ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาปจันทร์อาบทราย

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 59


    ตอนที่ 3

     

    ตลอดสองข้างทางมีทหารองครักษ์มากมายยืนประจำตำแหน่งเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความปลอดภัยสำหรับการคุ้มครองป้องกันองค์สมมติเทพผู้ยิ่งใหญ่เหนือไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ เส้นทางในพระราชวังอียิปต์โบราณจึงถูกสร้างแบบสับสนวกวนคล้ายกลลวงตบตาศัตรูที่อาจปลอมแปลงแฝงกายปะปนเป็นเหล่าข้าราชบริพารเพื่อประทุษร้ายฟาโรห์กับเชื้อพระวงศ์ หากไม่ได้หญิงชราคอยเดินนำป่านนี้ปภาพินท์คงพลัดหลงอยู่ตรงบริเวณใดบริเวณหนึ่งแล้วก็เป็นได้

    สายตาของเหล่าผู้อารักขาจับจ้องมองหญิงสาวราวกับเป็นตัวตลก ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขาต่างหากที่แปลกประหลาดในความคิดของเธอ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใหญ่โตโออ่า งานจิตรกรรมฝาผนังตระการตา งานประติมากรรมสลักเสลา และ การแต่งกายด้วยผ้าเนื้อดีประดับอาภรณ์ของผู้คนจำนวนมาก ล้วนเลอค่าเกินควรสำหรับการต้มตุ๋นหลอกลวงจนจิตใจเริ่มสั่นคลอนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า...ทุกสิ่งทุกอย่างคือเรื่องจริง!

    จะพาฉันไปที่ไหนคะ? หลังเดินตามมาสักพัก...เธอก็ตัดสินใจเอ่ยถามหัวหน้านางกำนัลอย่างสุภาพ

    ห้องพักนางกำนัลฝ่ายใน!”

    นางกำนัล! หมายความว่าอย่างไรคะ? น้ำเสียงและสีหน้าตื่นตระหนกทำให้ผู้ถูกถามขมวดคิ้วมุ่นด้วยความรำคาญใจ

    องค์ฟาโรห์มีรับสั่งให้เจ้าอยู่ในความดูแลของข้าซึ่งเป็นหัวหน้านางกำนัล ฉะนั้นหากเจ้าไม่เป็นนางกำนัลแล้วจักเป็นอื่นไปได้เยี่ยงไร

    ฉันไม่อยากเป็นนางกำนัล และ ฉันก็ไม่อยากอยู่ที่นี่!” ปภาพินท์โพล่งบอก เนื่องจากคำตอบของหญิงชราบ่งบอกได้ชัดเจน ว่า...เธอจะต้องอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดแบบนี้ไปอีกนานแน่ๆ

    ไม่ได้! พระราชบัญชาขององค์ฟาโรห์ถือเป็นเด็ดขาด!”

    ถ้าเช่นนั้นคุณแค่ช่วยบอกทางออกให้ก็พอ แล้วฉันจะหาวิธีหลบหนีไปเองโดยไม่ทำให้คุณเดือดร้อนแน่นอน!” หญิงสาวพยายามหาหนทางดีที่สุดแก่ทั้งสองฝ่าย ทว่า คำตอบที่ได้รับกลับมา คือ การส่ายหน้าปฏิเสธ ได้โปรดเถอะ! ฉันยังมีครอบครัว มีเพื่อนฝูง และ มีภาระอีกมากมายที่ต้องทำ การลักพาตัวมากักขังหน่วงเหนี่ยวแบบนี้เป็นเรื่องไม่สมควร...คุณเองก็น่าจะรู้ดี

    หยดน้ำใสเริ่มเอ่อคลอดวงตาคู่งามอีกระลอก ความหวาดกลัวและความผิดหวังพลุ่งพล่านในอกจนไม่สามารถปิดบังซ่อนเร้นความอ่อนแอของตนเองได้อีกต่อไป ร่างบางทรุดลงแทบพื้นศิลาแล้วสะอึกสะอื้นปานจะขาดใจตาย สองมือเอื้อมจับชายผ้าของสตรีสูงวัยเพื่อร้องขอความเมตตา

    ต่อให้ร่ำไห้จนสิ้นชีพ...ข้าก็มิอาจช่วยเหลือเจ้าได้ ยาราห์เอ่ยตามความจริง ข้ามีตำแหน่งเพียงหัวหน้านางกำนัลอันต่ำต้อย ไฉนเลยจักกล้าฝ่าฝืนพระราชบัญชาขององค์ฟาโรห์

    แต่ฉันไม่รู้จักใครในสถานที่แห่งนี้เลย แล้วฉันจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

    ปลายนิ้วหยาบกร้านเกลี่ยไล้น้ำตาบนพวงแก้มของหญิงสาวอย่างนึกเอ็นดูประหนึ่งลูกหลาน แม้สงสารจับขั้วหัวใจก็ทำอะไรไม่ได้...นอกเสียจากปลอบประโลมผู้เคราะห์ร้ายให้คลายความโศกเศร้าเท่านั้น

    เด็กโง่! อย่างน้อยเจ้าก็รู้จักข้าหนึ่งคนหล่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเมื่อสักครู่ ข้าเองก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดไม่ปรารถนาจักช่วยเจ้า แต่...

    แต่อะไรคะ? ปภาพินท์ถามด้วยความสงสัย

    ทางเข้าออกหลักของพระราชวังแห่งนี้มีเพียงประตูหน้าเท่านั้น ต่อให้เจ้ากลายร่างเป็นแมลงตัวเล็กสักเพียงใด...ก็ไม่มีวันฝ่าปราการของเหล่าทหารองครักษ์นับร้อยคนซึ่งคอยลาดตระเวนตรวจตราบริเวณนั้นไปได้ หัวหน้านางกำนัลกระซิบแผ่วเบาเพราะเกรงว่าคนอื่นๆจะได้ยิน ที่สำคัญกว่านั้น คือ อีกไม่กี่เพลาพระราชวังแห่งนี้ก็จักจมลงใต้ผืนทรายเมื่อดวงตะวันทอแสงจับต้องในเช้าวันใหม่คำตอบของยาราห์เปรียบเสมือนโซ่ตรวนมัดกายผู้ฟังให้แน่นขึ้นพร้อมปิดกั้นหนทางหลบหนีอย่างสมบูรณ์

    อะไรนะคะ! พระราชวังจะจมลงใต้ผืนทราย เป็นไปได้อย่างไร?

    สถานที่แห่งนี้ คือ ดินแดนต้องคำสาปของเทพเจ้าคอนซู พระองค์ทรงดลบันดาลให้พระราชวังจมลงใต้ผืนทรายชั่วกัลปาวสาน แต่จักผุดพ้นขึ้นมาได้ต่อเมื่อต้องแสงจันทร์วันเพ็ญเท่านั้น และ ทันทีที่แสงอาทิตย์แรกปรากฏเหนือเส้นขอบฟ้าก็จักจมสู่ใต้ผืนทรายอีกครั้งอยู่ร่ำไป

    เรื่องมหัศจรรย์จากปากหัวหน้านางกำนัลคล้ายนิทานหลอกเด็กก่อนนอน การศึกษาเล่าเรียนบอกให้รู้ ว่า...เทพเจ้าก่อเกิดจากความหวาดกลัวต่อภัยธรรมชาติของมนุษย์แต่ครั้งอดีตกาล ทวยเทพต่างๆจึงอุบัติขึ้นจากจินตนาการและความศรัทธาอันแรงกล้าของผู้คนซึ่งหวังพึ่งพาไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ถึงกระนั้นเรื่องราวลึกลับที่ได้ประสบพบเจอตลอดคืนก็บ่งบอกชัดเจนว่าสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้...ใช่ว่าจะไม่มีจริง!

