คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 : ความน่ารัก
ตอนที่ 3 : ความน่ารัก
ภายในสตูดิโอส่วนตัวของค่าย J คอเปอร์เรชั่นกำลังวุ่นวายกับการจัดเตรียมฉากและอุปกรณ์ที่จะใช้ถ่ายรูปโฆษณาผลิตภัณฑ์น้ำหอมตัวใหม่ โดยมีนายแบบและนางแบบคนสำคัญอย่าง มัทซึชิระ ทาเครุ และ นิโนมิยะ มิยาบิ หรือที่รู้จักกันในนาม T&M ทั้งคู่กำลังโดนจับแต่งตัวและแต่งหน้าโดยช่างฝีมือระดับประเทศอย่างเรียวสุเกะ =_=”
“ฉันว่าชุดนางฟ้านี่มันไม่เห็นเหมาะกับอายแชว์โดว์สีชมพูที่เรียวสุเกะเลือกใช้เลยนะ” นักร้องสาวเริ่มบ่นเมื่อไม่ถูกใจสีสันบนใบหน้า
“แหม...เดี๋ยวพอขึ้นกล้องมันจะเจิดจ้าดูดีกว่านี้เองค่ะ ( หล่อนสิยะ...ที่ไม่เข้ากับชุดนางฟ้า )” เรียวสุเกะตอบพร้อมฉีกยิ้มและแอบบ่นในใจไปด้วย
“คุณมิยาบิพร้อมหรือยังคะ?” ทีมงานจากบริษัทน้ำหอมเอ่ยถามนักร้องสาว
“เสร็จแล้วค่ะ” เธอเอ่ยตอบด้วยสีหน้าสดใส ก่อนหมุนตัวในกระจกบานใหญ่เพื่อเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง ผมยาวสีน้ำตาลเข้มถูกดัดเป็นลอนอ่อนๆสวมมงกุฎสีเงินอันเล็กเข้ากับชุดเกาะอกสีขาวประดับขนนก เมื่อทุกอย่างลงตัวมิยาบิก็เดินไปยังฉากที่จัดเตรียมเรียบร้อยโดยมีทาเครุรออยู่ก่อน
นักร้องหนุ่มถูกเซตผมให้เซอร์นิดๆแต่ไม่มาก ติดเขาสีแดงอันเล็กๆบนศีรษะและแต่งชุดสีดำติดขนนก อยู่ในลุคส์ของซาตาน เขามองหญิงสาวที่เดินเข้ามาพลางเอ่ยทักทายตามประสา
“ชุดสวยดีนี่...แต่ไม่เข้ากับคนใส่!” ประโยคหลังชายหนุ่มพยายามพูดเบาๆเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยินนอกจากหญิงสาวที่หันมาค้อนใส่
“ทาเครุคุงเองก็เหมือนกันเพราะชุดซาตานนี่เหมาะกับนายมากเลย....ทั้งร่างกายและจิตใจ!” มิยาบิเน้นประโยคหลังให้ชายหนุ่มได้ยินเพียงคนเดียว
“แหม...เป็นคู่ดูโอที่รักกันจังนะคะ” ทีมงานจากบริษัทน้ำหอมเอ่ยชมกับความน่ารักของทั้งคู่ ( เพราะไม่ได้ยินประโยคหลัง =_=” )
“อะคะ...ฮะๆๆ” ผู้จัดการสาวตอบพลางหัวเราะแห้งๆ
“เอ๊ะ...คุณมิยาบิพันผ้าอะไรไว้ที่มือคะ เอาออกได้มั้ย?” ทีมงานจากบริษัทน้ำหอมเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นผ้าสีขาวที่พันมือซ้ายของนักร้องสาวเอาไว้
“อ๊ะ...ไม่ได้ค่ะ!!!” มิยาบิสวนกลับไปทันที
“ทำไมล่ะค่ะ?”
“เอ่อ...พอดีมิยาบิจังเขาได้รับบาดเจ็บที่มือนิดหน่อยน่ะค่ะก็เลยต้องพันผ้าเอาไว้” เอมิรีบแก้ตัวให้ทั้งที่ความจริงก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน เพราะเห็นนักร้องสาวพันเอาไว้เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว
ไม่นานนักการถ่ายทำก็เริ่มต้นขึ้นในคอนเซ็ปต์ของนางฟ้าแสนสวยบนสรวงสรรค์ที่ใช้น้ำหอมกลิ่นพาราไดซ์ หอมขนาดได้กลิ่นไปถึงนรก ( เว่อร์ซะไม่มี ) จนซาตานหนุ่มต้องยอมแพ้ขึ้นมาดมและสัมผัสใกล้ๆ...
