คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : From that day on... Chapter ONE
1
ตายละวา
จะทันไหมเนี่ย!
เรากำลังติดแหง็กอยู่บนรถประจำทาง (ไม่ปรับอากาศซะด้วย แบบที่ปรับอากาศมันแพง ยอมร้อน) บนถนนยามค่ำคืนของเมืองหลวงที่ตอนนี้รถติดยาวเหยียด เราแอบชะเง้อออกนอกหน้าต่างรถเพื่อดูว่าไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือยัง ก็เห็นอยู่ลิบ ๆ ว่ามันเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วล่ะ แต่เป็นของแยกอื่นนะ แยกที่เราอยู่นี่ยังแดงแจ๋เหมือนเดิม
เรามองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมืออีกครั้ง ..มันจะไม่ทันเวลาแล้ว.. ‘สุดที่รัก’ ของเรากำลังจะมาแล้ว ดังนั้น เมื่อรถประจำทางแล่นไปจอดในป้ายถัดมา เราจึงโดดลงจากรถแล้วเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างเพื่อกลับหอพักอย่างด่วนที่สุดแทนที่จะรอให้ถึงป้ายหน้าซอยเหมือนทุก ๆ วัน แม้ว่าค่ารถมอเตอร์ไซค์จะแพงกว่าค่ารถประจำทางอยู่หลายเท่า แต่เพื่อเธอที่รัก เรายอมได้
ตึง ตึง ตึง ๆ ๆ ๆ ๆ
โห เสียงเราวิ่งขึ้นบันไดนี่ดังใช้ได้
“เพชร! เดี๋ยวโว้ย เจ๊มีอะไรจะบอก”
“ไว้ก่อนเจ๊ เดี๋ยวลงมาคุยด้วย”
เจ๊จุ๋ม คนดูแลหอพักเรียกเราไว้ แต่เราไม่มีเวลาแล้ว และในที่สุด เราก็วิ่งมาถึงห้อง 305 ห้องพักของเราเอง เรารีบล้วงกระเป๋าเป้คู่ชีพหยิบกุญแจห้องขึ้นมา แต่พอเราไขประตูก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก เอ.. หรือว่าตอนออกไปเรียนเราลืมล็อก แต่ก็ช่างมันเถอะ
พอเราเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องอึ้ง เพราะห้องของเรามันเป็นระเบียบเรียบร้อยผิดปกติ เราวิ่งออกมาข้างนอก ดูที่บานประตูอีกครั้งมันก็ยังมีตัวเลข ‘305’ ติดอยู่หรา ไม่ผิดห้องนี่หว่า..
เรากลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง และปรากฏว่า เราเจอใครก็ไม่รู้อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดยืนอยู่กลางห้อง เรากับเธอยืนสบตากันนิ่งและเหมือนว่าเธอเองก็อึ้งกิมกี่ไม่ต่างจากเราเลย ดวงตาใส ๆ ของเธอกลมโต ผิวขาวอมชมพู มือเรียวข้างหนึ่งกำลังนิ่งค้างในท่าเช็ดผมลอนยาวสีน้ำตาลอ่อนที่เพิ่งสระเสร็จเมื่อครู่
และก่อนที่จะมีใครพูดคำใดก่อน ก็ได้มีเสียงแหลม ๆ คุ้นหูดังขึ้นหน้าประตูห้อง
“โฮ้ย..เหนื่อย วิ่งเร็วจังวะไอเพชร”
เมื่อนั้นเราจึงได้สติและหันกลับไปหาเจ๊จุ๋ม เจ๊แกหอบแฮ่กเชียว
“เจ๊จะบอกแกว่าต่อไปนี้จะมีคนมาอยู่กับแกด้วย แล้วแกก็กลับซะมืดค่ำเจ๊ก็เลยให้กุญแจสำรองน้องเขาไขเข้าห้องก่อน เฮ้อ.. เมื่อกี้บอกให้หยุดคุยกันก่อนก็ไม่เชื่อ จะรีบไปไหนวะ กลัวห้องหายหรือไง”
อ้อ
รูมเมทงั้นเหรอ..
