คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
ทหารหลายนายต่างโค้งศีรษะน้อยๆให้รัชทายาทหนุ่มที่เดินไปตามทางระเบียงเพื่อกลับบริเวณของตน
ซึ่งกินพื้นที่บริเวณฝั่งปีกขวาของพระราชวังเกือบทั้งหมด เนื่องจากชีคยัสซิมต้องการให้เขาได้มีความเป็นส่วนตัวและผ่อนคลายจากความเครียดเรื่องงาน
จึงกลายเป็นสถานที่หวงห้ามสำหรับคนภายนอกแม้แต่เหล่าญาติพี่น้องก็ไม่สามารถเข้ามาหากไม่ได้รับอนุญาต
เสียงฝีเท้าที่ดังตามหลังมาไม่ได้ทำให้เขาหยุดจนกระทั่งร่างเล็กของท่านยามีล่าปรี่ขวางหน้าเอาไว้
สองแขนกางปิดกั้นไม่ให้พี่ชายผ่านจนชายหนุ่มอดนึกขำไม่ได้เพราะในความจริงแค่ดันเบาๆแม่น้องสาวตัวดีก็คงกระเด็นแล้ว
“มีอะไรยามีล่า?” เขาถามถึงจุดประสงค์
“น้องมีเรื่องอยากถามเกี่ยวกับท่านราเนียค่ะ”
“มีอะไรรีบว่ามา...พี่เหนื่อยเหลือเกินอยากพักผ่อนเต็มทน”
ในตอนนี้ชีคลีธรู้สึกเมื่อยล้าเพราะการออกงานทั้งวัน
ยิ่งต้องมาคุยเรื่องผู้หญิงคนนั้นทำให้เพลียกว่าเดิม
“เหตุใดท่านพี่ลีธจึงเกลียดชังท่านราเนีย
น้องไม่เคยพบท่านพี่แสดงพฤติกรรมแย่ๆกับสตรีคนใดมาก่อนเลยนะคะ?”
บุรุษหนุ่มเหลียวมองเหล่าทหารที่ยืนเฝ้าทางเข้าออกของพื้นที่ส่วนตัวอย่างชั่งใจอยู่ชั่วครู่
“ตามพี่มา”
พูดจบร่างสูงโปร่งก็เดินนำสตรีสูงศักดิ์เข้าไปในบริเวณหวงห้ามก่อนเปิดประตูห้องทำงานแล้วดันตัวน้องสาวเข้าไป
และเมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงค่อยตอบคำถามนั้น
“พี่ไม่ไว้ใจในตัวราเนีย”
“ทำไมคะ?”
“พี่คิดว่าราเนียเป็นพวกกบฏ”
คำตอบของชีคลีธสร้างความตกใจให้แก่ท่านยามีล่าเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้เธอเข้าใจถึงสาเหตุที่เขาต้องพามาคุยในห้องทำงานส่วนตัว
เนื่องจากเรื่องนี้ค่อนข้างร้ายแรงพอสมควรและมีโทษถึงประหารชีวิตเลยทีเดียว
“เหตุใดท่านพี่จึงคิดเช่นนั้นคะ?”
“น้องรู้เกี่ยวกับประเทศของเราอยู่แล้วยามีล่า
ว่า...ท่านพ่อเพิ่งก่อตั้งสหรัฐอาหรับฟาเราะห์ได้แค่สามสิบปี ซึ่งก่อนหน้านี้มีการช่วงชิงอำนาจระหว่างชนเผ่าต่างๆบ่อยครั้ง
การปฏิรูประบอบการปกครองของท่านพ่อทำให้หลายชนเผ่ายอมรับและสนับสนุนเป็นกษัตริย์
ต่อมาจึงแต่งตั้งผู้นำบางเผ่าขึ้นปกครองรัฐต่างๆที่รวมจากชนเผ่าน้อยใหญ่กลายเป็นประเทศ”
“ภายหลังท่านพ่อก็แต่งตั้งรัฐนูมานเป็นรัฐอารักขา
ตามด้วยสถาปนารัฐคาฟาห์ขึ้นใหม่เพื่อให้ท่านพี่คาฟาห์ไปปกครองดูแล
เพราะสองรัฐนี้จะขนาบรัฐยัสซิมซึ่งเป็นเมืองหลวงเอาไว้เหมือนเกราะป้องกัน” ท่านยามีล่าตอบตามที่ได้รู้มาจากปากต่อปาก
“น้องเข้าใจ
ว่า...แท้จริงแล้วการแต่งตั้งรัฐนูมานเป็นรัฐอารักขาเพื่อปกป้องรัฐยัสซิมสินะ?”
