คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 ตัวภาระจำเป็น
บทที่ 2
ตัวภาระจำเป็น
อากาศร้อนระอุถูกปัดเป่าลงชั่วคราวเมื่อภาพเวิ้งเขาเตี้ยๆที่ลดหลั่นกันราวผ้าพับใหญ่ซ้อนทับไม่รู้จักจบสิ้นแสนงดงามติดตาตรึงใจแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก ปลายนิ้วกดรัวชัตเตอร์เพื่อบันทึกความทรงจำใส่กล้องดีเอสแอลอาร์ ( *** ) ขนาดกะทัดรัดที่พกพามาด้วย แม้อเล็กซ์จะมาที่นี่ในฐานะนักแกะรอยผู้ก่อการร้ายข้ามชาติแต่ก็ไม่อยากพลาดโอกาสเก็บเกี่ยวความประทับใจในหุบเขามรณะสถานที่สวยงามซึ่งแวดล้อมด้วยภยันตรายทุกสารทิศ รวมถึงอุปกรณ์ชิ้นนี้จะช่วยอำพรางเหล่าศัตรูให้แนบเนียนยิ่งขึ้นว่าเขาเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ
นัยน์ตาคมกริบดุจเหยี่ยวเวหาทอดมองสุดสายตาอย่างล่วงรู้จุดหมายของตนเองว่าเป้าหมายไกลลิบเพียงใด จำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่ส่วนหนึ่งทางตะวันออกของอุทยานแห่งชาติเดธ วัลเลย์ แม้ไม่ใช่ตำแหน่งยากลำบากต่อการเดินทางเฉกเช่นฟากฝั่งตะวันตก แต่อุณหภูมิพุ่งสูงเกินสี่สิบองศาในเวลากลางวันแล้วดิ่งต่ำเหลือสิบองศาในเวลากลางคืน คือ ความหฤโหดที่สุดของมนุษย์ตัวน้อยๆซึ่งจะทานทนในสภาพอากาศและสภาพภูมิประเทศเยี่ยงนี้ อเล็กซ์ไม่แปลกใจที่โทมัสเลือกเขาให้ปฏิบัติภารกิจนี้เพราะจำเป็นต้องแข็งแรงและเชี่ยวชาญการสะเทินน้ำสะเทิ้นบกอย่างยิ่งยวด
“โอ้โห...วิวตรงนี้สวยชะมัด นายมีที่เจ๋งๆแบบนี้ก็ไม่ยอมเผื่อแผ่คนอื่นบ้างเลยนะ” รสินทราตามชายหนุ่มขึ้นมาบนเชิงเขา พลางชะเง้อชะแง้แลทิวทัศน์รอบตัวเหมือนเด็กเล็กๆไม่ใส่ใจสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายซึ่งขมึงทึงเคร่งเครียดพอสมควร
“ให้ตายเถอะ! เมื่อไรคุณจะเลิกตามผมเสียที” เขาเริ่มหงุดหงิดใจกับความดื้อรั้นของหญิงสาว
“แล้วทำไมฉันจะตามนายมาไม่ได้ล่ะ?” ตอบด้วยทีท่ายะโสประหนึ่งทุกอย่างบนโลกต้องสยบแทบเท้า
“ก็ไม่ทำไมหรอก แต่ผมรำคาญ!” กล่าวจบก็กระโดดจากหินก้อนใหญ่ที่ยืนอยู่ลงไปยังพื้นด้านล่าง เดินหนีแม่สาวไฮโซที่พยายามตามติดไม่ปล่อย
การตามหาผู้ก่อการร้ายข้ามชาติยังไม่ทันเริ่มก็เจออุปสรรคเสียแล้ว อเล็กซ์สะพายเป้ใบโตหลบเลี่ยงไปทางนั้นทีทางนี้ทีและใช้ซอกเขาบางจุดเป็นสถานที่พรางตัวจากรสินทรา ทว่า จนแล้วจนรอดก็โดนตามพบอยู่ดี ตั้งแต่เป็นทหารในสังกัดหน่วย SEAls มานับสิบปียังไม่เคยพลาดท่าเสียทีศัตรูสักคน เหมือนพระเจ้ากลั่นแกล้งให้หญิงสาวเจอะเจอทั้งที่หลบซ่อนดีแล้ว นาฬิกาข้อมือแสดงถึงเวลาไม่คอยท่า ทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมงของเขามีค่ามากกว่าเล่นซ่อนแอบไล่จับหลายเท่า หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังต้องเสียงานใหญ่แน่ๆ!
“ฉันเจอนายแล้ว!” รสินทราโผล่หน้าเข้ามาระหว่างซอกผาเล็กๆที่อเล็กซ์กำลังแอบอยู่ “อย่าหนีฉันให้ยากเลย...ตัวโตเหมือนหมีกริซลีย์ ( *** ) แบบนี้คิดว่าจะซ่อนพ้นเหรอ ทางที่ดีนายควรตามฉันกลับไปขึ้นรถได้แล้ว อย่าเป็นภาระให้ชาวบ้านชาวช่องได้ไหม ฉันอยากไปแบดวอเทอร์ เบซิ่นใจแทบขาดแล้ว นายกำลังเป็นตัวถ่วงความเจริญของคนอื่นๆนะ!!!” ร่ายยืดยาวอย่างไม่พอใจพลางเบี่ยงกายหลบให้ชายหนุ่มออกมาจากจุดซ่อนตัว
“ผมว่าคุณพลาดแล้วล่ะ!”
“หมายความว่าอย่างไร?”
“คุณเห็นเป้นี้ไหม...ผมตั้งใจมาตั้งแคมป์คนเดียวก็เลยขอแยกตัวจากคณะทัวร์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ฉะนั้นคนๆเดียวที่จะเป็นตัวถ่วงความเจริญคนอื่นๆคือคุณต่างหาก ป่านนี้ทุกคนไม่รอคุณที่รถหมดแล้วเหรอ...รีบๆไปซะ!” เขาน่าจะคิดวิธีนี้ได้ตั้งนานแล้วมัวเสียเวลาวิ่งรอบภูเขาอยู่ได้!
“อีตาบ้า! แล้วทำไมนายไม่รีบบอกฉัน นี่ตั้งใจแกล้งฉันใช่ไหม!!!” เธอแผดเสียงสูงใส่ สีหน้าโกรธจัดก่อนสะบัดเชิดออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
ใจหนึ่งก็โล่งอกที่สลัดตัวปัญหาออกไปได้เสียที แต่ใจหนึ่งกลับรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับคำพูดของหญิงสาวเมื่อสักครู่พอสมควร ‘อย่าหนีฉันให้ยากเลย...ตัวโตเหมือนหมีกริซลีย์แบบนี้คิดว่าจะซ่อนพ้นเหรอ...’ การออกจากหน่วย SEALs แค่สามปีทำให้ฝีมือเขาตกลงขนาดนี้เชียว มือสมัครเล่นอย่างแม่สาวไฮโซยังตามหาพบโดยง่ายดายแล้วแบบนี้พวกผู้ก่อการร้ายข้ามชาติจะไม่สังเกตเห็นเขาตั้งแต่แรกกระนั้นหรือ ครั้นคิดแบบนี้แล้วอดตำหนิตัวเองไม่ได้จริงๆที่วางแผนการไม่รอบคอบเพราะหากถูกพวกศัตรูจับได้ การกล่าวอ้างว่ามาตั้งแคมป์คนเดียวจนพลัดหลงกลางทะเลทรายคงดูทะแม่งๆเกินไป หากได้ใครสักคนมารวมเดินทางยังดูน่าเชื่อถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่พากันมาตั้งแคมป์มากกว่า...
