ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Country-Girl เกี่ยวก้อยคล้องใจคุณชายไฮโซ

    ลำดับตอนที่ #3 : “แฮมเบอร์เกอร์” กับ “ข้าวจี่”

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 51


    ตอนที่ 3 : “แฮมเบอร์เกอร์” กับ “ข้าวจี่”

             “ปลิงทำไมมานอนตรงนี้ล่ะ!” นี่เป็นคำทักทายแรกของวัน ฉันงัวเงียตื่นนั่งมองก๋อมแก๋มที่ยืนงงอยู่ตรงหน้า ก่อนจะบิดขี้เกียจไปมาสองสามทีพลางปัดพรมบนพื้นที่เพิ่งนอนไปเมื่อสักครู่ ราวกับปัดฝุ่นบนฟูกนอน

             ”เตียงนอนก็มี ทำไมไม่นอนล่ะ” ก๋อมแก๋มถามขึ้นด้วยความสงสัย

             ”เตียงเธอนอนลำบาก ฉันไม่ค่อยชอบเลย พอหันซ้ายก็เด้งหันขวาก็เด้ง นอนไม่หลับกันพอดี”

             ”ก็เลยมานอนบนพื้นเนี่ยนะ...”

             ”อืม...สบายดีออก พรมเธอนุ้ม...นุ่ม” ก๋อมแก๋มกุมขมับเมื่อฟังคำตอบของฉันพลางโบกไม้โบกมือ

             ”โอเคๆ...เธอไปอาบน้ำอาบท่าแล้วแต่งตัวซะ เราจะไปทานอาหารเช้าข้างนอกกัน”

             ”จ้า~~” ฉันยิ้มหวานกำลังจะเดินลัลล้าออกไปจากตรงนั้น แต่ก๋อมแก๋มก็ดึงตัวฉันไว้แล้วเอ่ยว่า

             ”ฉันไม่ไว้ใจ” =[]=”เอ๊ะ...ทำไมล่ะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงเธอก็ลากฉันเข้าห้องน้ำทันที ภายในนั้นค่อนข้างกว้างแถมสะอาดสะอ้าน พื้นกระเบื้องสีเทาเงาวับรับกับอ่างสีดำขนาดใหญ่ถัดออกไปเป็นฝักบัวติดผนัง ทุกสิ่งทุกอย่างเข้ากันกับกระถางเฟิร์นที่ห้อยระย้าบนเพดานดูสบายตาสบายใจ

             “ที่บ้านเธออาบน้ำกันยังไง” ก๋อมแก๋มเอ่ยถามขึ้นมา

             “เอ่อ...ก็มีตุ่มใส่น้ำ...” พูดได้แค่นั้นก๋อมแก๋มก็ยกมือขึ้นมาปรามให้หยุด

             ”โอเคๆ งั้นเธอใช้ข้าวของพวกนี้เป็นหรือเปล่า” ก๋อมแก๋มชี้ไปทางเครื่องสุขภัณฑ์ต่างๆ

             ”เป็นสิ... ฝักบัวนี่ฉันเคยใช้ตอนไปบ้านเพื่อน ส่วนอ่างนี่ก็เปิดน้ำใส่ลงไปไง แหม...ฉันไม่ได้โง่นะ” ฉันทำหน้ามู่ทู้อย่างน้อยใจ ก๋อมแก๋มดูโล่งใจยังไงพิกล =_=”

             “ถ้าใช้เป็นก็ดี ฝักบัวกับอ่างมีก๊อกเหมือนกันคือก็อกหมุนสองหัว สีแดงคือน้ำร้อน สีฟ้าคือน้ำเย็น ถ้าเธอเปิดอย่างละครึ่งก็จะได้น้ำอุ่น เข้าใจแล้วใช่มั้ย”

             “เข้าใจจ้า~~~แหม...ง่ายๆแค่นี้เอง”

             “งั้นก็ดี...ขอโทษนะที่ฉันไม่ไว้ใจเธอตอนแรก” ก๋อมแก๋มยิ้มส่งให้ฉันพลางจะเดินออกไป

             ”อ๊ะ...เดี๋ยว...” ฉันเรียกเธอเอาไว้

             ”มีอะไรเหรอ”

             ”ไม่มีขันเหรอ...” ก๋อมแก๋มชักสีหน้าขึ้นมาพลางขมวดคิ้ว

             ”เธอจะเอาไปทำอะไร...”

             ”เอ้า...ก็ถ้าน้ำเต็มอ่างแล้วฉันจะอาบยังไงล่ะ จะให้ใช้มือวักเหรอถ้าไม่มีขันน่ะ” ทันทีที่พูดจบก๋อมแก๋มก็กรี๊ดๆๆ ก่อนวิ่งออกไปจากห้องน้ำ เอ่อ...ฉันพูดอะไรผิดเหรอ =_=”a สรุปแล้วฉันก็เลยต้องอาบน้ำจากฝักบัวแม้จะคาใจกับอ่างที่อยู่ข้างๆก็ตาม... คนกรุงเทพนี่แปลกดีแฮะ...