    ทำไมพระราชวังแห่งนี้ถึงโดนคำสาปล่ะคะ?หญิงสาวไม่เข้าใจเสียเท่าไร เพราะรู้ดีว่าชาวไอยคุปต์โบราณให้ความศรัทธาต่อเทพเจ้าคอนซูมาก ฉะนั้นพระองค์คงไม่พระทัยร้ายขนาดใช้อำนาจสาปส่งอย่างเยือกเย็นถึงเพียงนี้

    เรื่องราวนี้มันผ่านมาเนิ่นนานเสียจนความทรงจำข้าเลือนรางเต็มทน

    ใบหน้าเหี่ยวย่นของอีกฝ่ายเหม่อลอยชั่วขณะ แต่นัยน์ตาฝ้าฟางกลับหม่นหมองราวไม่ปรารถนาที่จะรื้อฟื้นอดีตอันแสนเจ็บปวด บัดนี้ปภาพินท์รู้สึกเหมือนปัญหาของตนเองกลายเป็นเรื่องเล็กดุจผงธุลี เมื่อไม่อาจเทียบเท่าความทุกข์ทรมานของผู้คนในพระราชวังอียิปต์โบราณที่ต้องเผชิญมายาวนานตลอดระยะเวลาหลายร้อยหลายพันปี

    ถ้าคำถามของฉันทำให้คุณรู้สึกไม่ดีก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ

    สองมือเล็กๆยกขึ้นพนมไหว้ผู้อาวุโสเบื้องหน้าอย่างนอบน้อมตามมรรยาทไทยที่ควรพึงกระทำ หญิงสาวจำยอมยุติความสงสัยต่างๆไว้ในใจชั่วคราว

    ข้าไม่ถือสาหาความหรอก ยาราห์กล่าวพลางคลี่ยิ้มน้อยๆไม่ติดใจอะไร ผู้ใดที่ประสบพบเจอเรื่องราวแบบนี้ก็ล้วนต้องสงสัยด้วยกันทั้งนั้น

    ขอบคุณมากค่ะ

    เอาเป็นว่า...เจ้ารีบลุกขึ้นจากพื้นเถิด ห้องของข้าอยู่อีกไม่ไกลนักจักได้รีบพักผ่อนเก็บแรงไว้ใช้ในตอนรุ่งสาง

    ค่ะ

    ปภาพินท์ลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินตามหญิงชราต่อไปอย่างไม่มีทางเลือก หากยังไม่มีโอกาสเหมาะสมที่จะหลบหนีจากสถานที่แห่งนี้เธอก็ควรโอนอ่อนผ่อนตามคนอื่นๆเพื่อรักษาชีวิต และ ความปลอดภัยเอาไว้เป็นอันดับแรก

     

    ทันทีที่บานประตูไม้สนซีดาร์ถูกเจ้าของห้องผลักเข้าไป กลิ่นไคฟี ( *** ) หอมหวลก็อวลแตะปลายจมูกหญิงสาวราวกับเป็นการต้อนรับสู่อีกโลกหนึ่ง แสงสลัวจากตะเกียงดินเผาตรงขอบหน้าต่างพอทำให้เห็นข้าวของเครื่องใช้จำพวกเตียง โต๊ะ เก้าอี้ และ หีบขนาดย่อมๆหลายใบถูกจัดวางเข้ามุมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สภาพโดยรวมค่อนข้างสะอาดสะอ้าน และ ไม่รู้สึกอัดอัดอย่างที่ควรจะเป็นทั้งที่ห้องนี้ช่างแสนเล็กและคับแคบพอสมควร

    ยาราห์เปิดหีบไม้มะเกลือไร้ลวดลายตรงปลายเตียงอย่างเชื่องช้า พลางหยิบผ้าลินิน ( *** ) สีขาวหม่นผืนหนึ่งออกมาสะบัดแรงๆเพื่อไล่ฝุ่นกับกลิ่นอับให้จางหาย ก่อนที่มันจะถูกปูทาบทับบนพื้นศิลาแข็งกระด้างเป็นที่หลับนอนสำหรับปภาพินท์ในค่ำคืนนี้และคืนต่อๆไป

    การใช้ชีวิตอยู่ในพระราชวังอาจทำให้รู้สึกเหงาบ้างบางเพลา เพราะสหายของเจ้าล้วนแล้วแต่เป็นบุรุษจึงต้องทำงานเป็นเกษตรกรกับกรรมกรอยู่บริเวณเขตพระราชฐานชั้นนอก โดยมิอาจล่วงล้ำย่างกรายเข้ามาในเขตพระราชฐานชั้นในได้ สตรีสูงวัยกล่าวพร้อมค่อยๆทิ้งกายอันร่วงโรยนั่งลงบนเตียงของตนเอง นับว่าโชคดีที่เจ้าเป็นสตรี จึงไม่ต้องทำงานหนักตรากตรำเยี่ยงนั้น

    สหาย? หญิงสาวทวนคำๆนั้นด้วยความฉงน

    ข้าหมายถึงสหายร่วมกองคาราวานของเจ้าอย่างไรเล่า

    ออ... ใบหน้ามนสวยพยักรับอย่างเข้าใจ แต่แล้วจู่ๆก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับอาถรรพ์วันจันทราขึ้นมาได้ ตำนานปรัมปราเรื่องนี้มีผู้คนในแถบโอเอซิสบาฮาริยากับโอเอซิสซิวาร่ำลือมาช้านาน จึงเป็นไปไม่ได้ที่กองคาราวานของเธอจะประสบพบเจอเป็นครั้งแรก...

    ไม่แน่ว่า...รณกรกับทุกๆคนในคณะวิจัยสำรวจโอเอซิสซิวาอาจถูกจับมาเช่นกัน

    เอ่อ...ฉันขอถามอะไรคุณบางเรื่องได้ไหมคะ?

    ได้สิ หล่อนอนุญาต

    ไม่ทราบว่า...นอกจากพรรคพวกของฉันแล้ว ก่อนหน้านี้มีผู้คนถูกจับตัวมายังสถานที่แห่งนี้บ้างไหมคะ?น้ำเสียงและสีหน้าของปภาพินท์เต็มไปด้วยความหวัง ร่างบางทรุดลงนั่งบนผ้าลินินที่ถูกปูเอาไว้ระหว่างรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

    มี!” คำสั้นๆจากยาราห์สามารถทำให้หัวใจดวงน้อยที่เคยแห้งผาก กลับกลายเป็นชุ่มฉ่ำดุจชโลมด้วยน้ำทิพย์จากสรวงสรรค์

    แล้วเมื่อหกเดือนก่อนมีกองคาราวานชายล้วนถูกจับตัวมาหรือไม่คะ?เธอรีบถามต่ออย่างรวดเร็ว เพราะระบบการนับเดือนของชาวไอยคุปต์โบราณไม่ผิดแผกจากปัจจุบันเสียเท่าไร แตกต่างกันเพียงแต่ละเดือนมีแค่สามสิบวัน และ มีหนึ่งเดือนที่มีถึงสามสิบห้าวันเท่านั้น

    มีสิหัวหน้านางกำนัลตอบ พลางจดจ้องสตรีตรงหน้าอย่างประหลาดใจ เหตุใดเจ้าจึงอยากรู้เรื่องเหล่านี้?

    เพื่อนชายคนสนิทของฉันหายตัวไประหว่างเดินทางด้วยกองคาราวานข้ามผ่านทะเลทรายมากว่าหกเดือนแล้ว ทำให้ฉันต้องว่าจ้างพวกเบดูอินเพื่อออกตามหาเขา จนกระทั่ง... หญิงสาวหยุดพูดเสียดื้อๆ หลังรู้สึกหวาดกลัวชะตากรรมตอนนี้จนน้ำตาพานจะไหลออกมา

    มิน่าเล่า...เจ้าจึงออกรอนแรมกลางทะเลทรายร่วมกับกองคาราวานชายล้วนเพียงลำพัง แต่เรื่องการตามหาสหายของเจ้าคงไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก เนื่องจากมีบุรุษจำนวนนับไม่ถ้วนถูกจับตัวมาเป็นเชลยในระยะหลังๆ พวกเขาเหล่านั้นถูกใช้แรงงานอย่างหนักเพื่อปรนเปรอความสะดวกสบายแด่องค์ฟาโรห์ เชื้อพระวงศ์ และ ขุนนาง บ้างก็รอดชีวิตเพราะยอมสู้ทำงานหลังขดหลังแข็งรอวันแห่งอิสรภาพ บ้างก็เสียชีวิตเพราะพ่ายแพ้ต่อความทุกข์ทรมานที่ไม่เคยประสบพบเจอ

    ความหวังเรืองรองเมื่อสักครู่เริ่มริบหรี่ลงดุจแสงเทียนสุดท้าย ทว่า ปภาพินท์ก็ยังไม่ละทิ้งกำลังใจและเชื่อมั่นว่ารณกรอาจจะยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง

    ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมเขา เอ่อ...องค์ฟาโรห์ต้องจับตัวผู้คนมาเป็นเชลยด้วยล่ะคะ?

