คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : From that day on... Chapter SEVEN
สวัสดีค่า.... มาถึงตอนที่ 7 แล้วนะค้า ใกล้ถึงตอนจบแล้วล่ะ เป็นไงกันมั่งอ่าคะ รู้สึกเหมือนว่าเรื่องมันสั้น ๆ หรือเปล่า หรือว่าดีใจที่จบเสียที สำหรับทิพย์นั้น ก็ออกจะไม่เข้าค่อยเข้าใจตัวเอง เพราะถนัดเขียนเรื่องสั้นขนาดยาวแบบ 8 - 9 ตอนจบ แต่ว่ามันไม่เข้าโหมด -เรื่องสั้น- หรือ -เรื่องยาว- เลย งงดี
ลุยกันต่อเลยดีกว่า >>>>>
7
ไม่นึกไม่ฝันเลย ว่าจะได้พบกันอีก
ถึงแม้ว่าเราจะเฝ้าคอยอยากพบเจอ แต่พอได้มาเจอเธอจริง ๆ เรากลับทำตัวไม่ถูก
พลอยยังคงเหมือนเดิม เตี้ยเหมือนเดิม (หึหึ) ไว้ผมทรงเดิม และ เย็นชาเหมือนเดิม
บางที น้องพลอยที่เราเฝ้ารอคงไม่ใช่คนนี้หรอก เราอยากเจอน้องพลอยที่มียิ้มใส ๆ ให้เราทุกครั้งที่พบเจอคนนั้นต่างหาก ไม่ใช่คนที่มีแววตาเฉยเมยคนนี้
เฮ้อ ..
เราพยายามที่จะสนุกกับค่ายนี้แล้วนะ แต่เราก็ทำได้แค่นี้ล่ะ เห็นใจดาจังที่ต้องมานั่งเครียดไปกับเราด้วย แต่ดาบอกว่าถ้าขืนปล่อยให้เราเครียดอยู่คนเดียวดาเองจะยิ่งเครียดกว่านี้ 10 เท่า ขอบใจดานะที่เป็นห่วงเป็นใยเรา แต่เราก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี ยิ่งค่ายนี้จัดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมที่เราเคยเรียนด้วยแล้ว เดินผ่านมุมไหนก็มีเรื่องราวเก่า ๆ ที่คอยทิ่มแทง โรงอาหารที่เป็นสถานที่ชุมนุมสีเหลืองตอนเตรียมงานกีฬาสีและทำให้เราได้รู้จักกัน ทางเดินชั้น 3 นั้นที่น้องพลอยเธอวิ่งจากไหนไม่รู้มาทักเรา ระเบียงหน้าห้องที่เราเคยนั่งคุยกันตอนกลางวัน ริมสนามวอลเล่ย์บอลที่เราถ่ายรูปคู่กัน สนามเปตองที่เรายกให้น้องพลอยเป็นเซียน ห้องฟิสิกส์ที่เรากับน้องเคยเข้าไปส่ง Mind Mapping พร้อม ๆ กัน (แล้วของเราผ่านแต่ของน้องไม่ผ่าน อิอิ)
ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปเห็นจะเป็นใจคน
วันที่ 9 ของการเข้าค่ายนักไต่ฝันไม่มีการเรียนการสอนเพราะยกให้เป็นวัน ABCD หรือ A Big Cleaning Day พูดง่าย ๆ ก็คือวันทำความสะอาดใหญ่นั่นเอง หลังจากที่พวกเราทั้งพี่ค่ายและน้องค่ายใช้สถานที่กันมา 8 วันแล้ว ก่อนกลับบ้านก็ต้องทำความสะอาดกันหน่อย และเหมือนสวรรค์แกล้ง เพราะบังเอิญว่าวันนี้ตรงกับวันที่น้อง ๆ กว่าครึ่งเดินทางไปสอบวิชาเฉพาะกัน จึงเหลือบุคลากรที่จะช่วยกันล้างโรงเรียนแค่กลุ่มเล็ก ๆ ที่เห็นนี่เอง
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราไม่หวั่นอยู่แล้ว เพราะถ้าเราทุกคนร่วมมือกันไม่นานงานก็เสร็จ เวลาที่เหลือก็พักผ่อนได้ตามสบายเลย จากนั้นค่อยช่วยดาทำอาหารเย็นและรอน้อง ๆ ที่ไปสอบกลับมา ส่วนกิจกรรมคืนสุดท้ายนี้รู้สึกว่าจะมีการผูกข้อมือและเซ็นเฟรนด์ชิพกัน อืม นี่ค่ายกำลังจะปิดแล้วจริง ๆ เหรอเนี่ย เวลามันผ่านไปเร็วจังเนอะ
จริงสิ! เปิ้ลไปสอบวิชาความถนัดทางวิศวกรรมนี่หว่า..ฮะฮ่า ทิ้งให้แฟนอยู่ที่ค่ายอย่างงี้ก็เสร็จโก๋ดิ อิอิ น้องพลอยจ๋า แฟนเผลอแล้ว มาหาพี่มะ จุ๊บ ๆ
“เพชร ยิ้มคนเดียวก็เป็นนะ”
เราเกือบสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ ดาก็แซวเราอย่างนี้ เฮ้ย เรายิ้มคนเดียวจริงน่ะเหรอ
ดาหยุดถูพื้นห้องน้ำแล้วหันมาถามเราที่กำลังถูอยู่ด้วยกันสีหน้าจริงจังว่า
“เพชรอยากคุยกับน้องพลอยไหมล่ะ เราจัดการให้”
อืม
อยากมันก็อยากอยู่หรอก แต่ว่ามันจะดีเหรอ
“เพชร ว่าไง
.”
