ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    From that day on... จากวันที่เธอไม่อยู่

    ลำดับตอนที่ #9 : From that day on... Chapter EIGHT

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 50



                  สวัสดีค่ะ  ในที่สุดก็มาถึงตอนจบแล้วนะคะ  เพชรเขาจะเลือกใครก็ต้องติดตามดูแล้วล่ะ  ลุยเลยดีฝ่า>>>>







    8

    พลอยเข้าใจทุกอย่างแล้วล่ะ

    ตอนเย็นที่เพชรมาช่วยพลอยทำกับข้าวนั้น  เพชรดูมีความสุขมาก  คุยไปก็ยิ้มไปถึงเรื่องที่ได้ใกล้ชิดกับน้องพลอยสุดที่รักของเพชรเขา  คืนดีกันแล้วสินะ  คงกลับมารักกันเหมือนเดิมแล้ว  ส่วนพลอยก็ไม่มีค่าอะไรอีกต่อไป  เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้มีความสำคัญมากไปกว่าเพื่อนเลย

    เฮ้อ  พลอยคิดมาก  ว่าไหม...  ก็ความจริงแล้วเพชรไม่เคยมองใครเลยนอกจากน้องพลอย  แม้แต่พลอยเองที่เพชรคอยดูแลปกป้อง เพชรก็ไม่ได้ให้ความหมายใด ๆ  เพชรไม่ได้ทิ้งพลอยเพราะเพชรไม่เคยคบพลอย  แล้วอย่างนี้พลอยจะน้อยใจทำไม  จะว้าวุ่นทำไมกัน

    พลอยนี่บ้าไปคนเดียวจริง ๆ

    และเมื่อคืนที่มีกิจกรรมผูกข้อมือ  แม้ว่าทั้งห้องประชุมจะมีเพียงแสงเรือง ๆ จากดวงเทียนไม่กี่เล่ม แต่พลอยก็เห็นเพชรพยักหน้าเรียกน้องเปิ้ลให้มาหา  เพชรผูกข้อมือให้น้องและพูดอะไรไม่รู้ตั้งนานสองนาน  แต่ไม่ต้องบอกพลอยก็เดาออกว่า  เพชรคงขอน้องพลอยคืน

    ที่แท้การที่เพชรเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าในโทรศัพท์พลอย   ไม่ใช่เพราะมันจะทำให้คิดถึงน้องพลอยเวลาที่ได้ยินหรอก

    ที่พลอยเคยพูดคำว่า  เพชรกับพลอยคู่กันพอดีเลยเนอะ  แล้วเพชรเหมือนจะไม่ชอบนั้น  ไม่ใช่เพราะการนึกถึงน้องพลอยมันเจ็บปวดหรอก

    การที่เพชรเรียกพลอยว่า ดา  ก็ไม่ใช่เพราะไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องน้องพลอยหรอก

    ทั้งหมดนี้   ไม่ใช่เพราะเพชรอยากจะลืมน้องพลอย   แต่เป็นเพราะเพชรไม่อยากให้มีใครหน้าไหนมาทำอะไรเหมือนกับน้องพลอยต่างหาก

    เสียงเรียกเข้านั้น  เพชรเขาให้น้องพลอยคนเดียว

    ประโยคนั้น  เพชรเขาอยากให้น้องพลอยเท่านั้นที่พูดออกมา

    ส่วนเพลง  One ที่พลอยชอบนั้น  เพชรไม่เคยร้องให้พลอยฟัง  ก็เพราะอยากจะเก็บไว้ให้น้องพลอยที่เพชรเฝ้ารอ

    หรือแม้แต่ชื่อของพลอยเอง  พลอยยังไม่มีสิทธิ์จะใช้เลย   เพราะ  พลอย  ในหัวใจของเพชรคือน้องพลอย  ไม่ใช่พลอยลดาคนนี้

    พลอยเข้าใจทุกอย่างแล้ว

    พลอยเข้าใจแล้ว  ว่าเพชรไม่เคยรักพลอยเลย

     

     