    เทพเจ้าคอนซูตรัสถึงหนทางการปลดคำสาปเอาไว้ ว่า...ให้องค์ฟาโรห์ตามหาธิดาแห่งเทพเจ้าคอนซูเพื่ออภิเษกสมรส และ แต่งตั้งเป็นพระราชินีแห่งอาณาจักร นับแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเราทุกคนก็ต่างรอคอยสตรีผู้นั้นโดยไร้วี่แวว หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าเหลือกำลัง

    แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่า...ผู้หญิงคนไหน คือ ธิดาแห่งเทพเจ้าคอนซู?

    นามของนางจักมีส่วนเกี่ยวข้องกับดวงจันทร์

    มิน่า...ฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนจึงตรัสถามชื่อกับความหมายของชื่อด้วยสีพระพักตร์เคร่งเครียด และ หญิงสาวก็คงทำให้พระองค์กับทุกคนในพระราชวังอียิปต์โบราณแห่งนี้ผิดหวังไปตามๆกัน เพราะชื่อ ปภาพินท์นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดวงจันทร์สักเศษเสี้ยวเดียว

    ทำไมคุณไม่ฉวยโอกาสหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ตอนพระราชวังผุดพ้นผืนทรายละคะ?

    หากเป็นเธอคงหนีออกไปตั้งแต่วันแรก ไม่อยู่ให้โดนจองจำแบบนี้แน่นอน

    คำสาปของเทพเจ้าคอนซูนั้นร้ายแรงและครอบคลุมไปถึงผู้คน ว่า...หากฟ้าสางแล้วยังไม่กลับเข้าสู่พระราชวัง ร่างกายของคนผู้นั้นจักโดนแผดเผาเป็นเถ้าธุลีเมื่อต้องแสงแห่งรา วิญญาณจักถูกดึงสู่ขุมนรกโดยไม่ทันให้เทพเจ้าอานูบิสรับตัวไปพิพากษาต่อเบื้องพระพักตร์เทพเจ้าโอซิริส จากนั้นอัมมุท ( *** ) จักกัดกินดวงจิตจนดับสลาย มิอาจมีชีวิตเป็นนิจนิรันดร์ในแดนมตภพ ( *** ) หรือ เกิดใหม่ได้อีกตลอดกาลคำบอกเล่าจากปากยาราห์สร้างความหดหู่ และ น่าสะพรึงกลัวจนผู้ฟังเสียวสันหลังวาบ

    ถ้าเป็นเช่นนั้น...พวกเชลยที่ตายไปก็... น้ำเสียงหวานสั่นเครืออย่างเป็นห่วงเพื่อนชาย

    ใบหน้าสะสวยซีดเผือดแสดงความหวาดกลัวต่อชะตากรรมของผู้วายชนม์อย่างชัดเจน ทำเอาหัวหน้านางกำนัลนึกขันและเอ็นดูสตรีตรงหน้าไม่น้อย

    อย่ากังวลเลย...มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่ถูกตรึงชะตากรรมให้วนเวียนในคำสาปอย่างไม่รู้จบ หาใช่กับเชลยที่ถูกจับเข้ามาภายหลัง หล่อนปลอบโยนอีกฝ่ายทั้งที่ตนเองเป็นผู้ประสบเคราะห์กรรมแท้จริง เลิกซักไซ้ไล่เลียงแล้วนอนเสีย เพราะในย่ำรุ่งข้ากับเจ้ายังมีกิจธุระอีกมากมายต้องพึงกระทำ

    ร่างสูงวัยเอนกายบนเตียงไม้เล็กๆเพื่อตัดบทสนทนาทางอ้อม ปภาพินท์จึงยอมทิ้งตัวลงนอนบ้างอย่างขัดไม่ได้ แต่ดูเหมือนความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจะไม่สามารถเอาชนะความฟุ้งซ่านในจิตใจ เพราะทุกครั้งที่พยายามข่มตาก็มักภาวนาให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงฝันร้าย จนแล้วจนรอดก็ต้องผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตรงบริเวณหน้าต่างบานเล็กเพื่อหวังให้วิวทิวทัศน์ภายนอกช่วยระงับความหวาดกลัวลงบ้าง

    มือบางแหวกผ้าม่านสีขาวออกพ้นสายตา ภาพตรงเบื้องหน้า คือ คูน้ำกว้างและยาวโอบล้อมรอบพระราชวังอียิปต์โบราณประหนึ่งปราการป้องกันการโจมตีจากข้าศึกรุกราน โดยมีกองกำลังทหารลาดตระเวนยืนเฝ้าตามจุดต่างๆอย่างเข้มงวดกวดขัน ทว่า ในความคิดของหญิงสาวกลับรู้สึกเหมือนมันเป็นขวากหนามป้องกันการหลบหนีจากเหล่าเชลยมากกว่า

    เท่าที่พิจารณาโอกาสหนีรอดแทบจะไม่มีเลย...

    ถัดออกไปนอกรั้วพระราชวัง คือ ทะเลทรายกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาที่เรืองรองด้วยแสงเงินยวงจากศศิธรกลมโตบนฟากฟ้ายามรัตติกาล หมู่ดาวนับร้อยนับพันดวงระยิบระยับราวเกล็ดเพชร ดุจดั่งเทวีนุต ( *** ) ทรงสรรสร้างประดับประดาอย่างประณีตบรรจง แต่ผลงานศิลปะชิ้นนี้ก็มิอาจกล่อมเกลาความทุกข์ในใจปภาพินท์สักนิดเดียว

    เสียงกรนเบาๆเรียกใบหน้าหวานหันมองผู้หลับใหลบนเตียงนอนอย่างเชื่องช้า แม้เธอยังไม่ไว้ใจหญิงชราผู้นี้สักเท่าไรแต่ก็วางใจมากกว่าองค์ฟาโรห์บ้าเลือดหลงยุคหลายเท่า

    ฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุน แห่ง ราชวงศ์ที่สิบสอง

    ชั่ววินาทีนั้นเอง...พระนามขององค์สมมติเทพแห่งดินแดนไอยคุปต์ก็สะดุดหูขึ้นมา ความคุ้นเคยบีบบังคับหญิงสาวให้หวนคำนึงถึงที่มาที่ไป

    พระราชวังโบราณช่วงรัชสมัยฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนได้อันตราธานจากผืนแผ่นดินอียิปต์ประหนึ่งโดนม่านมนต์บดบังตา รวมถึงเชื้อพระวงศ์กับเหล่าข้าราชบริพารก็ต่างหายสาบสูญเช่นเดียวกัน การจลาจลในอาณาจักรจึงอุบัติขึ้นดุจไฟลามทุ่งสร้างความวอดวายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ขณะที่ชาวประชากำลังสิ้นหวังและหมดอาลัยตายอยากยามบ้านเมืองระส่ำระสายก็ก่อเกิดวีรบุรุษผู้กล้าหาญชาญชัยสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฟาโรห์เพื่อปกครองอาณาประชาราษฎร์ให้ร่มเย็นผาสุกสืบต่อมา

    ใช่แล้ว!!! จารึกบนผนังมหาวิหารคาร์นัคนั่นเอง...ทันทีที่คิดได้ปภาพินท์ก็รีบปะติดปะต่อเหตุการณ์ต่างๆ

