คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : From that day on... Chapter FIVE
5
‘ขอบใจเว้ย’
sms สั้น ๆ ที่ปอมันส่งมาบอกให้รู้ว่าแผนแรกของเราสำเร็จ อิอิ ใช่แล้ว
ความจริงเราไม่ได้มีธุระอะไรหรอก และวันนี้ก็ไม่มีสอนพิเศษด้วยเพราะน้อง ๆ ไปเข้าค่ายบำเพ็ญประโยชน์กันหมด แต่ที่ทำอย่างนี้.. ก็เพราะอยากจะช่วยเพื่อนรักน่ะซี
ใช่
ปอมันชอบดา
ชอบตั้งแต่ตอนที่เอารูปให้ดูเลย เฮ้ย
อย่าเพิ่งคิดว่าเราเอาเพื่อนมาขายนะ เรื่องมันมีอยู่ว่า หลังจากที่คุณพลอยลดาเธอตกลงเป็นนักร้องนำให้กับเรา เราก็ไปหารือกับไอ้ปอ ไอ้โจ้ ไอ้ตั้ง เล่าประวัติดาให้ฟังคร่าว ๆ และเอารูปให้ดู ตามคาด
พวกมันฮือฮากันใหญ่เพราะดาอ่ะน่ารัก แต่ไอ้ปอนี่อาการหนักกว่าเพื่อน เพ้อไป 3 วัน
จากนั้นเราก็หาคอร์ดเพลงที่ดาชอบ ทั้งเพลงสากลและเพลงไทยส่งไปให้ไอ้พวกนั้นซ้อมกันเล่น ๆ ก่อน ปรากฏว่าพวกมันตั้งใจเกินคาดเพราะวันที่ดามามันเล่นกันได้ทุกเพลงเลย พูดถึงตอนที่ดามาครั้งแรก ยังขำไม่หาย ไอ้ปอมันโทรมาจิกแล้วจิกอีกว่าเมื่อไหร่เราจะมาถึงห้องซ้อม อยากเจอดาอย่างจัด แต่พอดามาถึงจริง ๆ ไอ้คนพูดมากอย่างมันถึงกับเงียบกริบ เออ..ได้เห็นไอ้ปออายหน้าแดงก็คราวนี้ล่ะว้า..
แกร๊ก
.
เสียงเปิดประตูห้อง แสดงว่าดากลับมาแล้ว
“อ้าว
ทำไมวันนี้เลิกสอนเร็วล่ะจ๊ะเพชร”
“เอ้อ
.” ตายโหง ลืมหาคำตอบดี ๆ ไว้ “ก็
น้อง ๆ
นั่นแหละ ช่างเหอะ”
“น้อง ๆ ทำไมเหรอ” ตายล่ะ
ดาดันอยากรู้คำตอบจริง ๆ ซะนี่
“น้อง ๆ ขอกลับไปเตรียมตัวเข้าค่ายกันน่ะ แหะ ๆ”
ดาพยักหน้าแล้วค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งดูทีวีกับเรา เธอเอาปีโป้ขึ้นมาฝากเราด้วย พอกินเสร็จเราก็ตะล่อม ๆ ถามดาว่า
“ปอเป็นไงมั่งอ่ะ”
“เอ๋ เป็นยังไงหมายถึงอะไรจ๊ะ”
อา
จะถามยังไงดี “ก๊อ
มันเป็นคนดีไหม”
“หือ
เพชรเป็นเพื่อนซี้ปอไม่ใช่เหรอ เราว่าเรื่องนี้เพชรน่าจะรู้ดีกว่าใคร ๆ เลย”
“อ่า
งั้นเหรอ” จริงด้วยแฮะ
ดาพยักหน้าแล้วลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า อืม
สงสัยว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป รุกเร็วเดี๋ยวไก่น้อยตัวนี้จะตื่น
อิอิ
