คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 : ปริศนาในสวนกุหลาบ
ตอนที่ 3 : ปริศนาในสวนกุหลาบ
และแล้วไอยะก็ไม่ได้กลับมาที่ห้องจนกระทั่งวันรุ่งขึ้น
ทำให้มิยูกิยิ่งรู้สึกไม่ค่อยสบายใจมากกว่าเดิมเพราะเป็นห่วงเพื่อนสาวอย่างบอกไม่ถูก
ครั้นจะโทรศัพท์ไปตามตัวก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ทันได้ขอแลกเบอร์ฯกันไว้ อีกทั้งฮิคารุซึ่งสนิทกับไอยะมากกว่าใครยังพบว่าเธอวางโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ที่หัวเตียงด้วย...
“ไอยะหายไปไหนกันแน่เนี่ย...”
มิยูกิพึมพำขึ้นมาขณะแต่งตัวเพื่อไปเรียน สายตาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเตียงว่างเปล่าไร้เงาเจ้าของตั้งแต่เมื่อคืน
“นั่นน่ะสิ...ตอนแรกก็แค่คิดว่าออกไปเข้าห้องน้ำ
แต่นี่ดันหายไปทั้งคืน ฉันก็ชักรู้สึกใจไม่ค่อยดีเหมือนกันแล้วนะเนี่ยเป็นห่วงยังไงไม่รู้”
เรนะสนับสนุนตามความรู้สึกพลางแต่งหน้าทำผมไปด้วย พลัน...เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเบาๆทำเอาหญิงสาวทั้งสองหันควับไปมองทันที
“ใครน่ะ...ไอยะเหรอ?” ทั้งคู่ถามโดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่เสียงหนึ่งจะตอบกลับมา
“เปล่า ฉันเอง...ฮิคารุ”
“โธ่...นึกว่าใคร” สองสาวถอนหายใจพร้อมกันอีกครั้ง
“พวกเธอแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จกันหรือยัง”
ฮิคารุถามจากหน้าห้อง
“เสร็จแล้ว...” ทันทีที่มิยูกิตอบฮิคารุก็เปิดประตูเข้ามา เรนะหน้านิ่วคิ้วขมวดมองพฤติกรรมของรูมเมทสาวอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ทำไมเธอต้องไปแต่งตัวแต่งหน้าในห้องน้ำด้วยล่ะ
ไม่เห็นจะต้องอายพวกเราเลย...ผู้หญิงด้วยกันแท้ๆ”
“ฉันไม่มีอะไรให้ต้องอายพวกเธอหรอก
เพียงแต่...ไม่อยากใช้เวลาส่วนตัวร่วมกับคนอื่นก็เท่านั้น!” ฮิคารุเหยียดริมฝีปากเล็กๆใส่เรนะ
แล้วเชิ่ดหน้าคว้ากระเป๋าสะพายพลางหันควับออกจากห้องไป
“ฮิคารุนี่ดูเป็นคนแปลกๆยังไงไม่รู้นะ”
มิยูกิเอ่ยพึมพำ
“ฮึ่ย...ฉันล่ะเกลียดยัยนี่จริงๆ
เมื่อคืนก็ทีหนึ่งแล้วพูดจาไม่เข้าหูฉันเสียเลย” เรนะโวยวายเสียงดังลั่นห้องด้วยความไม่พอใจ
สีหน้าขุ่นเคืองของเพื่อนสาวทำให้มิยูกิอดกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของรูมเมทแต่ละคนไม่ได้
ก่อนต้องงุนงงเมื่อใบหน้าหม่นๆของเรนะนั้นแปรเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“มิยูกิ...เดี๋ยวไปดูรายชื่อสมาชิกที่หน้าห้องคณะกรรมการนักเรียนกันดีกว่า
อ๊ายยย...ฉันมั่นใจมากๆว่าพวกเราต้องติดหนึ่งในนั้นแน่ๆ” เรนะวี้ดว้ายด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม
“โหย...ฉันเกือบลืมแล้วนะเนี่ย
แต่เธอมั่นใจเกินไปหรือเปล่า ว่า...พวกเราจะต้องติดหนึ่งในรายชื่อสมาชิก”
“ไม่หรอก...เท่าที่ฉันสังเกตและตามสืบ
