คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
ตอนที่
4
เสียงนกที่ร้องแปลกๆริมระเบียงคลายเปลือกตาหนักอึ้งให้เปิดลืมมองรอบตัวในเช้าตรู่
มือเล็กๆยันร่างบางขึ้นจากเตียงแล้วเอี้ยวบิดไปมาเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการนอน
ก่อนลุกเดินออกไปสัมผัสอากาศยามเช้าอันแสนสดชื่น
เหยี่ยวทะเลทรายตัวหนึ่งเกาะขอบรั้วระเบียงทำให้มนตร์ทรายชะงัก
มันจ้องมองนิ่งๆก่อนจะโผบินขึ้นทะยานสู่ฟากฟ้าที่ยังคงมืดสลัวคลายความกลัวของหญิงสาวซึ่งไม่คาดฝันว่าจะได้พบเจอ
แม้ดวงตะวันยังไม่ขึ้นเหนือขอบทรายหากแต่แสงไฟจากบ้านเรือนก็เริ่มส่องเรืองรองบ่งบอกชีวิตใหม่ได้เริ่มต้นอีกครา
เช่นเดียวกับเธอที่ต้องรีบชำระล้างร่างกายแล้วลงไปช่วยคุณยายจ่ายตลาดเช่นกัน
ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆว่าเธออยู่ที่นี่มาหนึ่งอาทิตย์กว่าๆแล้ว
เริ่มคุ้นเคยและชื่นชอบวิถีชีวิตเรียบง่ายแบบพื้นบ้านตามวัฒนธรรมอาหรับมากกว่าความเจริญในเมือง
แม้การทำอะไรซ้ำซากเหมือนทุกวันจะดูน่าเบื่อแต่ก็เป็นสีสันบนความเรียบง่ายที่ไม่เคยพบเจอ
ต้องออกไปซื้อกับข้าวในตลาดชุมชนแทนซูเปอร์มาร์เก็ต
ช่วยทำความสะอาดร้านแทนโยนภาระหน้าที่ให้แม่บ้าน และคอยต้อนรับลูกค้าร่วมถึงบริการต่างๆกับคุณยายโดยมีคุณตาเป็นพ่อครัวมือหนึ่ง
ลูกค้านั้นมีสามแบบ คือ คนที่มากินอาหาร
คนที่มาสูบชิชา และ คนที่มากินอาหารแล้วสูบชิชาตบท้ายเป็นของหวาน
จนมนตร์ทรายเชื่อจริงๆ ว่า...ชาวอาหรับนิยมสูบชิชาราวกับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
ลูกค้ากลุ่มหนึ่งพยายามชักชวนเธอให้ลองสูบชิชากลิ่นผลไม้ หรือ ช็อกโกแล็ต
แบบที่ผู้หญิงอาหรับชอบ แต่เธอปฏิเสธเพราะไม่เคยชินและกลัวติด
เมื่ออาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า...ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งทำงานเสร็จในตอนเย็นจะรีบมาลิ้มรสอาหารฝีมือคุณตาก่อนกลับบ้านในกรณีที่ยังไม่มีแม่ศรีเรือนทำให้ร้านนี้คึกคักอยู่ตลอดเวลา
และหน้าที่พิเศษอีกอย่างของมนตร์ทราย คือ การเปิดประตูต้อนรับแขกให้กลายเป็นความประทับใจแรกพบในกรณีลูกค้าใหม่
และ ทักทายเทคแคร์ลูกค้าเก่าไปในตัว
เช่นตอนนี้...ทันทีที่ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาหญิงสาวก็ปรี่ออกไปหน้าร้านเพื่อเปิดประตูต้อนรับ
“ว่าไง” เสียงทักทายนั้นดังขึ้นเมื่อหญิงสาวเปิดประตูออกไปพบเพื่อนชายซึ่งยืนยิ้มต้อนรับแทนเธอ
“ลีธ!!!”
