ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Psychopath : Creepy The Clown.

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 : Charlie the missing cat.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 162
      19
      29 ส.ค. 62

    ตอนที่ 9 : ชาร์ลีแมวหาย.



        หลังจากที่โอลิเวียคบหาแบรนดอน เราใช้เวลาทำหลายๆอย่างร่วมกัน เช่น ฟังเพลง ทำอาหาร รดน้ำต้นไม้ และซ้อมเพลงที่เขาแต่ง หมกตัวอยู่ในบ้านเก่าๆ แทนที่จะเป็นบ้านคริสตี้ เพราะเหตุนี้โอลิเวียจึงมีโอกาสสังเกตุทุกหนแห่งในบ้าน ไม่เว้นห้องแม่หรือห้องพ่อของแบรนดอน เธอมองดูรูปถ่ายบนโต๊ะทำงานหลังจากพยายามกระชากลิ้นชักแต่ไม่สำเร็จเพราะมันถูกล็อกเอาไว้

        เธอรู้มาว่าพ่อเขาชื่อ แจ็คสัน ฮิลลิส เป็นคนกำยำแต่ลงพุง มีหนวด แววตาดุดัน แหวนทองวงโตที่ปรากฏในรูปและนาฬิกาข้อมือสีทองอีก ส่วนแม่ชื่อ ซาร่า ฮิลลิส เธอดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เธอสวยมาก ผมยาวสีน้ำตาล ดวงตาเป็นมิตร เธอมักมีรอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนรูปถ่ายอยู่เสมอ ดูเป็นคนอ่อนหวาน และเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน

        เธอเปิดตู้เสื้อผ้า ดูการแต่งตัวของพ่อและแม่แบรนดอน ซึ่งตู้ของซาร่ามีเสื้ออยู่โหลงเหลง แทบไม่มีเสื้อผ้าหลงเหลือเลย อาจเป็นเพราะแม่ของเขาหนีพ้นความทุกข์ร้อนในบ้านไปต่างแดน ตามที่แบรนดอนเคยเล่าให้ฟัง ครอบครัวของเขาไม่ได้อบอุ่นนัก ค่อนข้างหนักไปทางขมขื่น ส่วนพ่อแบรนดอนเขาไม่เอ่ยถึงมาก อาจทิ้งที่นี่ไปมีชีวิตใหม่แล้วได้ เธอไม่กล้าถามเซ้าซี้

        แต่น่าแปลกที่ตู้เสื้อผ้าของแจ็คกลับมีเสื้อผ้าอยู่แน่นขนัด ราวกับว่า เขาไม่ได้ทิ้งที่นี่ไปไหน...

        ทุกสิ่งในบ้านเปรียบเสมือนการเล่าเรื่องราว เป็นการฉายความทรงจำผ่านสิ่งของ เธอพยายามเข้าใจและซึมซับมัน โดยละเว้นห้องอัดเสียงตามที่แบรนดอนต้องการ ปล่อยให้ความค้างคาใจยังคงลอยคว้างอยู่ในห้วงความคิด ไร้ซึ่งคำตอบ จนกระทั่งความสงสัยระลอกใหม่มาถึง...


        ท่ามกลางความเงียบในห้องนอนแบรนดอน เสียงของวัตถุหนักๆกระแทกกับบางสิ่งเป็นจังหวะปลุกเธอตื่นขึ้นกลางดึก คล้ายเสียงขุดดิน มันดังแผ่วอยู่ไกลๆ มือปัดป่ายหาคนข้างกายเพื่อหาความเห็นเรื่องเสียงลึกลับ แต่กลับว่างเปล่า เขาไม่อยู่ที่เตียง

