คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : RyuJin - RyuSei [ 3 ] [[ จินโนะ บุตรแห่งทิวา ]]
ตอนที่ 3 : RyuJin - RyuSei [ 3 ] [[ จินโนะ บุตรแห่งทิวา ]]
หมู่บ้านโมคุไซ
หมู่บ้านเล็กๆที่มีอยู่ไม่กี่หลังคาเรือน แต่ก็อยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุขมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี
หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองของมหานครคินได เมืองหลวงที่มั่งคั่งและเจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัยนั้น
..
ลำธารสายเล็กๆที่ไหลผ่านหมู่บ้านโมคุไซ เป็นที่ๆชาวบ้านนิยมใช้ทำมาหากินในบริเวณนี้กันเป็นส่วนใหญ่ ทั้งการทำไร่ทำนาหรือแม้แต่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิต จึงถือเป็นลำธารสายหลักของหมู่บ้านแห่งนี้
อีกทั้งบริเวณริมลำธารก็มักเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เพราะร่มเย็นด้วยร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ ไหนจะลมที่พัดโชยเข้ามา ทำให้รู้สึกสบายตัวอยู่ตลอดเวลา มีเสียงน้ำไหลที่ฟังแล้วชื่นฉ่ำหัวใจประสานกับเสียงใบไม้ไหวตามแรงลมที่ชวนรู้สึกผ่อนคลาย ราวกับ เรื่องต่างๆถูกสายน้ำและสายลมพัดพาให้หายไปจนหมดสิ้นนั่นเอง
พวกชาวบ้านได้ช่วยกันปลูกศาลาไม้เล็กๆไว้ที่บริเวณริมลำธารไม่ห่างจากตัวหมู่บ้านมากนัก
และศาลาไม้แห่งนี้ก็มักจะเป็นที่ๆเด็กๆในหมู่บ้านชอบมานั่งเล่นเป็นประจำในช่วงเวลากลางวัน และช่วงเวลาเย็นๆ ค่ำๆก็มักจะมีหนุ่มสาวหลายคู่มาพลอดรักกันที่บริเวณนี้
..
...................................................
แสงอาทิตย์วันนี้ยังคงร้อนแรงไม่แพ้ทุกๆวัน..หากแต่ความร้อนนั้นก็ไม่สามารถทำให้พวกเด็กๆสนใจไปมากกว่าการวิ่งเล่นไล่จับบริเวณลานหญ้าไม่ห่างจากศาลาไม้ริมท่าน้ำเท่าไรนัก
.เสียงเจื้อยแจ้วสนุกสนานของเด็กชายและเด็กหญิงหลายคนที่กำลังเล่นกันอยู่ที่ลานหญ้านั้น ทำเอาเด็กหญิงวัยสิบขวบคนหนึ่งที่นั่งพักอยู่บริเวณศาลาไม้ถึงกับถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยแทน
.
เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนเล็กๆเช็ดเหงื่อตามใบหน้าเพราะความร้อนในเวลากลางวัน..ก่อนจะเสยผมสีน้ำตาลขึ้นไปแล้วใช้เชือกฟางแห้งๆมาผูกผมไว้ เผยให้เห็นใบหน้าขาวๆ ที่ดูน่ารัก รับกับดวงตาสีน้ำตาลเหมือนสีผมของเธอ
ดวงตาสีน้ำตาลนั้นจดจ้องเด็กชายวัยเดียวกันที่กำลังวิ่งเล่นกับเพื่อนตรงลานหญ้านั้นอย่างสนุกสนานด้วยความสนใจ
"จินโนะ
ข้าจะจับเจ้าให้ได้"
เด็กชายคนหนึ่งเอ่ยเสียงดังพลางจะตะครุบตัวจินโนะที่วิ่งนำหน้าเขาไป จินโนะรีบวิ่งให้เร็วกว่าเดิม ก่อนจะเอามือคว้ากิ่งไม้แล้วโหนตัวขึ้นไปทันใด ในจังหวะที่เพื่อนชายเข้ามาตะครุบตัวพอดี
.พรืดดดด!!!
