ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Psychopath : Creepy The Clown.

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 : Markus Thomson.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 243
      31
      14 ก.ค. 62

    ตอนที่ 4 : มาร์คัส ทอมสัน.


    (ภาพจากInstagram @vincentcyr)

        ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน หลังจากย้ายเข้าโรงเรียนมัธยมซันเซ็ต...


        แสงอาทิตย์อ่อนในตอนเช้า ค่อยๆถูกบดบังจากแผ่นเมฆบางสีขาวเทา ความหนาวเย็นถูกปัดเป่าโดยสายลม เธอก้าวลงจากรถโดยสารประจำทาง มองซ้ายมองขวา ป้ายรถว่างเปล่า ที่พื้นมีเศษกระดาษกับหลอดดูดน้ำทิ้งอยู่ ทั้งเปลี่ยวและเงียบราวกับวันหยุด หวังว่าเธอไม่ได้มาโรงเรียนผิดวันหรอกนะ…

        เหลือระยะทางอีกสองป้ายรถที่ต้องเดิน ความจริงไม่ได้ไกล เพียงแต่รู้สึกว่าเส้นทางลัดนี้ค่อนข้างเปลี่ยว ยิ่งในวันที่ไม่มีแสงแดดยิ่งน่าขนลุก มีเพียงนักเรียนหรือคนบางพวกที่ใช้เดินเป็นทางผ่านเข้าทางด้านหลังโรงเรียน เช่น พวกหลบคู่อริ พวกโดดเรียน และพวกไม่ชอบเจอคนพลุกพล่านแบบเธอ

        เท่าที่เห็นตอนนี้มีคนหนึ่งเดินนำอยู่ครึ่งทาง ซึ่งเธอคงไม่วิ่งตามแน่ และถ้าวิ่งมีหวังได้ทำคนนั้นอาจตกใจวิ่งเตลิดหนี

        โอลิเวียคอยมองหลังเป็นระยะ สองข้างทางเงียบเชียบ ทางซ้ายมือเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นเรียงเป็นตับ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกทิ้งให้อยู่ในสภาพซอมซ่อ เกือบทุกหลังมีต้นไม้รกชัดขึ้นทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน บางต้นสูงใหญ่ ทอดเงาปกคลุมพื้นที่โดยรอบจนทำให้บริเวณสนามหญ้าตายสนิท

        เศษใบไม้เกลื่อนกลาดทั่ว ไม่มีรอยทำความสะอาด ทั้งบนหลังคา บนทางเดิน และระเบียงหน้าบ้าน บรรยากาศวังเวงพิกล ลมหนาวพัดวูบทำขนลุกชัน ตามด้วยซุ่มเสียงเล็กๆครูดกับพื้นถนนเหมือนเสียงเล็บยาวๆขูด เมื่อเธอค่อยๆเหลียวกลับไป มันกลับไม่มีอะไร นอกจากใบไม้แห้งนั่นแหละ ใบไม้แห้งบัดซบ

        ส่วนหน้าต่างหลายบานแตกเป็นรู บ้างก็เป็นเศษกระจกแหลมค้างบนกรอบหน้าต่าง ส่วนบานที่สมบูรณ์เป็นฝ้าและคราบเหลือง ในบ้านนั้นอึมครึมและมืด เธอไม่อยากชายตามองเข้าไป เพราะกลัวเห็นบางอย่างที่ไม่พึงประสงค์เข้า

        สาเหตุอะไรที่บ้านเหล่านั้นถูกทิ้งร้าง เธอลองคิดฆ่าเวลา และพบว่าเกินความสามารถของเธอ และที่สำคัญไม่ว่าปัญหาของที่นี่คืออะไร มันก็ดูไม่ใช่เรื่องของเธอเท่าไหร่ โอลิเวียเดินต่อไป ตอนนี้คนที่เดินนำหน้าเธอหายไปแล้ว อาจเลี้ยวและถึงโรงเรียนแล้วล่ะมั้ง
        โอลิเวียหยุดเดิน สังเกตเห็นบางอย่างริมทางเดินใกล้พงหญ้า วัถตุสีขาวสะดุดตานอนแผ่อยู่ข้างทาง ส่งเสียงผึบผับกระพือตามลม เธอเดินเข้าไปชะโงกมองว่าคืออะไร สมุดบันทึก สมุดธรรมดาเล่มหนึ่งที่มีตัวหนังสือแน่นขนัด มีรอยรองเท้าเหยียบไปแล้วด้วย โอลิเวียถือวิสาสะก้มหยิบขึ้นมาดู

        สมุดบันทึกปกแข็งสีน้ำตาลแบบถุงกระดาษช็อปปิ้ง กระดาษด้านในสีขาวครีมถนอมสายตา รอยหมึกดำเขียนและวาดสัญลักษณ์ก้นหอยโค้งสวย ขีดลากและตวัดเขียนบนบรรทัดห้าเส้น เป็นสมุดวิชาดนตรี ถ้าจำไม่ผิดภายในอาทิตย์นี้มีหัวข้อแต่งเพลงที่ต้องส่งด้วย คงแย่แน่ถ้าเจ้าของสมุดอยู่ห้องเดียวกับเธอแล้วพลาดงานชิ้นนี้ คะแนนสูงเอาเรื่อง อาจหมดโอกาสได้เอเลยก็ว่าได้

        โอลิเวียวาดนิ้วช้าๆบนแผ่นกระดาษเนื้อเนียนเรียบ บริเวณที่มีเนื้อเพลงและโน้ตมีรอยขรุขระจำนวนมาก กระดาษเป็นขุยเล็กน้อย อันมาจากการแก้ไข ทำให้รู้ว่าคนแต่งได้ลบและเขียนใหม่ซ้ำๆ แก้ไขจนกว่าจะพึงพอใจ จนว่าจะรู้สึกว่าแบบนี้แหละถูกต้องแล้ว เขาต้องตั้งใจกับมันมากๆ ว่าแต่เจ้าของสมุดเป็นใคร?

