สีแดงฉาด....
กลิ่นคาวเลือด
เสียงกรีดร้อง
ความกลัว
.
.
.
หลง ซิ่นหลิง
ซิ่นหลิงที่แปลว่าจิตวิญญาณแห่งศรัทธา
แต่ตอนนี้แม้แต่ศรัทธาที่เขาเชื่อมั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารอดชีวิตจะสมรภูมิสีเลือดนี้ได้เลย
เกือบสิบปีมาแล้ว ที่พวกเขาอยู่กับอย่างหลบๆซ่อนๆ
ความหวาดกลัวแทรกซึมเข้าไปในจิตใจจนกลายเป็นความคุ้นชิน มือบางที่กำกระบี่ของตนแน่นจนขึ้นข้อขาว ต่อสู้กับปีศาจร้ายที่พวกเขาเป็นคนสร้าง
ต่อให้เก่งกาจขนาดไหนก็ไม่สามารถล้มมันได้
พวกเขาเสียพวกพ้องไปไม่น้อย ไม่สิ... ต้องบอกว่าพวกเขาคือกลุ่มสุดท้ายแล้ว...
ไม่ว่ามนุษย์ เซียน หรือเทพต่างล้มตายไปจำนวนมาก มันกวาดล้างทุกๆอย่างจนไม่เหลือซาก ไม่เหลืออะไรเลยนอกจากแรงอาฆาตและซากสิ่งก่อสร้าง
"อาหลิง" เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่างของซากบ้านเก่าๆหันมามอง
ใบหน้าเรียวสวย ที่เลอะฝุ่นและคาบเลือดแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจมัน
ดวงตาสีรัตติกาลดั่งนภาที่ไร้ดารา
ชั่งน่าเสียดาย
ที่พวกเขาจะไม่ได้เห็นดวงตาที่ทอแสงสว่างไสวอีกเลย
"จินหลินเป็นยังไงบ้างครับ" หลงซิ่นหลิงเอ่ยถามบุคคลผู้มีพระคุณอย่าง เว่ย อู๋เซี่ยน หรือปรมาจารย์อี๋หลิง
"เจ็บหนัก... " สีหน้ากังวลใจของชายหนุ่มชุดดำที่ขาดวิ่น มือผอมที่ยกจับชีพจรของเด็กวัยรุ่นตระกูลจินที่มีสีหน้าทรมานราวจะขาดใจ
"จะทำไงดี"
"ท่านน้า.... ฮึก" เสียงพึมพำเบาๆของร่างที่นอนซบตักหลานวั่งจีทำเอาคนรอบๆขยับตัวไปมาอย่างกังวลใจ
ท่านน้าหรือเจียงเฉิง รีบเดินฝ่าเข้ามานั่งข้างๆหลานชายเพียงคนเดียวของตนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขารู้อยู่แล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าหลานตรงหน้าคงไม่รอดแน่ๆ
"เจ้าเด็กโง่!" แม้จะด่าออกไปแต่เจียงเฉิงกลับไม่ยอมปล่อยมือจากเด็กตรงหน้าเลย
"ท่านน้า... ข้ายัง... อึก ข้ายังไม่อยากตาย..." น้ำเสียงอ้อนวอนของเด็กชายทำเอาซิ่นหลิงต้องหันหน้าหนีอย่างทนไม่ได้
มือสองข้างได้แต่กำแน่นไม่ต่างจากคนอื่นๆ
"ไม่เป็นไรจินหลิน เจ้าจะไม่เป็นไร" เว่ยอิงกระซิบบอกหลานแม้เขาจะรู้ว่ามันไม่จริง
เด็กตรงหน้าเขาโดนพลังมืดนั้นซัดเข้าเต็มๆ ยังไงก็ไม่รอด พลังนี้ร้ายแรงมาก แม้แต่เซียนเก่งๆก็ยังยากที่จะรอด
สุดท้ายผู้อวุโสหลานซีเฉินก็หยิบขลุ่ยเลี่ยปิงขึ้นมาเป่าให้เด็กน้อยตรงหน้าหลับไปเพื่อลดความเจ็บปวด
