ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bloody-Rose ปริศนาหัวใจ เจ้าชายแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 : สัญญาระหว่างกัน

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 61


    ตอนที่ 5 : สัญญาระหว่างกัน

             สองวันมาแล้วที่มิยูกิรู้สึกว่าตัวเองอยู่อย่างสงบสุขได้บ้าง เธอไม่เห็นเหตุการณ์กุหลาบสีแดงอีกในช่วงสามวันที่ผ่านมาหลังจากเหตุการณ์อันวุ่นวายในวันนั้นและไม่พบหน้ารุ่นพี่โชเฮอีกเลย แต่ถึงกระนั้นรุ่นพี่กาเอลก็ยังโผล่หน้าคร่าตามาให้เห็นอยู่บ่อยๆ เพราะเขาต้องมารับผิดชอบหน้าที่ในส่วนที่รุ่นพี่โชเฮไม่ได้มาทำนั่นเอง
             สาวๆหลายคนบ่นหาถึงชายหนุ่มที่หายหน้าไปด้วยความคิดถึงแทบทุกคน แต่มิยูกิกลับยินดีเสียมากกว่าที่ไม่เห็นเขา แม้ลึกๆจะรู้สึกเป็นห่วงนิดหน่อยเพราะคิดถึงการกระทำของตัวเองว่ามันอาจจะแรงเกินไป
             “เขาจะเป็นอะไรมากมั้ยนะ? เฮ้ย!!!...แล้วทำไมต้องไปคิดถึงอีตานั่นด้วยเนี่ยหญิงสาวตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อลบความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้น มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอกับความชั่วร้ายที่เขากระทำ แค่โดนปาไม้กางเขนใส่ยังไม่สาสมกับชีวิตผู้คนที่เขาเข่นฆ่าไปเลยแม้แต่น้อย
             “เพื่อนเธอนี่ท่าทางจะอาการหนักนะเนี่ย เดี๋ยวพูดกับตัวเอง เดี๋ยวทำร้ายตัวเองฮิคารุทักขึ้นเมื่อมองดูพฤติกรรมหญิงสาวบนเตียงด้านบนฝั่งตรงข้าม
             “ฉันชินแล้วล่ะเรนะตอบกลั้วหัวเราะขณะกำลังทำการบ้านที่โต๊ะเขียนหนังสือไปด้วย
             “อะไรกัน...ฉันไม่ได้บ้านะยะ!มิยูกิแว้ดกลับมาจนฮิคารุหัวเราะเบาๆ
             “คนบ้าก็ชอบบอกว่าตัวเองไม่บ้า เหมือนกับ คนเมาที่ชอบบอกว่าตัวเองไม่เมานั่นแหละ
             “แต่ฉันไม่ได้บ้าจริงๆนะ...หญิงสาวเอ่ยพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นจนฮิคารุนิ่งไปชั่วขณะพลางพูดว่า
             “อะไรกัน...ก็แค่แซวเล่นเท่านั้นล่ะ อย่าขี้แยไปหน่อยเลยน่า พวกผู้หญิงนี่น่าเบื่อจริงๆเธอพูดพลางเอนตัวลงไปนอน
             “เฮอะ...พูดยังกับตัวเองไม่ใช่ผู้หญิง ยัยทอมบอยเอ้ย...!!!เรนะหันไปแขวะเบาๆ
             “เรนะ!!!มิยูกิปรามเพื่อนสาวเพราะกลัวว่าสองคนนี้จะทะเลาะกันเสียก่อน แต่ศึกก็สงบเพราะฮิคารุไม่ใส่ใจผล็อยหลับไปโดยง่าย ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นเรนะก็วางการบ้านก่อนสลบไสลลงบนเตียงแม้จะยังทำไม่เสร็จก็ตาม จนหญิงสาวอดถอนหายใจเบาๆไม่ได้ เฮ้อ...