        โอลิเวียวาดนิ้วชี้ขึ้นไปที่มุมขวาบนเหนือบทเพลงที่ชื่อว่า “มืดบอด” หาชื่อผู้ประพันธ์หรือชื่อเจ้าของสมุดเล่มนี้เพื่อจะได้รู้ว่าต้องคืนให้กับใคร

         “แบรนดอน ฮิลลิส” เพื่อนร่วมห้อง ถ้าจำไม่ผิดต้องเป็นคนที่ชอบนั่งหลังห้อง เขาผิวขาวซีด ตัวสูงและไม่สุงสิงกับใคร เธอไม่เคยคุยกับเขา และก็ไม่เคยเห็นเขาคุยกับใครสักคน มากสุดแค่ตอบประโยคสั้นๆสองสามประโยค และอีกครั้งคือเวลาที่จำเป็นต้องรายงานหน้าชั้นเรียน

        แต่นี่มันไม่ใช่ปัญหาของเธอ เธอควรจะวางไว้ที่เดิมแล้วทำเป็นไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่ถ้าทำแบบนั้น ความรู้สึกจะไม่ต่างจากเธอเป็นคนทิ้งมันด้วยตัวเอง

        โอลิเวียตั้งท่าจะยัดสมุดลงกระเป๋า แต่ต้องสะดุ้งตกใจจนขนตั้ง หยุดชะงักในท่าครึ่งๆกลางๆ เสียงแห้งๆของผู้ชายโพลงขึ้น
        “ถ้าเป็นฉันจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด” ผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกำลังมองลอดแว่นกรอบหนาสีดำทรงสี่เหลี่ยม มือจับขาแว่นก่อนล้วงกระเป๋ากางเกง

        เขามีโครงหน้าค่อนข้างเหลี่ยม โหนกแก้มชัดเพราะเป็นคนผอม เส้นผมสีดำ ปอยผมเหยียดตกลงมาพอให้คนที่เห็นรู้สึกรำคาญ สวมเสื้อกันหนาวสีดำ ข้างในเป็นเชิร์ตขาว เนคไทสีเขียวปักตราโรงเรียนซันเซต
        แม้จะเรียนที่เดียวกันแต่เธอกลับไม่เคยเห็นเขามาก่อน ว่าแต่ทำไมถึงตามมาเงียบนัก? ทั้งที่เธอคอยหันดูตลอดแต่ก็ไม่เห็น โอลิเวียกระพริบตาถี่ๆ

        เขาที่ยืนอยู่ขมวดคิ้วแล้วพูด พลางสะบัดมือไปมา “เข้าใจภาษาที่พูดไหม?ฮัลโหล?”

        “ฉ-ฉันแค่จะเอาไปคืนเจ้าของ...”

        “ก็ไม่ได้บอกว่าเธอขโมย ไม่รู้สินะ” เขายักไหล่ “คือถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่ยุ่งกับมัน แค่ทิ้งมันไว้อย่างนั้นดีแหละดีแล้ว”

        “ฉันคิดว่าเขาอาจกำลังเดือดร้อน” เธอยืนกราน

        “เชื่อเถอะเจ้าของสมุดไม่เดือดร้อนเท่าเธอหรอก..." เขาหัวเราะแห้งๆ ห่อไหล่ "แต่ก็แล้วแต่นะ ถ้าเธออยากจะทำ"

        หมายความว่ายังไง เธอจะเดือดร้อนแทนเจ้าของสมุดได้ยังไง? เหมือนชายคนนี้รู้บางอย่างแต่ไม่ยอมบอก ทำไมล่ะ? โอลิเวียเอาแต่มองโดยไม่พูด แล้วเขาก็เดินต่อ ไม่หันกลับมา

        โอลิเวียลังเล แต่ตัดสินใจเก็บสมุดใส่กระเป๋า และเดินไปทางเดิม ในขณะที่ชายคนนั้นเดินล่วงหน้าอยู่ห่างๆ ซึ่งเธอไม่ได้อยากเดินคนเดียวในทางเปลี่ยวแบบนี้เสียเท่าไหร่จึงเดินตามไปเงียบๆ

        จู่ๆเสียงฝีเท้าก็หยุดกระทันหัน เขาหมุนตัวกลับมา ทำเธอตกใจหยุดตามไปด้วย เขาหรี่ตา ชี้นิ้วมาทางเธอ
        "นี่เธอเดินตามฉันเหรอ"

        "เปล่า! ก็โรงเรียนอยู่ทางนั้น" เธอรีบแก้ตัว เขาเลิกคิ้วอย่างโล่งอก

        "แล้วไป" โอลิเวียรู้สึกแปลกๆ เขาดูพิลึกๆ จู่ๆก็โผล่มาเตือนเรื่องสมุด แต่กล่าวหาว่าเธอเดินตาม เขาต่างหากที่น่าสงสัย

        "ใช้ทางนี้ประจำ ทุกวันเวลานี้หรือ?" เขาโพลงโดยไม่หันมามอง

        "ใช่ ก็ประมาณนั้น"

        "ปกติไม่มีใครใช้ทางนี้กันหรอกถ้าไม่มีเหตุจำเป็น เขาว่ากันว่าที่นี่ผีดุ เธอหลบหน้าใครอยู่ล่ะ เอมิลี่? โทมัส? คริสตี้??"

        "คือ ฉันไม่ได้หลบใคร" เธอเดินขึ้นมาเท่าๆกับเขา

       เขาเลิกคิ้วประหลาดใจ หัวเราะเหอะๆกึ่งไม่เชื่อ "เหรอ?" แต่เดี๋ยวคงได้หลบแล้วแหละ เขาคิด

        เราเดินผ่านความเงียบไปเกินครึ่งทาง เธอหันมองเขาด้านข้าง และสังเกตเห็นรอยเปื้อนบริเวณกกหู "หูนายเปื้อนอะไรไม่รู้"

        "หือ?" เขาเอามือจับ และยื่นมือมาดู "แป้งเพนเค้กแหง" เขาดูดนิ้วโชว์ น่าอี๋มากถ้ามันไม่ใช่แป้ง

        "ไม่คิดจะถามหน่อยเหรอว่า ชื่ออะไร? บ้านอยู่แถวไหน? ไม่สงสัยอะไรเกี่ยวกับฉันบ้างเลยเหรอ??" เขาดัดเสียงสูงช่วงที่เป็นประโยคคำถาม

        เธอนิ่วหน้า

        "ไม่รู้สิ แล้วฉันควรสงสัยเหรอ?" เขาอ้าปากค้างตั้งท่าจะพูดแต่ปลี่ยนใจ
        “รู้อะไรไหม? ช่างมันเถอะ ฉันมาร์คัส ทอมสัน อยู่ห้องหนึ่ง”

        ยื่นมือมาให้จับทักทาย
        “อือฮึ ยินดีที่รู้จักมาร์คัส” เธอยิ้มเป็นมารยาท ความจริงเธอไม่ได้อยากรู้จักเขาเสียเท่าไหร่

        “มีไหม ชื่อน่ะ? หรืออยากให้เรียกว่า...คุณหญิงอือฮึ” เบ้ปากล้อเลียน
        “นั่นไม่ใช่ชื่อฉัน” เขายักคิ้ว อมยิ้มชอบใจ แต่ดูเหมือนกำลังกลั้นขำมากกว่า

        "ไม่บอกหรอ?"

