามลำดับ หญิงสาวในสภาพรองเท้าเปื้อนโคลน เสื้อผ้าเกี่ยวขาดไปเล็กน้อย เดินตามมาได้ไม่กี่วิ ต่างกับชายผอมที่เดินมาในสภาพเนื้อตตัวมอมแมมไปด้วยโคลน เสื้อผ้ายับเละเป็นขี้ริว

      "คราวหน้าตูจะไม่มาเดินป่าเป็นรอบ2แล้ว......"ชายผอมกล่าวกับตัวเองในสภาพหอบกินจัด

      เขาสาบานแล้วว่าจะไม่วันมาเดินป่าเป็นครั้งที่2 โดยเฉพาะกับเพื่อนพันธ์ุระห่ำ2คนนี้!

      น่าเสียดายนักที่ตอนนี้เขาไม่มีความกล้าพอที่จะแข็งขืนเพื่อนพวกนี้ได้เลย

      "ทุกคนเตรียมธงมาแล้วสินะ"หญิงสาวถามเพื่อนชายอีก2คน

      ""ช้าย!/อืม....""

      ว่าจบพวกเขาทุกคนเปิดกระเป๋าและหยิบธงที่พวกเขาออกมา ธงของชายล่ำสันเขียนไว้ว่า พระเอก ส่วนหญิงสาวเป็นธงนางเอก สุดท้ายธงของชายผอมเป็นธงตัวประกอบ

      "..นี่พวกเราจะปักธงจองที่นี่จริงๆเหรอ?"ชายผอมถามแบบกล้าๆกลัวๆ

      "อะไรเล่า แค่ปักธงจองเองไม่เห็นมีอะไรเลย"ชายล่ำสันพูดราวกับเป็นเรื่องปกติ

      "ฉันว่าดูโน้นดูกว่ามั้ย"ชายผอมชี้ไปอีกด้านของทุ่งหญ้าเหมือนสังเกตเห็นอะไร

      และสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องตะลึงคือ ด้านที่ชายผอมชี้ไปนั้นมีซากเละๆธงที่ถูกปักคาพื้นหลายธง พื้นดินก็แห้งแล้งไร้หญ้าส่งบรรยากาศมาคุมาแต่ไกล ทำเอาขนลุกอย่างบอกไม่ถูก แต่ไอ้ที่สำคัญจริงๆน่ะ.......

      หญิงสาวหน้าซีดเผือกเมื่อสะดุดตากับบางสิ่งเข้า

      "ค...โครงกระดูก......ม...มาได้ไง?"

      บริเวณที่ชี้ไปถ้าไม่สังเกตดีๆจะไม่รู้เลยว่า มีโครงกระดูกหลายโครงฝังดินใต้บริเวณนั้น มีบางส่วนโผล่มาให้เห็น

      หญิงสาวสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างเข้า เธอจึงวิ่งเข้าคุ้ยดินขุดมันออกมาเพื่อยืนยันความแน่ใจ

      "โอ้......พระเจ้าช่วย......"

      สิ่งที่สังหรณ์ใจเป็นจริง เธอพบซากโครงกระดูกนับสิบในสภาพแตกหักยับเยินจนดูไม่ได้ บางก็ถูกบางสิ่งอัดจนหักเละ บางถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ หนักสุดถูกบดละเอียดกลายเป็นผง(ถึงจะมีซากให้เห็นบางก็เถอะ)

      "ฉันว่า...พวกเราหนีดีกว่านะ รู้สึกไม่ปลอดภัยเอาซะเลย....."ชายผอมออกความคิดเห็น

      "น..นั้นสิ เห็นด้วย...."หญิงสาวสนับสนุนอย่างตะกุกตะกัก เพราะเริ่มหวั่นๆใจขึ้นมาแล้ว

      นี่มันบ้าไปแล้ว! ไม่ปกติแล้ว! มันต้องมีเงื่อนไขหรือสัตว์ประหลาดอะไรแน่! ภูเขาพรรคนี้ชักไม่ดีแล้ว!

      ไหนจะซากโครงกระดูกใกล้กับซากธงอีก แทบไม่อยากคิดเลยถ้าไปปักธงจองตรงนี้จะเกิดห่าเหวอะไรขึ้น!

      "บ้าหรือไงเล่า!? อุตส่าห์ขึ้นมาทั้งทีแล้วจะให้กลับไปมือเปล่าเนี้ยนะ!"ชายล่ำสันเริ่มฉุน

      เขาชักยั่ว ไม่ชอบใจอย่างแรงที่เพื่อนทั้ง2ของเขามากลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง
      
      "มา!! เดี๋ยวจะแสดงให้ดูว่าพวกนายกลัวไม่เข้าเรื่องเอง!!"

      "อ..อย่าเลยเพื่อน....."ชายผอมเตือน

      "ช่างหัวมันสิว่ะ!"

      ชายล่ำสันไม่สนคำห้ามปรามอีกต่อไป เขาเดินเข้าปักธงตรงบริเวณสยองๆที่ว่าทันที และผลที่ได้คือ.....

      "เห็นม่ะ! ไม่อะไรเลย!"

      ไม่เกิดอะไรเลย.......

      ครืนนนนนนนน.........

      จู่ๆหูของทั้ง3ได้ยินเสียงการพังทลายของแผ่นดินขนาดใหญ่เกิดขึ้น แถมยังเหมือนว่ามันจะเกิดใกล้ตีนพวกเขาด้วย

      แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรเกิด......

      ฉัวะ!
      
      ทันใดนั้นเองเกิดเสียงบางสิ่งคล้ายแส้ลากฉีกอากาศพร้อมรอยตัดผ่านพื้นดินบริเวณระหว่างขาของชายล่ำสันยาวไปถึงสุดริมทุ่งหญ้า

      "เอ้ย....นี่พวกนายเป็นอะไรไปน่ะหน้าซีดๆ?"ชายล่ำสันถาม

      แล้วให้หน้าซีดได้ไงเล่า! ก็มีไอ้คนถามมันมีรอยคล้ายถูกผ่ากลางตัวแบบสดๆต่อหน้าต่อตาไม่ให้หน้าซีดยังไงเล่า!!

      ........ขอเวลาอีกสักนิดมันก็ได้แน่นอน ไม่มีอะไรเกิดแบบปุ้บปั้บหรอก.....