             นาฬิกาบนผนังบ่งบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วแต่มันก็หาได้ทำให้มิยูกิหลับลงได้ เธอยืนเกาะขอบหน้าต่างพลางมองกุหลาบสีขาวเบื้องล่างที่กำลังไหวเอนตามแรงลม วันนี้มันก็คงไม่ได้กลายเป็นสีแดงเพราะไร้เงาของเขาคนนั้น ไม่รู้เพราะอะไร...ทั้งๆที่เธอคิดว่าสิ่งที่โชเฮได้รับนั้นสมควรแล้ว แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจยังไงไม่รู้
             “ไปดูสักหน่อยดีมั้ยนะ?” เธอครุ่นคิดอย่างลังเลเพราะในตอนนี้ไม้กางเขนสักอันก็ไม่มี เนื่องจากโดนรุ่นพี่กาเอลยึดเอาไปแล้ว แต่เอาเถอะ...อีตารุ่นพี่โชเฮคงไม่โผล่พรวดพราดออกมา ส่วนรุ่นพี่กาเอลก็ไม่กลัวไม้กางเขน จะเอาไปหรือไม่เอาไปคงไม่มีผลอะไรมาก หญิงสาวปลงตกพลางค่อยๆแอบย่องออกไปจากห้องพัก...
             ปัญหาใหญ่ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องการแอบออกมานอกห้องพักยามวิกาล แต่เป็นเรื่องที่เธอไม่รู้ว่ารุ่นพี่ทั้งสองคนนั้นพักอยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะรายชื่อที่ติดไว้ตรงกระดานข่าวหน้าห้องทะเบียนก็ไม่มีชื่อพวกเขาว่าพักอยู่ห้องไหนในหอชาย...
             แสงไฟสีส้มที่เปิดเป็นจุดๆเว้นระยะห่างๆกันตรงระเบียงอาคารที่ทอดยาว แม้จะช่วยให้ความมืดเจือจางลงไปได้แต่ก็สร้างบรรยากาศอันไม่น่าพิสมัยอยู่ดี สายตาหญิงสาวคอยระแวดระวังซ้ายขวาไปด้วย ในใจภาวนาว่าขออย่าให้พบเจออะไรเลย...เกิดมีเงารางๆโผล่ที่ซอกหลืบใดสักแห่งมีหวังได้สติแตกอีกแน่ๆ
             “อยู่ที่ไหนกันแน่นะเนี่ย...มิยูกิบ่นพึมพำเมื่อยังหาสถานที่เป้าหมายไม่พบ
             “มิยูกินี่ชอบแหวกกฎจริงๆนะ!!!หญิงสาวหันควับมองต้นเสียงที่อยู่ด้านหลังทันที ก็พบกาเอลยืนนิ่งจ้องมองเธอตาแทบไม่กระพริบ
             “รุ่นพี่กาเอล...!!!หญิงสาวตกใจเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ในใจร้องหาสิ่งที่จะมาป้องกันตัวแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่มี ปฏิกิริยาตอบสนองเลยส่งให้ยกแขนสองข้างขึ้นมาไขว้กันเป็นไม้กางเขน
             “อย่าเข้ามานะ!!!เธอร้องบอก
             “ทำอะไรของน้องเนี่ย จะปล่อยพลังเหรอครับกาเอลหัวเราะร่วน จนหญิงสาวตีหน้าแหยจำยอมลดไม้กางเขนจำเป็นอย่างกร่อยๆด้วยความเขินอาย
             “เอ่อ...รุ่นพี่กาเอลมาทำอะไรดึกๆดื่นๆคะ?”
             “เอ้า...ก็พี่มีหน้าที่ตรวจตราโรงเรียนน่ะสิ ต้องคอยดูว่าจะมีใครกล้าฝ่าฝืนกฎระเบียบหรือเปล่า แล้วก็เจอจริงๆ ว่าไงสาวน้อย...เธอล่ะมาทำอะไร?” กาเอลถามหญิงสาวกลับไป
             “เอ่อ...คือ...ฉันไม่เห็นรุ่นพี่โชเฮมาหลายวันแล้ว ก็เลยสงสัยเท่านั้น
             “เป็นห่วงโชเฮงั้นเหรอ?”
             “เปล่าสักหน่อยยย!!! ก็แค่อยากรู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้างเท่านั้นชายหนุ่มอดขำไม่ได้เมื่อเห็นหญิงสาวเถียงกลับมาทันควัน
             “เอาเถอะ...ถ้าอยากเจอก็ไปที่ห้องคณะกรรมการนักเรียนกัน มา...เดี๋ยวพี่พาไปคำพูดของกาเอลทำให้มิยูกิอดขมวดคิ้วนิดหน่อยไม่ได้
             “เอ๊ะ...พวกรุ่นพี่ไม่ได้พักในหอชายเหรอคะ?”