พวกผู้หญิงส่วนใหญ่มักตอบว่า อยากใกล้ชิดรุ่นพี่โชเฮกับรุ่นพี่กาเอล ถ้าฉันเป็นคนรับสมัครคงไม่เอาพวกไร้ความคิดแบบนั้นเข้ามาร่วมทำงานด้วยหรอก”
“แหม...ไปว่าแต่เขา
เธอเองก็เข้าไปเพราะจุดประสงค์เดียวกัน แต่ตอบเป็นการเป็นงานเท่านั้นเอง...ฉลาดมากกกก”
หญิงสาวแขวะเรนะจนเธอถึงกับหัวเราะร่วนเมื่อโดนจับได้ พลางลากมิยูกิออกจากห้องพักแล้วมุ่งตรงสู่ห้องคณะกรรมการนักเรียนอย่างรวดเร็ว
เสียงจ็อกแจ๊กจอแจของสาวๆดังไปทั่วระเบียงอาคารเพราะต่างคนต่างมาลุ้นกับผลประกาศว่าใครจะได้เป็นสมาชิกในคณะกรรมการนักเรียน
สองสาวเมื่อมาถึงก็พยายามฝ่าวงล้อมเข้าไปยังกระดานข่าวหน้าห้องซึ่งติดใบรายชื่อสมาชิกที่สามารถเข้าได้เพียงยี่สิบคน
ซึ่งสองคนในจำนวนนั้นก็คือ...
“กรี๊ดดด...เห็นมั้ยมิยูกิ มีชื่อฉันกับเธอจริงๆด้วย”
เรนะส่งเสียงดีใจ ขณะที่มิยูกิดูชื่อตัวเองบนกระดานข่าวอย่างปลงๆกับชีวิต
ก็แน่ล่ะ...สมควรจะติดอยู่ ถ้าสาวๆคนอื่นตอบเหตุผลไร้สาระอย่างที่เรนะว่าจริงๆ...
“โธ่...ทำไมถึงไม่มีชื่อฉันนะ
รุ่นพี่กาเอลไม่รู้หรือไงเนี่ย ว่า...ฉันชอบเขามากขนาดไหน”
“นั่นสิ...ฉันเองก็ชอบรุ่นพี่โชเฮมากแท้ๆ”
ผู้หญิงบางคนเริ่มโวยวายอย่างหงุดหงิด ก่อนประตูห้องคณะกรรมการนักเรียนจะถูกเปิดออก
“เงียบๆหน่อยครับทุกคน...”
กาเอลยกมือปรามกลุ่มนกกระจอกแตกรังที่ส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณ ทุกคนสงบเงียบยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
“พวกเราต้องขอโทษน้องๆบางคนที่ไม่สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการนักเรียนได้นะครับ
ตามที่พวกเราเคยบอกไปแล้วว่าไม่สามารถรับได้ทุกคน แต่ยังไงก็ขอขอบคุณมากๆที่ทุกคนให้ความสนอกสนใจ
ส่วนคนที่มีรายชื่อได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการนักเรียนให้เข้ามาในห้องได้เลยครับ”
กาเอลเปิดประตูกว้างแล้วเชื้อเชิญผู้ที่มีรายชื่อบนกระดานข่าวให้เข้าไป
ขณะนี้ในห้องคณะกรรมการนักเรียนเต็มไปด้วยนักเรียนหญิงที่กำลังนั่งฟังการอบรมเรื่องกฎกติกามรรยาทต่างๆภายในโรงเรียนจากโชเฮที่ยืนอยู่หน้าห้อง
มิยูกิมองดูทุกคนที่มีสีหน้าสดใสนั่งอยู่รอบตัวด้วยความรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก เมื่อคิดถึงไอยะที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนจวบจนรุ่งเช้า
ความกังวลก็ผุดขึ้นในใจราวกับดอกเห็ดอีกทั้งภาพกุหลาบสีแดงนั้นยังคงติดตาไม่หาย ความฟุ้งซ่านเลยถาโถมจนหญิงสาวไม่อาจตั้งใจฟังสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังพูดเลยแม้แต่นิดเดียว
“นี่เธอ!!!” โครม!!! มิยูกิสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิดเมื่อได้ยินเสียงตวาดของโชเฮพร้อมเสียงโต๊ะที่ถูกทุบดังลั่นห้อง
“เอ๊ะ...?” เธออุทานขึ้นอย่างงุนงง
“เธอนั่นแหละ...ตั้งใจฟังที่ฉันพูดหน่อยได้มั้ย
คิดจะเข้ามาเป็นคณะกรรมการนักเรียนจริงหรือเปล่าเนี่ย...หรือถ้าแค่คิดว่าอยากเข้ามาเพราะชื่นชมพวกเราก็ออกไปเลย!!!”