“ใช่ค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นพี่จะบอกความจริงที่ท่านพ่อเคยเล่าให้ฟัง
ว่า...ศัตรูของเผ่ายัสซิมในอดีต คือ เผ่านูมาน
ต่างฝ่ายต่างแข็งแกร่งจนยากจะล้มล้าง
แต่ท่านพ่อได้รับความนิยมจากประชาชนต่างรัฐมากกว่าจึงได้ขึ้นปกครองประเทศแทนชีคนูมาน
อูล่าห์ แน่นอนว่าความยิ่งใหญ่ของเผ่านูมานก่อเกิดเป็นรัฐนูมาน
ตอนนี้น้องเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นหรือไม่?”
“อย่าบอกนะคะ
ว่า...ท่านพ่อแต่งตั้งรัฐนูมานเป็นรัฐอารักขาเพื่อจับตาเฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด”
“ถูกต้อง! แล้วการที่ทางรัฐนูมานส่งราเนียมาหมั้นหมายเมื่อรู้ว่าพี่ได้เป็นรัชทายาท
น้องจะไม่แปลกใจหรือสงสัยบ้างหรืออย่างไร?” คำถามของพี่ชายสร้างความคลางแคลงใจแก่ท่านยามีล่าพอสมควร
ทว่า เธอก็ยังหาได้เชื่อมั่นว่าท่านราเนียจะมีส่วนรู้เห็นเรื่องราวเหล่านี้
“น้องคิดว่าท่านพี่ลีธอาจระแวงมากเกินไป”
“เหตุใดน้องจึงคิดเช่นนั้น?” เขาถามด้วยความสงสัย
“ในตอนนี้ชีคนูมานก็สิ้นไปแล้วทำให้ชีคอัปดุลขึ้นครองตำแหน่งผู้นำรัฐแทน
ท่านพี่คิดว่าเรื่องในอดีตจะถูกนำมาปลุกปั่นถึงรุ่นลูกกระนั้นหรือคะ?” คราวนี้เป็นฝ่ายชีคลีธที่ชะงักเมื่อโดนย้อนถามกลับมา “อีกประการ...อย่างไรเสียท่านราเนียก็เป็นสตรี น้องมิเห็นสมควรที่ท่านพี่จะแสดงพฤติกรรมแย่ๆกับเธอทั้งคำพูดและการกระทำโดยไร้หลักฐานว่าเป็นกบฎหรือไม่
หากผู้ใดได้ยินเข้าจะเสื่อมเสียถึงเกียรติยศในภายภาคหน้า
ทั้งวันนี้ยังปล่อยให้ท่านราเนียกลับมาเพียงลำพัง...ช่างอันตรายเหลือเกิน”
“จะอันตรายได้อย่างไร...ในเมื่อรัฐยัสซิมมีความปลอดภัยเข้มงวด
แม้จะเป็นรองรัฐคาฟาห์ก็เถอะ!”
“ตอนนี้ท่านราเนียเป็นที่รู้จักทั่วประเทศในฐานะว่าที่คู่หมั้นของรัชทายาท หากมีผู้ก่อการร้าย หรือ กบฏจริงๆแล้วหล่อนไม่เกี่ยวข้องจะไม่อันตรายกระนั้นหรือคะ?”