             “ใช่...พวกเราอาศัยในห้องคณะกรรมการนักเรียนน่ะ
             “แต่ว่า...ห้องมันเล็กเท่านั้น...เท่าที่หญิงสาวจำได้ ห้องคณะกรรมการนักเรียนนั้นไม่กว้างมากนัก ไม่มีโซฟาหรือสถานที่ๆพอจะนอนได้เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อรุ่นพี่กาเอลยืนยันเช่นนั้นมิยูกิก็จำใจต้องเชื่อไว้ก่อน แม้จะอดระแวงไม่ได้ก็ตาม
             ภายในห้องคณะกรรมการนักเรียนนั้นเหมือนเดิมทุกอย่างไม่ปรากฎร่างของโชเฮในนั้นเลย หญิงสาวที่ชะโงกดูจากหน้าห้องหันไปเขม่นมองชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ข้างๆอย่างไม่เชื่อใจเท่าไรนัก
             “ไหนล่ะคะ รุ่นพี่โชเฮน่ะ?” เธอเอ่ยถาม
             “เขาคงไม่นอนกันโจ่งแจ้งแบนั้นหรอก มิยูกิอย่ากลัวพี่ขนาดนี้เลย เข้าไปเถอะ...กาเอลดันร่างหญิงสาวให้เข้าไปภายในห้องก่อนปิดประตูล็อคลงกลอน...
             “ทำไมต้องล็อคห้องด้วยล่ะคะ?” เธอถามกลับไปโดยเร็ว
             “ก็แค่กันคนอื่นๆเห็นพวกเราเท่านั้นล่ะกาเอลยิ้มพลางเดินไปที่กระดานไวท์บอร์ดตรงหน้าห้องแล้วเคาะมันเบาๆสามครั้ง ผนังห้องก็สั่นไหวค่อยๆหมุนเคลื่อนออกมาช้าๆปรากฏห้องลับในผนังที่ถูกแอบซ่อนเอาไว้ท่ามกลางความอึ้งของมิยูกิ
             “นี่มันอะไรกันเนี่ย...!!!เธอนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีห้องลับแบบนี้ภายในโรงเรียนด้วย...
             “พวกเราต้องการความเงียบและความเป็นส่วนตัวในเวลานอนน่ะ
             “ก็เลยสร้างห้องลับแบบนี้ขึ้นมาเหรอคะ?” ให้ตายเถอะ...รุ่นพี่พวกนี้ช่างมีอภิสิทธิ์เหลือล้นจริงๆ ทั้งออกกฎกติกาในโรงเรียน ทั้งสร้างห้องลับ...
             “เปล่าหรอก...ห้องลับนี้ถูกสร้างมานานแล้ว ก่อนมิยูกิจะเกิดเสียอีกนะ เอาเถอะ...อย่าเพิ่งถามอะไรมากเลย โชเฮอยู่ในนั้นล่ะ เข้าไปสิ...
             “ค่ะเธอก้าวเท้าเข้าไปในห้องลับ พลางหันกลับไปมองกาเอลซึ่งยืนนิ่งไม่ยอมเข้าไปด้วย
             “อ้าว...แล้วรุ่นพี่กาเอลไม่เข้ามาด้วยเหรอคะ?”
             “ไม่ล่ะ...พี่ว่ามิยูกิคงมีธุระอยากคุยกับโชเฮเป็นการส่วนตัวมากกว่ากระมัง ถึงได้กล้าแอบย่องออกจากห้องพักกลางดึกแบบนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าพวกเราเป็นใครแท้ๆแต่กลับไม่กลัวเลยหญิงสาวยิ้มแหยๆ...ใครจะไม่กลัว แต่ทำใจดีสู้เสือต่างหาก
             “แล้วถ้ารุ่นพี่โชเฮจะทำร้ายฉันล่ะคะ?” หญิงสาวหวาดระแวงเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในสวนกุหลาบที่เขาจ้องเล่นงานเธอจนไม่กล้าเดินเข้าไปต่อ
             “อันนั้นก็แล้วแต่บุญแต่กรรม ฮ่าๆๆ...ล้อเล่นน่ะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ร้องเรียกพี่ละกันกาเอลส่งยิ้มให้หญิงสาวที่ถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินเข้าไป
             ภายในห้องลับนี้มีทางที่ถูกปูด้วยศิลาหยาบสีคล้ำทอดยาว ผนังสองข้างมีคบเพลิงถูกจุดไว้เป็นระยะช่วยให้พอมองเห็นซึ่งไปสุดที่ห้องโถงเล็กๆและจากตรงนี้ไปไม่มีแสงสว่างใดๆเหลือไว้แต่ความมืดสลัวเท่านั้น กลิ่นอับชื้นปะทะเข้าจมูกจนรู้สึกกระอักกระอ่วน ก่อนจะพบเงาบางสิ่งที่วางอยู่ในห้องนี้คล้ายกับโลงศพ!