“ทำท่าแบบนั้นดีครับ...แต่คุณมิยาบิต้องเข้าไปใกล้ๆคุณทาเครุอีกนิดครับ” ตากล้องชายวัยกลางคนสวมหมวกไหมพรมปิดศีรษะที่มีผมน้อยเอาไว้เอ่ยบอกนายแบบนางแบบเพื่อหามุมสวยๆให้กับภาพ
“แค่นี้ก็ได้มั้งคะ...ฉันรังเกียจ” มิยาบิเอ่ยอย่างเซ็งๆ
“ห๊ะ...อะไรนะครับ?” เขาถามเพราะได้ยินไม่ถนัด
“ออ...ฉันหมายถึง...กลัวว่าทาเครุคุงจะรังแกฉันถ้าเข้าใกล้เขามากเกินไปน่ะค่ะ” เธอเอ่ยพร้อมยิ้มหวานแล้วทุบไหล่ชายหนุ่มด้วยท่าทางหยอกล้อ ขณะที่ผู้โดนกระทำได้แต่ชักสีหน้าแหยๆ
“ถ้าเป็นยังงั้นได้ก็ดีนะครับ จะได้มีมุมน่ารักๆไว้ใส่ตรงคอลัมน์สัมภาษณ์นิดหน่อย เอาเป็นว่าคุณมิยาบิช่วยขยับเข้าไปใกล้คุณทาเครุมากกว่านี้ ไม่ต้องเขินนะครับ...เอาแบบเนื้อแนบเนื้อเลยครับ!”
( ”แกจะถ่ายโฆษณาน้ำหอม หรือ หนังโป๊ฟะ...ไอ้เหม่ง!” จาก มิยาบิ ) หญิงสาวแอบร้องด่าในใจ แต่ไม่พูดอะไรนอกจากขยับเข้าไปใกล้นักร้องชายมากขึ้น ทาเครุเห็นหญิงสาวยังละล้าละลังเลยใช้แขนข้างหนึ่งโอบไหล่บางของเธอเอาไว้แล้วดึงเข้าชิดตัวเขามากขึ้น
”อ๊ะ...ทำแบบนี้ดีครับ...ดูเหมือนหลงใหลดี” ตากล้องเอ่ยชม แต่มิยาบิเอ่ยด่าเบาๆ
“ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะย่ะ!”
“คิดว่าฉันอยากจับตัวเธอตายล่ะ” เขาตอบกลับมาด้วยเสียงเบาๆไม่ต่างกัน
“แหมๆ...อย่าเพิ่งจู่จี๋กันสิครับ ถ่ายให้เสร็จก่อน!” ตากล้องเอ่ยแซวเมื่อเห็นทั้งคู่กำลังพึมพำใส่กัน
( “ไอ้เหม่งตาถั่วเอ้ย...ใครจู๋จี๋ยะ!” จาก มิยาบิ ) ถ้าไม่ติดว่ามีคนนอกมิยาบิจะกรี๊ดให้ลั่นสตูดิโอ ตอนนี้เลยได้แต่จำใจฝืนทนให้ทาเครุโอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ขอภาพสุดท้ายนะครับ คุณทาเครุช่วยทำท่าเหมือนกำลังดมกลิ่นหอมๆในตัวของคุณมิยาบิหน่อยครับ” ตากล้องสั่ง
“เฮ้อ...คนเหม็นๆจะให้ดมว่าหอมได้ยังไง ขนาดน้ำหอมราคาแพงยังช่วยเธอไมได้เลยนะเนี่ย” ทาเครุบ่นเบาๆจนหญิงสาวหันมายิ้มให้อย่างจริงใจ?
“ไปตายซะ!” เธอเอ่ยเสียงลอดไรฟัน
“เลิกต่อล้อต่อเถียงซะที...จะได้ถ่ายให้เสร็จๆไป” นักร้องหนุ่มปรามก่อนใช้มืออีกข้างที่เหลือเชยคางหญิงสาวแล้วแนบปลายจมูกลงไปบนแก้มขาวนวลเนียนของมิยาบิด้วยรอยยิ้ม
“ว้าว...โอเคครับ ภาพสวยน่ารักแบบนี้รับรองว่าตอนโปรโมตต้องได้รับความนิยมแน่ๆ...ขอบคุณครับที่ให้ความร่วมมือ” ตากล้องเอ่ย ก่อนที่ทีมงานทุกคนจะตบมือให้ มิยาบิไม่รอช้าที่จะผละออกห่างจากทาเครุทันทีแล้วใช้มือถูแก้มเบาๆ
“ขนลุกชะมัด” เธอบ่นพึมพำแล้วรีบเดินแยกออกไป ทิ้งให้นักร้องคู่หูยักไหล่นิดๆก่อนใช้นิ้วแตะปลายจมูกตัวเองนิดหน่อยอย่างอดขำไม่ได้...รังเกียจไปให้ตลอดเถอะ!
