คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5
ตอนที่ 5
บางครั้งกาลเวลาผ่านไปรวดเร็วราวกับสายลมพัดพาจนอดใจหายไม่ได้จริงๆ
ว่า...ชีวิตที่ต้องจำใจจรจากรัฐนูมานมายังรัฐยัสซิมนั้นผ่านมาถึงสองอาทิตย์แล้ว
หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มทรงตัวเมื่อปรับวิถีชีวิตให้เข้ากับครอบครัวใหม่มากขึ้น
ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าปัญหาในอกของท่านราเนียจะทุเลาเบาบางเมื่อติดขัดก็เสียแต่เรื่องภาระหน้าที่อันพึงมิชอบโดยการยัดเยียดจากพี่ชายต่างมารดา
เรื่องนี้สร้างความคับอกคับใจให้แก่เธอจนบางครั้งต้องร้องไห้เพียงลำพังเนื่องจากไม่สามารถปรึกษากับผู้ใดได้แม้แต่ชาไมราห์
สวนหย่อมกลางพระราชวังกลายเป็นสถานที่โปรดปรานสำหรับท่านราเนียเมื่อสามารถปลอบโยนจิตใจฟุ้งซ่านให้สงบลงได้บ่อยครั้ง
ด้วยสีสันของธรรมชาติอย่างต้นไม้ใบหญ้า เสียงน้ำไหลของน้ำตกดังคลอประสานรับนกตัวน้อยซึ่งบินฉวัดเฉวียนหยอกเอินบนแมกไม้
“ท่านราเนีย! จดหมายจากพี่ชายครับ”
ทหารชายนายเดิมตรงเข้ามามอบจดหมายปิดผนึกไม่จ่าหน้าซองให้
ในยามนี้ไม่ต้องมีผู้ใดบอกกล่าวก็สามารถรับรู้ได้ ว่า...นี่คือสาส์นจากชีคอัปดุลผู้เป็นพี่ชายต่างมารดานั่นเอง
เนื่องจากเธอเพิ่งส่งเรื่องเขตรอยต่อสามรัฐซึ่งเป็นจุดอ่อนของรัฐยัสซิมไปให้เขาเมื่อสองถึงสามวันที่ผ่านมา
อีกฝ่ายโค้งคำนับแล้วเดินจากไปพอดีกับที่ชาไมราห์เดินเข้ามาพร้อมขนมนมเนยเต็มถาดทองคำ
“เอ๊ะ...ทหารชายคนนั้น?”
“ไม่มีอะไรหรอก...เขาแค่ผ่านมาน่ะ” ท่านราเนียรีบชี้แจงพลางเหน็บจดหมายฉบับนั้นเข้าไปในชุดเพื่อปิดบังสาวใช้คนสนิท
“ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นทหารคนนี้คลับคล้ายคลับคลาตั้งแต่พบคราวก่อน
อ๊ะ...จำได้แล้ว ที่คฤหาสน์รัฐนูมานค่ะ!!!” ชาไมราห์ร้องบอกด้วยความดีใจเมื่อคิดขึ้นได้
“กระนั้นหรือ?”
“ค่ะ...เขาอยู่ในกลุ่มทหารที่คอยดูแลเรื่องความปลอดภัยชีคอัปดุล
สงสัยชีคท่านคงเป็นห่วงท่านราเนียเลยส่งมาคุ้มกันกระมังคะ” ชาไมราห์ตอบพลางจัดขนมลงบนโต๊ะสนาม
โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าลำบากใจของสตรีสูงศักดิ์แม้แต่น้อย
“ข้าไม่หิวหรอก
เจ้ากินไปเถอะ”
ท่านราเนียผละหนีขึ้นอาคารด้วยความฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นอีกครั้งโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของสาวใช้
ความเป็นส่วนตัวค่อยๆลบเลือนหายเมื่อต้องหวาดระแวงกับคนของทางรัฐนูมานซึ่งอาจแฝงตัวนอกเหนือจากนี้...จะมีที่ใดบ้างสามารถทำให้เธอสบายใจได้!