             หญิงสาวหันรีหันขวางพลางคว้าคบเพลิงตรงผนังทางเดินมาเพิ่มความสว่างให้ภายในห้องนี้ ก็พบว่าเป็นโลงศพจริงๆ มีจำนวนถึงห้าโลงด้วยกัน ทำจากหินสามโลง ส่วนอีกสองโลงทำจากไม้สีดำ มันถูกวางเรียงรายไว้บนพื้นอย่างเป็นระเบียบ ภาพตรงหน้าค่อนข้างเขย่าขวัญพอสมควร หัวใจเธอเต้นตึกตักอย่างไม่มีสาเหตุ แต่ต้องพยายามสงบสติอารมณ์แล้วตะโกนเสียงดังถามไถ่บุคคลที่รออยู่ภายนอก
             “รุ่นพี่กาเอล...โลงไหนเป็นของรุ่นพี่โชเฮค้า!!!
             “ลองเคาะไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอ!!!ขอบใจมาก...มิยูกิอดขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่ได้ ไม่มีทางที่เธอจะสุ่มมั่วเคาะทุกโลงแน่นอน เกิดมีแวมไพร์อื่นๆโผล่พรวดพราดขึ้นมาไม่ต้องหัวใจวายเสียชีวิตคาห้องเหรอเนี่ย...
             “ทำไมฉันต้องลงทุนเสี่ยงชีวิตด้วยนะเนี่ยเธอพึมพำกับตัวเอง พลางใช้คบเพลิงส่องดูโลงศพทุกโลงอยู่ชั่วครู่ก็ค่อนข้างแน่ใจว่ารุ่นพี่สองคนนั้นต้องนอนในโลงไม้สีดำเป็นแน่ หญิงสาวค่อยๆย่างเท้าเข้าไปที่โลงไม้ใบหนึ่งมันถูกปิดไว้ก็จริงแต่ไม่สนิทมากคาดว่าคงเป็นของรุ่นพี่กาเอล แสดงว่าอีกโลงต้องเป็นของรุ่นพี่โชเฮแน่นอน
             มิยูกิรวบรวมสติแล้วถอนหายใจเบาๆเพื่อผ่อนคลายความเครียด ยกมือเล็กๆขึ้นมาทำท่าจะเคาะ แอ๊ดดดด!!! ฝาโลงเปิดโพล่งออกมาโดยที่มือเธอยังไม่ทันได้แตะ พลัน...โชเฮก็เด้งพรวดขึ้นมานั่งท่ามกลางความตกใจของหญิงสาวซึ่งถอยหลังกรูชนโลงไม้อีกโลงจนมันเปิดอ้าออกแล้วหล่นตุ๊บลงไปนั่งจ้ำเบ้าภายในนั้นอย่างแรง
             “โอ้ยยย...หญิงสาวร้องครางด้วยความเจ็บ สายตาเหลือบมองโชเฮที่นั่งหลับตาก่อนที่เขาจะทิ้งตัวเอนกายลงไปนอนในโลงใหม่อีกครั้ง...อย่าบอกนะว่า...นายละเมอ...
             “อีตาบ้าเอ้ย...มิยูกิสบถเบาๆพลางยันตัวเองลุกจากโลงศพของกาเอล เดินตรงเข้าไปหาเป้าหมาย ใช้มือเคาะฝาโลงที่เปิดทิ้งไว้เบาๆ ก็อกๆๆ...
             “รุ่นพี่...เธอยั้งคำพูดไว้เท่านั้น เพราะคิดว่าแค่มาดูอาการเขา ไหนๆฝาโลงก็เปิดอ้าทิ้งไว้แล้วก็ดูเอาเองละกัน เธอหยิบคบเพลิงที่ตกพื้นขึ้นมาพลางส่องมองแวมไพร์หนุ่มที่นอนหลับใหลในโลงไม้ ใบหน้างดงามนั้นช่างน่าหลงใหล บาดแผลฉกรรจ์บนแก้มขวาก็เจือจางลงไปมากทีเดียว คงไม่เป็นอะไรแล้วกระมัง...