        เขาไปไหนดึกๆดื่นๆแบบนี้? โอลิเวียลุกขึ้นและมองหาแบรนดอนในห้อง มันมืดสลัว มีเพียงแสงจันทร์นวลลอดทางหน้าต่างพอให้มองเห็นเฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง แต่ไม่มีวี่แววแฟนหนุ่ม เธอดึงบานหน้าต่างขึ้น และชะโงกหน้าออกไป ลมหนาวเยือกต้องผิวหน้า ความเงียบยามค่ำคืนทำให้เสียงสวบสาบร่วนๆฟังชัดขึ้น เธอมองหาที่มาของเสียง พบว่ามันดังมาจากสวนหลังบ้าน…

        ความกลัวและสงสัยไม่อาจรั้งเธอไว้ เธอลุกออกจากห้อง ลองมองหาแบรนดอนในห้องน้ำแต่ไม่อยู่ จึงเดินลงมาชั้นล่าง คลำราวบันไดอย่างระวัง กระซิบแผ่วเบาเรียกแบรนดอน แต่ไม่พบ ก่อนย่องผ่านโต๊ะกินข้าว ในมือกำกระทะใบหนึ่งที่หยิบได้จากห้องครัว เดินตรงตามทางไปยังประตูหลัง และค่อยๆแหวกม่านเปิด แอบมองผ่านหน้าต่างบานเกล็ด


        มีคนอยู่ข้างนอกจริง กำลังขะมักเขม้นเหวี่ยงด้ามจอบลงดินอย่างไม่หยุดพัก ขุดหลุมด้วยความตึงเครียด ดึงจอบง้างขึ้นดินและสับลงไปอีก มีต้นเลม่อนนอนราบข้างๆบนพื้น

        เธอคิดจะโทรแจ้งตำรวจ แต่จังหวะเมฆบางสลายหายพอดี แสงสีเหลืองนวลของดวงจันทร์ส่องสว่างพอให้เห็นใบหน้าของชายผู้นั้น เขาปาดเหงื่อบนหน้าผากด้วยแขนเสื้อ แสงอ่อนอาบกระทบผิวหน้า จึงเห็นว่าชายคนดังกล่าวก็คือ แฟนหนุ่มของเธอเอง

        แต่แทนที่จะออกไปและตั้งคำถามตรงไปตรงมา เธอกลับยืนดูอยู่เงียบๆ อยากรู้ว่าเขาทำอะไร จนกระทั่งเขาหยุดมือ ทิ้งจอบลงพื้นอย่างหมดแรง ซึ่งใช้เวลาเกือบยี่สิบนาที แล้วแบรนดอนก็ยืนอยู่ตรงนั้น มองบางอย่างที่ก้นหลุม ด้วยสายตานิ่ง เย็นชา แต่เธอมองไม่เห็นสิ่งที่นอนอยู่ก้นหลุม เขาเหมือนคิดอะไรบางอย่าง จนมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่แล้วก็หยิบด้ามจอบขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้กลบดิน และฝังต้นเลม่อนไว้อย่างเดิม ทำอะไรของเขา?


        โอลิเวียชิงกลับขึ้นห้องนอนก่อนที่เขาจะกลับเข้ามาในบ้าน เธอขดตัวห่มผ้า รอให้เขากลับมาที่เตียง และแกล้งทำเป็นหลับอยู่ ในขณะที่เงี่ยหูฟังเสียงแบรนดอนอาบน้ำ ไม่นานนักเขาก็ออกมา ตามด้วยความรู้สึกยุบฮวบของฟูกที่นอนข้างๆบ่งบอกว่าเขาทิ้งตัวลงนอนต่อ

        เธอหลับตาลง แต่แล้วมีสัมผัสบางเบาบริเวณปอยผมข้างขมับ เขาลูบอย่างอ่อนโยน สองสามครั้ง แล้วลากมาถึงใต้คาง บริเวณที่เป็นแผลถูกข่วน

        "จะไม่มีอะไรทำร้ายเธออีก"