ชีคอัปดุลไม่ได้ส่งทหารมาเพื่อปกป้องเธอ
แต่ต้องการให้จับตาความเคลื่อนไหวและคอยส่งข่าวคราวต่างหาก...หญิงสาวรับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีพลางเปิดจดหมายขึ้นอ่านในห้องนอนซึ่งเป็นที่ลับตาคน
…………………………….....…………………………….....……………………
ถึง ราเนีย
หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาข้านึกว่าเจ้าจะสำเหนียกในฐานะของตนมากกว่านี้
ลืมไปแล้วหรืออย่างไร ว่า...ท่านกาเนียนั้นอยู่ในอุ้งมือของข้า จึงได้ส่งข่าวคราวอันน้อยนิดไร้ความสำคัญมาเช่นนั้น
เรื่องเขตรอยต่อสามรัฐเป็นที่ล่วงรู้กันมานานนมว่าเปรียบประหนึ่งจุดอ่อน
แต่ข้าต้องการอะไรนอกเหนือจากนี้
เฉกเช่นวันและเวลาที่มีการตรวจตราคนเข้าออกของรัฐยัสซิม หรือ เอกสารเกี่ยวกับธุรกิจการเงินของรัฐยัสซิม
อย่าชักช้าให้มากความ
การรีรอได้ฆ่าชีวิตมารดาของเจ้าทุกๆนาที
จาก ชีคอัปดุล
…………………………….....…………………………….....……………………
โหดร้ายที่สุด!
มือบางขยำกระดาษแผ่นนั้นปาใส่ลิ้นชักอย่างเจ็บใจในชะตากรรม
จะให้เธอทำอย่างไร...เมื่อเอกสารทางการเงินต่างๆชีคลีธเป็นคนจัดการซึ่งห้องทำงานนั้นอยู่ในบริเวณส่วนตัวพื้นที่ฝั่งปีกขวาของพระราชวังเกือบทั้งหมด
อีกทั้งยังเป็นสถานที่หวงห้ามสำหรับบุคคลภายนอก แม้แต่เหล่าญาติพี่น้องก็ไม่สามารถเข้าไปหากไม่ได้รับอนุญาต
นับประสาอะไรกับเธอเป็นเพียงว่าที่คู่หมั้นรู้จักกันไม่นาน
ยิ่งตอนนี้ไม่ค่อยได้พบหน้าเขาตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา
เพราะภารกิจมากมายในฐานะรัชทายาททำให้ชีคลีธต้องออกไปทำงานยังที่ทำการรัฐโดยสั่งห้ามทุกคนวุ่นวายเกะกะไม่เว้นแม้แต่เธอ
ครั้นพอกลับมาก็เข้าห้องทำงานในเขตพื้นที่ส่วนตัว ทว่า หากไม่เสี่ยงดูลาดเลาบ้างก็คงไม่รู้ทางหนีทีไล่
ท่านราเนียลุกขึ้นพลางเดินออกไปด้วยการตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องช่วยมารดาของตนให้ได้
น่าแปลก...บริเวณทางเข้ายามนี้หาได้พบเจอทหารเวรยาม
จึงทำให้ก้าวเข้าสู่เขตพื้นที่ส่วนตัวอย่างง่ายดาย ถึงกระนั้นหัวใจดวงน้อยก็เต้นระส่ำเมื่อได้กระทำผิดกฎของทางพระราชวัง
คือ บุกรุกพื้นที่หวงห้ามนั่นเอง
สองเท้าเล็กๆเหยียบลงบนพรมเปอร์เซียสีแดงสดซึ่งถูกปูพื้นระเบียงเป็นทางยาว
ผนังสองด้านบุวอลเปเปอร์สีครีมรับกับเสาสีทองที่ตั้งอยู่ห่างๆอย่างลงตัว แชนเดอเลียร์คริสตัสบนเพดานสาดให้เห็นประติมากรรมปูนปั้นรูปร่างอ่อนช้อยสวยงามบ่งบอกรสนิยมเจ้าของที่รักในความเรียบง่ายและศิลปะเป็นส่วนใหญ่
มือบางลูบไล้ผลงานอันทรงคุณค่าอย่างสนอกสนใจจนหลงลืมเป้าหมายซึ่งตั้งใจไว้แต่แรก
“ท่านราเนีย...บริเวณนี้เป็นเขตพื้นที่หวงห้าม
ท่านไม่อาจล่วงล้ำเข้าไปได้แม้จะมีตำแหน่งเป็นว่าที่คู่หมั้นของชีคลีธก็ตาม!”