ถ้าไม่เกรงใจลูกค้าคนอื่นๆเธอจะตรงเข้าไปสวมกอดเขาเอาไว้
หากแต่ไม่อาจทำได้เพราะวัฒนธรรมอาหรับค่อนข้างถือเรื่องการแตะเนื้อต้องตัวเพศตรงข้ามในที่สาธารณะ
ขืนทะเล่อทะล่าจะโดนตำรวจจับเอาเปล่าๆคราวนี้ชื่อเสียงคงได้กระฉ่อนอีกระลอก
“นายมาได้ไงเนี่ย?”
“ก็ขับรถมาไง”
เขายียวนกวนประสาทไม่ต่างจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
ทำให้หญิงสาวอดหัวเราะเบาๆไม่ได้
“เข้ามาก่อนสิ” เธอเอ่ยเชื้อเชิญ
“แน่นอน...วันนี้ผมมาเป็นลูกค้าร้านนี้
ไม่ได้มาหาทรายสักหน่อย!”
ลีธเดินสวนผ่านมนตร์ทรายที่หุบยิ้มอย่างรวดเร็ว
ก่อนนั่งลงตรงโต๊ะไม้ตัวหนึ่งริมหน้าต่างพลางรับเมนูอาหารจากมือเพื่อนสาวแล้วเปิดดูนั่นดูนี่อยู่สักพักอย่างชั่งใจเลือกไม่ถูก
ทำให้พนักงานมือใหม่แอบหงุดหงิดเพราะเขามักมีปัญหาเช่นนี้บ่อยครั้งในการกินอาหารตามร้าน
เลือกไม่ได้แล้วกลายเป็นสั่งตามเธอ
“นายยังเลือกไม่ได้อีกเหรอ?”
“เอ่อ...ทรายคิดว่าอะไรอร่อยก็เอามาให้ผมล่ะกัน” คำตอบนั้นทำให้หญิงสาวถึงกับยกมือกุมขมับ
จะไปรู้ความชอบของแต่ละคนได้อย่างไร ถ้าเธอชอบแต่เขาไม่ชอบ
หรือถ้าเขาชอบแต่เธอไม่ชอบ...ก็แย่น่ะสิ
“พิทต้ากับเคบับไก่เหมือนเดิมมั้ยคะ?” คุณยายเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าต่างฝ่ายต่างจนปัญญามาสักพัก
“ดีเลยครับ...ที่คุณยายยังจำอาหารโปรดของผมได้”
มนตร์ทรายมั่นใจเต็มร้อยว่าเพื่อนชายเคยมาร้านนี้หลายครั้งอย่างที่เขาพูดไว้ในโทรศัพท์เมื่อหลายวันก่อน
ไม่เช่นนั้นคุณยายคงไม่มีทางจำเมนูโปรดได้เป็นแน่ในเมื่อแต่ละวันมีลูกค้าเข้ามาในร้านนับร้อยคน
“เอ่อ...นี่ลีธเป็นเพื่อนที่ทำงานเก่าหนูเองค่ะ” มนตร์ทรายรีบแนะนำให้คุณยายรู้เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้
หากแต่สีหน้าของผู้สูงวัยกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย
"คุณลีธก็เป็นเพื่อนชาซียา
ฉะนั้นจะเป็นเพื่อนกับหนูแซนด์ก็ไม่น่าสงสัยหรอก...จริงมั้ย?”
