ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    From that day on... จากวันที่เธอไม่อยู่

    ลำดับตอนที่ #5 : From that day on... Chapter FOUR

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 50


    สวัสดีค่ะ   มาถึงตอนที่  4 แล้วนะคะ  ก็มาถึงครึ่งทางแล้วค่ะ 

    ก๊อ...ไม่มีไรหรอกค่ะ  แค่อยากเข้ามาทักทายเฉย ๆ

    ไปอ่านเลยดีกว่า 

    ..........
    ......
    ...
    .

     


    4

     

                    คนอะไรชอบกินปีโป้เหมือนเด็ก ๆ เลย  . 

    พลอยคิดอย่างนั้นในตอนแรกนะ   ก็ในซอยหอพักนี้มีรถเข็นขายอาหารเยอะแยะเลย   ร้านขายขนมก็เยอะ   เวลาเราสองคนเดินกลับหอพลอยจะแวะซื้อกับข้าว  ส่วนเพชรชอบแว่บไปซื้อปีโป้มาทีละอันสองอัน  (ตามแต่เงินทอนค่ารถเมล์ในวันนั้น)   แต่จากนี้คงไม่ต้องซื้อบ่อย ๆ แล้วเพราะพอพลอยกินกับเพชรบ่อยเข้า ๆ ปรากฏว่าตอนนี้พลอยติดปีโป้ไปอีกคนแล้วล่ะ  ก็เลยซื้อถุงใหญ่มาใส่ช่องแช่แข็งเลย   นึกแล้วว่าเพชรต้องบ่นว่าฟุ่มเฟือยแต่เพชรก็กินนะ  ชวนเจ๊จุ๋มกินด้วย  เจ๊จุ๋มก็ชวนคนอื่น ๆ ในหอพักกินจนตอนนี้ใคร ๆ ติดปีโป้กันงอมแงม  ต่างก็ซื้อมาแช่ไว้เต็มช่องแช่แข็งเลย  ทีนี้ไม่รู้แล้วว่าถุงไหนเป็นของใครก็เลยหยิบกันมั่วไปหมด   

                    พลอยหยิบปีโป้สีขาวที่พลอยชอบมาหนึ่งอันและไม่ลืมหยิบสีเขียวที่เพชรชอบด้วย  เปิดประตูห้องเข้าไปก็พบว่าเพชรกำลังเล่นกีตาร์รับลมอยู่บนระเบียงหลังห้อง  ทำท่าเป็นพระเอกมิวสิควีดีโอแต่เช้าเลย  อิอิ

                    ขำอะไรเราน่ะดา

                    เพชรถามงง ๆ พลอยเลยรีบส่ายหน้า  เปล่า ๆ แล้ว..เพชรเล่นเพลงอะไรอยู่เหรอ

                    เรื่อยเปื่อยน่ะ   ดาอยากฟังเพลงอะไรไหม  ขอเพลงได้นะจ๊ะ

                    พลอยยื่นปีโป้ให้เพชรแล้วพลอยก็แกะปีโป้ทานก่อนที่มันจะหายแข็งพลางถามว่า

    แล้วเพชรเล่นเพลงอะไรได้บ้างล่ะ

    อะฮ้าเพชรซะอย่าง  เล่นได้ทุกเพลง

    อ๋อเหรอ.งั้นขอเพลง  One ที่ประกอบหนังเรื่อง Friends”

    เอ๋ดูเหมือนเพชรจะนิ่งอึ้งไปเลย   พลอยพูดอะไรผิดหรือเปล่านะ

    ดา..  ดาชอบเพลงนี้เหรอ   เพชรถามพลอยแต่สายตาเหม่อมองไปไกลอย่างไร้จุดหมาย  พลอยสงสัยจังว่าเพชรกำลังคิดอะไร  แต่ก็ตอบไปว่า  ใช่  เราชอบมากเลย  หนังก็สนุกเพลงก็เพราะ

    เพชรหันมาสบตาพลอยตรง ๆ แล้วยิ้มออกมา  เหรอแต่เอาเพลงไทยดีกว่านะ  เพลง One ทำให้เรานึกถึงอืม  ช่างเถอะ  จริง ๆ คือเล่นไม่เป็นอ่ะ  แหะ ๆ  