เด็กชายไถลไปกับพื้นหญ้าเพราะจับตัวจินโนะไม่ได้
แล้วเหลือบมองดูจินโนะที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้หัวเราะขบขันอยู่
"ฮ่าๆๆๆ
.ขอโทษนะ
.ถ้าคิดจะจับข้า คงยากเสียหน่อยล่ะ"
จินโนะหัวเราะร่วนก่อนจะกระโดดลงมาจากกิ่งไม้
.แล้วเอามือป้องแดดที่สาดแสงแรงจ้าจนแสบตา
. ผมสีขาวดูเงาวับเมื่อโดนแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาจับต้อง นัยน์ตาสีทองจับจ้องไปยังศาลาไม้ริมท่าน้ำ พลางก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเด็กหญิงที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
.
"ชินเทกิ
..เจ้าไม่มาเล่นกับพวกเราเหรอ
นั่งอยู่คนเดียว ไม่เหงาหรืออย่างไรกัน"
เด็กชายเอ่ยถามเด็กหญิงที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ไม้ตัวยาวอย่างแปลกใจ
.ชินเทกิมองดูผู้ถามก่อนตอบเขากลับไป
"ไม่ล่ะ
เล่นอะไรกันก็ไม่รู้ เหงื่อไหลไคลย้อย สกปรกจะตาย
.เชอะ.."
เด็กหญิงพูดพลางสะบัดหน้าเชิดมองออกไปทางอื่น
ทำเอาจินโนะหัวเราะร่วนกับความเอาแต่ใจของชินเทกิ ในขณะที่เด็กชายคนอื่นๆวิ่งเข้ามาแล้วตะโกนบอกว่า..
"จินโนะ..เจ้าจะชวนชินเทกิทำไมเล่า
คุณหนูชินเทกิเขาไม่มาเล่นกับพวกเราหรอก..แค่เสวนาด้วยก็บุญแล้ว ฮ่าๆๆๆ"
ชินเทกิหันควับไปทำหน้าทำตาค้อนเด็กชายที่ตะโกนคนนั้น
ทำไมล่ะ
ก็ในเมื่อเธอเป็นถึงลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้าน ฐานะก็มีอันจะกิน
ทำไมต้องมาเล่นอะไรสกปรกๆ ตากแดดตากลม คลุกดินคลุกฝุ่นด้วยเล่า
..ถ้าไม่มีเขา
เธอคงไม่ยอมมาอยู่ในกลุ่มเด็กพวกนี้เป็นแน่
เขาคนนั้น
จินโนะ
.คิดดังนั้น
ชินเทกิก็เหลือบมองดูจินโนะที่นั่งทอดกายสบายๆพักเหนื่อยอยู่ข้างๆไม่ห่างจากกันมากนัก
เด็กชายที่มีผมสีขาว นัยน์ตาสีทองช่างดูโดดเด่นน่าสนใจ
เพราะสีผมและสีตานี่เองทำให้เขาดูไม่เหมือนเด็กทั่วๆไป
พวกชาวบ้านต่างร่ำลือว่าเขาเป็นคนพิเศษ เป็นบุตรของเทพยดาบนสรวงสวรรค์ที่ลงมาจุติบนโลกมนุษย์ เพราะมีชาวบ้านที่เข้าไปล่าสัตว์ในป่าลึก แล้วบังเอิญได้ยินเสียงเด็กร้องบริเวณศาลเจ้าชินโตร้างกลางป่า พอเข้าไปดูก็พบเด็กทารกคนหนึ่งนอนร้องไห้อยู่
น่าแปลกที่ว่าเด็กคนนี้มีผมสีขาว นัยน์ตาสีทอง ชาวบ้านก็เชื่อว่าเขาเป็นบุตรของเทพยดาเลยนำมาเลี้ยงในหมู่บ้าน
.โดยตั้งชื่อว่า จินโนะ
.