หญิงสาวรู้สึกฉุนกึกขึ้นมาทันทีเมื่อโดนโชเฮตวาดใส่เช่นนั้นเลยโต้เถียงกลับไป
“นี่...มันจะไม่แรงไปหน่อยเหรอ อย่าคิดเองเออเองได้มั้ยว่าผู้หญิงทุกคนจะต้องหลงใหลนาย
ถ้าฉันจะเข้ามาเป็นคณะกรรมการนักเรียน ก็เพราะฉันต้องการฝึกฝนตัวเองให้มีความรับผิดชอบมากขึ้นก็เท่านั้น”
มิยูกิหัวเสียสุดๆ
ให้ตายเถอะ...คนอะไรไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ยังหลงตัวเองอีก และดูเหมือนคำพูดนั้นจะทำให้ชายหนุ่มฉุนไม่ต่างกัน
“เฮอะ...ฝึกฝนให้มีความรับผิดชอบงั้นเหรอ
มิน่าล่ะ...ตอนนี้เธอยังรับผิดชอบต่อตัวเองไม่ได้เลย ไม่รู้จักมรรยาทในการฟังหรือไง”
“รู้!!! แต่คนเราก็ต้องมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างสิ
ถ้าเพื่อนของนายหายตัวไปทั้งคืนจะไม่รู้สึกเป็นห่วงเป็นกังวลอะไรเลยเหรอ”
“มิยูกิใจเย็นๆ
เอ่อ...ขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะคะรุ่นพี่โชเฮ รุ่นพี่กาเอล คือเมื่อคืนรูมเมทพวกเราหายออกไปจากห้องหนึ่งคนจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย
มิยูกิคงกังวลจนเกินไปน่ะค่ะ...” เรนะพยายามไกล่เกลี่ย
โชเฮถอนหายใจเมื่อฟังคำบอกเล่าจากพวกเธอพลางหันหน้าบ่ายไปทางอื่น กาเอลเลยเดินเข้ามาหามิยูกิที่ทำหน้าบึ้งตึงพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เพื่อนของน้องหายออกไปจากห้องเมื่อคืนนี้เหรอ?”
“ค่ะ...” หญิงสาวตอบสั้นๆกลับไปด้วยคำสุภาพ
เพราะอย่างน้อยรุ่นพี่กาเอลก็ไม่เหมือนอีตารุ่นพี่โชเฮ ดูเป็นคนมีอัธยาศัยดีกว่ามากเลยทีเดียว
“เอ่อ...เขาอาจมีธุระเร่งด่วนล่ะมั้ง
น้องไม่ต้องคิดมากไปหรอกนะ” กาเอลพยายามปลอบเธอ
“แต่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอคะ มีธุระสำคัญแต่ไม่เอาอะไรติดตัวไปเลยแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ”
กาเอลทำสีหน้าครุ่นคิดสักพักก็ตอบกลับไป
“เอาแบบนี้ละกัน...เดี๋ยวพี่พาน้องไปถามอาจารย์ดีกว่า
เผื่อจะพอได้เบาะแสอะไรบ้าง เอ่อ...โชเฮ
นายอธิบายกฎกติกามรรยาทต่างๆให้รุ่นน้องทุกคนฟังต่อได้เลย” มิยูกิยอมเดินตามกาเอลออกไปโดยดีแต่ก็ยังไม่วายหันไปค้อนแขวะใส่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องจนเขาส่งเสียงจิจ๊ะในลำคอ
ทว่า...ก่อนจะเกิดศึกอีกรอบกาเอลก็พาเธอออกไปได้ทันท่วงที
“เอ่อ...พี่ต้องขอโทษน้องด้วยนะครับ
โชเฮมันก็เป็นคนแบบนี้ อารมณ์ร้อน วู่วามไปหน่อย” กาเอลพยายามอธิบายแทนเพื่อนชายระหว่างเดินไปตามระเบียงทางเดิน