“นี่นาย!!!” จู่ๆรสินทราก็โผล่พรวดตรงหน้าอีกครั้ง เล่นเอาคนตัวโตสะดุ้งเฮือกตกใจ
“มีอะไรอีก?” เขาถามกลับทันควัน
“ฉันหาทางกลับไม่ถูก...จำได้ว่าตามนายมาจากตรงโน้นแต่พอเดินไปถึงกลับไม่พบทางออก นายช่วยพาฉันไปส่งที่รถหน่อยสิ” คำร้องขอของแม่สาวไฮโซดูบังคับกลายๆมากกว่าไหว้วอนขอให้ช่วย “เร็วๆเข้า! ฉันร้อนจะตายอยู่แล้ว” สั่งเสียงดังพลางคลี่พัดกระพือไปมา
“นี่! ผมไม่ใช่ทาสคุณนะที่จะได้...” อเล็กซ์ชะงักงันครั้นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เอาเถอะ...ผมจะช่วยพาคุณกลับไปที่รถละกัน!” พูดจบก็แบกเป้สะพายนำทางโดยมีรสินทราเดินตามต้อยๆกระชั้นชิด
แสงแดดยามทิวากาลร้อนแรงจนต้องขยับหมวกปีกกว้างลงมาปิดใบหน้ามากกว่าเดิม นัยน์ตาพร่าลายคล้ายจะเป็นลมแต่ต้องจำใจก้าวตามชายหนุ่มซึ่งเดินนำลิ่วให้ทัน ในใจวาดหวังให้รถมินิบัสปรากฏอยู่ตรงหน้าไวๆจะได้กระโดดเข้าไปตากแอร์ให้ชุ่มปอด ทว่า หนทางแสนยาวนานเหลือเกิน เพราะเธอไม่สังหรณ์ใจเลยสักนิดว่าเส้นทางที่อีกฝ่ายพาไปนั้น...มุ่งสู่หุบเขามรณะที่ลึกขึ้นเรื่อยๆและห่างทางออกมากขึ้นทุกทีๆ
“เมื่อไรจะถึง...” ในที่สุดรสินทราก็ต้องเอ่ยปากถาม เหนื่อยจนไม่มีเรี่ยวแรงจะกระพือพัดดับร้อนให้ตัวเอง
คนถูกถามยังไม่ตอบทันทีพลางเหลียวซ้ายแลขวาแล้วยืนนิ่งชั่วครู่ ดวงตาสีเทาเข้มล่อกแล่กแสดงความวิตกกังวล ใบหน้าคร้ามหนวดเคราขึงตึงเคร่งเครียดยิ่งกว่าที่เคยเป็น ยกมือหนาขึ้นปรามหญิงสาวให้หยุดรออยู่กับที่แล้วเดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น
“โอ้ย...ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ฉันร้อนจะตายอยู่แล้ว รีบๆพาฉันกลับไปที่รถเสียที!”
“ผมคงพาคุณไปส่งที่รถไม่ได้แล้ว”
“นี่นายตั้งใจจะกวนประสาทฉันใช่ไหม?”
“เปล่า! แต่ผมจำเป็นต้องบอกคุณให้ทราบ ว่า...เราสองคนหลงทาง”
“ห๊ะ!!! นายพูดว่าอะไรนะ?” คนฟังแทบไม่เชื่อหู รีบโผเข้าไปผลักอกกว้างของชายหนุ่มอย่างแรง “ฉันไม่ตลกด้วยนะ รีบๆพาฉันออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!!!”
“คุณนี่ท่าจะหูตึง ผมว่าผมพูดชัดเจนแล้วนะ ว่า...เราสองคนหลงทาง!!!” อเล็กซ์ย้ำคำเดิม
“ให้ตายเถอะ!!! นี่นายไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม?” รีบถามด้วยความใจเสีย พอเห็นชายหนุ่มส่ายหน้านิ่งขรึมไปมาช้าๆก็แทบทรุดลงนั่งกับพื้น “นี่ฉันหลงทาง...หลงทางในหุบเขามรณะเหรอเนี่ย!!!” โพล่งดังออกมาทั้งน้ำตาคลอเบ้า ความกลัวเริ่มแผ่ซ่านในใจเหมือนเปลวไฟที่ไหม้ลาม รู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้มีประวัติความเป็นมาเยี่ยงใด...เคยมีผู้คนล้มหายตายจากและสาบสูญในอุทยานแห่งชาติแห่งชาติเดธ วัลเลย์มากมายนับไม่ถ้วนหรือเธอจะต้องกลายเป็นหนึ่งในนั้น! “นี่เป็นความผิดของนาย!” รสินทราโยนความผิดทั้งหมดให้อเล็กซ์เสียดื้อๆ
“เอ้า! เกี่ยวอะไรกับผมเนี่ย?”
“นายเป็นคนนำทางประสาอะไรถึงพากันหลงแบบนี้!”
“นี่คุณ! ผมไม่ใช่เข็มทิศหรือเครื่องจีพีเอสนะ ที่จะได้ล่วงรู้เกี่ยวกับทุกพื้นที่บนโลก”
“ถ้านายไม่รู้ แล้วสาระแนนำทางฉันทำไม!”
“เฮ้!!! คุณเป็นคนขอร้องให้ผมช่วยนำทางเองแล้วจะมาโทษกันแบบนี้ได้อย่างไร อีกอย่างผมก็เตือนคุณตั้งหลายครั้งแล้ว ว่า...อย่าตามมาๆแต่คุณก็ยังดื้อรั้นตามมาเอง” เขาสวนกลับชุดใหญ่ “พวกผู้ดีอย่างคุณยอมรับผิดหรือโทษตัวเองสักครั้งมันจะตายไหม!!!”
หยดน้ำตาร่วงแหมะอาบใบหน้าสวยจนคนตัวโตถึงกับชะงัก รสินทราหวาดกลัวกับสิ่งต่างๆที่กำลังเผชิญอยู่มากกว่าจะใส่ใจคำต่อว่าต่อขานของชายหนุ่มซึ่งยอมหุบปากไม่ต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก ความทรงจำตั้งแต่เกิดมา คือ ชีวิตในรั้วโรงเรียนชายล้วนและกองทัพเรือจึงไม่มีโอกาสใกล้ชิดสตรีเท่านี้มาก่อน พอได้เห็นน้ำตาของผู้หญิงชัดๆเลยไปไม่เป็นเอาเหมือนกัน
“ฉันจะโทรฯหาพ่อ...ฉันจะให้พ่อมารับ!” หญิงสาวโพล่งออกมาพลางควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพาย ไม่สนใจว่าโรเบิร์ตจะตามหาเธอพบหรือไม่ หรือ ต้องบากหน้าสู้ข่าวซุบซิบนินทาเรื่องบัดสีของคู่หมั้นหนุ่มยาวนานเพียงใด ขอแค่ออกจากสถานที่แห่งนี้ได้เป็นพอ!!!