จินโนะถูกรับเลี้ยงโดยหัวหน้าหมู่บ้าน นั่นก็คือ พ่อของเธอ ในฐานะ บุตรบุญธรรม แม้ว่าจินโนะจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ว่าพ่อของเธอก็รักเขาเท่าๆกับเธอ เพราะเขาเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย มีจิตใจดีงาม อีกทั้งยังเฉลียวฉลาด
แต่ถึงอย่างนั้น
จินโนะ ก็มีความลับข้อหนึ่งที่คนในหมู่บ้านไม่รู้
ความลับที่มีแต่คนในครอบครัวของเธอเท่านั้นที่รู้
..
...................................................
"ชินเทกิ!!!"
เสียงของจินโนะดังขึ้น ชินเทกิสะดุ้งตื่นจากภวังค์ก่อนจะสบตาจินโนะที่มองเธออยู่อย่างแปลกใจ
"อะไรเหรอจินโนะ"
"อ้าว
.ข้าสิ..ควรถามเจ้า
.ว่าอะไรเหรอ
ข้าเห็นเจ้ามองข้าตั้งนานแล้วนะ
"
จินโนะถามอย่างสงสัย
.ในขณะที่ชินเทกิหน้าแดงระเรื่อ
นี่เธอมองเขาอยู่อย่างนั้นเหรอ
ลืมไปเลย
ชินเทกิหลบสายตาของเด็กชายที่ยังคงจ้องมองเธอ ทว่า เด็กหญิงยังไม่ทันจะพูดอะไรตอบไป
เด็กชายสี่ถึงห้าคนก็วิ่งเข้ามาหาหลังจากที่เล่นกันเสร็จ
"จินโนะ
.ชินเทกิ
รู้มั้ยว่าที่ทุ่งหญ้าท้ายหมู่บ้านน่ะ
มีฝูงม้ามากินหญ้าทุกๆเย็นเลยนะ"
เสียงเด็กชายคนหนึ่งเอ่ยบอก
.พลางชี้มือชี้ไม้ไปทางท้ายหมู่บ้าน
..
"รู้ได้อย่างไร ว่ามีฝูงม้ามากินหญ้าที่ท้ายหมู่บ้าน"
ชินเทกิถามอย่างสงสัยพลางทำสีหน้าแปลกใจ เช่นเดียวกับจินโนะ
"ก็เมื่อวานข้าได้ยินลุงของข้าเล่าให้ฟัง ตอนกลับมาถึงบ้านหลังล่าสัตว์เสร็จน่ะสิ เขาบอกว่า..ช่วงนี้เห็นฝูงม้ามากินหญ้าที่ท้ายหมู่บ้านทุกวันเลย น่าไปดูชะมัด"
เด็กชายคนนั้นเล่า
ทำเอาเด็กๆหลายคนรวมทั้งชินเทกิและจินโนะสนอกสนใจทันที
"ถ้าเช่นนั้น เย็นนี้พวกเราไปดูกันมั้ย"
ชินเทกิกระตือรือร้นอยากไปดู
.ก็เธอเป็นผู้หญิงนี่
ไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวไกลๆอย่างท้ายหมู่บ้านบ่อยๆเหมือนพวกเด็กผู้ชาย
อีกทั้งจะได้เห็นฝูงม้าด้วย อย่าว่าแต่ฝูงม้าเลย ที่หมู่บ้านโมคุไซซึ่งห่างไกลความเจริญ ม้าสักตัวยังหาดูยากเต็มที เพราะชาวบ้านมักเดินเท้ากันมากกว่า
"ขอโทษนะ
ข้าคงไปไม่ได้
.เย็นนี้ลุงข้าใช้ให้ไปช่วยตักน้ำที่ลำธาร"
เด็กชายคนที่เอาข่าวเรื่องฝูงม้ามาบอกเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสลดๆ ในขณะที่เด็กชายอีกหลายคนก็ต่างพูดว่า
"ข้าก็ไม่ไปเหมือนกัน
เดี๋ยวโดนแม่ว่า
งานบ้านยังไม่ได้ช่วยเลย"
"ข้าด้วยๆ
."
