ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุพเพสันนิบาต <บทโรงเรียนมรณะ>

    ลำดับตอนที่ #1 : จิ้งจกทัก

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 61


    "วันหนึ่งผมก็ได้พบว่าโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่นั้น
    ไม่ได้น่าเรียนอย่างที่คนอื่นคิด
    ที่แห่งนี้.. คือแหล่งรวมความอาฆาต ความแค้น และ คำสาปแช่ง ของเหล่านักเรียนที่ได้ตาย ณ โรงเรียนแห่งนี้
    และเหล่าผู้เดียวดายที่ตอนนี้ความตายกำลังคลีบคลานเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว"





    000






     สวัสดีครับ ผมชื่อ เบียร์ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมสามกำลังขึ้นมัธยมสี่ที่โรงเรียนฐิติวิทยาคม
    อาศัยอยู่ตัวคนเดียวครับ
    พ่อแม่ผมไปทำงานที่ต่างประเทศ นานๆทีจะกลับมาและก็อยู่แค่แปปๆก็กลับไปทำงานต่อ ถามว่าเหงามั้ยก็เหงาแหละครับ ทำไงได้ล่ะ ก็มันเป็นเรื่องที่ชินชาซะแล้ว..  
    เรื่องนั้นช่างมันก่อน พอดีว่าผมได้พบกับประสบการณ์หนึ่ง เป็นประสบการณ์ที่ผมไม่มีวันลืมและผมจะไม่พบมันอีก...

    ตอนนั้นอยู่ช่วงปิดเทอมขึ้นมัธยมสี่ ผมกำลังรีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะนัดเพื่อนไว้จะไปเที่ยวแถวบางแสน วันนี้เป็นวันเสาร์ครับก็เลยจะไปกินเหล้ากินเบียร์กันสนุกๆ ตอนนั้นผมกำลังจะเปิดประตู แล้วมีเสียงดัง "จุ๊ๆ" บนหัวผมครับ
    ผมก็มองขึ้นไปเป็นจิ้งจกตัวดำๆเกาะอยู่หัวประตูบ้าน
    ปกติตาจิ้งจกจะเป็นสีดำใช่มั้ยครับ แต่แว๊บแรกที่ผมมอง มันเป็นสีแดงชัดมาก ผมก็กะพริบตาทีมันก็เป็นสีดำแล้วครับ เลยคิดว่าตัวเองหลอนไป เพราะเมื่อก่อนสมัยอยู่ที่ใต้กับยาย   ท่านชอบเล่าให้ฟังบ่อยๆเกี่ยวกับความเชื่อคนโบราณ คำเตือนที่คนเฒ่าคนแก่ชอบเตือนเด็กๆกันน่ะครับ อย่างเช่น "จิ้งจกทักห้ามออกจากบ้าน" นี่แหละครับ โบราณท่านว่า "จิ้งจกทักห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด เพราะจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น" มันก็แค่ความเชื่องมงาย ผมก็เลยออกจากบ้านไป แล้วคืนนั้นพวกผมก็รถชนครับ....

    จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นรู้สึกตัวอีกทีผมกมานอนอยู่โรงพยาบาลแล้ว ผมได้อยู่ห้องคู่กับเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกันครับ พวกผมไปกันสี่คน คือ ผม พอร์ช น้ำส้ม และก็ไอซ์ ผมได้อยู่ห้องเดียวกับไอซ์ รายนั้นรู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มันเล่าให้ผมฟังว่า ก่อนรถจะคว่ำ มันเจอหมาตัวดำวิ่งตัดหน้ารถ ด้วยความตกใจมันเลยหักรถหลบแล้วพุ้งใส่เกาะกลางไปชนกับรถสิบล้อที่วิ่งมาจากอีกทางพอดี มันบอกว่าตอนนั้นมันพยายามหักเลี้ยวไปทางซ้ายแล้ว แต่มันบิดพวงมาลัยรถกลับไม่ได้ แล้วรถก็พุ้งไปอย่างที่ว่า ตอนนี้พอร์ชกับน้ำส้มเหมือนจะไม่บาดเจ็บหนักเท่าผมกับไอซ์ ไอซ์มันหัวแตกแล้วก็ใส่เฝือกที่คอและขาขวา ส่วนผมที่นั่งหน้าด้วยกันกับมันก็แขนขวาหักใส่เฝือกด้วยเหมือนกัน แต่ก็ยังน้อยกว่าไอซ์ล่ะนะ  มันก็ถามผมว่าเป็นไงบ้าง ผมก็บอกก็อย่างที่เห็น แล้วแม่รู้ยังว่าเข้าโรงพยาบาล มันก็บอกว่ารู้แล้ว เดี๊ยวก็คงมา แล้วผมกับมันก็นอนคุยกันจนผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้น่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ยา