นักร้องสาวรีบจ้ำอ้าวไปยังห้องแต่งตัวทันที และเพื่อไม่ให้เธอเสียอารมณ์ไปมากกว่านี้เรียวสุเกะจึงรีบหยิบของสำคัญส่งประเคนให้อย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องบ่นค่ะ เตรียมไว้ให้แล้ว...สบู่เหลวฆ่าเชื้อโรคกับน้ำยาบ้วนปาก”
“ดีมาก” เธอตอบพลางรับมันก่อนเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ...คุณมิยาบินี่ก็แปลก ทำไมถึงได้จงเกลียดจงชังคุณทาเครุขนาดนั้น ถ้าเป็นฉันนะ...มีผู้ชายหล่อๆมาหอมแก้มคงนอนตายตาหลับ” ทีมงานอีกคนเอ่ยบอกด้วยสีหน้าเคลิ้มฝัน
“เฮอะ...สำหรับคุณมิยาบิใครจะไปดีเหมือนคุณฮิโรกิล่ะ” เรียวสุเกะบ่นพึมพำอย่างอดนึกสงสารทาเครุไม่ได้...
ผู้จัดการสาวเดินเข้ามาในโซน T&M ด้วยสีหน้าเบิกบานใจเพราะการถ่ายโฆษณาเป็นไปได้ด้วยดี แม้จะแอบเสียววูบวาบเป็นพักๆเมื่อเห็นทาเครุกับมิยาบิบ่นพึมพำใส่กันหลายครั้ง แต่ทุกอย่างก็ออกมาเพอร์เฟ็คกว่าที่คาดคิด
“มิยาบิ...วันนี้ทำได้ดีมากเลยนะ” เอมิชื่นชมหญิงสาวที่กำลังนั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือนิตยสารผู้หญิงอยู่ตรงโซฟา
“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบสั้นๆโดยที่สายตายังไม่ละไปจากหน้าหนังสือ
“เอ่อ...ว่าแต่พันผ้าเอาไว้ที่มือทำไม นี่โชคดีนะเนี่ย...ที่ทางทีมงานของบริษัทน้ำหอมยอมอนุโลมให้พันไว้ได้เพราะถ่ายไม่เห็นมือข้างนั้น”
“ฉันบอกคุณเอมิแค่คนเดียวนะคะ...คือว่า...” มิยาบิกระซิบเบาๆที่ข้างหูผู้จัดการสาว ก่อนที่เธอจะตาเบิกโพลงเมื่อรู้ความลับใต้ผ้าที่พันเอาไว้
“จริงเหรอ...นี่เป็นลายมือกับเบอร์โทรศัพท์ของฮิ...อุ๊บบส์!!!”
มือบางรีบปิดปากผู้จัดการสาวเอาไว้ได้ทันท่วงที
“เบาๆสิคะ ( จะแหกปากให้คนเขารู้กันทั้งค่ายเพลงหรือไงยะ )” มิยาบิปราม
“อ๊ะ...ก็มันน่าตกใจนี่ แล้วมิยาบิได้โทรไปหาเขาหรือยัง?” เอมิรีบซักไซ้ด้วยความอยากรู้
“ยังเลยค่ะ ฉันไม่กล้าและกลัวโทรไปรบกวนเขา” มิยาบิตอบตรงๆ รู้สึกเกรงใจนักร้องไอดอลของตัวเองแม้จะได้รับโอกาสดีๆก็เถอะ
“ไม่หรอกนะ ถ้าเขาให้มาขนาดนี้...แสดงว่าต้องอยากให้มิยาบิติดต่อไปแน่ๆเลย”
“งั้นเหรอคะ...อ๊ะ...งั้นเดี๋ยวฉันจะลองโทรไปหาเขา”
“สู้ๆ!!!” เอมิเชียร์ขาดใจเพราะรับรู้ดีว่านักร้องสาวชื่นชอบศิลปินคนนี้มาก แม้จะต่างค่ายและเป็นคู่แข่งกันแต่ยังไงก็เป็นเรื่องความชื่นชอบส่วนบุคคล ทั้งสองสาวหัวเราะคิกคักพูดคุยกันโดยไม่รู้เลยว่าทาเครุที่เดินตามเข้ามาตอนหลังได้ยินการสนทนาอันน่าสนใจนี่เกือบทั้งหมด...
มือบางจับโทรศัพท์มือถือไว้แน่นก่อนที่ปลายนิ้วจะค่อยๆบรรจงกดเบอร์โทรศัพท์อย่างช้าๆ หัวใจของหญิงสาวเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะขณะรอฟังเสียงเพลงรอสาย และเมื่อ...