ถ้าน้องพลอยไม่คุยล่ะ ถ้าน้องพลอยเย็นชาล่ะ เราไม่ยิ่งเจ็บปวดเหรอ
“เพชร ”
นั่นไง
เอาอีกแล้วไง กลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว
“เพชร ”
แล้วสุดท้ายเราก็ไม่ทำอะไรเลยจนทุกอย่างสายไป เจ็บซ้ำ ๆ ซาก ๆ แบบนี้เหมือนเคย
“เพชรจ๋า!”
“จ..จ๋า”
ฮึ่ย
เหม่ออีกแล้ว
“คิดอะไรอยู่เหรอ” ดาถามเราน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย เราเลยยิ้มให้แทนคำขอบคุณแล้วลงมือถูพื้นห้องน้ำต่อ ไม่อยากฟุ้งซ่าน งานอีกตั้งเยอะแยะที่ยังทำไม่เสร็จ หึ ก็ปลอบตัวเองไปอย่างนั้นแหละ เพราะความจริงก็คือไม่ว่าเราจะยุ่งแค่ไหนเราก็ไม่เคยผลักเรื่องเธอคนนั้นไปจากหัวสมองได้เลย สักนาที
งานทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยเร็วกว่าที่คิด ชาวค่ายจึงได้พักผ่อนกันตามอัธยาศัย ส่วนใหญ่คงรอคิวอาบน้ำอยู่มั้ง ส่วนน้อง ๆ ที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ลงมาเดินเล่น กินขนม บางกลุ่มเล่นกีฬา ตั้งวงเล่นเกมส์กับพี่ค่าย เรานั่งมองบรรยายกาศอันผ่อนคลายนี้จากระเบียงห้อง ม. 6/2 ห้องเรียนเก่าของเราเอง อดคิดถึงห้องไม่ได้แฮะ คิดถึงเพื่อน ๆ ตอนมัธยมปลายทุกคนเลยด้วย ป่านนี้ไม่รู้เป็นไงกันบ้าง กำลังลุ้นผลสอบปลายภาคกันอยู่ล่ะมั้ง เดี๋ยวเสร็จค่ายนี้คงต้องโทรหาหน่อยแล้ว
“พี่เพชร ”
เสียงหวาน ๆ เรียกเราจากข้างหลัง เรารู้สึกชาไปทั้งตัวเลยเพราะเราไม่เคยลืมว่าเสียงนี้เป็นเสียงของใคร
“พี่ดาให้เอาน้ำมาให้ค่ะ”
เรารับแก้วน้ำมาจากน้องพลอย ดีนะที่มือไม่สัมผัสกันไม่เช่นนั้นน้องจะต้องรู้แน่ ๆ ว่าเราตื่นเต้นจนมือเย็น เราพึมพำขอบใจเบา ๆ แล้วตัดสินใจชวนน้องนั่งด้วยกันก่อน ใจชื้นขึ้นมากมายเมื่อน้องนั่งข้าง ๆ เราตามคำชวน เรามองแก้วน้ำในมือแล้วเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนก็ปรากฏขึ้นมาในมโนภาพ ตอนนั้นน้องพลอยให้น้ำเราแก้วหนึ่ง ถึงเราจะรับมาหน้าตาเฉย ๆ แต่ข้างในใจนั้นรู้สึกดีใจมากเลยนะ หากแต่น้องพลอยกลับบอกว่า
‘มันเหลือแก้วนึงพอดี ’
แป่ว...