“งั้นเจ๊ไปก่อนนะ แกอย่าทำอะไรมิดีมิร้ายน้องเขาล่ะไอเพชร” เจ๊แอบมากระซิบประโยคหลังกับเรา แต่เสียงกระซิบเจ๊แกก็ไม่ค่อยจะดังเล้ย รู้สึกว่าเธอที่มาใหม่จะแอบสะดุ้งซะด้วย อิอิ
“มีไรบอกเจ๊ได้นะหนู” คราวนี้เจ๊หันไปบอกรูมเมทของเรา “ถ้าไอเพชรมันทำชีกอ หนูมาบอกเจ๊ได้เลย เจ๊จะจับตบ สับ โขก เตะก้านคอมันให้ดู!”
“เว่อร์ไปแล้วเจ๊ คิดว่าจะเตะถึงเหรอ”
“ว้าย.. ไอเพชร เออ สูงแล้วอย่ามาง้อละกัน”
เจ๊ชี้หน้าเรายิ้ม ๆ แล้วเชิดออกจากห้องไป เราก็แลบลิ้นตามหลังให้เป็นรางวัล โธ่เอ๊ย..มาทำคุย เจ๊แกยาว เอ๊ย สูงแค่เมตรครึ่ง ริจะมาเตะก้านคอนักบาสมหา’ลัย
และเสียงหัวเราะน้อย ๆ ข้างหลังก็ทำให้เราหันไปมอง แต่พอเธอเห็นว่าเรามองก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปเลย ส่วนเรา..ก็เหมือนจะยังงง ๆ อยู่นะกับเพื่อนใหม่คนนี้ ว่าไปแล้ว เธอก็เป็นคนสวยคนหนึ่งเลยทีเดียว เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ แต่เฮ้ย! ที่รักของฉัน! โฮ้..ลืมไปสนิทเลย เราถลาไปเปิดโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ปลายเตียงแล้วก็ต้องถอนหายใจดังฟู่ .ทันพอดี นักกีฬาเพิ่งลงสนาม
งงล่ะสินั่น.. ที่รักของเราก็คือทีมลิเวอร์พูลไง ชิงแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ถ้วยใหญ่ของยุโรปด้วยนะ ถ้าพลาดเกมส์นี้ไปมีหวังนอนตายตาไม่หลับ
แกร๊ก
เราหันไปมองทางประตูห้องน้ำ คราวนี้รูมเมทคนสวยออกมาในชุดนอนสีชมพูลายเป็ดน้อย เราอดหัวเราะไม่ได้จริง ๆ และเธอก็คงจะเคือง ๆ เราซะแล้วถึงได้สะบัดหน้าหนีออกไปตากผ้าเช็ดตัวนอกระเบียง
“ดูบอลด้วยกันไหม”
เราชวนเธอเมื่อเธอกลับเข้ามาในห้อง คุณหนูเป็ดน้อยมองเรานิดหนึ่งก็เอื้อมไปหยิบหมอนใบโตของเธอแล้วนั่งลงข้าง ๆ เรา กลิ่นครีมอาบน้ำหอมฟุ้งมาเลยเชียว เราเลยรู้สึกเขิน ๆ ยังไงบอกไม่ถูกเพราะเรายังไม่ได้อาบน้ำเลย เหม็นตัวเองพิลึก
แต่ก็ช่างมันเถอะ อ้า เริ่มเขี่ยบอลกลางสนามแล้ว
การแข่งรอบชิงชนะเลิศครั้งนี้ ทีมรักของเราไม่ทำให้ผิดหวังเลย แม้ว่าฟอร์มอาจจะไม่เจ๋งเท่าคู่ต่อสู้ แต่ลิเวอร์พูลก็ไม่ได้ยอมแพ้เลยแม้แต่น้อย จบครึ่งแรกด้วยสกอร์เสมอ 1 1 เราปรบมือตามผู้ชมในสนามอยู่หน้าจอทีวีแล้วก็บิดขี้เกียจดังกร๊อบ เกือบโดนเธอแน่ะ ลืมไปว่ามีสมาชิกใหม่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“เอ๋.. เธอเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเราเลย” เธอพูดออกมาเป็นประโยคแรก เราจึงได้รู้ว่าเสียงเธอใสมากเลยล่ะ น่าไปเป็นดีเจนะ อ้อ.. เราว่าเธอคงดูจากเข็มกลัดที่อกเสื้อนักศึกษาของเราถึงได้รู้ว่าเราเรียนที่ไหน