    สถานที่แห่งนี้ คือ พระราชวังโบราณสมัยราชวงศ์ที่สิบสองซึ่งอันตราธานหายเพราะต้องคำสาปของเทพเจ้าคอนซูให้จมลงใต้ผืนทราย และ จะสามารถผุดพ้นขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อต้องแสงจันทร์วันเพ็ญเท่านั้น ฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนจึงทรงขวนขวายหาสตรีผู้เป็นธิดาแห่งเทพเจ้าคอนซูมาอภิเษกสมรสเพื่อล้างคำสาปและปลดพันธนาการพระองค์กับทุกคนออกจากวิบากกรรม...หญิงสาวลำดับเรื่องราวออกมาได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังมีคำถามมากมายค้างคาใจอยู่ดี

    ทำไมพระราชวังแห่งนี้ถึงโดนคำสาป? ทั้งที่ความจริงแล้วเทพเจ้าจะไม่ทรงลงทัณฑ์มวลมนุษย์โดยไม่มีเหตุจำเป็นหรืออาญาร้ายแรง

    ทำไมพระราชวังถึงมาตั้งอยู่กลางทะเลทราย? ทั้งที่เมืองหลวงช่วงราชวงศ์ที่สิบสองควรตั้งอยู่ที่เมืองธีบส์ ( *** )

    ทำไมชาวไอยคุปต์โบราณสามารถสื่อสารเข้าใจภาษาอื่นๆ? ทั้งที่เธอกำลังใช้ภาษาอังกฤษอยู่แท้ๆ

    เวลานอนที่ล่วงเลยมานานโขผสมผสานความเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียได้ยุติความสงสัยชั่วคราว ร่างบอบบางค่อยๆเอนลงบนพื้นศิลาซึ่งถูกปูทับด้วยผ้าลินินอีกครั้งอย่างพ่ายแพ้ต่อความง่วงที่คืบคลานเข้ามาครอบงำ และ เพียงไม่นานนักเธอก็ผล็อยหลับไป

     

    กรี๊ดดดดดดดดด!!!”

    ผู้อาวุโสบนเตียงนอนตกใจตื่นขึ้นมาพร้อมมองหาต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ตรงมุมหนึ่งของห้องที่แออัดด้วยข้าวของเครื่องใช้มีร่างสั่นเทาของปภาพินท์ขดตัวราวกับคนเสียขวัญซุกซ่อนอยู่

    เหตุใดเจ้าจึงกรีดร้องเยี่ยงนี้ ประเดี๋ยวทหารเวรยามจักแห่กันมาเพราะคิดว่ามีเหตุร้าย!” หล่อนตำหนิติเตียน แต่มือเหี่ยวย่นกลับลูบศีรษะอีกฝ่ายเพื่อปลอบประโลม

    ฉะ...ฉันไม่ได้ฝันไป น้ำเสียงหวานสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้

    เศษเสี้ยวแห่งความหวังพังทลายเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาพบ ว่า...เรื่องราวต่างๆที่ประสบในค่ำคืนวานหาใช่ความฝันหรือภาพลวงตา!

    เด็กโง่เอ๋ย...หากทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความฝันดั่งเจ้าว่าคงดีไม่น้อย เพราะข้าจักได้หลุดพ้นจากคำสาปอันทุกข์ทรมานเสียที ยาราห์กล่าว สงบสติอารมณ์ของเจ้าเสียเถิด!”

    ปภาพินท์ผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อประคับประคองสติให้คงที่ สีหน้าซีดเผือดค่อยๆฝาดเลือดอีกครั้ง และ พยายามลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวังโดยมีหญิงชราช่วยประคับประคอง

    ขอบคุณมากค่ะ...ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว คำตอบนั้นต่างจากความรู้สึกจริงๆโดยสิ้นเชิง

    ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว...จักได้รีบไปอาบน้ำอาบท่ากัน มีภาระหน้าที่อีกมายมายรอให้สะสางในเช้านี้

    ค่ะเธอตอบรับสั้นๆ

    นัยน์ตากลมโตเหลือบมองผ้าม่านผืนบางซึ่งกำลังพลิ้วสะบัดตามแรงลม นอกหน้าต่างบานเดิมเผยภาพฟากฟ้าที่ไร้ดวงตะวันและหมู่เมฆเฉกเช่นปกติ มีเพียงความสว่างปกคลุมท้องนภาประหนึ่งเม็ดทรายนับล้านยามทอแสงแห่งราเท่านั้น

    นี่คือความจริงที่ยากจะยอมรับ ว่า...พระราชวังแห่งนี้จมลงใต้ผืนทรายเสียแล้ว!

    วิถีชีวิตของชาวไอยคุปต์โบราณยังคงดำเนินเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทหารชายหลายนายสลับสับเปลี่ยนเวรยามแข็งขัน เหล่านางกำนัลก็พากันเดินขวักไขว่เตรียมถวายอยู่งานผู้ทรงอำนาจ หญิงสาวหลงลืมความหวาดกลัวแล้วสอดส่ายสายตามองรอบด้านอย่างสนอกสนใจ ขณะเดินรั้งท้ายยาราห์ไปตามทางศิลาหยาบซึ่งทอดยาวสู่ท่าน้ำขนาดใหญ่เบื้องหน้า

    ณ บริเวณนั้นมีนางกำนัลหลายสิบคนกำลังชะล้างร่างกายอยู่ก่อน บางคนนั่งขัดสีฉวีวรรณตรงขั้นบันไดหินแกรนิต ขณะที่บางคนก็กำลังแหวกว่ายสายธารอย่างสนุกสนานจนเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังระงม พวกหล่อนไม่แยแสเกี่ยวกับการอวดเรือนร่างเปล่าเปลือยของกันและกัน ต่างจากผู้มาเยือนใหม่ที่รู้สึกเขินอายปนกระดากใจอย่างไรชอบกล

    เอ๊ะ...นางผู้นั้นใช่เชลยที่ถูกจับตัวมาเมื่อคืนวานหรือไม่? สตรีคนหนึ่งเอ่ยถามพรรคพวกเสียงดังพลางชี้ชวนมองปภาพินท์เหมือนตัวประหลาด

    ใช่! นางถูกจับตัวมาพร้อมกองคาราวาน และ กล้าประทุษร้ายต่อองค์ฟาโรห์อย่างไม่เกรงกลัวพระราชอำนาจแม้แต่นิดเดียวอีกคนตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ คอยดูเถิด...นางจักต้องโดนลงพระราชอาญาในเร็ววันเป็นแน่

    ใบหน้ามนสวยก้มลงต่ำเพื่อหลบเลี่ยงการติฉินนินทา เธอไม่ด้านชาพอที่จะยิ้มระรื่นรับคำครหาจากคนแปลกหน้าเหล่านี้ แต่กระนั้นก็ไม่คิดถือโทษโกรธเคืองเพราะตระหนักดี ว่า...การประทุษร้ายต่อองค์ประมุขถือเป็นอาญาร้ายแรงต่อแผ่นดิน

    หากพวกเจ้ายังพิรี้พิไรไม่รีบชำระล้างร่างกายให้เสร็จโดยไว ข้าจักเฆี่ยนให้หลังลายโทษฐานเกียจคร้านจนทำงานล่าช้า!!!” สิ้นคำกล่าวของหัวหน้านางกำนัล สาวๆทุกคนก็ปิดปากเงียบกริบไม่กล้าเจรจาความต่อ บ้างก็กระวีกระวาดอาบน้ำ บ้างก็คว้าผ้าผ่อนคลุมกายรีบออกจากท่าน้ำอย่างเกรงกลัวโทษทัณฑ์

    ชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ...ท่าน้ำขนาดใหญ่ก็หลงเหลือแค่ปภาพินท์กับยาราห์เพียงสองคน ดวงตาแข็งกร้าวดุดันของหญิงชราผ่อนปรนลงกว่าเดิมเมื่อเห็นสีหน้าของสตรีข้างกายไม่สู้ดี

    วาจามนุษย์มิอาจแผ้วพานทำภยันตรายใดๆได้ หากเจ้าเลือกที่จักรับฟังและไตร่ตรองแต่สิ่งดีๆหล่อนเตือนสติ อย่าใส่ใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย...รีบอาบน้ำอาบท่ากันเถิด

    ค่ะ หญิงสาวตอบรับอย่างว่าง่าย พลางต้องชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะถอดชุดของตนเองโดยไม่ขวยเขินทั้งที่อยู่ต่อหน้าเธอ เอ่อ...ฉันต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดเลยเหรอคะ?