        เธอเงียบ พ่นลมทางจมูกฟืด ก่อนเดินหนีแซงขึ้นไป แต่เขาก็ตามขึ้นมาทันด้วยการสาวเท้าก้าวยาวๆเพียงไม่กี่ก้าว "จะไม่บอกจริงเหรอ"

        เธอยังคงไม่ยอมพูด

        "งั้นก็ได้คุณหญิงอือฮึ ฉันก็ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่เลย แต่ถ้ามีปัญหาอะไรตามหาฉันได้ที่ห้องสมุด"

        มาร์คัสบอกทั้งที่ไม่ได้ถาม เธอหันไปพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
        “ว่าแต่นายล่ะ หลบหน้าใคร?” เธอเปลี่ยนหัวข้อ เขาตั้งตัวไม่ทัน สีหน้าเปลี่ยนฉับ ก่อนกระแอม เธอถามอะไรจี้จุดเขาหรือเปล่านะ

        "ไม่เลย ไม่ได้หลบใครสักนิด ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น ตรงกันข้ามที่ฉันใช้ทางนี้เป็นเพราะอยากเจอใครบางคน"

        "ใครหรือ" เธอซัก เขากระแอมอีก สีหน้าอึดอัดชอบกล สายตาหลบไปมาภายใต้เลนส์แว่นกรอบหนา

        "บอกไม่ได้" เขาว่าอย่างนั้น

        "ทำไมถึงบอกไม่ได้ล่ะ?"

        "ก็เพราะ" เขาคิดอย่างระวัง "เพราะฉันไม่รู้จักชื่อหล่อน"

        เธอเงียบ เขาเช่นกัน นี่คงไม่ได้หมายถึงตัวเธอหรอก อาจเป็นคนอื่น ทำไมเขาต้องอยากรู้จักคนอย่างเธอด้วยล่ะ

        จู่ๆเขาก็หันมาสบตา และกลั้นขำ

        "คิดว่าเป็นตัวเองล่ะสิ" เขาเอามืออุดปาก พยายามไม่ให้ตัวเองหลุดหัวเราะ "อู้ว! เธอคิดจริงด้วย!" มาร์คัสหัวเราะ

        "เปล่าสักหน่อย" อายชะมัด "ดูนั่นสิ ถึงโรงเรียนแล้ว" เขายังอมยิ้ม แววตาเป็นประกาย หันมายักคิ้ว

        "เธอคิด" เขากระซิบ แล้วเดินต่อจนถึงตึก เขาหันมาสบตา พยายามจะพูดอีกรอบ "เธอคิ-" พรวด เขาขำเสียงตัวเองก่อนทันจบประโยค

        มาร์คัสและโอลิเวียเดินไปพร้อมกันจนถึงโถง เธอเก็บของในตู้ล็อกเกอร์ และเขายังไม่หยุดล้อ หันไปทีไรเขาก็ยืนกลั้นขำอยู่ทุกที และที่แย่กว่าคือมันทำให้เธอเกือบหลุดขำตามไปด้วย และมันทำให้ดูเหมือนคนใกล้เสียสติ

        "แล้วเจอกันคุณหญิงอือฮึ" เขาพูดแล้วเดินผ่าน ทั้งคู่แยกย้ายไปตามห้องเรียนตัวเอง


        ต่อมาโอลิเวียทำหน้าที่พลเมืองดีด้วยการคืนสมุดโน้ตให้เจ้าของ แบรนดอน ฮิลสิส ตามที่วางแผนไว้ ดวงตาสีเทา แววตาเฉยชา ใบหน้าไม่ยิ้มแย้ม ตอนที่คืนเขาไม่แม้แต่พูดคำว่าขอบคุณหรือแสดงสีหน้าดีอกดีใจ แค่มองหน้าและรับไป เหมือนไม่ได้อยากได้คืน หรือไม่เห็นเธออยู่ตรงหน้าด้วยซ้ำ ใช่ มันน่าหงุดหงิด

        ระหว่างคาบเรียน เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยที่ทำให้เธอต้องออกมาเข้าห้องน้ำ เป็นเหตุฉุกเฉินที่ผู้หญิงทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น นั่นคือ ประจำเดือนมาก่อนกำหนดหนึ่งอาทิตย์! โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ อาจเป็นเพราะฮอร์โมนแปรปรวนของวัยรุ่น

        โอลิเวียแน่วเข้าห้องน้ำ ผลักประตูออกอย่างเร็วด่วน ภายในกว้างขวางและเงียบสงัดชนิดที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตใดๆ ผนังกระเบื้องสีขาวสะท้อนแสงสว่างจากหลอดนีออน บานกระจกเบอเริ่มเทิ่มทอดยาวเหนืออ่างล้างหน้า ขวามือเป็นห้องน้ำย่อยๆ ประตูทุกห้องเปิดแง้มด้วยองศาที่ใกล้เคียงกัน ช่างเป็นโชคดีของเธอที่ไม่มีใครอยู่เลย…
        แต่ยังมีโชคร้าย เพราะพบว่ากระโปรงเลอะรอบเดือน เพียงจุดเล็กๆเท่านั้น แต่ก็พอให้โดนล้อไปทั้งชาติ ทางที่ดีอย่าให้ใครเห็นจะดีที่สุด วันนี้เธอคงต้องโดดเรียนสักวัน

        ผ่านไปห้านาที ในห้องน้ำยังคงเงียบสงัด เงียบจนเธอได้ยินเสียงคนเดินอยู่ข้างนอก ไม่นานเสียงฝีเท้านั่นกลายเป็นคนก็เปิดห้องน้ำเข้ามา เดินอีกสองสามก้าว ก่อนหยุดอยู่ที่อ่างล้างหน้า เปิดน้ำ แล้วก็ปิด ตามด้วยเสียงวืดต่ำๆของเครื่องเป่าแห้ง ก่อนจะตามด้วยเสียงประตูปิด แกร๊ก

       จากนั้นเงียบกริบ เธอนั่งอยู่ในนั้นประมาณชั่วโมงหนึ่งได้ ไม่ใครเข้าออกอีกซึ่งน่าแปลก พวกสาวๆรักสวยรักงามมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่แวะเข้ามาเติมแต่งหน้าทุกสิบนาทีได้ยังไง โอลิเวียรอจนถึงเวลาเลิกเรียน

        เสียงสัญญาณเตือนหมดคาบดังขึ้น สิ่งที่ต้องทำก็แค่รอให้คนออกไปจนเกือบหมดแล้วเธอค่อยตามออกไปคนท้ายๆ เสียงฝีเท้าชุนละมุนที่นอกโถงทางเดินดังอย่างไม่หยุดพัก เสียงคุยแจ้ว แต่กลับไม่มีใครเข้าห้องน้ำเลยสักคน เป็นไปได้เหรอ แม้ในใจชอบที่เป็นแบบนี้ แต่มันเริ่มมีกลิ่นไม่ชอบมาพากลแล้วสิ หรือมีคนเผลอล็อกประตูแล้วขังเธอเอาไว้ ซวยแล้ว!