    ดาอยู่นี่น่ะเอง

    เราว่าแล้วว่าดาต้องมานั่งอยู่ตรงนี้  ม้าหินอ่อนหน้าหอพักหญิง  ที่ ๆ เราเคยพูดเปิดใจกับดาและยังเป็นที่ที่มองท้องฟ้ายามค่ำคืนได้สวยจริง ๆ  เราคิดว่าดาคงชอบดูดาวจากตรงนี้ถึงได้เดาว่าดาอยู่ที่นี่  และก็ถูกต้องด้วย

    เราตกใจแทบแย่ที่ตื่นมาไม่เจอดา  ออกมานั่งคนเดียวอย่างนี้มันอันตรายรู้ไหม

    ดายังคงก้มหน้านิ่ง  ไม่ทักเราสักคำเลย   เรารู้สึกเอะใจอะไรบางอย่างจึงนั่งลงข้าง ๆ แล้วสบตาค้นหาว่าเพื่อนรักเป็นอะไรไป  แต่ดากลับเบือนหน้าหนีเรา  เอ ..เราพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ

    ดา…”

    เราเรียกชื่อเธอเบา ๆ แล้วโอบไหล่เธอไว้  ในตอนนั้นเองที่เราเพิ่งสังเกตเห็นหยดน้ำใส ๆ ไหลลงจากดวงตาของเธอ  ดาร้องไห้!

    ดา  ใครทำดาบอกเราเลย

    ผู้หญิงข้าง ๆ ในชุดนอนเม้มปากกลั้นสะอื้นแล้วส่ายหน้าไปมา  เราจึงเขย่าหัวไหล่เธออีกครั้ง

    ดา  เกิดอะไรขึ้นบอกเราได้ไหม  เราไม่มีอะไรปิดบังกันไม่ใช่เหรอ   ดา…”

    เราหยุดไว้แค่นี้เพราะเหมือนยิ่งพูดดาก็ยิ่งร้องไห้  บอกตรง ๆ ว่าเราทำอะไรไม่ถูก  ไม่รู้จะช่วยเธอยังไง  ได้แต่กอดเธอไว้แน่น ๆ และเช็ดน้ำตาให้เธอ   น้ำตาที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดไหลเลย

     

     

    เพชรจะดีกับพลอยทำไม  คนที่เพชรควรจะดีด้วยก็คือคนที่นอนข้าง ๆ เพชรคนนั้นต่างหาก!

    คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของค่ายนักไต่ฝันจึงให้น้องค่ายและพี่ค่ายทุกคนนอนรวมกันในห้องประชุม  พลอยเข้าใจแต่ก็ทำใจรับไม่ได้จริง ๆ ที่น้องพลอยมานอนข้าง ๆ เพชรในขณะที่อีกข้างของเพชรเป็นพลอยเอง   พลอยต้องแกล้งทำเป็นหลับทนฟังสองคนนั้นคุยหัวเราะกันจนเขาทั้งคู่หลับไปพร้อมกัน  พลอยไม่ไหวแล้วจริง ๆ   พลอยก็แค่ส่วนเกิน

    พลอยไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้   และนั่นก็ยิ่งทำให้เพชรกอดพลอย  ปลอบใจพลอย  เพชรคงไม่รู้หรอกว่าความหวังดีของเพชรนั้นทำร้ายพลอยแค่ไหน  เพชรมาทำดีกับพลอยทำไมในเมื่อในเมื่อสิ่งที่เพชรทำนั้นมันไม่ใช่ความรักเลยสักนิด

     

     

    ก้อนเมฆบนฟ้าค่อย ๆ เคลื่อนเข้าบดบังดวงจันทร์ทำให้โลกใบนี้มืดลงไปอีก   ลมหนาวพัดแรงขึ้นและยังพัดพาไอเย็นจากน้ำค้างมาด้วย  เราเริ่มเป็นห่วงกลัวดาจะเป็นหวัดเพราะชุดนอนของเธอบางนิดเดียวและดาเองก็มักจะแพ้อากาศด้วย  แต่ชวนกลับแล้วดาก็บอกว่ายังไม่อยากนอน   โอเคดาไม่นอน  เพชรก็ไม่นอน

    เราไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าอะไรทำให้เธอเป็นแบบนี้   แต่สังหรณ์ว่าสาเหตุอาจเป็นเพราะตัวเราเองนั่นล่ะ   เพราะปกติแล้วเวลาเกิดอะไรขึ้นดาจะบอกเราเป็นคนแรก  แต่ครั้งนี้ดาไม่ยอมบอกก็เลยคิดได้อย่างเดียวว่าเป็นเรื่องเราแน่ ๆ   เราตัดสินใจรอให้ดาเย็นลงหน่อย   นั่งอยู่ข้าง ๆ ตรงนี้ไม่หนีไปไหน    เสียงสะอื้นของดาเงียบลงแล้ว   เธอกำลังมองท้องฟ้า  คงรอเวลาที่ก้อนเมฆก้อนใหญ่นั้นลอยพ้นไปจากดวงจันทร์ของเธอล่ะมั้ง

    เพชร…”

    พลอยลดาเอ่ยเรียกเราน้ำเสียงเลื่อนลอย   เราขานรับเบา ๆ แล้วหันไปหาเธอ

    เพชรยังอยากรู้เรื่องความรักของเราอยู่ไหม

    เราเบิกตากว้างในความมืด  แปลกใจจริง ๆ ที่จู่ ๆ ดาก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา  ดาจำได้ด้วยหรือนี่   ครั้งนั้นที่เราเล่าเรื่องน้องพลอยให้ดาฟัง  ตอนท้ายเราบอกว่าวันหลังให้ดาเล่าเรื่องของดาบ้าง   จำได้ว่าดาเขินหน้าแดงขึ้นมาเลย   เธอยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีก

    เรา  เอ่อ  อยากรู้สิ   เคยบอกแล้วไงว่าเราฟังดาเสมอ

    ดาหันมามองสบตาเรานิดหนึ่ง  แล้วดวงหน้าใสที่บัดนี้หมองเศร้าก็ก้มลงมองพื้นดินเบื้องหน้า

    เราเป็นคุณหนูอยู่กับบ้าน  อ่อนแอ  ทำอะไรก็ไม่ค่อยเป็น  เพื่อน ๆ ไม่ค่อยเล่นกับเราหรอกเพราะเราคุยไม่สนุก  เล่นมุขก็ฝืด  เราเองเข้าใจและไม่โทษพวกเขาหรอก   เรามันไม่ดีเองแหละแต่เราอยากปรับตัวนะ  อยากเป็นคนธรรมดาเหมือนอย่างที่คนอื่นเขาเป็นกัน  ไม่ใช่ตัวประหลาดอย่างนี้  

    ดาถอนใจและเงยขึ้นไปมองบนท้องฟ้า  กลุ่มเมฆหนาทึบนั้นค่อย ๆ เคลื่อนที่ผ่านดวงจันทร์ไปแล้ว  ทำให้แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนพื้นโลกอีกครั้ง  เธอยิ้มออกมาบาง ๆ ราวกับว่า  เมื่อสิ่งเลวร้ายในชีวิตเธอผ่านพ้นไป  เธอก็ได้พบกับเขาคนนั้น ผู้เปรียบเสมือนดวงจันทร์ที่ส่องแสงสว่างให้เธอพ้นจากความมืดมน

    เราตัดสินใจย้ายมาอยู่หอพักเพื่อเรียนรู้ชีวิตภายนอกและหวังจะให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น  และเราก็พบว่ามันไม่ง่ายเหมือนในละครเลย  อาจเป็นเพราะเราไม่ได้เข้มแข็งเหมือนนางเอกมั้ง   แต่โชคดีที่มีเขาคนนั้นคอยดูแลปกป้อง  ช่วยเหลือเรา และเขาก็คอยรับฟังเราทุกเรื่องเลยนะ   ปกติแล้วเราไม่ได้เปิดใจคุยกับใครทุกคนหรอก  แต่ไม่รู้ทำไมเราถึงอยากคุยกับเขามากมาย   เพื่อนเรายังถามเลย  ว่าทำไมตอนเราอยู่กับ เพเอ่อ  กับเขาคนนั้นเราโม้เก่งจัง  ฮิฮิ  พูดแล้วก็ขำเนอะเพราะเราไม่รู้ตัวเลย..