        เขาพูดกับตัวเอง ผ่อนลมหายใจออกยาว ก่อนก้มลงจูบขมับ แล้วทุกอย่างหยุดนิ่งไป เสียงหายใจเข้าออกยังคงอยู่เหนือเธอขึ้นไปเล็กน้อย โอลิเวียหรี่ตามองสะท้อนเงาบนบานหน้าต่าง พบว่าเขาอยู่ในท่าตะแคงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือเท้าค้างผ่อนคลายและก้มมองเธอ จดจ้อง เพ่งพินิจพิจารณา สร้างความกลัวเกาะกุมใจโอลิเวียขึ้นมา

        แบรนดอนขยับตัวบนที่นอนเข้ามาแนบติดหลังโอลิเวีย กอดเธอ ซุกใบหน้าลงข้างต้นคอ สัมผัสถึงไออุ่นจากลมหายใจรดริน ราวกับจงใจจักจี้และกระตุ้นเธอ จนกระทั่งบางอย่างเปียกและไหลผิวบนแก้ม หยดน้ำตา เขาร้องไห้ สูดหายใจชุ่มแฉะ และร่างที่ห่อหุ้มเธอกำลังสั่นเทา


        "โอเคหรือเปล่า?" เธอพลิกตัวกลับไปช้าๆ เขายังคงกอดแน่น สูดหายใจลึกควบคุมตัวเอง

        "ฉันทำเธอตื่น" เขากระซิบเสียงแหบพร่า "ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ" ลมหายใจยังคงสั่นกระเส่าและขาดห้วง แต่แล้วช้าลง "นานหรือยัง?" เขาถาม ปาดน้ำตา มีอะไรบางอย่างตึงเครียดในน้ำเสียงทำให้เธอหัวใจเต้นรัว และพลอยกังวลไปด้วย

        "เมื่อกี้น่ะ" เธอตอบอย่างหลบเลี่ยง เขากลืนน้ำลาย และตั้งใจมองสายตาเธอผ่านเงามืด แสงจันทร์ฉายความกังวลบนใบหน้าเขา "นายมีอะไรหรือเปล่า นายบอกฉันได้นะ" เธอเอื้อมมือสั่นไปสัมผัสใบหน้าเปื้อนน้ำตา เขาปล่อยให้เธอทำ และจับมือแนบแก้มอุ่นๆไว้

        "มันก็แค่ฝันร้าย" เขาว่า "แม่ชอบพูดแบบนี้เวลาฉันสะดุ้งตื่น" เขายิ้ม ดวงตาเอ่อเชื่อมน้ำตา หัวคิ้วคอยแต่จะกระตุกชนกัน แต่แล้วความพยายามแสดงออกว่าไม่เป็นไรก็ล้มเหลว เขาหลุบตา น้ำตาร่วง พร้อมส่ายหน้าให้กับความอ่อนแอของตัวเอง

        "ฉันกลัว กลัวเธอหนีไปจากฉันอีกคน โอลิเวีย เธอจะเกลียดฉัน ทิ้งฉันไว้เหมือนที่แม่...ทำ" เขากลืนน้ำลายอีก พรั่งพรูคำพูดไปด้วย "ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนั้น" เขาปล่อยโฮเป็นเด็กน้อย หน้าซบไหล่ จับมือเธอไปนาบหัวใจ  "ยังรู้สึกอยู่เลย มันรู้สึก..." ก่อนกล้ำกลืนคำพูดลงคอ ตอนที่โอลิเวียหยุดยั้งการด่ำดิ่งของอารมณ์

        เธอดึงเขามากอด คางเกยบ่า ร่างสูงหายใจกระเส่า กอดเธอกลับประหนึ่งกลัวเธอหลุดหาย ริมฝีปากล่างสั่นระริก และเกือบๆได้ยินเสียงคร่ำครวญ

        

        "แบรนดอน ฉันยังอยู่ตรงนี้ ฟังนะ ฉันอยู่ตรงนี้ตกลงไหม? มันเป็นแค่ฝัน ช่างมันเถอะนะ" เธอปลอบหวังบรรเทาความกลัวบางอย่าง เขากอดแน่นขึ้นอีก จนเธอหายใจไม่ออก "แบรน-ดอน-ฉันหายใจไม่ออก"