             “บุกรุกเข้ามารบกวนคนอื่น แล้วยังเอาไฟมาส่องหน้าอีก ไร้มรรยาทจริงๆ!!!นัยน์ตาสีเขียวมรกตเบิกโพลงแล้วลุกขึ้นนั่งทันที
             “กรี๊ดดดดดดดดดด...หญิงสาวตกใจผงะถอยหลังล้มลงไปนั่งจ้ำเบ้าในโลงไม้ของกาเอลเป็นรอบที่สอง
             “มิยูกิเป็นอะไรไป อ้าว...ทำอะไรของเธอน่ะ ฮ่าๆๆกาเอลที่วิ่งเข้ามาเพราะได้ยินเสียงร้องของหญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้เมื่อพบเธอในสภาพทุลักทุเลพยายามลุกออกจากโลงไม้ของตัวเขาเอง ก่อนตรงเข้าไปช่วยพยุงขึ้นมา
             “ชอบก็ไม่บอก พี่ทำให้สักโลงเอามั้ย หึหึ...เขาพูดกลั้วหัวเราะในขณะที่หญิงสาวรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก โชเฮลุกขึ้นจากโลงถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆอย่างไม่สบอารมณ์
             “นายเอายัยนี่เข้ามาในห้องนี้ทำไม!!!
             “มิยูกิ เธอมีธุระกับนายน่ะสิ เอาล่ะ...งั้นฉันจะออกไปคอยข้างนอกละกัน
             “เอ่อ...รุ่นพี่กา...เอลหญิงสาวจะรั้งตัวเขาไว้แต่ไม่ทัน ให้ตายเถอะ...ต้องอยู่กับอีตารุ่นพี่โชเฮสองต่อสองอีกแล้ว รู้สึกไม่ค่อยดีเลย...
             “มีธุระอะไรก็ว่ามา!!!โชเฮตวาดถามเสียงดังพลางนั่งลงบนฝาโลงของตัวเอง
             “เอ่อ...ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เห็นว่ารุ่นพี่โชเฮหายหน้าหายตาไปสองวันแล้วเลยมาดูว่าตายหรือยังเท่านั้น แต่ฉันคงต้องผิดหวังเพราะดูเหมือนบาดแผลนั่นใกล้จะหายแล้วนี่...แม้ลึกๆไม่ได้ต้องการพูดแบบนี้แต่ปากโพล่งออกไปเสียแล้ว
             “เฮอะ...ขอโทษทีที่ทำให้เธอผิดหวัง ฉันไม่ตายง่ายๆเพราะไอ้ของกระจอกๆแบบนั้นหรอกน้ำเสียงไม่ยี่หระต่อความผิดของโชเฮทำให้มิยูกิอดหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้
             “ก็ว่างั้นล่ะ พวกบาปหนาฆ่าคนอย่างนาย โดนของแค่นี้แล้วตายก็ดูสบายเกินไป อย่างนายน่ะนะ...ไม่น่าจะตายด้วยไม้กางเขนหรอก ต้องโดนตอกหมุดตรงหัวใจแล้วสาปส่งวิญญาณไม่ให้ได้ไปผุดไปเกิดเท่านั้นถึงจะสาสมกับความผิดที่ก่อเอาไว้!!!มิยูกิตวาดใส่เพราะความโมโห เมื่อความทรงจำเรื่องไอยะหวนกลับเข้ามา ทั้งๆที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวก็ต้องมาตกเป็นเหยื่อของอีตานี่...
             คำพูดของหญิงสาวทำให้แวมไพร์หนุ่มถึงกับโกรธจนตัวสั่น มือสองข้างกำแน่นราวกับความอึดอัดในใจกำลังจะประทุออกมา...
             “เธอ...คิดว่าฉันอยากฆ่าคนนักหรือไง!!!เขาส่งเสียงลอดไรฟันออกมา สายตาก็จ้องมองหญิงสาวอย่างกินเลือดกินเนื้อ
             “ก็เห็นทำอยู่ไม่ใช่หรือไง!!!มิยูกิตวาดกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว เอาวะ...ตายเป็นตาย...