    ดาหันมายิ้มให้เราแล้วกล่าวต่อไปแช่มช้า  เราไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่  ไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจะทำดีกับเราขนาดนี้ แต่เรื่องมันก็จบแค่นี้ล่ะเพราะเขาไม่ได้  ไม่ได้ชอบเราหรอก  เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว  และเขาก็รอคอยคนรักของเขาอยู่ทุกลมหายใจ   เรารู้  เรารู้ดี

    เรา  เราอึ้งอยู่นานและพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ดาเพิ่งบอกเรามา   เขาคนนั้น ถ้าไม่ใช่เราก็ไม่รู้ว่าจะใช่ใครแล้วล่ะ  นี่ดา  ดาชอบเราเหรอเนี่ย  เราไม่เคยรู้เลย.  ไม่เคยรู้เลยสักนิด

    ดา  คือ…”   เราไม่อาจพูดคำใดออกมาได้เลย   เราสับสน

    พลอยลดาถอนใจเบา ๆ แล้วหันมาสบตา  ดวงตาสวยของเธอเริ่มปรากฏแววแจ่มใส  บางที  การที่ได้พูดอะไรออกไปคงทำให้เธอสบายใจขึ้น 

    เพชร  เราชอบเพชรนะ

    เราสบตาเธอนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด   ความรู้สึกสบสนว้าวุ่นในใจบัดนี้หยุดนิ่งราวกับรอคอยคำตอบจากตัวเราเองว่าตกลงแล้ว  เราคิดยังไงกับดากันแน่

    เราดึงมือบางของดามากุมไว้  แล้วตัดสินใจบอกเธอด้วยคำพูดที่เราคิดว่า  ตรงใจเราที่สุดแล้วล่ะ  

    ดา  เราก็ชอบดานะ   รักดานะ   แต่ว่าแบบเพื่อน

    ดวงตาใสของเธอหลบวูบเมื่อจบประโยคนั้น   เราขบริมฝีปากและบีบมือเธอแน่นขึ้น  ก่อนจะบอกอีกประโยคจากหัวใจ

    แต่ดาอย่าหายไปจากชีวิตเรานะ  เพราะถ้าดาไม่อยู่  เราก็คง  อยู่ไม่ได้

     

     

    พลอยขอบใจเพชรมากนะสำหรับประโยคสุดท้ายนี้   ขอบใจที่ทำให้รู้ว่าพลอยเองก็มีค่าสำหรับเพชรเหมือนกัน  แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าใครแต่พลอยก็มีตัวตนในสายตาเพชร  เพียงแค่นี้พลอยก็ดีใจแล้ว    แม้ว่าน้ำตาจะเอ่อคลอแต่พลอยก็ยิ้มให้กับตัวเอง  บอกตัวเองว่าทำดีที่สุดแล้ว  กล้าหาญที่สุดแล้วล่ะ 

    การที่พลอยตัดสินใจบอกความในใจให้เพชรฟังไม่ใช่ว่าตั้งใจจะแย่งเพชรมาจากน้องพลอยหรอกนะ   พลอยไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด  และรู้ว่าเปล่าประโยชน์ด้วยเพราะเพชรไม่เคยหวั่นไหวให้ใครอยู่แล้ว   แต่ที่ทำไป  พลอยก็แค่อยากให้เพชรรู้ไว้ ว่าพลอยรักเพชรนะ   ก็เหมือนที่เพชรเคยบอกไงว่า  คนบางคน   เขาแค่อยากจะ ให้  ก็เท่านั้นเอง

    เพชรปฏิเสธพลอยมาอย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะ  พลอยจะได้ทำใจง่ายขึ้น  พลอยเข้าใจว่าความรักกับการอกหักมันเป็นของคู่กัน  ดังนั้น  ถ้าเราพร้อมจะรักใครสักคนก็หมายความว่าเราต้องพร้อมจะอกหักด้วย   ต้องขอบใจเพชรอีกทีนะเพราะถ้าไม่ได้เพชร  ชีวิตช่วงวัยรุ่นของพลอยก็ไม่อาจสมบูรณ์ได้เลย 

    ถ้าไม่ได้เจอเพชร  พลอยก็คงไม่เคย  อกหักและคงไม่รู้จัก  ความรัก  ด้วยเช่นกัน

     

     

     ไอ้บ้า!” 