“ฮัลโหล” เสียงทุ้มๆของฮิโรกิเอ่ยผ่านเล็ดลอดเข้ามา
“กรี๊ดดดด!!!!” เธอกรีดร้องแล้วกดวางสายไปอย่างรวดเร็วเพราะความตกใจและตื่นเต้น
( “นี่ฉันจะกดวางสายไปทำไมฟะ!!!” จาก มิยาบิ ) หญิงสาวแอบด่าตัวเองในใจอย่างบ้าคลั่งเมื่อนึกได้ว่าทำเหมือนคนโรคจิตที่ชอบโทรไปแล้ววางสาย ทว่า...ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นพร้อมกับหน้าจอที่ปรากฏชื่อ “ฮิโรกิ” โทรกลับมา!!!
“ฮัลโหล...” เธอกรอกเสียงเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ( โดนด่า )
“ว่าไง...ขอบใจนะที่ทำให้หูของฉันโล่งขึ้นเยอะ...สาวน้อย!” ชายหนุ่มแซวเรื่องที่เธอกรี๊ดใส่เขาจนหญิงสาวอดทำหน้าเหวอจากอีกฝั่งไม่ได้
“ขอโทษค่ะ...คือแบบว่า...”
“ตื่นเต้นงั้นสิ”
( “คนบ้าอะไร้...จะรู้ใจไปหมดแบบนี้!” จาก มิยาบิ ) นักร้องสาวแอบอึ้งนิดหน่อยเมื่อโดนจับได้
“แล้วคุณรู้ได้ไงคะ ว่า...เป็นฉัน?” เธอถามด้วยความสงสัย เพราะจำได้ว่าไม่เคยโทรไปและไม่เคยให้เบอร์โทรศัพท์เขาสักครั้ง
“ฉันจำเสียงเธอได้ ว่าแต่มีอะไรเหรอ?”
“เอ่อ...ฉันก็แค่อยากโทรมา เพราะเห็นว่าคุณให้เบอร์เอาไว้...แล้วก็...อยากเจ...”
“เอางี้นะ...วันนี้สองทุ่มเจอกันที่ร้าน X-O ตรงโซน VIP เดี๋ยวฉันต้องไปทำงานก่อน...บายสาวน้อย” พูดจบฮิโรกิก็กดวางสายไปท่ามกลางความอึ้งของหญิงสาว ให้ตายเถอะ...นี่เขาเป็นนักร้องหรือนักจิตวิทยาเนี่ยจะรู้ใจอะไรขนาดนี้ แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือ...ฮิโรกินัดเจอ!!!
นัยน์ตากลมโตของนักร้องสาวก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าอีกราวๆสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดหมาย เพียงเท่านั้นเธอก็รีบจ้ำอ้าวออกไปจากค่ายเพลงทันทีเพราะเห็นว่าเลิกงานแล้ว และควรใช้เวลาอันน้อยนิดไปเสริมสวยก่อนเจอหนุ่มหล่อในดวงใจ
“นี่!!!” เสียงมารเข้ามาขัดทำให้เธอชะงักเหลียวมองทาเครุซึ่งตรงเข้ามาพร้อมกีต้าร์ในมือ
“ไปซ้อมเพลงใหม่กัน” เขาชักชวน
“ไม่!!!” มิยาบิปฏิเสธอย่างรวดเร็วพลางจะเดินไปยังรถของตัวเอง
“เฮ้ย...ทำไมอยู่ดีๆคนไม่มีความรับผิดชอบอย่างเธอจะเบี้ยวซ้อม...มหัศจรรย์มาก!!!” ทาเครุเอ่ยอย่างกวนประสาท หญิงสาวพยายามทำใจเย็นแล้วตอบกลับไป
“ฉันมีนัด ( เดท ) สำคัญ ที่จะต้องไป”
“สำคัญขนาดจะไม่ทำงานเลยเหรอ?” นักร้องหนุ่มเอ่ยถามพลางจ้องตาหญิงสาวอย่างจับผิด
“นี่มันหมดเวลางานแล้ว ถ้านายอยากซ้อมนักก็เชิญคนเดียวเถอะ!!!” เธอตวาดใส่ก่อนหนีเข้ารถโดยไม่ฟังเสียงเรียกของคู่หูเลยแม้แต่น้อย
“ชิ!!! นัดสำคัญบ้าบออะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องของไอ้บ้านั่น!!!” ทาเครุพึมพำอย่างหัวเสียก่อนเดินถือกีต้าร์กลับไปยังรถตัวเองเช่นกัน
“เรียวสุเกะ...แต่งหน้าฉันด้วยโทนสีโอโรสให้เหมือน เคียวโกะ ฟูกาดะ เลยนะ” มิยาบิสั่งช่างแต่งหน้าส่วนตัวราวกับเจ้าหญิงในร้านทำผมแถวชิบุย่าที่เขามาเปิดเป็นธุรกิจส่วนตัวหลังทำงานประจำเสร็จ
“เพื่อคุณมิยาบิจัดให้ค่า! ( อย่างหล่อนน่ะ...ถ้าเป็น เคียวโกะ ฟูกระแดะ น่ะโอเค! )” เรียวสุเกะตอบพร้อมบ่นในใจ และอดเซ็งไม่ได้เมื่อหมดเวลาทำงานที่ค่ายเพลงในตอนเย็นยังต้องมาเจอเจ้านายจู้จี้ขี้จุกจิกคนเดิมอีก...เฮ้ออออ...