“เสียใจด้วย...ผมขอเดาว่าโทรศัพท์มือถือของคุณคงไม่มีสัญญาณ”
ถูกเป๊ะ! หน้าจออุปกรณ์สื่อสารเพียงชิ้นเดียวของรสินทราปรากฏรูปภาพเธอกับมหาเศรษฐีเดวิดและสถานะของแบตเตอรี่เท่านั้น สัญญาณโทรศัพท์หายสาบสูญราวกับพระเจ้ากลั่นแกล้งให้ความหวังสุดท้ายดับวูบลงดุจแสงเทียน
“แถวนี้ไม่มีสัญญาณใดๆเข้าถึงเพราะภูมิประเทศค่อนข้างซับซ้อน” เขาอธิบาย
“แล้วนายจะให้ฉันทำอย่างไร มัวแต่พูดๆๆแต่ไม่แก้ไขอะไรสักอย่าง”
“ผมจะหาทางออกให้เจอ...ตามผมมาสิ” ชักชวนหญิงสาวที่เริ่มแสดงอาการหงุดหงิดออกมา
“ตามนาย?” เธอย้ำคำนั้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ไม่มีทาง!!! ฉันไม่เชื่อใจนายอีกแล้ว”
“แล้วคุณจะเอาอย่างไร?”
“ฉันจะนั่งรออยู่ตรงนี้...ฉันจะไม่ไปกับคนถ่อยไร้ความรับผิดชอบอย่างนายเด็ดขาด!!!”
“เรื่องของคุณ!!! เชิญคุณนั่งรอความช่วยเหลือคนเดียวเถอะ เพราะผมงอมืองอเท้าแบบพวกผู้ดีไม่เป็น” อเล็กซ์ตะคอกอย่างหัวเสีย “แต่ก็ระวังไว้ด้วยละกัน เพราะถ้าไม่มีใครมาคุณคงแห้งตายกลายเป็นมัมมี่กลางทะเลทราย ไม่สิ...คุณคงโดนพวกสัตว์ร้ายลากไปกินก่อนมากกว่า” แม้อุทยานแห่งชาติเดธ วัลเลย์จะเป็นดินแดนแห้งแล้งและทุรกันดารอันดับต้นๆของโลก แต่ก็ยังมีสัตว์จำนวนหนึ่งสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เช่น สิงโตภูเขา หมาป่า จิ้งจอก ฯ ฉะนั้นทั้งหมดจึงไม่ใช่คำข่มขู่แต่อย่างใด
ชายร่างใหญ่ผลุนผลันเดินออกจากตรงนั้นโดยไม่แยแสรสินทราซึ่งนั่งหน้าบึ้งอยู่ตรงก้อนหินใกล้เชิงผา ยอมรับว่าหลงผิดที่เลือกเธอเป็นตัวช่วยในการปฏิบัติภารกิจระดับชาติ หวังใช้พรางตาเหล่าศัตรูว่าเป็นคู่รักนักท่องเที่ยวหลงทางแต่ดูท่าจะไม่รอดจริงๆ เกิดมาเขายังไม่เคยพบเจอผู้หญิงปากจัด ขี้บ่น เห็นแก่ตัว และ ไม่มีมรรยาทเท่านี้มาก่อน สมควรปล่อยให้ตายกลางทะเลทรายเผื่อแผ่นดินจะได้สูงขึ้นบ้าง!
ความกลัวต่อธรรมชาติรอบด้านกลั่นน้ำตาไหลรินอาบแก้มขาวๆของหญิงสาวผู้โชคร้ายไม่หยุดหย่อน ทุกครั้งที่ลมร้อนพัดโหมมาเป็นระยะๆหุบเขาจะเปล่งเสียงกึกก้องประสานลั่นทั่วทุกสารทิศราวต้องการข่มขวัญรสินทราให้ฝ่อลงๆทุกชั่วขณะ คอเริ่มแห้งผากกระหายน้ำ ท้องเริ่มร้องประท้วงหิวโหย นัยน์ตาพร่าลายคล้ายจะเป็นลมเสียให้ได้กระนั้นต้องพยายามประคองร่างกายเอาไว้ไม่ให้ล้มพับด้วยเกรงจะพลาดโอกาสหากมีใครสักคนออกตามหา
อีตาพ่อครัวหนวดดกก็ช่างใจร้ายไร้อารยธรรม ไร้วัฒนธรรม และ ไร้มนุษยธรรมเหลือเกิน ปล่อยผู้หญิงบอบบางอย่างเธอไว้กลางทะเลทรายแบบนี้ได้อย่างไร คอยดูเถอะ...กลับมาแม่จะด่าให้น้ำตาร่วงเลย! แต่ถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ? แล้วถ้าพวกคณะทัวร์ออกตามหาไม่พบล่ะ? เธอไม่ต้องกลายเป็นผีเฝ้าหุบเขามรณะจริงๆเหรอ คิดแค่นั้นคนที่ร้องไห้กลับกลายเป็นรสินทราเอง
“ดื่มซะ!” ขวดน้ำถูกยื่นจ่อตรงหน้า ไฮโซสาวเงยมองบุคคลที่เพิ่งต่อว่าด่าทอในใจอย่างยินดีปรีดาเมื่อเห็นเขากลับมาโดยไม่ทอดทิ้งกัน ทว่า ต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ด้วยเกรงจะเสียฟอร์ม
“ไม่!!!” ปฏิเสธทั้งที่คอแห้งเป็นผง “กลับมาทำไม...ไปไม่รอดล่ะสิ”
“ใครกันแน่ที่จะไม่รอด...ผมมีอุปกรณ์ประทังชีวิตพร้อม แต่คุณตัวเปล่าเล่าเปลือยไม่มีอะไรแบบนี้ก็อย่าปากดีเลย!” เขาดุพลางยัดเยียดขวดน้ำใส่มือหญิงสาวซึ่งไม่รอช้าที่จะยกกระดกดื่มหมดในคราเดียว
“ขอบใจ!” ยื่นขวดเปล่าส่งคืนอเล็กซ์ที่รับไปพิจารณาด้วยสีหน้าเหยเก
“คุณรู้ไหม ว่า...น้ำขวดนี้สามารถดื่มประทังชีวิตได้ทั้งวันเลยนะ” พูดพลางส่ายหน้าน้อยๆ
“เอ้า! ฉันจะไปรู้เหรอ” รสินทรายักไหล่ ไม่ยี่หระถึงปัญหาใหญ่หลังจากนี้
“เอาเถอะ...ผมยังพอมีน้ำเหลืออยู่ได้อีกสามวัน” ชายหนุ่มขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงด้วย อย่างไรเสียเขาก็ต้องดูแลอีกฝ่ายให้ดีสมกับที่หลอกล่อมาเป็นตัวช่วย
“อะไรกัน! นี่เราต้องอยู่ในทะเลทรายตั้งสามวันเชียวเหรอ” คนฟังตกใจกับสิ่งที่รับรู้
“คุณคิดว่าหุบเขามรณะมันแคบมากขนาดคณะทัวร์หรือเจ้าหน้าที่อุทยานฯจะค้นหาพวกเราพบในวันสองวันเหรอ เผลอๆอาจนานกว่านั้นด้วยซ้ำเพราะผมแจ้งพวกเขาเอาไว้ว่าจะออกมาตั้งแคมป์หนึ่งอาทิตย์!” ความจริงแล้วไม่ได้แจ้งบอกเหล่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเดธ วัลเลย์เลยต่างหาก เพราะไม่สามารถไว้วางใจใครได้ว่าจะสมรู้ร่วมคิดให้ที่พักพิงพวกศัตรูหรือไม่ เอาเป็นว่าแกะรอยพวกผู้ก่อการร้ายข้ามชาติเสร็จเมื่อไรก็ออกจากที่นี่เมื่อนั้น!