    อย่าเพิ่งตกใจ  เราด่าไอ้ปอมัน  แกจะเคืองข้าไม่ได้นะเว่ย 

    ข้าไม่ได้เคืองเว้ย!”

    ดูหน้าคนไม่เคืองดิ  หงิกยังกับอะไรดี   ซึ่งสาเหตุก็มาจากเรื่องในค่ายนักไต่ฝันที่เราเพิ่งเล่าให้ฟังนี่ล่ะ   สมน้ำหน้ามัน  อยากงกทำงานพิเศษดีนัก  อดไปค่ายกับพวกเราเลย

    แล้วเพชรจะเอาไงต่อ   ปอมันถามมา  คนเก่าก็กลับมาแล้ว  คนใหม่ก็ก้าวเข้ามา   แกจะเลือกคนไหนวะ  หรือจะเอาหมดแม่งเลยทั้งคู่

    ไอ้นี่!   วอนหาเรื่องซะแล้ว!

    เฮ้ย ๆ  ไอ้ปอรีบยกมือยอมแพ้เมื่อเห็นเราจะปล่อยหมัด  มันมองซ้ายมองขวากลัวคนในร้านพิซซ่าตกใจ  เราจึงลดหมัดลง  ความจริงก็ไม่ได้กะจะต่อยมันจริง ๆ หรอก  ก็แค่หมั่นไส้เล็ก ๆ ว่ะ

    แล้วไอ้เปิ้ลเป็นไงบ้าง  ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี   ปอถามถึงรุ่นน้องอดีตนักกีฬาในสีมันที่ได้หัวใจน้องพลอยไปครอง

    ก็สบายดี   เราตอบแล้วแอบกลั้นยิ้ม  อิอิ  สบายดีมาก โดนเราแกล้งซะขวัญกระเจิง   คืนสุดท้ายข้าผูกข้อมือให้มัน  แล้วก็บอกให้มันดูแลน้องพลอยของข้าดี ๆ ด้วย

    เหรอวะ   ไอ้ปอตาโตแล้วยกนิ้วให้   เห็นเราเป็นพระเอกขึ้นทันตาเชียว

    อือ  ข้าขอคำสัญญาจากปากมัน  ว่ามันจะไม่มีวันทิ้งพลอย   และมันก็สัญญา   เราเล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์ตอนนั้น  และนั่นคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำให้น้องพลอยได้  

    เออแต่ข้ามาคุยกับดาทีหลัง  แกรู้มั้ย  ดานึกว่าข้าไปขอน้องพลอยคืนเว่ย  ข้างี้งงเลย  ต้องทำความเข้าใจกันใหม่ตั้งนาน

    ดาคงแคร์แกมากว่ะ  แกนี่เสน่ห์แรงจังนะ  ดาก็ชอบแก  น้องพลอยก็กลับมาหาแก

    น้องพลอยไม่ได้กลับมาหรอก   น้องมีแฟนแล้วแกก็รู้

    อ้าว  ก็ไหนบอกว่ากลับมาแล้ว   

    เราขำหน้าไอ้ปอตอนมันงงจริง ๆ เลย  เหมือนหมางงอ่ะ   ลองนึกภาพตามดิ

    ก็กลับมาแค่วันนั้นวันเดียวแหละ  วันที่เรามีความสุขที่สุด

    ใช่แล้วเราเองรู้อยู่แก่ใจว่าน้องไม่มีทางกลับมา  แต่เราก็ยังเฝ้ารอปาฏิหาริย์   และในที่สุดเราก็สมหวังแม้ว่ามันจะเป็นแค่  1  วันก็ตาม   แต่จากกันคราวนี้เราไม่ได้รู้สึกเสียใจอย่างเมื่อก่อนเลย  นั่นคงเป็นเพราะ  สิ่งที่เราต้องการคือ  อยากพบน้องพลอยคนเดิม  แค่นั้นล่ะมั้ง 