"เราจะเอาไงต่อดี" เหมียนเหมี่ยน เด็กสาวที่โตจนเลยวัยปักปิ่นไปนานแล้วเอ่ยถามอย่างกังวน ในมือยังคงจับกระบี่ไว้แน่นซึ่งเป็นของตกทอดแม่ของเธอ ใบหน้าที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นแม่นั้นฉายแววกังวลไม่น้อย ชุดสีขาวสะอาจถูกแต่งแต้มไปด้วยคาบฝุ่นดินและเลือด
"ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ ไม่ตายเพราะมัน ก็ต้องตายเพราะไม่มีอาหารกินอยู่ดี" เว่ยอิงที่ยกมือขึ้นกุมคางอย่างใช้ความคิด เช่นเดียวกับเขาที่นั่งนิ่ง สายตายังคงจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มวัย20ที่นอนหลับสนิท
"ข้าไม่ยอมตายเพราะมันแน่ๆ" ประมุขเจียงเอ่ยเสียงแข็ง แม้ตัวเองจะบาดเจ็บสาหัสไม่แพ้คนอื่นๆ
"ย้อนเวลา... " เสียงนุ่มจากหลายซีเฉินเอ่ยออกมา ร่างสูงโปร่งแม้จะดูมีอายุมากขึ้นแต่ก็ไม่ลดความน่าเชื่อถือลงเลยแม้แต่น้อย
"ท่านว่าไงนะผู้อวุโส ย้อนเวลาหรือ... " เว่ยอิงที่เงยหน้าขึ้นมองผู้มีอายุที่สุดในนี้ ก่อนจะขมวดคิ้ว เช่นเดียวกับซิ่นหลิง ชายหนุ่มก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง แต่การยุ่งกับกาลเวลาเป็นสิ่งที่ไม่ควรนัก
"มีทางเลือกเดียว หากเราเปลี่ยนอดีตได้ ย่อมหยุดยั้งสงครามนี้ได้" ผู้รอดชีวิตที่หรือต่างพยักหน้าเห็นด้วย
"แต่วิธีที่ทำไม่ใช่วิธีนอกรีตอย่างวิชามารหรือขอรับ" ซื่อจุยที่ยืนอยู่ข้างเวินหนิงเอ่ยถาม
"จะเป็นวิธีนอกรีตหรือไม่ตอนนี้มีใครสนกัน ขอเพียงรอดชีวิตได้ก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ" ซิ่นหลิงเอ่ยโต้กลับศิษย์รุ่นน้อง
ใช่ในตอนนี้มีใครสนกัน
แม้แต่กฎ3000ข้อของกูซู ก็มิได้ทำให้ตนรอดจากสนามรบได้
ขอแค่รอดชีวิตได้ ช่วยเหลือชีวิตผู้บริสุทธิ์อีกเป็นแสนๆคน จะต้องใช้ด้วยวิธีได้ ใครจะสนกัน
" เว่ยอิง" หลานจ้านเรียกชื่อฟูเหรินของตน
"อืม ข้ารู้หลานจ้าน ข้าทำได้ แต่คนที่จะไป จะต้องแข็งแรงที่สุดในกลุ่ม" เว่ยอิงพยักหน้ารับก่อนจะกวาดตามองคนในห้องที่ละคน
เช่นเดียวกับซิ่นหลิงที่มองไปรอบๆ แต่ละคนไม่ว่าจะนักพรมซ่งหลาน ซื่อจุย ประมุขเจียง เวินหนิง ผู้อวุโสหลาน เหมียนเหมียน หรือแม้แต่หลานจ้านและปรมาจารย์อี๋หลิงก็สภาพไม่จืดกันซักคน
" ข้าจะไป" เจียงเฉินเอ่ยเสนอ แม้ว่าร่างกายจะเจ็บหนักเพียงใด
"ไม่ได้! เจ้าจะไปได้อย่างไร บาดแผลที่ท้องกับหลังเจ้ายังไม่หายเลยนะ!"
