ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bloody-Rose ปริศนาหัวใจ เจ้าชายแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 : ปริศนาในสวนกุหลาบ

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 60


    ตอนที่ 3 : ปริศนาในสวนกุหลาบ

             และแล้วไอยะก็ไม่ได้กลับมาที่ห้องจนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ทำให้มิยูกิยิ่งรู้สึกไม่ค่อยสบายใจมากกว่าเดิมเพราะเป็นห่วงเพื่อนสาวอย่างบอกไม่ถูก ครั้นจะโทรศัพท์ไปตามตัวก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ทันได้ขอแลกเบอร์ฯกันไว้ อีกทั้งฮิคารุซึ่งสนิทกับไอยะมากกว่าใครยังพบว่าเธอวางโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ที่หัวเตียงด้วย...
             “ไอยะหายไปไหนกันแน่เนี่ย...มิยูกิพึมพำขึ้นมาขณะแต่งตัวเพื่อไปเรียน สายตาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเตียงว่างเปล่าไร้เงาเจ้าของตั้งแต่เมื่อคืน
             “นั่นน่ะสิ...ตอนแรกก็แค่คิดว่าออกไปเข้าห้องน้ำ แต่นี่ดันหายไปทั้งคืน ฉันก็ชักรู้สึกใจไม่ค่อยดีเหมือนกันแล้วนะเนี่ยเป็นห่วงยังไงไม่รู้เรนะสนับสนุนตามความรู้สึกพลางแต่งหน้าทำผมไปด้วย พลัน...เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเบาๆทำเอาหญิงสาวทั้งสองหันควับไปมองทันที
             “ใครน่ะ...ไอยะเหรอ?” ทั้งคู่ถามโดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่เสียงหนึ่งจะตอบกลับมา
             “เปล่า ฉันเอง...ฮิคารุ
             “โธ่...นึกว่าใครสองสาวถอนหายใจพร้อมกันอีกครั้ง
             “พวกเธอแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จกันหรือยังฮิคารุถามจากหน้าห้อง
             “เสร็จแล้ว...ทันทีที่มิยูกิตอบฮิคารุก็เปิดประตูเข้ามา เรนะหน้านิ่วคิ้วขมวดมองพฤติกรรมของรูมเมทสาวอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
             “ทำไมเธอต้องไปแต่งตัวแต่งหน้าในห้องน้ำด้วยล่ะ ไม่เห็นจะต้องอายพวกเราเลย...ผู้หญิงด้วยกันแท้ๆ
             “ฉันไม่มีอะไรให้ต้องอายพวกเธอหรอก เพียงแต่...ไม่อยากใช้เวลาส่วนตัวร่วมกับคนอื่นก็เท่านั้น!ฮิคารุเหยียดริมฝีปากเล็กๆใส่เรนะ แล้วเชิ่ดหน้าคว้ากระเป๋าสะพายพลางหันควับออกจากห้องไป
             “ฮิคารุนี่ดูเป็นคนแปลกๆยังไงไม่รู้นะมิยูกิเอ่ยพึมพำ
             “ฮึ่ย...ฉันล่ะเกลียดยัยนี่จริงๆ เมื่อคืนก็ทีหนึ่งแล้วพูดจาไม่เข้าหูฉันเสียเลยเรนะโวยวายเสียงดังลั่นห้องด้วยความไม่พอใจ สีหน้าขุ่นเคืองของเพื่อนสาวทำให้มิยูกิอดกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของรูมเมทแต่ละคนไม่ได้ ก่อนต้องงุนงงเมื่อใบหน้าหม่นๆของเรนะนั้นแปรเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