        "ฉันขอโทษ" เขาคลายเล็กน้อย และมันเล็กน้อยจริงๆ เธอหายใจเพื่อพูดประโยคต่อไป ดึงหน้าเบ้ฉ่ำน้ำตาเขาออกมามอง

        "ฉันไม่รู้ว่าอะไรกวนใจนาย นายต้องรู้ว่าทุกครั้งที่ฉันรู้จักนายมากขึ้น มันทำให้ฉันไม่อยากอยู่ห่างจากนายเลย ฉันรักทุกสิ่งที่นายเป็น แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้น ทำไมฉันต้องทิ้งนายด้วยจริงไหม?"

        เขาสะอื้น มือชื้นเหงื่อกุมมือเธอ บีบแน่น และมองหาความจริงใจในดวงตาเด็กสาว 

        "ฉันชอบเธอ รักเธอ...ทุกอย่างที่ฉันทำ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอสัญญาได้ไหมว่า จะไม่เปลี่ยนไป" โอลิเวียมองตาสลับข้างไปมา และถามแบรนดอนโพล่ง ซึ่งเป็นคำถามสุดท้ายของคืนนี้

        "อะไรอยู่ใต้ต้นเลม่อน"


        ครู่หนึ่งเหมือนลมหายใจหยุดกึก แบรนดอนชะงัก ทำท่าจะคลายมือที่กุม แต่แล้วจับไว้แน่นกว่าเก่า วางลงบนตัก

        "เวลาฝันร้าย ฉันจะออกไปขุดดิน มันทำให้ฉันนอนหลับ ก็แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรอยู่ใต้ต้นเลม่อน ไม่มี" เขาไม่ขอให้เธอสัญญาอีก

        "ตกลง นอนเถอะแบรนดอน" เธอพยักพเยิด ไม่ปักใจเชื่อ เหมือนห้องอัดเสียงที่เขาเคยห้าม จนกว่าจะได้เห็นกับตา

        เช้ารุ่งขึ้น เสียงของตะหลิวและกระทะกระทบกันปลุกเธอตื่น กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอของไข่เจียวและเบคอน โอลิฟลืมตาปรือมองเพดานอยู่บนที่นอน แบรนดอนตื่นก่อนอีกแล้ว เธอช่างเป็นแฟนที่ไม่เอาไหนเสียจริง แต่เธอยังคงนอนนิ่ง อยู่ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่นสะลึมสะลือ นึกถึงความฝันเมื่อคืน แบรนดอนขุดดิน ร้องไห้ด้วย แต่นึกขึ้นได้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน

        เธอสะบัดผ้าห่มและลุกจากเตียง แวะเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาแปรงฟัน ทำกิจวัตรประจำวัน พลางขบคิดเรื่องเดิมซ้ำๆ เงยมองตัวเองในกระจก เห็นเด็กสาวหน้าตาบ้านๆที่มองกลับมา เกิดสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เธอมาอยู่ในบ้านของแฟนหนุ่ม คนที่ไม่น่ามองเห็นเธอมีตัวตนบนโลกนี้ เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองมีโชคด้านความรัก ไม่คิดว่ามีคนชอบเธอด้วยซ้ำ ซับหน้ากับผ้าขนหนู

        เสียงตะกุยคล้ายกรงเล็บเล็กจิ๋ว ดังมาจากบนฝ้าสีขาว เธอเงยขึ้นมอง รูเล็กๆขนาดเท่าหัวเข็มหมุดอยู่บนฝ้า ก่อนมีบางอย่างสีขาวเคลื่อนที่ผ่าน และอีกครั้ง มันร่วงผ่านรูเล็กลงมา สิ่งมีชีวิตบอบบางสีขาวขยับยุบยิบอยู่บนอ่างล้างหน้าสองสามขีด

        หนอน!