“ค่ะ” เธอตอบสั้นๆพยายามระงับอารมณ์ขุ่นเคืองที่ยังคุกรุ่น
“เอ่อ...น้องชื่อมิยูกิใช่มั้ยครับ
พอดีพี่จำตอนรับสมัครเมื่อวานนี้ได้น่ะ น้องตอบคำถามได้ดีทีเดียวนะ” กาเอลชื่นชมเธอจากใจจริง
“ใช่ค่ะ เอ่อ...จริงๆฉันก็ไม่ได้ตั้งใจมาสมัครเป็นคณะกรรมการนักเรียนหรอกนะคะ
แค่ตามเพื่อนมาเท่านั้นเอง”
“แม้จะตามเพื่อนมา แต่คำตอบของมิยูกินั้นฟังดูเป็นคนมีความคิดและแสดงให้เห็นถึงความเป็นตัวเองออกมาชัดเจน
พี่ชอบนะ...” หญิงสาวรู้สึกใจเต้นเล็กๆเมื่อได้ฟังคำพูดสุดท้ายพร้อมรอยยิ้มหวานที่เขามักแสดงให้เห็นอยู่บ่อยๆ
จนเธออดชื่นชมไม่ได้ว่ารุ่นพี่กาเอลเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีจริงๆต่างจากอีตารุ่นพี่โชเฮอะไรนั่นโดยสิ้นเชิง
“มิยูกิอยู่หอชั้นอะไรครับ?”
“เอ่อ...ชั้นห้าค่ะ”
“อืมมม...อาจารย์ที่คุมหอชั้นนั้น...ก็...อาจารย์จูริ...”
“อ๋อ...เธอเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันด้วยล่ะค่ะ”
หญิงสาวเอ่ย ก่อนทั้งคู่จะหยุดตรงหน้าห้องพักอาจารย์ ก็อกๆๆ...ชายหนุ่มเคาะประตูห้องเบาๆเป็นเชิงขออนุญาตแล้วเปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องนั้นมีอาจารย์ผู้ชายและผู้หญิงสี่คนกำลังทำงานต่างๆที่โต๊ะแต่ละตัว หนึ่งในนั้นก็มีอาจารย์จูริอยู่ด้วย
“สวัสดีครับอาจารย์จูริ”
“อ้าว...สวัสดีจ้ากาเอล
มีธุระอะไรเหรอ ถึงได้มาหาถึงที่นี่?” อาจารย์สาวทักทายอย่างเป็นกันเอง
“คือน้องคนนี้เธอมีเรื่องปรึกษาน่ะครับ
เอ้า...เล่าให้อาจารย์ฟังสิมิยูกิ” ชายหนุ่มเปิดโอกาสให้หญิงสาวได้อธิบายเรื่องราวต่างๆ
เธอเลยเล่าเหตุการณ์ที่รูมเมทหายออกไปตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงรุ่งเช้าให้อาจารย์สาวฟังโดยละเอียด
“เอ๊ะ...รูมเมทที่หายไปเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักๆใช่มั้ย?”
อาจารย์จูริถามกลับมา...
“เอ่อ...ใช่ค่ะ...”
“อ๋อ...ถ้าเป็นเด็กคนนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ
พอดีเมื่อคืนทางบ้านเธอโทรมาตามตัวเพราะมีเรื่องด่วน ทางโรงเรียนเลยส่งตัวกลับบ้านไป”
“อ๋อ...เหรอคะ ขอบคุณมากๆค่ะอาจารย์”
มิยูกิโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกก่อนโค้งศีรษะให้ แล้วเดินตามกาเอลออกไปจากห้องพักอาจารย์
เขายิ้มนิดๆแล้วเอ่ยถาม
“เป็นยังไงมิยูกิ
สบายใจขึ้นแล้วใช่มั้ย?”
