ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดุจทรายใต้ตะวัน

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.41K
      14
      6 พ.ย. 61

    ตอนที่ 5

     

    บางครั้งกาลเวลาผ่านไปรวดเร็วราวกับสายลมพัดพาจนอดใจหายไม่ได้จริงๆ ว่า...ชีวิตที่ต้องจำใจจรจากรัฐนูมานมายังรัฐยัสซิมนั้นผ่านมาถึงสองอาทิตย์แล้ว หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มทรงตัวเมื่อปรับวิถีชีวิตให้เข้ากับครอบครัวใหม่มากขึ้น

    ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าปัญหาในอกของท่านราเนียจะทุเลาเบาบางเมื่อติดขัดก็เสียแต่เรื่องภาระหน้าที่อันพึงมิชอบโดยการยัดเยียดจากพี่ชายต่างมารดา เรื่องนี้สร้างความคับอกคับใจให้แก่เธอจนบางครั้งต้องร้องไห้เพียงลำพังเนื่องจากไม่สามารถปรึกษากับผู้ใดได้แม้แต่ชาไมราห์

    สวนหย่อมกลางพระราชวังกลายเป็นสถานที่โปรดปรานสำหรับท่านราเนียเมื่อสามารถปลอบโยนจิตใจฟุ้งซ่านให้สงบลงได้บ่อยครั้ง ด้วยสีสันของธรรมชาติอย่างต้นไม้ใบหญ้า เสียงน้ำไหลของน้ำตกดังคลอประสานรับนกตัวน้อยซึ่งบินฉวัดเฉวียนหยอกเอินบนแมกไม้

    ท่านราเนีย! จดหมายจากพี่ชายครับ

    ทหารชายนายเดิมตรงเข้ามามอบจดหมายปิดผนึกไม่จ่าหน้าซองให้ ในยามนี้ไม่ต้องมีผู้ใดบอกกล่าวก็สามารถรับรู้ได้ ว่า...นี่คือสาส์นจากชีคอัปดุลผู้เป็นพี่ชายต่างมารดานั่นเอง เนื่องจากเธอเพิ่งส่งเรื่องเขตรอยต่อสามรัฐซึ่งเป็นจุดอ่อนของรัฐยัสซิมไปให้เขาเมื่อสองถึงสามวันที่ผ่านมา อีกฝ่ายโค้งคำนับแล้วเดินจากไปพอดีกับที่ชาไมราห์เดินเข้ามาพร้อมขนมนมเนยเต็มถาดทองคำ

    เอ๊ะ...ทหารชายคนนั้น?”

    ไม่มีอะไรหรอก...เขาแค่ผ่านมาน่ะ ท่านราเนียรีบชี้แจงพลางเหน็บจดหมายฉบับนั้นเข้าไปในชุดเพื่อปิดบังสาวใช้คนสนิท

    ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นทหารคนนี้คลับคล้ายคลับคลาตั้งแต่พบคราวก่อน อ๊ะ...จำได้แล้ว ที่คฤหาสน์รัฐนูมานค่ะ!!!” ชาไมราห์ร้องบอกด้วยความดีใจเมื่อคิดขึ้นได้

    กระนั้นหรือ?

    ค่ะ...เขาอยู่ในกลุ่มทหารที่คอยดูแลเรื่องความปลอดภัยชีคอัปดุล สงสัยชีคท่านคงเป็นห่วงท่านราเนียเลยส่งมาคุ้มกันกระมังคะชาไมราห์ตอบพลางจัดขนมลงบนโต๊ะสนาม โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าลำบากใจของสตรีสูงศักดิ์แม้แต่น้อย

    ข้าไม่หิวหรอก เจ้ากินไปเถอะ

    ท่านราเนียผละหนีขึ้นอาคารด้วยความฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นอีกครั้งโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของสาวใช้ ความเป็นส่วนตัวค่อยๆลบเลือนหายเมื่อต้องหวาดระแวงกับคนของทางรัฐนูมานซึ่งอาจแฝงตัวนอกเหนือจากนี้...จะมีที่ใดบ้างสามารถทำให้เธอสบายใจได้!