      "You're already dead.(เจ้าน่ะตายไปแล้ว)"

      เสียงทุ้มๆใหญ่ดังขึ้นมาจากใต้ดิน

      "แกเป็นใครว่ะ!?"ชายล่ำสั่นตะโดนถามทั้งที่ยังไม่รู้สภาพตัวเองเลย

      แต่ไม่ทันไรจะถามต่อ สติของชายล่ำสันเกิดดับวูบเหมือนทีวีถูกถอดปลั๊กทันใด ร่างของเขาถูกแยกออกมาเป็น2ซีกตามรอยผ่าตัวล้มไปทางซ้ายขวาคนละซีก เผยโลหิตพร้อมเครื่องในไหลออกมากองทั่วพื้น
     
      ภาพเครื่องในไหลทะลักชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงฉานติดตาเพื่อน2คนที่เหลือจนวันตาย ชายผอมที่จิตใจอ่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วถึงกับสำรอกของเก่าชุดใหญ่ ตามด้วยหญิงสาวที่สำรอกออกมาเยอะซะยิ่งกว่า

      "Good day to _ucking die!"

      สิ้นเสียงอันอาฆาต ภูเขาบางส่วนแตกร้าวทรุดตัวลงไป และร่างสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ได้แหวกแผ่นดินภูเขา สูงเกินกว่าฝุ่นคลุ้งจะกลบมิดได้ ปรากฏกายออกมาให้ทั้งคู่เห็นด้วยตาคู่นี้

      ความรู้สึกอยากอาเจียนแทบจะถูกเตะไปทันที เมื่อเห็นรูปร่างอันสูง50เมตรของมัน

      ร่างกายสีน้ำตาลแหลือง มีจุดสีดำคล้ายแต้มหมึกอยู่ทั่วตัวกระจัดกันไป ลักษณะการยืนเป็น2ขาแต่ไม่คล้ายการเดินของมนุษย์ ส่วนหัวลักษณะคล้ายอสรพิษผสมกิ้งก่า มีหนวด2หนวดเหมือนหนวดแมลง
      ผิวหนังเป็นปล้องๆคล้ายแมลงผสมกับสัตว์เลื้อยคลาน เท้ามันเป็นกีบ2กีบแหลม ที่เด็ดสุด คือมือทั้งข้างของมันเป็นแส้ปล้องๆต่อกันเรียวและเพียวเอามากๆ  คาดว่าอาวุธชิ้นนี้แหละที่ใช้สังหารชายล่ำสัน

      ที่แน่ๆมันไม่ใช่สิ่งที่ไม่ควรต่อกร ไม่สิ ไม่สมควรขัดขวางความตายที่มันมอบให้ด้วยซ้ำไป!

      ความหวาดกลัวเข้าครอบงำคนที่เหลือรอด พวกเขากลัวจนถึงกับทรุดเข่าอ่อน อย่าว่าแต่เดินเลยขนาดนิ้วยังแทบกระดิกไม่ได้เลย ราวกับหวาดกลัววันสิ้นโลกที่กำลังมาถึง

      "People with flag must Hell DIE!"มันพูดภาษาอังกฤษชัดเจนด้วยความโกรธมาแต่ชาติปางก่อน

      สัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่รอช้า แส้มือถูกตวัดขึ้นเสยคนที่รอดให้ตายคาที่ ในพริบตาก่อนแส้ถึงตัวชายผอมดันเกิดฮึดดันความกล้า รีบผละตัวหนีออกได้ทันต่างกับหญิงสาวที่เบิกตากว้างอยู่กับที่ด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

      "กรี๊ดดดดดดดด!!"

      กรีดร้องไปก็มิได้ช่วยอะไร ร่างเธอถูกแส้อันมหึมาฟาดขาเธออย่างรุนแรง ส่งผลให้เธอลอยเคว้งคว้างสูงจากพื้นดิน พร้อมกับขาทั้ง2ขาที่ขาดกระเด็นหายไปตามแรงฟาด ตามด้วยเลือดที่พุ่งออกมาควงเป็นวงกลมอย่างดงาม

      ทว่ามันไม่สาแก่ใจเจ้าสัตว์ประหลาด


      "ORAAAA....."

      ท่อนแขนทั้ง2ข้างยกสูงขึ้น.....

      แขนขวาเป็นแขนแรกที่ถูกง้างขึ้นมา....

      แส้ขวาตวัดเปิดก่อน....จากนั้นมหกรรมหวดแหลกก็บังเกิด.....

      "ORA!
    ORA! ORA! ORAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAA!!!!!!!!"

      แส้ทั้ง2ฟาดซ้ายขวาซ้ายขวาอย่างบ้าคลั่งเหมือนลมกันโชก ความเร็วและพลังในการฟาดอันไม่ธรรมดาบวกกับความเปราะบางของร่างกายมนุษย์ ร่างกายของหญิงสาวถูกกระหน่ำฟาดไม่ยั้ง ไม่นานร่างกายเธอก็ถูกฟาดจนร่างแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดี กระจัดกระจายไปไม่เหลือซาก
     
      ร่างอันแหลกเหลวกลายเป็นฝนเลือดสาดใส่ทั่วบริเวณ ย้อมทุกสิ่งให้เป็นสีเลือดราวกับที่นี่คือฝันร้าย ก่อนมีเศษเนื้อเล็กๆบางส่วนตกลงมาตามหลัง

      "..............."

      ต่อมาไม่นานมีเศษมันสมองสีชมพูย้อมเลือดตกมาเปรอะใบหน้าชายผอม เขานั่งเข่าอ่อนไปชั่วครู่ก่อนล้มลงไปในสภาพน้ำลายพูมปาก แววตาฉายความกลัวที่ฝึงลึกไปถึงรากเง้าจิตใจ

      เสร็จไป2 เหลือ1 บัดนี้ถึงเวลาเสียทีที่ต้องสำเร็จโทษเหล่าผู้โง่เขลาคนสุดท้ายเสียที

      มันค่อยๆยกเท้าขึ้นหมายจะบดขยี้ร่างชายผอม ในจังหวะนั้นเอง.....

      "นี่น่ะหรือ สัตว์อเวจีที่เกิดจากวิญญาณความแค้นของเหล่าผู้คนที่ถูกแย่งจอง"

      "Who are You?"