    จนประมาณเที่ยงกว่าๆ ผมก็สะดุ้งตื่นขึ้น รู้สึกตัวหนักๆชอบกล แถมเหงื่อไหลทั่วตัว ทั้งๆที่แอร์ก็เปิด.. ผมหันไปหาไอซ์ แต่มันไม่อยู่ที่เตียง สงสัยไปเข้าห้องน้ำมั้ง? ตอนนั้นพอร์ชกับน้ำส้มก็เข้ามาเยี่ยมครับ และก็มีผู้หญิงวัยกลางคนอายุน่าจะประมาณสามสิบกว่าๆมาด้วย ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นแม่ของไอซ์ ทุกคนดูหดหู่มาก แต่งตัวเสื้อผ้าสีดำ ตอนนั้นผมก็แปลกใจครับ สักพักแม่ไอซ์ก็เดินไปที่เตียงที่ไอซ์นอน เหมือนแม่ไอซ์จะร้องไห้ด้วย ผมกำลังจะทักสวัสดีแม่ พอร์ชก็เดินมาที่ข้างเตียงผมครับ มันก็ถามว่าผมเป็นไงบ้าง ผมก็ตอบมันไปครับ ตาก็หันไปมองแม่ไอซ์ เธอกำลังเก็บเสื้อผ้าให้ลูกของเธออยู่ ไอซ์มันก็ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำสักทีครับ ผมก็เลยบอกให้พอร์ชไปเรียกไอซ์ที่ห้องน้ำหน่อยว่าแม่มันมา พอผมบอกไปเท่านั้นแหละ.. พอร์ชกับน้ำส้มนี่หน้าซีดทันทีเลยครับ มันก็ถามผมว่า "เมื่อกี้ว่าไงนะ..?" ผมก็บอกว่าให้ไปเรียกไอซ์มันเข้าห้องน้ำไปตอนที่พวกแกมา
    พอร์ชกับน้ำส้มก็มองหน้ากันสักพักล่ะครับ แล้วมันก็ถามผมว่าผมฟื้นมาตั้งแต่กี่โมง ผมก็บอกไปว่าประมาณ แปดโมงแต่ไอซ์มันฟื้นก่อน แล้วก็คุยกันจนพวกแกมาเยี่ยม ตอนนั้นแม่ไอซ์ยืนนิ่งครับ พอร์ชก็ด้วย ส่วนน้ำส้มเหมือนจะน้ำตาคลอ เธอเดินเข้ามาจับมือผมครับ แล้วก็หันไปบอกพอร์ชว่า "บอกมันเถอะ.." เมื่อสิ้นประโยคคำพูดพอร์ชที่บอกความจริงกับผม ผมตัวชา.. รู้สึกหัวหมุนจนอยากจะอ้วก มันไม่จริง.. ก็ผมยังคุยกับมันก่อนเผลอหลับนี่ เรายังคุยกันอยู่เลยนะ... พอร์ชมันบอกว่า ไอซ์เสียแล้วตั้งแต่ตั้งแต่เมื่อคืน!? แล้วที่ผมคุยด้วยเมื่อกี้มันใคร? หรือว่าหัวจะกระแทกจนเห็นภาพหลอน มโนไปเอง? ผมพูดไม่ออก พอร์ชกับน้ำส้มก็เงียบ ส่วนแม่ไอซ์ก็ร้องห่มร้องไห้ขึ้นมา ในตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะเริ่มอะไรหรือจะทำยังไงหลังจากนี้ดี

    @บ้านเบียร์

    ...วันต่อมาผมก็กลับมาอยู่บ้านครับ จนถึงตอนนี้ผมยังไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ผมได้เจอ ลึกๆในใจแล้วผมยังคิดว่าไอซ์ยังไม่ตาย ความรู้สึกตอนที่ฟื้นขึ้นมาแล้วได้คุยกับไอซ์ ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ฝัน 100℅ แต่วันนี้ผมต้องไปงานศพไอซ์.. มันก็เป็นความจริง ความจริงที่ว่าคืนนี้ผมจะไปงานศพไอซ์ ตอนนี้ก็สิบโมงอยู่ กว่าพวกพอร์ชมารับไปงานศพก็ห้าโมงเย็น ผมจึงงีบหลับเอาแรง แล้วผมก็ฝันถึงไอซ์ มันมาสภาพที่น่าจะเรียกว่าตอนที่มันตาย เลือดไหลออกมาจากหัวที่ห้อยหักจากลำคอ แขนขวาแลบิดเบี๊ยว ขาขวาที่หักก็ลากมากับพื้น เลือดไหลมาตามทางที่มันคลาน ปากมันพะหงาบๆพูดอะไรซักอย่าง ฟังไม่ได้ศัพท์ "..เชื่อ" "เตือน...." พูดอะไร จะบอกอะไรกู?? แล้วไอซ์ก็พุ้งเข้ามาใส่ผม!!