             “มิยูกิ...เดี๋ยวไปดูรายชื่อสมาชิกที่หน้าห้องคณะกรรมการนักเรียนกันดีกว่า อ๊ายยย...ฉันมั่นใจมากๆว่าพวกเราต้องติดหนึ่งในนั้นแน่ๆเรนะวี้ดว้ายด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม
             “โหย...ฉันเกือบลืมแล้วนะเนี่ย แต่เธอมั่นใจเกินไปหรือเปล่า ว่า...พวกเราจะต้องติดหนึ่งในรายชื่อสมาชิก
             “ไม่หรอก...เท่าที่ฉันสังเกตและตามสืบ พวกผู้หญิงส่วนใหญ่มักตอบว่า อยากใกล้ชิดรุ่นพี่โชเฮกับรุ่นพี่กาเอล ถ้าฉันเป็นคนรับสมัครคงไม่เอาพวกไร้ความคิดแบบนั้นเข้ามาร่วมทำงานด้วยหรอก
             “แหม...ไปว่าแต่เขา เธอเองก็เข้าไปเพราะจุดประสงค์เดียวกัน แต่ตอบเป็นการเป็นงานเท่านั้นเอง...ฉลาดมากกกกหญิงสาวแขวะเรนะจนเธอถึงกับหัวเราะร่วนเมื่อโดนจับได้ พลางลากมิยูกิออกจากห้องพักแล้วมุ่งตรงสู่ห้องคณะกรรมการนักเรียนอย่างรวดเร็ว
             เสียงจ็อกแจ๊กจอแจของสาวๆดังไปทั่วระเบียงอาคารเพราะต่างคนต่างมาลุ้นกับผลประกาศว่าใครจะได้เป็นสมาชิกในคณะกรรมการนักเรียน สองสาวเมื่อมาถึงก็พยายามฝ่าวงล้อมเข้าไปยังกระดานข่าวหน้าห้องซึ่งติดใบรายชื่อสมาชิกที่สามารถเข้าได้เพียงยี่สิบคน ซึ่งสองคนในจำนวนนั้นก็คือ...
             “กรี๊ดดด...เห็นมั้ยมิยูกิ มีชื่อฉันกับเธอจริงๆด้วยเรนะส่งเสียงดีใจ ขณะที่มิยูกิดูชื่อตัวเองบนกระดานข่าวอย่างปลงๆกับชีวิต ก็แน่ล่ะ...สมควรจะติดอยู่ ถ้าสาวๆคนอื่นตอบเหตุผลไร้สาระอย่างที่เรนะว่าจริงๆ...
             “โธ่...ทำไมถึงไม่มีชื่อฉันนะ รุ่นพี่กาเอลไม่รู้หรือไงเนี่ย ว่า...ฉันชอบเขามากขนาดไหน
             “นั่นสิ...ฉันเองก็ชอบรุ่นพี่โชเฮมากแท้ๆผู้หญิงบางคนเริ่มโวยวายอย่างหงุดหงิด ก่อนประตูห้องคณะกรรมการนักเรียนจะถูกเปิดออก
             “เงียบๆหน่อยครับทุกคน...กาเอลยกมือปรามกลุ่มนกกระจอกแตกรังที่ส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณ ทุกคนสงบเงียบยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
             “พวกเราต้องขอโทษน้องๆบางคนที่ไม่สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการนักเรียนได้นะครับ ตามที่พวกเราเคยบอกไปแล้วว่าไม่สามารถรับได้ทุกคน แต่ยังไงก็ขอขอบคุณมากๆที่ทุกคนให้ความสนอกสนใจ ส่วนคนที่มีรายชื่อได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการนักเรียนให้เข้ามาในห้องได้เลยครับกาเอลเปิดประตูกว้างแล้วเชื้อเชิญผู้ที่มีรายชื่อบนกระดานข่าวให้เข้าไป
             ขณะนี้ในห้องคณะกรรมการนักเรียนเต็มไปด้วยนักเรียนหญิงที่กำลังนั่งฟังการอบรมเรื่องกฎกติกามรรยาทต่างๆภายในโรงเรียนจากโชเฮที่ยืนอยู่หน้าห้อง มิยูกิมองดูทุกคนที่มีสีหน้าสดใสนั่งอยู่รอบตัวด้วยความรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก เมื่อคิดถึงไอยะที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนจวบจนรุ่งเช้า ความกังวลก็ผุดขึ้นในใจราวกับดอกเห็ดอีกทั้งภาพกุหลาบสีแดงนั้นยังคงติดตาไม่หาย ความฟุ้งซ่านเลยถาโถมจนหญิงสาวไม่อาจตั้งใจฟังสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังพูดเลยแม้แต่นิดเดียว