สตรีสูงศักดิ์ก้าวออกจากห้องทำงานส่วนตัวของชีคลีธอย่างไม่สนใจสีหน้าของพี่ชายซึ่งไม่สู้ดีนัก
คำพูดของท่านยามีล่าค่อนข้างมีเหตุผลพอสมควร หากท่านราเนียต้องเดือดร้อนโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
หรือ ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาคิดมากจนเกินไปคงรู้สึกผิดจนวันตายเป็นแน่
แสงอาทิตย์สาดจากประตูระเบียงซึ่งเปิดกว้างเข้ามากระทบดวงหน้าหวานที่พริ้มตาหลับบนเตียงขนาดใหญ่
มือบางยกขึ้นปิดตาอย่างรำคาญพลางก้มลงแนบหมอนหนาฟูฟ่องด้วยความงัวเงีย
“ชาไมราห์...แสบตาจังเลย” เธอเอ่ยบอกเสียงดัง
“ถ้าเช่นนั้นก็ตื่นได้แล้ว...แม่คนขี้เซา”
“นี่มันยังเช้าอยู่เลยนะ” ท่านราเนียตอบพลางตั้งท่าจะนอนต่อ แต่แล้วก็เริ่มเอะใจอะไรบางอย่างเนื่องจากสาวใช้คนสนิทไม่เคยปลุกด้วยวิธีแบบนี้
อีกทั้งน้ำเสียงของอีกฝ่ายก็แปร่งแปลกและห้วนพิลึกจึงได้ค่อยๆลืมตาขึ้นมองดู พลัน
ต้องตกใจเป็นอย่างมากเมื่อพบชายหนุ่มในชุดกันดูเราะห์กำลังยืนอยู่ตรงระเบียง
“กรี๊ดดด...คุณเข้ามาในห้องฉันได้อย่างไรเนี่ย!”
“ผมเข้ามาทางประตู”
มือหนาชี้ไปทางประตูอย่างยียวนกวนประสาท
แต่นั่นไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเลย
“ฉันหมายถึง...คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาในห้องของฉัน!” ท่านราเนียตวาด
“ทำไมจะไม่มี...ในเมื่อผมเป็นว่าที่คู่หมั้นของคุณ
อีกหน่อยก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว” เขาตอบพร้อมส่งยิ้มให้
สตรีสูงศักดิ์พยายามอดทนไม่ต่อล้อต่อเถียงแล้วถามถึงจุดประสงค์ทันที
“คุณมีธุระอะไรกับฉัน?”
“รีบอาบน้ำแต่งตัว...ผมจะพาคุณไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า!” คำสั่งนั้นเลิกคิ้วโก่งสวยของท่านราเนียขึ้นสูงอย่างประหลาดใจพอสมควร
“คุณจะพาฉันไปเนี่ยนะ?”
“ใช่...มันเป็นคำสั่งของท่านพ่อ
ถ้ารู้แล้วก็รีบปฏิบัติตาม ส่วนผมจะไปรอที่โถงด้านล่าง!”
ชีคลีธทำท่าจะเดินออกจากห้อง
แต่แล้วก็หยุดชะงักแล้วหันกลับมามองหญิงสาวบนเตียงอีกครั้ง
“มีอะไรอีก!” เธอร้องถาม
“คราวหน้าใส่ชุดนอนยั่วกว่านี้อีกหน่อยนะ” คำพูดของเขาทำให้ท่านราเนียก้มลงมองตัวเองอย่างตกใจเมื่อพบ
ว่า...ชุดที่สวมใส่อยู่นั้นไม่ค่อยเรียบร้อยจากการนอน
“กรี๊ดดดด...คนลามก
ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลย!” เธอกรีดร้องพลางหยิบผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกายเอาไว้
“เฮ้อ...จะโวยวายทำไม
อีกหน่อยก็ต้องเห็นอยู่แล้ว!”