     ผมก็ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้สี่โมงกว่าแล้ว จึงรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า มันไม่ง่ายเลยกับการใช้ชีวิตโดยที่ใส่เฟือกที่แขน เสียงกริ้งดังขึ้นเหมือนพอร์ชจะมารับแล้ว ผมก็รีบเดินไปเปิดประตู พอมือผมจับลูกบิด "จุ๊ๆๆๆ..."  จิ้งจกมันทักผมอีกแล้ว บนหัวผมเหมือนเดิมผมเหงยหน้ามองขึ้นไป ตัวมันเป็นสีดำสนิทแแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ตาสีแดงสดชัดมาก  คร่าวนี้ผมกระพริบตามองอีกที มันก็ยังเป็นสีแดง และไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า? แต่ผมรู้สึกว่ามันจ้องมาที่ผม ขนลุกสู้ ใจสั่น หายใจระรัว ผมรู้สึกกลัวจิ้งจกตัวนี้ กลัวมากขึ้นเลื่อยๆ ผมรีบหลบตามันแล้วออกจากบ้าน จะยังไงก็ได้ขอแค่อย่าเจอจิ้งจกตัวนั้นพอ... ตอนนั้นผมได้คิดแต่ว่าเพราะอะไรกัน.. หรือมันคือความบังเอิญที่ผมได้เจอกับเรื่องแบบนี้? ตั้งแต่ผมเดินออกมาจากประตูบ้าน ผมยังได้ยินเสียงจิ้งจกร้องทักไม่หยุด และเหมือนกับเสียงนั้นมันดังก้องไปทั่วในหูของผม... งมงาย คิดมากน่า ถ้าเกิดเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ไม่เป็นอันต้องทำกินอะไรแล้ว ถ้าจะไปโรงเรียแล้วจิ้งจกทักขึ้นมา ก็ต้องไม่ไปงั้นเหรอ หรือออกไปทำงาน ออกไปซื้อข้าว ออกไปซื้อของ ออกไปเที่ยว บ้าบอน้า เรื่องบังเอิญทั้งนั้น คนสมัยก่อนก็ช่างคิดขึ้นมาได้เฮอะ ห้ามตัดเล็บวันพุธ อายุจะสั้นลง กูตัดมาตั้งแต่เด็กกูก็ไม่เห็นจะตาย กลางคืนได้ยินเสียงคนเรียกอย่าตอบกลับ อยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยจะได้ยิน เชื่องมงาย บ้าบอสิ้นดี!! ผมมาถึงงานศพไอซ์แล้ว ก็เข้าไปไหว้ที่หน้าศพแล้วก็ไปอยู่กับพวกพอร์ช ผมรู้สึกใจหายมากครับที่เสียเพื่อนสนิทคนนี้ไป ทั้งๆที่เราก็รู้จักกันตั้งแต่สมัยประถม หมอนี้มันคอยช่วยเหลือผมเวลาที่ผมต้องการเสมอ เพราะอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยเหงาล่ะมั้ง แต่ก็เพราะได้ไอซ์มาคอยเล่นที่บ้านเป็นปนะจำทำให้ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยว แต่มาวันนี้เพื่อคนนี้ของผมก็จากไปแล้ว และจะไม่มีวันกลับมาอีก....
    ตอนนั้นที่พระเริ่มสวดศพนั้นเอง หางตาของผมก็เหมือนมีอะไรวิ่งผ่านไป ผมหันออกไปนอกศาลาเจอกับหมาตัวดำจ้องมาทางนี้อยู่ มันไม่ขยับเขยื่อน นิ่ง... นิ่งเกินไป แล้วมันห็หอนออกมา ผมรีบชักหน้ากลับมาแล้วรูปไอซ์ก็ตกพื้นแตก ตอนนี้เสียงเจ๊าะแจ๊ะของแขกในงานก็เงียบครับ พระก็หยุดสวดสักพักแล้วสวดต่อ พ่อไอซ์ไปเก็บรูปไอซ์ขึ้นมาครับ แล้วจู่ๆก็มีลมแรงพัดเข้ามาทำให้ที่ตั้งรูปล่นใส่พ่อไอซ์ พวงหลีดก็ตกลงมา คร่าวนี้ผมว่าไม่ธรรมดาแล้ว ทุกคนในงานเริ่มขวัญเสียกัน ผมเองก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองอยู่อย่างนั้นแต่ก็พร้อมที่จะออกจากงานทันที ตอนนี้ไอ่พอร์ชก็หยิบกุญแจมอไซต์ไว้ในมือแล้วเหมือนกัน

    "กรี๊ดดดดดดดดด!!!"

    เสียงน้ำส้มร้องลั่นมาจากครัว ผมกับไอ่พอร์ชรีบวิ่งไปทันที น้ำส้มตัวสั่นระลิกนั้งจั้มอ้าวอยู่ในครัว ข้าวของถ้วยจานถาดล่นที่พื้นระเนระนาด พอร์ชถามน้ำส้มว่าเกิดไรขึ้น น้ำส้มพูดเสียงสั่น บอกว่ากำลังจะยกถาดน้ำไปเสริฟข้างนอก จู่ๆก็มีอะไรก็ไม่รู้ดำๆวิ่งผ่านน้ำส้มแล้วข้าวของก็ตกลงพื้นอย่างที่เห็น ไอ่พอร์ชก็เดินเข้าไปดูก็ไม่พบอะไร ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าอยากกลับบ้านครับ อยากกลับบ้านมาก น้ำส้มก็เหมือนกัน ตอนนี้กอดผมแน่น เธอเองก็บอกเรากลับกันเถอะ ผมหันไปมองหน้าไอ่พอร์ชมันก็ผยักหน้า เป็นอันตกลงว่าคืนนี้เรามาแค่นี้พอ น้ำส้มกลับกับน้าสาวที่มาด้วย ส่วนผมก็ซ้อนท้ายรถไอ่พอร์ชกลับ ก่อนกลับพวกเราก็ลาพ่อแม่ไอซ์กันก็บอกว่าเดี๊ยวพรุ้งนี้มาช่วยงาน ท่านก็ขอบคุณพวกเราแล้วเราก็ออกจากวัด