             เมื่ออาบน้ำเสร็จฉันก็ขุดคุ้ยเสื้อผ้าใหม่ๆที่เอามาออกจากกระเป๋า ก่อนนำมาสวมใส่แล้วมองกระจกอย่างภาคภูมิใจ คนมันสวยแต่งอะไรก็ดูดี หุหุ...ฉันหวีผมแล้วมัดรวบเรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ก๋อมแก๋มรอฉันอยู่ก่อนแล้วตรงโซฟา เธอใส่เสื้อกล้ามสีดำรับกับสร้อยเงินจี้ไม้กางเขนอันเล็กๆ กับ กระโปรงสีขาวสลับเทาเข้ากันอย่างลงตัว

             ”ปลิง...เธอไม่มีเสื้อผ้าอื่นเหรอ...” เอ๊ะ... =[]=” ทำไมล่ะ...นี่มันชุดใหม่แกะถุงเลยนะเนี่ย

             ”เอ่อ...มีอีก...แต่ก็คล้ายๆแบบนี้ล่ะ มันเป็นชุดใหม่ที่ฉันซื้อมาน่ะ ยังไม่เคยใส่เลยนะ ไม่สวยเหรอ...” ก๋อมแก๋มทำหน้าเบ้เหยเก ทำให้ฉันต้องก้มลงมองชุดตัวเอง

             ”เสื้อยืดลายโดนัลดั๊กส์ กับ เอี๊ยมยีนส์ขายาวเนี่ยนะ...สวย”

             ”อ้าว...เธอไม่ชอบโดนัลดั๊กส์เหรอ งั้นฉันไปเปลี่ยนเป็นลายพลูโต ไม่ก็...มิกกี้เม้าส์แทนได้นะ” ฉันเอียงคอถามอย่างใสซื่อ ( บื้อ ) ก๋อมแก๋มถอนหายใจขึ้นมาทันที

             ”ไม่เป็นไรๆ...ไปหาข้าวทานกันดีกว่า ฉันกลัวว่าทานข้าวช้าจะเป็นโรคกระเพาะแล้วยังกลัวว่าจะเครียดจนลงกระเพาะ ด้วย...ถ้าขืนยังคุยกับเธอต่อไป” เธอส่ายหน้าเบาๆแล้วเดินออกไปจากห้องทำให้ฉันต้องวิ่งตุเลงๆตามไปอย่างรวด เร็ว ทิ้งให้พรหล้า ( จะเรียกแบบนี้อะ ) เฝ้าห้องไปตัวเดียว

             เนื่องจากเช้าเกินไปห้างสรรพสินค้าเลยยังไม่เปิดนอกจากแมคโดนัลด์ที่ตั้ง อยู่ตรงชั้นล่างใกล้ประตูทางเข้า ก๋อมแก๋มเดินนำเข้าไป ฉันได้กลิ่นหอมๆทั่วทั้งร้านโชยแตะจมูกจนท้องร้องโครกครากเพราะความหิว

             ”ปลิงเคยกินแฮมเบอร์เกอร์อะไรพวกนี้ใช่มั้ย” ก๋อมแก๋มถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

             ”เคย...” ในเซเว่นฯก็มีแฮมเบอร์เกอร์ขาย...ทำไมจะไม่เคยกิน เบอร์เกอร์สเต็กไก่ล่ะของโปรดฉันเลย แต่แมคโดนัลด์นี่ไม่มีเปิดในสุพรรณฯหรอกนะ ทว่า...ฉันก็ไม่ได้บอกก๋อมแก๋มไป

             ”โอเค...งั้นเดี๋ยวฉันไปจองโต๊ะให้ก่อน เธออยากกินอะไรก็ไปสั่งละกัน  นี่เงิน...ฉันเลี้ยง...” ก๋อมแก๋มส่งธนบัตรสีแดงให้สองใบ ฉันรับพลางเดินดุ่มๆไปยังเคาน์เตอร์ พนักงานชายคนหนึ่งหันมา พระเจ้า...รูปร่าง หน้าตาดีขั้นรุนแรง ผิวขาวจั๊วะ ผมสีดำแซมด้วยสีน้ำตาล คิ้วเข้ม จมูกโด่ง โอ้ย...ฉันรู้สึกใจเต้นตึกตักนิดหน่อย

             ”รับอะไรดีครับ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มๆทุ้มๆชวนให้ใจละลาย พระเจ้า...ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเจอใครบาดใจเท่านี้เลย