พูดจบเขาก็รีบออกจากห้องแล้วปิดประตูก่อนที่หมอนใบโตจะถูกเขวี้ยงมา
เสียงวี้ดว้ายดังตามหลังทำให้รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของชีคลีธเมื่อนึกขำกับท่าทางของอีกฝ่าย
ห้างสรรพสินค้าในวันนี้ค่อนข้างมีผู้คนหนาตา
จึงทำให้ชายหนุ่มหญิงสาวกลายเป็นจุดสนใจพอสมควรเมื่อหลายคนจดจำได้ว่าทั้งคู่คือใคร
แม้ท่านราเนียไม่ค่อยอยากออกมาซื้อของกับชีคลีธแต่เมื่อเป็นคำสั่งชีคยัสซิมจึงไม่อาจขัด
โชคดีที่ชาไมราห์ได้รับอนุญาตให้ติดตามจึงลดความกังวลพอสมควร
อาจเพราะยามอยู่รัฐนูมานหญิงสาวไม่ค่อยไปเที่ยวที่ไหน
ต้องอยู่คฤหาสน์เป็นส่วนใหญ่เพราะไม่มีกิจธุระสำคัญเฉกเช่นโอรสธิดาของชายาเอกซึ่งมักออกงานต้อนรับท่านผู้นำรัฐต่างๆบ่อยครั้งสมัยที่ท่านพ่อยังคงมีชีวิต
ครั้นจะออกไปซื้อข้าวของด้วยตัวเองก็ใช่เรื่อง...ในเมื่อมีสาวใช้คอยสรรหามาให้ การมาเที่ยวห้างสรรพสินค้าต่างรัฐครั้งนี้จึงสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ท่านราเนียพอสมควร
ชีคลีธไม่ได้สนใจข้าวของอะไรเป็นพิเศษพลางเดินตามท่านราเนียเข้าร้านโน้นออกร้านนี้พร้อมชาไมราห์อย่างสนอกสนใจ
เพราะเธออยากได้ไปหมดเสียทุกอย่าง ทั้งข้าวของ เครื่องใช้ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ซื้อสักที ราวกับเด็กที่นานๆได้ออกจากบ้านสักครั้งแล้วตื่นตาตื่นใจกับรอบข้างมากกว่าสนใจซื้อของ
จวบจนมาหยุดยังร้านเครื่องประดับแห่งหนึ่ง
เครื่องประดับมากมายถูกวางกองบนเคาน์เตอร์อย่างละลานตา
ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ ต่างหู สร้อยข้อมือ กำไล แหวน และ สร้อยข้อเท้า
ทั้งหมดล้วนมีราคาจนทำให้ท่านราเนียต้องตัดสินใจเลือกซื้อแค่ชิ้นถึงสองชิ้นอย่างรักพี่เสียดายน้อง
“สร้อยคอเส้นนี้ทำจากเพชรแฟนซีไดมอนด์สีชมพูและเจียระไนละเอียดถึงห้าสิบสองเหลี่ยม
แต่ถ้าท่านราเนียต้องการใส่สบายๆ...สร้อยคอเส้นนั้นก็เหมาะเพราะทำจากมรกตสีเขียวอมฟ้า
ส่งตรงจากเหมืองชิวอร์ โคลัมเบียเลยนะคะ” พนักงานขายพยายามแนะนำสินค้ามีคุณภาพที่สุดในร้านให้หญิงสาวซึ่งกำลังตัดสินใจมานานกว่าครึ่งชั่วโมง
จนชายหนุ่มเพียงคนเดียวต้องเอ่ยตัดบท
“เอามาทั้งหมดเลยละกัน!”
“นี่คุณ...ทั้งหมดราคาเป็นล้านเลยนะ
แล้วฉันก็ไม่มีปัญญาจ่ายด้วย” ท่านราเนียร้องบอกเบาๆ
ขณะที่พนักงานสาวรีบจัดแจงนำเครื่องประดับใส่ถุงแล้วคิดเงินอย่างว่องไว
“ผมไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดพาผู้หญิงมาช็อปปิ้งแล้วให้ออกเงินเองหรอกนะ” พูดจบเขาก็ล้วงเช็คออกมากรอกจำนวนเงินตามใบแจ้งยอดแล้วส่งแลกกับถุงใส่เครื่องประดับพลางยื่นให้ชาไมราห์ถือไว้ท่ามกลางความตกตะลึงของท่านราเนีย
ใครจะนึกถึง ว่า...ผู้ชายร้ายกาจอย่างชีคลีธจะใจดีกับเธอครั้งแรก!