        เธอถอยรี่ไปตั้งหลักหน้าห้องน้ำ เบิกตากว้าง มือปิดปากตัวเองอัตโนมัติ หากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงกรี๊ดลั่น แต่ด้วยความเป็นคนปากหนักเธอจึงไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกมา โอลิเวียกลับเข้าไปและตั้งใจเงยมองรูนั่นอีก ยังมีหนอนขยับอยู่บนนั้นอีกหลายตัว อาจมีหนูตายติดอยู่บนฝ้าก็ได้ หรืออาจเป็นห้องใต้หลังคา บางทีเธอควรบอกแบรนดอนให้จัดการกับมัน

        อย่างไรก็ตามโอลิเวียไม่ได้พูดถึงหนอนตอนกิน หรือแม้แต่เรื่องฝันร้ายเมื่อคืน เรากินอาหารเช้าเงียบๆ และรู้สึกได้ว่าเขาคอยมองเธอตลอดเวลา โอลิฟชำเลืองเป็นระยะ ซึ่งทำให้ไม่มีสมาธิจดจ่อกับอาหารเท่าที่ควร เธอจึงหยุด มองและถามตรงๆ

        "มีอะไรหรือเปล่า"

        "เปล่า" แบรนดอนยิ้มจางๆ "เธอกินเร็วมาก หิวเหรอ?" โอลิเวียลืมตัว เหลือบมองจานตัวเอง ซึ่งเกลี้ยงจาน ส่วนจานแบรนดอนที่ยังมีไข่เหลืออยู่ตั้งครึ่ง ไม่ทันสังเกตเลยว่าตัวเองสวาปามเร็วเกินไป

        "วันนี้เราตามหาชาร์ลีอีกไหม?" เธอเฉไฉปลี่ยนเรื่องเพราะเขินอาย เขาดูไม่ชอบใจที่เธอพูดถึงแมวหายเท่าไหร่

        "ไม่ต้อง ช่างเถอะ มันไม่กลับมาแล้ว คงตกใจที่ฉันตวาดน่ะ" เธอทำหน้าสลดเล็กๆที่ช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่แบรนดอนกลับไม่สะทกสะท้าน เขาเหลือบมอง แอบยิ้มเยาะอีกครั้ง

        "ยิ้มอะไร" เขายื่นมือมาใกล้หน้า ไม่รู้ว่าจะทำอะไร จนกระทั่งนิ้วโป้งสัมผัสมุมปากช้าๆ เขาชักมือกลับไปพร้อมเศษไข่จากปากเธอ เขาดูดนิ้ว จ้วบ

        ยังคงอมยิ้ม และกินไข่ในจานตัวเองต่อจนหมดในพริบตา แล้วเงยหน้าขึ้น ซึ่งเธอยังคงมองเอ๋อ

        "เธอกินแบบนี้เลย" เอาเศษไข่แปะมุมปากเลียนแบบ โอลิฟอมยิ้ม ส่ายหน้าเพราะมันไม่จริงเลย คราวนี้เธอแกล้งเอาคืน แต่ปรับวิธีการนิดหน่อย ด้วยการยื่นหน้าเข้าไปและใช้ปากกินเศษไข่ที่ติดอยู่ ไม่ต่างจากขโมยจุ๊บ จมูกแตะแก้มเขาแผ่วเบา และเหมือนเราหยุดอยู่ท่านั้น เขาค่อยๆเลื่อนมือมาประคองหน้า เราจูบกัน


        ทุกอย่างหวานชื่น ราบรื่น สงบเงียบ เรียบนิ่งจนอยากเก็บช่วงเวลาแบบนี้ไว้นานๆ และหวังอย่างยิ่งว่ามันไม่ใช่สัญญาณของสึนามิ ในขณะที่หลับตา สมองว่างเปล่า ภาพแบรนดอนยืนมองหลุมปรากฏขึ้นในความทรงจำเหมือนแสงวาบ สิ่งที่เขาพูดเมื่อคืนกึกก้องในหู จะไม่มีอะไรทำร้ายเธออีก และคำพูดทำนองว่าเขาเคยทำผิดบางอย่างเอาไว้