เด็กๆหลายคนเอ่ยขึ้น
.นั่นทำเอาชินเทกิรู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก
.อะไรกัน
เอาข่าวเรื่องฝูงม้ามาบอกให้คนอื่นอยากไปดู แล้วตัวเองกลับไปไม่ได้..แย่ที่สุด
จินโนะมองดูเด็กหญิงที่ทำสีหน้าโกรธเคืองเพื่อนชายหลายคนปนผิดหวัง
ก่อนจะครุ่นคิดแล้วเอ่ยบอกเธอไป
"ถ้าเจ้าอยากไป
ข้าจะพาไปดูเองชินเทกิ"
ชินเทกิหันไปมองหน้าจินโนะแล้วยิ้มแก้มแทบปริอย่างดีใจเป็นที่สุด
..จินโนะ..เจ้าช่างใจดีกับข้าเหลือเกิน
.ชินเทกิคิดในใจ.
.ถ้าโตขึ้นข้าคงไม่ขออะไรมากมาย..ขอแค่ได้เคียงคู่กับเจ้า ข้าก็คงมีความสุขเหลือเกินแล้ว
.
...................................................
พงพนาเขียวขจีร่มรื่นในยามเย็น
.ลำต้นของต้นไม้แต่ละต้น ใหญ่โตบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
..กิ่งก้านใบของมันปกคลุมทึบจนแสงสุริยันที่ว่าแน่ก็ยังมิสามารถเล็ดลอดผ่านลงไปได้ง่ายๆ นั่นทำให้พื้นดินชื้นแฉะเพราะไอน้ำที่มีอยู่มากมายทั่วไป
..
ชินเทกิเดินตามจินโนะอย่างกระชั้นชิด..พลางมองดูป่าไม้รอบตัวของเธอระหว่างที่เดินอยู่นั่นเอง
.เถาวัลย์มากมายเลื้อยเลาะไปตามกิ่งก้านของต้นไม้แต่ละต้นดูราวกับอสรพิษที่คอยจับจ้องมองดูเธออยู่เต็มไปหมด
.ชินเทกิจับมือจินโนะไว้ด้วยความกลัว
.ก็เธอไม่เคยเข้ามาในป่านี้นี่
จินโนะมองดูเด็กหญิงพลางนึกขำกับท่าทางของเธอ
"อะไร..ชินเทกิ
.เจ้ากลัวเหรอถึงได้จับมือข้าเสียแน่นเลย"
จินโนะเอ่ยเมื่อเห็นว่าชินเทกิจับมือเขาไว้แน่น ชินเทกิมองดูมือของเธออย่างตกใจ..เธอเผลอไปจับมือจินโนะตอนไหนล่ะเนี่ย น่าอายชะมัด
เด็กหญิงรีบปล่อยมือพร้อมใบหน้าแดงระเรื่อแล้วทุบเข้าไปที่ไหล่จินโนะเบาๆ
"กลัวสิ..ก็ข้าไม่เคยเข้ามาในป่านี่
แค่ไปทุ่งหญ้าท้ายหมู่บ้าน ทำไมต้องพาอ้อมเข้ามาในป่าก็ไม่รู้ น่ากลัวจะตาย"
ชินเทกิบ่นอย่างอดไม่ได้
.ก็จะเดินไปท้ายหมู่บ้านง่ายๆ ไม่ได้หรืออย่างไร ทำไมต้องพาอ้อมเข้ามาทางป่าเพื่อไปท้ายหมู่บ้านก็ไม่รู้
"อ้าว
ก็พ่อของเจ้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปท้ายหมู่บ้านตอนเย็นๆไม่ใช่เหรอ
ถ้าเราเดินผ่านทางปกติก็ต้องมีชาวบ้านเห็นแล้วเอาไปบอกพ่อของเจ้าแน่ๆ ข้าก็เลยพาลัดเลาะเข้ามาในป่าข้างๆเพื่อไปยังท้ายหมู่บ้าน จะได้ไม่มีใครเห็นอย่างไรล่ะ"
จินโนะตอบเธอไปตามความเป็นจริง
.ชินเทกิได้แต่ทำหน้าทำตาค้อนนิดๆ..เพราะไม่รู้จะเถียงอะไรนั่นเอง
เอาเถอะ ถึงจะให้ไปไหนถ้ามีจินโนะอยู่ข้างกายก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแหละ
..