    โธ่เอ๊ยไหนบอกว่าได้ทุกเพลง   ขี้คุยจัง  

    ไม่ต้องเลยดา   ตัวเองร้องเพลงไทยไม่ได้ล่ะสิ

    เจอเพชรย้อนเข้าให้พลอยก็อึ้งเลย   ก็เพชรพูดถูกนี่นา  พลอยฟังเพลงสากลมาตลอดเลย  แต่เรื่องอะไรจะยอมแพ้เพชรล่ะ

    ไม่จริงเลย  เอาหนังสือเพลงมาสิ  เดี๋ยวจะร้องโชว์

    หนังสือเพลงอะไร..ไม่มี

    อะฮ้า!…เป็นนักกีตาร์ภาษาอะไรไม่มีหนังสือเพลง

    เอ้าก็เป็นนักกีตาร์น่ะสิถึงไม่มีหนังสือเพลง  มือโปรเค้าต้องแกะคอร์ดเองโว้ย

    อืมจริงของเพชรนะ  แต่พอเถียงเพชรไม่ได้เพชรก็หัวเราะเยาะพลอยอีก   พลอยเลยค้อนซะทีหนึ่ง   เชอะรู้หรอกโว้ย

    คราวนี้เพชรหัวเราะลั่นเลย   ทำไม พลอยจะพูด โว้ย บ้างไม่ได้หรือไง

    พอแล้ว..เดี๋ยวตกระเบียง   พลอยปรามเพชรที่นั่งขำยิ้ม ๆ  แล้วเหมือนว่าเพชรจะนึกอะไรได้

    จริงสิ!  รู้สึกว่าเคยยืมหนังสือเพลงเก่า ๆ ไอ้ปอมา  ยังไม่ได้คืนมันเลย

    แล้วเพชรก็ยื่นกีตาร์ให้พลอย  พอพลอยรับมา เพชรก็ถลาไปที่ตู้หนังสือทันที  รื้อ ๆ ค้น ๆ อะไรอยู่พักหนึ่งก็ถือหนังสือเพลงยิ้มแป้นออกมา   เพชรยื่นให้พลอยแล้วตัวเองก็นั่งลงที่พื้นระเบียง   พลอยพลิกดูเจ้าหนังสือนี้ขำ ๆ  ก็มันยับยู่ยี่ยังกับอะไรดี  ..

    ไม่ต้องหัวเราะเลยดา  เราหาเจอก็บุญแค่ไหนแล้ว

    ยังมาพูดอีกน้าคนเรา  แต่พลอยขี้เกียจเถียงด้วยแล้วล่ะ  เปิด ๆ หนังสือดูก็คุ้น ๆ อยู่ว่าเพลงในหนังสือเพลงนี้อยู่ในช่วง  ม. 3  ที่เพื่อน ๆ  ของพลอยตั้งวงดนตรีกัน  พลอยกับเพื่อนๆ  ในห้องจึงต้องหัดร้องเพลงเพื่อจะได้ร้องตามในงานมินิคอนเสิร์ตที่โรงเรียนเก่าเวลาวงของเพื่อนขึ้นเวที

    อ๊ะนี่ไง  เพลงนี้เราร้องเป็น

    เพชรชะโงกหน้ามาดูตามที่นิ้วของพลอยชี้   อ๋อ  เพลงคิดในใจ  ของลาบานูน

    จบคำของเพชรพลอยก็แอบสะดุ้งนิดหนึ่งและคิดว่าเพชรคงไม่ทันสังเกต   พลอยลืมนึกไปว่า  เพลงคิดในใจนี้  มีความหมายที่  แต่ช่างมันเถอะนะ .

    เพลงนี้ค่อนข้างเก่าและเพชรก็จำคอร์ดไม่ได้  จึงต้องดูคอร์ดจากหนังสือเพลง  ส่วนพลอยเองก็ลืม ๆ ไปแล้วจึงต้องดูเนื้อเพลงด้วยเช่นกัน  เราสองคนก็เลยขยับมานั่งใกล้กันจนศีรษะเกือบชนกันเลย  พลอยแอบเหลือบมองเพชรก็เห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจ  ใบหน้าของเพชรขาวใส  ดวงตาเป็นประกายอบอุ่น  และมั่นคง