เพียงไม่นานนักทุกอย่างก็ลงตัว ผมของหญิงสาวถูกมัดด้วยเชือกรัดผมแฟชั่นสีขาว เข้ากับเสื้อสายเดี่ยวตัวเล็กสีดำซึ่งคลุมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีขาว กับ กางเกงขาสั้นสีขาว อย่างลงตัว เพียงแค่นี้เธอก็พร้อมออกไปหาชายหนุ่มตามเวลาที่นัดหมายแล้ว
“เอ่อ...คุณมิยาบิค่ะ...” เรียวสุเกะเอ่ยเรียกนักร้องสาวหลังเห็นว่าเธอทำท่าจะเดินออกไป
“มีอะไร...ฉันรีบนะ”
“แล้วเงินค่าแต่งหน้ากับทำผมล่ะคะ?”
“คนรู้จักกันต้องคิดเงินด้วยเหรอ หรือ เงินที่ค่ายเพลงจ้างยังไม่พอใช้ฉันจะได้บอกให้เขาเพิ่มเงินให้ล่วงหน้าสามเดือนแล้วเรียวสุเกะก็ออกจากงานไปซะ!” คำพูดของหญิงสาวทำเอาช่างแต่งผมชายหัวใจกุ๊กกิ๊กหน้าซีดและยิ้มค้างก่อนมองเธอเดินเชิ่ดออกไปอย่างอึ้งๆ...
ยัยทะเลเดดซีเรียกแม่!
บันไดสเตนเลสสีเงินวาววับยกสูงจากพื้นเพียงห้าขั้นก็สามารถแบ่งแย่งระดับความไฮโซกับโลโซของร้านข้างถนนให้อัพเกรดเป็นร้านหรูหราได้ไม่ยาก การตกแต่งดีไซน์จากกระจกและสเตนเลสมันวาวดัดเป็นลวดลายต่างๆทำให้ร้าน X-O สวยงามราวกับหลุดออกมาจากโลกอนาคต
ภายในสว่างจากไฟสีฟ้าอ่อนดวงใหญ่และดวงเล็กสลับคละๆกันไป มีโซนร้านอาหารและโซนบาร์แบ่งแยกไว้เป็นสัดส่วน มิยาบิค่อยๆเดินเข้าไปในร้านอย่างเฉิดฉาย ใครๆก็ล้วนมองความสวยของเธอเป็นตาเดียว ไหนจะเป็นนักร้องซูเปอร์สตาร์อีกเลยทำให้กลายเป็นจุดเด่นได้ไม่ยาก
“สวัสดีครับ...จองเอาไว้ก่อนหรือเปล่าครับ?” พนักงานชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามด้วยความสุภาพนอบน้อม
“เอ่อ...” หญิงสาวกระอึกกระอักพลางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ว่าจะตอบอย่างไร ถ้าตอบว่านัดฮิโรกิไว้จะกลายเป็นข่าวหรือเปล่านะ
“อ๊ะ...คุณมิยาบิใช่มั้ยครับ?” อยู่ดีๆเขาคนนั้นก็โพล่งถาม
“อ๊ะ...ใช่ค่ะ”
“คุณฮิโรกิเรียนว่า...ถ้าคุณมิยาบิมาให้เชิญไปที่โซน VIP ได้เลยครับ” พนักงานชายเอ่ยบอกพร้อมผายมือไปยังบันไดสเตนเลสสีเงินที่อยู่ไม่ห่างนำสู่ชั้นสองของร้าน
บนนั้นค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัว สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์บางจุดของย่านชิบุย่ายามค่ำคืนได้ดี ที่โต๊ะตัวหนึ่งริมกระจกใสมีชายหนุ่มมาดเท่นั่งอยู่เพียงลำพัง เพียงแวบเดียวเธอก็จำได้ว่าเขา คือ ฮิโรกิ...