        โอลิเวียเปิดประตูพรวด ลนลานมุ่งไปที่ประตูอย่างเดียว จนเกือบไม่ทันสังเกตเห็นเงาบางคนที่หางตา มีคนยืนจ้องเธออยู่ กอดอกพิงอ่างล้างหน้า ที่น่าตกใจเขาเป็นผู้ชาย ถ้าจำไม่ผิดเขาเรียนห้องเดียวกันและขึ้นชื่อเรื่องกลั่นแกล้งคนอื่น โทมัส มอร์ริสัน
        เป็นเหตุผลว่าทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่มีใครเข้ามาเลย เพราะเขาเป็นคนล็อกประตู โทมัสดันตัวขึ้นและเดินเข้ามาหา ราวกับอสูรกายจ้องกินเหยื่อ

        โอลิเวียตัวแข็งทื่อมะลื่อ ก่อนขยับหนีไปซ้าย เขาขยับตาม ขยับขวา เขายักย้ายตามอีก รวดเร็วจนน่ากลัว ไม่ต่างจากเล่นไล่จับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ ขาเธออ่อนเปลี้ยหมดแล้ว

        โทมัสกำลังต้อนเธอให้จนมุมในห้องน้ำเล็กๆด้านหลังนั่น “ขอร้องล่ะ อย่ายุ่งกับฉันเลยนะ”
        “ฉันไม่ได้เริ่มก่อนละกัน”
        “ฉ-ฉ-ฉันไปทำอะไรให้?”
        เธอเห็นช่องว่างทางขวามือของโทมัส แต่แคบเกินไป วิ่งแทรกไปอาจไม่พ้น ไม่มีทางอื่น เธอถอยกรูดเข้าห้องน้ำและปิดประตูขังตัวเอง

        เสียงเขากระหน่ำทุบประตูเกรี้ยวกราดเหมือนจะพังเข้ามา ทันใดนั้นโทมัสกระโดดพรวดลงมาจากผนังห้องน้ำข้างๆ เธอรีบคว้าประตูเปิด แต่ไม่ทัน คอเสื้อถูกกระชาก เธอถูกเหวี่ยงลงไปนั่งบนฝาชักโครก
        ดวงตาสีดำจ้องเขม็ง เชิดหน้ามองอย่างเย้อหยิ่ง ทรงผมสีดำปาดเรียบกริบ เขายืนกอดอกและเอาตัวบังประตูห้องน้ำที่เปิดไว้ เลิกคิ้วเข้มโค้งขึ้นข้างหนึ่งราวกับท้าทายว่า จะหนีเหรอ? ก็เอาสิ จะทำยังไงต่อล่ะ? ในเมื่อฉันจะยืนอยู่ตรงนี้

        เธอลุกขึ้น “ให้ฉันออกไป” ผลักให้เขาเบี่ยงหลบออกไป เป็นความคิดสิ้นคิด ตัวเขาไม่ขยับ หนักอย่างกับก้อนหิน หนำซ้ำถูกเขาผลักกลับลงไปนั่งที่เดิม เธอลุกอีกรอบและพยายามหาทางเบียดออกไป ทั้งที่มันไม่มี

        เขาหลีกทางให้ง่ายๆ ทำไมไม่รู้ แต่เธอรีบกระโจนออกไปก่อน แต่แล้วล้มหน้าทิ่มเพราะถูกขัดขา

        โทมัสตามมานั่งยองๆ ดูเธอที่กองหมดสภาพบนพื้นห้องน้ำ
        “เจ็บไหม?" เขาถาม "ตะโกนขอความช่วยเหลือสิ เป็นใบ้เหรอไง?" ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่น่าหวาดหวั่น "ฉันอยากให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอโดดเรียนมาอยู่กับฉันในนี้ เป็นชั่วโมง พวกเขาจะเข้าใจเราว่า...อะไรดีล่ะ?” เม้มปาก “ถ้าฉลาดพอคงไม่ต้องให้บอก”

        เธอคลานหนีและพยายามลุกขึ้น เขาคว้าข้อเท้าและลากกลับมา “ไม่รู้จริงเหรอว่าตัวเองทำอะไรลงไป!?” เขาขบเคี้ยวฟัน พยายามข่มอารมณ์โมโหสุดความสามารถ
        “ไม่รู้  ฉันไม่รู้ นายบอกฉันสิว่าฉันทำอะไร?!”
        “เป็นเพื่อนกันล่ะสิ ไอ้เพี้ยนนั่น คนที่เธอเป็นคนเอาสมุดไปคืน”

        หน้าแบรนดอนโผล่ขึ้นมาในสมองเป็นคนแรก ต้องใช่เรื่องสมุดโน้ตแน่ แต่สมุดโน้ตเล่มเดียวมันสำคัญกับโทมัสยังไง? เขาเป็นคนขโมยของแบรนดอนเหรอ? เขาจะทำแบบนั้นทำไมในเมื่อไม่มีใครเก่งกว่าเขาแล้ว เธอไม่เห็นประโยชน์จากการทำแบบนั้นเลย
        “แบรนดอนเหรอ? เปล่า ไม่ใช่เพื่อน คือฉั-” จู่ๆเธอกลายเป็นคนพูดไม่เป็นภาษา เปิดช่องให้โทมัสต่อคำ
        “โอ เป็นแฟน” เขาฉีกยิ้ม ไม่ปล่อยให้เธอเรียบเรียงคำพูดเสร็จ พยักเพยิดทำเป็นว่าเข้าใจ ซึ่งไม่มีทาง เจ้าคนเงียบลึกลับหลังห้องนั่นหรือ แบรนดอนไม่แม้แต่จะพูดกับเธอด้วยซ้ำ
        “มันไม่ใช่แบบนั้น”

        "งั้นสิ" เขาว่า เลิกคิ้วโค้ง ตามด้วยรอยยิ้ม "งั้นแบบนี้" เขาลากเธอมาอยู่ใต้เงา คลานขึ้นมาคร่อมร่าง ใช้เข่ากวาดขาเธอถ่างออก "ไม่ใช่! ไม่ใช่แบบนี้!"