“หนึ่งอาทิตย์!!!” รสินทราโพล่งดังลั่น “ไม่มีทาง...พวกเขาจะต้องค้นหาฉันพบไวกว่านั้น”
“คุณลงทะเบียนหรือเปล่า?”
“ลงทะเบียน...ลงทะเบียนอะไร?” เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายตั้งใจจะสื่อ
“บนรถเขามีสมุดลงทะเบียนให้กรอกก่อนเดินทางเพื่อนับจำนวนคน ถ้าคุณไม่ได้ลงรายชื่อเอาไว้ก็เตรียมตัวเป็นบุคคลสูญหายที่โลกลืมได้เลย” อเล็กซ์แกล้งขู่ทั้งที่ไม่มีของพรรค์นั้น ทำเอารสินทราหน้าเสียวิตกกังวลมากขึ้นหลายเท่าตัว
“ให้ตายเถอะ...ฉันไม่เห็นรู้เลยว่าต้องลงทะเบียนบ้าบออะไรนั่น”
“คุณไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ ไปกับผมเถอะ...อย่างน้อยสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียวนะ” ประโยคเชิญชวนเกลี่ยกล่อมคนขวัญเสียชะงัดนัก ครั้นเห็นว่าจนมุมหญิงสาวจึงจำใจตามพ่อหนุ่มหนวดดกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตะวันยามบ่ายคล้อยใกล้ลาลับเหลี่ยมเขาแต่สภาพอากาศโดยรวมยังคงร้อนระอุไม่ทุเลาเบาบางลงสักนิด อดีตทหารหน่วย SEALs พอทนไหว แต่แม่สาวไฮโซแทบเป็นบ้าตายรอมร่อเพราะคิดถึงห้องนอนในคฤหาสน์หรูที่นิวยอร์ก หากได้เปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเอนนอนบนเตียงสปริงนุ่มๆขนาดคิงไซส์เวลานี้คงสุขีหาที่เปรียบไม่ได้ เธอไม่น่ารนหาเรื่องมาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติเดธ วัลเลย์เลย!
‘โอ้ย! นี่เราจะต้องเดินไปถึงไหนเนี่ย’
‘ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว พักสักครู่ไม่ได้เหรอ’
‘นายจะเดินเร็วไปไหน หัดมีน้ำใจรอคนอื่นบ้างสิยะ’
‘เป้นายออกจะใบใหญ่โต ทำไมไม่พกร่มหรืออะไรมาบ้าง หมวกฉันราคาตั้งหลายร้อยดอลล่าห์ขืนตากแดดนานๆมีหวังสีซีดพอดี...นี่มันรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นมีแค่หนึ่งร้อยใบและหาไม่ได้ในโลกนี้อีกแล้วนะ’
นี่คือคำบ่นเพียงเศษหนึ่งส่วนร้อยที่พรั่งพรูออกจากปากรสินทราซึ่งเดินโซซัดโซเซไล่ตามหลังตลอดระยะเวลากว่าสามชั่วโมง อเล็กซ์อยากย้อนเวลากลับไปส่งเธอคืนแก่คณะทัวร์เหลือเกิน อากาศก็ทำให้ร้อนกายอยู่แล้วดันต้องร้อนใจเพราะคำพูดเสียดแทงหูอีก
พระเจ้า! นี่มันตัวภาระชัดๆ ไม่ใช่ตัวช่วยอะไรเลย
“ถ้าคุณเลิกบ่นสักห้านาที อกจะแตกตายไหม?” เขาถามโดยไม่หันไปมองอีกฝ่ายให้รำคาญใจ
“ถ้านายทำให้พระอาทิตย์เลิกร้อนได้ฉันก็จะหยุดบ่น ฉันไม่ใช่พวกถึกแบบนายที่จะได้ทนต่อทุกสภาพอากาศ” หญิงสาวไม่ลดละ ทว่า ยิ่งพูดมากเท่าไรก็หิวมากเท่านั้น ทั้งวันประทังชีวิตแค่กาแฟกับคุกกี้เมื่อตอนเช้าและน้ำเปล่าหนึ่งขวดเมื่อตอนเที่ยง “ฉัน...ไม่ไหวแล้ว” ทิ้งตัวลงยังพื้นกรวดอันร้อนฉ่า กระนั้นก็ไม่ทำให้เธอสนใจเพราะนัยน์ตาเริ่มพร่าลายและร่างกายเริ่มไร้ความรู้สึก
“เฮ้! คุณเป็นอะไร?” อเล็กซ์ทิ้งสัมภาระแล้ววิ่งเข้ามาช่วยประคอง
“ฉันหิว...หิวมาก”
“ไปๆ...ไปหาที่พักก่อน” พูดพลางพาหญิงสาวเข้าไปหลบแดดหลังผาหินไม่ใกล้ไม่ไกล
เงาดำแห่งขุนเขาอันโล่งเตียนพอช่วยทำให้ความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าทุเลาลงบ้าง นัยน์ตาสีเขียวสดซึ่งทอดมองรอบกายยังมีสีสันกว่าวัชพืชกระดำกระด่างแลใกล้ตาย แต่ในใจหญิงสาวหม่นหมองยิ่งกว่าเพราะไม่มีเรี่ยวแรงและพละกำลังจะหยัดยืนเฉกเช่นต้นหญ้าที่ท้าแดดท้าลมได้นับสิบๆปีในหุบเขามรณะ
เป้ใบใหญ่ถูกเปิดโดยเจ้าของซึ่งพยายามค้นหาอะไรบางอย่าง ไม่นานนักเขาก็ล้วงเอาถุงพลาสติกใบหนึ่งออกมา หยิบขนมปังกรอบกับเนื้อรมควันอย่างละชิ้นส่งให้รสินทรา เธอรับมันมาดมพร้อมทำจมูกฟุดฟิดเป็นอันดับแรก ไม่วางใจว่าอาหารเหล่านี้สามารถกินได้จริงหรือไม่ เพราะดูแห้งและไร้รสชาติจนยากจะกล้าลองลิ้มชิมรส
“เนื้ออะไร?”