      ไม่รู้ว่าตอนไหนมีคนในชุดนักเวทย์สีดำ สวมฮู้ดคลุมหัวปรากฏขึ้นบนทุ่งหญ้าสีเลือดราวกับสายลมพเนจรพัดผ่าน  เขาคนนั้นยืนตั้งตระหง่านต่อหน้ามันราวกับท้าทายมัน

      "คุณน่ะควรปล่อยวางเสียบ้างเถอะ ผมรู้นะว่าคุณแค้นมากแต่คุณก็ฆ่าคนมามากไปแล้ว นี่คือคำเตือน คุณจงไปจากที่นี่และเลิกฆ่าคนอื่นได้แล้วสัตว์อเวจีจากความแค้น โซรุม"

      เขาคนนั้นพูดเตือนกับสัตว์ประหลาดร่างยักษ์หน้าตาเฉย เหมือนครูเตือนนักเรียนและให้โอกาสแก้ตัว

      "Don't understand me! You can't understand my feeling! Just DIE NOW!"

      ทว่านั้นเป็นการยั่วโทสะที่เดือดตลอดเวลาให้เดือดขึ้นอีก โซรัมตวัดแส้อีกครั้งเข้ากะจะตัดหัวคนผู้มาใหม่ให้ขาด

      ฝุบ!
     
      ในเสี้ยววิก่อนแส้จะสะบั้นคอ เขาย่อเข่าลงนิดหนึ่งหลบฉิวเฉียดแต่แส้กลับโดนฮู้ดขาดวิ่นแทน

      สายลมโฮกใหญ่อาบร่างชายหนุ่ม หอบเอาเศษผ้าฮู้ดปลิวไปข้างบน

      เผยให้เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มวัยรุ่นผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกาแฟดำ รุ่นราวอายุ15ปี กำลังทำหน้านัยว่า ช่วยไม่ได้นะ

      "ผมเตือนแล้วนะ........."

      กล่าวจบเด็กหนุ่มเลิกใช้วิธีฉันท์มิตรมาเป็นวิธีใช้ความรุนแรง ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบใจอย่างแรงนัก ทว่าในเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องคงช่วยไม่ได้นัก

      ดาบรูปร่างแปลกประหลาดถูกเด็กหนุ่มชักออกมาจากข้างลำตัว มันเป็นดาบที่มีตัวคั่นกลางระหว่างด้ามดาบกับใบดาบเป็นวงล้อวงกลมขนาดเท่าจานข้าว ใจกลางวงล้อเป็นสีดำสนิทแล้วมีวงล้อสีเงินล้อมทับอีกที ใบดาบเป็นทรงยุโรปตัดแดง ปลายดาบเป็นหัวคล้ายลูกศร ด้ามจับดำสีดำตัดแดงมีปุ่มคล้ายไกปืนก็ไม่เชิงอยู่ด้านข้างด้ามดาบ

      ความจริงเด็กหนุ่มมีหลายวิธีที่น่าจะช่วยเจ้าสัตว์ประหลาด ไม่สิ สัตว์อเวจีได้ แต่บัดนี้มันหมกมุ่นกับความแค้นที่ถูกเหล่าผู้คนชิงปักธงจองตัวละครก่อน  มันเกินสายแล้วเหมือนคราบสกปรกในโบราณสถาน100ปี

      "ถึงไม่อยากจะทำแต่ถ้าไม่หยุดคุณต้องมีคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตายไปมากกว่านี้ อโหสิเถอะนะ"เด็กหนุ่มพูดขึ้นพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่

      เด็กหนุ่มชูดาบคู่ใจขึ้นบนฟ้า พร้อมกดไปที่ปุ่มข้างด้ามดาบอย่างรวดเร็ว

      "ออร์บิส!"

      สิ้นคำวงล้อคั่นดาบเกิดหมุนขึ้นมาอย่างรุนแรง มันหมุนเร็วขึ้นเรื่อยจนเกิดประกายแสงสีฟ้าปริมาณมหาศาลฟุ้งกระจายไปรอบบริเวณ ก่อนจะห่อหุ้มร่างเด็กหนุ่มไปทั่วตัว

      ทว่าโซรุมไม่สนและไม่คิดจะไม่ให้มันเกิดด้วย มันฟาดแส้ลงอีกครั้งและคราวนี้ไม่พลาดแน่!

      ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มที่ถูกประกายสีฟ้าห่อหุ้มร่างพลันเปล่าแสงอันเจิดจ้า ทำให้โซรุมตาพร่าและโจมตีพลาดไปโดนตรงอื่นแทน

      แสงอันเจิดจ้าพวยพุ่งจากพื้นนับ40เมตร แล้วมันก็กลายเป็นบางสิ่งที่ใหญ่โต.......

      เปรี้ยง!

      ......และทรงพลัง






      หมัดดุ้นๆถูกซัดเข้าปลายคางโซรัมอย่างจังๆ มันถึงกับล้มไปกองวัดพื้นแทบจะทันใด

      แสงอันเจิดจ้าก่อตัวเป็นมนุษย์ยักษ์40เมตร บนตัวมีสีแดงเป็นหลัก สีเงินเป็นลวดลายเสริมความน่าเกรงขาม ส่วนหัวเป็นสีเงินหน้าตาคล้ายคลึงกับพระพุทธรูปก็ไม่เชิง มีดวงตาสีนิลออกเนื้อเป็นวงรีเฉียงลง มีปุ่มแสงสีฟ้าอยู่กลางหน้าผาก จุดเด่นจริงๆ ใจกลางหน้าอกมีวงแหวนสีฟ้าเรืองแสง แผงหน้าอกมีลวดลายตัว"}"เรียงอยู่คล้ายลายของสายลม

      "DAMM YOU!!"

      โซรัมที่พึ่งฟื้นมาตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด พร้อมตวัดแส้2มือทั้งแนวขวางแนวเฉียงเป็นพายุ

      มนุษย์ยักษ์ตีลังกาถอยหลังหลบพายุแส้ออกมาได้ แต่โซรุมยังเดินหน้าฟาดต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งจนทำให้มนุษย์ยักษ์ต้องตีลังกาถอยหลังต่อไป จนกระทั่งถอยหลังไปติดแนวสันเขาที่ใหญ่กว่า ทำให้ต้องสปริงตัวขึ้นมารับมือ

      "DIE!!"