หญิงชราเฉลยข้อกังขาของมนตร์ทรายซึ่งแสดงออกผ่านสีหน้าชัดเจนพลางเอ่ยต่อ “หนูแซนด์...ยายวานเอารายชื่ออาหารไปให้คุณตาในครัวทีนะ”
“ค่ะ”
เมื่อเห็นว่ามนตร์ทรายเดินออกไปแล้ว
หญิงชราก็หันมาพูดคุยกับชายหนุ่มอีกครั้ง
“คุณลีธเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
“สบายดีครับ แล้วคุณตากับคุณยายสบายดีมั้ย
ผมไม่ได้แวะมาที่นี่เสียนานดูร้านไม่เปลี่ยนไปเลย ออ...มีพนักงานใหม่เพิ่มขึ้นหนึ่งคน...ฮ่าๆ” เขาหัวเราะแซวเพื่อนสาวซึ่งตอนนี้ผละออกจากห้องครัวไปบริการลูกค้าโต๊ะหนึ่งอย่างวุ่นวายแต่สนุกสนาน
เมื่อสีหน้าของเธอนั้นไม่ปรากฏร่องรอยของความเครียดแม้นิดเดียว
“ก็สบายดีค่ะ... ขอบคุณนะคะที่มาอุดหนุนตากับยายเป็นประจำ”
“ไม่เป็นไรครับ
แต่...ผมอยากฝากให้คุณตากับคุณยายดูแลเพื่อนผมด้วยเท่านั้นก็พอ”
“แน่นอนค่ะ” หญิงชราตอบรับพลางขอตัวทำงานต่อและอนุญาตให้มนตร์ทรายเลิกงานเร็วขึ้นเพื่อไปนั่งคุยเป็นเพื่อนชายหนุ่มได้ตามสบาย
เพราะร้านจะปิดในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเมื่ออาทิตย์ลาลับขอบฟ้าจนหมด
ทำให้ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้ามาหลังจากนี้แล้ว
ลีธใช้เวลาจัดการขนมปังพิทต้ากับเคบับไก่ในจานเกือบครึ่งชั่วโมง
เขาไม่ได้กินช้าแต่เพราะพูดคุยกับเพื่อนสาวจนลืมเวลา
และเมื่อรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นลูกค้าคนสุดท้ายที่ยังนั่งอยู่ในร้านเสียแล้ว
“ผมต้องกลับแล้วล่ะ” เพื่อนชายเอ่ยเมื่อนาฬิกาข้อมือบอกเวลาหนึ่งทุ่มกว่า
“ขอบใจมากที่แวะมา”
มนตร์ทรายรู้สึกดีที่ได้พูดคุยและระบายเรื่องราวต่างๆให้ลีธฟัง
แม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ช่วยปลดความเครียดให้ผ่อนเบาลง
“ไม่เป็นไรหรอก”
เพื่อนชายยิ้มพลางหันไปจ่ายเงินค่าอาหารกับคุณตาคุณยายที่ออกมายืนรอส่ง
“ขอบคุณนะครับคุณลีธ” คุณตากล่าวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มราวกับเขาเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์
มนตร์ทรายไม่แปลกใจเพราะเพื่อนชายค่อนข้างเป็นที่รักใคร่ของใครหลายคนที่ได้พบเจอ
ลีธมักยิ้มแย้มแจ่มใสและพูดคุยอย่างสนิทสนมกับทุกคนจนกลายเป็นนักข่าวขวัญใจประจำรัฐคาฟาห์
“ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยๆเหมือนเดิมเช่นกันครับ
และขอโทษที่ผมมาเย็นไปหน่อย” เขากล่าวอย่างยินดีและรู้สึกผิด
ขณะที่มนตร์ทรายอดแขวะโดยการทำสีหน้ากระอักกระอ่วนใจไม่ได้เมื่อเห็นเพื่อนชายวางมาดสุภาพบุรุษ
จนเจ้าตัวที่โดนหยอกต้องเอามือไปยีเส้นผมสีดำยาวสลวยของหญิงสาวอย่างหมั่นไส้
“จะว่าไปหนูแซนด์ก็ดูเหมาะสมกับคุณลีธนะคะ” คุณยายเอ่ยปากชมเมื่อเห็นความสนิทสนมของชายหนุ่มหญิงสาวตรงหน้า
“นั่นสิ...ถ้าหนูแซนด์ได้ผู้ชายอย่างคุณลีธเป็นคู่ครองต้องเป็นหญิงสาวผู้โชคดีที่สุดแน่ๆ” ชายแก่เห็นด้วย หากคำเยินยอนั้นทำให้มนตร์ทรายชักสีหน้าเหยเก
“ไม่ไหวหรอกค่ะ...ลีธชอบทำตัวประหลาดเดี๋ยวก็เหมือนเด็กชอบแกล้งคนนั้นคนนี้
เดี๋ยวก็เหมือนคนแก่ชอบสั่งสอนคนนั้นคนนี้...ใช่มั้ยคุณลุง!!!” เธอกัดเพื่อนชายที่ยักคิ้วส่งให้อย่างยียวนกวนประสาท
“อย่างน้อยก็มีผู้หญิงคนนี้ยอมโชคร้ายเพราะเธอไม่มีวันสนใจผมล่ะครับ...ฮ่าๆๆ” ลีธเอ่ยก่อนร่ำลามนตร์ทรายและคุณตาคุณยายพลางขับรถออกไปจากหน้าร้าน
ความมืดกลบรถยนต์ที่แล่นออกไปไกลในถนนสายเล็กๆยามค่ำคืน
หญิงสาวอดใจหายไม่ได้จริงๆแม้เป็นช่วงสั้นๆที่ได้พบเจอเพื่อนสนิทหากแต่ก็มีความสุขจนเสียดายเวลาซึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวตากับยายขอขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าข้างบนก่อนนะ
วานหนูแซนด์ช่วยเก็บกวาดโต๊ะให้ด้วยได้มั้ย?”