ถาดใส่แฮมเบอร์เกอร์ปลา
เฟรนด์ฟราย นักเก็ตไก่ และ น้ำอัดลม จำนวนสามที่
ถูกวางลงบนโต๊ะโดยชีคลีธถือมาบริการ ท่านราเนียมองดูผู้คนมากมายภายในร้านฟาสต์ฟู๊ดด้วยความหวาดระแวงเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มานั่งกินอาหารท่ามกลางสาธารณชน
แม้เป็นแค่ธิดาซึ่งกำเนิดจากชายารองแต่ชีคนูมานผู้เป็นบิดาก็ไม่ประสงค์ให้ทำเรื่องส่วนตัวในที่สาธารณะ
ส่วนชาไมราห์ก็ได้รับอนุญาตจากชายหนุ่มให้นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันอย่างเสมอภาค
“นี่คุณ...มากินอาหารในที่แบบนี้จะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?” เธอเอ่ยถามเขาซึ่งบัดนี้นั่งลงยังฝั่งตรงข้าม
“จะเป็นอะไรได้อย่างไร
ใครๆเขาก็กินกัน”
“ไม่ใช่! ฉันหมายถึง...มันจะดูเหมาะสมเหรอ ในเมื่อคุณเองก็เป็นถึง...” ท่านราเนียยั้งคำพูดเอาไว้เพราะไม่มั่นใจว่าสมควรกล่าวหรือไม่
“ตำแหน่งรัชทายาท
มันก็แค่สิ่งที่สร้างหรืออ้างขึ้นมาเท่านั้น ไม่ว่าจะมีตำแหน่งสูงส่งหรือต่ำต้อย
ร่ำรวยล้นฟ้าหรือยากจนข้นแค้น ก็ล้วนเป็นคนที่ต้องกินทั้งนั้น
อาหารจะดีหรือไม่ดีควรดูจากราคาหรือคุณค่าที่ร่างกายได้รับล่ะ?”
“อืมมม...ก็จริง
คุณดูเป็นกันเองกว่าที่ฉันคิดนะ”
“เพิ่งรู้เหรอ?” เขาย้อนถามอย่างกวนๆ
“แต่ฉันรู้มานานแล้วนะคะ” ชาไมราห์สวนตอบอย่างอารมณ์ดี ทำให้ผู้เป็นนายรีบหันมองด้วยสายตาดุดัน
ส่วนชีคลีธก็หัวเราะเบาๆอย่างไม่ถือสาหาความ
“ฉันหมายถึง...คุณค่อนข้างใช้ชีวิตเรียบง่ายและเป็นกันเองในที่สาธารณชนแบบนี้” ท่านราเนียอธิบายให้ชัดเจนมากขึ้น
“ผมจะเป็นกษัตริย์ที่ดีได้อย่างไร
หากไม่เข้าถึงประชาชนจริงๆ”
สตรีสูงศักดิ์มองชีคลีธที่เริ่มกัดแฮมเบอร์เกอร์เข้าปากอย่างไม่สนใจรอบข้างด้วยความนึกไม่ถึง
นี่เป็นมุมมองใหม่ๆในตัวของเขาซึ่งเธอไม่เคยพานพบกับตัวเองมาก่อน
ทั้งความเป็นสุภาพบุรุษและคำพูดคำจามีเหตุผลล้วนสร้างความประทับใจจนอดชื่นชมลึกๆไม่ได้
“แล้วคุณมาเดินเล่นหรือกินอาหารที่นี่บ่อยๆเหรอคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อผู้คนส่วนใหญ่เหลียวมองเป็นบางครั้งบางคราว
แต่หาได้มีใครแสดงทีท่าประหลาดใจหรือตื่นตระหนกเพราะได้พบรัชทายาทของประเทศในสถานที่แบบนี้
“ใช่...แต่ไม่ได้มาในตำแหน่งนี้หรอกนะ
คุณคงไม่รู้ว่าก่อนขึ้นรับตำแหน่งรัชทายาทเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา
ผมทำงานเป็นนักข่าวสายการเมืองประจำสำนักข่าวแห่งรัฐคาฟาห์”
“เอ๊ะ...ทำไมต้องไปทำอาชีพนั้นด้วยล่ะคะ?”