    ระหว่างทางจากวัดไปถึงถนนเส้นหลักรอบทางเป็นดงหญ้ารกๆ มืดๆ มีบ้านคนบ้างเป็นจุดๆ ทำให้ผมอุ่นใจสักเล็กน้อยครับ ผมกับไอ่พอร์ชไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากวัด ผมเองก็ไม่อยากพูดอะไรไป เพราะคิดว่ามันไม่น่าใช่เวลา แล้วพอร์ชมันก็พูดขึ้นมาว่า "มึงคิดว่าไง" ผมก็เงียบสักแปปล่ะครับแล้วก็ "กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่ว่ากูรู้สึกไม่ดี.." "อืม..กูก็ด้วย แต่ว่ามึงรู้มั้ย.." "อะไรวะ?" ผมใจไม่ดีแล้วในตอนนั้น "ตอนที่พระสวด กูรู้สึกเหมือนมีคนจ้องกูว่ะ..." ผมเย็นวูบทันทีที่มันพูดจบ ผมรู้ว่าอะไรที่ทำให้พอร์ชรู้สึกอย่างนั้น ..ใช่ครับ หมาตัวดำหน้าศาลาตัวนั้น ผมคิดว่าต้องใช่แน่ๆ มันไม่ได้มองมาทางที่ผมแต่เป็นไอ่พอร์ช แล้วจู่ๆก็มีหมากระโดดตัดหน้ามอไซด์ พอร์ชตกใจมันหักหัวรถทันทีแล้วก็...


    โคร่ม!!!


    แขนซ้ายผมกระแทกกับพื้นอย่างจังจนเฝือกแตก หัวก็กระแทกกับพื้น ความเจ็บปวด แล่นไปทั่วร่าง ผมไม่สลบ ยังคงนอนดิ้นอยู่อย่างนั้น ได้ยินแต่เสียงโอดโอยตัวเอง ผมเอามือจับหัว มีเลือดไหลออกมาแล้วก็เหมือนมีเศษเนื้อเล็กๆติดมือมาด้วย ผมพยายามพยุงตัวขึ้น แต่ความเจ็บที่แขนซ้ายมันทรมานมาก จนผมไม่อยากจะลุก ตอนนี้เลือดไหลนองเฝือก ตรงที่แตกก็เหมือนจะเห็นอะไรขาวๆ... กระดูหักทะลุเนื้อออกมา! ผมพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือก็ร้องไม่ออก แว๊บหนึ่งผมก็นึกถึงพอร์ช.. ผมเห็นมันนอนคว่ำอยู่ใกล้ๆมอไซต์ มันไม่ขยับเลยครับ ผมก็ใจไม่ดีแล้ว ผมเค่นเสียงจะเรียกเพื่อน ก็เรียกไม่ได้เหมือนกับมีอะไรจุกอยู่ในคอ เจ็บมาก น้ำตาผมอาบแก้ม ใครก็ได้..ใครก็ได้ช่วยผม..ช่วยพวกเราด้วย ผมกระเสือกกระสนเอาแขนข้างที่ไม่หักดันตัวเองให้คลานเข้าไปใกล้เพื่อน ความเจ็บปวดก็ยิ่งทวีรุนแรงมากขึ้น อีกแค่นิดเดียวเพื่อน กูจะถึงมึงแล้ว..! และทุกอย่างก็มืดลง....


    .....ผมฝันเห็นไอซ์อีกครั้ง.. แต่คราวนี้ไอซ์มาในสภาพปกติแต่ผิวขาวซีดเหมือนศพ ผมได้เห็นใบหน้าเพื่อนผมชัดๆอีกครั้ง สีหน้ามันตอนนี้ดูเศร้ามาก ผมจะถาม แต่ไม่มีเสียงออกมา ผมพยายามจะพูด แต่พูดไม่ได้ แล้วไอซ์ก็พูดว่า "เชื่อเถอะ..กูเตือนมึงแล้วนะ.." ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในห้องโรงพยาบาลอีกแล้ว น้ำส้มนอนอยู่ที่โซฟาสำหรับญาติ พอร์ชก็ยืนอยู่ตรงนั้น ผมเห็นมันผมก็ยิ้มให้ มันก็ยิ้มให้ผมกลับ แล้วก็หันหลังจะเดินไป ผมจะเรียกมัน แต่เสียงไม่ยอมออก ตอนนี้ที่คอผมใส่เฝือกไว้อยู่ แต่ว่าพยายามจะเรียกก็ไม่มีเสียงออกมา แล้วไอ่พอร์ชก็หายไป "ไอ้พอร์ช!!!" ผมสะดุ้งตื่นพร้อมเรียกชื่อไอ้พอร์ช เจ็บแปล๊บไปทั่วตัว และหนักสุดที่แขนซ้าย น้ำส้มเดินมาหาผมที่เตียง แล้วก็ร้องไห้ไม่หยุด "เบียร์ยังไม่ตาย เบียร์ยังไม่ตาย ฮื่อๆๆ" เมื้อกี้ผมฝันไปงั้นเหรอ.. "น้ำส้ม ไอ้พอร์ชล่ะ.." เธอร้องไห้หนักกว่าเดิม ทำให้ผมตัวชาทันที "หมายความว่าไง? น้ำส้ม! บอกมาพอร์ชมันเป็นอะไร!? น้ำส้ม!!" เธอสะอื้นไห้ แล้วก็ค่อยๆพูดกับผม "เบียร์....ฟังดีๆนะ พอร์ชเค้า....จากไปแล้ว..ฮื่อๆๆๆ" พูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ทุกอย่างว่างเปล่า ทั้งในตัวผมและก็ภายนอก ผมเริ่มไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของน้ำส้ม และรอบๆตัวก็เริ่มกลายเป็นสีเทา... แล้วผมก็ได้ยิน เสียงของใครบางคนดังอยู่ในหัว "...มึงจะเชื่อรึยัง..."