“ค่ะ...ขอบคุณรุ่นพี่กาเอลมากๆเลยค่ะ”
เธอโค้งศีรษะให้ชายหนุ่ม
“ไม่เป็นไรหรอก
อ๊ะ...นี่จะเริ่มคาบต่อไปแล้ว เธอกลับไปที่ห้องเรียนเลยละกันเพราะเดี๋ยวอีกสักครู่เพื่อนๆก็คงจะตามไป”
“ค่ะ...” หญิงสาวตอบรับชายหนุ่ม
ความรู้สึกกังวลทั้งหลายทั้งปวงหายไปเกือบหมด แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอีกเรื่องที่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง
นั่นคือ...กุหลาบในสวนที่กลายเป็นสีแดง มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่เธอยังคงติดค้างในใจแม้มันจะไม่มากมายก็ตาม
“งั้นเหรอ...อาจารย์จูริบอกว่าไอยะโดนทางบ้านเรียกตัวกลับไปเพราะมีธุระด่วน”
ฮิคารุเอ่ยเมื่อฟังคำบอกเล่าจากมิยูกิและเรนะในตอนเย็นหลังเลิกเรียน
เพราะพวกเธอไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับหญิงสาวผู้นี้ในเวลาปกติเลย เนื่องจากนั่งอยู่หลังห้องแถมยังหาตัวจับยากในเวลาพักเที่ยง
เลยรอเล่าให้ฟังเมื่อกลับมาถึงห้องพักแล้วนั่นเอง
“ใช่...พวกเราก็อุตส่าห์เป็นห่วงแทบตาย...”
เรนะบ่นพึมพำ
“อืม...ฉันโล่งอกมากๆเลย
นึกว่าเธอจะได้รับอันตรายอะไรเสียอีก แบบนี้พวกเราทุกคนก็สบายใจได้แล้วล่ะนะ”
มิยูกิเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี ทว่า...ฮิคารุกลับขมวดคิ้วเหมือนสงสัยอะไรบางอย่างแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เออจริงสิ...แล้วงานของคณะกรมการนักเรียนต้องทำอะไรบ้างเนี่ย”
มิยูกิหันไปถามเรนะเพราะเพิ่งคิดได้ว่าไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่โชเฮพูดเลยแม้แต่น้อย
อีกทั้งยังออกไปพบอาจารย์จูริจนเกือบหมดคาบ
“อ๋อ...ก็ไม่มีอะไรมากหรอก
หลักๆก็แค่ดูแลความประพฤตินักเรียนทั้งหมด เห็นใครผิดกฎต้องตักเตือน ถ้าเกินสามครั้งให้พาตัวไปส่งอาจารย์ฝ่ายปกครอง
แล้วก็เรื่องเครื่องประดับเหมือนที่อาจารย์จูริพูดเปี้ยบเลย ห้ามสวมใส่โดยเด็ดขาดถ้าเห็นให้ยึดไว้ได้ทันที
แต่ฉันล่ะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกฎเครื่องประดับเลย ต่างหูคู่เล็กๆก็ยังใส่ไม่ได้ เฮ้อ...ฉันอุตส่าห์ซื้อต่างหูกับกำไลสวยๆมาตั้งเยอะแยะเลยต้องแอบซุกไว้ในกระเป๋าซะงั้น”
มิยูกิหัวเราะเบาๆให้กับเพื่อนสาวเพราะเธอเองก็ไม่ต่างกันสักเท่าไร หลังจากนั้นพวกเธอก็ออกไปทานมื้อเย็นกันที่โรงอาหาร
อาบน้ำ และเข้าห้องพักเพื่อทำการบ้านต่างๆที่ได้รับมาก่อนเข้านอนในช่วงหัวค่ำ...
ในตอนนี้แม้ไฟในห้องพักแต่ละห้องจะเริ่มทยอยปิดเช่นเดียวกับห้องห้าศูนย์สาม
แต่มิยูกิยังคงกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับ ในความเงียบนั้นเธอได้ยินเสียงกรนเบาๆของเรนะกับฮิคารุซึ่งหลับไปแล้ว
และเสียงเข็มนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆเหมือนพยายามขับกล่อมหญิงสาวให้หลับแต่ไร้ผล จนกระทั่งเวลาเที่ยงคืน...