คุณตาเอ่ยถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงร่วงโรยไปกับความเหน็ดเหนื่อยที่ต้องทำงานตลอดทั้งวัน
ไม่ต่างจากคุณยายซึ่งดูอ่อนล้าในยามนี้
“คุณตากับคุณยายขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะ
เดี๋ยวทางนี้หนูจัดการเอง”
“ขอบใจมาก...หนูแซนด์ช่วยพวกเราได้เยอะจริงๆ” หญิงชราเอ่ยชมพลางเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนพร้อมสามี
ผ้าเช็ดโต๊ะถูกชุบลงในถังน้ำใบเล็กๆเมื่อหญิงสาวพร้อมทำความสะอาดร้าน
พลัน...เสียงรถคันหนึ่งซึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าร้านก็ทำให้เธอต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะเป็นแบบนี้บ่อยครั้งที่ลูกค้ามักหลงเข้ามาเนื่องจากไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนในการปิดร้าน
“ขอโทษนะคะ...ร้านปิดแล้ว!!!” เธอเอ่ยพร้อมเปิดประตูออกไป
“ไม่มีร้านไหนกล้าปิด...ถ้าผมมา” น้ำเสียงทุ้มดึงใบหน้าหวานให้เงยมองบุรุษหนุ่มในชุดกันดูเราะห์สีขาว...ชีคคาฟาห์!!!
ไม่อยากเชื่อจริงๆว่าบุคคลที่ไม่ปรารถนาจะพบเจอกำลังยืนอยู่ตรงประตู
เขาดูไม่ตกใจเมื่อเห็นเธอคงเพราะรู้อยู่ก่อนแล้วจึงได้มา นัยน์ตาสีเทานั้นเฉยชาไม่เข้ากับใบหน้าหล่อเหลาคมคายเพราะไร้ความอบอุ่น
กูฟียะห์สีแดงสลับสีขาวลายตารางหมากรุกถูกรัดด้วยอัลกอร์มงกุฎผ้าคาดสีดำสนิท
ลงตัวกับชุดกันดูเราะห์สีขาวซึ่งเรียบเนี้ยบไม่มีแม้รอยยับ บนไหล่กว้างข้างขวานั้นมีเหยี่ยวทะเลทรายตัวหนึ่งเกาะอยู่อย่างสง่างาม
ถ้าไม่ติดว่าหญิงสาวเกลียดชังที่จะมองบุรุษหนุ่มตรงๆเธอคงสนใจเจ้านกตัวนี้เป็นพิเศษว่ามันคือตัวเดียวกับที่เกาะระเบียงเมื่อเช้าหรือไม่
ไม่ยักรู้ว่าชีคมีสายสืบเป็นนก?
“ร้านปิดแล้ว...ช่วยมาวันอื่นนะคะ
เพราะตอนนี้ไม่มีใครทำอาหารให้คุณกินหรอก”
เธอกล่าวพลางจะปิดประตู หากแต่มือหนากลับดันเอาไว้แล้วผลักเข้าไปจนเท้าเล็กๆต้องถอยก้าวเมื่อมีการบุกรุกอย่างซึ่งๆหน้า
หากผู้ชายคนนี้ไม่ได้มียศเป็นถึงผู้นำรัฐมนตร์ทรายคงแหกปากตะโกนเพราะคิดว่าเขาเป็นโจรแน่นอน
“ใครบอกว่าผมมากินอาหาร”
นัยน์ตาคมเหลียวมองบรรยากาศภายในร้านอย่างดูแคลนขณะเดินเข้ามาเรื่อยๆ
“ถ้าไม่ได้มากิน
แล้วคุณมาทำไม?”