ทหารเวรยามสองนายเดินตรงเข้ามาหาโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว
“หากไม่มีการอนุญาตจากชีคลีธหรือชีคยัสซิม
ผู้ใดก็ไม่อาจเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้!"
ทหารอีกนายเอ่ยบอกเสียงเข้ม บีบคั้นความกลัวในหัวใจของหญิงสาวให้เอ่อล้นออกมา
“เอ่อ...คือ...ข้าหารู้ไม่ว่าพื้นที่นี้เป็นเขตหวงห้าม
จึงได้เผลอไผลเข้ามาระหว่างเดินเล่นชมพระราชวัง”
ท่านราเนียจำใจโกหกเพื่อหลบเลี่ยงความผิด
“ถ้าเช่นนั้น...โปรดออกไปจากบริเวณนี้ด้วยครับ!” พวกเขาออกคำสั่งมากเสียกว่าร้องขอ จนสตรีสูงศักดิ์ไม่อาจปฏิเสธได้จึงจำใจเดินออกมา
ทว่า เป็นจังหวะที่ชีคลีธกลับจากการทำงานพอดิบพอดี
“มีอะไรกัน?” บุรุษหนุ่มกล่าวถามพลางเดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจระคนสงสัย
“ท่านราเนียได้เดินล่วงล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่หวงห้าม
ทำให้พวกผมกล่าวเตือนแล้วบอกให้ออกไปครับ” ทหารนายหนึ่งตอบด้วยความสัตย์
“คุณมีธุระอะไรกับผมหรือไม่?” เขาถามเสียงเข้ม
น่ากลัวจริงๆ...ยามที่นัยน์ตาสีน้ำตาลคมเข้มของคนตรงหน้าจดจ้องมองเธออย่างจับผิด
ท่านราเนียพยายามสบตาอีกฝ่ายราวไม่รู้สึกถึงความกลัวที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
“ไม่มีค่ะ
เพียงแค่ฉันรู้สึกเบื่อๆเหงาๆเพราะไม่มีอะไรทำจึงได้ออกมาเดินเล่นชมพระราชวัง
แต่บังเอิญผ่านมาทางนี้โดยไม่รู้ว่าเป็นพื้นที่หวงห้าม...ต้องขออภัยจริงๆค่ะ”
คำตอบของหญิงสาวชั่งใจบุรุษหนุ่มอยู่ชั่วครู่
ก่อนที่เขาจะหันไปเอ่ยกับเหล่าทหารเวรยามซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน
“ท่านราเนียเป็นว่าที่คู่หมั้นของข้า
ต่อไปให้เข้ามาในเขตนี้ได้ทุกเวลานอกเสียจากยามที่ข้าไม่อยู่เท่านั้น!”
“ครับ!!!” ผู้อยู่ใต้โอวาทตอบรับเสียงดัง
“ส่วนคุณ...ถ้าอยากเข้าไปก็ตามผมมา!” พูดจบรัชทายาทหนุ่มก็เดินนำเข้าไปด้านใน
ทำให้ท่านราเนียรีบปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว
ทั้งที่น้อยคนนักจะได้ล่วงล้ำเข้ามาในเขตนี้
แม้แต่พี่น้องต่างมารดาบางคนชีคลีธก็ยังไม่อนุญาตให้ย่ำกรายเหยียบย่างหากแต่เธอกลับได้รับในสิทธินั้น
ความใจดีของเขาทำให้ท่านราเนียรู้สึกผิดจนลบล้างความตั้งใจแต่แรกเริ่มหมดสิ้น
“คุณกำลังจะไปไหนหรือทำอะไรเหรอคะ?” น้ำเสียงหวานรีบกล่าวถามเมื่อรู้สึกว่ากำลังเดินตามเขาอย่างไร้จุดมุ่งหมาย
“ถามทำไม?”
“เอ่อ...เผื่อฉันสามารถช่วยเหลือ
หากคุณต้องการ...”
คนตามแทบยั้งฝีเท้าไว้ไม่ทันเมื่อร่างสูงโปร่งหยุดชะงักพลางหมุนตัวกลับมาจดจ้อง
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาคร้ามด้วยหนวดเคราบางๆจนสตรีสูงศักดิ์อดใจหายไม่ได้
“คุณต้องการช่วยเหลือผมกระนั้นหรือ?”