“เฮ้อ...” มิยูกิถอนหายใจออกมาเมื่อทำยังไงก็ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้
เธอเลยปีนบันไดลงมาแล้วเดินไปยังหน้าต่างพลางเปิดม่านมองดูวิวทิวทัศน์เช่นเมื่อคืน
หวนคิดถึงภาพความทรงจำ...ทำไมกันนะเธอถึงได้เห็นกุหลาบสีขาวในสวนกลายเป็นสีแดงได้ หรือจะตาฝาดจริงๆ
หญิงสาวทอดสายตาไปไกลก็พบโบสถ์เก่าตั้งอยู่ลิบๆในสวนกุหลาบ
มันรับแสงจันทร์สลัวจนดูน่าเกรงขามในความมืด ซึ่งไม่แปลกอะไรเพราะที่นี่เป็นโรงเรียนคริสต์
แต่ที่อดสงสัยไม่ได้คือ โรงเรียนนี้ไม่มีสัญลักษณ์ใดที่สื่อถึงความเป็นบุตรของพระเยซูเลยแม้แต่นิดเดียวนอกเสียจากโบสถ์เก่าหลังนั้น
ซวบบบ!!!
เสียงหนึ่งดังขัดความคิด ต้นเสียงเป็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดนอนกระโปรงยาวสีขาว กำลังเดินอยู่ตรงพื้นหญ้าเบื้องล่างค่อยๆก้าวเท้าช้าๆไปทางสวนกุหลาบก่อนหายเข้าไปด้านใน
หญิงสาวสงสัยขึ้นมาว่าเธอคนนั้นเข้าไปทำอะไรในสวนกุหลาบยามนี้ ทั้งที่หลังเที่ยงคืนเป็นเวลาต้องห้ามแท้ๆ
“นี่เรนะ...ฮิคา...” มิยูกิยั้งคำพูดเอาไว้ได้ทัน เพราะเมื่อคืนเธอก็ปลุกทั้งคู่ให้ตื่นกลางดึก
ถ้าครั้งนี้ปลุกอีกคงไม่เหมาะแน่ๆถ้าสิ่งที่เห็นมันเป็นเพียงภาพลวงตาเหมือนครั้งก่อน
แต่เธอก็ไม่อยากเก็บความสงสัยเหล่านี้ไว้ให้ฟุ้งซ่านอีก เลยค่อยๆแอบย่องออกไปนอกห้องเพราะไม่ต้องการให้ใครตื่นหรือให้ใครรู้ว่ากำลังทำผิดกฎนั่นเอง
หญิงสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทางระเบียงที่ทอดยาว
สายตาก็มองรอบกายเพราะกลัวเจอใครมาพบเจอเข้า ไม่นานนักสวนกุหลาบสีขาวก็ปรากฎอยู่ตรงหน้าเธอ
มิยูกิพยายามมองหาทางที่ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปจากตำแหน่งหน้าต่างห้องพักของตัวเอง
ก็พบช่องเล็กๆที่ถูกแหวกเลยรีบมุดตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว....
กุหลาบยามค่ำคืนส่งกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
ความหอมหวนอบอวนจนกลายเป็นความฉุน มือหนึ่งพยายามแหวกกิ่งก้านที่มีหนามแหลมให้พ้นตัว
อีกมือก็ใช้ไฟฉายที่หยิบติดมาส่องดูทาง ในขณะที่สายตาก็เหลือบมองหาบุคคลที่แอบเข้ามาก่อนหน้าไปด้วย
แม้แสงจันทร์วันนี้จะไม่สว่างเท่าเมื่อวานแต่ก็พอทำให้มองเห็นบางสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ในความมืด
ซวบบบ...เสียงนั้นดังไม่ห่างจากตัวเธอมากนัก มิยูกิหันควับพบกับเงาดำๆที่ห่างออกไป
สองเท้าก้าวช้าๆเข้าไปใกล้ ในตอนนั้นเองกุหลาบรอบตัวก็ค่อยๆเปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีแดงต่อหน้าต่อตา
แต่ภาพนั้นก็ยังไม่น่าตกใจไปมากกว่า...รุ่นพี่โชเฮกำลังกอดกับผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าของเขาซุกไซร้ลำคอของเธอเหมือนกำลังกระทำเรื่องอนาจาร
ทว่า...ทันทีที่เขาถอนศีรษะขึ้นมาเขี้ยวสีขาววาววับก็ปรากฎเด่นชัดพร้อมเลือดสีแดงสดไหลรินจากปาก
ร่างบางในอ้อมแขนของชายหนุ่มถูกย้อมด้วยโลหิตแล้วค่อยๆทรุดลงไปที่พื้น เธอปรือตาน้อยๆหายใจรวยรินแผ่วเบา
โชเฮปาดคราบเลือดที่เปื้อนเปรอะคางออกไปก่อนหยิบหมุดไม้แหลมขึ้นมาแล้วแสยะยิ้ม
“เจ็บหน่อยนะ” น้ำเสียงเย็นยะเยือกนั้นชวนหนาวไปถึงสันหลัง ชายหนุ่มในร่างมัจจุราชเงื้อมือสูงแล้วทิ่มหมุดลงไปสุดแรงจนทะลุหัวใจผู้หญิงคนนั้น
เธอผงะด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วแน่นิ่งไปในทันที นี่มันอะไรกัน!!! มิยูกิตกใจกลัวกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าพลางก้าวเท้าถอยห่าง
แต่ดูเหมือนจะทำให้เขาได้ยิน...