     ============================


    ถึงจะชินชาแต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมเกลียด... ไม่สิ ผมกลัวต่างหาก สิ่งที่กลัวที่สุดนั้นก็คือ ..ความโดดเดี่ยว 2 อาทิตย์ก่อนปิดเทอมมัธยมสาม วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มันก็เหมือนเดิมทุกๆครั้ง นี้ก็เที่ยงแล้วผมยังนอนแช่อยู่บนเตียงมาตั้งแต่เมื่อคืน ผมไม่รู้ว่าจะทำอะไร ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ก็แค่นอนอยู่เฉยๆ รอเวลาให้ผ่านพ้นไป ช่วงนี้ไอ้ไอซ์ก็ติดซ้อมดนตรีเลยไม่ค่อยมาเที่ยวเล่นที่บ้านผม ผมรู้สึกเบื่อ เบื่อกับทุกสิ่ง เบื่อกับทุกอย่าง...
    ตอนนี้ผมชักเริ่มหิวขึ้นมาแล้วสิ เมื่อคืนผมกลับเข้าบ้านมาก็นอนทันที ออกไปเซเว่นดีกว่า ผมลุกไปอาบน้ำแต่งตัว กำลังจะเดินไปเปิดประตูบ้านแล้วก็ "จุ๊ๆๆ" เสียงจิ้งจกร้อง..ไม่ได้คิดอะไร ผมก็เดินออกไป ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ผมคิดว่ามันไร้สาระเกิน กับการเชื่อเรื่องงมงายพวกนี้ อย่างห้ามตัดเล็บตอนกลางคืนอายุจะสั้นล่ะ ที่ห้ามเพราะสมัยก่อนสมัยที่ยังไม่มีไฟฟ้า ไม่มีหลอดไฟ ผู้คนอาศัยด้วยการใช้ตะเกียงน้ำมันในการให้แสงสว่างตอนกลางคืน เวลาตัดเล็บจะใช้มีดตัดเล็บอย่างที่ในปัจจุบันเค้าไม่ใช้กัน โดยใช้กรรไกรหรือมีดเจียนหมากบ้าง มีดทำครัวบ้าง ถ้าตัดเล็บกลางคืนก็จะบังคับมีดได้ยาก  อาจจะตัดเอาเนื้อแทนที่จะเป็นเล็บก็ได้ ก็เลยเป็นที่มาว่าอย่าตัดเล็บกลางคืน แล้วที่บอกว่าอายุจะสั้นก็เพราะเป็นอุบายไว้เปรียบเทียบเวลาตัดเล็บเข้าเนื้อก็เท่านั้น เรื่องหลอกเด็กแบบนี้ทำไมมันถึงยังมีอยู่ถึงปัจจุบันนะ 

    ปี๊ดๆๆๆ!! เฮ้ย!!!  

    รถกระบะพุ้งมาอย่างแรงและเฉียวหน้าผมไป ผมล้มลงตรงฟุตบาท ตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ เมื่อกี้ผมข้ามถนนไม่ดูทาง เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ แล้วผมก็ฉุดคิดถึงเรื่องจิ้งจกขึ้นมา แต่ก็ปัดความคิดนั้นไป ผมคิดแค่ว่ามันบังเอิญเท่านั้น เพราะความประมาทของผมเองที่มัวแต่เหม่อคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง บางทีเพราะไอ้ความประมาทแบบนี้รึเปล่าที่ทำให้คนโชคร้ายประจวบกับตัวเองโดนจิ้งจกทัก ก็เลยตีโพยตีพายไป คิดแล้วก็ขำ วันนั้นผมซื้อของกินแล้วก็กลับบ้าน วันจันทร์ เช้านี้ผมตื่นสายไปหน่อยเพราะนอนดูซีรีย์เกือบทั้งคืน มีเวลาอีกแค่ 10 นาทีก่อนประตูโรงเรียนจะปิด ทุกทีผมใช้เวลาไปโรงเรียน 15-20 นาที ถ้าออกช้ากว่านี้มีหวังโดนอจ.ปกครองดักจับแน่! ผมรีบวิ่งไปที่ประตูแล้วกำลังจะเปิด... "จุ๊ๆๆๆ" อีกแล้ว น่ารำคาณจริง ผมรีบออกไปขี่มอไซต์แล้วมุ่งตรงไปโรงเรียน ...ผมมาทัน แต่ดันลืมชีทงานอังกฤษที่ต้องส่งวันนี้ เป็นวิชาที่จะส่งงานช้าไม่ได้เด็ดขาดไม่งั้นอจ.จะหักคะแนนเหลือครึ่งทันที ทำไงดีว่ะเบียร์ คิดสิคิด! แล้วผมก็รีบวิ่งไปหาไอซ์ที่อยู่อีกห้องหนึ่ง ขอชีทของมันมาซีร็อคแล้วบอกอจ.ว่า แผ่นเก่ามันเลอะก็เลยถ่ายใหม่ อาจไม่ใช่วิธีที่ดีนัก แต่มันไม่มีทางอื่นแล้ว ผมไปหาไอ่ไอซ์ที่ห้องไม่เจอ เลยจะลงไปชั้นล่างเผื่อมันอยู่อีกห้องหนึ่ง ผมเจอมันที่ตีนบันได ผมกำลังจะเรียกไอซ์ แต่ดันลื่นตกลงไปข้างล่าง โชคดีที่ผมเอาก้นลงเลยตกลงไปไม่เยอะ ซวยจริงๆ แล้วทุกๆวันหลังจากนั้นก็จะเกิดเรื่องซวยๆกับผม ทุกครั้งที่จิ้งจกทักในบ้าน แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความประมาทของผมเอง ผมคิดว่าอย่างนั้น จนวันที่ไอซ์และพอร์ชตาย.... 