“ค่ะ...” น้ำเสียงแผ่วเบานั้นบ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเองซึ่งถดถอยลงทุกขณะและสามารถดึงมุมปากของชีคลีธจนยกสูง
“ผมรู้สึกร้อนเพราะเพิ่งกลับมาจากที่ทำการรัฐเลยคิดจะไปอาบน้ำ...คุณช่วยผมอาบน้ำหน่อยละกัน”
ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางของอีกฝ่าย
ก่อนฉุดรั้งโดยไม่ใส่ใจสีหน้าตื่นตระหนกของว่าที่คู่หมั้นอย่างรวดเร็ว
สองมือเล็กๆที่ปิดหน้าซ้ำยังหลับตาปี๋ตั้งแต่ถูกลากตรงระเบียงทางเดินจนกระทั่งบัดนี้
สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาของชีคลีธถึงขนาดอดหัวเราะดังๆออกมาไม่ได้
“ฮ่าๆๆๆ...คุณจะหลับตาแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไร?” คำถามนั้นสร้างความบูดบึ้งให้แก่สตรีสูงศักดิ์เป็นอย่างมาก
คนบ้า! พาเข้ามาในห้องอาบน้ำยังจะถามอีก
“จนกว่าคุณจะอาบน้ำเสร็จ!” เธอตอบเขากลับไป
ในใจก็อดตำหนิติเตียนตนเองไม่ได้ที่เผลอพูดโดยไม่ทันยั้งคิดให้ดี
“ถ้าเช่นนั้นคงอีกนาน”
“คุณก็อย่าโอ้เอ้สิ!”
“เอ๊ะ...คนกำลังสบายคุณจะเร่งเร้าได้อย่างไร
แล้วไม่คิดลืมตาขึ้นมองอะไรบ้างเหรอ...ผมสามารถทำให้คุณรู้สึกดีได้นะ” น้ำเสียงกรุ้มกริ่มของอีกฝ่ายกระตุ้นหัวใจหญิงสาวให้เต้นดังทั้งยังร้อนผ่าว
ใบหน้าคมสวยแดงระเรื่ออย่างเขินอาย
“บ้า!!! ฉันไม่ตลกด้วยนะ!” เธอแหวใส่เขา
“อารมณ์ร้อนจริง
สงสัยต้องทำให้เย็นเสียแล้ว”
ซ่า!!!!!!!!!!!!
สายน้ำเย็นฉ่ำกระเซ็นโดนเนื้อตัวจนท่านราเนียส่งเสียงวี้ดว้ายเมื่อหลงคิดว่าเขาวักน้ำจากอ่างมาสาดใส่
ทว่า ทันทีที่ลืมตาขึ้นมองอย่างตกใจสิ่งที่คิดก็ผิดถนัด
เธอไม่ได้อยู่ในห้องอาบน้ำแต่กลับกลายเป็นสวนสวยบนระเบียงเสียนี่
รอบกายรายล้อมด้วยสีเขียวสดใสจากต้นไม้พลางแต่งแต้มแกมด้วยสีสันจากดอกไม้นานาชนิด
บ้างปลูกในกระถาง บ้างก็เลื้อยเถาพันเสาระเบียงจนกลายเป็นเพิงธรรมชาติไว้หลบความร้อนระอุจากแสงแดด
พื้นหินอ่อนขัดมันเย็นไม่ต่างจากน้ำพุซึ่งกำลังพวยพุ่งขึ้นสูงอย่างสวยงามราวเด็กสาวเต้นระบำกลางสวนสวย
“คุณใช้น้ำจากน้ำพุสาดฉันเหรอ?”
“ใช่...แล้วคิดว่าผมจะพาคุณเข้าห้องอาบน้ำจริงๆเหรอ
ยังไม่ทันหมั้นกันเลยคุณก็คิดกับผมไปถึงไหนต่อไหนแล้วเหรอเนี่ย?”
คิ้วเข้มๆขมวดมุ่นจนท่านราเนียอดหมั่นไส้ไม่ได้
เมื่อพบว่าชายหนุ่มตรงหน้าช่างยียวนกวนประสาทเหลือเกิน
ซ่า!!!!!!!!!!!!