    ชีคอัปดุลไม่ได้ส่งทหารมาเพื่อปกป้องเธอ แต่ต้องการให้จับตาความเคลื่อนไหวและคอยส่งข่าวคราวต่างหาก...หญิงสาวรับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีพลางเปิดจดหมายขึ้นอ่านในห้องนอนซึ่งเป็นที่ลับตาคน

     

    …………………………….....…………………………….....……………………

     

    ถึง ราเนีย

     

    หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาข้านึกว่าเจ้าจะสำเหนียกในฐานะของตนมากกว่านี้ ลืมไปแล้วหรืออย่างไร ว่า...ท่านกาเนียนั้นอยู่ในอุ้งมือของข้า จึงได้ส่งข่าวคราวอันน้อยนิดไร้ความสำคัญมาเช่นนั้น เรื่องเขตรอยต่อสามรัฐเป็นที่ล่วงรู้กันมานานนมว่าเปรียบประหนึ่งจุดอ่อน แต่ข้าต้องการอะไรนอกเหนือจากนี้ เฉกเช่นวันและเวลาที่มีการตรวจตราคนเข้าออกของรัฐยัสซิม หรือ เอกสารเกี่ยวกับธุรกิจการเงินของรัฐยัสซิม

    อย่าชักช้าให้มากความ การรีรอได้ฆ่าชีวิตมารดาของเจ้าทุกๆนาที

     

    จาก ชีคอัปดุล

    …………………………….....…………………………….....……………………

     

    โหดร้ายที่สุด!

    มือบางขยำกระดาษแผ่นนั้นปาใส่ลิ้นชักอย่างเจ็บใจในชะตากรรม จะให้เธอทำอย่างไร...เมื่อเอกสารทางการเงินต่างๆชีคลีธเป็นคนจัดการซึ่งห้องทำงานนั้นอยู่ในบริเวณส่วนตัวพื้นที่ฝั่งปีกขวาของพระราชวังเกือบทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นสถานที่หวงห้ามสำหรับบุคคลภายนอก แม้แต่เหล่าญาติพี่น้องก็ไม่สามารถเข้าไปหากไม่ได้รับอนุญาต นับประสาอะไรกับเธอเป็นเพียงว่าที่คู่หมั้นรู้จักกันไม่นาน

    ยิ่งตอนนี้ไม่ค่อยได้พบหน้าเขาตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะภารกิจมากมายในฐานะรัชทายาททำให้ชีคลีธต้องออกไปทำงานยังที่ทำการรัฐโดยสั่งห้ามทุกคนวุ่นวายเกะกะไม่เว้นแม้แต่เธอ ครั้นพอกลับมาก็เข้าห้องทำงานในเขตพื้นที่ส่วนตัว ทว่า หากไม่เสี่ยงดูลาดเลาบ้างก็คงไม่รู้ทางหนีทีไล่ ท่านราเนียลุกขึ้นพลางเดินออกไปด้วยการตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องช่วยมารดาของตนให้ได้

    น่าแปลก...บริเวณทางเข้ายามนี้หาได้พบเจอทหารเวรยาม จึงทำให้ก้าวเข้าสู่เขตพื้นที่ส่วนตัวอย่างง่ายดาย ถึงกระนั้นหัวใจดวงน้อยก็เต้นระส่ำเมื่อได้กระทำผิดกฎของทางพระราชวัง คือ บุกรุกพื้นที่หวงห้ามนั่นเอง

    สองเท้าเล็กๆเหยียบลงบนพรมเปอร์เซียสีแดงสดซึ่งถูกปูพื้นระเบียงเป็นทางยาว ผนังสองด้านบุวอลเปเปอร์สีครีมรับกับเสาสีทองที่ตั้งอยู่ห่างๆอย่างลงตัว แชนเดอเลียร์คริสตัสบนเพดานสาดให้เห็นประติมากรรมปูนปั้นรูปร่างอ่อนช้อยสวยงามบ่งบอกรสนิยมเจ้าของที่รักในความเรียบง่ายและศิลปะเป็นส่วนใหญ่ มือบางลูบไล้ผลงานอันทรงคุณค่าอย่างสนอกสนใจจนหลงลืมเป้าหมายซึ่งตั้งใจไว้แต่แรก

    ท่านราเนีย...บริเวณนี้เป็นเขตพื้นที่หวงห้าม ท่านไม่อาจล่วงล้ำเข้าไปได้แม้จะมีตำแหน่งเป็นว่าที่คู่หมั้นของชีคลีธก็ตาม!”