      โซรุมไม่รอช้าตวัดแส้ทั้ง2ข้างออกหมายจะรัดร่างมนุษย์ยักษ์ ทว่ามนุษย์ยักษ์กลับกลิ้งโน้มตัวไปข้างหน้าหามันเพื่อหลบ ก่อนจะหยุดตรงหน้าขามันแล้วจัดการเตะกวาดลานตัดขามันล้ม จนล้มไปซะพื้นดินสะเทือน 

      ในช่วงที่โซรุมพยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง มนุษย์ยักษ์ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุด ดีดตัวขึ้นมาจับขาทั้ง2ข้างของมัน จากนั้นจับร่างมันเหวี่ยงเป็นวงกลมไปมา4-5 รอบ

      การโดนจับเหวี่ยงไปมาไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์นัก โลกของโซรุมหมุนไปเหวี่ยงมาจนแทบมองโลกขวาเป็นซ้าย บนเป็นล่าง  ก่อนจะถูกมนุษย์ยักษ์จับขว้างร่างมันกระแทกเข้ากับแนวสันเขาใกล้ๆ จนหินผาแตกกระจาย

      โซรุมพยายามรีบลุกให้ได้ ทว่าไม่นานนักมนุษย์ยักษ์พุ่งเข้ามาเตะเสยคางซ้ำอีกดอก แรงมันถึงกับพาร่างนับหมื่นตันลอยจากพื้นสู่พื้น จนมันแน่นิ่งสนิทคาที่

      เพื่อความชัวร์ มนุษย์ยักษ์ค่อยๆเดินมาตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง เขายื่นมือหวังจะเช็คว่ามันตายหรือยัง ทว่านั่นเป็นกับดัก 

      โซรุมที่แสร้งว่านอนสลบอยู่ กลับตวัดแส้ข้างหนึ่งจับขามนุษย์ยักษ์ และกระชากล้มหงายหลังอย่างแรงจนพื้นดินสะเทือน มวลดินกระเพื่อมขึ้น ได้ทีมันแล้ว มันลุกขึ้นแล้วฟาดไม่เลี้ยงเอาคืน

      มนุษย์ยักษ์ถูกฟาดเข้าที่ลำตัวอย่างไม่ยั้งจนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด โซรุมที่ได้ยินก็ยิ่งสะใจเข้าไปใหญ่พร้อมใส่แรงฟาดขึ้นอีกจนมนุษย์ยักษ์เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
     
      "I got you."มันพูดด้วยความสะใจ

      เพื่อแก้เกมมนุษย์ยักษ์ฝืนความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ พลังในตัวได้มาสถิตใจกลางหน้าอกจนถึงขีดสุด หน้าอกพลันเกิดแสงแรงจ้า ทั่วบริเวณพลันเป็นสีขาววูบเดียว โซรุมที่แสบตาต้องเอามือที่เป็นแส้ทั้ง2ข้างมาป้องตา เปิดโอกาสให้มนุษย์เตะผลักร่างมันออกไป

      ในเมื่อตามันยังพล่าอยู่ มนุษย์ยักษ์ฟันศอกเข้าข้างแก้มโซรุมจนมันหน้าสะบั้น และระดมซัดหมัดซ้ายขวาเป็นชุดๆไม่ยั้งเข้าท้องมัน ก่อนจะต่อยมันฮุคท้องซ้ำจุดเดิมทำเอามันถอยหลังไปหลายก้าว เกือบได้ล้มลงอีกครั้ง

      "You can't beat me!"

      โซรุมหายตาพล่าแล้วพร้อมตะโกนด้วยความโมโห มันฟาดแส้ขวาตวัดเฉียงลง แต่มนุษย์ยักษ์กระโดดกลิ้งตัวมาทางด้านข้างขวาเพื่อหลบ แล้วลุกขึ้นมารวบรวมพลังไว้มือขวา จากนั้นชกหมัดขวาพร้อมปล่อยกระสุนแสงใส่

      เปรี้ยง!

      ราวกับเสียงอัดกระแทกหนัก กระสุนแสงยิงเข้าไปที่หน้าอกของโซรุมเข้าจังเบอร์ ราวกับมีมวลสารอัดเข้าหน้าอกมัน ร่างมันถูกอัดกระแทกอย่างแรง พาร่างนับหมื่นตันดีดขึ้นขึ้นจากพื้นก่อนจะลอยถอยไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น

      มนุษย์ยักษ์วิ่งเข้าไปหวังจะซ้ำโซรุมที่กำลังลุก ทว่าโซรุมกลับลุกทันเสียก่อน ซ้ำร้ายมันหันหน้ามาทางมนุษย์ยักษ์ เผยความสามารถอีกอย่างของมันโดยตอนที่ล้มคว่ำหน้าไปตะกี้มันแอบกินดินเข้าไปจำนวนหนึ่ง ทันทีที่มนุษย์ยักษ์เข้าในระยะมันก็พ่นดินออกมาเป็นฝุ่นดินใส่ใบหน้ามนุษย์ยักษ์เต็มๆ

      นี่ไม่ใช่การโจมตีเพราะการพ่นดินไม่ได้ทำให้ศัตรูเจ็บหรือแสบตาด้วยซ้ำ แต่มันคือการซื้อเวลาต่างหาก

      ฝุ่นดินบดบังวิสัยทัศน์มนุษย์ยักษ์ ด้วยความตกใจเขาต้องก้าวถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อตั้งหลัก สอดตาซ้ายขวาเพื่อหาศัตรู

      ไม่นานสายลมได้หอบพัดฝุ่นดินหายไป.....

      "!?"

      ถ้ามนุษย์ยักษ์แสดงสีหน้าได้คงแสดงสีหน้าตกใจแน่แท้

      โล่ง(?) สภาพรอบตัวโล่งไปหมด ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตไซส์เดียวกับตัวเองที่ฟัดกันดุเด็ดเผ็ดมันส์เมื่อตะกี้ ถึงจะมีร่องรอยการต่อสู้ให้เห็นบ้างก็เถอะ

      หน้าค่อยๆหันไปทางหนึ่งห่างจากเขาไปสัก6-7ก้าว มีหลุมใหม่ที่คล้าย 'อะไรบางอย่างขุดลงไปใต้ดิน' แค่นี้มนุษย์ยักษ์พลันสัมผัสถึงเค้าลางความบรรลัยแล้ว

      ครืนนน!!

      "อุบ!"มนุษย์ยักษ์ส่งเสียงจุกท้อง

      พื้นดินใกล้ใต้เท้าเกิดแตกขึ้นมา ร่างอสูรร้ายพุ่งทะลวงจากผิวดิน พุ่งชนเข้าใส่ท้องมนุษย์ยักษ์เต็มแรง ความแรงในการชนมิใช่เล่นถึงขนาดพาร่างยักษ์กระดอนไปหลังนับสิบเมตรแล้วกระแทกลงพื้นด้วยความจุก

      ร่างนั้นคือ โซรัม และความสามารถอันร้ายกาจที่สุด คือ การดำดินได้ ซึ่งสมัยก่อนเคยมีผู้คนต่อหลายคนพยายามจะกำจัดมันมานักต่อนัก ผลกลับเป็นความล้มเหลวเพราะเจ้าความสามารถนี้เนี่ยแหละ ใช้ทั้งหนีหรือโจมตีไปในตัว แม้จะเรียบง่ายแต่น่ากลัว

      "This is my turn!"