“ใครน่ะ...?” โชเฮหันควับมาทางเธอ นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่เคยเห็นบัดนี้มันกลายเป็นสีดำสนิทและไร้แวว
“กรี๊ดดดดดดดดดด!!!” เธอหันหลังวิ่งหนีแล้วกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวสุดขีด หนามแหลมของกุหลาบเกี่ยวตามเนื้อตัวหญิงสาวจนเกิดรอยแผลมากมายแต่เธอไม่สนใจอะไรอีกแล้ว...ขอเพียงแค่ออกไปให้พ้นจากที่นี่เท่านั้น!
เสียงฝีเท้าที่ดังตามหลังมาทำให้มิยูกิยิ่งสาวเท้าให้เร็วขึ้น กุหลาบสีแดงรอบตัวค่อยๆเปลี่ยนกลับกลายเป็นสีขาวดั่งเดิม
นี่มันอะไร...มันเกิดอะไรขึ้น รุ่นพี่โชเฮคนนั้นเป็นแวมไพร์งั้นเหรอ...!!! โครมมม!!!
หญิงสาววิ่งชนใครบางคนจนซวนเซจะล้มลงแต่เขาก็รั้งมือเธอเอาไว้ได้
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?” กาเอลถาม
“รุ่นพี่กาเอล ฉะ...ฉันเห็นกุหลาบมันกลายเป็นสีแดง
ฉันเห็นรุ่นพี่โชเฮกำลังดูดเลือดผู้หญิงแล้วเขาก็ฆ่าเธอด้วย
รุ่นพี่โชเฮเป็นแวมไพร์ เรารีบหนีออกไปจากที่นี่เถอะ...” หญิงสาวลนลานมองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดกลัวพลางจะฉุดมือกาเอลให้วิ่งหนี
แต่เขากลับดึงมือเธอเอาไว้แล้วเอ่ยว่า...
“อย่ากลัวไปเลย...ที่กุหลาบกลายเป็นสีแดงก็เพราะเกิดจากแวมไพร์ดูดเลือดคนยังไงล่ะ
พวกมันบริสุทธิ์จึงรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือดแล้วตอบสนองออกมา” กาเอลตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“รุ่นพี่กาเอลคะอย่าเพิ่งพูดเลย รีบหนีออกไปจากที่นี่ดีกว่า
ถ้ารุ่นพี่โชเฮตามมาทันพวกเราจะแย่นะคะ”
“ไม่ต้องรีบหรอกมิยูกิ
จนบัดนี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
“เอ๊ะ...?” หญิงสาวอุทานด้วยความแปลกใจ เขาจับมือเธอที่โดนหนามเกี่ยวขึ้นมาแล้วบรรจงจูบลงไปใช้ลิ้นเลียเลือดบนบาดแผลนั้น
พลัน...มันก็ค่อยๆจางหายไปพร้อมรอยยิ้มที่ริมฝีปากของกาเอล
“แวมไพร์ย่อมไม่กลัวแวมไพร์ด้วยกัน”
เขี้ยวสีขาวปรากฏเด่นชัดตรงหน้า
“กรี๊ดดดดดดดดดด!!!” มิยูกิกรีดร้องเสียงดังพลางสะบัดมือเขาทิ้งแล้ววิ่งหนีออกไป ให้ตายเถอะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
ในขณะนี้รอบๆตัวของหญิงสาวล้วนแต่น่าหวาดกลัวเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างสามารถคืบคลานเข้ามาทำร้ายเธอได้
มิยูกิวิ่งหนีขึ้นบันไดเพื่อจะกลับเข้าห้องพัก ทว่า...ร่างกาเอลที่ปรากฏต่อหน้าทำให้เธอต้องหยุดชะงัก
เขาดักรอตรงบันไดทางขึ้นชั้นห้าแล้วค่อยๆก้าวเข้ามาหาอย่างช้าๆ...