ท่าทางวางก้ามนั้นทำให้ดูหงุดหงิดพิกล
เป็นผู้นำรัฐแล้วมีสิทธิ์ล่วงล้ำเข้าบ้านคนนั้นคนนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตหรืออย่างไร
มิหนำซ้ำชายชุดดำคนที่เคยเห็นตอนขับรถชนยังตามประกบเขาแจราวกับต้องปกป้องคุ้มครองผู้ชายร่างโตจากผู้หญิงร่างเล็กแบบเธอ
“คุณลืมไปหรือเปล่า ว่า...ติดหนี้ผม
และอีกไม่กี่วันก็จะครบกำหนด” เขาทวงถามถึงภาระที่เธอติดพัน
ณ ขณะนี้
ใบหน้าหวาดสลดลงเล็กน้อยเพราะจำนวนเงินที่เก็บสะสมรวมกับเงินค่าจ้างทำงานยังไม่ได้ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
“เอ่อ...ฉันพยายามทำงานเก็บเงินอยู่”
“โดยการเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านเล็กๆแบบนี้สินะ
เชื่อเถอะ...อีกสิบปีคุณก็หาเงินมาคืนผมไม่ได้!!!”
คำพูดถากถางและดูถูกนั้นทำให้ความโกรธเริ่มปะทุอยู่ในอก
หากแต่หญิงสาวยังสามารถควบคุมเอาไว้ได้
“ถ้าคุณจะมีน้ำใจก็ช่วยยืดเวลาให้อีกสักหน่อย
ฉันคิดว่าคงหามาคืนได้ครบตามจำนวนค่ะ” มนตร์ทรายพยายามควบคุมคำพูดรวมถึงน้ำเสียงให้ดูดี
แม้สองมือจะกำแน่นจนเล็บแทบจิกเข้าในเนื้อก็ตาม
“ทำไมต้องยืดเวลาให้
ในเมื่อคุณไม่ได้ทำตัวให้น่าสงสารหรือน่าสมเพชเลย ยังคงจองหองอวดดีไม่เปลี่ยน!!!”
“นั่นไม่ใช่เพราะคุณดูถูกและกลั่นแกล้งฉันเหรอ!!!” น้ำเสียงดังขึ้นของหญิงสาวบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มควบคุมไม่ค่อยได้
“ผมเนี่ยนะ...กลั่นแกล้งคุณ
เมื่อไรกัน!!!”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงราวกับไม่เคยรับรู้ในพฤติกรรมของตนเอง
“ไม่ใช่เพราะคุณเหรอที่ทำให้ฉันพลาดงานสำคัญ
ซึ่งจะได้ค่าจ้างเยอะมากพอจ่ายหนี้ให้คุณในเวลาอันรวดเร็ว!”
“การที่พวกเขาเหล่านั้นกลัวผมมันเป็นความผิดของผมงั้นเหรอ
ถ้าคิดว่าเงินมันหายากขนาดนั้นทำไมคุณไม่ลองขายตัวแบบสาวเอเชียส่วนใหญ่มาทำกันที่นี่ล่ะ!!!”
ซ่า!!!
น้ำในถังถูกสาดใส่บุรุษในชุดกันดูเราะห์สีขาวจนเปียกชุ่มพร้อมความอดทนของมนตร์ทรายที่ถึงขีดสุด
“ท่าน...”