             ”เอ่อ...รับอะไรดีครับ” เขาถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นฉันสติเริ่มหลุดไปไหนต่อไหน ฉันมองดูป้ายด้านหลังพลางจะเลือกอะไรอร่อยๆ เอ๊ะ...เอาอะไรดีนะ ฉันเริ่มละลานตาเมื่อเมนูนั้นมีรายชื่ออาหารมากมายเต็มไปหมดจนเลือกไม่ถูก

             ”เอ่อ...ลองเมนูอาหารเช้ามั้ยครับ อย่าง แมคเอ้ก ,ซอสเซจเอ้กเบอร์เกอร์ อะไรพวกนี้...” เขาเสนอขึ้นมาเมื่อเห็นฉันเลือกไม่ได้สักอย่าง แต่คำถามของเขามันทำให้ฉันงงกว่าเดิม แมคเอ้ก...นี่...เบอร์เกอร์ไข่...ล่ะมั้ง แล้ว ซอสเซจอะไรนั่นมันคืออะไรหว่า...

             ”เอ่อ...ซอส...เซจนี่มันคืออะไรเหรอคะ...” ฉันเอ่ยถามไปอย่างงงๆ ภาษาอังกฤษไม่เคยกระตุ้นต่อมฉลาดของฉันสักครั้ง แง...

             ”เอ่อ...ไส้กรอกน่ะครับ” เขาตอบกลับมา อ๊า...เกลียดไส้กรอกอะ TT3TT

             ”ไม่มีเบอร์เกอร์สเต็กไก่เหรอคะ” แหม...เซเว่นฯยังมีเลยนะ... เขาทำหน้าอึ้งๆก่อนเบ้ปากออกมาแล้วเอ่ยพึมพำ

             ”บ้านนอกจริง...ทำไมไม่เอาข้าวจี่ประกบกินไปก่อนฟะ”

             ”ห๊ะ...อะไรนะคะ” ฉันเอ่ยถามเพราะได้ยินไม่ค่อยชัดสักเท่าไร

             ”อ่อ...เปล่าครับ...เอ่อ...ถ้าเลือกไม่ถูก ผมขอแนะนำแมคเอ้กละกันนะครับง่ายๆดี แล้วเครื่องดื่มจะรับอะไรครับ”

             ”มีน้ำกระเจี๊ยบมั้ยคะ” กินของเลี่ยนๆก็ต้องล้างด้วยน้ำที่หวานอมเปรี้ยวนิดๆถึงจะหาย หุหุ... ฉันเห็นเขาถอนหายใจก่อนหันไปเอ่ยทางด้านหลังร้านว่า

             ”แมคเอ้กหนึ่ง โค้กหนึ่ง เอ่อ...ทั้งหมดหกสิบห้าบาทครับ”พูดจบเขาก็ดึงธนบัตรในมือฉันไปหนึ่งใบ คิดเงินเสร็จสรรพคืนเงินทอนให้พร้อมถาดแล้วเอ่ยว่า

             ”ไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลยครับ เดี๋ยวจะมีพนักงานไปเสิร์ฟให้”

             ”เอ่อ...ค่ะๆๆ” ฉันปฏิบัติตามคำสั่งอย่างโดยดีพลางเดินไปนั่งที่โต๊ะซึ่งมีก๋อมแก๋มนั่งรอ อยู่ เธอเงยหน้าจากนิตยสารที่ทางร้านมีไว้บริการแล้วเอ่ยถามฉัน

             ”สั่งอะไรไปล่ะ...”

             ”เอ่อ...แมคเอ้ก กับ โค้ก...” แต่จริงๆฉันสั่งเบอร์เกอร์สเต็กไก่กับน้ำกระเจี๊ยบนะ TT^TT ฉันคิดพลางชะเง้อคอไปทางเคาน์เตอร์พยายามมองหาสุดหล่อเมื่อสักครู่...หายไป ไหนแล้วนะ

             ”ออ...เงินเหลือเท่าไรอะปลิง เอามาสิ...เดี๋ยวฉันไปสั่งอะไรมากินบ้าง” ว้า...เขาคนนั้นอยู่ไหนนะ...ฉันยังคงชะโงกหน้าชะโงกตาหาเขาคนนั้น

             ”ปลิง!!!”