        โทมัสหัวเราะเยาะ "อย่าบอกนะที่ทำไปเพราะหวังดี หึหึ โอลิเวีย วอลเตอร์สตัน ผู้น่าสงสาร ที่นี่ไม่ใช่ทุ่งดอกไม้นะ" เขาเอานิ้วจิ้มกลางอกเธอ โอลิฟก้มมองตาม แล้วเขาก็ดีดนิ้วขึ้นมาแตะปลายจมูก "หลอกง่ายชะมัด"

        โทมัสยื่นหน้าเข้ามา แล้วกระซิบ “แล้วแบบนี้…อย่างอื่นง่ายด้วยหรือเปล่าหืม?”

        โอลิเวียเอาหัวโหม่ง แล้วผลักเขาออกพรวด เขารีบลุกขึ้นคว้าขาเธอ เธอสะบัดหลุด เขาดึงกระโปรงเธอจนหลุด แล้วคว้าข้อเท้าสองข้าง รวบ และฉุดกลับมาพลางส่งเสียงคำรามในคอ เธอคว้าสะเปะสะปะบนพื้นห้องน้ำ คว่ำหน้าและถูกลากกลับไปอย่างน่าขัน เขานั่งทับกลางหลัง กดน้ำหนักจนเธอไม่อาจกระดิกกระเดี้ยอีก “ฉันจะสั่งสอนให้กับสิ่งที่เธอทำวันนี้” เขาก้มลงมาข้างขวา ค่อยๆเอาปลายจมูกเขี่ยข้างแก้มเบาๆ

        จู่ๆเขาหยุด และลุกขึ้น ก้าวถอยออกมา ยื่นมือให้เธอจับ โอลิเวียไม่ได้จับ ใช้ศอกยันตัวเองลุกขึ้นเองและคว้าโอกาสนี้หนี เปิดประตูผางออก แต่กลับสะดุดป้ายระวังลื่นที่วางขวางหน้าห้องน้ำ หกล้มจนเจ็บเข่า

        พาให้คนที่เดินผ่านไปมาหันมามอง เธออยู่ในสภาพหัวกระเซิง กระโปรงเลิกขึ้นไม่เรียบร้อย และโทมัสก็เดินตามออกมาพอดิบพอดี ราวกับจงใจให้ทุกคนเห็น เธอมั่นใจว่าเขาจงใจ

        "โอลิฟ กระโปรงเลอะเลือดน่ะ" เขาเอามือตบๆชายกระโปรงที่เลิกอยู่ให้กลับลงไปเรียบร้อย "ขอโทษที ครั้งหน้าจะทำเบาๆ"

        โทมัสเม้มปาก ขยิบตา แล้วเดินออกไป มุมปากยิ้มอย่างมีชัย ทิ้งเธอไว้ลำพังกับความอับอาย ทุกคนกำลังจ้องมองและเข้าใจผิด ทั้งที่ความจริงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความรู้สึกอัดอั้นประดังขึ้น แน่นขนัดบริเวณหัวคิ้วและลูกตา พร้อมระเบิดออกมา ความรู้สึก เกลียด โมโห ถูกละเมิด อับอาย รังเกียจ มากมายไปหมด รู้สึกว่าแขนและขาสั่นระริก ใบหน้าร้อนฉ่า เธอกำลังจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่...

        สิ่งที่มาร์คัสเตือนกำลังแผลงฤทธิ์แล้ว เขารู้อยู่แล้วว่าโทมัสเป็นคนทำ แต่กลับไม่ยอมบอกเธอ ทำไมถึงไม่ยอมบอกเธอ เขารู้ เขารู้! เขารู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นแต่กลับเพิกเฉย เขาอยากให้มันเป็นแบบนี้

        เธอรีบลุกขึ้น ก้มหน้าก้มตาเดินผ่านผู้คนออกไป ไม่ได้พยายามปิดรอยเลือดอีก แค่อยากออกไปจากที่นี่ แต่แล้วบางอย่างฉุดเธอไว้ราวกับตะขอยักษ์เกี่ยว แรงปะทะที่ไหล่ขวา ตามด้วยอีกแรงผลักเซไปชนคนข้างหลัง ก่อนถูกใครบางคนจับแขนทั้งสองข้างเหวี่ยงหน้ากระแทกกำแพง ปึก!

        ความเจ็บระเบิดขึ้นที่โหนกแก้ม เธอรีบเอามือกุม ซึ่งก็ไม่ได้บรรเทาความเจ็บลง

        "ตายแล้ว! เป็นอะไรมากหรือเปล่าโอลิฟ?" ถามเป็นห่วงแต่มีจริตเสแสร้งในน้ำเสียง โอลิฟแบดูฝ่ามือตัวเองว่ามีเลือดหรือไม่ หรือหัวแตกหรือเปล่า แต่ไม่มีอะไรเว้นแต่อาการปวดหน่วงที่เบ้าตา "เข่าแดงเชียว ไปโดนอะไรมาเหรอ?"

        เอมิลี่ สก็อต สาวสวยผมบลอนด์หุ่นเซ็กซี่ หน้าตาจิ้มลิ้ม จมูกเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อย ดวงตาฟ้าอ่อน ที่สำคัญเธอเป็นแฟนคนปัจจุบันของจอมบูลี่มาดนิ่งที่เพิ่งแกล้งเธอไว้เจ็บแสบ

        นิ้วมือเรียวยื่นละล้าละลังเข้ามาช่วยประคับประคอง โอลิเวียชูมือปราม รู้ดีว่าเอมิลี่ไม่ได้มีน้ำใจงามขนาดนั้น

        “โอ้! แหงล่ะ” หล่อนว่า “จะเป็นอะไรได้นอกซะจาก...กะหรี่กันล่ะ”

        คนเริ่มหันมองสนใจเธออีกรอบ ส่งเสียงหือหา เธอพยายามจะเผ่นจากตรงนี้ เธอแหวกแหวกทางหนี "หนีเหรอ?"

        มือใครอีกสองคนเข้ามาทึ้งแขนไว้ เธอสะบัดอย่างแรงโดยไม่กลัวว่าแขนอาจจะฟาดไปโดนหน้าสาวๆพวกนั้น แต่ถึงอย่างไรความพยายามยังไร้ผล “ตายแล้ว ดูนี่สิ!"