            แล้วยังไง...มนุษย์ทานอาหารประทังชีวิตให้อยู่รอด แวมไพร์เองก็เช่นกันต้องดูดเลือดมนุษย์เพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอด ต่างคนต่างต้องดิ้นรนมีชีวิตอยู่ ฉันกับเธอก็เหมือนกันเพียงแต่วิถีทางมันต่างกันเท่านั้น!!! คำพูดของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะ เธอรู้สึกเหมือนความโกรธรวมถึงเหตุผลเรื่องคุณธรรมที่มีไว้โต้เถียงกับเขามันเลือนลางลงไป เพราะเมื่อคิดดีๆก็เป็นดั่งที่เขาพูด ไม่ว่าใครๆก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่รอดทั้งนั้น...
             “เอ่อ...แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดูดเลือดมนุษย์นี่ เลือดสัตว์อื่นๆก็มีเยอะแยะ อย่างหมาหรือแมว....
             “เธอเปลี่ยนจากทานเนื้อหมูเนื้อวัว ไปทานเนื้อหมาเนื้อแมวให้ฉันดูหน่อยสิ...เมื่อโดนสวนกลับมาแบบนี้ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อเหตุผลของเขาโดยสิ้นเชิง...
             “เอ่อ...แต่ฉันไม่อยากให้นายฆ่าใครอีกนี่ ไม่รู้เหรอว่า...มันบาปนะ แล้วคนที่ตายเขาก็มีญาติพี่น้องด้วยมิยูกิพยายามอ้างเหตุผล หากแต่แวมไพร์หนุ่มกลับเหยียดยิ้มกับคำพูดนั้น
             “เฮอะ...แม่พระเหลือเกินนะ แต่ฉันไม่มีความจำเป็นต้องทำตามคำพูดเธอสักหน่อย
             “เอ่อ...งั้นนายก็อย่าฆ่าคนรู้จักหรือเพื่อนๆของฉันจะได้มั้ย ขอล่ะ...อย่าทำร้ายพวกเขาเลยมิยูกิพยายามอ้อนวอนจนถึงที่สุด แม้จะดูเห็นแก่ตัวกับคนส่วนใหญ่แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ช่วยใครเลย โชเฮมองดูหญิงสาวแล้วส่ายหน้าเบาๆอย่างระอา
             “นี่คงเป็นเหตุผลจริงๆที่เธออุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงที่นี่สิท่า เอาเถอะ...ถ้ากล้าขอก็กล้าให้ ฉันจะไม่ฆ่าคนรู้จักกับเพื่อนๆของเธอ แต่...มีอะไรมาแลกเปลี่ยนล่ะ?” เขากอดอกถาม
             “เอ่อ...ออ...ฉันก็จะไม่บอกคนอื่นๆเรื่องที่นายเป็นแวมไพร์ไง ดีมั้ย...?”
             “เฮอะ...เสียเปรียบชะมัด ถ้างั้นฉันฆ่าเธอซะก็จบ!!!
             “ก็ฉันไม่มีอะไรมาให้แลกเปลี่ยนนี่
             “เออ...ช่างเถอะ เอาตามสัญญานั่นก็ได้ ฉันไม่ฆ่าคนรอบตัวเธอ เธอก็ห้ามบอกใครเรื่องที่ฉันเป็นแวมไพร์ จบ!!! เอาล่ะ...เชิญออกไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อนต่อเขาโบกมือไล่ก่อนกลับเข้าไปนอนในโลงของตัวเองโดยไม่แยแสหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็รู้สึกยินดีที่เขายอมให้ให้สัญญาพลางรีบเดินออกไปจากห้องลับทันที
             “เป็นไงบ้างมิยูกิ?” กาเอลซึ่งรออยู่ตรงห้องคณะกรรมการนักเรียนเอ่ยถาม
             “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่ขอให้เขาอย่าฆ่าคนรอบตัวฉันก็เท่านั้น จริงๆก็เข้าใจว่า...แวมไพร์ต้องดูดเลือดมนุษย์เหมือนกับที่มนุษย์ต้องทานอาหารเพื่อประทังชีวิต แต่ฉันก็ไม่อยากให้เขาเข่นฆ่าใครมากจนเกินไป...มิยูกิตอบตามความรู้สึกของเธอเอง
             “แล้วโชเฮว่าไงบ้างล่ะ?”