             “นี่เธอ!!!โครม!!! มิยูกิสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิดเมื่อได้ยินเสียงตวาดของโชเฮพร้อมเสียงโต๊ะที่ถูกทุบดังลั่นห้อง
             “เอ๊ะ...?” เธออุทานขึ้นอย่างงุนงง
             “เธอนั่นแหละ...ตั้งใจฟังที่ฉันพูดหน่อยได้มั้ย คิดจะเข้ามาเป็นคณะกรรมการนักเรียนจริงหรือเปล่าเนี่ย...หรือถ้าแค่คิดว่าอยากเข้ามาเพราะชื่นชมพวกเราก็ออกไปเลย!!!หญิงสาวรู้สึกฉุนกึกขึ้นมาทันทีเมื่อโดนโชเฮตวาดใส่เช่นนั้นเลยโต้เถียงกลับไป
             “นี่...มันจะไม่แรงไปหน่อยเหรอ อย่าคิดเองเออเองได้มั้ยว่าผู้หญิงทุกคนจะต้องหลงใหลนาย ถ้าฉันจะเข้ามาเป็นคณะกรรมการนักเรียน ก็เพราะฉันต้องการฝึกฝนตัวเองให้มีความรับผิดชอบมากขึ้นก็เท่านั้นมิยูกิหัวเสียสุดๆ ให้ตายเถอะ...คนอะไรไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ยังหลงตัวเองอีก และดูเหมือนคำพูดนั้นจะทำให้ชายหนุ่มฉุนไม่ต่างกัน
             “เฮอะ...ฝึกฝนให้มีความรับผิดชอบงั้นเหรอ มิน่าล่ะ...ตอนนี้เธอยังรับผิดชอบต่อตัวเองไม่ได้เลย ไม่รู้จักมรรยาทในการฟังหรือไง
             “รู้!!! แต่คนเราก็ต้องมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างสิ ถ้าเพื่อนของนายหายตัวไปทั้งคืนจะไม่รู้สึกเป็นห่วงเป็นกังวลอะไรเลยเหรอ
             “มิยูกิใจเย็นๆ เอ่อ...ขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะคะรุ่นพี่โชเฮ รุ่นพี่กาเอล คือเมื่อคืนรูมเมทพวกเราหายออกไปจากห้องหนึ่งคนจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย มิยูกิคงกังวลจนเกินไปน่ะค่ะ...เรนะพยายามไกล่เกลี่ย  โชเฮถอนหายใจเมื่อฟังคำบอกเล่าจากพวกเธอพลางหันหน้าบ่ายไปทางอื่น กาเอลเลยเดินเข้ามาหามิยูกิที่ทำหน้าบึ้งตึงพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
             “เพื่อนของน้องหายออกไปจากห้องเมื่อคืนนี้เหรอ?”
             “ค่ะ...หญิงสาวตอบสั้นๆกลับไปด้วยคำสุภาพ เพราะอย่างน้อยรุ่นพี่กาเอลก็ไม่เหมือนอีตารุ่นพี่โชเฮ ดูเป็นคนมีอัธยาศัยดีกว่ามากเลยทีเดียว
             “เอ่อ...เขาอาจมีธุระเร่งด่วนล่ะมั้ง น้องไม่ต้องคิดมากไปหรอกนะกาเอลพยายามปลอบเธอ
             “แต่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอคะ มีธุระสำคัญแต่ไม่เอาอะไรติดตัวไปเลยแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือกาเอลทำสีหน้าครุ่นคิดสักพักก็ตอบกลับไป
             “เอาแบบนี้ละกัน...เดี๋ยวพี่พาน้องไปถามอาจารย์ดีกว่า เผื่อจะพอได้เบาะแสอะไรบ้าง เอ่อ...โชเฮ นายอธิบายกฎกติกามรรยาทต่างๆให้รุ่นน้องทุกคนฟังต่อได้เลยมิยูกิยอมเดินตามกาเอลออกไปโดยดีแต่ก็ยังไม่วายหันไปค้อนแขวะใส่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องจนเขาส่งเสียงจิจ๊ะในลำคอ ทว่า...ก่อนจะเกิดศึกอีกรอบกาเอลก็พาเธอออกไปได้ทันท่วงที