“เอ่อ...ฮิโรกิ...” เธอเอ่ยเรียกเขาเมื่อเดินไปถึงโต๊ะ ชายหนุ่มเหลียวมองพลางพยักหน้าน้อยๆอย่างรับรู้แล้วผายมือเชิญหญิงสาวนั่งยังตรงข้าม
“เชิญ”
“ค่ะ” เธอตอบรับแล้วนั่งลง
“ฉันสั่งอาหารกับเครื่องดื่มมาแล้ว หวังว่าเธอคงจะกินได้...เป็นพวกปลากับไวน์ไม่อ้วนหรอก”
“อ่ะค่ะ ( ต่อให้เปิบพิสดารฉันก็กินได้ค่ะ ถ้าเป็นฮิโรกิสั่ง )” หญิงสาวตอบพลางมองรอบๆอย่างสนใจ ที่โซน VIP นี้มีคนประปรายมานั่งทานอาหารแต่ไม่มากเหมือนชั้นล่าง อีกทั้งยังมีระบบปิดกั้นเสียงรบกวนได้อย่างดีเยี่ยม แม้ทั้งคู่จะเป็นซูเปอร์สตาร์แต่ก็ไม่มีใครสนใจเพราะให้เกียรติความเป็นส่วนตัว
“คุณมาที่นี่บ่อยเหรอคะ?” เธอเอ่ยถามเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป
“ใช่...ทุกวัน”
“ทุกวัน!!!” หญิงสาวอุทานอย่างตกใจ
“ฉันอยู่คนเดียวไม่มีใครมาทำอาหารให้ ครั้นจะทำเองก็เสียเวลาแถมไปจ่ายตลาดแบบคนอื่นๆก็ลำบาก ก็ต้องมาหาข้าวกินข้างนอกแบบนี้ล่ะ” เขาตอบอย่างไม่ยี่หระ คงเพราะชินกับการถูกจับตามองเช่นเดียวกับเธอ
“แล้วทำไมคุณไม่จ้างแม่บ้านหรือแม่ครัวมาสักคนหรือสองคนล่ะคะ?” นักร้องสาวเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะเธอรู้ว่าเขามีรายได้จากการแสดงคอนเสิร์ต , ค่าตัว และเงินเดือนมากพอๆกับ T&M ราวห้าสิบล้านเยนต่อเดือน ไม่ยากเลยที่จะจ้างคนมารับใช้สักคนหรือสองคน ไมสิ...สักร้อยคนก็ยังได้!
“ฉันไม่ชอบคนแปลกหน้ามาอาศัยร่วมบ้าน” ฮิโรกิตอบ
“เหรอคะ... ( แบบนี้ก็อดสมัครน่ะสิ )” มิยาบิตอบสั้นๆพลางครุ่นคิดอย่างเสียดาย
“คนที่จะมาอาศัยร่วมกับฉันที่บ้านก็คงมีแต่ภรรยาเท่านั้นล่ะ”
“อ๊ะ...จริงเหรอคะ? ( งั้นสนใจฉันมั้ยคะ? )”
“แน่นอนว่าตอนนี้ฉันยังไม่คิดหา” เขาเอ่ยต่อ
“อ๊ะ...เหรอคะ? ( ชิ...หลอกให้อยากแล้วจากไป )” หญิงสาวตอบสั้นๆพลางยิ้มแห้งๆอย่างเสียดาย ขณะที่ฮิโรกิเหลือบไปพบมือบางของมิยาบิที่พันผ้าเอาไว้โดยบังเอิญ
“มือเธอเป็นอะไร?” เขาถามด้วยความสงสัย
“อ๊ะ...เอ่อ...”
นักร้องสาวถึงกับชะงัก เมื่อโดนถามถึงสิ่งที่ต้องการเก็บเป็นความลับทั้งที่เขาเป็นสาเหตุ
“คุณจำไม่ได้เหรอคะ ว่า...คุณทำให้ฉันต้องพันผ้าไว้ที่มือ” เธอตอบกลับไป ทำให้ฮิโรกิถึงกับขมวดคิ้วมุ่นวุ่นวาย
“ฉันไม่ได้ทำให้เธอบาดเจ็บนี่ ตอนไหนกัน?” เขาร้องถามอย่างงุนงงเมื่อคิดหาสาเหตุไม่ออก
“เปล่าค่ะ...คุณไม่ได้ทำให้ฉันบาดเจ็บ แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนคุณเขียนเบอร์โทรศัพท์ไว้ที่มือข้างนี้ ก็เลยพันผ้าเอาไว้เพราะกลัวมัน...เลือน...”
ทันทีที่รู้สาเหตุฮิโรกิก็ถึงกับอึ้ง สีหน้างุนงงปนเครียดเมื่อสักครู่คลายออกก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา จนหลายคนที่ ( แสร้ง ) ทำเป็นไม่สนใจต้องหันมามองแล้วซุบซิบ
“ต้ายยย...นั่นฮิโรกิหัวเราะเหรอเนี่ย!”