             “ห๊ะ!...มีอะไรเหรอ” ฉันอุทานอย่างตกใจ

             ”ฉันขอเงินทอนที่เหลือน่ะจะเอาไปซื้อบ้าง”

             ”ออ..นี่จ้ะ...” ฉันเลยรีบหยิบเงินส่งคืนให้ ก๋อมแก๋มชักสีหน้าฉงนขึ้นมา

             ”เธอมองหาอะไรเหรอ”

             “เอ่อ...มีพนักงานชายคนหนึ่ง หล่อมากๆเลย”

             “อ๊าย...อย่าบอกนะว่าเธอหลงใหลหนุ่มกรุงเทพฯเข้าให้แล้ว” ก๋อมแก๋มหัวเราะทำให้ฉันรู้สึกเขินอายเลยก้มหน้าก้มตามองโต๊ะเพื่อหลบเลี่ยง สายตาที่มองมาอย่างจับผิดของเพื่อนสาว

             ”ไหน...เดี๋ยวจะขอไปดูหน้าหน่อย...” พูดจบก๋อมแก๋มก็เดินออกไปจากโต๊ะทันที เป็นจังหวะกับที่มีพนักงานหญิงคนหนึ่งถือถาดใส่อาหารที่สั่งมาเสิร์ฟให้พอดี ฉันเลยรีบคว้าโค้กมาดื่มแก้อาย =//= เพียงครู่เดียวก๋อมแก๋มก็เดินกลับมายังโต๊ะพร้อมเฟรนซ์ฟรายกับน้ำเปล่า

             “ไม่เห็นมีพนักงานชายหล่อๆที่ว่าเลย เห็นแต่ชะนีเต็มไปหมด” ฉันหันควับไปมองเคาน์เตอร์อีกครั้งก่อนหันมาเอ่ยกับเธอ

             ”เอ๊ะ...มีแต่พนักงานหญิงนี่...”

             ”เอ้า...ก็ใช่ไง มีแต่พนักงานหญิง ไม่เห็นมีพนักงานชายอย่างที่เธอว่าเลย สงสัยคงเข้าหลังร้านไปแล้วแน่ๆ”

             ”เหรอ...คงงั้นมั้ง...แล้วไหนชะนีอะ” ฉันพยายามมองหาชะนีที่ว่าแต่ก็ไม่เจอ ก๋อมแก๋มถอนหายใจหยิบเฟรนซ์ฟรายเข้าปากด้วยสีหน้าเซ็งๆ =_=”a

             หลังจากที่พวกเราอิ่มจนอืดกับร้านแมคโดนัลด์ ( ดั๊กส์ ) =_=” เรียบร้อยแล้ว ก็เป็นเวลาที่ห้องสรรพสินค้าเปิดพอดี ก๋อมแก๋มเลยพาฉันตะลุยศูนย์การค้าใหญ่ แอร์เย็นฉ่ำทำให้รู้สึกสบายขึ้นเยอะเพราะอากาศในกรุงเทพฯค่อนข้างร้อน ข้าวของมากมายที่วางขายดูน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก มีเสื้อผ้าสวยๆ ของแปลกๆให้รู้สึกตื่นเต้นเต็มไปหมด

             แรกๆก็สนุกสนานดีหรอกแต่พอเดินได้สักสี่ถึงห้าชั่วโมงเท้าฉันก็เริ่มล้า เสียแล้ว ทว่า...ก๋อมแก๋มนั้นยังคงร่าเริงอยู่ ฉันอดนึกไม่ได้ว่า คนกรุงเทพฯเดินช็อปปิ้งนานๆแบบนี้จนชินหรือเปล่านะ ดูโน่นดูนี่ไปได้เรื่อยๆ พอเห็นอะไรอยากได้ก็ค่อยซื้อ ถ้าเป็นฉันคงรีบๆซื้อของที่ต้องการแล้วกลับบ้าน ถ้าจะเดินช็อปปิ้งอย่างมากก็ไม่เกินสองชั่วโมง เพราะต้องรีบกลับไปช่วยงานพ่อแม่...

             “เมื่อคืนฉันงัวเงียเล็กน้อย ขอถามเพื่อความแน่ใจหน่อย ว่า...การที่เธอเข้ามากรุงเทพฯเพราะแค่อยากใช้ชีวิตอย่างคนกรุงเทพฯ อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างแค่นั้นน่ะเหรอ” ก๋อมแก๋มเอ่ยถามขึ้นมาขณะพาฉันขึ้นบันไดเลื่อนหลังเดินวนครบรอบหนึ่งชั้น

             ”อืม...” ฉันตอบกลับไปสั้นๆ

             “แล้วอยากเปลี่ยนไปในลักษณะไหนล่ะ” ก๋อมแก๋มถามกลับมาอีกรอบ

             ”ไม่รู้สิ...” มันมีหลายแบบหรือไงไอ้การเปลี่ยนแปลงตัวเองเนี่ย =_=”

             ”เฮ้อ...” ก๋อมแก๋มถอนหายใจเบาๆ ระหว่างนั้นก็พาฉันเดินไปดูโน่นดูนี่ จนกระทั่งไปหยุดยืนอยู่ตรงแผนกเสื้อผ้าผู้ชาย ฉันมองหุ่นตัวหนึ่งสวมสูทดำทับเสื้อเชิ้ตขาวด้านใน ดูเท่ไม่หยอก มันทำให้ฉันหวนคิดถึงพนักงานชายในร้านแมคโดนัลด์คนนั้น ถ้าเขาสลัดคราบชุดพนักงานมาสวมสูทตัวนี้คงบาดตาบาดใจสาวๆมากมายแน่นอน

             ”ปลิง...เธอคงไม่ได้อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองจากหญิงกลายเป็นชายหรอกนะ...” คำพูดของก๋อมแก๋มทำให้ฉันชะงักไป

             ”เปล่า...ทำไมเหรอ”

             ”ก็ฉันเห็นเธอทำท่าเหมือนสนใจสูทตัวนี้...”