มือบางวักน้ำสาดใส่กลับไปบ้าง
ชีคลีธถึงกับสะดุ้งตกใจกระโดดถอยห่างจากตรงนั้นสร้างเสียงหัวเราะเบาๆแก่ผู้เอาคืน
“คุณแก้แค้นผมเหรอเนี่ย”
“ช่วยไม่ได้...คุณแกล้งฉันก่อน”
รัชทายาทหนุ่มปัดรอยน้ำบนชุดกันดูเราะห์สีขาวถึงกระนั้นก็ยังหลงเหลือคราบเปียกชื้น
ก่อนจะทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวใต้ซุ้มดอกไม้สีสันต่างๆนานาพลางเอนกายพิงพนัก
“มานั่งตรงนี้สิ!”
ไม่รู้ว่าเป็นคำร้องขอหรือคำสั่ง
แต่หญิงสาวก็ยินยอมพร้อมใจปฏิบัติอย่างหาได้รังเกียจโดยนั่งเว้นระยะห่างจากเขานิดหน่อยตามความเหมาะสม
จากมุมนี้สามารถมองเห็นสวนสวยบนระเบียงได้แทบทั้งหมด ไม้ดอกไม้ประดับล้วนชูช่อแข่งขันประชันกันสะพรั่งสวนประหนึ่งสวรรค์บนดินก็ไม่ปาน
“ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวของผม
เวลาเครียดเรื่องงานหรือเรื่องต่างๆก็จะมานั่งหรือนอนตรงนี้เป็นประจำ”
“มันสวยมากๆเลยค่ะ
ฉันไม่คิดว่าจะมีสวนบนระเบียงแบบนี้ในพระราชวัง”
ตลอดเวลาครึ่งเดือนที่อยู่ในพระราชวังเธอไม่เคยรับรู้เลยสักครั้ง
ว่า...มีสถานที่วิเศษเยี่ยงนี้ ทุกอย่างงดงามจนราวกับความฝัน
“น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องสวนแห่งนี้
เนื่องจากสร้างบริเวณด้านหลังเขตหวงห้ามของพระราชวังที่มีการคุ้มกันหนาแน่นทั้งภายนอกและภายใน
จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนเยี่ยมยอดที่สุด”
คำอธิบายของชีคลีธทำให้ท่านราเนียเข้าใจได้ไม่ยาก
หากมีการคุ้มกันแน่นหนาด้านในด้วยแล้ว ด้านนอกเองก็คงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
“ทำไมถึงต้องห้ามปรามแม้กระทั่งญาติพี่น้องด้วยล่ะคะ?”
“รู้หน้าไม่รู้ใจ...ไม่ว่าใครก็สามารถกลายเป็นปีศาจร้ายได้เพียงเพราะความละโมบโลภมาก
ออ...แต่ผมก็ไม่ได้ห้ามทั้งหมดหรอกนะ เพราะคนที่สามารถเข้ามาในส่วนนี้ได้ คือ ท่านพ่อ
คาฟาห์ ยามีล่า รวมถึงคุณอีกคน”
“แล้วทำไมฉันถึงได้รับอนุญาตล่ะคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้สิ...อาจเพราะอีกไม่นานคุณก็จะกลายมาเป็นภรรยา
เอ่อ...ผมหมายถึง...เราจะต้องหมั้นและแต่งงานกันฉะนั้นปิดบังคงไม่ดี” คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าหวานร้อนผ่าวอีกครั้ง
ความรู้สึกบางอย่างเอ่อล้นในหัวใจดวงน้อยหากแต่เธอยังไม่รู้ว่าคืออะไร
“ออ...อย่างไรเสียผมก็ขอโทษแทนทหารเวรยามเหล่านั้นด้วย
พวกเขาอาจพูดจาหรือประพฤติไม่เหมาะสมกับคุณ” ชีคลีธกล่าวต่อเมื่อนึกขึ้นได้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ฉันเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ที่พวกเขาได้รับมอบหมาย
แต่ตกใจนิดหน่อยเพราะตอนแรกไม่พบผู้ใดเฝ้าอยู่เลย”
เรื่องนี้ทำให้ท่านราเนียสงสัย