    ผ่านมา 4 วันแล้้วหลังจากที่มอไซต์คว่ำและผมก็เสียเพื่อนรักไปอีกคน น้ำส้มมาเยี่ยมผมทุกวันหลังเลิกเรียน เธอบอกว่าคิดถึงพวกเรา คิดถึงเพื่อนๆ ไม่อยากจะไปโรงเรียนที่ไม่มีพวกเรา ทั้งๆที่พวกเราอุตสาห์สอบติดม.4 โรงเรียนเดียวกัน ผมเข้าใจเธอดี และก็เข้าใจดีมากด้วย น้ำส้มกลับไปแล้ว ผมยังทบทวนเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น และยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เพื่อนผมมันไปทำอะไรไว้งั้นเหรอ? ทำไมกัน..ไม่เข้าใจเลยจริงๆ คุณพ่อคุณแม่รู้เรื่องผมแล้วและวันนี้พวกท่านกำลังขึ้นเครื่องกลับมาเยี่ยมผม ต้องรอให้ลูกเข้าโรงพยาบาลก่อนสินะถึงจะกลับมา.. ความประชดประชันไม่ได้ช่วยอะไร แต่ว่าถ้าได้พบก็จะดีใจมาก เราจะร้องไห้มั้ย เราจะพูดว่าไรดีเมื่อพวกท่านมาถึง ความสุขที่นานๆครั้งจะได้สัมผัส อยากกอดแม่ พ่อ ผมคิดถึงพวกท่าน

    ก๊อกๆ

    มีคนมา ผมบอกเค้าให้เข้ามาเลยไม่ได้ล็อค แต่เค้าก็ไม่เข้ามา


    ก๊อกๆๆ


    "เข้ามาเลยครับ ไม่ได้ล็อค"



    ก๊อกๆๆๆๆ



    "ไม่ได้ล็อคครับ!"





    ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!




    "เฮ้ย!! โรคจิตรึไงวะ!!!" แล้วเสียงเคาะก็เงียบลง... ผมคว้าที่กดเรียกพยาบาลหวังจะให้จับไอ้โรคจิตชอบก่อกวนชาวบ้าน แต่ดูเหมือนเครื่องจะพังซะงั้น แล้วเสียเคาะนั้นก็ดังอีกครั้ง ผมทนไม่ไหวเลยลุกจะไปตั๊นหน้าไอ้เ..ียนั้นซักที แขนหักข้างเดียวไม่ลดความเป็นนักเลงกูหรอก ผมเดินไปถึงหน้าประตู เสียงเคาะยังคงดังอยู่เรื่อยๆ "มึงไม่หยุดใช่มั้ย?.. ด้ายย.."   ผมเปิดประตูแล้วรีบชักแขนมาง่างใส่เต็มที่ แต่กลับมีลมแรงพัดเข้ามาใส่ ผมหลับตาปี๊ พยายามเหล่ตามองก็ไม่พบใครยืนอยู่หน้าห้อง! จนลมหยุดพัด ผมก็ลองมองดูรอบๆอักครั้งก็ไม่พบใคร ผมรีบเดินไปที่เคาร์เตอร์พยาบาลถามว่าเห็นใครวิ่งผ่านหรือไปมาแถวนี้มั้ย นางพยาบาลก็บอกว่าไม่มีใครผ่านมาเลยสักพักแล้ว... เรื่องบ้าอะไรเนี้ย ผมคิดอย่างนั้น....