“นี่คือสาเหตุที่โรงเรียนออกกฎว่าห้ามออกจากห้องหลังเที่ยงคืน
เพราะไม่ต้องการให้มีนักเรียนคนไหนได้รับอันตรายและเห็นภาพเหล่านี้”
“ระ...รุ่นพี่กาเอล...จะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นแอบออกมาก็เลยต้องโดนดูดเลือดงั้นเหรอ
แล้วรุ่นพี่กาเอลจะดูดเลือดฉันงั้นเหรอ” มิยูกิถอยห่างด้วยความกลัวจนหลังติดผนัง
“เปล่า...ฉันไม่คิดทำอะไรเธอ เอาเถอะ...ไม่รู้จะปกปิดทำไมในเมื่อเธอรู้ความจริงแล้ว
การที่ผู้หญิงเหล่านั้นโดนดูดเลือดไม่ใช่เพราะพวกเธอแอบออกมาอย่างเดียวหรอก แต่เพราะโดนเรียกตัวออกไปด้วย
เอ่อ...มิยูกิเธออย่ากลัวฉันเลยนะ ฉันไม่คิดทำอะไรเธอจริงๆ” กาเอลเดินเข้าไปประชิดตัวหญิงสาว
เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีทางหนีก็จับมือบางที่สั่นระริกเอาไว้
“ฉันไม่เคยดูดเลือดใคร...ถ้าเปรียบเหมือนมนุษย์ก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี
แม้ฉันกับโชเฮจะเป็นแวมไพร์เหมือนกัน แต่ฉันดูดกลิ่นไอจากกุหลาบเป็นอาหาร ในขณะที่โชเฮดูดเลือดมนุษย์เป็นอาหาร
ฉะนั้น....เธอไม่จำเป็นต้องกลัวฉันหรอกมิยูกิ” น้ำเสียงอ่อนโยนของกาเอลทำให้มิยูกิผ่อนคลายความกลัวลงได้บ้างแต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด...
“ละ...แล้วที่รุ่นพี่กาเอลพูดเมื่อสักครู่...’ผู้หญิงเหล่านั้น’...แสดงว่าผู้หญิงคนเมื่อสักครู่ไม่ใช่แค่คนเดียวใช่มั้ยที่โดนรุ่นพี่โชเฮดูดเลือด”
มิยูกิถามกลับไปแม้ในใจจะหวาดกลัว
“ใช่...นี่ไม่ใช่แค่ครั้งแรกหรอก”
คำตอบนั้นทำให้สมองของหญิงสาวเริ่มมึนงง ถ้าสิ่งที่รุ่นพี่กาเอลพูดเป็นความจริง
เรื่องกุหลาบสีขาวกลายเป็นสีแดงเพราะได้รับกลิ่นคาวเลือด จะเป็นไปได้มั้ยว่า...ภาพเมื่อคืนที่เธอเห็นจะเป็นเพราะ...
“เอ่อ...และฉันต้องขอโทษเธอด้วยที่ไม่ได้บอกความจริงเพราะกลัวไม่มีใครเชื่อ
เพื่อนของเธอโดนโชเฮดูดเลือดไปเมื่อคืน และเธอคนนั้นคงไม่สามารถกลับมาได้แล้วเพราะศพน่าจะถูกฝังอยู่ใต้สวนกุหลาบแห่งนั้น”
หญิงสาวทรุดลงไปนั่งที่พื้นด้วยความสับสนไปหมด นี่มันอะไร...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...ทำไม...ทำไมเธอถึงต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้
ต้องมาพบเจอการฆาตกรรมซึ่งเกิดจากบุคคลที่ไม่ควรมีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงงั้นเหรอ
นี่เองสินะ...ปริศนาในสวนกุหลาบ...ทำไมกุหลาบถึงเป็นสีแดง ที่แท้แค่การใช้คำพูดให้โก้หรูเพื่อดึงดูดคนมาเป็นเหยื่อเท่านั้นเอง...
ความคิดเห็น