    ทหารเวรยามสองนายเดินตรงเข้ามาหาโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว

    หากไม่มีการอนุญาตจากชีคลีธหรือชีคยัสซิม ผู้ใดก็ไม่อาจเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้!" ทหารอีกนายเอ่ยบอกเสียงเข้ม บีบคั้นความกลัวในหัวใจของหญิงสาวให้เอ่อล้นออกมา

    เอ่อ...คือ...ข้าหารู้ไม่ว่าพื้นที่นี้เป็นเขตหวงห้าม จึงได้เผลอไผลเข้ามาระหว่างเดินเล่นชมพระราชวัง ท่านราเนียจำใจโกหกเพื่อหลบเลี่ยงความผิด

    ถ้าเช่นนั้น...โปรดออกไปจากบริเวณนี้ด้วยครับ!” พวกเขาออกคำสั่งมากเสียกว่าร้องขอ จนสตรีสูงศักดิ์ไม่อาจปฏิเสธได้จึงจำใจเดินออกมา ทว่า เป็นจังหวะที่ชีคลีธกลับจากการทำงานพอดิบพอดี

    มีอะไรกัน? บุรุษหนุ่มกล่าวถามพลางเดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจระคนสงสัย

    ท่านราเนียได้เดินล่วงล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่หวงห้าม ทำให้พวกผมกล่าวเตือนแล้วบอกให้ออกไปครับ ทหารนายหนึ่งตอบด้วยความสัตย์

    คุณมีธุระอะไรกับผมหรือไม่? เขาถามเสียงเข้ม

    น่ากลัวจริงๆ...ยามที่นัยน์ตาสีน้ำตาลคมเข้มของคนตรงหน้าจดจ้องมองเธออย่างจับผิด ท่านราเนียพยายามสบตาอีกฝ่ายราวไม่รู้สึกถึงความกลัวที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน

    ไม่มีค่ะ เพียงแค่ฉันรู้สึกเบื่อๆเหงาๆเพราะไม่มีอะไรทำจึงได้ออกมาเดินเล่นชมพระราชวัง แต่บังเอิญผ่านมาทางนี้โดยไม่รู้ว่าเป็นพื้นที่หวงห้าม...ต้องขออภัยจริงๆค่ะคำตอบของหญิงสาวชั่งใจบุรุษหนุ่มอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะหันไปเอ่ยกับเหล่าทหารเวรยามซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน

    ท่านราเนียเป็นว่าที่คู่หมั้นของข้า ต่อไปให้เข้ามาในเขตนี้ได้ทุกเวลานอกเสียจากยามที่ข้าไม่อยู่เท่านั้น!”

    ครับ!!!” ผู้อยู่ใต้โอวาทตอบรับเสียงดัง

    ส่วนคุณ...ถ้าอยากเข้าไปก็ตามผมมา!” พูดจบรัชทายาทหนุ่มก็เดินนำเข้าไปด้านใน ทำให้ท่านราเนียรีบปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว

    ทั้งที่น้อยคนนักจะได้ล่วงล้ำเข้ามาในเขตนี้ แม้แต่พี่น้องต่างมารดาบางคนชีคลีธก็ยังไม่อนุญาตให้ย่ำกรายเหยียบย่างหากแต่เธอกลับได้รับในสิทธินั้น ความใจดีของเขาทำให้ท่านราเนียรู้สึกผิดจนลบล้างความตั้งใจแต่แรกเริ่มหมดสิ้น

    คุณกำลังจะไปไหนหรือทำอะไรเหรอคะ? น้ำเสียงหวานรีบกล่าวถามเมื่อรู้สึกว่ากำลังเดินตามเขาอย่างไร้จุดมุ่งหมาย

    ถามทำไม?

    เอ่อ...เผื่อฉันสามารถช่วยเหลือ หากคุณต้องการ...

    คนตามแทบยั้งฝีเท้าไว้ไม่ทันเมื่อร่างสูงโปร่งหยุดชะงักพลางหมุนตัวกลับมาจดจ้อง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาคร้ามด้วยหนวดเคราบางๆจนสตรีสูงศักดิ์อดใจหายไม่ได้

    คุณต้องการช่วยเหลือผมกระนั้นหรือ?