             “เอ่อ...พี่ต้องขอโทษน้องด้วยนะครับ โชเฮมันก็เป็นคนแบบนี้ อารมณ์ร้อน วู่วามไปหน่อยกาเอลพยายามอธิบายแทนเพื่อนชายระหว่างเดินไปตามระเบียงทางเดิน
             “ค่ะเธอตอบสั้นๆพยายามระงับอารมณ์ขุ่นเคืองที่ยังคุกรุ่น
             “เอ่อ...น้องชื่อมิยูกิใช่มั้ยครับ พอดีพี่จำตอนรับสมัครเมื่อวานนี้ได้น่ะ น้องตอบคำถามได้ดีทีเดียวนะกาเอลชื่นชมเธอจากใจจริง
             “ใช่ค่ะ เอ่อ...จริงๆฉันก็ไม่ได้ตั้งใจมาสมัครเป็นคณะกรรมการนักเรียนหรอกนะคะ แค่ตามเพื่อนมาเท่านั้นเอง
             “แม้จะตามเพื่อนมา แต่คำตอบของมิยูกินั้นฟังดูเป็นคนมีความคิดและแสดงให้เห็นถึงความเป็นตัวเองออกมาชัดเจน พี่ชอบนะ...”  หญิงสาวรู้สึกใจเต้นเล็กๆเมื่อได้ฟังคำพูดสุดท้ายพร้อมรอยยิ้มหวานที่เขามักแสดงให้เห็นอยู่บ่อยๆ จนเธออดชื่นชมไม่ได้ว่ารุ่นพี่กาเอลเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีจริงๆต่างจากอีตารุ่นพี่โชเฮอะไรนั่นโดยสิ้นเชิง
             “มิยูกิอยู่หอชั้นอะไรครับ?”
             “เอ่อ...ชั้นห้าค่ะ
             “อืมมม...อาจารย์ที่คุมหอชั้นนั้น...ก็...อาจารย์จูริ...
             “อ๋อ...เธอเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันด้วยล่ะค่ะหญิงสาวเอ่ย ก่อนทั้งคู่จะหยุดตรงหน้าห้องพักอาจารย์ ก็อกๆๆ...ชายหนุ่มเคาะประตูห้องเบาๆเป็นเชิงขออนุญาตแล้วเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องนั้นมีอาจารย์ผู้ชายและผู้หญิงสี่คนกำลังทำงานต่างๆที่โต๊ะแต่ละตัว หนึ่งในนั้นก็มีอาจารย์จูริอยู่ด้วย
             “สวัสดีครับอาจารย์จูริ
             “อ้าว...สวัสดีจ้ากาเอล มีธุระอะไรเหรอ ถึงได้มาหาถึงที่นี่?” อาจารย์สาวทักทายอย่างเป็นกันเอง
             “คือน้องคนนี้เธอมีเรื่องปรึกษาน่ะครับ เอ้า...เล่าให้อาจารย์ฟังสิมิยูกิชายหนุ่มเปิดโอกาสให้หญิงสาวได้อธิบายเรื่องราวต่างๆ เธอเลยเล่าเหตุการณ์ที่รูมเมทหายออกไปตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงรุ่งเช้าให้อาจารย์สาวฟังโดยละเอียด
             “เอ๊ะ...รูมเมทที่หายไปเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักๆใช่มั้ย?” อาจารย์จูริถามกลับมา...
             “เอ่อ...ใช่ค่ะ...
             “อ๋อ...ถ้าเป็นเด็กคนนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ พอดีเมื่อคืนทางบ้านเธอโทรมาตามตัวเพราะมีเรื่องด่วน ทางโรงเรียนเลยส่งตัวกลับบ้านไป
             “อ๋อ...เหรอคะ ขอบคุณมากๆค่ะอาจารย์มิยูกิโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกก่อนโค้งศีรษะให้ แล้วเดินตามกาเอลออกไปจากห้องพักอาจารย์ เขายิ้มนิดๆแล้วเอ่ยถาม
             “เป็นยังไงมิยูกิ สบายใจขึ้นแล้วใช่มั้ย?”