จากวันนั้น เมื่อมีเวลาว่างเราก็จะนัดเพื่อน ๆ ไปซ้อมดนตรีกัน และทุกครั้งไอ้ปอจะมาก่อนเพื่อนเลยทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วมันสายประจำ ทางด้านคุณหนูพลอยลดาก็มากับเราในชุดแซ็คสีหวานตามรสนิยม ครั้งหนึ่งดาเคยชวนเราไปหาซื้อเสื้อสีดำกับกางเกงยีนส์อย่างที่เรากับไอ้ 3 คนนั่นใส่ แต่เราบอกดาว่า ดาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองตามใคร เราอยากให้ดาเป็นดา ดังนั้น ดาก็เลยกลายเป็นนางฟ้าในหมู่ซาตานอย่างพวกเราไปโดยปริยาย ฮ่าฮ่า
แต่มันก็สมกับชื่อวงที่ว่า ‘Strawberry Hard Core’ แล้วล่ะ ชื่อนี้ไอ้ปอเป็นคนตั้งนะเนี่ย หรืออีกนัยหนึ่ง มันแอบชมว่าดาอ่ะหวานเหมือนสตรอเบอรี่ก็ไม่ปาน แต่ดูเหมือนสาวเจ้าจะไม่รู้ตัวเลยเเฮะ
นอกจากร้องนำแล้ว ดายังควบตำแหน่งอิเล็กโทนด้วย เหมือนกับไอ้ปอที่ควบร้องนำกับกีตาร์โซโล่ บางเพลงทั้งปอและดาจะร้องด้วยกัน เสียงหวาน ๆ ใส ๆ ของดา กับเสียงตะโกนฮาร์ดคอร์หนัก ๆ ของไอ้ปอช่างเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย
ไอ้ตั้งกับไอ้โจ้ก็เป็นใจเปิดโอกาสให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันบ่อย ๆ แต่ไอ้ปอก็นะ
จะอายไปถึงไหนวะ ไม่เข้าไปจีบดาจริง ๆ จัง ๆ ซะที จนพักหลัง ๆ นี่ชักจะกล้าขึ้นมาบ้าง มันขอเบอร์ดาจากเราไปแต่ก็ไม่โทรอยู่ดี เอาแต่ส่งข้อความและซื้อขนมมาฝากดาบ่อย ๆ กะจะขุนให้ดาอ้วนหรือไงนะ
“เฮ้ย
เพชร” ครั้งหนึ่งที่ไอ้ปอลงทุนโทรศัพท์มาถามเรา “ดากินคุ้กกี้ข้าเปล่าวะ”
“กิน..” หมายถึงเราอ่ะ..กิน แต่ดาอ่ะ..ยัง
ในตอนแรก ๆ ดาคงนึกว่าเพื่อนซื้อขนมมาฝากธรรมดา ๆ แต่พอบ่อยเข้า ๆ สาวเจ้าก็เริ่มรู้สึกตัวว่า ‘โดนจีบ’ ดาเลยไม่อยากจะรับของจากปอแล้ว แต่เราก็บอกให้เธอรับมาทุกครั้ง
“เราไม่อยากหลอกปอน่ะเพชร เราไม่ได้ชอบปอ”
“ก็ไม่ได้หลอก มันให้มาเองนี่หว่า” เราบอกอย่างไม่ได้สนใจอะไร หยิบคุ้กกี้อีกชิ้นเข้าปาก แล้วยื่นอีกชิ้นให้ดา แต่เธอกดมือเราลง
“เราซีเรียสนะเพชร” โอว.. ดูหน้าคุณเธอแล้วก็จะรู้ว่าซีเรียสจริง “เราไม่สบายใจเลย เราไม่ได้ชอบปอจริง ๆ”
“ก็แล้วใครเถียงว่าชอบล่ะ”
“เอ๊! เพชรนี่”
“ฮ่าฮ่า ล้อเล่น ขำขำน่ะดา”
“ไม่ขำด้วยหรอกนะ พรุ่งนี้เราจะบอกปอว่าเราไม่ได้ชอบปอ”
“เฮ้ย
” เราละจากคุ้กกี้ชั่วคราว หันไปหาดา “อย่าทำอย่างนั้นนะดา”
“ทำไมล่ะ”
เราเอื้อมไปจับมือดา และรู้สึกว่าเธอจะคลายความบึ้งตึงลง
“ปอมันเป็นคนดีนะ ลองคบดูหน่อยจะเป็นไร”
ดาชักมือออกทันทีและสะบัดหน้าหนีเรา
เฮ้ย
เราพูดอะไรผิดไปวะ
เราจิ้ม ๆ ที่ต้นแขนดา เธอถอนใจยาวทีหนึ่ง มองนาฬิกาบนผนังห้องแล้วก็บอกเราโดยไม่หันมา “เรานอนก่อนนะ”
“เพราะได้เวลานอนแล้วใช่ไหม
”