    ....สามทุ่มกว่าผมก็ยังคงนอนไม่หลับ คิดไม่ตกกับเหตุการณ์ที่ได้เจอ ถ้าเรื่องที่ว่าจิ้งจกทักแล้วจะโชคร้ายเป็นเรื่องจริง แล้วทำไมเพื่อนผมถึงโดนลูกหลงไปด้วย ทั้งๆที่คนที่โดนจิ้งจกทักคือผม หรือพวกนั้นจะโดนทักด้วย? คงไม่ใช่ ต้องไม่ใช่แบบนั้น แล้วเพราะอะไรล่ะ? ไหนจะคำพูดของไอซ์ และเสียงที่บอกว่า "มึงจะเชื่อรึยังนั้นอีก" จะให้เชื่ออะไร? เชื่อเรื่องจิ้งจกทักน่ะเหรอ? ให้ตายยังไงก็ไม่เชื่อเด็ดขาด ตอนไอซ์ตายก็เพราะรถมันเสียหลักแล้วมันก็บิดรถกลับไม่ได้แค่นั้น และตอนที่พอร์ชตายก็เพราะมันมัวแต่คุยจนไม่ดูทางว่ามีหมาจะวิ่งตัดหน้ารถเลยล้ม และที่ผ่านๆมามันก็เพราะความประมาทของพวกเราทั้งนั้น มันก็แค่เรื่องบังเอิญ! ตอนนั้นผมเครียดมากแต่ก็ไม่มีใครสามารถช่วยผมได้ ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดเลยจะออกไปเดินสวนข้างๆตึกผู้ป่วยที่ผมอยู่ซะหน่อยให้ผ่อนคลาย ผมลุกจากเตียงเดินไปที่ประตู กำลังจะเปิด..



    "จุ๊ๆๆๆ"


    อีกแล้ว!! ที่โรงพยาบาลยังไม่เว้นเลยเหรอ? ผมได้ยินเสียงมาจากบนหัวผม ผมค่อยๆเหงยหน้าขึ้นไปมอง และสิ่งที่พบนั้นก็คือ จิ้งจกสีดำ ตาสีแดงที่แตกต่างไป เหมือนกับมีเส้นหยุกยักในตามัน ปากมันอ้าค้าง ฉายแววดุดันพร้อมกระโจนใส่ทุกเมื่อ ผมเสียวสันหลังทันที ขาค่อยๆก้าวถ้อยกลับเข้าไปด้านในห้อง ผมจ้องมันไม่ให้ละสายตา เพราะรู้สึกว่าถ้าผมเผลอเมื่อไหร่มันเข้ามาแน่! ผมรู้สึกอย่างนั้น.. มันยังคงร้องต่อไป โดยที่มันเองก็หันตามผมมา ตอนนี้ผมกลัว ขาเริ่มสั่น สยองกับเสียงทักของมัน เสียงนั้นเริ่มดังขึ้น ดังขึ้น จนเหมือนกับมันอยู่ทั่วทุกที ทั้งในห้องนี้และข้างนอก มันยังคงดังขึ้นมาเรื่อยๆจนผมทนไม่ไหว

    จุ๊ๆๆๆๆๆ

    ผมคว้าแก้วน้ำปาใส่มัน มันตกลงมาผมไม่รอช้าเข้าไปเหยียบมัน กระทืบเต็มแรง และขยี้ซ้ำ ผมสะใจมากปนขยะแขยงกับความรู้สึกที่เท้าแต่ว่า แค่นี้มันก็จบแล้ว ผมหลุดหัวเราะออกมา ตลกกับตัวเองที่เหมือนคนประสาท กลัวจิ้งจกทัก น่าขันจริงถ้าไอ้ไอซ์กับพอร์ชมาเห็นเราในสภาพนี้ พวกมันคงล้อเราไปจนแก่แน่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ


    จุ๊ๆๆๆๆๆ !!!! 


    ผมหยุดหัวเราะ ตัวผมสั่น เหงื่อเริ่มไหลไปทั่วตัว มันยังไม่จบ เสียงนั้นมันยังคงดังอยู่ และดังขึ้น ดังขึ้น ผมเริ่มไม่ไหวกับเรื่องนี้แล้ว ผมรีบวิ่งจะไปเปิดประตู แต่ดันลื่นเศษเนื้อจิ้งจกที่ผมเพิ่งฆ่าไป หน้าคว่ำลงพื้น ฟันผมหักไปหนึ่งซี่ เลือดไหลอาบปากผม แต่ผมไม่สน ผมจะออกไป จะออกไปจากห้องนี้ ออกไปให้พ้นๆ ผมอยากลับบ้าน! แล้วมีเสียงคนพูดขึ้นมา "มึงไม่เชื่อกู!! มึงลบหลู่กู!!" เป็นเสียงผู้ชายใหญ่ๆปนเสียงผู้หญิงเล็กๆเหมือนในหนังผี ฟังแล้วน่ากลัวขนลุก ผมได้ยินมันจากข้างหลัง ผมไม่กล้าหันไป แต่ครั้นจะลุกขึ้นไปที่ประตูก็ลุกไม่ได้ แขนซ้ายผมเริ่มปวดมาก ผมตะเกียดตะกายดันตัวขึ้นให้ไปที่ประตู เสียงจิ้งจกยังคงดังอยู่ และเสียงคนที่พูดอยู่ข้างหลังผม มันยังคงพูดอยู่แบบนั้นซ้ำๆ เสียงมันค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันดังขึ้น ดังขึ้นเหมือนจะมาถึงที่ปลายเท้าผมแล้ว "มึงหลบหลู่กู! มึงไม่เชื่อกู!!" เชื่อแล้ว..ผมเชื่อแล้วอย่าทำอเไรผมเลย... ผมร้องออกมา แต่มือขวายังคงดันตัวเองให้ไปถึงประตู ห่างไม่ถึงเมตรแท้ๆแต่กลับรู้สึกมันห่างไกล ยิ่งผมตะเกียดตะกายตัวมากเท่าไหร่เหมือนกับประตูยิ่งออกห่างจากผมมากเท่านั้น เสียงนั้นเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆจนจะถึงหูผม

     และ... "เพราะมึงไม่เชื่อ...เพื่อนมึงเลยตาย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ" ผมได้ยินไม่ผิดแน่ๆ นี้ล่ะคือเหตุผลที่พวกนั้นตาย เพราะผมอยู่ในเหตุการณ์ตลอด ที่ไอซ์ตายเพราะผมนั่งหน้ากับมัน พวกพอร์ชกับน้ำส้มที่นั่งหลังจึงไม่โดนลูกหลงไปเยอะ มาตาพอร์ช เพราะผมซ้อนท้ายไปกับมันก็เลย..... 
    "มึงไม่เชื่อกู กูเตือนมึงแล้วแต่มึงก็ไม่เชื่อ เพื่อนมึงเลยตาย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ" มันหัวเราะชอบใจ ปนกับเสียงจิ้งจกที่ดังก้องไปทั่ว ใช่แล้วในฝัน ที่ไอ้ไอซ์พยายามจะบอกผมก็คือเรื่องนี้นั้นเอง ผมเสียใจ...กูเสียใจ กูขอโทษ.... ถ้ากูเชื่อตั้งแต่แรก พวกมึงก็คงไม่ต้อง....  ผมเห็นมองขึ้นไป พบกับพ่อแม่ยืนอยู่ข้างหน้าผม ผมดีใจมาก จนลืมความเจ็บปวดบนร่างกาย ผมวิ่งเข้าไปหาและกอดพวกท่าน "พ่อครับ แม่ครับ ผม..ผม...ผมอยากเจอ ผมคิดถึงพ่อกับแม่มากเลยนะครับ ฮื่อๆๆ"
    "..มึงออกมาข้างนอกแล้ว" สิ่งมีชีวิตประหลาดตัวสีดำแดงเนื้อหนังตะปุ่มตะป่ำ ขลุกขละและมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยแสบจมูก ไม่มีผม ไม่มีตา มีแต่ปากที่แสยะยิ้มกว้างให้เห็นฟันแหลมคนเรียงรายอยู่ในนั้นมันยิ้มให้ผมที่กำลังโอบกอดอยู่... ทุกอย่างดับวูบ แล้วเสียงสุดท้ายที่ได้ยิน ตุบ! ผมนอนจมกองเลือดที่สวนข้างตึกผู้ป่วย ตรงทางคนเดิน เลือดของผมค่อยๆไหลอาบพื้นหิน หัวแตกและมีชิ้นเนื้อไหลออกมา ผมสำลักกระอักกระอวยเป็นเลือดออกทางปากไม่หยุด ทรมาร... ตาเบิกโผง มองค้างไปบนชั้นห้องที่ผมตกลงมา.... ภาพที่เห็นในวินาทีสุดท้ายคือ จิ้งจกยักษ์สีดำ..มันเกาะอยู่ที่ระเบียงด้านนอกห้องของผม 
    แสยะยิ้มให้ กับตาสีแดงที่มองลงมา
    และทุกอย่างก็มืดมิดลง....

    "กูเตือนมึงแล้ว..."





    จบไปแล้วสำหรับตอนแรกของเรื่อง><
    อยากจะได้เม้นท์มาสัก สามสี่เม้นท์ก็ดีพอแล้ว กำลังใจและแรงผลักดันส่วนหนึ่งก็อยากจะให้ติชมกัน ว่าเรามีข้อผิดพลาดตรงไหน เพื่อที่จะได้นำมาปรับปรุงและพัฒนาฝีมือให้ดีมากขึ้น 
    สำหรับการแต่งนิยายครั้งแรกของเราก็ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านนะครับที่้เปิดมาอ่านจนจบตอนนี้ ก็อยากจะฝากติดตามผลงานชิ้นนี้ไปอีกยาวๆเลยคร้าบ ผมจะเขียนออกมาให้ดีที่สุด และจะไม่ทำให้ผู้อ่านทุกท่านผิดหวังแน่นอน
    ในช่วงของการเริ่มเรื่องนั้น เบียร์ จะเป็นตัวเอกของเรื่องนี้ครับ และตอนต่อๆไป จะมีการสลับตัวเอกดำเนินเรื่อง ตามแต่ละบทที่ได้วางไว้ ซึ้งแน่นอนครับว่า เบียร์ ของเรานั้นเขายังไม่ตาย 100%
    แต่ทำไมถึงยังไม่ตายนั้น..ก็ต้องรอติดตามกันในตอนต่อไปนะครับ ฮ่าๆ และในบทต่อไป "ธันวา" นางเอกของเรื่องก็จะได้ปรากฎตัวออกมาแล้ว.. ซึ้ง"ธันวา"จะเป็นใคร มาจากไหนนั้น ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป
    แต่บอกเลยว่า ตัวละครตัวนี้คือ........
    ละไว้แค่นี้ก่อนละกัน ไม่งั้นเดี๊ยวยาว5555

    สุดท้ายนี้ขอฝาก โบราณเขาว่า... ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจชาวนักอ่านทุกท่านด้วยนะครับ ขอบคุณนะค้าบ

    By 李達摩。


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×