        ก่อนออกจากบ้าน แบรนดอนกำลังหมุนกุญแจ พร้อมติดเครื่องรถยนต์ โอลิเวียกำลังคาดเข็มขัดนิรภัย แต่เธอนึกขึ้นได้ว่าลืมหูฟัง หากขาดมันโลกทั้งใบวันนี้ต้องไม่สมบูรณ์แน่ เธอขอตัวไปหยิบ…

        โอลิเวียกลับเข้าบ้าน มองแบรนดอนที่นั่งบนรถ ปรับกระจกรถอย่างไม่รีบร้อน เธอหยิบหูฟังไม่ถึงนาที แต่รอยต่อของชั้นใต้หลังคาฝ้าเพดานช่างเย้ายวน และเรียกร้องการสำรวจ ส่วนชะแลงเหล็กก็วางอิงผนังอยู่ในห้องข้างๆ แค่แวะขึ้นไปดูที่มาของหนอนพวกนั้นคงใช้เวลาไม่นานนักหรอก

        เธอใช้ชะแลงเกี่ยวห่วงบนฝ้า ดึงบันไดลงมา รีบไต่ขึ้นไปยังเบื้องบนอย่างเร็ว ทำเวลาไม่ให้แบรนดอนรู้ตัว กลิ่นสาบเน่าอย่างสยดสยองเป็นสัญญาณร้ายที่เธอไม่อยากรับรู้ และเมื่อเธอโผล่ขึ้นครึ่งตัว สาดสายตาทั่วห้องใต้หลังคามืดทะมึน ซอมซ่อและรก มองหาสัญญาณของสิ่งชั่วร้ายอันเป็นที่มาของหนอน จนเห็นสิ่งที่นอนนิ่งไร้วิญญาณบนพื้นไม้เหนือจุดที่ควรเป็นเพดานห้องน้ำ


         และเธออยากให้มันไม่เป็นอย่างที่เห็น บ่อยครั้งที่แบรนดอนเป็นห่วงแผลใต้คาง คอยจับคอยดู กับคำพูดแผ่วเบาที่ว่า จะไม่มีอะไรทำร้ายเธออีก ต่างกับเสียงตวาดแมวที่ตัวเองรักอย่างโกรธเกรี้ยว ทุกภาพฉายขึ้นเป็นฉากๆ และมันดูเป็นเหตุผลที่เข้าทาง ชาร์ลีหายไปทันทีหลังจากข่วนเธอ ส่วนแบรนดอนดูไม่เยแสเรื่องการหายไปสักนิด

        เขาทำจริงหรือ เขาโกรธที่ชาร์ลีข่วนเธอถึงขนาดลงมือฆ่างั้นหรือ? นี่เธอกำลังรักอยู่กับคนประเภทไหน...

         เจ้าก้อนขนสีดำที่เคยเป็นแมว นอนตายอ้าปากค้างเห็นเขี้ยวแหลม หนอนยั้วเยี้ยไต่จากปากสู่ตำแหน่งเบ้าตาที่มีอะไรเละๆสีขาวอยู่ข้างใน คอหักพับตาละปัดกลับทางอย่างน่าสะพรึง

         สาเหตุที่ตามหาไม่พบเป็นเพราะมันไม่ได้ไปไหนแต่อยู่บนหัวเธอมาตลอด ทำไมต้องทำขนาดนี้ ความรักงั้นหรือ หากใช่ มันคงเป็นความรักที่น่ากลัวเกินไปสำหรับเธอ


        แบรนดอนหักคอชาร์ลี


    จบตอนที่ 9 : ชาร์ลีแมวหาย.


    Brandon Hillis : "แมวเวร..." เสียงต่อสู้ขัดขืน ดิ้นรนที่จะมีชีวิตเฮือกสุดท้าย ก่อนยุติลงตอนที่เกิดเสียงกระดูกหัก กร๊อบ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×