    ค่ะ... น้ำเสียงแผ่วเบานั้นบ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเองซึ่งถดถอยลงทุกขณะและสามารถดึงมุมปากของชีคลีธจนยกสูง

    ผมรู้สึกร้อนเพราะเพิ่งกลับมาจากที่ทำการรัฐเลยคิดจะไปอาบน้ำ...คุณช่วยผมอาบน้ำหน่อยละกัน

    ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางของอีกฝ่าย ก่อนฉุดรั้งโดยไม่ใส่ใจสีหน้าตื่นตระหนกของว่าที่คู่หมั้นอย่างรวดเร็ว

     

    สองมือเล็กๆที่ปิดหน้าซ้ำยังหลับตาปี๋ตั้งแต่ถูกลากตรงระเบียงทางเดินจนกระทั่งบัดนี้ สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาของชีคลีธถึงขนาดอดหัวเราะดังๆออกมาไม่ได้

    ฮ่าๆๆๆ...คุณจะหลับตาแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไร? คำถามนั้นสร้างความบูดบึ้งให้แก่สตรีสูงศักดิ์เป็นอย่างมาก

    คนบ้า! พาเข้ามาในห้องอาบน้ำยังจะถามอีก

    จนกว่าคุณจะอาบน้ำเสร็จ!” เธอตอบเขากลับไป ในใจก็อดตำหนิติเตียนตนเองไม่ได้ที่เผลอพูดโดยไม่ทันยั้งคิดให้ดี

    ถ้าเช่นนั้นคงอีกนาน

    คุณก็อย่าโอ้เอ้สิ!”

    เอ๊ะ...คนกำลังสบายคุณจะเร่งเร้าได้อย่างไร แล้วไม่คิดลืมตาขึ้นมองอะไรบ้างเหรอ...ผมสามารถทำให้คุณรู้สึกดีได้นะ น้ำเสียงกรุ้มกริ่มของอีกฝ่ายกระตุ้นหัวใจหญิงสาวให้เต้นดังทั้งยังร้อนผ่าว ใบหน้าคมสวยแดงระเรื่ออย่างเขินอาย

    บ้า!!! ฉันไม่ตลกด้วยนะ!” เธอแหวใส่เขา

    อารมณ์ร้อนจริง สงสัยต้องทำให้เย็นเสียแล้ว

    ซ่า!!!!!!!!!!!!

    สายน้ำเย็นฉ่ำกระเซ็นโดนเนื้อตัวจนท่านราเนียส่งเสียงวี้ดว้ายเมื่อหลงคิดว่าเขาวักน้ำจากอ่างมาสาดใส่ ทว่า ทันทีที่ลืมตาขึ้นมองอย่างตกใจสิ่งที่คิดก็ผิดถนัด เธอไม่ได้อยู่ในห้องอาบน้ำแต่กลับกลายเป็นสวนสวยบนระเบียงเสียนี่

    รอบกายรายล้อมด้วยสีเขียวสดใสจากต้นไม้พลางแต่งแต้มแกมด้วยสีสันจากดอกไม้นานาชนิด บ้างปลูกในกระถาง บ้างก็เลื้อยเถาพันเสาระเบียงจนกลายเป็นเพิงธรรมชาติไว้หลบความร้อนระอุจากแสงแดด พื้นหินอ่อนขัดมันเย็นไม่ต่างจากน้ำพุซึ่งกำลังพวยพุ่งขึ้นสูงอย่างสวยงามราวเด็กสาวเต้นระบำกลางสวนสวย

    คุณใช้น้ำจากน้ำพุสาดฉันเหรอ?

    ใช่...แล้วคิดว่าผมจะพาคุณเข้าห้องอาบน้ำจริงๆเหรอ ยังไม่ทันหมั้นกันเลยคุณก็คิดกับผมไปถึงไหนต่อไหนแล้วเหรอเนี่ย?

    คิ้วเข้มๆขมวดมุ่นจนท่านราเนียอดหมั่นไส้ไม่ได้ เมื่อพบว่าชายหนุ่มตรงหน้าช่างยียวนกวนประสาทเหลือเกิน

    ซ่า!!!!!!!!!!!!