    ท่าทางละล้าละลังระคนเขินอายของปภาพินท์ คลี่ยิ้มกว้างบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยของยาราห์

    สถานที่แห่งนี้ คือ เขตหวงห้าม จึงมิอาจมีบุรุษใดสามารถล่วงล้ำเข้ามายลโฉมเจ้าได้เป็นแน่ ออ...จักมีก็เพียงองค์ฟาโรห์ซึ่งพระองค์มิเคยเสด็จมา...ฉะนั้นจงอย่ากังวลเลยคำปลอบใจของผู้อาวุโสไม่ได้ช่วยทำให้ผู้ฟังรู้สึกดีขึ้น อย่างไรเสียเธอก็ไม่เคยชินกับการเปลือยกายต่อหน้าคนอื่นท่ามกลางสถานที่เปิดโล่งโจ่งแจ้งแบบนี้ ทว่า ไม่มีทางเลือกมากนัก...

    เสื้อผ้าตามยุคสมัยถูกปลดเปลื้องจากร่างระหงอย่างช้าๆ เผยผิวพรรณขาวนวลเนียนละเมียดละไมที่แอบซ่อนอยู่ดุจบัวงามแห่งลุ่มน้ำไนล์ ( *** ) ถ้าชายใดได้เด็ดคว้ามาไว้ครอบครองคงนับว่าโชคดีประหนึ่งเทพอุ้มสม จะมีขัดตาก็แค่รอยฟกช้ำตรงต้นแขนถึงช่วงไหล่เท่านั้น

    หากเจ้าไม่ทำให้องค์ฟาโรห์ทรงกริ้วก็คงไม่ต้องเจ็บตัวเยี่ยงนี้!”

    ฉันรู้ว่าองค์ฟาโรห์เปรียบเสมือนสมมติเทพของพวกคุณ แต่ตอนนั้นฉันทั้งตกใจและกลัวก็เลยไม่ทันไตร่ตรองให้รอบคอบ

    เอาเถิด...ข้าจักหาหยูกยามาทาให้หลังอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    จู่ๆน้ำตาก็รื้นออกมาเสียอย่างนั้น...การเป็นตัวประหลาดในสายตาทุกคนสร้างความกดดันแก่หญิงสาวมากพอสมควร ดังนั้นความอารีของสตรีสูงวัยจึงเป็นหนึ่งเดียวที่ช่วยโอบอุ้มเธอไม่ให้จมดิ่งสู่ก้นเหวลึก และ ยังเยียวยาความรู้สึกอันเลวร้ายให้สูญหายทีละน้อยๆ

    เอ้า!!! เจ้านี่ขี้แยเป็นเด็กเสียได้

    ปภาพินท์โผเข้าสวมกอดอีกฝ่ายอย่างตื้นตัน

    ถ้าไม่ได้คุณคอยช่วยเหลือ...ฉันต้องแย่แน่ๆเลยค่ะ

    นั่นเป็นเพราะพระเมตตาขององค์ฟาโรห์ ที่ทรงมีพระราชบัญชาให้เจ้าอยู่ในความดูแลของข้าต่างหากเล่าหัวหน้านางกำนัลเอ่ยแย้ง อย่างไรเสีย...เจ้าควรเริ่มเรียนรู้การใช้ชีวิตในพระราชวังนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งวาจาและท่าทางต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับตำแหน่งและบุคคล ใช้ข้ากับเจ้าแก่ผู้ที่มีฐานะเท่าเทียมกัน ใช้ข้ากับท่านแด่ผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าโดยลงท้ายว่าเจ้าคะ‘‘เจ้าค่ะ และ ใช้หม่อมฉันกับพระองค์หรือฝ่าบาทแด่เหล่าเชื้อพระวงศ์หรือองค์ฟาโรห์โดยลงท้ายว่าเพคะ’”

    ค่ะ...เอ่อ...เจ้าค่ะ เธอน้อมรับคำสั่งสอน

    ดีมาก! แต่เรียกข้าเพียง ยาราห์ก็พอ ออ...แล้วเจ้ามีนามว่ากระไรนะ?

    ปภาพินท์...แต่ท่านเรียกข้าเพียง พิณ ก็พอเจ้าค่ะ วาจาฉะฉานตอบสนองต่อการเรียนรู้นั้นเรียกรอยยิ้มจากยาราห์ได้อีกครั้ง ก่อนจะเดินนำหญิงสาวไปยังริมท่าเพื่อเริ่มชำระล้างร่างกาย

    กระแสธารเบื้องหน้ากว้างและยาวจนลับหายจากสายตา ละม้ายคล้ายแม่น้ำไนล์เส้นเลือดใหญ่ซึ่งหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนและผืนปฐพีอียิปต์มาชั่วนาตาปี แต่เมื่อพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก็พบว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ นั่นคือ...สีของน้ำดำคล้ำไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย

    เอ๊ะ...ทำไมน้ำนี่...

    ความสงสัยทำให้ปภาพินท์ต้องวักน้ำขึ้นมาดอมดมอย่างใครรู้ ทั้งที่สีชวนสะอิดสะเอียนแต่กลับไม่ขุ่นและไม่เหม็นดั่งคาดคิด

    แม่น้ำไนล์ต้องสาป ผู้สูงวัยช่วยไขข้อกังขาขณะกำลังแช่กายอยู่ในวารีสีนิลนั้น

    แม่น้ำไนล์ต้องสาปหรือเจ้าคะ?

    ใช่...เทพเจ้าคอนซูทรงดลบันดาลแม่น้ำไนล์สายนี้ให้พวกเราได้ใช้สอยดื่มกิน ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่หนทางหลบหนีจากการจองจำเพราะมันจักนำพาสู่มตภพ!”

    หญิงสาวมั่นใจ ว่า...นี่ไม่ใช่คำข่มขู่ให้เกิดความเกรงกลัว เนื่องจากชาวไอยคุปต์โบราณคงไม่ปล่อยโอกาสงามให้หลุดมือกว่าหลายพันปี ต้นสายปลายน้ำที่ไกลลิบนั้นถูกปกคลุมด้วยหมอกควันขาวโพลนราวกับประตูสู่ปรโลกตามคำบอกเล่าไม่ผิดเพี้ยน เธอพยายามแสร้งไม่ใส่ใจรีบอาบน้ำอาบท่าแม้รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนมากพอตัว

    เรือนร่างเพรียวระหงถูกสวมทับด้วยชุดยาวจีบพับสีขาวสะอาดตา ปภาพินท์หมุนซ้ายหมุนขวาพร้อมก้มลงมองตัวเองอย่างกระดากใจ เนื้อผ้าโปร่งบางอาจเหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนในดินแดนทะเลทราย แต่มันค่อนข้างโป๊เปลือยจนแทบเห็นเนื้อหนังมังสาและสรีระเกือบทั้งหมด

    ให้ข้าใส่ชุดเดิมได้หรือไม่เจ้าคะ? เธอถามทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้

    นางกำนัลทุกคนล้วนใส่ชุดแบบนี้ทั้งนั้น แล้วเจ้าจักทำผิดแผกแตกต่างได้เยี่ยงไร!” ยาราห์ตอบพลางใช้หวีไม้ช่วยสางผมยาวสลวยของหญิงสาว จำคำข้าเอาไว้...หน้าที่ของพวกเรา คือ การรับใช้เชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ หากทำดีก็จักได้รับพระเมตตา หากทำไม่ดีก็จักโดนลงพระอาญา ซึ่งข้าก็มิอาจใช้ตำแหน่งอันต่ำต้อยช่วยได้ยามเกิดปัญหา ฉะนั้นผู้เดียวที่สามารถปกป้องคุ้มครองได้ คือ ตัวเจ้าเอง!”