    อ๋อ  เออ  มักน้อยดีว่ะ

    ยังยังมีอีกอย่างหนึ่งนะ   สิ่งนี้เราเพิ่งนึกได้เมื่อดาพูดขึ้นมานั่นเอง  แกจำได้ไหมที่ข้าเคยเล่าว่า  น้องพลอยกำชับเพื่อน ๆ ไม่ให้บอกข้าว่าน้องมีแฟนแล้วอ่ะ

    จำได้ดิวะ  ข้าว่าน้องคงกลัวแกเสียใจมั้ง

    เฮ้ย…!”  เราเผลอร้องด้วยเสียงไม่เบานักจนคนในร้านหันมามองกันพรึ่บ  เราจึงต้องลดวอลลุ่มตัวเองลงหน่อย  แกพูดเหมือนดาเปี๊ยบเลย

    เฮ้ย…!”   คราวนี้ไอ้ปอเสียงดังบ้าง   คนในร้านก็หันมามองอีกรอบ คงนึกสงสัยว่าไอ้สองคนนี้นี่มันอะไรกันนักกันหนาฟะ

    ดาบอกข้าว่า  น้องพลอยคงไม่อยากให้ข้าเสียใจ   ก็ถ้าน้องไม่อยากให้ข้าเสียใจก็หมายความว่า  น้องรู้ว่าถ้าข้ารู้  ข้าต้องเสียใจมาก ๆ แน่  ใช่ไหม

    ใช่  แล้วไง

    ก็หมายความว่า  น้องรู้ว่าข้ารักน้องมาก   ใช่ไหม

    ก็ใช่

    นั่นล่ะ   สิ่งที่ข้าต้องการ

    ?

    ข้าพอใจแล้วว่ะ  ขอแค่น้องพลอยรู้ไว้ว่าข้ารักน้องพลอย  รักเสมอ

     

    ไอ้ปอวางพิซซ่าในมือลงแล้วปรบมือแบบไม่มีเสียง  ทำหน้าชนิดที่ว่าปลื้มสุดขีด  นี่ถ้ามันกรี๊ดได้คงกรี๊ดไปแล้ว 

    เอ้อแล้ว   เพื่อนของเราถามขึ้นหลังจากดื่มน้ำอัดลมรวดเดียวหมดแก้ว  แกจะเอาดาไปไว้ไหนวะ

    เราชะงักมือที่กำลังตัดพิซซ่า  มันถามว่าอะไรนะ

    ไม่ต้องงงเลยไอ้เพชร  แกจะเอาไงกับดาของข้า

    เราอมยิ้มให้กับคำที่มันใช้เรียกดา  นี่ดาเป็นของแกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

    ข้าไม่ได้ชอบดาแบบนั้น  จะคบได้ไง

    ดาน่ารักนะเว่ย  แล้วเขาก็มีใจให้แกด้วย   ลองคบดูซิ  เดี๋ยวก็รักกันเองแหละ

    ไอ้ทุเรศ!  ข้าไม่ใช่พวกเห็นใครน่ารักก็จีบอย่างแกนะเว่ย   ไอ้ปอโดนเราว่าก็หน้าบูดไปใหญ่  อีกอย่าง ..  ทำไมเราจะไม่รู้ว่าที่มันยุนั้นน่ะ  มันประชด  เราก็เป็นเพื่อนกันต่อไป   ดาคงยังไม่เคยเจอใครเทคแคร์เธอดีอย่างข้ามาก่อนก็เลยประทับใจและคิดว่าเป็นความรักล่ะมั้ง   หรือจะรักจริงก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ  แต่ข้าก็ทำตัวปกติ  ดาก็เป็นดาคนเดิม เราสองคนไม่มีอะไรพิเศษกว่าคำว่าเพื่อนหรอกน่า