        "นั่นเลือดใช่หรือเปล่า!?" ใครอีกคนพูด เอมิลี่เดินเข้ามายืนกอดอก ทำท่าไม่พอใจ พ่นลมทางจมูก มองด้วยสีหน้าขยะแขยงเต็มที่ และตบผัวะเข้าที่ใบหน้า

        "ครั้งแรกของเธอ หรือว่าสำส่อนจนเลือดสาดล่ะ นังร่าน" เอมิลี่ตบอีกข้าง เพี้ยะโอลิฟน้ำตาหยดแหมะ แต่ใบหน้ายังคงโกรธแค้นมากกว่า "อุ้ย! นั่นน้ำตาคนร่านเหรอ?! แบบนี้ต้องถ่ายเก็บไว้" สองคนข้างๆปล่อยแขน เธอเข่าอ่อนทรุดฮวบ พวกนั้นหัวเราะเยาะสนุกปาก

       "งานนี้ฉันไม่พลาดหรอกน่า"

       "ตื่นเต้นเป็นบ้า"

        เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงการมีตัวตนอยู่ของความมืดในตัวเอง อสูร้ายที่หลับไหล มันกำลังตื่น ดวงตาสีเหลืองเรืองในความมืด ส่งเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวต่ำๆในคอ พร้อมกระโจนเข้าฉีกคอนังนั่นอย่างไร้เมตตา

        รอยยิ้มสะใจป่วยๆพวกนั้น เสียงหัวเราะเยาะ ใครบางคนใช้เท้าเหยียบทับมือเธอ เบะปากสมน้ำหน้า ความอดทนใกล้จะหมดเต็มที และเธอกลัวสิ่งนี้ กลัวเสียการควบคุม

        "อะอื้ม!" ทุกคนเงียบ เอมี่หยุดกึก "ไปดูแฟนหน่อยก็ดีนะ กำลังจู๋จี๋กับใครไม่รู้บนรถสีแดง ข้างสนามกีฬา"

        น้ำเสียงสุขุม สงบนิ่งของผู้หญิงพูด ซุ่มเสียงซุบซิบเปลี่ยนเรื่องทันที กลายเป็นให้ความสนใจเรื่องของแฟนเอมิลี่ หรือนายโทมัส

        "เห้ย!! ครูเดวิดมา!" เสียงผู้ชายตะโกน ฝูงชนแตกฮือโกลาหล เอมิลี่ตาเบิกโพลง ประกายโกรธเกรี้ยว แล้วเร่งสาวเท้าออกจากวงล้อม เพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

        โอลิเวียคุกเข่าอยู่กับที่ มองพื้นว่างเปล่า น้ำตายังหมดแหมะ จนกระทั่งมีมือยื่นเข้ามาตรงหน้า ปรากฏเป็นสาวเอเชีย ผิวแทน ผมดำยาวรวบหางม้า ท่าทางทะมัดทะแมง ดูเข้มแข็งกว่าใครๆ "ลุกขึ้น"

        ฟังเกือบเป็นคำสั่ง เธอคว้ามือ ดึงตัวลุก "ขอบ-"

        "ไม่ต้อง" โอลิฟหุบปากฉับ

        "ฉันจะไม่ช่วยเธออีก ถ้ายังทำตัวโง่และอ่อนแอ" สาวเอเชียพูด แล้วหันหลังอย่างไม่แยแส

        "ไม่แรงไปหน่อยหรือจ้ะเจ้คริสตี้" น้ำเสียงเย้าพูด ไม่ใช่ใครแต่เป็นมาร์คัส เขาสะบัดปอยผมที่ปรกหน้าเล็กน้อย

        เมื่อเห็นหน้าเขาทำให้ฟื้นอารมณ์โกรธขึ้นมาใหม่ มาร์คัสรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ แต่ยังแสร้งยิ้มแย้มอยู่

        "เรียกดีๆแล้วปากจะหนีขึ้นสวรรค์หรือไง? และอีกอย่าง โชว์จบแล้ว" สาวเอเชียกระตุกยิ้มมุมปาก

        "ขอโทษครับคุณนายหญิงคริสติน่า โควาร์ด" มาร์คัสผายมือข้างหนึ่ง ก้มโค้งคำนับ "เดี๋ยวผมดูแลคุณหญิงอือฮึให้เอง"

        "นายเรียกเธอว่าอะไรนะ?"

        "คุณหญิงอือฮึผู้ลึกลับ" หันมามองและกลั้นขำ แต่หน้าเธอนิ่งสนิทราวกับปูนปั้น คราบน้ำตายังติดขนตาอยู่ เขาหุบยิ้มแล้วหันไปยิ้มให้คริสตี้สาวเอเชียแทน

        "นึกว่าชื่อโอลิเวียเสียอีก เอาเถอะ อยากเรียกกันว่าอะไรก็เชิญ"

        คริสติน่าหัวเราะหึหึ ส่ายหัวแล้วยิ้ม พยายามรักษามาดขรึม เดินอาดๆไปหาชายร่างผอมที่ยืนพิงตู้ล็อกเกอร์ ผิวขาว ผมฟูหยิกหยองสีแดง มีกระบนใบหน้า สวมชุดขาวหลวมๆ เดาว่าเป็นแฟนคริสตี้ ดูจากกำไลถักสีแดงที่ทั้งคู่สวมเหมือนกัน เขากำลังยิ้มแฉ่งโบกไม้โบกมือมาทางเธอ เธอเพียงยกมือตอบเล็กน้อย

        "เอา รับสิ" มาร์คัสยื่นเสื้อกันหนาวมีฮูดของตัวเองให้ "รับสิเมื่อยนะ"

        เธอจ้องหน้าและไม่พูดอะไร ไม่รับ หันหลังเดินให้แล้วหนี ไม่คิดจะรอ เขาพูดตามหลัง "อยากประกาศให้คนทั้งโรงเรียนรู้หรือไง? รอยเลือดน่ะ"

        เธอนึกขึ้นได้ว่ากระโปรงเลอะรอบเดือน แล้วฝืนเดินต่อ ต้องสนทำไมอีก มันสายไปแล้ว ใครๆเกลียดเธอ เห็นเธอ เข้าใจแบบนั้นไปหมดแล้ว ขายหน้าต่อไม่ทำให้อะไรแย่กว่าเดิม ให้โลกบัดซบเล่นงานให้สุดๆ ยังไงก็ไม่มีใครสนอยู่แล้ว ตายไปยังไม่มีใครแคร์เลย

        เขาคว้าแขน เธอสะบัดออก หันขวับมองตาขวาง พยายามปกปิดอาการสั่นเทิ้มด้วยการกำมือแน่น

        "เป็นอะไรไป?"