“ใช่ๆ...ไม่น่าเชื่อเลย ว่า...คนเย็นชาอย่างเขาจะหัวเราะออกมาในที่สาธารณะแบบนี้” สาวไฮโซหลายคนวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว ก็แน่ล่ะ...ขนาดมิยาบิเป็นแฟนคลับของเขามาเกือบสองปีก็ยังอดอึ้งไม่ได้
“เอ๊ะ...คุณหัวเราะ?” เธอร้องอุทานอย่างอึ้งๆ
“เอ้า...ฉันเป็นคนนะ” เขาพูดกึ่งยิ้ม
“แต่...เอ่อ...ฉันไม่เคยเห็นคุณหัวเราะหรือยิ้มมาตลอดสองปี”
“งั้นเธอก็เป็นคนแรกที่ได้เห็นไง...ไม่ดีใจเหรอ?” คำพูดนั้นอาจดูไม่มีอะไรแอบแฝง แต่สามารถกระตุกหัวใจหญิงสาวให้อ่อนไหวได้ไม่ยาก
“ฮิโรกิคุง...น่ารักจัง” มิยาบิชมตรงๆอย่างไม่ปิดบัง ทำให้แก้มขาวๆของชายหนุ่มแดงระเรื่อเล็กน้อยก่อนที่เขาจะตอบว่า
“เพราะเธอน่ารักก่อน...ฉันไม่เคยเจอแฟนเพลงคนไหนบ๊องได้เท่านี้เลยนะ ผ้านั่นน่ะเอาออกซะเถอะ...เกิดมือเน่าไปค่ายเพลงเธอจะมาว่าฉันได้...ฮ่าๆๆ” พูดจบเขาก็หัวเราะอีกรอบ จนหญิงสาวเริ่มเปลี่ยนจากอึ้งเป็นงอนนิดๆ
“ไม่เอาหรอก...เรื่องอะไร นี่มันเป็นสมบัติล้ำค่าของฉันเลยนะ!” เธอปฏิเสธ ทำให้ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้าแล้วพูดว่า
“ถ้าเธอต้องการฉันจะเขียนให้ทุกวันเลยและเอาให้ทั่วตัวเลยดีมั้ย?”
“บ้า...ไม่เอา... ( ซะที่ไหนล่ะ...เริ่มเลยดีมั้ยคะ? )” มิยาบิตอบ เป็นจังหวะที่พนักงานเสิร์ฟยกถาดอาหารและเครื่องดื่มมาบริการพอดี
จากนั้นเธอกับเขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อและเปลี่ยนไปคุยเรื่องงานของแต่ละฝ่าย มิยาบิอดมองชายหนุ่มตรงหน้าเป็นพักๆไม่ได้ เธอเคยคิดมาตลอดว่าเขาเป็นเจ้าชายแสนเย็นชาไม่เอาใจใครแต่ทำไมถึงได้แอบซ่อนลุคส์สดใสน่ารักๆแบบนี้เอาไว้นะ...
แม้อยากให้เวลาในตอนนี้หยุดเดินแต่ก็ไม่อาจทำได้ เมื่อนาฬิกาบ่งบอกเวลาห้าทุ่มกว่าฮิโรกิก็เช็คบิลค่าอาหารทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวทำให้หญิงสาวยิ่งทวีความปลาบปลื้ม ก่อนจะพากันเดินลงจากชั้นสองไปยังหน้าร้านเพื่อเตรียมกลับบ้าน
“วันนี้ขอบคุณมากเลยนะคะ” นักร้องสาวเอ่ยบอกฮิโรกิที่ยืนอยู่หน้าร้าน X-O
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็ต้องขอบคุณเธอเหมือนกันที่ทำให้ฉัน...” ฮิโรกิยังไม่ทันพูดจบ
วาบบบบบบบบบบ!!!
แสงแฟลชมากมายจากกล้องหลายสิบตัวของนักข่าวก็พุ่งเข้ามาจนคนทั้งคู่ต้องยกมือปิดบังใบหน้าบางส่วนเอาไว้เพราะแสบตา และไม่ถึงห้าวินาทีพวกนั้นก็รายล้อมรอบสองซูเปอร์สตาร์ต่างค่ายเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“คุณมิยาบิกับคุณฮิโรกิ เป็นคู่แข่งแล้วทำไมถึงได้มาพบกันในที่แบบนี้สองต่อสองล่ะคะ?”
( “สองต่อสองบ้านพวกแกเซ่...คนอยู่กันเต็มร้าน” จาก มิยาบิ )
“คุณฮิโรกิมีความสัมพันธ์กับคุณมิยาบิอย่างไรคะ?”
( “เป็นสามีภรรยากันมั้งยะ! < ก็อยากอยู่นะ...หุหุ” จาก มิยาบิ )
“คุณฮิโรกิรู้สึกอย่างไรกับการตกเป็นข่าวครั้งแรกกับผู้หญิงครับ?”