      หลังกล่าวจบโซรุมก็มุดดินหนีอีกครั้ง มนุษย์ยักษ์จึงรีบลุกยืนอีกครั้ง ทว่าไม่นานโซรุมก็พุ่งทะลวงจากดินมาพุ่งชนใส่มนุษย์ยักษ์อีกครั้ง ส่งผลให้เขาล้มลงไปอีกครั้ง

      ราวกับวนลูปไม่ว่ามนุษย์ยักษ์จะลุกขึ้นมาอีกกี่ครั้ง ไม่วายยังถูกโซรุมพุ่งจากใต้ดินชนจนล้มซ้ำอีกรอบ มนุษย์ยักษ์แทบมิอาจจะโต้ตอบได้ เขาไม่สามารถคาดเดาการโจมตีได้ว่าจะโจมตีเวลาไหน ยากจะป้องกันโดยแท้

      เปรี้ยง!!

      จนกระทั่งจังหวะหนึ่งโซรุมดำดินด้วยความลึกมากกว่าเดิม ก่อนจะพุ่งมาชนเข้าที่ท้องมนุษย์ยักษ์สุดแรงเกิด คราวนี้ร่างมนุษย์ยักษ์กระเด็นยาว และกระแทกกับแนวสันเขาจนหินผาร้าว ร่างแทบจะติดเกือบแนวสันเขาแงะแทบไม่ออก

      'แย่แล้ว!'

      การโจมตีเมื่อกี้สาหัส เขาเริ่มเจ็บปวดไปทั่วร่างคล้ายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ท้องยังจุกไปหมด งานนี้วิกฤตของแท้!

      โซรุมค่อยๆผุดขึ้นมาจากพื้นดินอย่างช้าๆต่อหน้ามนุษย์ยักษ์คล้ายเย้ย จากนั้นมันง้างฟาดทั้ง2ข้างฟาดใส่มนุษย์ยักษ์ในสภาพนั้นทันที

      เสี้ยววิมนุษย์ยักษ์ยื่นมือ2ข้างมาข้างหน้า พลังงานในร่างถูกแปรเปลี่ยนออกมาเป็นม่านพลังวงกลมขึ้นมาป้องกันการระดมโจมตีจากแส้มันได้สำเร็จ

      โซรุมยังไม่ยอมเลิกง่ายๆ ในเมื่อยังมีม่านพลังคอยก็บ่เป็นหยังดอก แส้คู่ระดมใส่ม่านพลังอย่างโหมหนักดุจพายุ จนม่านพลังเริ่มแตกร้าวเหมือนกระจกแล้ว

      "โอ้วววว........"มนุษย์ยักษ์กู่ร้อง

      เขารีดเค้นแรงในร่างกายทั้งหมด กล้ำกลืนความเจ็บปวดแล้วพยายามดันร่างตัวเองให้ออกจากการติดแง่ะคาแนวสันเขาให้ได้

      ครืนนน!


      สำเร็จ เขาดันตัวเองออกจากแนวสันเขาออกมาได้จนหินผาบางส่วนกระจายออกเป็นแผ่นๆในตอนเอาตัวออก ทำเอาโซรุมผงะหยุดชั่วครู่ จากนั้นถีบม่านพลังที่เขาสร้างเต็มแรง

      ม่านพลังที่ถูกถีบพุ่งเข้าไปกระแทกใส่โซรุมเน้นๆ มิได้แบ่งปันใคร ส่งร่างโซรุมล้มลงกับพื้นอีกครา

      โซรุมเห็นท่าไม่ดี ถ้าดูล่ะก็ทางมนุษย์ยักษ์เก่งกว่ามันแน่แต่ประสบการณ์ยังน้อย ทางมันก็แค่มีประสบการณ์เยอะกว่ากับถนัดเล่นทีเผลอเท่านั้น มันจึงตัดสินใจจะลุกแล้วรีบมุดดินทันที

      บรึ้ม!

      ก่อนมันจะทำได้ดั่งใจหวัง ทันทีที่ลุกขึ้นแล้วกำลังจะเตรียมขุดดิน มนุษย์ยักษ์ใช้จังหวะนี้ซัดพลังจากฝ่ามือรูปหัวลูกศร ใส่กลางกระหม่อนจนเกิดการระเบิดขึ้น

      ทว่าท่านี้ ไม่สิ ท่าแฮนด์สเลซ มีอานุภาพทำลายต่ำเป็นทุนเดิม ไม่สามารถใช้ในการปลิดชีพตัวไซส์เดียวกันได้ ยกเว้น ศัตรูตัวเล็กกระจ้อยหรือปางตายจริงๆ มนุษย์ยักษ์ไม่คิดจะปลิดชีพด้วยท่านี้ตั้งแต่แรกแน่

      สิ้นควันฝุ่นจากการแรงระเบิด โซรุมยกมือที่เป็นแส้ทั้ง2ข้างมากุมหัวและร้องโอดอวยด้วยความเจ็บปวดยันทรวงใน บัดนี้หนวดบนหัวของมันทั้งหมดถูกระเบิดเป็นจุลไปเสียแล้ว

      ขออธิบาย ในยามที่โซรุมต้องดำดินมันจำเป็นต้องมีเซนเซอร์หรืออะไรบางอย่างที่ช่วยนำทางไม่ให้หลงทางขณะดำดิน ซึ่งอวัยวะที่ทำหน้าที่อันนี้ก็คือหนวดบนหัวของมัน แต่มันกลับโดนทำลายไปเสียแล้ว

      หมายความว่า ตอนนี้มันมิอาจดำดินได้ตลอดชีวิต และสถานการณ์ได้พลิกกับมาทางฝั่งมนุษย์ยักษ์

      "I going to kill you today!!!"