อัมเม็ตปรี่เข้ามาจะช่วยหากแต่มือหนากลับยกขึ้นปรามพลางค่อยๆเช็ดน้ำจากใบหน้านั้นออกด้วยชายแขนกันดูเราะห์
“นี่คุณไม่รู้จริงๆใช่มั้ยว่าผมคือใคร
ถึงได้กล้ากระทำพฤติกรรมต่ำๆแบบนี้!!!” น้ำเสียงกร้าวตะโกนใส่หน้าหญิงสาวโดยไม่สนใจว่านัยน์ตากลมโตของฝ่ายตรงข้ามจะรื้นไปด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอมากน้อยเพียงใด
“พฤติกรรมต่ำๆของฉันมันก็เหมาะสมกับคนที่มีคำพูดต่ำๆและความคิดต่ำๆอย่างคุณ!!!”
เพี้ยะ!!!
ใบหน้าหวานหันสะบัดไปตามแรงตบ
ผื่นแดงขนาดใหญ่ปรากฎชัดบนแก้มข้างขวาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบในตอนนี้
หญิงสาวไม่อาจควบคุมมันไว้ได้อีกแล้ว
“พูดอีกสิ!!!” เขาท้าทาย
“คุณมันคนใจร้าย ถ่อย
เถื่อน เลวทราม มีปัญหาทางจิตกับผู้หญิงเอเชียหรือไงถึงได้ชอบดูถูกเหยียดหยาม!!!”
เพี้ยะ!!!
เป็นอีกครั้งที่ใบหน้าหวานต้องสัมผัสกับฝ่ามือหนักจนรับรู้รสเลือดในปาก
น้ำตาใสๆไหลออกมาหากแต่แววตากลับจ้องมองชายตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
“ตบฉันให้พอใจ...เพราะยังไงคุณก็แค่ผู้ชายเฮงซวยไม่ได้สูงส่งเหมือนตำแหน่งที่เป็นตอนนี้!!!”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!!”
ชีคคาฟาห์เงื้อมือขึ้นอีกครั้งหมายจะลงโทษสตรีผู้อาจเอื้อมตรงหน้า
ทว่า...เสียงใครคนหนึ่งที่ร้องดังทำให้เขาถึงกับชะงักหันไปมอง
“พอเถอะค่ะ...ชีคคาฟาห์”
คุณยายรีบลงบันไดพลางปรี่เข้าขวางกลางระหว่างทั้งคู่
นัยน์ตาสีเทาที่แข็งกร้าวอ่อนกำลังลงก่อนเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างขัดใจ
“ท่านไม่น่าทำร้ายเธอเลย
ไม่สมกับเป็น...” หญิงชราหยุดพูดเพียงแค่นั้นพลางซับน้ำตาให้มนตร์ทรายอย่างสังเวชใจเมื่อใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงของนิ้ว
“ผมไม่ได้ตั้งใจ”
คำพูดนั้นกล่าวกับคุณยายหาใช่หญิงสาว
ก่อนที่นัยน์ตาสีเหล็กจะแข็งกร้าวอีกครั้งเมื่อหันมองเธอ
“คุณจำเอาไว้
ว่า...เรื่องมันไม่จบเท่านี้แน่!!!”
ทันทีที่ผู้ทรงอำนาจกับผู้รับใช้เดินออกไปพ้นร้านมนตร์ทรายก็สะอื้นเสียงดังอย่างอัดอั้น
ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเขาต้องบีบคั้นเธอ เหยียดหยามเธอราวกับผู้หญิงเอเชียไม่ใช่คน
“มันไม่มีอะไรแล้วอย่าร้องไห้ไปเลย
รีบอาบน้ำอาบท่าแล้วเข้านอน ส่วนงานที่เหลือยายจะจัดการต่อเอง” หญิงชราไล่มนตร์ทรายให้ขึ้นไปบนห้องนอน ซึ่งเธอไม่ปฏิเสธในเมื่อตอนนี้รู้สึกแย่เกินกว่าทำอะไร
แม้ผ่านไปนานเกือบสามชั่วโมงหากแต่หมอนยังคงเปียกชุ่มด้วยน้ำตามากมาย
เช่นเดียวกับรอยแดงที่ยังเด่นชัดไม่จางหายบนใบหน้าของหญิงสาวซึ่งกำลังร้องไห้เสียใจ
เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บบนใบหน้า
ทว่า...กลับเจ็บที่หัวใจเมื่อโดนเหยียดหยามครั้งแล้วครั้งเล่า...