( “แล้วปกติเขาตกเป็นข่าวกับผู้ชายหรือไงยะ!” จาก มิยาบิ )
“คุณมิยาบินอกใจคุณทาเครุหรือครับ?”
( “หยาบคายที่สุด...ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับไอ้บ้านั่นนะเฟ้ย!” จาก มิยาบิ )
คำถามมากมายประดังประเดเข้ามาจนนักร้องสาวถึงกับอึ้ง นัยน์ตากลมโตพร่ามัวไปด้วยแสงแฟลช รู้สึกมึนงงแทบจับต้นชนปลายกับคำถามเหล่านั้นไม่ได้ ถ้าตอบพลาดแม้แต่คำเดียวต้องมีปัญหากับค่ายเพลงแน่นอน
“เอ่อ...”
“อ้าว...มิยาบิจัง ผมขอโทษนะที่มาช้าพอดีติดซ้อมร้องเพลงน่ะ!!!” เสียงหนึ่งเรียกความสนใจจากฝูงมหาชนและเหยี่ยวข่าวได้เป็นอย่างดี มิยาบิเหลียวมองทาเครุคู่หูดูโอที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางร่าเริง
“ทาเครุ” นักร้องสาวอุทานเบาๆ ก่อนที่เขาจะเข้ามาประชิดตัวเธอแล้วเอื้อมมือโอบไหล่บางเอาไว้
“เอ๊ะ...นี่รักสามเศร้าหรือคะเนี่ย?” นักข่าวสาวคนหนึ่งเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ครับพี่ เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว...พอดีว่าผมกับมิยาบิจังนัดดินเนอร์กันที่นี่ แต่ผมติดงานก็เลยมาช้า” ทาเครุพยายามอธิบาย
“เอ๊ะ...ทำไมถึงมาดินเนอร์กันที่นี่ล่ะคะ รู้มาก่อนหรือเปล่าว่าคุณฮิโรกิก็มักมาทานอาหารที่ร้านนี้เป็นประจำ”
“เขามาทานบ่อยแล้วไงล่ะครับ...ผมกับมิยาบิจังก็มีสิทธิ์ที่จะมาเป็นลูกค้าที่นี่เหมือนกัน” นักร้องหนุ่มดูโอพยายามอธิบายเหตุผลด้วยสีหน้านิ่งเฉยไม่ให้ผิดสังเกต
“แต่พวกคุณเป็นคู่แข่ง การออกมาพูดคุยพบปะแบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอครับ?” นักข่าวชายอีกคนเอ่ยถามบ้าง
“คือพวกเราเป็นคู่แข่งกันแค่เรื่องงานนะครับ ชีวิตจริงก็ต้องรู้จักคบหาเพื่อนต่างค่ายกันบ้างจะมาแบ่งแยกกันได้ยังไง...จริงมั้ยฮิโรกิ?” ทาเครุหันไปถามชายหนุ่มที่ตีหน้าขรึมในตอนนี้
“ครับ!” ฮิโรกิตอบสั้นๆ
“เรื่องก็มีเท่านี้ เอาล่ะ...ผมขอพามิยาบิจังกลับก่อนนะครับ” พูดจบทาเครุก็โอบไหล่นักร้องสาวเดินออกไปแต่ไม่วายหันมองฮิโรกิที่ยืนเบื้องหลังแล้วยิ้มเย้ยหยันนิดๆให้ ขณะที่ผู้โดนหยามก็ได้แต่ยักไหล่เล็กน้อยแล้วเดินแยกออกไปอีกทางเช่นกัน
“นี่...ปล่อยได้แล้ว!!!”
เมื่อถึงลานจอดรถซึ่งปลอดคน มิยาบิก็สะบัดมือของชายหนุ่มออกอย่างแรงแล้วปัดบริเวณที่เขาจับโดนอย่างรังเกียจ
“อะไร...เธอนี่ไม่มีความกตัญญูเลย คนเขาอุตส่าห์ตามมาช่วยนะ!”
“ใครขอร้อง!” มิยาบิสวนอย่างรำคาญพลางจะเข้ารถ
“ทำเป็นปากเก่งตอนนี้ เมื่อสักครู่เห็นหน้าซีดเป็นกระดาษ...เฮอะ!” เขากัดแขวะจนเธอต้องเหลียวค้อน ก่อนหนีเข้ารถแล้วขับออกไป ทิ้งให้ชายหนุ่มอดถอนหายใจแรงๆอย่างเซ็งๆไม่ได้
“เฮอะ...ถึงไม่ขอร้องฉันก็ต้องช่วยเธออยู่ดีนั่นล่ะ!” ทาเครุพึมพำพลางเข้าไปในรถแล้วขับออกไปเช่นกันโดยหวังว่าพรุ่งนี้จะไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรอีก...
ความคิดเห็น