             “ค่ะ...ขอบคุณรุ่นพี่กาเอลมากๆเลยค่ะเธอโค้งศีรษะให้ชายหนุ่ม
             “ไม่เป็นไรหรอก อ๊ะ...นี่จะเริ่มคาบต่อไปแล้ว เธอกลับไปที่ห้องเรียนเลยละกันเพราะเดี๋ยวอีกสักครู่เพื่อนๆก็คงจะตามไป
             “ค่ะ...หญิงสาวตอบรับชายหนุ่ม ความรู้สึกกังวลทั้งหลายทั้งปวงหายไปเกือบหมด แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอีกเรื่องที่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง นั่นคือ...กุหลาบในสวนที่กลายเป็นสีแดง มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่เธอยังคงติดค้างในใจแม้มันจะไม่มากมายก็ตาม

             “งั้นเหรอ...อาจารย์จูริบอกว่าไอยะโดนทางบ้านเรียกตัวกลับไปเพราะมีธุระด่วนฮิคารุเอ่ยเมื่อฟังคำบอกเล่าจากมิยูกิและเรนะในตอนเย็นหลังเลิกเรียน เพราะพวกเธอไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับหญิงสาวผู้นี้ในเวลาปกติเลย เนื่องจากนั่งอยู่หลังห้องแถมยังหาตัวจับยากในเวลาพักเที่ยง เลยรอเล่าให้ฟังเมื่อกลับมาถึงห้องพักแล้วนั่นเอง
             “ใช่...พวกเราก็อุตส่าห์เป็นห่วงแทบตาย...เรนะบ่นพึมพำ
             “อืม...ฉันโล่งอกมากๆเลย นึกว่าเธอจะได้รับอันตรายอะไรเสียอีก แบบนี้พวกเราทุกคนก็สบายใจได้แล้วล่ะนะมิยูกิเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี ทว่า...ฮิคารุกลับขมวดคิ้วเหมือนสงสัยอะไรบางอย่างแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
             “เออจริงสิ...แล้วงานของคณะกรมการนักเรียนต้องทำอะไรบ้างเนี่ยมิยูกิหันไปถามเรนะเพราะเพิ่งคิดได้ว่าไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่โชเฮพูดเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังออกไปพบอาจารย์จูริจนเกือบหมดคาบ
             “อ๋อ...ก็ไม่มีอะไรมากหรอก หลักๆก็แค่ดูแลความประพฤตินักเรียนทั้งหมด เห็นใครผิดกฎต้องตักเตือน ถ้าเกินสามครั้งให้พาตัวไปส่งอาจารย์ฝ่ายปกครอง แล้วก็เรื่องเครื่องประดับเหมือนที่อาจารย์จูริพูดเปี้ยบเลย ห้ามสวมใส่โดยเด็ดขาดถ้าเห็นให้ยึดไว้ได้ทันที แต่ฉันล่ะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกฎเครื่องประดับเลย ต่างหูคู่เล็กๆก็ยังใส่ไม่ได้ เฮ้อ...ฉันอุตส่าห์ซื้อต่างหูกับกำไลสวยๆมาตั้งเยอะแยะเลยต้องแอบซุกไว้ในกระเป๋าซะงั้นมิยูกิหัวเราะเบาๆให้กับเพื่อนสาวเพราะเธอเองก็ไม่ต่างกันสักเท่าไร หลังจากนั้นพวกเธอก็ออกไปทานมื้อเย็นกันที่โรงอาหาร อาบน้ำ และเข้าห้องพักเพื่อทำการบ้านต่างๆที่ได้รับมาก่อนเข้านอนในช่วงหัวค่ำ...
             ในตอนนี้แม้ไฟในห้องพักแต่ละห้องจะเริ่มทยอยปิดเช่นเดียวกับห้องห้าศูนย์สาม แต่มิยูกิยังคงกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับ ในความเงียบนั้นเธอได้ยินเสียงกรนเบาๆของเรนะกับฮิคารุซึ่งหลับไปแล้ว และเสียงเข็มนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆเหมือนพยายามขับกล่อมหญิงสาวให้หลับแต่ไร้ผล จนกระทั่งเวลาเที่ยงคืน...