        "นายอยากให้เป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ นายอยากให้ฉันโดน....ทำแบบนี้ ก็นี่ไง!" เธอน้ำตาคลอ เสียงคลุมเครือจนฟังลำบากและเธอเกลียดที่เป็นแบบนั้น "พอใจรึยัง นายควรนะ เพราะมันทรมาณโคตรๆเลย" แล้วฝืนยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนหันกลับไปเดินหนี

        "นี่! ไม่ใช่สักหน่อย อย่าเข้าใจแบบนั้น!" เขาเดินตาม เรียกชื่อเธอไปตลอดทาง ตามจนเกือบถึงป้ายรถประจำทาง เขาตามประชิดใกล้มากจนแทบจะสิงอยู่แล้ว

        เธอโมโหจึงแกล้งหยุดกระทันหัน เขาหยุดไม่ทัน เดินชนโครม โอลิเวียหันไปตวาดแหว ผลักเขาออก "หยุดตามสักที!"

        มาร์คัสไม่สนใจ จ้องจะตามก้นเธออย่างเดียว พยายามบังไม่ให้คนเห็นรอยเลือด พอเธอเผลอ เขาก็พุ่งเข้ามาผูกแขนเสื้อฮูดเข้ากับเอว ดึงกระชับมั่น กลัวเธอจะแกะมันออก

       "ไม่ต้องคืน" เธอได้แต่จ้องด้วยแววตาแข็งกร้าว คิดเป็นคำพูดไม่ออก "ด้วยความยินดีครับ" เขายิ้มแต่นั่นไม่ทำให้เธอหายโกรธสักนิด มันลบล้างสิ่งที่โทมัสทำไม่ได้เลย

       เธอทำท่าจะถอดมันออก มาร์คัสตกใจรีบโผเข้ามายื้อไว้ไม่ให้ถอด "อย่ายุ่งกับฉัน!" พูดทั้งน้ำตา มือพยายามแก้มัดแต่เขากับจับไว้แน่น

       "ขอโทษ ฉันขอโทษได้ยินไหม ฉันไม่คิดว่าเขาจะทำกับเธอขนาดนั้น ฉันพยายามเตือนเธอ แต่..." เขาหยุดพูด เพราะเธอหยุดดิ้น แต่ร้องไห้ ตัวสั่น กอดตัวเองแน่น "เป็นอะไรหรือเปล่า?"

        "ฉันน่าจะเชื่อนาย ฉันมันโคตรโง่"

        "ใช่ เธอมันโคตรโง่ แต่เธอไม่โง่พอทำพลาดซ้ำสองหรอก"

        "โคตรเกลียดนายเลยมาร์คัส" เธอหัวเราะและร้องไห้ผสม

        "ดีมาก เกลียดฉัน และก็เป็นบ้าไปแล้ว" เธอหลุดหัวเราะอีก "อยากให้ฉันไปส่งไหม"

        เธอสั่นหัวปฏิเสธ ก่อนเงยขึ้นมอง ปาดน้ำตา น้ำมูกไหลเยิ้มอีก เธอเผลอใช้มือปาดทำน้ำมูกยืดน่าเกลียดกว่าเดิม

        "อี๋" เขาทำหน้าเบี้ยว เธอขำอายๆก่อนล้วงหาผ้าเช็ดหน้ามาสั่งพรืด ทั้งคู่ยิ้มออกแม้จะมีอารมณ์เทาๆอยู่…

        “นายกลับยังไง? รถบัสหรือ?” เธอนั่งลงที่ป้ายรอรถประจำทาง
        “เดินสิ บ้านอยู่ใกล้ๆนี่เอง” เขานั่งลงข้างๆ รอเป็นเพื่อน ไม่ได้ชวนคุยต่อ เธอจึงเป็นคนเริ่มพูดทำลายความเงียบเอง

        “นายกลับเลยก็ได้ ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอก”

        “ไม่ได้ ถ้ายัยเอมี่ตามมารังควาน เธอได้เละเป็นโจ๊กแน่” โอลิเวียยิ้ม ก่อนนั่งมองอากาศ เหม่อลอย

        "ขอบคุณนะมาร์คัส" จู่ๆเธอพูดขึ้น

        "อุ้ยเขินจัง" เขาห่อไหล่ อมยิ้มสดใส "ด้วยความยินดีครับ"

        "เลือดนั่นเป็นรอบเดือน" เธอบอก แม้ว่าเขาไม่ได้ถาม "ส่วนโทมัสไม่ได้ทำอะไรฉัน เขาแค่ปล่อยข่าวลวง อย่างน้อยฉันอยากให้มีสักคนที่รู้ว่าความจริง"

        "แต่ถ้าทั้งโรงเรียนคิดว่าข่าวนั่นจริง ความจริงก็ไร้ประโยชน์ คนส่วนใหญ่เชื่อยังไง แม้แต่เรื่องปลอมก็เป็นเรื่องจริงได้"

        "พวกโง่บัดซบ" มาร์คัสตกใจหันขวับ "โทษที"

         “เปล่าเลย สบถได้ รู้อะไรไหม? ฉันชอบที่เธอดูไม่ปลอมเหมือนคนอื่นๆ” มาร์คัสว่า “แล้วก็ไม่ใช่พวกเห็นแก่ตัว หลงตัวเอง หรือปากมาก ฉันล่ะเบื่อคนพวกนั้นจริงๆ แถมดันมีอยู่ทั่วทุกที่เต็มไปหมด อย่างกับเชื้อไวรัสแน่ะ”

        พูดแล้วทำหน้าสะอิดสะเอียน กอดอกแล้วเบี้ยวปากเทไปข้างหนึ่ง "บางทีฉันก็อยากให้คนพวกนั้นหายไปให้หมด มันออกจะน่ารำคาญน่ะ ว่าไหม?"

        เธอรู้สึกทึ่งในสิ่งที่เขาพูด มันโดนใจเหลือเกิน เราคิดเหมือนกันไม่มีผิด เธอผงกหัวช้าๆ อมยิ้มเห็นด้วย "นายอ่านใจฉันแน่ๆ"

        รถประจำทางมาถึง เราทั้งคู่แยกกันตรงนั้น มาร์คัสโบกมือร่ำลาให้เธอที่อยู่บนรถโดยสาร โอลิเวียยิ้มให้

        ระหว่างทาง รถหยุดจอดที่ป้ายหนึ่ง รับคนขึ้นมาและนั่งลงบนเก้าอี้สีฟ้าฝั่งตรงข้ามที่ว่างอยู่ เธอเงยหน้าขึ้น สายตาหยุดปะทะกับดวงตาสีเทาที่มีจุดดำตรงกลางจ้องเขม็ง ราวกับหลุมมืดลึกที่กำลังจ้อง มันนิ่งเสียจนไม่อาจเข้าถึงความคิดที่ซ่อนอยู่ในนั้น เขาคือ แบรนดอน