    มือบางวักน้ำสาดใส่กลับไปบ้าง ชีคลีธถึงกับสะดุ้งตกใจกระโดดถอยห่างจากตรงนั้นสร้างเสียงหัวเราะเบาๆแก่ผู้เอาคืน

    คุณแก้แค้นผมเหรอเนี่ย

    ช่วยไม่ได้...คุณแกล้งฉันก่อน

    รัชทายาทหนุ่มปัดรอยน้ำบนชุดกันดูเราะห์สีขาวถึงกระนั้นก็ยังหลงเหลือคราบเปียกชื้น ก่อนจะทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวใต้ซุ้มดอกไม้สีสันต่างๆนานาพลางเอนกายพิงพนัก

    มานั่งตรงนี้สิ!”

    ไม่รู้ว่าเป็นคำร้องขอหรือคำสั่ง แต่หญิงสาวก็ยินยอมพร้อมใจปฏิบัติอย่างหาได้รังเกียจโดยนั่งเว้นระยะห่างจากเขานิดหน่อยตามความเหมาะสม จากมุมนี้สามารถมองเห็นสวนสวยบนระเบียงได้แทบทั้งหมด ไม้ดอกไม้ประดับล้วนชูช่อแข่งขันประชันกันสะพรั่งสวนประหนึ่งสวรรค์บนดินก็ไม่ปาน

    ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวของผม เวลาเครียดเรื่องงานหรือเรื่องต่างๆก็จะมานั่งหรือนอนตรงนี้เป็นประจำ

    มันสวยมากๆเลยค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะมีสวนบนระเบียงแบบนี้ในพระราชวัง

    ตลอดเวลาครึ่งเดือนที่อยู่ในพระราชวังเธอไม่เคยรับรู้เลยสักครั้ง ว่า...มีสถานที่วิเศษเยี่ยงนี้ ทุกอย่างงดงามจนราวกับความฝัน

    น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องสวนแห่งนี้ เนื่องจากสร้างบริเวณด้านหลังเขตหวงห้ามของพระราชวังที่มีการคุ้มกันหนาแน่นทั้งภายนอกและภายใน จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนเยี่ยมยอดที่สุด คำอธิบายของชีคลีธทำให้ท่านราเนียเข้าใจได้ไม่ยาก หากมีการคุ้มกันแน่นหนาด้านในด้วยแล้ว ด้านนอกเองก็คงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

    ทำไมถึงต้องห้ามปรามแม้กระทั่งญาติพี่น้องด้วยล่ะคะ?

    รู้หน้าไม่รู้ใจ...ไม่ว่าใครก็สามารถกลายเป็นปีศาจร้ายได้เพียงเพราะความละโมบโลภมาก ออ...แต่ผมก็ไม่ได้ห้ามทั้งหมดหรอกนะ เพราะคนที่สามารถเข้ามาในส่วนนี้ได้ คือ ท่านพ่อ คาฟาห์ ยามีล่า รวมถึงคุณอีกคน

    แล้วทำไมฉันถึงได้รับอนุญาตล่ะคะ? เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย

    ไม่รู้สิ...อาจเพราะอีกไม่นานคุณก็จะกลายมาเป็นภรรยา เอ่อ...ผมหมายถึง...เราจะต้องหมั้นและแต่งงานกันฉะนั้นปิดบังคงไม่ดี คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าหวานร้อนผ่าวอีกครั้ง ความรู้สึกบางอย่างเอ่อล้นในหัวใจดวงน้อยหากแต่เธอยังไม่รู้ว่าคืออะไร

    ออ...อย่างไรเสียผมก็ขอโทษแทนทหารเวรยามเหล่านั้นด้วย พวกเขาอาจพูดจาหรือประพฤติไม่เหมาะสมกับคุณ ชีคลีธกล่าวต่อเมื่อนึกขึ้นได้

    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ฉันเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ที่พวกเขาได้รับมอบหมาย แต่ตกใจนิดหน่อยเพราะตอนแรกไม่พบผู้ใดเฝ้าอยู่เลย

    เรื่องนี้ทำให้ท่านราเนียสงสัย หากเวลานั้นมีทหารเวรยามเฝ้าอยู่คงไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปจนถึงด้านในได้เป็นแน่

    คงเป็นช่วงผลัดเปลี่ยนเวรยามกระมัง

    ออ...เป็นเช่นนั้นเอง แต่จะว่าไปตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมางานยุ่งเหรอคะ ฉันแทบนับครั้งตอนเจอคุณได้เลย