“หรอ แล้วเธอเรียนคณะอะไรเหรอ” เราถามขึ้นบ้าง
“อักษรศาสตร์ เธอล่ะ”
“โฮ่ เหมือนกัน แล้วเอกอะไร”
“เยอรมัน เธอล่ะ”
“ฮ่า เหมือนกัน”
“โลกกลมจังเลย แต่เอ ทำไมเราไม่เคยเห็นเธอเลยล่ะ”
เธอเอียงคอนิดหนึ่งพลางเพ่งใบหน้าเราเหมือนจะนึกให้ออก ส่วนเราได้แต่ยิ้มเขิน ๆ ก็เราโดดเรียนไม่ค่อยบ่อยซะเมื่อไหร่
“เธอชื่อเพชรเหรอ” คุณหนูเป็ดน้อยถามขึ้นมา เราก็พยักหน้าให้หนึ่งทีพร้อมรอยยิ้ม
“เราชื่อพลอยนะ เพชรกับพลอย คู่กันพอดีเลยเนอะ”
เธอพูดแล้วก็จบด้วยยิ้มหวาน แต่เรากลับรู้สึกชาไปทั้งตัวจนต้องรีบหันหน้าหนี และเหมือนว่าเธอจะสังเกตเห็นความผิดปกติที่เราไม่เคยปิดมิดสักที เราจึงต้องตั้งตัวใหม่และหันไปยิ้มให้เธอ
“แล้วเธอชื่อจริงชื่ออะไรเหรอ”
“เราชื่อพลอยลดา เรียกเราว่าพลอยเฉย ๆ ก็ได้นะ”
“งั้นเราขอเรียกเธอว่า ดา นะ”
“เอ๋ ทำไมเหรอ”
คุณหนูเป็ดน้อยเอียงคอสงสัย เราเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี
“เอ่อ ครึ่งหลังจะเริ่มแล้วล่ะ ครึ่งแรกสนุกเนอะ” เราเองก็ตัดบทมั่วซั่ว เพราะเพิ่งพักครึ่งไปไม่ถึง 5 นาที ส่วนคุณหนูเป็ดน้อยเธอก็พยักหน้ารับมั่วซั่วพอกัน เราดูรู้หรอกน่าว่าเธอดูฟุตบอลไม่เป็น
“เราขอตัวไปนอนก่อนนะ ได้เวลานอนแล้วอ่ะ”
“จ้า ฝันดีนะ”
เธอยิ้มหวานให้เราก่อนลุกขึ้นยืน “ขอให้ชนะนะ”
“แน่นอน!”
และเหมือนว่าคำพูดเธอจะศักดิ์สิทธิ์ด้วยล่ะ เพราะในที่สุดทีมลิเวอร์พูลก็ชนะจริง ๆ (น่าจะใบ้หวยให้สักตัว อิอิ) แต่น่าเสียดายที่ร้องดัง ๆ ไม่ได้อย่างเมื่อก่อนเพราะมีคนนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง เลยได้แต่เต้นเย้ว ๆ อยู่หน้าจอทีวี ดีใจเป็นบ้าเลย ไม่เสียทีที่จ่ายค่ามอเตอร์ไซค์ไปตั้งแพง
เราตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์แจ่มใส ก็ทีมรักได้แชมป์ถ้วยยุโรปนี่นา ซึ่งต่างจากคุณหนูเป็ดน้อย เพื่อนใหม่ของเราที่บ่นว่าปวดหลัง เราเลยคิดว่า เตียงที่บ้านของเธอคงจะนุ่มราวปุยเมฆเลยล่ะมั้ง คนรวยก็งี้ล่ะน้า
“อยู่ที่บ้านก็สบายดีอยู่แล้ว จะย้ายมาทำไม๊” เราแกล้งแซวเธอเล่นขณะที่สองมือก็ช่วยทุบหลังให้เธอเบา ๆ แก้เมื่อย
“ก็เราอยากทำอะไรได้ด้วยตัวเองบ้างนี่นา”
“อ้าว งั้นปกตินี่ทำอะไรเองไม่เป็นเลยล่ะสิ” เราแกล้งแหย่เธออีกที ก็เลยโดนขว้างค้อนใส่ซะวงเบ้อเร่อ
“เอ้า ถามจริง” เราชักจะสงสัยขึ้นมาจริง ๆ ซะแล้วสิ “อยู่บ้านก็สบายดีอยู่แล้ว แล้วดามาอยู่หอให้เมื่อยทำไมล่ะจ๊ะ”