ดาหันมาสบตาเรา เราเลยยิ้มให้บาง ๆ
“ดากับเราต่างกันตรงนี้ล่ะนะ ดาเป็นคนมีระเบียบวินัย ไม่เหมือนเราที่ชอบทำตามใจตัวเองมากกว่า เราไม่ได้หมายความว่าใครถูก ใครผิด หรือใครดีกว่าใคร แต่เราหมายถึง
ไม่รู้สิ เราควรจะมีวินัยอย่างดาบ้างล่ะมั้ง ส่วนดา ก็อาจจะได้อะไรใหม่ ๆ ถ้าลองแตกแถวดูบ้าง
”
ดวงตาคู่สวยสบตาเรานิ่ง บางที
ดาคงพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เราพูด
“แต่ช่างเถอะ ราตรีสวัสดิ์นะ” เราบอกเรียบ ๆ แต่ดากลับส่ายหน้า
“คืนนี้เรานอนพร้อมเพชรดีกว่า”
“เฮ้ย
เอางั้นเหรอ”
คนสวยตรงหน้ายิ้มและพยักหน้าหนักแน่น โอว
คุณหนูพลอยลดาที่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาไม่เคยเข้านอนหลังเที่ยงคืนเลยจะมาข้ามวันกับเราเหรอเนี่ย.. เรารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกทั้ง ๆ ที่มันก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แล้วเราก็นึกอะไรบางอย่างได้ คว้าเอากระเป๋าสะพายใบเก่งมาเปิดช่องหน้าแล้วล้วงสิ่งหนึ่งออกมา
“กุญแจ..?” ดามองอย่างสงสัย และยิ่งงงใหญ่เมื่อเห็นเราทำตาเจ้าเล่ห์
อิอิ
ลูกกุญแจดอกใหญ่ที่เราแอบขโมยเจ๊จุ๋มไปปั๊มมาถูกเสียบเข้าไปในแม่กุญแจ และแล้วกลอนก็ถูกปลดล็อกด้วยฝีมือเราเอง เราเปิดประตูออกก็พบกับดาดฟ้าอันโล่งกว้างในคืนเดือนมืดที่บนเวิ้งฟ้าพร่างพราวไปด้วยดาวนับล้านดวง
“ว้าว
” คุณหนูพลอยลดาอุทานออกมาแผ่วเบา ซึ่งก็เป็นคำอุทานเดียวกันกับที่อยู่ในใจเราขณะนี้ เรากับดาปูเสื่อนั่งเล่นกีตาร์ ร้องเพลง กินปีโป้ ท่ามกลางความมืดสลัวของค่ำคืน สายลมหนาวและดวงดาวบนฟากฟ้า เรารู้สึกอบอุ่นมากเลย อาจเป็นเพราะตลอดมานี้เราอยู่กลางดึกคนเดียวเป็นประจำ จริงอยู่ที่เราชอบอยู่กับตัวเองหากแต่ยอมรับว่าลึก ๆ ก็อดเปล่าเปลี่ยวใจไม่ได้ ทว่าในค่ำคืนนี้เรามีเธอมาช่วยลบความเหงาในใจ แม้อาจจะเป็นแค่คืนเดียว แต่เราก็พอใจแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ขอบอกตามตรงว่าเราภูมิใจที่ได้ทำให้ดามีความสุข และไม่นึกเลยว่าคนรวยอย่างเธอจะเห็นคุณค่าในสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้
“เพชร
” ดาเอ่ยเรียกชื่อเราเบา ๆ และบอกอีกประโยคที่ทำให้เราอึ้งไป “เพชรอย่าบอกให้เราไปคบใครอีกเลยนะ เราขอร้อง”
“ดา
” เราพูดอะไรไม่ออก อยากจะถามว่าทำไม แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามไปทำไม
“เรารู้ว่าปอเป็นเพื่อนเพชร เพชรก็เลยอยากจะช่วยเพื่อน แต่