"แล้วเจ้าจะเอาใครเว่ยอิง!! ข้าจะไปแก้แค้นให้หลานข้า!!" ประมุขเจียงเถียงกับอย่างโมโห
"เจ้าไปก็ตายนะสิ เจ้าเจ็บหนักขนาดนี้ มีแต่จะทำให้ร่างฉีกไปก่อนจะถึงที่" คำพูดของเว่ยอิงทำให้แต่ละคนชะงัก
" ร่างฉีกหรอ... " หญสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มเอ่ยอย่างตกใจ
"ใช่ พวกเจ้าคิดว่ากาลเดินทางย้อนเวลางั้นง่ายรึ การจะย้อนไปได้เจ้าต้องทนกับแรงอัดมากมายที่จะเข้ามาฉีกเจ้า รวมทั้งความคิดของเจ้าที่ห้ามฟุ้งซ่านไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะไปโผล่ที่ไหนข้าคงไม่รู้ด้วย เป็นเช่นนั้น คนที่จะเข้าไปได้จะต้องมีร่างกายที่สมบูรณ์ที่สุด"
" ซิ่นหลิง เจ้าบาดเจ็บน้อยสุดในพวกเรา" เสียงของผู้อวุโสเอ่ย ดวงตาคมกริบที่จับจ้องมาที่ชายหนุ่ม ร่างกายของเขาบาดเจ็บน้อยสุดจริงๆ และคงเป็นคนเดียวที่มีจิตที่สงบที่สุดในตอนนี้
" ขอรับ ข้าจะไป" ใบหน้างามพยักหน้ารับอย่างสมัครใจ
" ขอบใจเจ้าซิ่นหลิง ความหวังคงอยู่ที่เจ้าแล้วสหายข้า" เว่ยอิงที่เงยหน้ามองพร้อมรอยยิ้มฝืดๆ ใจจริงเว่ยอิงไม่ต้องการให้ใครต้องทำภารกิจนี้เลย หากไม่ใช่เพราะเรื่องราวในอดีตที่ทำให้มันมาบรรจบลงด้วยความตายเช่นนี้
" ซิ่งหลิง จงนำสิ่งนี้ไปให้ข้าในอดีต บอกเล่าเรื่องราวในอนาคตแกข้า ตัวข้าในตอนนั้นจะช่วยเจ้า" ผู้อวุโสหลานยื่นหยกสีขาวลายเมฆที่มีมีรอยบิดเล็กน้อย
"สิ่งนี้..."
"หยกที่แม่ข้าให้ข้า" ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจทันที นี้คงเป็นตัวยืนยันว่าหากไปถึงแล้วคนตรงหน้าในอดีตไม่เชื่อให้ยื่นสิ่งนี้เป็นตัวยืนยัน
" ซิ่งหลิน เรื่องต่อไปนี้ฝากเจ้าด้วย ทำลายเหล็กทมิฬนั้นช่วยเหลือเหล่าเซียน กำจัดมันซะ" เว่ยอิงเอ่ยก่อนจะดึงชายหนุ่มให้มียืนในที่โล่งกว้าง ไม่ต่างจากคนอื่นๆที่เริ่มกระจายตัวอยู่รอบๆ
"ตั่งจิตให้มั่น อย่างได้วอกแวก ขอให้เจ้าโชคดี สหายข้า" เว่ยอิงเอ่ยก่อนจะเริ่มตั้งสมาธิ เช่นเดียวกับหลานจ้านและซื่อจุยที่หยิบกู่ฉิงขึ้นมาเล่นเพื่อทำให้ร่างตรงกลางวงเวทมีสมาธิ
ตึ่ง! ตึง!......
เสียงเพลงขับกลอนเบาๆทำให้ชายหนุ่มจมลงในห่วงความคิดอีกครั้ง ความทรงจำมากมายไหลย้อนเข้ามาราวกับสายน้ำ
5ปีก่อน
10ปีก่อน
20ปีก่อน
.
.
.
_______________________
สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน
เรามาเปิดเรื่องใหม่หลังจากที่เรื่องเก่าก็ยังไม่จบ5555 (ใกล้จบเลยเหอะ) เพราะงั้นไรท์เลยมาลองเปลี่ยนแนวดู นี้เป็นครั้งแรกในการแต่งแนวจีนโบราณหวังว่ามันจะไปได้สวยนะคะ เพราะส่วนใหญ่เราอ่านอย่างเดียว555 ยังไงก็ฝากนักอ่านทุกคนแนะนำเราด้วยนะคะ
ส่วนเนื้อเรื่องหากใครสงสัย อย่างพึ่งงงตอนหน้าไรท์จะมีการเล่าเกรินให้ฟังก่อน เพราะงั้นไม่งงแน่นอน ส่วนเนื้อหาไรท์ขออ้างอิงจากซีรี่ย์เอานะคะ
ฝากคอมเม้นให้กำลังใจไรท์ กดติดตาม และส่งแฟนอาร์ตมาได้ทาง
IG : @vel_toxfuart
ได้น่าคะะะ
ความคิดเห็น