“เพราะท่านพ่อต้องการให้ผมฝึกฝนงานต่างๆเยี่ยงสามัญชนเพื่อทำความเข้าใจประชาชน
ผมจึงเลือกเรียนและทำงานด้านข่าวสายการเมืองจะได้สะดวกระหว่างเดินทางติดต่อทั้งภายในและภายนอกพระราชวัง
ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีเพราะตลอดเวลาเกือบสิบปีที่ได้พบเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน
ทำให้ผมสามารถเก็บประสบการณ์ต่างๆได้มากมาย” ชีคลีธตอบตามตรงแล้วยิ้มน้อยๆ
“คุณยิ้มทำไม?” ท่านราเนียเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“ก็คุณยิ้มก่อน...ประทับใจผมล่ะสิ!”
ในตอนนั้นเองมือหนาก็คว้าหมับเข้าที่แฮมเบอร์เกอร์ปลาในส่วนของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว
“เอ๊ะ...คุณจะทำอะไรน่ะ?”
“ผมเห็นคุณไม่กินสักที...เลยนึกว่าไม่เอา”
“ใครบอก...ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ว่าแล้วเธอก็ตีลงบนมือของอีกฝ่ายดังเพี้ยะจนเขาต้องรีบปล่อย
ท่านราเนียไม่รอช้าหยิบอาหารกลับไปแล้วเริ่มลงมือกินทันที
ความสนิทสนมของทั้งคู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆส่งผลให้ชาไมราห์และคนอื่นๆรู้สึกดี
ไม่ต่างจากชีคลีธซึ่งสบายใจกว่าที่เคยเป็น เมื่อเขาพยายามเก็บเรื่องราวต่างๆหลังพูดคุยกับท่านยามีล่าเมื่อวานแล้วนำไปไตร่ตรองตลอดทั้งคืน
จนในที่สุดก็ตัดสินใจลดอคติที่มีต่อท่านราเนียอย่างไม่ยึดติดกับความคิดไร้เหตุผลและไร้หลักฐานของตนเอง
รถยุโรปคันงามแล่นเข้ามาจอดในพระราชวังก่อนเวลาพลบค่ำพอดิบพอดี
ท่านผู้นำประเทศซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่บริเวณสวนหย่อมด้านหน้าเหลียวมองเด็กๆแล้วคลี่ยิ้มทักทาย
“พวกเจ้าไปไหนกันมาทั้งวัน?”
ท่านราเนียปรี่เข้าไปหาชีคยัสซิมแล้วถวายความเคารพอย่างนอบน้อม
“ออกไปห้างสรรพสินค้ามาค่ะ...ขอบคุณมากนะคะ”
คิ้วหนาเข้มขมวดมุ่นอย่างสงสัยในคำพูดและการกระทำของว่าที่ลูกสะใภ้ยิ่งนัก
“ราเนีย...เจ้าขอบคุณข้าด้วยเรื่องอะไร?”
“ฉันขอบคุณเรื่องที่ท่านให้ชีคลีธพาไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าค่ะ”
คำตอบฉะฉานนั้นทวีความงุนงงแด่ผู้อาวุโสมากยิ่งขึ้น
“เอ๊ะ...ข้าพูดตอนไหน?”
“เอ่อ...ท่านพ่อครับ
พวกเรารีบเข้าไปรอมื้อเย็นที่ห้องอาหารกันเถอะครับ ผมรู้สึกหิวแล้ว!” ชีคลีธตัดบทสนทนาของทั้งคู่พลางประคองชีคยัสซิมเข้าไปในอาคารอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางความแปลกประหลาดใจของท่านราเนีย
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
“ชีคลีธตั้งใจพาท่านราเนียไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า
คนอะไรทั้งหล่อเหลา สง่างาม ใจดี และเป็นสุภาพบุรุษ” คำชื่นชมของชาไมราห์เฉลยคำถามค้างคาใจให้สตรีสูงศักดิ์จนใบหน้าคมสวยร้อนผ่าว
เธอไม่นึกเฉลียวใจเลยแม้แต่น้อย ว่า...เรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับชีคยัสซิม ความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นในหัวใจของหญิงสาวเป็นระยะจนอดชื่นชมเขาอยู่ลึกๆไม่ได้
“เห็นมั้ยคะ...ชีคลีธเป็นคนดีจริงๆ” สาวใช้คนสนิทยังคงสรรเสริญชายหนุ่มไม่ขาดปากจนผู้เป็นนายต้องชม้ายตามองค้อนแล้วเดินหนีเข้าอาคารไปด้วยความรู้สึกเขินอาย
ทว่า เสียงฝีเท้าที่ดังไล่หลังมาทำให้เธอต้องหยุดชะงัก
“ท่านราเนียครับ!”
ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาหาพลางยื่นซองจดหมายปิดผนึกส่งให้อย่างรวดเร็ว
“จดหมายจากผู้ใด?”
“จากพี่ชายของท่านราเนียครับ”
คำตอบนั้นสร้างความยินดีเป็นอย่างมาก
มือบางเอื้อมรับจดหมายมาถือไว้ด้วยหัวใจที่ปรีดิ์เปรม
ทหารนายนั้นโค้งศีรษะน้อยๆแล้ววิ่งออกไปอย่างว่องไว
ไม่ต่างจากสตรีสูงศักดิ์ที่รีบกลับขึ้นห้องตนเอง โดยไม่ใส่ใจชาไมราห์ซึ่งยังคงยืนมองทหารชายจนลับสายตาด้วยความสงสัยอะไรบางอย่าง
ทันทีที่ถึงห้องส่วนตัวท่านราเนียก็รีบตรงดิ่งไปยังโต๊ะเขียนหนังสือแล้วเปิดโคมไฟดวงเล็ก
ทว่า เมื่อได้พิจารณาซองจดหมายฉบับนั้นอย่างถี่ถ้วนก็ต้องประหลาดใจ ไม่มีการจ่าหน้าซอง
ติดแสตมป์ และ ปั้มตราประทับ ดั่งเช่นจดหมายตอบกลับของท่านพี่ราชิด
พอวิเคราะห์แล้ว...คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอเพิ่งส่งจดหมายตอนเช้าตรู่แต่ได้รับการตอบกลับมาในตอนเย็นซึ่งค่อนข้างรวดเร็วจนผิดปกติ
ทุกอย่างกระจ่างแจ้งทันทีที่ซองจดหมายถูกเปิด
เพราะพี่ชายคนนั้น คือ ชีคอัปดุล อูล่าห์ !
การส่งจดหมายมาครั้งแรกของพี่ชายต่างมารดาไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกตกใจมากไปกว่าข้อความภายในนั้น
…………………………….....…………………………….....……………………
ถึง ราเนีย
พี่หวังว่าการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในรัฐยัสซิมของน้องจะมีความสุขดี
สื่อต่างๆที่ออกข่าวทำให้พี่พึงพอใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าน้องนั้นได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติในฐานะของว่าที่คู่หมั้นชีคลีธ
โมฮัมหมัด ทว่า พี่มิปรารถนาให้น้องลืมตำแหน่งอันแท้จริง แม้ต้องพลัดถิ่นฐานบ้านเกิดจะใกล้หรือไกลอย่างไรเสียน้องก็ยังเป็นธิดาของชีคนูมาน
และ ตอนนี้ก็ยังเป็น น้องสาวของชีคอัปดุล ผู้ปกครองรัฐนูมาน
ดังนั้น...พี่จึงหมายให้น้องช่วยเหลือ
โดยการแอบนำเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจการเงินของรัฐยัสซิมส่งมาให้พี่โดยผ่านทหารคนที่ส่งจดหมายฉบับนี้ให้น้อง
จาก ชีคอัปดุล
…………………………….....…………………………….....……………………
ภายในหัวของท่านราเนียงุนงงสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าชีคอัปดุลต้องการสื่ออะไร? แล้วเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจการเงินของรัฐยัสซิมเกี่ยวข้องกับรัฐนูมานอย่างไร?