”
“เราไม่ได้เชียร์เพื่อนหรอกนะ เราอยากให้ดาคบปอเพราะปอมันเป็นคนดีจริง ๆ” เราเม้มปากนิดหนึ่งเพราะเผลอไป ก็ดาเพิ่งจะขอร้องให้เราไม่พูดเมื่อกี้นี้เอง “สุดท้ายแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็อยู่ที่ดาเป็นคนตัดสินใจนะ เราก็ทำได้แค่นี้
แต่ว่า
”
เราเม้มปากอีกครั้ง ไม่รู้จะพูดมันออกมาดีไหม แต่ไม่ต้องคิดนานเพราะคนที่นั่งข้าง ๆ เริ่มคาดคั้นให้เราพูดให้จบซะแล้ว
“แต่อะไรเหรอจ๊ะ”
“ก็
เราไม่เห็นด้วยหรอกนะถ้าดาจะตัดเยื่อใยไปซะเลยน่ะ”
สาวน้อยเจ้าของผมสีน้ำตาลถอนใจเบา ๆ “เราไม่อยากหลอกปอจริง ๆ”
“ดาก็ไม่ได้หลอกปอนี่
” เราพูดไปเรื่อย ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าดาจะเข้าใจหรือเปล่า “เราก็เคยคิดเหมือนดานะ เคยเห็นเพื่อนมันหลอกคบใคร ๆ เพื่อเอาของขวัญ เราก็รู้สึกไม่ดี เคยตั้งใจไว้ว่าถ้ามีใครมาชอบเราแล้วเราไม่ได้ชอบเขา เราจะรีบบอกเขาไปเลยว่าเราไม่ได้ชอบ เขาจะได้ไม่ต้องทุ่มเทให้เรามากมาย แต่เราก็เปลี่ยนความคิดไปเมื่อ
”
เราหยุดพูดไปเพราะไม่อยากเล่าแล้ว ไม่ได้จงใจปิดบังดานะ เราคงจะเล่าให้หมดเปลือกเลยถ้าหากว่าเราไม่รู้สึก
เจ็บปวด
แต่พอเห็นดวงตาใส ๆ ที่จ้องเป๋งเหมือนเด็กน้อยตั้งใจฟังคุณแม่เล่านิทานอย่างนี้เราก็ใจอ่อนจนได้สิน่า
“เมื่อเราได้พบกับ
รุ่นน้องคนหนึ่งที่โรงเรียนเก่า”
พลอยลดาขยับมาเผชิญหน้ากับเราอย่างตั้งอกตั้งใจฟังจนเราอดยิ้มไม่ได้ เรารู้สึกดีนะที่มีคนอยากฟังเราพูด
“น้องคนนั้นน่ารักมากเลย ใคร ๆ ก็ชอบเธอ เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอสอนให้เราซึ้งในคำว่า ‘รักคือการให้’ เพราะเราอยากจะ ‘ให้’ เธอโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนจริง ๆ เราให้ของขวัญ ให้ขนม ประดิษฐ์อะไรต่าง ๆ ให้เธอเรื่อยเลย ที่ทำไปนั้นไม่ได้หวังให้เธอก้มลงมองคนอย่างเราหรอก สิ่งเดียวที่เราหวังก็คือ ขอให้เธอ ‘รับ’ มันไป ก็แค่นั้นเอง”
ดายิ้มบาง ๆ แล้วบอกเราด้วยน้ำเสียงชื่นชม “เพชรนี่ประเสริฐจัง”
“ไม่หรอก เรามันก็แค่คนธรรมดา” เราเสยผมแก้เขินแล้วค่อยพูดต่อไป “เพราะอย่างนี้เราจึงไม่อยากให้ดารีบตัดเยื่อใยไอ้ปอมันไง เพราะบางที คนเราก็แค่อยากจะ ‘ให้’
เท่านั้นเอง”
คุณหนูพลอยลดาพยักหน้ารับเหมือนเด็ก ๆ เลย แถมยังอมยิ้มหวานอีกด้วย
“ยิ้มอะไรน่ะดา” รอยยิ้มดาชักจะทำให้เขิน ๆ ยังไงบอกไม่ถูก
“ก๊อ