      ด้วยความโกรธถึงขีดสุด โซรุมที่โกธาวิ่งเข้าประจันหน้ามนุษย์ยักษ์อย่างบ้าคลั่งกันตรงๆ จนทุกก้าวที่เหยียบพื้นถึงสะเทือนไปทั่ว ดินกระเพื่อมขึ้น ในขณะมนุษย์ยักษ์ก็วิ่งเข้าประจันกันตรงๆจนดินกระเพื่อมเหมือนกัน

      แส้ซ้ายตวัดกลางลานลงหวังตัดขามนุษย์ยักษ์ที่ห่างกัน5ก้าว มนุษย์ยักษ์จึงกระโดดใส่โซรุมเพื่อหลบแส้ ก่อนรวบร่างมันลงกับพื้นกันทั้งคู่

      โซรุมพยายามจะลุกขึ้นก่อนแต่ช้าไป มนุษย์ยักษ์ลุกมาก่อนจะจับแส้ซ้ายมัน และจัดการกระชากมันให้ตรึงสุดแรงให้ขาดให้ได้จนเจ้าของร้องจ๊าก

      ฉัวะ!

      เขาใช้มือซ้ายจับแส้ ส่วนแขนขวาง้างขึ้นแล้วฟาดสันมือเต็มแรง ตัดแส้ซ้ายมันจนขาดสะบั้น ราวกับตัดเส้นด้ายธรรมดา

      "F_CK!
    F_CK! F_CK! F_CK! F_CK! F_CK! F_CK!!!!"โซรุมถอนแขนซ้ายออกอย่างเจ็บปวด

      ด้วยความโกรธแค้นมันตวัดแส้ขวาที่อยู่เหลืออยู่ใส่มนุษย์ยักษ์ระยะประชิด หายจะเอาคืน เหมือนว่ามันคงจะลืมอะไรไป

      แส้ของมันจะใช้ได้ดีในระยะกลางกับไกล แต่ใช้ไม่ค่อยได้กับระยะใกล้หรือโดนเข้าคลุกวงใน โซรุมคงโกรธจนลืมจุดบอดข้อนี้เสียสนิท

      มนุษย์ยักษ์ตอบแทนค่าโง่ให้โดยจับล็อคไหล่ขวามันไว้ และบิดขึ้นให้แน่นทำให้แส้ไม่ทันถึงตัว จากนั้นคว้าไหล่มันจับทุ่มข้ามสะโพกไป

      การทุ่มนั้นทุ่มสุดแรงเอาการ แผ่นหลังโซรุมปะทะพื้นดินอย่างไร้ที่รองเต็มเม็ดเต็มหน่วย เป็นเหตุให้แผ่นดินแตกกระจายเป็นหลุมกว้าง เศษดินกระจายไปทั่ว

      โซรุมปวดบริเวณแผ่นหลังอย่างรุนแรงชนิดเหมือนสันหลังจะหักก็ไม่หักไม่ปาน รอบนี้มันเจ็บหนักชนิดลุกแทบไม่ขึ้นแล้ว ทว่าฟ้ายังคงแกล้งมันอีก

      มนุษย์ยักษ์เมื่อเห็นดังนั้น เขาไม่รอช้าจับแส้ขวาดึงมาให้ตึง แล้วเค้นแรงจับกระชากขึ้นมาและเหวี่ยงมันเป็นวงกลม ตัวเองเป็นศูนย์กลางขณะจับแส้ขวามันเหวี่ยงไปเหนือพื้นดินพร้อมร่างมัน

      ปึด!


      แน่นอนการจับเหวี่ยงแส้ที่เสมือนมือของมันไม่ใช่สนุกสำหรับคน(หรือตัว?)โดนแน่ แส้ขวาที่โดนเหวี่ยงไปมาไม่ได้แข็งแรงขนาดทนน้ำหนักของเจ้าของมันและแรงเหวี่ยงศูนย์กลางได้ ในไม่กี่อึดใจต่อมาแส้ข้างสุดท้ายก็ขาดปึดราวกับเชือกด้าย

      เมื่อที่รั้งไม่ให้หลุดจากการเหวี่ยงอย่างแส้ขวาขาด โซรุมลอยไปตามแรงเหวี่ยงก่อนร่วงหน้ากระแทกกับพื้นดินตามระเบียบ

      มนุษย์ยักษ์ถอยหลังออกไปตั้งท่ารอดูสถานการณ์ โซรุมค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างช้า ดวงตามันเต็มไปด้วยความแค้นอันระอุศัตรูตรงหน้า ตามันจ้องมืออดีตมือที่ขาดสลับซ้ายขวา

      ยิ่งมองก็ยิ่งแค้น อาวุธอันภาคภูมิใจของมันกลับถูกไอ้เด็กบ้าตัวไหนก็ไม่รู้แปลงร่างเป็นมนุษย์ยักษ์ แล้วทั้งอัดทั้งทำลายสิ่งที่ภาคภูมิมาโดยตลอด

      ถ้าจะตายๆก็ขอพาไอ้เด็กนรกนี่ไปลงนรกด้วยเลยก็แล้วกัน!!

      "กี๊ซซซซซซซซซ!!"

      โซรุมกู่ร้องราวสัตว์ร้าย ก่อนเกร็งขา2ขาถีบพุ่งเข้าดับเครื่องชนให้มนุษย์ยักษ์ด้วยความเร็วดุจสว่าน ทว่ามนุษย์ยักษ์ไหวตัวทันโดยเบี่ยงไปซ้าย ทำให้จุดมุ่งหมายในการพุ่งชนเฉียดสีข้างขวาแทน

      ทันทีที่หัวเกือบจะถึงสีข้างขวาไม่กี่มิล มนุษย์ยักษ์คว้ามือจับล็อคคอมันรวดเร็ว และจัดการทิ้งน้ำหนักตัวกดคอมันให้กระแทกพื้นสุดแรงเกิด

      กร๊อบ!

      คอที่กดลงพร้อมร่างผู้กระทำอย่างรวดเร็ว เมื่อบวกกับน้ำหนักตัวทั้งคู่และการลงกระแทกกับพื้นในองศาที่เกินคอจะงอไว้ ผลคือ โซรุมคอหักในทันใด 

      ยังไม่พอน้ำหนักตัวกับแรงกดยังกดหัวทะลุดิน ปักหัวทิ่มคาเด๋เป็นเสาสัตว์ประหลาดหัวทิ่มพื้น แน่นิ่งอยู่ตรงนั้นขยับไปไหนหรือกระดิกอะไรเลย

      แม้ไม่รู้ว่าโซรุมจะตายสนิทหรือยัง มนุษย์ยักษ์เน้นชัวร์ เขาถอยมา3ก้าว ก่อนจะรวมพลังงานไว้ในหมัดขวา แล้วชกปล่อยกระสุนแสงท่าเดิมออกไปยิงใส่หน้าอกมันซ้ำเข้าจุดเดิมอีกครั้ง

      กระสุนแสงยิงใส่หน้าอกมันเต็มๆโดยมิอาจขยับไปไหนได้ พลันเกิดปฏิกิริยาอันเหลือเชื่อขึ้นมา.....