    พร้อมยัง

    คำถามของเพชรปลุกพลอยให้ตื่นจากภวังค์  พลอยต้องรีบซ่อนความรู้สึกบางอย่างแล้วพยักหน้าทีหนึ่ง   เพชรจึงเริ่มดีดกีตาร์เป็นจังหวะขึ้นลงช้า ๆ ทว่าหวานซึ้ง

     

    รู้ว่าอย่าคิดไปเกินกว่านี้

    เท่าที่มีก็รู้ว่าดีหนักหนา

    ได้ใกล้เธอแค่คำว่าเพื่อนรัก

    ได้พบได้เจอได้พูดจา 

    แต่ทุกครั้งต้องหลบสายตา  กลัวว่าใจสั่น

    ฝืนแต่ก็ไม่รู้ได้นานแค่ไหน

    เมื่อในใจฉันคิดมากไปกว่านั้น

    อยากดูแลห่วงใยเธอกว่านี้

    อยากซึ้งให้เกินกว่าเพื่อนกัน

    แต่ต้องคอยเก็บมันทุกวัน  คำว่า..รักเธอ

    เก็บไว้ข้างในใจ  เก็บมันไปทุกถ้อยคำ

    กลัวมันจะทำให้เธอและฉันต้องห่างกันไป

    จะเก็บมันไว้อย่างนี้   รักของฉันได้เพียงแค่คิดในใจ

    หากว่าพูดออกไป  กลัวต้องเสียใจ  กลัวต้องเสียเธอ*

     

    (* เพลงคิดในใจ   ศิลปิน  ลาบานูน)

     

     

    เพชรเขาชมพลอยใหญ่เลยว่าพลอยเสียงใส  แต่พลอยว่าพลอยยังร้องได้ไม่ดีเท่าไหร่เลย  เพี้ยน ๆ ยังไงไม่รู้ 

    ไม่เพี้ยนหรอก   เป็นเอกลักษณ์ดี  เราชอบ

    พลอยแอบชะงักอีกทั้งเงยหน้าขึ้นสบตาเพชรโดยไม่ได้ตั้งใจ  รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าเลย ส่วนเพชรนั้นยิ้มแล้วขยิบตาให้ทีหนึ่งพลอยจึงรู้สึกตัวแล้วยิ้มตอบไป

    บางทีเพชรอาจไม่ได้ให้ความหมายกับประโยคหลังนั้นเลยละมั้ง

    เสียงดีอย่างนี้  ดาเป็นนักร้องนำให้วงของเรานะ

    หา!  ว่าอะไรนะ

    ก็ เราฟอร์มวงกับเพื่อนคณะวิศวะฯ น่ะดา  เพิ่งเริ่ม ๆ เล่นกันนี่เอง  ยังไม่มีนักร้องนำ  ดาเป็นให้เรานะ  นะๆ ๆ  แล้วงาน Open House ปีนี้เราจะได้ขึ้นเวทีโชว์กันไง  นะ ๆ ๆ ดา  นะ

    ว่าไงนะ!  เป็นนักร้อง  แล้วก็ต้องขึ้นโชว์อีกด้วยหรอ

    นะนะน้า  ดาคนสวยน้า น้า น้า

    เพชรใส่ลูกอ้อนเต็มที่เลย  มีการกะพริบตาปริบ ๆ ด้วย  ตลกมากเลยล่ะ  

    แน้ ยิ้มออกแล้วแสดงว่าตกลงนะ  ไชโย!”

    อะไรกัน  ยังไม่ได้พูดตอบรับอะไรสักคำ  พลอยเบิกตากว้าง  อ้าปากค้างไปเลย  แต่เห็นคนขี้ตู่ดีใจลิงโลดขนาดนี้ พลอยก็ขัดใจไม่ลงแล้วล่ะ

     

    พลอยเพิ่งเคยมาที่ห้องซ้อมดนตรีเป็นครั้งแรก  เพราะเวลาพลอยซ้อมเปียโน  อิเล็กโทน  หรือไวโอลิน  พลอยก็จะซ้อมที่บ้านหรือไม่ก็ที่ห้องดนตรีของโรงเรียน  วันนี้เพชรใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ตัวเก่ง  และพลอยก็ใส่ชุดแซ็คสีชมพูอ่อนเหมือนเคย แต่คราวนี้เพชรมองพลอยแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้  จนเมื่อถึงห้องซ้อมดนตรีสุดซอยที่เพชรขับมอเตอร์ไซค์พ่วงพลอยมาจึงได้รู้ว่าทำไม  ก็เพื่อน ๆ เพชรที่รออยู่ก่อนแล้วนั้นต่างใส่เสื้อสีเข้มกับกางเกงยีนส์กันทุกคนเลยน่ะซี   แถมยังใส่สร้อยเงิน  ผูกโซ่ห้อยกางเกงด้วย   พลอยเลยรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นตัวประหลาดอยู่คนเดียวเลย  