ดีใจอ่ะ นาน ๆ ทีเพชรจะเล่าเรื่องของเพชรให้เราฟัง”
“เอ้า
ถ้าดาอยากรู้อะไรก็ถามเราได้นี่นา ดาถามเราได้ทุกเรื่องนะ”
“จริง ๆ นะ”
“จริงสิ”
“งั้น
”
เอาเชียวแหละ รีบตั้งคำถามเลยน้า
“เรื่องของเพชรกับน้องคนนั้นเป็นไงต่อเหรอ เราอยากรู้ได้ไหม”
คำพูดดาทำให้เราต้องกลั้นหัวเราะซะยกใหญ่ ‘อยากรู้ได้ไหม’ ดาก็อยากรู้ไปแล้วนี่นา
เราถอนใจยาว แล้วค่อย ๆ เล่าเรื่องราวในอดีตที่แม้ว่าจะผ่านมากว่า 2 ปีแล้วแต่มันก็ไม่เคยลบเลือนไปจากใจเราเลย ถึงแม้ว่าเราจะพยายามทำใจให้ลืม ลืมทั้งความสุขและความทุกข์ ลืมให้หมดเหมือนอย่างที่เธอลืมเราได้ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเราพยายามเท่าไหร่มันก็ยิ่งไม่สำเร็จเท่านั้น
เราเข้าใจดีว่า ‘เวลาผ่าน คนก็เปลี่ยน’
แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม คนที่เปลี่ยนถึงไม่ใช่เรา
ทุกความทรงจำที่สวยงาม มาตอนนี้กลับทิ่มแทงใจเราอย่างแสนสาหัส เมื่อเราต้องยอมรับให้ได้ว่า วันเวลาแห่งความสุขเหล่านั้นไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว
แต่เราก็เล่าให้ดาฟังเรื่อย ๆ นะ ไม่ได้ใส่อารมณ์อะไร เรามันทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาได้เก่งอยู่แล้ว.. และในคราวนั้นก็เหมือนกัน ตอนที่เรายังมีน้องคนนั้นอยู่ เราก็มักจะแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่หวง ไม่คิดถึง ไม่สนใจ จนน้องคิดว่าเราไม่ได้ชอบและเลือกเดินจากเราไปในที่สุด
เราได้รู้ซึ้งถึงคำที่เขาว่ากันว่า ‘คนเราจะรู้คุณค่า ก็ต่อเมื่อสูญเสียไปแล้ว’ สุดท้ายก็เหลือเราคนเดียวที่นั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปและสิ่งที่ไม่ได้ทำ พอทบทวนดูก็ได้รู้ว่าเราน่ะใจร้ายมาก ๆ เลยที่ไม่เคยดูแลน้องตลอดเวลาที่คบกัน มันก็สมควรแล้วที่น้องหมดใจไปง่ายดาย
เราผิดเอง
เรามันโง่เอง
หลังจากที่เราเศร้าไปพักใหญ่เราก็เริ่มเข้าไปหาน้องอีกครั้ง ทำทุกอย่างเพื่อตามหัวใจของเรากลับบ้าน ซึ่งสิ่งที่เราทำนี้อาจไม่มากมายในสายตาใครแต่มันก็สุดความสามารถของคนไม่เคยมีแฟนและไม่เคยจีบใครพยายามทำแล้วล่ะ แต่ก็เท่านั้น
เพราะมันสายไปแล้ว เราอยากขอโทษ อยากขอโอกาสแก้ตัว อยากให้เธอรู้ว่าเรารักเธอมากแค่ไหน แต่มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรในเมื่อเราไม่ใช่รุ่นพี่ที่น้องมีใจให้อีกต่อไป เรากลายเป็นใครที่ยังตามตอแยไม่เลิก เป็นอดีตอันเลวร้ายที่น้องอยากจะลบทิ้ง!