      บรึ้มมมมมมมม!!

      เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นมาอย่างรุนแรงจากภายในร่างของโซรุม แม้จะไม่ระเบิดชนิดเละเป็นๆชิ้น กระจุยกระจายเป็นโกโก้ครั้น แต่มันทำให้ร่างของมันกลายเป็นตุ๊กตาเพลิง

      ผิวสีเนื้อมันถูกเผาไหม้ด้วยอุณหภูมิสูง แปรเปลี่ยนเป็นสีดำไหม้ ในเวลาไม่นานนักก็ส่งกลิ่นเหม็นไหม้โชย ในเวลาไม่นานนักก็เกิดการระเบิดซ้ำดัง บรึ้ม อีกครา ระเบิดร่างโซรุมกระจายเป็นเศษไหม้ๆติดไฟรอบบริเวณในที่สุด

      นี่แหละคือฤทธิ์ของอีกท่าหนึ่งของมนุษย์ยักษ์ ซึ่งอาจเป็นท่าไม้ตายปิดฉากเลยก็ได้ 

      นัคเคิลช็อต เป็นท่าที่รวบรวมพลังงาน ไม่สิ พลังเวทย์มนตร์ในร่างกายแล้วชกออกไปเป็นกระสุนลำแสงเมื่อชั่วครู่ใส่ศัตรู ทว่าจะต้องยิงเข้าซ้ำที่จุดเดิมถึง2ครั้ง 

      ในนัดแรกเมื่อถูกตัวศัตรูจะอัดกระแทกร่างมันและเป็นชนวนที่รอตัวจุดภายในตัวศัตรู ส่วนนัดสองจะเป็นตัวจุดชนวนชั้นดีที่ทำให้ร่างศัตรูระเบิดในชั่วพริบตา

      นี่เป็นจุดจบของสัตว์อเวจีอันร้ายกาจตัวนี้.....ด้วยท่านัคเคิลช็อตของเขา

      การต่อสู้ได้สิ้นสุด มนุษย์ยักษ์ไม่รอให้ชายผอมตื่นเพราะคิดว่าเดี๋ยวไม่นานชายร่างผอมก็ตื่นเอง คงจะไม่มีอะไรมาทำร้ายเขาแน่ เขาจึงทะยานออกตัวจากพื้น และบินจากไปในที่สุด

      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .

      "นี่มันเกิดอะไรฟ่ะ"

      นี่คือคำแรกจากชายผอมหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา

      เขาจำความได้ว่าเขากลัวโซรุมจนสลบเหมือดไป พอตื่นมาอีก ทุ่งหญ้าบนยอดเขาเละเทะไปหมด เห็นคราบเลือดก่อนหน้านั้นอยู่ ลุกขึ้นมาดูสภาพรอบข้างภูเขา ปรากฏว่า มีร่องรอยการต่อสู้ระหว่างยักษ์เจอยักษ์ มีทั้งหลุมบ่อยุบไปเยอะ พื้นดินบางส่วนแตกร้าวเพราะทนรับน้ำหนักไม่ไหว 

      แนวสันเขาอันใหญ่โตมีรอยเป็นตัวคนยักษ์ฝังไปลึก แถมที่หลุมบ่ออันหนึ่งที่รอบข้างมีรอยไหม้คล้ายรอยระเบิด รอบบริเวณมีเศษชิ้นส่วนติดไฟไม้อยู่ บางก็มอดไปแล้ว สภาพที่เขาเห็นสามารถใช้คำนิยามว่า วินาศสันตะโร ได้แท้จริง

      "ชิบหายแล้ว!! อยู่ไม่ได้แล้วตู!!"

      ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ชาวร่างผอมรีบเช็ครอบตัว เมื่อเสร็จก็รีบเผ่นอย่างไม่คิดชีวิต ไม่สนใจที่จะอาลัยให้เพื่อนที่ตายหรืออะไรทั้งนั้น เพราะขืนอยู่นานมีหวังตาย!


      "เดี๋ยวก่อนสิพ่อหนุ่มอย่าเพิ่งไป"

      จู่ๆมีเสียงของหนุ่มหล่อพร้อมเสียงหล่อมาขัดไว้

      ชายผอมชะงักกึ้ก ก่อนหันไปหาต้นเสียงอย่างสงสัย และเขาได้พบกับชายผู้มีใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา ร่างกำยำ ใส่ชุดสีฟ้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ดูชาวบ้านเอามากๆ กำลังนั่งบนเก้าอี้ไม้สาธารณะที่ไม่รู้โผล่มาได้ไงใต้ต้นแอปเปิ้ล พร้อมเปิดเสื้อบางส่วนเผยหน้าอกอันแน่นๆ ส่งสัญญาณสีม่วงมาแต่ไกล

      "น...นายเป็นใคร....?"ชายผอมถามตะกุกตะกัก เขาสังหรณ์ไม่ค่อยนักกับผู้มาใหม่

      ชายผู้มาใหม่ไม่ตอบ เพียงยิ้มน้อยๆ และเอ่ยคำพูดสั้นๆขึ้นมาด้วยน้ำเสียงยั่วยวนและเชื้อเชิญว่า.....

      ว่า....

      ว่า......

      ว่า.........

      ว่า...........
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .


    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ยาราไนก้า



      "ยาราไนก้า?"


      นั่นแหละครับ ท่านผู้ชม..........








      อีกด้านหนึ่ง

      มนุษย์ยักษ์ได้บินจากสถานที่ต่อสู้มาไกล ตอนนี้ปุ่มสีฟ้ากลางหน้าอกเริ่มดับวูบสลับไปมา อันแสดงถึงขีดจำกัดเวลาในร่างนี้แล้ว

      เขาค่อยๆลงจอดใกล้ริมลำธาร เมื่อลงจอดได้ร่างก็ส่องแสงจ้าไปทั่วบริเวณ

      เมื่อแสงได้จางหายไปมนุษย์ยักษ์ได้กลับกลายมาเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้ง

      "ฟู่ว........"