    ข้าจักจดจำใส่ใจเจ้าค่ะ

    อีกประการหนึ่ง จงหลีกเลี่ยงเหล่าพระสนมกับนางกำนัลส่วนพระองค์เอาไว้ให้ดี!!!” หญิงชราเน้นย้ำหนักแน่น

    ข้าคงไม่ยุ่งวุ่นวายกับเหล่าพระสนมโดยไม่จำเป็น แต่ข้าจักรู้ได้เยี่ยงไร ว่า...ผู้ใด คือ นางกำนัลส่วนพระองค์ ผู้ใด คือ นางกำนัลธรรมดาเจ้าคะ?เธอข้องใจ

    พวกนางสวมสายสร้อยหินสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ และ มักติดสอยห้อยตามพระสนมกับเชื้อพระวงศ์อย่างใกล้ชิด คนเหล่านั้นมีความหยิ่งผยองสูงเหนือกำพืด เพราะถือว่ามีเจ้านายมากยศถาบรรดาศักดิ์ซึ่งสามารถช่วยเหลือยามเกิดเรื่องเกิดราวได้ คำตักเตือนนั้นเชือดเฉือนกำลังใจผู้ฟังมากโข ทว่า ปภาพินท์ก็จำยอมพยักหน้ารับและหวังว่าเหตุการณ์ร้ายๆจะไม่เกิดขึ้น

    ไม่สิ! คงไม่มีอะไรย่ำแย่กว่าการติดอยู่ในพระราชวังอียิปต์โบราณแห่งนี้อีกแล้ว

     

    เขม่าควันจากการเผาเครื่องหอมในถ้วยสัมฤทธิ์บนฝ่าพระหัตถ์ของฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนต้องสายลมฟุ้งขจรขจายทั่วบริเวณระเบียงชั้นสาม พระองค์ทรงถือและสวดภาวนาเพียงชั่วครู่ก็ส่งต่อให้แม่ทัพอิมโฮเทปซึ่งคอยถวายอยู่งานรับใช้เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีกรรมยามเช้าที่สืบทอดกันมานานนมตั้งแต่ครั้งบรรพกาล เพื่อสรรเสริญแด่เทพเจ้ารายามรุ่งอรุณและอวยชัยแด่พสกนิกร แม้ไม่มีผู้ใดพบเห็นดวงตะวันเนิ่นนานหลายพันปีพระองค์ก็ยังทรงปฏิบัติตามจารีตประเพณีไม่ขาดตกบกพร่อง

    ฝ่าบาทจักเสด็จไปยังเทวสถานเทพเจ้าคอนซูเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?

    ความขุ่นเคืองฉายผ่านพระเนตรคมกริบส่งให้แม่ทัพหนุ่มที่เพิ่งกราบทูลถามจบ เจ้าตัวสะดุ้งตกใจรีบหลุบตาลงต่ำอย่างเกรงกลัวพระราชอาญา

    เจ้ารู้คำตอบของข้าดีอยู่แล้ว เหตุใดต้องซักถามมากความเยี่ยงนี้!”

    ขอพระราชทานอภัยโทษพ่ะย่ะค่ะ

    สีพระพักตร์ขมึงทึงไม่พึงพอพระหทัยเสียเท่าไร ก่อนพระหัตถ์หนาจะคว้าผ้าคลุมพระองค์ซึ่งถักทอจากดิ้นทองคำมาพาดทับพระวรกายผึ่งผายแล้วยาตราออกจากตรงนั้น แม่ทัพอิมโฮเทปจึงต้องกระวีกระวาดตามเสด็จพร้อมเหล่าข้าราชบริพารอีกจำนวนหนึ่งโดยเร็ว

    ข้ารับใช้ต่างหมอบถวายบังคมแทบพื้นศิลาทั่วทุกหนแห่งที่องค์สมมติเทพเสด็จพระราชดำเนินผ่าน ไม่มีใครกล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบพระเนตรแข็งกร้าว เพราะรับรู้ ว่า...หลังคืนวันเพ็ญองค์ฟาโรห์จะขุ่นข้องหมองพระหทัยเป็นอย่างมากที่ไม่อาจควานหาตัวสตรีคนสำคัญมาปลดคำสาปได้ ทำให้พระองค์ต้องเสด็จไปสวดวิงวอนต่อเทพเจ้าคอนซูยังเทวสถานทางบูรพาทิศทุกช่วงเช้าและช่วงเย็น แต่ดูเหมือนความพยายามนั้นยังไม่เพียงพอสำหรับผู้อยู่เบื้องบนจึงทรงเพิกเฉยประหนึ่งไม่ได้ยินคำร้องขอสักครั้งเดียว

    พวกเจ้าช่างชักช้าเหลือเกิน!” พระสุรเสียงตวาดลั่นใส่ผู้ติดตามที่เดินรั้งท้ายล่าช้า ฉับพลัน...พระองค์ก็ทรงหยุดชะงัก ทำเอาแม่ทัพหนุ่มกับข้าราชบริพารเบื้องหลังซึ่งกำลังรีบเร่งตามเสด็จแทบยั้งฝีเท้าไว้ไม่ทัน

    ฝ่าบาท...ทรงเป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ?

    ไม่มีคำตอบใดเอื้อนเอ่ยจากพระโอษฐ์เรียวบาง นอกเสียจากสายพระเนตรที่ทอดยาวไปไกลจนอีกฝ่ายต้องชม้ายตามองตามทิศทางนั้น

    นานาบุปผชาติหลากสีสัน ณ ใจกลางอุทยานหลวง ถูกบั่นทอนความงามยามดรุณีนางหนึ่งอวดโฉมสะคราญท่ามกลางแมกไม้นานาพันธุ์ สายลมพัดละไล้เรือนผมยาวสลวยพลิ้วไหวเป็นลอนคลื่น ใบหน้าสะสวยด้วยดวงตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อย ทุกท่วงท่าของเธอหวานหยดย้อยดุจดั่งเทพยดาจำแลงแฝงกายลงมาเดินดิน

    แสงจ้าจากฟากฟ้าไร้ทินกรสาดทาบทับชุดโปร่งบางจนเห็นสรีระโค้งเว้าใต้ผืนผ้า หากไม่ได้หมู่มวลบุปผาในสองมือเล็กๆซึ่งกำลังประคองกอดไว้แนบลำตัวคงเผยปทุมถันอวบอิ่มเป็นแน่แท้ นางเชลยคนใหม่ผู้มีนาม ว่า...ปภาพินท์ ตรึงพระหทัยขององค์ประมุขแห่งอียิปต์ไม่ให้ละสายพระเนตรไปยังสิ่งอื่นๆได้

    ทั้งใบหน้า ทรงผม ท่าทาง รวมถึงน้ำเสียงของเธอช่างละม้ายคล้ายคลึงกับ...

    สตรีผู้นั้นงดงามเหมือนอัยเหลือเกิน คราแรกที่กระหม่อมเห็นในกระโจมกลางทะเลทรายยังอดนึกไม่ได้ ว่า...เป็นนางกลับชาติมาเกิดพ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพหนุ่มกราบทูลอย่างรู้พระหทัย นั่นทำให้สายพระเนตรแปรเปลี่ยนมาจับจ้องเขาเสียแทน

    ข้าไม่ประสงค์ฟังนามนั้นอีก!!!” พระสุรเสียงกร้าวแผดดังลั่น หญิงแพศยาไม่มีค่ามากพอให้ข้าจดจำหรือใส่ใจ!” ทันทีที่ตรัสจบก็ทรงสาวพระบาทออกจากตรงนั้น ผู้ติดตามจึงทำได้เพียงเร่งฝีเท้าตามเสด็จต่อไปยังเทวสถานเทพเจ้าคอนซูอย่างรวดเร็ว