เรารู้สึกถึงมืออุ่น ๆ ที่กุมมือเราไว้ พร้อมกับคำพูดที่เจือความห่วงใยว่า “เราเข้าใจเพชรนะ”
“ขอบใจนะ เรื่องมันผ่านมานานแล้วล่ะ เราไม่เป็นไรหรอก” เราบอกดาไปอย่างนั้นทั้ง ๆ ที่มันไม่จริงเลย “ว่าแต่ดาเถอะ ไม่เห็นเล่าเรื่องของดาให้ฟังบ้างเลย”
พลอยลดายิ้มออกมาเขิน ๆ ดาคงจะอายมั้ง
“งั้นวันหลังเล่าให้ฟังบ้างนะ”
เธอพยักหน้ารับ เราก็ยิ้มแล้วถอนใจออกมายืดยาว หวังว่าดาคงไม่โชคร้ายเจอเรื่องเจ็บช้ำเหมือนเรานะ
“เราคงกลัวที่จะมีความรักมั้งดา กลัวว่าจะดูแลคนที่เรารักไม่ดี กลัวนั่น กลัวนี่ กลัว ๆ ๆ จนไม่ทำอะไรสักอย่าง กระทั่ง..มันสายไป คนอย่างรัตน์มณีนี่ไม่สมควรจะมีความรักเลยจริง ๆ”
องครักษ์ที่องค์หญิงปลื้มนักปลื้มหนาว่ากล้าหาญแท้จริงแล้วก็แค่ไอ้ขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้นเอง เรื่องที่เรากลัวทั้งที่ไม่ควรกลัวก็คือเรื่องนี้
เรื่องที่ทำให้เราต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ดาเอื้อมมากอดเราไว้ นั่นทำให้น้ำตาที่เราเก็บกลั้นล้นหลั่งลงมา ถึงแม้ว่าเราไม่ชอบให้ใครมาดูถูกว่าอ่อนแอ แต่เราก็ไม่อาจหลอกตัวเองได้เลยว่าเราเข้มแข็ง
“เพชรอย่าโทษตัวเองสิจ๊ะ เพชรไม่ได้ไม่ดีอย่างนั้นสักหน่อยนึง”
เสียงของพลอยลดาสั่นราวกับจะร้องไห้ตามเรา เราปลดอ้อมแขนของดาออกแล้วกุมมือเธอไว้
“เราไม่เป็นไรหรอกดา เราเองก็รู้สึกคล้ายกับว่าน้องที่เราเห็นคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ที่เราไม่เคยรู้จัก ส่วนน้องคนเดิมของเราน่ะแอบไปเที่ยว แล้วดันลืมบอกเราว่าจะกลับเมื่อไหร่
”
เราปาดน้ำตาทิ้งแล้วยิ้มขมขื่นในความมืด “เราก็ได้แต่รอ ว่าสักวันหนึ่งเธอจะกลับมา”
ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบของค่ำคืนที่มีดวงดาวนับล้านระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า สายลมหนาวพัดหวีดหวิวราวจะกรีดลงกลางใจ เราถอนใจเงียบ ๆ ปลอบตัวเองว่าเจ็บแค่นี้ไม่ถึงตาย เพราะเจ็บกว่านี้ก็เคยมาแล้ว
และก่อนที่ใครจะพูดคำใดออกมา ก็ปรากฏเสียงดังแกร๊ก ในความมืด
เราก้มตัวพร้อม ๆ กับกดดาให้นอนหมอบลงกับพื้น ใช้ราวระเบียงดาดฟ้าเตี้ย ๆ เป็นที่กำบัง เราแตะริมฝีปากเธอเบา ๆ ไม่ให้เธอส่งเสียงและเราเองก็เงี่ยหูฟัง
“ว่าแล้วเชียว! พี่ยามนะพี่ยาม เอาแต่กินเหล้าจนลืมขึ้นมาล็อกดาดฟ้าซะได้”
อ๋า
เจ๊จุ๋มน่ะเอง ซวยพี่ยามแล้วไง อิอิ เรากับดาแอบหัวเราะแบบไม่มีเสียงในความมืด และแล้ว ก็ปรากฏสัญญาณแห่งความซวยที่ทำให้หยุดขำไปโดยปริยาย
แก๊ก!
“อ้าว
” ดาอุทานแผ่วเบา “เจ๊จุ๋มล็อกดาดฟ้าแล้ว จะกลับห้องกันยังไงล่ะเพชร”
“ก็
แหะ ๆ”
ก็ต้องนั่งรอจนเช้าเลยน่ะซีจ๊ะดาจ๋า ฮือ ๆ
ความคิดเห็น