    ชายหนุ่มทอดถอนหายใจพลางเอนกายลงนอนบนเก้าอี้เพื่อผ่อนคลายก่อนตอบคำถามอันน่าเหนื่อยหน่าย

    ช่วงนี้งานค่อนข้างรัดตัวพอสมควรเพราะใกล้พิธีหมั้นของพวกเรา อีกทั้งยังมีงานอื่นๆ เช่น เรื่องธุรกิจในประเทศและนอกประเทศ เรื่องกบฏ จนบางครั้งผมรู้สึกอิจฉาคาฟาห์...ไอ้หมอนั่นโชคดีที่ได้แยกออกไปอยู่รัฐของตนเอง ไม่ต้องเจอปัญหาภายในวังและนอกวังเพิ่มขึ้นเป็นภาระ

    แม้ภาระหน้าที่ในฐานะรัชทายาทจะหนักหนา หากแต่ท่านราเนียไม่เห็นด้วยกับความคิดของเขา

    ชีคคาฟาห์มีรัฐของเขา คุณเองก็มีรัฐของคุณเช่นกัน นั่นคือ รัฐยัสซิม ฉันไม่คิดว่าชีคคาฟาห์น่าอิจฉากว่าตรงไหนในเมื่อต้องจากครอบครัวออกไปไกลแต่คุณยังได้ใช้ชีวิตกับพวกเขา บางทีความใกล้ชิดอาจทำให้คุณยังมองไม่เห็นค่า แต่ถ้าวันหนึ่งต้องสูญเสียคนสำคัญ...คุณจะนึกดีใจกับชีวิตในตอนนี้

    เฉกเช่นเดียวกับหญิงสาว...เมื่อครอบครัวอันแสนอบอุ่นกำลังจะสูญหายไปจากชีวิต โดยหลงเหลือไว้เพียงความโหดร้ายป่าเถื่อนของบุคคลที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน คิดเพียงแค่นั้นความโศกเศร้าก็เริ่มมาเยือนอีกคราจนดวงตาคมสวยเอ่อล้นด้วยความเสียใจ แต่ต้องพยายามกล้ำกลืนฝืนทนไว้ไม่ให้ใครเห็นแล้วแสร้งชวนคุยต่อ

    ขอโทษนะคะ...ฉันไม่น่าพูดคุยเรื่องเครียดๆในสถานที่พักผ่อนของคุณเลย ทั้งที่บรรยากาศสวยงามขนาดนี้แต่กลับหม่นหมองเพราะฉันแท้ๆ

    ความเงียบทดแทนเสียงตอบรับจากชีคลีธ ท่านราเนียเหลียวมองดูคู่สนทนาก็พบ ว่า...เขาหลับไปเสียแล้ว

    คนบ้า...หลับก็ไม่บอก หลอกให้พูดคนเดียวตั้งนาน

    อีกฝ่ายพริ้มตาหลับราวกับต้องการหลบหนีจากปัญหาและความเหน็ดเหนื่อยทั้งหลายทั้งปวง ใบหน้าคมสันนั้นคร้ามด้วยหนวดเคราเพราะไม่มีเวลาแม้แต่จะสะสางเรื่องของตนเองจนสตรีสูงศักดิ์อดสงสารไม่ได้ มือบางช้อนใต้ศีรษะของว่าที่คู่หมั้นแล้ววางลงบนตักของเธออย่างนุ่มนวล นี่อาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่หญิงสาวพอช่วยผ่อนปรนความเหน็ดเหนื่อยของเขาแม้จะไม่มากมายแต่ทำด้วยความเต็มใจจริงๆ

    สายลมเย็นพัดพากลิ่นหอมของไม้ดอกนานาพันธุ์มาปัดเป่าความตึงเครียดที่มีให้มลายหายไปสิ้น เหล่าวิหกก็ต่างผกโผจับกิ่งก้านพฤกษาประหนึ่งการแสดงแห่งธรรมชาติซึ่งสร้างความสำราญแก่ผู้ชมอย่างท่านราเนียยิ่งนัก โดยเธอไม่อาจล่วงรู้เลยแม้แต่นิดเดียว ว่า... คนหลับที่นอนหนุนตักนั้นแอบอมยิ้มอยู่นานสองนาน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×