             ”ออ...ไม่มีอะไรหรอก ฉันคิดถึงพนักงานชายในร้านแมคโดนัลด์เมื่อสักครู่น่ะ ถ้าสวมสูทตัวนี้ต้องเท่สุดๆไปเลย” ฉันชื่นชมตามความคิด

             ”ผู้ชายเวลาสวมสูทมันก็ทำให้ดูดีขึ้นแทบทุกคนแหละ...”

             ”แต่ว่า...คนๆนี้เขาไม่ได้แค่ดูดีนะ แต่หล่อมากๆด้วย” ฉันยังคงชื่นชมต่อไป จนก๋อมแก๋มเริ่มชักสีหน้าฉงนเล็กน้อย

             ”โห...ฉันเริ่มอยากเห็นหน้าหมอนั้นจริงๆแล้วนะเนี่ย มันจะหล่ออะไรขนาดนั้น...” ระหว่างที่ฉันกับก๋อมแก๋มเดินชมโน่นชมนี่ต่อไป สายตาก็บังเอิญไปพบกับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังด้อมๆมองๆเนกไทหลายเส้น

             ”ก๋อมมมมมมมมม แก๋ม!!!” ฉันแหกปากเสียงดัง ดึงมือก๋อมแก๋มให้หยุดเดินโดยกะทันหัน

             ”อะไรของเธอ เรียกเสียงดังตกอกตกใจหมด”

             ”นั่นๆๆ...” ฉันชี้ไปทางแผนกเนกไทที่อยู่ถัดออกไป

             ”อะไรเหรอ”

             ”ผู้ชายคนนั้นไง คนที่ฉันบอก...หล่อ เท่ไปเลยใช่มั้ย” ก๋อมแก๋มเพ่งมองผู้ชายคนนั้นก่อนจะหัวเราะเบาๆขึ้นมา

             ”โธ่...นึกว่าใคร นั่น...ฟรังค์ เพื่อนที่เรียนพิเศษกับฉัน รู้จักกัน..เดี๋ยวแนะนำให้เอามั้ย...” หา!!!...นั่นเพื่อนก๋อมแก๋มเหรอเนี่ย ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบอะไรกลับไป เธอก็เดินฉับๆไปหาเป้าหมายที่ยังคงเลือกเนกไทเสียแล้ว...กรี๊ดดดด!!!

             “ฟรังค์...” ก๋อมแก๋มเรียกผู้ชายคนนั้น เขาหันมาก่อนยิ้มเล็กน้อยชวนให้หัวใจฉันกระตุก

             ”อ้าว...สวัสดีก๋อม” ฟรังค์เรียกชื่อเธอสั้นๆ เป็นข้อการันตีได้อย่างดีว่าคงรู้จักและสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง

             ”นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย...” ก๋อมแก๋มเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขาหัวเราะเบาๆก่อนตอบกลับมาว่า

             ”พอดีวันนี้ฉันมาทำงานพิเศษที่ร้านแมคฯตอนเช้าน่ะ แล้ววันเสาร์ที่จะถึงเป็นวันเกิดจอห์นนี่ ฉันเลยมาหาซื้อของขวัญให้มัน...”

             ”อ๋อ...” ก๋อมแก๋มพยักหน้านิดๆอย่างรับรู้

             ”แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่ละ” เขาถามกลับมาบ้าง

             ”เอ่อ...ฉันพาเพื่อนมาเดินเที่ยวน่ะ...”

             ”ไหนล่ะ...เพื่อนเธอที่ว่า...ฉันเห็นเธออยู่คนเดียวตั้งแต่แรก”

             ”เอ้า...ก็นี่...ไง...เฮ้ย!!!” ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นฉันและก๋อมแก๋มถึงร้อง เพราะฉันได้มาสิงสถิตอยู่หลังเคาน์เตอร์ตรงอีกแผนกตั้งแต่เธอเดินไปหาเขาคนนั้น