             “เฮ้อ...มิยูกิถอนหายใจออกมาเมื่อทำยังไงก็ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ เธอเลยปีนบันไดลงมาแล้วเดินไปยังหน้าต่างพลางเปิดม่านมองดูวิวทิวทัศน์เช่นเมื่อคืน หวนคิดถึงภาพความทรงจำ...ทำไมกันนะเธอถึงได้เห็นกุหลาบสีขาวในสวนกลายเป็นสีแดงได้ หรือจะตาฝาดจริงๆ
             หญิงสาวทอดสายตาไปไกลก็พบโบสถ์เก่าตั้งอยู่ลิบๆในสวนกุหลาบ มันรับแสงจันทร์สลัวจนดูน่าเกรงขามในความมืด ซึ่งไม่แปลกอะไรเพราะที่นี่เป็นโรงเรียนคริสต์ แต่ที่อดสงสัยไม่ได้คือ โรงเรียนนี้ไม่มีสัญลักษณ์ใดที่สื่อถึงความเป็นบุตรของพระเยซูเลยแม้แต่นิดเดียวนอกเสียจากโบสถ์เก่าหลังนั้น
             ซวบบบ!!! เสียงหนึ่งดังขัดความคิด ต้นเสียงเป็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดนอนกระโปรงยาวสีขาว กำลังเดินอยู่ตรงพื้นหญ้าเบื้องล่างค่อยๆก้าวเท้าช้าๆไปทางสวนกุหลาบก่อนหายเข้าไปด้านใน หญิงสาวสงสัยขึ้นมาว่าเธอคนนั้นเข้าไปทำอะไรในสวนกุหลาบยามนี้ ทั้งที่หลังเที่ยงคืนเป็นเวลาต้องห้ามแท้ๆ
             “นี่เรนะ...ฮิคา...มิยูกิยั้งคำพูดเอาไว้ได้ทัน เพราะเมื่อคืนเธอก็ปลุกทั้งคู่ให้ตื่นกลางดึก ถ้าครั้งนี้ปลุกอีกคงไม่เหมาะแน่ๆถ้าสิ่งที่เห็นมันเป็นเพียงภาพลวงตาเหมือนครั้งก่อน แต่เธอก็ไม่อยากเก็บความสงสัยเหล่านี้ไว้ให้ฟุ้งซ่านอีก เลยค่อยๆแอบย่องออกไปนอกห้องเพราะไม่ต้องการให้ใครตื่นหรือให้ใครรู้ว่ากำลังทำผิดกฎนั่นเอง
             หญิงสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทางระเบียงที่ทอดยาว สายตาก็มองรอบกายเพราะกลัวเจอใครมาพบเจอเข้า ไม่นานนักสวนกุหลาบสีขาวก็ปรากฎอยู่ตรงหน้าเธอ มิยูกิพยายามมองหาทางที่ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปจากตำแหน่งหน้าต่างห้องพักของตัวเอง ก็พบช่องเล็กๆที่ถูกแหวกเลยรีบมุดตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว....
             กุหลาบยามค่ำคืนส่งกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ความหอมหวนอบอวนจนกลายเป็นความฉุน มือหนึ่งพยายามแหวกกิ่งก้านที่มีหนามแหลมให้พ้นตัว อีกมือก็ใช้ไฟฉายที่หยิบติดมาส่องดูทาง ในขณะที่สายตาก็เหลือบมองหาบุคคลที่แอบเข้ามาก่อนหน้าไปด้วย
             แม้แสงจันทร์วันนี้จะไม่สว่างเท่าเมื่อวานแต่ก็พอทำให้มองเห็นบางสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ในความมืด ซวบบบ...เสียงนั้นดังไม่ห่างจากตัวเธอมากนัก มิยูกิหันควับพบกับเงาดำๆที่ห่างออกไป สองเท้าก้าวช้าๆเข้าไปใกล้ ในตอนนั้นเองกุหลาบรอบตัวก็ค่อยๆเปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีแดงต่อหน้าต่อตา แต่ภาพนั้นก็ยังไม่น่าตกใจไปมากกว่า...รุ่นพี่โชเฮกำลังกอดกับผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าของเขาซุกไซร้ลำคอของเธอเหมือนกำลังกระทำเรื่องอนาจาร ทว่า...ทันทีที่เขาถอนศีรษะขึ้นมาเขี้ยวสีขาววาววับก็ปรากฎเด่นชัดพร้อมเลือดสีแดงสดไหลรินจากปาก ร่างบางในอ้อมแขนของชายหนุ่มถูกย้อมด้วยโลหิตแล้วค่อยๆทรุดลงไปที่พื้น เธอปรือตาน้อยๆหายใจรวยรินแผ่วเบา โชเฮปาดคราบเลือดที่เปื้อนเปรอะคางออกไปก่อนหยิบหมุดไม้แหลมขึ้นมาแล้วแสยะยิ้ม
             “เจ็บหน่อยนะน้ำเสียงเย็นยะเยือกนั้นชวนหนาวไปถึงสันหลัง ชายหนุ่มในร่างมัจจุราชเงื้อมือสูงแล้วทิ่มหมุดลงไปสุดแรงจนทะลุหัวใจผู้หญิงคนนั้น เธอผงะด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วแน่นิ่งไปในทันที นี่มันอะไรกัน!!! มิยูกิตกใจกลัวกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าพลางก้าวเท้าถอยห่าง แต่ดูเหมือนจะทำให้เขาได้ยิน...