“แกะรมควัน”
“ไม่ยักรู้ว่าคนอย่างนายจะมีปัญญาซื้อของพรรค์นี้มาเป็นเสบียง” ดูถูกตามนิสัย แต่นั่นไม่ทำให้คนฟังเอือมระอาไปมากกว่าที่เป็นอยู่
“ผมทำเอง”
“ห๊ะ! อี๋! ทำเองเหรอ กินเข้าไปจะท้องเสียไหมเนี่ย” ท่าทางขยะแขยงเกินควรของหญิงสาว ทำให้อเล็กซ์เริ่มหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ “แล้วถ้าท้องเสียขึ้นมายาเยอมีให้กินไหมเนี่ย...ฉันไม่อยากตายก่อนวัยอันควรนะยะ”
“นี่คุณ...ลืมไปหรือเปล่าว่าผมเป็นพ่อครัว ประกาศนียบัตรหรือรางวัลอะไรผมก็มีประดับร้าน เคยแหกตาดูตอนไปบ้างไหม” เตือนสติหญิงสาวให้กลับมาเข้าที่เข้าทาง
“โอเคๆ! ฉันกินก็ได้ ไม่ใช่ว่าเชื่อเรื่องรางวัลโหล่ยโท่ยอะไรที่นายอวดอ้างหรอกนะ เพราะของพรรค์นั้นทำขึ้นเองก็ได้ถ้าเงินหนัก แต่ที่กินเพราะกลัวตายก่อนจะได้กลับบ้านต่างหาก!” รสินทรายักไหล่แล้วบิเนื้อแกะรมควันใส่ปากสลับกับขนมปังกรอบ ต่อให้รสชาติอาหารไม่ธรรมดาแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาให้เสียศักดิ์ศรีได้ เลยเก็บความอร่อยไว้ในใจกระทั่งรับประทานหมด... “ก็พอกินได้นะ”
“ผมไม่ได้หวังคำชมจากคุณอยู่แล้ว แค่มันช่วยให้คุณหุบปากสักห้านาทีหรือสิบนาทีก็พอใจแล้ว”
“นี่นาย...”
“เอ้า! กินเสร็จแล้วก็เดินทางต่อสักที เราต้องหาทางออกให้เร็วที่สุด!” รีบเอ่ยบอกก่อนแม่สาวไฮโซจะทันบ่นอีกรอบ จากนั้นก็สะพายเป้ขึ้นหลังแล้วสาวเท้าออกจากตรงนั้นโดยไม่รั้งรอหญิงสาวที่ต้องผุดลุกขึ้นตามติดด้วยเกรงจะโดนปล่อยเกาะหากพิรี้พิไรเกินควร
สัมภาระมากมายที่แบกยังไม่หนักเท่าความกังวลใจของชายหนุ่ม ไม่รู้คิดผิดหรือเปล่าที่เลือกรสินทรามาเป็นตัวช่วยเพราะไม่ว่าจะนั่งดู ยืนดู ตะแคงดู หรือ เดินดูกี่รอบก็เห็นแต่ปัญหาที่จะตามมาทั้งนั้น นี่มันตัวภาระชัดๆ...ตัวภาระจำเป็นที่ต้องหยิบเลือกมาใช้งานเพราะไม่มีหนทางอื่นอีกแล้วเวลานี้
ในที่สุดยามเย็นก็มาเยือน...ตะวันแดงฉานฉาบผืนทรายและทิวเขาเหมือนจิตรกรตวัดปลายแปรงแต่งแต้มสีสัน ฝูงนกหลายเผ่าพันธุ์ส่งเสียงเซ็งแซ่กึกก้องขณะทยอยบินกลับรัง อีกไม่นานความมืดจะครอบคลุมทั่วทุกตารางนิ้วในหุบเขามรณะเร่งเร้าให้อเล็กซ์ต้องรีบจัดการตั้งเต็นท์และก่อกองไฟก่อนฝูงสัตว์บางจำพวกออกหากิน ไม่ว่าจะเป็นสิงโตภูเขา หมาป่า จิ้งจอก หรืออะไรต่อมิอะไรก็ตาม แม้ว่าเขาสามารถจัดการพวกมันได้โดยใช้อาวุธอย่างปืนสั้น มีดพก ระเบิดที่แอบซ่อนไว้ในเป้ แต่ถ้าไม่สุดวิสัยจริงๆก็ไม่อยากฆ่าสัตว์ในอุทยานแห่งชาติเดธ วัลเลย์ที่ใกล้สูญพันธุ์เพราะสภาพอากาศทารุณขึ้นทุกวันทุกคืนจากภาวะโลกร้อน
ครั้นฟ้าเริ่มมืดลงอากาศก็เริ่มแปรเปลี่ยนทีละนิดๆ ความเย็นไล่ไอร้อนออกจากพื้นที่รอบด้านราวกับโดนเวทย์มนต์ปัดเป่า รสินทรามีเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่เพียงชุดเดียว คือ เสื้อยืดรัดรูปสีขาวกับกางเกงยีนส์ขาสั้นเลยต้องใช้สองมือกอดตัวเองบรรเทาความหนาวตรงหน้ากองไฟ อาหารเย็นไม่แตกต่างจากตอนกลางวันที่ผ่านมา...ขนมปังกรอบกับเนื้อแกะรมควันและน้ำดื่มหนึ่งขวดที่อเล็กซ์บังคับให้ดื่มอย่างประหยัด
“ผมขวดหนึ่ง คุณขวดหนึ่ง...ทำอย่างไรก็ได้ที่จะดื่มให้เพียงพอสำหรับสองวัน เพราะผมไม่มีสำรองในกระเป๋าแล้ว หมดแล้วหมดเลย!”
“แล้วสองวันหลังจากนี้เราจะหาน้ำจากที่ไหนล่ะ?” หญิงสาวเริ่มกังวลขึ้นมาบ้าง เพราะตลอดทั้งวันยังไม่พบเจอแหล่งน้ำเลย
“ผมจะพยายามหาแหล่งน้ำให้พบ ต่อให้ขุดดินขุดทรายก็จะลองทำดู” ความจริงแค่ส่งรหัสลับบอกพรรคพวกที่ตามห่างๆมาตลอดทั้งวันโทมัสก็จะจัดส่งน้ำกับอาหารมาให้ในครึ่งชั่วโมง แต่เขาอยากดัดนิสัยของแม่สาวไฮโซก็เลยสร้างสถานการณ์ลำบากลำบนเสียหน่อย “ส่วนเรื่องอาหารคงกินได้อีกไม่กี่มื้อ ถ้าหมดก็คงถึงคราวสวมวิญญาณนายพรานล่าสัตว์กินเอง!”
“โอ้ย! ฉันจะภาวนาต่อพระเจ้าให้พวกเราหาทางออกก่อนอาหารกับน้ำหมด ไม่อยากเปิบพิสดาร!!!” แค่คิดก็ขนลุกแล้ว หญิงสาวชักสีหน้าเหยเกพลางมองอเล็กซ์ซึ่งใช้กิ่งไม้เขี่ยฟืนในกองไฟไปมา “จริงสิ! เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลยนะ ฉันชื่อ รสินทรา คาร์เตอร์ เรียกว่า ชารอน ละกัน”
“ผม อเล็กซ์ ออแลนด์โด้ เรียกว่า อเล็กซ์ ก็ได้”
“โอเค...ฮะ...ฮัดเช้ย!!!”