    เฮ่ยแกอย่าดูถูกความรู้สึกผู้หญิงนักสิวะ  

    ไอ้บ้า!  ข้าก็ผู้หญิงนะเว้ย 

    เออ..  ข้าลืม  

    เราหลุดหัวเราะออกมาจนได้   ก่อนจะพูดต่อ   ข้ากับดาอ่ะ  เรารู้สึกดีต่อกันมากก็จริง  แต่ถึงยังไงเราก็คงคู่กันไม่ได้หรอก  แกเข้าใจไหมวะปอ  เราคู่กันได้แม้สุดท้ายจะไม่ใช่คู่กัน

    เพื่อนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยมัธยมต้นนิ่งไปอึดใจหนึ่งก็พยักหน้า  เราถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ให้กับสัจธรรมของชีวิตที่แม้จะทำให้ใครต่อใครต้องเจ็บปวด  แต่มันก็เป็นธรรมดาของโลกที่ต้องยอมรับให้ได้

    ก็คงเหมือนเรื่องข้ากับน้องพลอยมั้งแก  ข้าคงเกิดมาแค่ได้รักน้องพลอย   เราไม่ได้คู่กันแต่ไม่ได้หมายความว่าข้าต้องหยุดรักใช่ไหม

    ปอเอื้อมมือมาจับมือเราเป็นการปลอบใจ  แล้วพูดน้ำเสียงจริงจังแบบที่ทำให้เรานิ่งฟังได้เสมอ

    เวลามันทำให้แกเจ็บ  ต่อไปนี้เวลาจะช่วยให้แกหายเอง   แกเชื่อข้านะเว่ยเพชร   ในเมื่อเวลาพรากคนของแกไป   อีกไม่นานเวลาก็จะพาคนของแกกลับมา   แม้ว่าคน ๆ นั้นอาจจะไม่ใช่คน ๆ เดียวกันก็ตาม…”

    เรายิ้มให้กับถ้อยคำคม ๆ จากเพื่อนรัก   ไม่มีใครแทนที่น้องพลอยได้หรอกปอ

    ข้ารู้และข้าก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีใครมาลบอดีตของแกได้  แต่ข้าหมายความว่า  สุดท้ายแกต้องได้เจอคู่ของแก

     

     

    Open House….

    งานนิทรรศการของมหาวิทยาลัยที่เปรียบเสมือนการ เปิดบ้าน  ให้ผู้คนภายนอกได้เข้ามาเยี่ยมชมศักยภาพของนักศึกษาและมหาวิทยาลัยได้เปิดแล้วอย่างเป็นทางการ    นักเรียนจากหลายโรงเรียนและประชาชนทั่วไปเข้ามาชมงานอย่างล้นหลามไม่ต่างจากปีที่แล้ว  ซึ่งพวกเขาก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปชมงานของแต่ละคณะที่ต่างซุ่มซ้อมเตรียมงานกันหลายเดือน 

    นักศึกษากลุ่มนี้ก็เช่นกัน  พวกเขาตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าใครเลยเมื่อคิวต่อไปที่จะขึ้นโชว์ดนตรีที่เวทีกลางของมหาวิทยาลัยคือวงของพวกเขา!

    และขอต้อนรับวงน้องใหม่ที่ฝีมือไม่ใหม่เลย  Strawberry Hard Core!”

    สิ้นเสียงประกาศจากพิธีกรหนุ่ม   สามหนุ่มนักศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ในชุดดำก็ก้าวขึ้นบนเวทีเรียกเสียงกรี๊ดจากสาว ๆ และเสียงปรบมือเกรียวกราว  แล้วตามด้วยนักศึกษาสาวเท่ห์จากคณะอักษรศาสตร์ในชุดดำและผมซอยสั้นกัดสีทอง  (ซึ่งไม่อยากจะคุยเลยว่าเรียกเสียงกรี๊ดจากสาว ๆ ได้ดังกว่านักดนตรีชายเมื่อครู่นี้อีก)