             “ใครน่ะ...?” โชเฮหันควับมาทางเธอ นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่เคยเห็นบัดนี้มันกลายเป็นสีดำสนิทและไร้แวว
             “กรี๊ดดดดดดดดดด!!!เธอหันหลังวิ่งหนีแล้วกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวสุดขีด หนามแหลมของกุหลาบเกี่ยวตามเนื้อตัวหญิงสาวจนเกิดรอยแผลมากมายแต่เธอไม่สนใจอะไรอีกแล้ว...ขอเพียงแค่ออกไปให้พ้นจากที่นี่เท่านั้น! เสียงฝีเท้าที่ดังตามหลังมาทำให้มิยูกิยิ่งสาวเท้าให้เร็วขึ้น กุหลาบสีแดงรอบตัวค่อยๆเปลี่ยนกลับกลายเป็นสีขาวดั่งเดิม นี่มันอะไร...มันเกิดอะไรขึ้น รุ่นพี่โชเฮคนนั้นเป็นแวมไพร์งั้นเหรอ...!!! โครมมม!!! หญิงสาววิ่งชนใครบางคนจนซวนเซจะล้มลงแต่เขาก็รั้งมือเธอเอาไว้ได้
             “ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?” กาเอลถาม
             “รุ่นพี่กาเอล ฉะ...ฉันเห็นกุหลาบมันกลายเป็นสีแดง ฉันเห็นรุ่นพี่โชเฮกำลังดูดเลือดผู้หญิงแล้วเขาก็ฆ่าเธอด้วย รุ่นพี่โชเฮเป็นแวมไพร์ เรารีบหนีออกไปจากที่นี่เถอะ...หญิงสาวลนลานมองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดกลัวพลางจะฉุดมือกาเอลให้วิ่งหนี แต่เขากลับดึงมือเธอเอาไว้แล้วเอ่ยว่า...
             “อย่ากลัวไปเลย...ที่กุหลาบกลายเป็นสีแดงก็เพราะเกิดจากแวมไพร์ดูดเลือดคนยังไงล่ะ พวกมันบริสุทธิ์จึงรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือดแล้วตอบสนองออกมากาเอลตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
             “รุ่นพี่กาเอลคะอย่าเพิ่งพูดเลย รีบหนีออกไปจากที่นี่ดีกว่า ถ้ารุ่นพี่โชเฮตามมาทันพวกเราจะแย่นะคะ
             “ไม่ต้องรีบหรอกมิยูกิ จนบัดนี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ
             “เอ๊ะ...?” หญิงสาวอุทานด้วยความแปลกใจ เขาจับมือเธอที่โดนหนามเกี่ยวขึ้นมาแล้วบรรจงจูบลงไปใช้ลิ้นเลียเลือดบนบาดแผลนั้น พลัน...มันก็ค่อยๆจางหายไปพร้อมรอยยิ้มที่ริมฝีปากของกาเอล
             แวมไพร์ย่อมไม่กลัวแวมไพร์ด้วยกัน เขี้ยวสีขาวปรากฏเด่นชัดตรงหน้า
             “กรี๊ดดดดดดดดดด!!!มิยูกิกรีดร้องเสียงดังพลางสะบัดมือเขาทิ้งแล้ววิ่งหนีออกไป ให้ตายเถอะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ในขณะนี้รอบๆตัวของหญิงสาวล้วนแต่น่าหวาดกลัวเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างสามารถคืบคลานเข้ามาทำร้ายเธอได้ มิยูกิวิ่งหนีขึ้นบันไดเพื่อจะกลับเข้าห้องพัก ทว่า...ร่างกาเอลที่ปรากฏต่อหน้าทำให้เธอต้องหยุดชะงัก เขาดักรอตรงบันไดทางขึ้นชั้นห้าแล้วค่อยๆก้าวเข้ามาหาอย่างช้าๆ...
