ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจสังหาร

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 66



    สมุนไพรจำนวนหนึ่งถูกบรรจุลงหีบไม้ พร้อมข้าวของจำเป็น อาเฉินรวบรวมเงินทองที่มี พร้อมกับอาหารแห้ง เก็บทุกอย่างใส่หีบไม้อีกใบ 

    "เราจะไปไหนหรือครับท่านอา" 

    ตงหยางตระเตรียมทุกอย่างตามคำสั่ง เขาเก็บเสื้อผ้า และเครื่องใช้จำเป็นเตรียมลงเรือเรียบร้อยแล้ว 

    "ที่นี่ไม่ปลอดภัย" 

    เสียงกรีดร้องดังมาจากอีกฝั่งของผา อาเฉินเร่งให้ตงหยางรีบลงเรือ 

    "เกิดอะไรขึ้น" ตงหยางยังไม่คลายความสงสัย เมื่อครู่เขาเห็นกลุ่มคนชุดดำอยู่อีกด้านหนึ่งของผา ดูท่าทางแล้วไม่ใช่คนดี 

    "พวกพยักทมิฬ" 

    "พยักทมิฬ" ตงหยางทวนคำ เพราะเคยได้ยินชื่อเสียงความชั่วร้ายของกลุ่มพยักทมิฬ พวกมันฆ่าไม่เว้นทั้งเด็กเล็กและคนชรา 

    "ท่านอารู้ว่าพวกนั้นจะมา" 

    "ทำไมเราไม่เตือนชาวบ้าน" ตงหยางเดือดมากที่ต้องกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว หนีมามีชีวิตรอดโดยทิ้งเพื่อนบ้านไว้ข้างหลัง

    "ข้าก็เป็นคนของผาซ่อนเมฆ" ตงหยางขึ้นเสียง 

    "เจ้าไม่ใช่"

    "คิดเหรอว่าเจ้าจะสู้พวกนั้นได้" 

    "เก็บชีวิตของเจ้าไว้ซะ รักษามันไว้ให้ดี นั่นคือหน้าที่เดียวที่เจ้าต้องทำ" หมอเฉินเรียกสติศิษย์รัก

    "จดหมายนั่นสินะ" เฟยหมิงพูดขึ้น 

    "ทำไมถึงมีคนส่งข่าวให้ท่าน" 

    อาเฉินไม่ตอบคำถาม เพียงส่ายหน้าด้วยแววตาครุ่นคิด เฟยหมิงอ่านแววตาคู่นั้นออก จึงไม่คาดคั้นต่อ 

    "ยังไงก็ไม่ทัน" เฟยหมิงเริ่มรำคาญตงหยาง  "ต่อให้มีเจ้าอีกสิบคนวิ่งไปเตือนพวกชาวบ้าน ยังไงพวกเขาก็หนีไม่ทันอยู่ดี" 

    "ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอกตงหยาง" 

    เรือลำเล็กลอยล่องอยู่เหนือผิวน้ำ ถูกบังคับทิศทางด้วยชายแก่ที่ดูชำนาญ พวกเขายังเห็นแสงไฟอยู่ไกล ๆ คาดว่าเป็นเพลิงไหม้ที่พวกพยักทมิฬวางเพลิงเผาหมู่บ้าน 

    "ท่านหมอ ตรงนั้น" เงาชายชุดดำ ควบม้าลงท่าน้ำ พวกนั้นคงจะดูให้แน่ใจว่ามีใครรอดชีวิตจากผาซ่อนเมฆบ้าง 

    ชายแก่และหญิงสาวช่วยกันบังคับเรือลอดเข้าช่องผา โชคดีที่บริเวณนั้นมีผาหินย้อยออกมา เป็นช่องยาวราวกับอุโมงค์หิน ให้เรือเล็กได้หลบซ่อน 

    ครู่ใหญ่ที่ชายแก่จอดเรือแน่นิ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าคนภายนอกไปแล้ว จึงค่อย ๆ ปล่อยให้เรือเคลื่อนที่ตามกระแสน้ำ ลอดอุโมงค์หิน เข้าสู่ผืนป่าที่ดูอุดมสมบูรณ์ทั้งสองข้างทาง 



    อากาศรอบตัวเริ่มเย็นลง ท้องฟ้าฉาบด้วยแสงสุดท้ายของดวงตะวัน เรือเล็กยังคงลอยล่องท่ามกลางบรรยากาศที่น่ากลัว 

    "พ้นโค้งน้ำนั่นไป พวกเจ้าจงระวังทำตามที่ข้าบอก เข้าใจไหม" ชายแก่กำชับ

    เมื่อรู้ว่าภายภาคหน้าอาจพบกับอันตราย เฟยหมิงจึงมองหาทุกอย่างรอบตัวเพื่อเป็นอาวุธ มีดพกเล่มหนึ่งพันติดไว้ที่ขา ส่วนอีกเล่มเธอคาดไว้ที่ต้นเอว 

    "เจ้าคงไม่ใช่คนธรรมดาสินะ" ชายแก่พูดขึ้น 

    "ท่าทางใจเย็น แววตาดุดัน ราวกับราชสีห์รอตะคลุบเหยื่อ" 

    "ท่านไว้ใจข้าได้" เฟยหมิงบอก 

    "ได้ ข้าเชื่อใจเจ้า" 



    "ท่านอา" 

    ตงหยางที่นั่งอยู่ท้ายเรือพูดเสียงสั่น เขาค่อย ๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ ชายแก่และหญิงสาวจึงค่อย ๆ หันมองไปด้านหลัง 

    กลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ พร้อมพลธนูที่หันปลายลูกดอกพร้อมยิง 

    "เดี๋ยว ๆ" 

    อาเฉินยกมือขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนอีกข้างจะคลำหาหยกยกขึ้นให้กลุ่มคนนั้นได้ดู 

    เรือเล็กเทียบท่าครั้งแรก หีบไม้ที่บรรจุสมุนไพรถูกยกไป พร้อมกับคนทั้งสามที่ถูกคุมตัวให้เดินไปตามเส้นทาง โดยมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งมองดูพวกเขา 

    เฟยหมิงมองดูรอบ ๆ ทุกอย่างดูแปลกตา การแต่งกายของผู้คน บ้านเรือนที่อยู่อาศัย ทั้งยังไม่มีไฟฟ้า ต้องอาศัยแสงสว่างจากตะเกียง 

    คงเพราะเป็นพื้นที่ป่าสินะ หญิงสาวยังคงคิดว่าความเจริญอาจเข้าไม่ถึงที่นี่ 

    "หมอเฉิน" 

    "ลู่ไป่" 

    ชายแก่สองคนทักทายกันอย่างสนิทสนม 

    "มา ๆ กินข้าวด้วยกันก่อน" ลู่ไป่เชิญคนทั้งสามนั่งร่วมโต๊ะอาหาร 

    "หากวันนั้นข้าไม่ได้ท่านหมอช่วยเอาไว้ คงไม่มีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้" ลู่ไป่กล่าวยกยอความดี แต่สายตาของเขากลับจับจ้องเฟยหมิงอย่างพิศมัย 

    "ข้าไม่รบกวนท่านหรอก แค่จะขอฝากหีบสมุนไพรเอาไว้ และขอผ่านทางขึ้นท่าน้ำเท่านั้น" 

    "ดึกดื่นแบบนี้พวกท่านจะเข้าไปเป็นอาหารให้เสือในป่ารึไง พักที่นี่ก่อน สว่างค่อยไปไม่สาย" 

    "ข้าไม่รบกวนดีกว่า" อาเฉินยังคงปฏิเสธ เพราะเขารู้ดีว่าชนเผ่าชุนมูขึ้นชื่อเรื่องการหลอกลวง หากเผลอไปแตะต้องอะไร อาจถูกทำร้ายไม่รู้ตัว 

    "เอาล่ะ ถ้าท่านหมอจะไปจริง ๆ ทิ้งนางไว้กับข้า" ลู่ไป่เอ่ยปาก พลางลากชายแก่ไปคุยลำพังอีกห้องหนึ่ง "ข้าจะรับรองความปลอดภัยให้ท่านทั้งสอง" 

    "ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้ นางเป็นลูกสาวข้า" อาเฉินบอก 

    ระหว่างที่คนทั้งสองคุยกัน ตงหยางที่นั่งมองอาหารตรงหน้าอยู่นาน จนทนความหิวไม่ไหว เขากินเนื้อเข้าไปเพียงสองชิ้น ร่างกายก็เกิดอาการชาจนขยับไม่ได้ 

    "ตงหยาง ๆ" เฟยหมิงพยายามเรียก 

    "ท่านหมอ" เฟยหมิงเรียกเสียงดัง ทำให้อาเฉินรีบตามเสียงมา 

    "ข้าใส่พิษเอาไว้ในอาหาร ไม่ต้องห่วงแค่รู้สึกชาเท่านั้น" ลู่ไป่บอก หน้าตายิ้มแย้มมีความสุข 

    "เจ้านี่มันดวงซวยจริง ๆ" 

    เพียงครู่เดียวเท่านั้น กลุ่มควันสีขาวก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง แล้วสติของทุกคนก็ดับวูบไป ยกเว้นลู่ไป่ เขาหัวเราะชอบใจในความสำเร็จของตัวเอง 

    "จับพวกมันไปขัง" 



    "ตงหยาง ๆ"

    "ท่านหมอ ๆ" 

    เฟยหมิงกระซิบเรียก รอบ ๆ ตัวมีแต่ความมืดมิด เธอสัมผัสได้ถึงกองฟางที่ถูกปูไว้เต็มพื้นห้อง ด้วยถูกมัดมือเอาไว้ ทำให้หญิงสาวพยุงตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล 

    "เฟยหมิง" ชายแก่รู้สึกตัว 

    "มีใครที่ท่านไว้ใจได้บ้าง" เฟยหมิงประชดประชัน 

    ชายแก่มองดูหญิงสาว เธอม้วนตัวสลับมือที่ถูกมัดไพล่หลังให้มาอยู่ด้านหน้า แล้วใช้มีดที่พันไว้ตรงต้นขาตัดเชือกออกอย่างชำนาญ 

    "ข้าชักสงสัยในตัวเจ้าแล้วสิ" อาเฉินบอก ขณะที่เฟยหมิงแก้มัดให้เขา 

    "ท่านยังมีเวลาสงสัยในตัวข้าอีกนาน เพียงแต่ตอนนี้เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน" 

    "ไม่ต้องห่วง คนของข้ากำลังมา"



    แอ๊ด... 

    ประตูไม้ค่อย ๆ เปิดออก แสงสว่างจากเปลวตะเกียงส่องให้เห็นชายชุดดำรูปร่างสูงใหญ่ เขาสวมหมวกปีกกว้างปิดบังใบหน้าส่วนหนึ่งด้วยผ้าบางสีดำ 

    "พี่เจาเฉิน"

    "ข้าอยู่ทางนี้" อาเฉินตอบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×