             ตอนที่เจอในแมคโดนัลด์ฉันรู้สึกทำอะไรเปิ่นๆนิดหน่อย ( แน่ใจว่าแค่นิดหน่อย? ) มิหนำซ้ำเขายังเป็นเพื่อนก๋อมแก๋มอีกด้วยแล้วใครจะกล้าออกไปเผชิญหน้า ฉันกลัวเขาจะมองฉันเป็นเด็กบ้านนอกเหมือนอย่างที่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Aloha พูด ยิ่งเมื่อเทียบกับสาวไฮโซอย่างก๋อมแก๋มฉันก็เป็นแค่สาวโลโซอย่างชัดเจน

             ”เอ่อ...งั้นฉันขอตัวไปตามหาเพื่อนก่อนนะ ไว้เจอกันตอนงานวันเกิดจอห์นนี่” ก๋อมแก๋มโบกมือบ๊ายบายให้ฟรังค์ที่เดินจากไปก่อนทำหน้าตาตื่นตามหาฉัน

             ”ปลิง...!!!” เธอร้องเรียกฉันด้วยเสียงที่ดังพอประมาณ เมื่อเป้าหมายเดินจากไปไกลพอสมควร ฉันก็โผล่พรวดออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ ก๋อมแก๋มตกใจนิดหน่อยรีบเอ่ยถามกลับมา

             ”เธอไปทำอะไรตรงหลังเคาน์เตอร์แผนกชุดชั้นในผู้ชายเนี่ย”

             ”เอ่อ...ก็ฉันเขินนี่ ไม่อยากให้เขาเห็นสภาพเชยๆของฉัน มันน่าอาย...”

             ”แล้วการที่เธอมาซุ่มตรงแผนกชุดชั้นในผู้ชายเนี่ยมันไม่น่าอายกว่าเหรอยะ” ก๋อมแก๋มถามด้วยสีหน้าเหยเก แหม...คนกำลังตกใจ จะให้ฉันวิ่งเลือกหาแผนกชุดชั้นในผู้หญิงแล้วค่อยหลบหรือไง =_=”

             “ฉันไม่เคยเจอผู้ชายถูกสเป็คขนาดนี้มาก่อนน่ะ...เลยไม่อยากให้เขาเห็นสภาพแย่ๆของฉัน”

             ”เธอสนใจฟรังค์จริงๆเหรอเนี่ย...” ก๋อมแก๋มชักสีหน้าสงสัยสุดๆ จะเรียกว่าสนใจก็คงได้ล่ะมั้ง...ฉันโตเป็นสาวแล้วนะ ก็เป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอที่จะเริ่มให้ความสนใจเพศตรงข้ามกับรักสวยรักงามมาก ขึ้น ฉันไม่ได้ตอบอะไรก๋อมแก๋มกลับไป แต่ดูเหมือนเธอฉลาดพอที่จะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของฉัน

             ”ตายล่ะ...เธอสนใจฟรังค์จริงๆใช่มั้ยเนี่ย อีตานั่นน่ะ...นัมเบอร์วันของสาวๆเลยนะ”

             ”เอ๊ะ...?” นัมเบอร์วันยังไงฟะ =_=” ไม่เห็นเข้าใจเลย

             ”ก็อีตาฟรังค์เนี่ย ทั้งหล่อและไฮโซ สาวๆมากมายจ้องจะจับ เอ้ย...จะจีบ แล้วตะครุบตัวเขาแทบทุกคน” ก๋อมแก๋มเอ่ยอ้างสรรพคุณ ราวกับมีฉลากติดตัวนายนั่น...

             ”ถ้าไฮโซขนาดนั้น ทำไมถึงต้องมาทำงานพิเศษล่ะ” ฉันคาใจเพราะคำพูดกับการกระทำนั้นต่างกัน ถ้าร่ำรวยเงินทองขนาดนั้นก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมาทำงานงกๆให้ลำบากลำบนเลยนี่ ...ก๋อมแก๋มฟังดังนั้นก็หัวเราะเบาๆ

             ”เอ้า...ฉันเคยบอกเธอไปเมื่อคืนแล้วไม่ใช่เหรอ ว่า...ชีวิตที่สุขสบายจนเกินไปก็ต้องมีบ้างที่อยากหาความแปลกและความลำบาก ใส่ตัว อีตาฟรังค์คงคิดเหมือนกัน ออ...นี่...ฉันว่าจะไปรับจ็อบเพนท์เล็บผู้คนตามห้างเล่นๆเหมือนกันนะเนี่ย อยู่ว่างๆใช้เงินเที่ยวๆกินๆนอนๆแล้วมันเบื่อๆน่ะ...” ฉันฟังก๋อมแก๋มอย่างอึ้งๆ...คนรวยในกรุงเทพฯนี่แปลกดีแฮะ =[]=”

             ฉันกลับมาถึงคอนโดหรูของก๋อมแก๋มด้วยจิตใจที่ฟุ้งซ่านสุดๆ เพราะอะไรจิตใจถึงพะว้าพะวงถึงแต่ฟรังค์ หรืออาจเป็นเพราะฉันไม่เคยเจอใครที่โดนขนาดนี้มาก่อน ทั้งรูปร่างหน้าตาและน้ำเสียงมันช่างกระตุกต่อมหื่น เอ้ย...ต่อมสาวของฉันให้แตกดังเปรี๊ยะๆจริงๆ...