คุณหนูเป็ดน้อยขอบใจเราที่ทำให้หายปวดเมื่อยไปเยอะแล้วเปลี่ยนมานั่งเผชิญหน้าเราบนเตียง
“อยากรู้จริง ๆ น่ะเหรอ”
เราพยักหน้าอย่างหนักแน่น ดาจึงเล่าให้ฟังว่าตอนเด็ก ๆ ดาเป็นคนที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง คุณพ่อคุณแม่จึงคอยประคบประหงมดาอย่างดี มีคนทำงานให้ตลอด ก็คือเป็นไข่ในหินของบ้านนั่นเอง แล้วพอมีกิจกรรมที่โรงเรียนดาก็เลยทำอะไรไม่ค่อยเป็น ไม่เหมือนเพื่อน ๆ ที่สามัคคีกันทำงาน น่าสนุกจะตาย เธอบอกอย่างนั้น (แต่เราว่าเหนื่อยจะตาย เพราะเราเองก็นักกิจกรรมตัวยงเหมือนกัน แต่ก็สนุกน่ะแหละ) ดายังบอกอีกว่าพี่สาวของดาเป็นคนที่เก่งมาก ๆ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่นิวซีแลนด์ และดาก็มักจะถูกญาติ ๆ นำไปเปรียบเทียบกับพี่สาวเสมอเลย
แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุด ดาบอกว่า ดาอยากทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง
เราคิดว่า เราเข้าใจดานะ ถึงแม้ว่าชีวิตเรากับดานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยก็ตาม
“ขอบใจเพชรมากนะ ที่อุตส่าห์ฟังเรา”
ประโยคนี้เล่นเอาเราเขินไม่น้อยเลย ก็จะมาขอบใจทำไมกับเรื่องแค่นี้น้า
วันนี้เป็นวันหยุด ดาเลยชวนเราไปเดินซื้อของเข้าหอตอนบ่าย ๆ ซึ่งคุณเธอร่างรายการไว้ซะยาวเหยียด แต่เราว่าไปตอนเช้า ๆ อย่างนี้เลยก็ดีเพราะอากาศยังไม่ร้อน (มากเกินไป) คือเราเป็นคนขี้ร้อนน่ะนะ ต้องทำใจ..อิอิ
เราเก็บที่นอน ส่วนดาอาสารีดเสื้อผ้าให้ เราก็เลยเข้าไปอาบน้ำก่อน พออาบเสร็จเปิดประตูออกมารู้สึกจะได้กลิ่นไหม้ ๆ โอแม่เจ้า!
“ดา..ทำอะไร!”
“เพชร ทำไงดี”
เราถลามาชักปลั๊กเตารีดออกแล้วยกเตารีดขึ้นมาถือไว้ ส่วนคุณหนูพลอยลดาสับสนจนทำอะไรไม่ถูก เธอหันรีหันขวางแล้วคว้าเอาที่ฉีดน้ำมาฉีด ๆ ๆ ใส่ส่วนที่ไหม้เป็นรูโบ๋ซะจนชุ่ม เราเห็นก็ปล่อยก๊ากออกมาอย่างไม่เกรงใจ ฮ่าฮ่า ก็เธอจะฉีดไปเพื่อให้มันหายโบ๋รึไงนะ
“เพชรอ้า
หัวเราะเรานะ” คนสวยขว้างค้อนมาให้อีกแล้ว
“ขอโทษ ๆ” เราหัวเราะซะจนเข่าอ่อน วางตั้งเตารีดตัวปัญหาไว้บนพื้นห้อง คุณหนูดาเธอขอโทษขอโพยเราใหญ่เพราะเจ้าเสื้อเคราะห์ร้ายนั่นน่ะเป็นเสื้อตัวเก่งของเราเอง เราบอกว่าไม่เป็นไรหรอกเพราะมันก็แค่เสื้อเก่า ๆ ถูก ๆ แต่คุณเธอไม่ยอมท่าเดียว หยิบรายการซื้อของมาเขียนเพิ่มว่า ‘เสื้อของเพชร’
เฮ้อ
ไอ้เพชรเอ๋ยไอ้เพชร เลี้ยงเด็กแท้ ๆ เลย
ความคิดเห็น