หากเวลานั้นมีทหารเวรยามเฝ้าอยู่คงไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปจนถึงด้านในได้เป็นแน่
“คงเป็นช่วงผลัดเปลี่ยนเวรยามกระมัง”
“ออ...เป็นเช่นนั้นเอง
แต่จะว่าไปตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมางานยุ่งเหรอคะ ฉันแทบนับครั้งตอนเจอคุณได้เลย”
ชายหนุ่มทอดถอนหายใจพลางเอนกายลงนอนบนเก้าอี้เพื่อผ่อนคลายก่อนตอบคำถามอันน่าเหนื่อยหน่าย
“ช่วงนี้งานค่อนข้างรัดตัวพอสมควรเพราะใกล้พิธีหมั้นของพวกเรา
อีกทั้งยังมีงานอื่นๆ เช่น เรื่องธุรกิจในประเทศและนอกประเทศ เรื่องกบฏ จนบางครั้งผมรู้สึกอิจฉาคาฟาห์...ไอ้หมอนั่นโชคดีที่ได้แยกออกไปอยู่รัฐของตนเอง
ไม่ต้องเจอปัญหาภายในวังและนอกวังเพิ่มขึ้นเป็นภาระ”
แม้ภาระหน้าที่ในฐานะรัชทายาทจะหนักหนา
หากแต่ท่านราเนียไม่เห็นด้วยกับความคิดของเขา
“ชีคคาฟาห์มีรัฐของเขา
คุณเองก็มีรัฐของคุณเช่นกัน นั่นคือ รัฐยัสซิม ฉันไม่คิดว่าชีคคาฟาห์น่าอิจฉากว่าตรงไหนในเมื่อต้องจากครอบครัวออกไปไกลแต่คุณยังได้ใช้ชีวิตกับพวกเขา
บางทีความใกล้ชิดอาจทำให้คุณยังมองไม่เห็นค่า แต่ถ้าวันหนึ่งต้องสูญเสียคนสำคัญ...คุณจะนึกดีใจกับชีวิตในตอนนี้”
เฉกเช่นเดียวกับหญิงสาว...เมื่อครอบครัวอันแสนอบอุ่นกำลังจะสูญหายไปจากชีวิต
โดยหลงเหลือไว้เพียงความโหดร้ายป่าเถื่อนของบุคคลที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
คิดเพียงแค่นั้นความโศกเศร้าก็เริ่มมาเยือนอีกคราจนดวงตาคมสวยเอ่อล้นด้วยความเสียใจ
แต่ต้องพยายามกล้ำกลืนฝืนทนไว้ไม่ให้ใครเห็นแล้วแสร้งชวนคุยต่อ
“ขอโทษนะคะ...ฉันไม่น่าพูดคุยเรื่องเครียดๆในสถานที่พักผ่อนของคุณเลย
ทั้งที่บรรยากาศสวยงามขนาดนี้แต่กลับหม่นหมองเพราะฉันแท้ๆ”
ความเงียบทดแทนเสียงตอบรับจากชีคลีธ
ท่านราเนียเหลียวมองดูคู่สนทนาก็พบ ว่า...เขาหลับไปเสียแล้ว
“คนบ้า...หลับก็ไม่บอก
หลอกให้พูดคนเดียวตั้งนาน”
อีกฝ่ายพริ้มตาหลับราวกับต้องการหลบหนีจากปัญหาและความเหน็ดเหนื่อยทั้งหลายทั้งปวง
ใบหน้าคมสันนั้นคร้ามด้วยหนวดเคราเพราะไม่มีเวลาแม้แต่จะสะสางเรื่องของตนเองจนสตรีสูงศักดิ์อดสงสารไม่ได้
มือบางช้อนใต้ศีรษะของว่าที่คู่หมั้นแล้ววางลงบนตักของเธออย่างนุ่มนวล นี่อาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่หญิงสาวพอช่วยผ่อนปรนความเหน็ดเหนื่อยของเขาแม้จะไม่มากมายแต่ทำด้วยความเต็มใจจริงๆ
สายลมเย็นพัดพากลิ่นหอมของไม้ดอกนานาพันธุ์มาปัดเป่าความตึงเครียดที่มีให้มลายหายไปสิ้น
เหล่าวิหกก็ต่างผกโผจับกิ่งก้านพฤกษาประหนึ่งการแสดงแห่งธรรมชาติซึ่งสร้างความสำราญแก่ผู้ชมอย่างท่านราเนียยิ่งนัก
โดยเธอไม่อาจล่วงรู้เลยแม้แต่นิดเดียว ว่า... ‘คนหลับ’
ที่นอนหนุนตักนั้นแอบอมยิ้มอยู่นานสองนาน...
ความคิดเห็น