    บริเวณลานกลางแจ้งเยื้องอุทยานหลวง คือ สถานที่ที่นางกำนัลส่วนใหญ่ใช้สำหรับทำงานต่างๆเป็นประจำ เฉกเช่นช่วงเวลานี้ที่ใครหลายคนกำลังง่วนจัดดอกไม้เพื่อนำไปประดับประดาตกแต่งห้องหับ หญิงสาวกวาดมองภาระหน้าที่แปลกตา...ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดแจกันดินเผา หรือ ตัดแต่งกิ่งช่อบุปผา ล้วนน่าสนอกสนใจชวนให้ใคร่รู้เสียทุกอย่าง

    มีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลืออีกหรือไม่?ปภาพินท์เอ่ยถาม

    การจัดดอกไม้คงไม่เหมาะกับคนมาใหม่เยี่ยงเจ้าเพราะต้องใช้ความประณีตเป็นอย่างมาก แต่ถ้ากระตือรือร้นนักก็ไปขัดพื้นทางเดินริมสระบัวตรงฟากโน้น...ดีกว่าอยู่สร้างภาระให้พวกข้าเพิ่มขึ้น!” คำตอบจากนางกำนัลคนหนึ่งเรียกเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังรอบด้าน แม้หญิงสาวรู้สึกโกรธเคืองก็ทำได้แค่ข่มสติอารมณ์เอาไว้ในใจ ก่อนจะรีบคว้าถังไม้กับผ้าขี้ริ้วแล้วจ้ำอ้าวออกไปทำงานของตน

    สระน้ำกว้างถูกแต้มแต่งด้วยนิลุบลสีครามซึ่งกำลังลวงล่อหมู่ภุมราให้ลองลิ้มชิมหยดเสน่หาจากยอดเกสร บางตัวก็พากันหยอกล้อโบยบินเกาะดอกนั้นดอกนี้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แรกเริ่มเธอไม่ค่อยพอใจที่ต้องทำงานตามลำพัง แต่ตอนนี้กลับนึกขอบคุณคนเหล่านั้นที่ช่วยปลดเปลื้องความทุกข์บางส่วนออกไปโดยไม่ตั้งใจ เพราะบางครั้งธรรมชาติกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆเหล่านี้เปรียบเสมือนยาชูกำลังชั้นเลิศ และ เลอค่ากว่ามิตรภาพหยาบกร้านของมนุษย์เสียด้วยซ้ำ

    ปภาพินท์ไม่รู้ว่าสองมือเล็กๆของตนเองขัดถูพื้นศิลาอยู่นานเท่าไร แต่ในที่สุดทางเดินริมสระบัวก็สะอาดสะอ้านเรียบร้อย สายลมพัดหอบความอ่อนล้าออกไปราวกับรางวัลสำหรับการตรากตรำทำงาน ทว่า มันก็ได้นำพากลิ่นหอมกรุ่นแตะปลายจมูกเธอจนต้องเหลียวหาที่มา

    สตรีสูงศักดิ์ย่างกรายมาตามทางเดินริมสระบัวพร้อมเหล่าข้าราชบริพาร ชุดเบาบางสีชมพูอ่อนทำจากผ้าเนื้อดีประดับลูกปัดหลากสีล้อมช่วงไหล่นั้นไม่สามารถบดบังรูปร่างอรชรแสนรัญจวนใจได้สักนิดเดียว พระพักตร์คมสวยเย้ายวนใจยิ่งขึ้นเมื่อเปลือกพระเนตรแต้มลาปิส ลาซูลี ( *** ) สีฟ้าอ่อนตัดกับมาลาไคต์สีเขียวอีกชั้น พวงแก้มสองข้างแดงระเรื่อเหมือนริมฝีปากเอิบอิ่ม พระนาง คือ พระสนมทียา ผู้อยู่เคียงข้างพระวรกายฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนในท้องพระโรงเมื่อคืนวาน...หญิงสาวจดจำได้แม่นยำ

    ดูสิพวกเจ้า...นั่นนางเชลยที่เพิ่งถูกจับตัวมาใช่หรือไม่?พระนางตรัสถามสตรีคนอื่นๆที่สวมใส่สร้อยหินสีฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของนางกำนัลส่วนพระองค์

    ใช่แล้วเพคะ...นางคือเชลยที่เพิ่งถูกจับตัวมา!”

    จู่ๆคำตักเตือนของยาราห์ก็ดังขึ้น จงหลีกเลี่ยงเหล่าพระสนมกับนางกำนัลส่วนพระองค์เอาไว้ให้ดี!!!” ปภาพินท์กลืนน้ำลายอย่างยากเย็นแล้วทำท่าจะหลบเลี่ยงออกจากบริเวณนั้น แต่เหล่าผู้ติดตามของสตรีสูงศักดิ์กลับปรี่เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้

    โอหังยิ่งนัก!!! เหตุใดจึงไม่หมอบถวายความเคารพพระสนมทียา?อีกฝ่ายตะคอกเสียงดังลั่น

    หญิงสาวผ่อนลมหายใจระบายความกดดันแล้วค่อยๆหมุนตัวกลับไปอย่างเชื่องช้า สายตาเหลือบมองผู้ทรงอำนาจกล้าๆกลัวๆ จำยอมวางอุปกรณ์ทำความสะอาดลงพลางทรุดกายหมอบบนพื้นศิลาเปียกแฉะ

    ถวายบังคมเพคะ...พระสนมทียา เธอกล่าวชัดถ้อยชัดคำ พระองค์ทรงประสงค์สิ่งใดให้หม่อมฉันรับใช้หรือเพคะ?

    เจ้าเห็นหรือไม่ ว่า...น้ำบนพื้นมันทำให้เท้าของข้าเปื้อนเปรอะ พระสนมทียาตรัสตอบ ช่วยเช็ดเท้าให้ข้าได้หรือไม่?

    คำถามนี้ไม่แตกต่างจากคำสั่ง...

    ริมฝีปากบางเม้มแน่นสะกดกลั้นโทสะในใจให้มอดดับ แล้วหยิบผ้าผืนเล็กที่พกเหน็บไว้ออกมาซับพระบาทเรียวเล็กเบามือที่สุด

    ข้าบอกเจ้าเมื่อใด ว่า...ให้ใช้ผ้า!”

    เอ๊ะ? ปภาพินท์ไม่ทันกราบทูลถาม พระหัตถ์ก็จิกกดศีรษะเธอลงไปทันที

    ใช้หน้าของเจ้าเช็ดแล้วสำนึกให้ขึ้นใจ ว่า...อย่าได้ริอ่านจองหองอวดดีกับข้าเป็นอันขาด มิฉะนั้นเจ้าจักไม่มีวันเป็นสุขจวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต!!!”

    หญิงสาวพยายามยื้อต้านเรี่ยวแรงไม่ให้ใบหน้าตนเองแนบกับพระบาทสตรีสูงศักดิ์ เสียงหัวเราะถากถางของเหล่านางกำนัลส่วนพระองค์ดังประสานราวกับเห็นเป็นเรื่องขำขัน ทว่า นั่นยังไม่น่าอดสูเทียบเท่าน้ำใจเหือดแห้งของนางกำนัลคนอื่นๆที่เฝ้ามองดูห่างๆเท่านั้น

    ไม่มีผู้ใดเข้ามาช่วยเหลือสักคน!

    ทำไมต้องทนโดนกดขี่ข่มเหงทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด! ปภาพินท์ครุ่นคิดขณะที่ความอดทนลดต่ำลงเรื่อยๆ ตัดสินใจใช้สองมือยันพื้นเพื่อดันร่างขึ้นยืนอย่างรวดเร็วทำเอาฝ่ายตรงข้ามผงะซวนเซเกือบหงายหลัง โชคดีที่เหล่าข้าราชบริพารประคองรับได้เสียก่อน

    นางเชลย!!! เจ้ากล้าสู้ข้ากระนั้นหรือ ไม่ตบสักฉาดคงไม่รู้สำนึกเสียแล้ว!” พระสนมทียากรีดร้องเกรี้ยวกราดพร้อมเงื้อพระหัตถ์หมายจะตบ แต่หญิงสาวไวพอที่จะก้มตัวหลบแล้วถอยออกห่าง พระนางจึงเสียหลักพลาดท่าร่วงตกสระบัวท่ามกลางความตื่นตระหนกตกใจของทุกคน

    ตูมมมมม!!!