“คุณรีบเข้าเต็นท์ไปนอนก่อนเถอะ อากาศในทะเลทรายร้อนจัดในตอนกลางวัน และ หนาวจัดในตอนกลางคืน ถ้าคุณไม่แข็งแรงพอจะป่วยเอาง่ายๆ” ชายหนุ่มเห็นอาการอีกฝ่ายก็นึกเป็นห่วงขึ้นมา ไม่อยากเสียเวลารักษาโรคภัยไข้เจ็บของหญิงสาวจนพลาดงานใหญ่ที่รอคอยท่า รีบล้วงเอายาแก้ไข้กับยาแก้แพ้จากกระเป๋ามาให้เร็วไว “กินยากันไว้ก่อน!”
“ขอบใจ!” เธอไม่ปฏิเสธความหวังดีนั้น เพราะการเจ็บป่วยในทะเลทรายที่ขึ้นชื่อว่าหฤโหดที่สุดในโลกคงเหมือนตกนรกทั้งเป็น หากมียาก็ควรรับประทานกันไว้แต่เนิ่นๆดีกว่าล้มหมอนนอนเสื่อ ไม่สิ...ล้มพื้นนอนทรายและอาจตายกลายเป็นเหยื่อแร้งเสียเปล่าๆ
เมื่อเห็นรสินทราเข้าไปนอนในเต็นท์เรียบร้อยแล้วคนตัวโตก็เอนกายลงบนพื้นทราย หงายมองดวงดาวนับพันนับหมื่นดวงบนท้องนภา นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้เสพสุขกับความสวยงามใกล้ตัว ชีวิตวุ่นวายกับภารกิจระดับชาติมาโดยตลอดเนื่องจากอยู่กับความเป็นความตายซึ่งรายล้อมด้วยศัตรูรอบด้าน ทหารหน่วย SEALs อย่างเขาจะหงายหน้านอนก็ต่อเมื่อตายในสมรภูมิรบเท่านั้น กระทั่งลาออกมาเปิดร้านอาหารก็ยังขลุกอยู่ในก้นครัวเพราะไม่อยากออกมาพบปะผู้คนเสียเท่าไร กลัวพบเจอมนุษย์สันดานหยาบช้าแบบที่เคยสัมผัสในอดีต...
หลายปีก่อนหน้านี้
เสียงดังเซ็งแซ่มักเกิดขึ้นทุกช่วงเที่ยงวันในโรงอาหารใหญ่ประจำหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา เหล่าทหารหลายร้อยนายต่างพักผ่อนตามอัธยาศัยด้วยสีหน้าเบิกบานแจ่มใส แม้เป็นช่วงสั้นๆระหว่างการฝึกซ้อมรบแต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดว่ามันน้อยนิดและใช้เวลานี้คุ้มค่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โต๊ะอาหารยาวหลายสิบตัวถูกแบ่งขอบเขตการใช้งานอย่างเป็นระเบียบและชัดเจน ทีม A ทีม B ทีม C และอีกหลายๆทีมจะนั่งตามโต๊ะของตัวเองไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน
อาหารจำนวนมากถูกวางอยู่บนโต๊ะบุฟเฟ่ต์ตรงกลางโถง อาทิ เฟรนช์ฟราย , ซี่โครงหมูอบซอสบาร์บีคิว , ซุปครีมเห็ด , สลัดผัก และอะไรต่อมิอะไรนับไม่ถ้วน สวัสดิการทหารในสังกัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ Navy SEALs ค่อนข้างดีสมกับการฝึกหนัก พวกทหารจึงผ่อนคลายไม่ตึงเครียดและเต็มที่กับภารกิจต่างๆ อเล็กซ์อยู่ในชุดทหารลายพรางมัลติแคม ( *** ) กำลังเลือกอาหารในถาดตักใส่จานตัวเอง โดยมีโทมัสคู่หูคนสนิทคอยยุยงให้ตักทุกอย่างแล้วคลุกรวมกันเป็นสลัดสูตรพิเศษแบบที่เคยรับประทานแล้วท้องเสียเกือบครึ่งวัน
“เสียดายนะ...ไม่มีขนมปังทอด ( *** ) นายคงกินมื้อนี้ไม่อร่อยแน่ๆ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากอีกฟากของโต๊ะบุฟเฟ่ต์ ‘เจมส์ สมิท’ หัวหน้าทีม B ชายหนุ่มร่างบึกบึนสูงใหญ่พอๆกับอเล็กซ์และโทมัสกระหยิ่มยิ้มเย้ยหยัน “ในฐานะที่ฉันเป็นหลานของผู้บังคับบัญชาการหน่วยซีล พรุ่งนี้ฉันจะลองขอร้องให้แม่ครัวทำขนมปังทอดแถมไก่งวงสูตรอินเดียนแดง ( *** ) แท้ๆให้นาย แต่ไม่รู้ว่าหล่อนจะอยากทำให้พวกต่างเผ่าอย่างนายไหม...ฮ่าๆๆๆ!!!” คำพูดถากถางถึงสัญชาติอินเดียนแดงที่แฝงในตัวอเล็กซ์ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษไม่ได้ทำให้เดียดฉันท์อีกฝ่ายเท่าพฤติกรรมต่ำช้า นั่นคือ การดูถูกผู้อื่น แม้คุณปู่ทวดจะเป็นชาวอินเดียนแดงที่แต่งงานกับคุณย่าทวดชาวอเมริกันแต่พอไล่ลำดับลงมาถึงรุ่นเขาลักษณะท่าทางรูปร่างผิวพรรณก็กลายเป็นอเมริกันสมบูรณ์
“ไอ้เวรนี่ปากดีหลายครั้งแล้วนะเว้ย...จะเอาอย่างไรวะ!” โทมัสอารมณ์ขึ้นก่อนใครเพื่อน ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจมส์ดูถูกถากถางอเล็กซ์ต่อหน้าคนอื่นๆ
“ช่างเขาเถอะ...ก็แค่พวกขี้อิจฉา” คนโดนว่าใจเย็นเพราะชินชาและเกรงเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต
“โธ่เอ้ย...ไอ้พวกขี้แพ้ อ่อนแอยันลูกหลาน” เจมส์ไม่ยอมเลิกราส่งผลให้ถาดในมือโทมัสลอยละลิ่วปลิวใส่หน้าเต็มๆ ตอนนั้นเองการตะลุมบอนก็เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงเชียร์ของทั้งสองฝ่าย แต่สุดท้ายก็จบลงที่ทหารทีม A ทุกนายโดนลงโทษให้อดข้าวหนึ่งวันเต็มๆ ขณะที่ทหารทีม B ลอยตัวไม่มีความผิดแต่ประการใด
อเล็กซ์กับเจมส์เปรียบเสมือนไม้เบื่อไม้เมาที่ต้องมีเรื่องกันตั้งแต่เด็กยันเติบใหญ่ ไม่มีเลยสักครั้งที่ใบหน้าหล่อเหลาของทั้งคู่จะไม่มีร่องรอยฟกช้ำหากได้เผชิญหน้ากัน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเกลียดชังอะไรหนักหนาจึงหาเรื่องมาต่อยตีไม่เว้นวัน เจมส์คือหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ภายหลังเขาต้องลาออกจากหน่วย SEALs และ กลับเข้ามารับภารกิจสำคัญครั้งนี้หลังโทรศัพท์สอบถามข้อมูลอื่นๆจากโทมัสในวันที่มาหาถึงร้านอาหารเลยทราบข่าวดี
‘ไอ้พวกผู้ก่อการร้ายข้ามชาติกลุ่มนี้มันเป็นชาวบราซิลที่ชั่วร้ายเลวทรามมาก ค้ายา ค้าอาวุธสงคราม ฆ่าคนบริสุทธิ์ไปไม่รู้เท่าไรและลอยนวลมาสามถึงสี่ปีโดยที่ไม่มีใครจับได้ ย้ายถิ่นฐานกบดานไปตามรัฐต่างๆทั่วสหรัฐฯ พอครั้งนี้สายลับรายงานว่าพวกมันมีการเคลื่อนไหวในเดธ วัลเลย์ฉันก็คิดถึงแกทันที ถือว่าทำเพื่อชาติ...ภารกิจนี้ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะไม่จำเป็นต้องทำงานใต้บังคับบัญชาใครเป็นหลัก ส่วนไอ้เจมส์ก็ไม่อยู่ขวางหูขวางตาแล้ว’ โทมัสสาธยายยาวเหยียดผ่านโทรศัพท์มือถือ
‘มันลาออกจากหน่วยซีลแล้วเหรอ?’ อเล็กซ์ถาม
‘ไม่เชิงว่ะ...เห็นพรรคพวกเราที่ยังทำงานในหน่วยซีล บอกว่ามันหายสาบสูญขณะปฏิบัติภารกิจอะไรบางอย่างได้หนึ่งปีแล้ว สมน้ำหน้า! คงไปแกว่งปากหาเท้าผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งเข้าเลยโดนสั่งเก็บแน่ๆ’
เปรี๊ยะ!