    เฮ้ยเพื่อน  นี่ดา  นักร้องนำที่ข้าบอก   เพชรแนะนำดาให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก  พลอยยิ้มและค้อมศีรษะนิดหนึ่งเป็นการทักทาย   จากนั้นเพชรก็แนะนำเพื่อนในวงให้พลอยรู้จักบ้าง

    ดา  คนซ้ายนี่ไอ้ตั้ง เล่นกลอง    ถัดมาก็ไอ้โจ้  เล่นเบส  และคนสุดท้ายที่ยืนเต๊ะท่าอยู่นี่  ชื่อไอ้ปอ  เป็นมือกีตาร์โซโล่ 

    คนที่ถูกหาว่ายืนเต๊ะท่ามองหน้าเพชรขวับเลย  เพชรก็มองตอบแถมยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนถือไพ่เหนือกว่า  เพื่อนคนอื่น ๆ กลั้นหัวเราะกันสุดฤทธิ์เลย  พลอยไม่ค่อยเข้าใจหรอกแต่ก็ว่าตลกดีนะ

    แล้วพวกเราก็เข้าไปในห้องซ้อมดนตรีเมื่อถึงคิว  เพื่อนร่วมวงของพลอยมีความเป็นมืออาชีพสุด ๆ เลย  พลอยร้องเพลงไหนได้พวกเขาก็เล่นเพลงนั้นได้   ไม่ว่ามันจะเก่าแค่ไหนหรืออาจจะเป็นเพลงสากลที่ไม่โด่งดัง  ก็เหมือนว่าพวกเขารู้จักและเคยซ้อมมาทั้งนั้นเลย  แต่พลอยรู้นะว่าความจริงแล้วเขาชอบเล่นเพลงแนวร็อค  ฮาร์ดคอร์กัน  เพราะเพชรเคยบอกว่าเมื่อก่อนปอควบตำแหน่งมือกีตาร์โซโล่และร้องนำ  และวันนี้เขาก็ร้องโชว์ให้ดูเพลงนึงด้วย  พลอยอดทึ่งไม่ได้เลยที่ปอเขาสามารถร้องเพลงไป  เล่นกีตาร์ไป  และยังปรับเปลี่ยนเสียงให้เป็นร้องแบบธรรมดาและตะโกนแบบฮาร์ดคอร์ได้  พลอยว่านะ  ให้ปอเป็นนักร้องนำไปอย่างเดิมน่ะดีแล้ว

    มาซ้อมด้วยกันอีกนะดา   โจ้บอกกับพลอยเมื่อหมดชั่วโมงซ้อม  และเพชรกับพลอยก็ขอตัวกลับก่อนเพราะมีสอนหนังสือและพลอยต้องไปซื้อกับข้าว  พลอยยิ้มและโบกมือลาเพื่อนใหม่ทั้งสามคนนั้น  พวกเขาก็โบกมือตอบยิ้มๆ

     

    เพชร  พลอยเรียกขึ้นตอนที่เราติดไฟแดงกันอยู่  เพชรว่ามันแปลก ๆ ไหม

    แปลกยังไงเหรอ  คนขับถามเสียงอู้อี้ผ่านหมวกกันน็อคมา

    ก็..  เรารู้สึกว่า  เราเข้ากับวงไม่ค่อยได้น่ะซี  บอกไม่ถูกเหมือนกัน

    เรานึกแล้วว่าดาต้องคิดแบบนี้

    เอ๋…”