             ข้าวผัดอเมริกันฝีมือก๋อมแก๋มในจานกระเบื้องสีขาวอมชมพู มีลายขอบเป็นเถาดอกไม้ดูไฮโซ้...ไฮโซ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอยากอาหารไปมากกว่าการคิดถึงเขาคนนั้น

             “ทำไมไม่ทานล่ะ...” ก๋อมแก๋มเอ่ย...คงเพราะเห็นฉันเขี่ยอาหารในจานไปมาได้ครู่ใหญ่

             “มีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้นเลยนะ...” ก๋อมแก๋มยังคงพูดต่อไป...

             “ม้าอุตส่าห์ทำสุดฝีมือนะเนี่ย....พอลล่า” พูดจบเธอก็เอื้อมมือไปลูบหัวเจ้าพุดเดิ้ลที่เมินไก่ทอดกับไส้กรอก ( ซึ่งเหลือจากการทำข้าวผัดอเมริกัน ) ในชามสังกะสี เอ้ย...สเตนเลสสลักชื่อ Polla สรุปว่า...ไม่ได้คุยกับตูสินะ...=_=”

             “เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจดังๆออกมา...หวังให้เพื่อนสาวหันมาสนใจฉันบ้าง TT^TT แล้วก็ได้ผลจริงๆ

             “อย่าทำเสียงดังตอนพอลล่าทานข้าวสิ เดี๋ยวมันไม่เจริญอาหาร” ก๋อมแก๋มหันมาเตือน เวร... =_=*** กรรมของนังปลิง ฉันจ๋อยรับประทานเขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างหดหู่เล็กๆ

             ”แล้วเธอไม่ทานข้าวหรือไง เขี่ยไปมาอยู่ได้...” ในที่สุดมันก็เริ่มสนใจตู TT^TT

             “ฉันคิดถึงฟรังค์...พูดตรงๆนะก๋อมแก๋ม ฉันไม่เคยเจอใครที่โดนใจขนาดนี้เลย...” ก๋อมแก๋มชักคิ้วขมวด เอื้อมมือที่ลูบหัวเจ้าพรหล้าเมื่อสักครู่มาแตะศีรษะฉัน =_=”

             ”ตัวก็ไม่ร้อน ไหงเธอถึงเพ้อได้ขนาดนี้เนี่ย...”

             ”เพ้อยังไงเหรอ”

             “ฉันก็บอกเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอีตานั่นน่ะนัมเบอร์วันของสาวๆ ขนาดมีผู้หญิงตามติดเป็นพรวนอีตานั่นก็ยังไม่สนใจเลย นับประสาอะไรกับผู้หญิงอย่างเธอ เอ่อ...ฉันไม่ได้ดูผิด เอ้ย...ดูถูกหรอกนะ แต่ฟรังค์เนี่ยมีสาวไฮโซ เซ็กซี่ สวย น่ารัก แอ๊บแบ้ว มากมายพลีกายใส่พานประเคนให้ถึงที่ เขาก็ยังไม่สนใจ แล้วนับประสาอะไรกับเธอ แต่งตัวเชยๆ ธรรมดาๆ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงไร้ทรง แอ๊บไม่แบ้ว คิดว่าเขาจะมองเหรอ พอเธอไปอยู่รวมกับพวกผู้หญิงเหล่านั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากดอกหญ้ากับดอกไม้นำ เข้า” ( ดูมันเปรียบ =_=” ) ใช่สิ...ถ้าเปรียบเหมือนเขาเป็นแฮมเบอร์เกอร์อาหารนอกดีๆ ฉันก็คงเป็นแค่ข้าวจี่อาหารพื้นบ้านเท่านั้น

             “ตะ...แต่...ฉันชอบเขานะ...” ฉันกล้าพูดว่าชอบเพราะอย่างน้อยก็ชอบหน้าตา ท่าทาง รูปร่าง และน้ำเสียงของเขา แม้จะยังไม่ได้สัมผัสนิสัยก็เถอะ ก๋อมแก๋มทำสีหน้าครุ่นคิดอย่าง ”หนัก”

             “ปลิง...เธอบอกว่าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองใช่มั้ย งั้นก็ลองเปลี่ยนโฉมให้ฟรังค์หลงใหลสิ ดูจากหน้าตา รูปร่างเธอแล้วเนี่ย ถ้าได้แต่งหน้าสักนิด เปลี่ยนสไตล์ทรงผมและเสื้อผ้าก็คงออกมาน่ารัก ( แต่น้อยกว่าฉัน ) เลิกใส่พวกเสื้อลายการ์ตูนดิสนีย์แล้วไปสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมดูบ้าง” เฮือกก...พูดเหมือนจะง่ายนะนั่น!