             “เขาก็ให้สัญญาว่าจะไม่ฆ่าคนรอบตัวฉันน่ะค่ะคำตอบของมิยูกิทำให้กาเอลขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
             “งั้นเหรอ...น่าแปลกจริงแฮะ
             “เอ๊ะ...ทำไมเหรอคะ?” เธอเอียงคอถามเขาด้วยความสงสัย
             “ก็คนอย่างหมอนั่นยอมฟังคำพูดของคนอื่นเนี่ย น่าแปลกจะตาย...
             “เอ่อ...ฉันว่าเขาคงรำคาญน่ะค่ะ ก็เลยยอมรับปากมิยูกิหัวเราะแห้งๆตอบกาเอลที่ยิ้มนิดๆ ก่อนที่เขาจะเคาะกระดานไวท์บอร์ดเบาๆสามครั้ง ผนังนั้นก็ค่อยๆเคลื่อนกลับเข้ามาตามเดิม มันดูปกติไม่ผิดสังเกตเลยแม้แต่น้อยเมื่อมองจากภายนอกแล้ว...
             “เอาล่ะ...เธอควรกลับเข้าห้องพักได้แล้วนะ เดี๋ยวฉันไปส่ง...กาเอลโอบไหล่หญิงสาวแล้วพาเดินออกไปยังหน้าห้องคณะกรรมการนักเรียน...
             “เอ่อ...ไม่ต้องไปส่งก็ได้ค่ะ แค่นี้ก็รบกวนรุ่นพี่กาเอลมากแล้ว ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่คอยช่วยเหลือมาโดยตลอดมิยูกิโค้งศีรษะให้เขา
             “โอเค...ตามใจ งั้นคืนนี้ฝันดีนะครับรอยยิ้มของกาเอลชวนให้หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ มิยูกิแพ้ใบหน้าหวานๆที่งดงามของเขาจริงๆ เมื่อประตูห้องคณะกรรมการนักเรียนถูกปิดเรียบร้อย หญิงสาวก็หันหลังกลับเพื่อจะออกไปจากบริเวณนี้ ทว่า...เธอพบเรนะที่ยืนอยู่ไม่ห่าง...
             “เรนะ...เธอออกมาทำอะไรที่นี่เนี่ย?” มิยูกิร้องถามเพื่อนสาวพลางตรงเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
             “ฉันน่าจะถามเธอมากกว่านะมิยูกิ เธอน่ะออกมาทำอะไรดึกๆดื่นๆ ฉันตื่นขึ้นมาดื่มน้ำแล้วไม่พบเธอก็เลยนึกเป็นห่วงน่ะสิเรนะตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แน่นอนว่าไม่พอใจพอสมควรที่มิยูกิออกจากห้องพักหลังเที่ยงคืนทั้งๆที่รู้ว่าผิดกฎของโรงเรียน
             “เอ่อ...คือ...ฉัน...หญิงสาวพยายามหาคำตอบที่เหมาะสม ให้ตายเถอะ...จะให้บอกไปตรงๆว่ามาเจรจากับแวมไพร์ให้เลิกฆ่าคนก็ไม่ได้ มีหวังคราวนี้เรนะต้องหาว่าบ้าแน่ๆ
             “อ๊ะ...ไม่ต้องบอกฉันพอเดาได้ แอบออกมาพบกับรุ่นพี่กาเอลใช่มั้ยล่ะ เมื่อสักครู่ฉันเห็นเธอกับเขาอยู่ด้วยกัน
             “ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ...มิยูกิพยายามจะแก้ตัว แต่เรนะก็ยกมือปรามเอาไว้
             “แหมๆๆ...ไม่ต้องอายน่า...ฉันไม่เอาไปบอกใครหรอกเรื่องเธอกับรุ่นพี่กาเอล ยินดีด้วยนะ....รู้หรือเปล่าว่าเธอกุมหัวใจผู้ชายที่ฮอตติดอันดับของโรงเรียนเลยนะเนี่ยมิยูกิหัวเราะแห้งๆให้กับคำพูดของเพื่อนสาว แม้อยากจะอธิบายความจริงแต่ก็ทำไม่ได้ เลยทอดถอนหายใจปล่อยให้เรนะเข้าใจไปแบบนั้นก่อนละกัน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×