    กรี๊ดดดดดดด!!!” พระสุรเสียงเล็กแหลมแผดดังทั่วอุทยานหลวงเคล้าเสียงหัวเราะที่คราวนี้แว่วมาจากฝ่ายนางกำนัลธรรมดาเสียแทน เมื่อเห็นภาพเหล่านางกำนัลส่วนพระองค์ต้องช่วยยื้อยุดฉุดเจ้านายขึ้นจากน้ำอย่างทุลักทุเล

    เหตุใดพวกเจ้าจึงเอ็ดตะโรจนเสียงดังอื้ออึงไปทั่วเยี่ยงนี้!!!”

    หลายคนชิงหลบหนีจากบริเวณนั้นเพื่อเปิดทางแด่องค์ประมุขแห่งอียิปต์ที่เพิ่งเสด็จกลับมาจากเทวสถานเทพเจ้าคอนซู พระสนมทียารีบพาพระวรกายเปียกปอนทรุดหมอบแทบพระบาทของฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุน ซบพระพักตร์งามแนบข้อพระบาทเปิดฉากเพ็ดทูลด้วยพระสุรเสียงสะอึกสะอื้นน่าเวทนา

    ฝ่าบาท...นางเชลยผู้นี้ผลักหม่อมฉันตกน้ำเพคะ

    ข้อกล่าวหานั้นสร้างความตกใจแก่ปภาพินท์ไม่น้อย

    หม่อมฉันไม่ได้กระทำเช่นนั้นนะเพคะ!” เธอกราบทูลองค์สมมติเทพ

    เจ้ากล้าบิดเบือนความจริงต่อเบื้องพระพักตร์องค์ฟาโรห์ได้เยี่ยงไร!” สตรีสูงศักดิ์ตะคอก พลางสยายพระเกศาเผยพระถันเด่นชัดใต้ผ้าบางเปียกชุ่ม แล้วเว้าวอนร้องขอพระเมตตาจากผู้ทรงอำนาจสูงสุดด้วยสายพระเนตรยั่วยวน สภาพของหม่อมฉันเปรียบเสมือนหลักฐานชั้นดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพระบรมราชวินิจฉัยเพคะ

    ไม่จริง! อย่างไรเสียหม่อมฉันก็ขอยืนยัน ว่า...ไม่ได้ท...

    เพี้ยะ!!!

    ฝ่าพระหัตถ์หนาของฟาโรห์หนุ่มฟาดใส่ใบหน้าหญิงสาวจนสะบัดหันก่อนทันให้กราบทูลชี้แจง รอยแดงปื้นใหญ่ปรากฎบนแก้มขาวนวลเนียนพร้อมเลือดซึมมุมปาก

    หุบปาก! เจ้าเป็นเพียงเชลยรับใช้ จงอย่าริอ่านเหิมเกริมกับพระสนมของข้าเป็นอันขาด!”

    เจ็บกายไม่ร้ายแรงเท่าเจ็บใจ...

    ไม่มีความยุติธรรมสักเศษเสี้ยวเดียวสำหรับการตัดสิน หากเธอเป็นสตรียุคอดีตคงจำยอมรับความผิดซึ่งไม่ได้กระทำเพราะไร้บรรดาศักดิ์มาต่อรอง แต่เธอเป็นสตรียุคปัจจุบันที่ไม่เคยคิดหรือปรารถนาจะเข้ามาร่วมชะตากรรมกับพวกคนเหล่านี้...แล้วทำไมต้องกล้ำกลืนฝืนทนการกดขี่ข่มเหง

    ไหนจะถูกจับมาอยู่ในพระราชวังอียิปต์โบราณ

    ไหนจะถูกบีบบังคับให้เป็นนางกำนัล

    ไหนจะต้องรับครหานินทาและโดนทำร้ายร่างกายทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

    ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยพบเจอผู้ชายคนไหนใจร้ายเท่าคุณเลย คุณจะเหยียบย่ำฉันอย่างไรก็ได้ แต่คุณไม่มีวันเหยียบย่ำค่าความเป็นคนของฉันได้ ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อยที่ฉันจะต้องปรนนิบัติรับใช้ทั้งที่ไม่เต็มใจ!!!” หญิงสาวตะโกนตอกกลับด้วยคำสามัญ

    หลายสิ่งหลายอย่างเลวร้ายเกินหัวใจดวงน้อยจะต้านทานไหว สองมือเล็กๆยกขึ้นปิดหน้าอาบคราบน้ำตาแล้ววิ่งไปจากตรงนั้น

    ตั้งแต่เกิดมาหม่อมฉันยังไม่เคยพานพบบุรุษใดพระหทัยร้ายเยี่ยงฝ่าบาทเลย ฝ่าบาทจักทรงเหยียบย่ำหม่อมฉันอย่างไรก็ย่อมได้ แต่ฝ่าบาทมิอาจเหยียบย่ำค่าความเป็นคนของหม่อมฉันได้ หาได้จำเป็นเลยแม้แต่น้อยที่หม่อมฉันจักต้องปรนนิบัติรับใช้ทั้งที่ไม่เต็มใจ!!!”

    ภาพอดีตของสตรีนางหนึ่งทาบทับภาพของปภาพินท์ คำพูดนั้นดังกึกก้องในพระกรรณไม่เสื่อมคลายแม้ว่าระยะเวลาจะผ่านพ้นนานกว่าหลายพันปี พระพักตร์ฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนซีดเผือดพลางสาวพระบาทตามหญิงสาวไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนพระหทัยพระสนมทียาที่ยังทรุดกองบนพื้นศิลา

     

    *** ไคฟี = เครื่องหอมที่มีองค์ประกอบถึง 16 อย่าง เช่น ลูกเกด , กำยาน , ไวน์แดง , น้ำมันหอม , ไม้จันทน์ , ยางไม้หอมเมอร์ , จูนิเปอร์เบอร์รี่ , ยางไม้แดง , รากออริส , น้ำผึ้ง , อบเชย ฯ นิยมใช้เผาช่วงเย็นไปจนถึงช่วงกลางคืน ว่ากันว่าสามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย

    *** ลินิน = พืชชนิดหนึ่ง มีเส้นใยเหนียวสามารถถักทอทำผ้าได้ เมล็ดมีน้ำมันสามารถทำเป็นหมึกพิมพ์ สีน้ำมัน และ หมึกพิมพ์ธนบัตร อีกทั้งยังเอาไปทำอาหารเสริมบางจำพวกเพราะมีโอเมก้า 3

    *** อัมมุท = สัตว์ร้ายมีใบหน้าคล้ายจระเข้ ลำตัวเป็นสิงโตและฮิปโปโปเตมัส คอยกัดกินหัวใจวิญญาณบาปตอนพิพากษาสัจจะ

    *** มตภพ = ดินแดนแห่งความตาย

    *** นุต = เทวีแห่งนภากาศ กำเนิดขึ้นมาพร้อมเทพเจ้ารา และ เทพเจ้าเกป ทรงมีร่างเป็นนารีเปลือยคร่อมโลก โดยมีเทพเจ้าเกปอยู่เบื้องล่าง และมักมีเทพเจ้าชูประทับยืนค้ำพระองค์ไว้

    *** ธีบส์ = เมืองลักซอร์ในอดีต ช่วง 1570 - 1070 ปี ก่อนคริสตกาล 

    *** ไนล์ = แม่น้ำสายสำคัญที่สุดของทวีปแอฟริกา และ เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก คือ 6,700 กิโลเมตร แม่น้ำไนล์ไหลผ่านประเทศแทนซาเนีย , รอวันด้า , บุรูนดี , เคนยา , แซร์ , อูกันดา , เอธิโอเปีย , ซูดาน และ อียิปต์

    *** ลาปิส ลาซูลี = หินสีฟ้าที่เกิดจากการรวมตัวของแร่หลายชนิด คือ ไดออปไซท์ , ไพไรท์ , ลาซูไรท์ ใช้บดทำเครื่องสำอางในการตกแต่งเปลือกตาสมัยก่อน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×