             “นี่คือสาเหตุที่โรงเรียนออกกฎว่าห้ามออกจากห้องหลังเที่ยงคืน เพราะไม่ต้องการให้มีนักเรียนคนไหนได้รับอันตรายและเห็นภาพเหล่านี้
             “ระ...รุ่นพี่กาเอล...จะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นแอบออกมาก็เลยต้องโดนดูดเลือดงั้นเหรอ แล้วรุ่นพี่กาเอลจะดูดเลือดฉันงั้นเหรอมิยูกิถอยห่างด้วยความกลัวจนหลังติดผนัง
             “เปล่า...ฉันไม่คิดทำอะไรเธอ เอาเถอะ...ไม่รู้จะปกปิดทำไมในเมื่อเธอรู้ความจริงแล้ว การที่ผู้หญิงเหล่านั้นโดนดูดเลือดไม่ใช่เพราะพวกเธอแอบออกมาอย่างเดียวหรอก แต่เพราะโดนเรียกตัวออกไปด้วย เอ่อ...มิยูกิเธออย่ากลัวฉันเลยนะ ฉันไม่คิดทำอะไรเธอจริงๆกาเอลเดินเข้าไปประชิดตัวหญิงสาว เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีทางหนีก็จับมือบางที่สั่นระริกเอาไว้
             “ฉันไม่เคยดูดเลือดใคร...ถ้าเปรียบเหมือนมนุษย์ก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี แม้ฉันกับโชเฮจะเป็นแวมไพร์เหมือนกัน แต่ฉันดูดกลิ่นไอจากกุหลาบเป็นอาหาร ในขณะที่โชเฮดูดเลือดมนุษย์เป็นอาหาร ฉะนั้น....เธอไม่จำเป็นต้องกลัวฉันหรอกมิยูกิน้ำเสียงอ่อนโยนของกาเอลทำให้มิยูกิผ่อนคลายความกลัวลงได้บ้างแต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด...
             “ละ...แล้วที่รุ่นพี่กาเอลพูดเมื่อสักครู่...ผู้หญิงเหล่านั้น’...แสดงว่าผู้หญิงคนเมื่อสักครู่ไม่ใช่แค่คนเดียวใช่มั้ยที่โดนรุ่นพี่โชเฮดูดเลือดมิยูกิถามกลับไปแม้ในใจจะหวาดกลัว
             “ใช่...นี่ไม่ใช่แค่ครั้งแรกหรอกคำตอบนั้นทำให้สมองของหญิงสาวเริ่มมึนงง ถ้าสิ่งที่รุ่นพี่กาเอลพูดเป็นความจริง เรื่องกุหลาบสีขาวกลายเป็นสีแดงเพราะได้รับกลิ่นคาวเลือด จะเป็นไปได้มั้ยว่า...ภาพเมื่อคืนที่เธอเห็นจะเป็นเพราะ...
             “เอ่อ...และฉันต้องขอโทษเธอด้วยที่ไม่ได้บอกความจริงเพราะกลัวไม่มีใครเชื่อ เพื่อนของเธอโดนโชเฮดูดเลือดไปเมื่อคืน และเธอคนนั้นคงไม่สามารถกลับมาได้แล้วเพราะศพน่าจะถูกฝังอยู่ใต้สวนกุหลาบแห่งนั้นหญิงสาวทรุดลงไปนั่งที่พื้นด้วยความสับสนไปหมด นี่มันอะไร...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...ทำไม...ทำไมเธอถึงต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ต้องมาพบเจอการฆาตกรรมซึ่งเกิดจากบุคคลที่ไม่ควรมีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงงั้นเหรอ นี่เองสินะ...ปริศนาในสวนกุหลาบ...ทำไมกุหลาบถึงเป็นสีแดง ที่แท้แค่การใช้คำพูดให้โก้หรูเพื่อดึงดูดคนมาเป็นเหยื่อเท่านั้นเอง...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×