    มือกีตาร์หญิงมองลงไปเบื้องล่างเวทีเพื่อหาใครบางคน  และไม่นานสายตาเธอก็สบกับสาวน้อยตัวเล็กในชุดนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งที่มองเธออยู่เหมือนกัน  เธอคนนั้นโบกมือให้  รัตน์มณีคลายยิ้มออกมาได้แม้ว่าข้างกายของเด็กสาวคนนั้นจะมีใครอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วยก็ตาม

    และเมื่อทั้ง  4  เตรียมเครื่องดนตรีเรียบร้อย  ทำนองเพลงหวานคุ้นหูในแบบฉบับฮาร์ดคอร์ก็เริ่มขึ้นจากกีตาร์สองตัว  ตามด้วยเสียงใส ๆ ของนักร้องนำที่ก้าวขึ้นเวทีมาในชุดแซ็คสีขาว  สาวน้อยบอบบางผมลอนสีน้ำตาลสวยดูอ่อนหวานราวกับนางฟ้าแห่งปุยเมฆ   และเสียงกรี๊ดกับเสียงปรบมือต้อนรับก็เรียกยิ้มหวานจากเธอ  ซึ่งมันก็ทำให้หนุ่ม ๆ แถวนั้นถึงกับตาค้างไปหลายนาที 

    พลอยลดาหันมองมือกีตาร์สาวเท่ห์ราวกับขอกำลังใจ   รัตน์มณีจึงยิ้มพร้อมพยักหน้าหนักแน่นแทนคำชมเพราะวันนี้ดาทำได้ดีมากราวกับนักร้องมืออาชีพเลยจริง ๆ

    มือกีตาร์หนุ่มผู้ซึ่งกำลังโซโล่อย่างคล่องแคล่วเกือบโซโล่หลุดเหมือนกันเมื่อพบว่าสตรอเบอรี่ของใจคนนี้มาหยุดอยู่ข้าง ๆ  เธอร้องเพลงขับกล่อมผู้ชมเบื้องล่างด้วยเสียงใส ๆ ส่วนเขาก็ร้องแบบร็อคและฮาร์ดคอร์   กลายเป็นดนตรีแนวใหม่ที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเข้ากันได้ดีขนาดนี้  ซึ่งสิ่งสำคัญก็คงมาจากสมาชิกในวงนั่นเอง  พวกเขามีความรัก  ความสามัคคี  รวมไปถึงการยอมรับและเคารพในตัวตนของกันและกัน

     

    ถึงซับซ้อนแต่สวยงาม  ทั้งขื่นขมและอมหวาน

    แม้สับสนอยู่เหมือนกัน แต่ฉันยังพอใจ

    ร้อนก็ร้อนอยู่เดี๋ยวเดียว  เดี๋ยวก็ซึ้งก็สดใส

    ทุกข์โศกมาก็หายไป  รักให้ครบทุกอย่าง

    จะมาร้ายดียังไง   แต่ใจก็ยังต้องการ

    ในทุก ๆ วัน  โลกหมุนด้วยความรัก

    มีอีกหลายต่อหลายคน  เขาอดทนก็เพื่อรัก

    รักผลักดันให้รู้จัก  ให้หาหนทางใหม่

    ฉันจะล้มตั้งหลายที  ดีที่รักมาฉุดไว้

    รักสร้างสรรค์สิ่งมากมายและหลอมละลายทุกหัวใจ

    จะมาร้ายดียังไง   แต่ใจก็ยังต้องการ

    ในทุก ๆ วัน  โลกหมุนด้วยความรัก

    ความรักเปรียบเสมือน  เหมือนอากาศที่มันช่วยหล่อเลี้ยงให้ทุกชีวิตได้คงอยู่ 

    มีลมหายใจ   โลกจึงยังงดงาม  

    หากว่ายังมีรัก  ชีวิตยังมีหวังรออยู่  

    ยังอุ่นหัวใจ  โลกหมุนด้วยความรัก*

     

    (* เพลง  โลกหมุนด้วยความรัก  ศิลปิน โบว์  สุรัตนาวี)






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×