    เราเข้าใจที่ดารู้สึกนะ  ดาหมายถึงว่า  ดาเป็นคนหวาน ๆ ในขณะที่พวกเราอ่ะดิบ ๆ กันทั้งนั้นใช่ไหม  และดาเองก็รู้จักแต่เพลงคลาสสิค  เพลงสากล  แต่พวกเรานั้นเป็นวงร็อค  ก็เลยรู้สึกเหมือนจะเข้ากันไม่ได้ใช่ไหม   เราอยากจะบอกว่ามันไม่เกี่ยวหรอกนะ  มันไม่ใช่ปัญหาหรืออุปสรรคเลย  เราก็แค่มาสนุกกันและไอ้พวกนั้นมันก็บอกว่าท้าทายดีที่จะเล่นเพลงคลาสสิคแบบฮาร์ดคอร์น่ะ  ดาไม่ต้องคิดมากนะ.. รู้เปล่า

    พลอยเม้มปากนิดหนึ่ง  ชั่งใจว่าจะถามดีไหมแล้วก็ตัดสินใจ  เอ่อเพชร

    ว่าไง

    ที่ว่า ดิบ ๆ  น่ะ  คืออะไรเหรอ

    แป้วววววววว.ได้ฟังที่เราพูดไหมเนี่ย!”

     

    คุณครูพี่เพชรมาส่งพลอยที่ตลาดนัดแล้วขับรถกลับไปสอนเคมีน้อง ๆ  พลอยมองส่งเพชรจนสุดสายตา  พอจะรู้แล้วล่ะว่ามีคนปลื้มเพชรเยอะพอสมควรเลย ก็เพชรน่ะเท่ห์ออกนะ  เป็นนักบาสฯ หญิงของมหาวิทยาลัย   เล่นดนตรีก็เก่ง  แถมใจดีด้วย   น้อง ๆ ม.ปลายที่เรียนเคมีกับเพชรนี่ติดพี่เพชรกันทุกคนเลย   เพื่อน ๆ ในคณะอักษรฯ ก็ชอบมาถามพลอยเกี่ยวกับเพชรบ่อย ๆ เขาบอกว่าอิจฉาพลอยจังที่ได้อยู่ห้องพักเดียวกับเพชร  พลอยก็ยิ้มแล้วตอบในใจว่า พลอยเองก็ภูมิใจเหมือนกัน

     

    เอ่อ  ดา 

    เสียงทุ้มเรียกพลอยจากข้างหลัง  พลอยกำลังเลือกปลาหมึกอยู่หันไปก็พบว่าเป็นปอนั่นเองที่เรียกพลอย

    อ้าว  ปอมาซื้อกับข้าวเหรอ  บังเอิญจัง

    อ๋อครับ   เอ่อ  ดาซื้อเสร็จหรือยัง  เดี๋ยวปอไปส่ง

    ไม่เป็นไรจ้า  เพชรเขาบอกว่าจะมารับเราเอง  เพื่อนใหม่พยักหน้ารับรู้  แต่พลอยคิดอีกที  ถ้าพลอยกลับหอกับปอ  พลอยก็จะไม่ต้องรบกวนเพชรที่กำลังสอนหนังสืออยู่นะ   แต่ว่ากลับกับผู้ชายอย่างนี้จะดีเหรอ

    คุณหนูดาค้าบ  รับโทรศัพท์หน่อยค้าบ……..

    เอ๋เพชรโทรมา

    รู้สึกว่าปอจะแอบขำเสียงเรียกเข้านะ พลอยก็ว่ามันตลกเหมือนกันแต่เพชรไม่ยอมเชื่อ เถียงพลอยว่าน่ารักจะตาย  อืมน่ารักก็น่ารัก

    จ๋า..

    ดา  ปอมันไปที่ตลาดนัดเหรอ 

    ใช่  ยืนคุยกันอยู่พอดี  เพชรจะคุยกับปอไหม 

    ไม่ ๆ ๆ  เราจะบอกว่า  ถ้ามันชวนดากลับด้วยกันก็กลับกับมันได้นะ  เรารู้จักมันตั้งแต่ ม.1 แล้ว  ไอ้นี่ไว้ใจได้

    อ้าวแล้วเพชรมีธุระเหรอ

    เอ๋ก็  ประมาณนั้น

    จ้างั้นเรากลับกับปอนะ

    จ้า…”

    สรุปแล้ว  พลอยกลับหอกับเพื่อนใหม่ที่ชื่อปอคนนี้   แอบสงสัยเหมือนกันนะว่าเพชรรู้ได้ยังไงว่าปอมาที่ตลาดนัด   แต่เพชรกับปอเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยมอย่างนี้มันก็ไม่แปลกหรอกมั้ง 

     

                   

                   

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×