      เด็กหนุ่มถอยหายใจเฮือก ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงกับพื้นหญ้าใกล้ลำธาร การต่อสู้เมื่อกี้สาหัสเอาการเพราะศัตรูตัวนี้มันแสบเขายอมรับจริงๆ แถมเหนื่อยอีกต่างหาก

      "ขอบคุณนะ.....ออร์บิส"เขาชูดาบคู่ใจขึ้นฟ้าอย่างภาคภูมิ

      ดาบนี้มีชื่อว่า ออร์บิส ซึ่งชื่อของมนุษย์ยักษ์ก็ใช้ชื่อนี้เช่นกัน

      ดาบเล่มนี้เป็นดาบที่บรรพบุรุษสร้างกันจนถึงรุ่นพ่อของเขาที่สร้างเสร็จ อันเป็นสมบัติของตระกูล โดยได้เลียนแบบพลังมาจากเทพพระเจ้าที่เคยช่วยปกป้องบ้านเกิดเขาไว้เมื่อ500ปีก่อน ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่า5ปีที่แล้วดีกว่า

      ใช่แล้ว เมื่อ5ปีก่อน เขาในวัย10ขวบได้เคยเจอเทพพระเจ้าองค์นั้นมาครั้งหนึ่งแล้วไงล่ะ!

      "นายมองเห็นผมอยู่หรือเปล่านะเดอุส"เขาเอ่ยชื่อเทพพระเจ้าองค์นั้น

      ถึงไม่รู้ว่าฝ่ายที่พูดถึงจะมองดูการต่อสู้เขาอยู่หรือเปล่า ที่แน่ๆเขาเริ่มชักง่วงขึ้นมาแล้วสิ

      เด็กหนุ่มค่อยๆปิดเปลือกตาลง ทิ้งการต่อสู้ที่ผ่านมาให้เป็นอดีต โยนเรื่องที่คั้งคาในใจออกจากสมอง และเข้าสู่ห้วงนิทราเพื่อการเดินทางในวันใหม่ต่อไป



      ทว่าเด็กหนุ่มหาได้รู้ไม่ว่า มีบางสิ่งกำลังจองเขาอยู่ ณ ที่ห่างไกล

      นอกดาวอาคาเซีย เหนือชั้นบรรยากาศดาวอันเป็นขอบเขตของอวกาศอันไพศาล มีแสงสว่างดวงหนึ่งได้จับจ้องเด็กหนุ่มอยู่ และเหมือนว่ามันจะมีความนึกคิดเป็นของตัวเอง

      "ลุกซ์ ออร์บิสเอ๋ย........"แสงสว่างกล่าวชื่อเด็กหนุ่ม "ข้าได้ยินเจ้านะ และข้าได้ดูเจ้าแล้ว จงแข็งแกร่งขึ้นไปอีกแต่อย่าได้ทิ้งความอ่อนโยนที่สถิตในใจเจ้าไปล่ะ เพราะว่าเจ้าคือวีรบุรุษที่ข้าคนนี้ยอมรับไงล่ะ....."

      กล่าวจบแสงสว่างดวงนั้นได้ลอยจากไปดั่งฟ้าแลบ บินไปเข้าในอวกาศอันมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด

      ไม่มีใครรู้ได้ว่ามันจะไปที่ไหนกันแน่ มีเพียงตัวมันเท่านั้นที่รู้......















      


     
     

      แถม.........

      ณ ดาวโลก

      ท่ามกลางฐานบัญชาการแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใจกลางเมืองใหญ่เป็นตึกสูง4ชั้น ด้านหลังมีโรงงานเล็กนับสิบกำลังวิจัยเทคโนโลยี มีโรงจอดทั้งรถยันไปถึงเครื่องบินรบขนาดยักษ์ยาว30เมตร ทว่ากลับมีการปลูกต้นไม้อยู่ทั่วบริเวณจนดูรมรื่นและไม่มีปล่องควันไฟปล่อยมลพิษ

      ซึ่งที่นี่คือฐานบัญชาการสูงสุดขององค์กรWPF         (World Peaceable Federation)  ภารกิจหลักขององค์กรนี้ คือ การรังสรรค์สภาพแวดล้อมบนโลกให้น่าอยู่ ยุติชนวนเหตุสงคราม รักษาสันติภาพ  การนำวิทยาศาสตร์ล้ำสมัยมาใช้ในงานพัฒนาวิจัย  การออกค้นหาทรัพยากรในอวกาศ และอื่นๆอีกมากมาย 

      ภายในใจกลาง มีห้องหนึ่งที่หน้าประตูติดป้ายไว้ว่า ห้องผู้บัญชาการสูงสุด และภายในห้องมีชายที่หน้าตาผ่านโลกมานานในชุดยศสูงสุดของที่นี่ หรือผู้บัญชาการสูงสุด นั่งโต๊ะทำงานกำลังก้มหน้าจ้องไปยังเอกสารหนึ่งบนโต๊ะไม่วางตา

      ตอนนี้มีชายอีก2คนยืนอยู่หน้าโต๊ะเขา ซึ่งทั้งคู่ใส่ชุดเหมือนกับผู้บัญชาการสูงสุด ต่างกันที่เข็มกลัดที่ติดไว้เป็นยศต่ำกว่ายศหนึ่ง

      "เหมือนถึงเวลาเสียทีแล้วนะครับท่าน"

      "อืม...."ผู้บัญชาการพยักหน้า

      เขาบรรจงเซ็นอนุมัติเอกสารตรงหน้าเสร็จ และยื่นเอกสารนั้นให้แก่ชายอีกคนไป สำหรับเขานี่ถือเป็นการตัดสินครั้งยิ่งใหญ่ที่เปิดทางไปสู่สมัยใหม่ของมวลมนุษยชาติเลยทีเดียว

      ผู้บัญชาการสูงสุดมองไปยังหน้าปกเอกสารนั้นอย่างไม่วงตาขณะส่งให้ชายตรงหน้า โดยหน้าแฟ้มได้ถูกประทับไว้ด้วยหมึกสีแดงและเขียนว่าลับสุดยอด และชื่อเอกสารนี้มีชื่อว่า.....

      โครงการGAT(Galaxy Away Team)







    -------------------------------------------------------------------------------------------



      ปล.ในนิยายจริงๆแล้ว ถ้าไม่ใช่ตัวละครที่ทางคนเขียนเขียนมาประกอบฉาก ไม่มีทางที่จะมีฉากการตายแบบอนาถเหมือนในบทนำแน่


      ถ้าผมเกิดเขียนได้ไม่ถูกใจก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ดวยนะ เนื่องจากทางผู้เขียนตั้งใจจะเขียนให้ตอนนี้ตัวเอกยังอ่อนประสบการณ์อยู่ ยังตีบวกมาน้อย มันอาจจะทำให้ตอนแรกอาจจะดูไม่สนุกไปหน่อยก็ได้ในฉากบู๊








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×