คนใจร้าย...คนป่าเถื่อน...มนตร์ทรายสบถด่าทอเขาในใจ
ตั้งแต่เกิดมาหญิงสาวไม่เคยโดนใครดูถูกเหยียดหยามขนาดนี้มาก่อน
มันจึงทำให้จิตใจของเธออ่อนแอเหลือกำลัง
ยามเช้าเวียนมาถึงอีกครั้งทั้งที่เธอยังไม่ทันได้นอน
หากแต่จำยอมต้องลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเตรียมตัวลงไปช่วยคุณยายจ่ายตลาดโดยมีคุณตาเป็นสารถีขับรถให้เช่นทุกวัน
มนตร์ทรายล้างหน้าหลายครั้งเพื่อทำให้สดชื่นแจ่มใสโดยไม่ลืมใช้เครื่องสำอางอย่างคอนซิลเลอร์และแป้งพัฟเพื่อปกปิดร่องรอยของการร้องไห้และการโดนทำร้ายเมื่อวาน
“หนูแซนด์ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?” ชายแก่ถามไถ่อย่างเป็นกังวล
เพราะเมื่อวานเผลอหลับไปก่อนเลยไม่รู้เรื่องราวจวบจนคุณยายเล่าให้ฟัง
“ไม่เป็นไรค่ะ” มนตร์ทรายตอบพร้อมรอยยิ้มฝืนๆ
กระบะเปิดท้ายคันใหญ่มุ่งสู่ตลาดยามเช้า
กลิ่นคาวเลือดของไก่ เนื้อ และ แกะ ที่ถูกฆ่าสดๆใหม่ๆชวนให้สะอิดสะเอียนแต่หญิงสาวก็จำต้องเดินตามคุณตาคุณยายโดยถือของเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โชคดีที่แผงขายผักผลไม้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น และเมื่อได้ข้าวของจนครบก็พากันขึ้นรถเพื่อกลับร้านหลังจากจ่ายตลาดนานกว่าชั่วโมง
เสียงจอแจจากผู้คนจำนวนหนึ่งซึ่งยืนระเกะระกะตามถนนทำให้จราจรติดขัดเป็นบางช่วง
ดูเหมือนจะเกิดเหตุอะไรบางอย่างจึงทำให้ใครหลายคนสนอกสนใจ คุณตาไม่รอช้ารีบเปิดกระจกรถถามชาวบ้านคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไฟไหม้ร้านอาหารที่อยู่ตรงโน้น
ตอนนี้รถดับเพลิงกำลังมา” เขาตอบพลางชี้มือชี้ไม้ไปยังบริเวณที่ตั้งร้านอาหารของคุณตาคุณยาย
นั่นทำให้ทุกคนไม่รอช้าเปิดประตูรถแล้วเดินฝ่ากลุ่มคนไปยังที่เกิดเหตุ
ขี้เถ้าเขม่าควันมากมายกำลังพวยพุ่งจากเปลวไฟสีส้มซึ่งแผดเผาข้าวของรวมถึงอาคารร้านอาหารของคุณตาคุณยาย
ไม่ต่างจากการทำลายความรู้สึกและจิตใจเจ้าของร้านซึ่งแทบทรุดตัวลงพื้นพร้อมน้ำตาที่หลั่งไหล
มนตร์ทรายรู้สึกอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
เสียงปะทุของไม้แตกทำให้หัวใจเจ็บปวดรวดร้าวราวกับมันจะสลายกลายเป็นเสี่ยงๆเช่นกัน
นัยน์ตากลมโตพยายามละจากคุณตาคุณยายซึ่งนั่งกอดกันร้องไห้ไปยังพระเพลิงตรงหน้าซึ่งโหมกระหน่ำบ้าคลั่งราวกับเสียสติและสะใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
พลัน...คำพูดของชีคคาฟาห์ก็หวนกลับเข้ามาในความทรงจำหญิงสาว
“คุณจำเอาไว้
ว่า...เรื่องมันไม่จบเท่านี้แน่!!!”
ความคิดเห็น