             ”ตะ...แต่ว่า ฉะ...ฉันมีเงินติดตัวไม่กี่พัน กับ ทองเส้นสองเส้น ที่พ่อให้มาเป็นสมบัติตอนสอบได้เกรดเฉลี่ยดี ( ที่สุดในชีวิต ) ฉันไม่กล้าเอามาถลุงเป็นเครื่องสำอางกับเสื้อผ้าราคาแพงหรอก ถ้าเอาไว้ประทังชีพตลอดสองเดือนที่อยู่กรุงเทพฯล่ะก็พอได้...”  ก๋อมแก๋มฟังฉันแล้วครุ่นคิดอีกครู่ใหญ่ก่อนเอ่ยบอกว่า...

             “เอางี้...ฉันเห็นว่าเธอเป็นเพื่อนทางจดหมายคนแรกที่จริงใจมาตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา ฉันจะให้เธอยืมเงินละกัน”

             ”แต่ว่าถ้าค่าใช้จ่ายมันเยอะเกินไป ฉันคงไม่มีปัญญาใช้หนี้เธออยู่ดี” ครอบครัวฉันก็ใช่ว่าจะรวยแบบครอบครัวก๋อมแก๋ม ขืนสร้างหนี้หัวโตมีหวังโดนตัดออกจากกองมรดก ( ที่ไม่ค่อยจะมี ) แน่ๆ...

             ”จริงๆฉันไม่ค่อยซีเรียสเรื่องเงินเท่าไรหรอกนะ แต่ถ้าเธอไม่สบายใจฉันมีข้อเสนอ...นั่นคือ ถ้าปลิงทำให้อีตาฟรังค์จอมเลือกมากและเรื่องมากยอมเป็นแฟนกับเธอได้ ฉันจะไม่คิดค่าใช้จ่ายทั้งหมดเลยแม่แต่น้อย แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องคืนละกัน โอเคมั้ย?” ฉันฟังข้อเสนอแล้วตรึกตรองสักพัก

             “โอเค...แต่เธอจะไม่คิดค่าใช้จ่ายทั้งหมดจริงๆใช่มั้ย ถ้าฉันได้คบกับฟรังค์” ฉันถามย้ำเพื่อความแน่ใจ แม้รู้ว่าก๋อมแก๋มจะไม่ได้เดือดร้อนเงินทองแต่ก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี

             ”ใช่...เธอไม่ต้องคิดมากไปหรอก จริงๆฉันก็แค่อยากช่วยเท่านั้น ต่อให้เธอไม่ได้คบกับฟรังค์ แต่ก็ยังได้เปลี่ยนแปลงตัวเองตามที่หวังไว้ใช่มั้ยล่ะ...”

             ”ก็ใช่...ขอบใจจ้า~” ฉันขอบอกขอบใจก๋อมแก๋มจากใจจริง...พลัน...เจ้าตัวก็ยกมือขึ้นมาปราม

             “ออ...นอกจากเปลี่ยนรูปโฉมแล้ว เธอยังต้องฝึกพูดภาษากลางให้แข็งกว่านี้”

             ”เอ๊ะ...แต่ฉันก็พูดภาษากลางอยู่นะ” ไม่ได้พูดภาษาเหนือ อีสาน หรือ ใต้สักหน่อย =_=a

             ”ยัยบ้า...ฉันหมายถึง อย่าพูดเหน่อต่างหาก เอาล่ะ...พรุ่งนี้เราจะเริ่มปฏิบัติการเปลี่ยนรูปโฉมเธอ เพราะมีเวลาแค่สามถึงสี่วันเท่านั้น...”

             ”เอ๊ะ...ทำไมถึงต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วยล่ะ” ฉันทักท้วงอย่างตกใจ

             ”เอ้า...ก็ฉันจะเปิดตัวเธอในงานวันเกิดจอห์นนี่ เพื่อนของฉันกับฟรังค์น่ะสิ ได้ข่าวว่าสาวๆจะมาเป็นร้อยคนทั้งมาหาจอห์นนี่และฟรังค์ แต่ไม่ต้องห่วงว่าเธอจะด้อยกว่าใคร ถ้าถึงมือฉันแล้วรับรองว่า...หายห่วง...” ก๋อมแก๋มพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ฉันรู้สึกกระอักกระอ่วนพิกลเมื่อรู้สึกถึงรัศมีแห่งความตั้งใจของเพื่อนสาว แต่เอาเถอะ...ขอลองดูหน่อยสิว่า เธอจะแปลงร่างข้าวจี่เป็นแฮมเบอร์เกอร์ได้หรือเปล่า!

    + + n n Ms. Valentine
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×