เสียงฟืนแตกปะทุดังขึ้นพร้อมดึงอดีตในหัวของอเล็กซ์ให้ดับวูบลง ชายหนุ่มสะดุ้งรู้สึกตัวพลางลุกขึ้นนั่งมองรอบกายอย่างระแวดระวัง ตำหนิตัวเองที่เผลอเหม่อลอยในสถานที่อันตรายเยี่ยงนี้ก่อนจะรีบแหวกผ้าใบเต็นท์ดูรสินทราซึ่งหลับใหลไปนานแล้วอย่างโล่งอก หน้าปัดนาฬิกาข้อมือแสดงเวลาเที่ยงคืนตรงเขาจึงไม่รอช้าที่จะคว้าเอาเครื่องมือสื่อสารผ่านดาวเทียมทหารมาส่งรหัสลับถึงเพื่อนรัก
#MT-WH# MT คือ Meet ( พบเจอ ) WH คือ Where ( ที่ไหน ) รวมแล้ว คือ ‘ต้องการพบ เจอกันที่ไหน?’
เขาคิดรหัสลับเฉพาะภายในทีม A ขึ้นมา เพราะไม่ต้องการใช้รหัสลับทางการของทหารเพื่อความปลอดภัย หากพวกผู้ก่อการร้ายข้ามชาติจับสัญญาณเจอจะได้ไม่ทราบว่าความหมายคืออะไร
#MT-E200M# โทมัสส่งสัญญาณซ้ำกลับมาเป็นอันว่าตกลง E คือ East ( ทิศตะวันออก ) 200M คือ 200 Meter ( สองร้อยเมตร ) รวมคือ ‘ตกลง...ทางทิศตะวันออกสองร้อยเมตรจากจุดที่ยืนอยู่’
สองเท้าก้าวเดินไปตามทิศทางที่นัดหมายอย่างว่องไวแต่เงียบเชียบ สายตาสอดส่ายรอบด้านโดยไม่หลงลืมที่จะหันกลับไปมองเต็นท์ด้วยเกรงว่าระหว่างออกห่างจากสถานที่พักแรมจะมีอันตรายจู่โจมถึงตัวรสินทรา ร่างใหญ่กอดอกเพื่ออดกลั้นต่อความทรมานซึ่งจู่โจมมาพร้อมลมหนาว ณ จุดนัดหมายนั้นมีเงาตะคุ่มๆยืนอยู่ในความมืด ครั้นเห็นอีกฝ่ายโบกไม้โบกมือส่งสัญญาณยืนยันว่าเป็นเพื่อนชายแน่แท้จึงตรงเข้าไปหาทันที
“มีอะไรเหรอวะ?” โทมัสเอ่ยถาม
“อีกสี่ถึงห้าวันเสบียงจะหมด แกให้พวกเราจัดเตรียมเพิ่มได้เลย” นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หากหิวตายกลางทะเลทรายศพคงไม่สวยแน่นอน จริงๆเสบียงที่เตรียมมาสามารถประทังชีวิตได้หนึ่งสัปดาห์...ถ้าไม่มีตัวภาระเข้ามาเพิ่ม
“เออๆ...เดี๋ยวจะบอกที่ศูนย์ฯให้” เขาหมายถึงพรรคพวกจำนวนสิบห้าคนที่เข้าไปประจำการในสนามบินเฟอร์แนซ ครีก เตรียมรอรับคำสั่งหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินต้องออกจากสถานที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วน ส่วนพลพรรคอีกสิบสี่คนรวมตัวเองจะสะกดรอยตามอเล็กซ์กับรสินทราอยู่ห่างๆเพื่อระวังภัยและเป็นกองหลังเข้าจู่โจมยามเกิดสถานการณ์คับขัน “จริงสิ! แกพ่วงแม่สาวคนนั้นไปด้วยทำไมวะ?” นี่คือสิ่งที่โทมัสสงสัยไม่ต่างจากทุกคนในทีม จู่ๆอเล็กซ์ก็หนีบผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ไปร่วมปฏิบัติภารกิจแกะรอยผู้ก่อการร้ายข้ามชาติด้วยกันแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ฉันต้องให้พวกเราโกหกพวกลูกทัวร์ ว่า...นายกับหล่อนเป็นคู่รักและออกไปตั้งแคมป์กลางทะเลทรายด้วยกันหนึ่งอาทิตย์ ไม่เช่นนั้นต้องโดนสงสัยเรื่องคนหายแน่ๆ”
“ตอนแรกก็ไม่อยากพ่วงหรอก หล่อนเล่นตามติดฉันไม่เลิกเลย” ตอบด้วยสีหน้าเอือมระอา “แต่ก็ดีเหมือนกัน ถ้าผู้ชายตัวใหญ่เหมือนหมีอย่างฉันเข้าไปตั้งแคมป์ในเดธ วัลเลย์คนเดียวอาจโดนพวกศัตรูสงสัยว่าเป็นทหารก็ได้ แต่ถ้าเหน็บหล่อนเข้าไปตั้งแคมป์ด้วยกันตามประสาคู่รัก พวกมันคงคาดไม่ถึงว่าจะมีทหารหน้าโง่พ่วงเอาภาระเข้าไปด้วย”
“ไว้ใจได้เหรอ...หล่อนเป็นพวกนกต่อหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่แน่นอน!” อเล็กซ์เชื่อมั่นในประสบการณ์ “หล่อนเป็นลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านอาหารฉันก่อนแกจะเข้ามาแปบเดียวเอง ทั้งเอาแต่ใจ งี่เง่า ไร้สาระ ปัญญาอ่อน ทำตัวเหมือนหมาพุดเดิ้ลที่ดีแต่แต่งตัวสวย ดัดจริต เฝ้าบ้านจับขโมยยังแทบไม่ได้ แต่อวดเก่งเห่าเสียงดังขู่คนนั้นคนนี้ไปวันๆ” คำพูดมากมายที่พรั่งพรูจากปากอเล็กซ์เล่นเอาคนฟังอ้ำอึ้งหูชา ไม่คาดคิดว่าทหารหนุ่มมาดขรึมอย่างเพื่อนสนิทจะพูดถึงผู้หญิงด้วยถ้อยคำรุนแรงเหมือนอัดอั้นมานาน
“แม่สาวคนนั้นไม่ธรรมดาสิท่า ถึงทำให้คนเงียบๆอย่างแกพล่ามขนาดนี้ได้” แซวพลางหัวเราะเบาๆในลำคอ
“ลองแกมาอยู่กับหล่อนสักห้านาทีจะรู้สึกเหมือนห้าปีเชียวล่ะ!”