คือหมายถึงว่าน้องพลอยแจกน้ำให้เพื่อน ๆ ทุกคนในกลุ่มแล้วบังเอิญเหลือ 1 แก้วก็เลยเอามาให้เรา เอาน่า อย่างน้อยเราก็เป็นคนแรกที่น้องพลอยนึกถึงรองจากเพื่อน ๆ ล่ะน้า
วันนั้นเป็นของเหลือ วันนี้เป็นของที่ดาฝากมาให้ แล้วเมื่อไหร่น้าที่เราจะได้ดื่มน้ำที่น้องพลอยตั้งใจให้เราจริง ๆ
เสียงหัวเราะของน้อง ๆ ที่เล่นฟุตบอลกับพี่ค่ายดังแว่ว ๆ เสียงนกร้องจิ๊บๆ ก็เหมือนจะดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล คงจะเหลือแต่เราสองคนเท่านั้นล่ะมั้งที่ยังปล่อยให้ความเงียบอันน่าอึดอัดครอบคลุมอยู่ เราพยายามนึก นึก และนึก ว่าจะหาเรื่องอะไรมาคุยกับน้องพลอยดี ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้พบไม่ได้เจอกันตั้งเป็นปีแต่กลับไม่มีเรื่องอะไรคุยเลย
“พี่เพชร ” ทว่า...น้องพลอยเรียกชื่อเราแล้วยิ้มบาง ๆ “เรียนมหาวิทยาลัยเป็นไงบ้าง”
เราอดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่น้องพลอยชวนเราคุยก่อน เธอคนนี้ยังคุยเก่งไม่เปลี่ยนเลยแฮะ แล้วพี่เพชรคนเดิมที่มันน่าเบื่อคนนี้ก็คุยเรื่องเดิม ๆ ไปเรื่อย ๆ เหมือนอย่างเมื่อก่อนที่ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรคุยนักหนา 2 3 ชั่วโมงก็คุยกันไม่จบ น้องพลอยจะจำช่วงเวลาเหล่านั้นได้หรือเปล่านะ แต่สำหรับเรา เราไม่เคยลืม
ไม่รู้ว่าเพราะแสงตะวันยามเย็นที่ทอเรือง ๆ หรือเปล่าที่ลวงตาให้เรามองเห็นประกายสดใสในดวงตาของเธอ เหมือนวันเก่า ๆ ที่มีพี่เพชรกับน้องพลอย และรอยยิ้มใส ๆ นี้อีกที่เราไม่ได้เห็นมานานเหลือเกิน
เราไม่ได้ฝันไปใช่ไหม น้องพลอยคนเดิมของเรากลับมาแล้วจริง ๆ
เราชวนน้องพลอยขึ้นไปยังชั้นบนสุดของอาคารเรียน ตรงทางเชื่อมไปยังหอประชุมนั้น เมื่อก่อนเราชอบมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยตอนเครียด ๆ เราจึงได้ค้นพบว่าเป็นที่ที่ทำให้เราสบายใจได้และยังมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้สวยที่สุดอีกด้วย เรากับน้องพลอยเดินขึ้นบันไดมาด้วยกันเหมือนวันเก่า ต่างกันตรงที่วันนี้ เราจูงมือเธอ
ถ้าวันนั้น เราจูงมือเธออย่างนี้
ถ้าวันนั้น เราดีกับเธออย่างนี้
ในวันนี้เธอจะยังอยู่กับเราไหมนะ
สายลมยามเย็นพัดมาราวกับต้อนรับเราสองคนที่เพิ่งมาถึงทางเชื่อมเล็ก ๆ นี้ เราเอนตัวพิงราวระเบียง เหลือบมองคนข้าง ๆ ก็เห็นว่าเธออมยิ้มน้อย ๆ พลางปัดปอยผมที่ถูกลมพัดลงมาปรกใบหน้าใส พระอาทิตย์ยามเย็นในตอนนี้สวยเหลือเกิน สวยเหมือนวันนั้น วันสุดท้ายที่เราเดินไปส่งน้องพลอยที่บ้าน มันเป็นความสวยงามที่เต็มไปด้วยความเศร้า ดวงอาทิตย์สีแดงลับขอบภูเขาท่ามกลางพื้นฟ้าสีครามอมม่วงและเส้นสีเหลืองทองที่ถักทออยู่ ณ ปลายฟ้า
เราค่อย ๆ โอบกอดร่างน้อยจากด้านหลัง หลับตาซึมซับความอบอุ่นที่ขาดหายไปจากชีวิต แล้วร้องเพลงเบา ๆ เพลงที่เคยทำให้เรายิ้มและร้องไห้ เพลงที่เราตั้งใจไว้ว่าจะร้องสำหรับวันนี้เท่านั้น วันที่เธอของเรากลับคืนมา
When I saw you for the first time
I knew you were the one
You didn't say a word to me
but love was in the air
When you held my hand
pulled me into your world
from then all of my life has changed for you
now I never feel lonely again
'coz you're in my life
Love, how can I explain to you
the way I feel inside when I think of you
I thank you for everything that you showed me
Don't you ever forget that I love you
Love, I know that someday will soon
you'll be right next to me
Holding me so tight
so I'll always be yours
although we can't be together now
remember I am here for you
when I know you're there for me
Whenever I long to be with you
I just close my eyes and pretend you're here
I see you I touch you I feel you I will
nothing can ever change what I feel inside
How long must I be far away from you
I don't know dear but I know we are one*
(*เพลง One ศิลปิน Lee So Jung (Friends OST.))
ความคิดเห็น