        แต่แล้วเขาลุกขึ้นมา ย้ายฝั่งมานั่งข้างๆ ไม่รู้ทำไมจู่ๆถึงรู้สึกกลัว เหมือนเขามีบางอย่างจะพูดกับเธอ โอลิเวียตัวแข็งทื่อ เขามองตรงไปข้างหน้า แล้วเหลือบมอง "เธอไม่ควรช่วยเหลือใครที่นี่"

        "ตอนนี้ฉันรู้แล้ว" เธอกลืนน้ำลาย

        "ขอบใจ" เขาตัดสินใจหันมามองเธอตรงๆ เธอมอง เขามีปากอวบอิ่มอมชมพู ดวงตามีบางอย่างแปลกๆ บางอย่างที่ไม่น่าพิศมัย มันเปล่งประกายและเบิกโพลงกว่าปกติเล็กน้อย เธอไม่อยากสบตา เขาพูดซ้ำอีก "ขอบใจ โอลิเวีย"

        เขายังมองไม่ละสายตา ไม่แม้แต่กระพริบ แต่แล้วร่างสูงก็ลุกพรวดลงจากรถทันทีที่รถจอดสนิท เธอมองตาม ป้ายนี้ไม่มีบ้านคนด้วยซ้ำ และแบรนดอนก็ข้ามฟากไปอีกฝั่ง เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับไป

        เขาขึ้นมาเพื่อขอบคุณ...

        โอลิเวียถึงบ้านอย่างปลอดภัย มีเรื่องให้ขบคิดมากมายไปทั้งเดือน และเธอไม่รู้เลยว่ามีรถคันหนึ่งติดตามเธอ


        ปัจจุบัน 3 วันหลังจากคืนฮาโลวีน

        มันเป็นคืนที่ไม่มีวันลืม โอลิเวียไม่เห็นฆาตกรตัวตลกหรือเจนสันอีก นอกเสียจากคำสันนิษฐานจากข่าวว่า ตัวตลกตายในอุบัติเหตุรถชน

        แต่มีหลายสิ่งที่ค้างคาใจ มันไม่น่าแปลกหรือ ข่าวไม่ได้บอกว่าพบศพที่สอง หรือศพของเจนสัน เธอเห็นกับตาว่าตัวตลกเป็นคนยัดศพใส่รถไปกำจัดในที่ๆฆาตกรต่อเนื่องเท่านั้นรู้ดีว่าควรไปทิ้งที่ไหน แล้วมันอยู่ไหน? สาเหตุที่ตำรวจไม่พบเป็นเพราะว่าศพเจนสันถูกนำไปทิ้งก่อนหน้านี้แล้วหรือเปล่า...

        แต่แล้วจู่ๆเธอก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าปกติฆาตกรทิ้งศพกันที่ไหน? กำจัดหลักฐานยังไง เรียบร้อยดีหรือเปล่า? เป็นไปได้ไหมที่ตำรวจอาจเผลอเดินไปสะดุดกองหลักฐานแล้วสาวมาถึงเธอ

        เจนสันมีรอยลิปสติกแบบที่ทาให้เธอในคืนนั้น ถ้าตำรวจตรวจพบว่าในถังขยะมีทิชชู่เปื้อนคราบลิปสติกแบบเดียวกันล่ะ!? ไหนจะเบอร์โทรศัพท์ในมือถือเจนสันอีก!?


        ตอนนี้เธอกระวนกระวายจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังนั่งสั่นขาอยู่ เธอบังคับฝืนตัวเองให้หยุด แต่กลับเผลอรัวนิ้วกับหน้าโต๊ะแทน กำมือยั้งตัวเองไว้ หวังว่าไม่มีใครทันสังเกตเห็นท่าทางกระสับกระส่ายนี้

        เธอสูดหายใจ บางทีทั้งหมดนี้เป็นแค่ความคิดฟุ้งซ่าน ความจริงมันอาจไม่มีอะไรหลงเหลือแล้วก็ได้ ในเมื่อตำรวจรู้ตัวฆาตกร ทุกอย่างควรจบได้แล้วไม่ใช่หรือ?

        ข่าวลือกระฉ่อนหูว่าเชอร์รีนถูกตัวตลกทำร้ายก่อนเกิดอุบัติเหตุ ดูเหมือนว่าเธอรู้จักกับฆาตกรด้วย อีกไม่นานตำรวจคงได้เปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามของฆาตกรตัวตลกออกสื่อว่าเขาคนนั้นเป็นใคร…


        เธอนึกขึ้นได้ มีอยู่หนึ่งคนที่อาจรู้ว่าศพตัวตลกเป็นใคร คนที่อาจรู้รายละเอียดคดีต่างๆ แต่ไม่บอกใคร

        โทมัส มอร์ริสัน ลูกตำรวจเหี้ยมเจ้าของคิ้วเข้ม แต่ปัญหาคือ เธอเกลียดเขา และเขาเกลียดเธอ เป็นอีกเหตุผลที่เธอเลี่ยงไม่ไปปาร์ตี้ฮาโลวีน ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเธอจะมีหน้าถามเขาได้ยังไง ไม่มีทาง ข้อนี้อันเป็นต้องตัดทิ้งไปอย่างง่ายดาย


        ตุบ!
        คริสติน่า โควาร์ด ยื่นกล่องสีขาวให้บนโต๊ะ นั่งลงข้างๆเก้าอี้ที่ว่างอยู่ แต่เธอเรียนคนละห้องไม่ใช่หรือ?
        “อะไรน่ะ?”

        “มีคนฝากมาให้ ฝากผ่านโรงเรียน อาจเป็นญาติเธอ” โอลิฟนิ่วหน้างงๆ อ่านชื่อบนการ์ด

        “นิรนาม” เธอยังทำหน้ามึน

        "หรืออาจไม่ใช่"

        โอลิเวียไม่กล้าเปิดกล่อง กระทั่งคริสติน่ารบเร้า "รออะไร"

        เธอจำใจแกะกล่องต่อหน้าสาวเอเชีย และเปิดออก ทั้งคู่ตั้งตาดูอย่างใจจดใจจ่อ และสิ่งที่อยู่ข้างในคือ โทรศัพท์มือถือ


        ความคิดเธอส่งเสียงวิ้งๆ ไม่มีคำพูดหลุดออกมา เอาแต่จดจ้องมันราวกับเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบนโลกนี้ โทรศัพท์มือถือ ไม่มีใครรู้ว่ามือถือเธอพัง มีเพียงคนเดียวที่รู้…

        ฆาตกรต่อเนื่อง ยังอยู่



    จบตอนที่ 4 : มาร์คัส ทอมสัน.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×