“โอ้ย...ฉันขออยู่กับแฟนดีกว่า” โทมัสโบกไม้โบกมือไปมา “พูดแล้วก็คิดถึง...แกรีบๆปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงไวๆฉันจะได้กลับไปเจอหน้าหล่อนสักที ตั้งแต่รับคดีนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาไปพบเจอหล่อนเลย”
“เออ! เดี๋ยวฉันต้องขอตัวก่อน ต่อไปถ้ามีอะไรขาดเหลือจะส่งรหัสลับไปบอกเพราะออกมาเจอกันบ่อยๆเดี๋ยวจะผิดสังเกต” เกิดรสินทราตื่นขึ้นมาไม่เจอใครอาจใจเสียได้
ล่ำลากันเรียบร้อยอเล็กซ์ก็รีบกลับไปยังเต็นท์ที่พัก เช่นเดียวกับโทมัสซึ่งรีบเข้าไปรวมกลุ่มสมาชิกด้วยเกรงอันตรายจากภัยรอบด้าน กองไฟเริ่มมอดลงจนแสงสว่างและความร้อนทุเลาเบาบางเร่งเร้าให้ชายหนุ่มต้องหยิบเชื้อเพลิงสุมเข้าใส่เพื่อทวีความโชติช่วง อากาศเหน็บหนาวผสมผสานความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าโจมตีเขาให้ง่วงเหงาหาวนอนเลยต้องรีบมุดเข้าเต็นท์แล้วทิ้งกายลงนอนข้างหญิงสาว ทว่า ความเย็นซึ่งลอดผ่านผ้าใบเข้ามาทำให้ต้องล้วงเอาผ้าห่มจากเป้มาคลุมร่างโดยไม่ลืมเผื่อแผ่แก่รสินทรา
จังหวะนั้นเองหญิงสาวก็หันตะแคงมาทางเขาแล้วสวมกอดแน่นเหมือนหมอนข้าง คนตัวใหญ่สะดุ้งเฮือกจะผลักไสออกห่างก็เกรงทำเธอตื่น จำใจนอนนิ่งๆตัวแข็งเหมือนรูปปั้นศิลาที่ตั้งประดับตามสวนหย่อมหรือสวนสาธารณะ ตั้งแต่เกิดมาอเล็กซ์ไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงคนไหนเท่านี้มาก่อน ใบหน้าของทั้งคู่แนบชิดจนชายหนุ่มเห็นความสวยของรสินทราถนัดตากว่าเดิม ขนตาหนาเป็นแพเปื้อนคราบน้ำตาไม่ต่างจากดวงหน้าหมองเศร้า คงร้องไห้อยู่นานสองนอนกระทั่งผล็อยหลับ คนต้นเรื่องเกิดความสงสารจับใจแต่แก้ไขอะไรไม่ได้เลยต้องก้มหน้ารับชะตากรรมที่มอบให้ตัวเองกับอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิด หวังว่าเรื่องราวจะผ่านพ้นไปด้วยดีโดยไม่มีเหตุร้ายมาแผ้วพาน...
ด้วยเกียรติของชายชาติทหารขอสัญญาว่าจะปกป้องหญิงสาวสุดความสามารถ โทษฐานที่เอาเธอเข้ามาเสี่ยงชีวิตในภารกิจสำคัญครั้งนี้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย!
*** กล้องดีเอสแอลอาร์ = กล้องสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยวด้วยระบบดิจิตอล มีลักษณะเหมือนกล้องใช้ฟิล์ม แต่ใช้เซ็นเซอร์ในการรับภาพแทนฟิล์ม
*** หมีกริซลีย์ = หมีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีรูปร่างและสีขนเหมือนหมีสีน้ำตาลทั่วไป แตกต่างกันตรงที่หมีกริซลีย์จะมีขนาดรูปร่างและน้ำหนักใหญ่กว่ามาก มีพละกำลังในการขุด , ตะปบ , ปีนป่าย และวิ่งเร็วถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถกินได้ทั้งเนื้อสัตว์และพืช แต่อาหารหลักเป็นปลาโดยจะลงไปจับในลำธารหรือน้ำตก สามารถฆ่าและล่าสัตว์ขนาดใหญ่เป็นอาหาร เช่น กวางมูส หรือ มนุษย์
*** มัลติแคม = ชุดพรางตัวแบบใหม่ เมื่อทหารสวมใส่แล้วทำให้ศัตรูผู้พบเห็นไม่สามารถระบุได้ว่าทหารคนนั้นเป็นบุคคลหรือสภาพแวดล้อม ได้รับการวิจัย โดย หจก.เครย์ พรีซีสชั่น ร่วมกับ ศูนย์ถอดรหัสและค้นคว้าแห่งกองทัพบกสหรัฐอเมริกา โดยใช้ลวดลายกว่าหนึ่งร้อยแบบปรับแต่งโดยคอมพิวเตอร์และทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงของพื้นที่ต่างๆ เช่น ทะเลทราย , ป่าฝน , ภูเขาหิน , ทุ่งหญ้าเป็นหย่อมๆตามเวลาที่แตกต่างกัน
*** ขนมปังทอด = แป้งทอดน้ำมัน เป็นอาหารหลักของชาวอินเดียนแดง
*** อินเดียนแดง = ชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา อาศัยมาช้านานก่อนชาวยุโรปจะอพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาตั้งรกราก ในอดีตมีสงครามเกิดขึ้นมากมายทั้งแย่งชิงดินแดน ต่อสู้ ในปัจจุบันชาวอินเดียนแดงบางกลุ่มอาศัยอยู่กับชาวอเมริกันทั่วไป และบางกลุ่มได้ถูกจำกัดพื้นที่ให้อาศัยอยู่ในเขตสงวนอินเดียนแดง ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Indian หรือ Native American โดยในอดีตได้ใช้คำว่า Red Indian แต่เลิกใช้เพราะถือเป็นคำไม่สุภาพ แบ่งออกเป็น 3 เผ่าใหญ่ ได้แก่ เผ่ามายา , เผ่าแอซแทค , เผ่าอินคา
ความคิดเห็น