หญิงสาวไม่รีรอให้ความสงสัยครอบคลุมไปมากกว่านี้
รีบหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาพี่ชายต่างมารดาอย่างรวดเร็ว
“เหตุใดท่านพี่จึงต้องการเอกสารทางการเงินของรัฐยัสซิมคะ?” ทันทีที่ปลายสายตอบรับเธอก็ถามทันที
“ทำไมน้องต้องถามพี่ให้มากความ
เพียงแค่นำมันมาให้พี่ก็เพียงพอ!!!”
อีกฝ่ายไม่แถลงไขให้เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“น้องจะไม่ทำหากท่านพี่ไม่บอก!”
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ถามหรือเล่นแง่
เป็นแค่ธิดาชายารองหาได้มีอำนาจอันใดมาต่อรองกับข้าที่เป็นโอรสของชายาเอกและเป็นชีคผู้นำรัฐ
ณ ขณะนี้ ข้าสั่งอะไรเจ้าก็ควรกระทำตาม!!!”
ชีคอัปดุลตวาดกลับมาด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ตะ...แต่ว่า...หากท่านพี่ต้องการให้น้องกระทำในสิ่งอันไม่สมควรหรือคิดไม่ซื่อต่อรัฐยัสซิม
นั่นหมายถึงกบฏนะคะ!” เธอตอบกลับไป
“แล้วคิดว่าข้าส่งเจ้ามาเป็นคู่หมั้นด้วยสาเหตุใดกันเล่า!”
“อย่าบอกนะคะ
ว่า...ท่านพี่ส่งน้องมาเป็นสายสืบเรื่องภายในพระราชวังเพื่อก่อการกบฏ”
“ราเนีย...เจ้าฉลาดขึ้นแล้วนะ
ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะที่ดังเล็ดลอดจากปลายสายทำให้หัวใจหญิงสาวสั่นสะท้านไม่ต่างจากมือบอบบางซึ่งพยายามประคับประคองโทรศัพท์และสติอย่างสุดความสามารถ
เพราะเรี่ยวแรงทั้งหมดกำลังอันตราธานหายไปราวต้องสาป
“นะ...น้องไม่ทำ!!!” เธอพยายามแข็งใจขัดคำสั่ง แม้ให้ตัดพี่ตัดน้องก็ยินยอมเพื่อรักษาความถูกต้อง
“หากกล้าก็ลองดู
แต่อย่าได้ลืม ว่า...ท่านกาเนียมารดาของเจ้าอยู่กับพวกข้า หรือ เจ้าปรารถนาส่งนางไปพบกับท่านพ่อเร็วๆล่ะ!” คำขู่กรรโชกช่างโหดร้ายจนเกินทน ท่านราเนียคาดไม่ถึงจริงๆว่าพี่ชายร่วมสายเลือดครึ่งหนึ่งจะทำกับเธอและแม่ราวไม่ใช่มนุษย์เยี่ยงนี้
“อย่าทำอะไรท่านแม่นะ!!!” หญิงสาวร้องบอกด้วยความหวาดกลัว
“ถ้าเช่นนั้นก็จงทำตามคำสั่ง
หาทางตีสนิทชีคลีธแล้วนำเอกสารทางการเงินส่งมาให้ข้า
ออ...หลังจากนี้ไม่ต้องโทรมาอีกเพราะหากแผนการรั่วหลุดออกไปเจ้ากับแม่จะไม่มีวันได้พบหน้ากันอีกตลอดกาล!”
ปลายสายถูกตัดพร้อมน้ำตาใสๆไหลหยาดอาบเต็มใบหน้าของสตรีสูงศักดิ์
ร่างบางทรุดลงบนพื้นแล้วสะอื้นอย่างเสียใจที่สุดในชีวิต
เธอควรทำอย่างไร...ในเมื่อความถูกต้องคาบเกี่ยวด้วยความเป็นความตายของบุพการี
แล้วแบบนี้ศักดิ์ศรีกับชีวิตจะต่างอะไรจากการประณามหยามเหยียดของชีคลีธซึ่งเคยกล่าวไว้แต่แรก
เพราะเพิ่งรู้ตัว ณ บัดนี้ ว่าเป็น ‘กบฏ’ โดยไม่ตั้งใจ!
ความคิดเห็น