...................................................
ทุ่งหญ้ากว้างเบื้องหน้าเขียวขจีดูสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งพอแสงสีทองทอลงมาจับต้องก็อบอุ่นอย่างบอกไม่ได้ ความรู้สึกมันผสมผสานกลมกลืนกันไปหมด
.ยอดหญ้ากำลังพริ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดแรงในตอนนี้
..
ชินเทกิสูดหายใจรับอากาศสดชื่นเข้าไปเสียให้เต็มปอด ในขณะที่จินโนะกลับมองทุ่งหญ้าเบื้องหน้าด้วยความพินิจ
ก่อนเหลือบไปเห็นม้าฝูงหนึ่งที่กำลังเล็มหญ้าห่างออกไปไม่ไกลเท่าไร แล้วชี้ให้เด็กหญิงดู
"ชินเทกิ
นั่น..ฝูงม้า!!!"
ชินเทกิมองไปตามทิศที่จินโนะชี้ก่อนจะทำหน้าตื่นตาตื่นใจ.. ม้าฝูงใหญ่ ราวๆสามสิบกว่าตัว มันกำลังเล็มหญ้ากินอย่างสบายอารมณ์
.ช่างน่าดูชมทีเดียว เด็กชายและเด็กหญิงเดินช้าๆเข้าไปหาฝูงม้าเพื่อดูมันใกล้ๆ หากแต่ก็ยังเว้นระยะไว้พอสมควร เพราะไม่ไว้ใจพวกมันว่าจะแตกตื่นหรือเปล่า
อาชาตัวใหญ่มีทั้งสีดำ สีขาว สีเทา และสีน้ำตาล พวกมันกำลังมีความสุขกับการกินอาหารอันโอชะตรงหน้า
.โดยไม่คิดใส่ใจมนุษย์สองคน ที่กำลังจดจ้องพวกมันด้วยความสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว
...................................................
"พวกเจ้าเป็นใครน่ะ!!!"
เสียงหนึ่งเอ่ยขัดขึ้น
..จินโนะและชินเทกิหันไปมองเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
.เธอมีผมสีดำยาวตรงสลวย หากแต่นัยน์ตากลับมีสีเขียวดั่งมรกต ช่างน่าแปลกตาดีเหมือนกัน แต่ก็ยังน้อยกว่า จินโนะที่มีทั้งผมสีขาวและนัยน์ตาสีทอง ..
จินโนะจับจ้องเด็กหญิงคนนี้ด้วยความสนใจเล็กน้อย
ชินเทกิแอบมองเห็นสายตาของจินโนะที่มองดูเด็กหญิงคนนี้ ทำให้เธอไม่พอใจก่อนตะโกนตอบเด็กหญิงแปลกหน้าไปว่า
"ข้าชื่อ ชินเทกิ ส่วนนี่ จินโนะ พวกเราเป็นลูกของหัวหน้าหมู่บ้านโมคุไซ"
"อย่างนั้นหรือ
.แล้วพวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่ล่ะ
"
เด็กหญิงคนนั้นถามต่อไป
จินโนะได้ฟังคำถามก็เอ่ยตอบเธอไปทันที
"พวกเราได้ข่าวมาว่า มีฝูงม้ามาที่ทุ่งหญ้าท้ายหมู่บ้านทุกๆเย็น
ชินเทกิอยากดู ข้าก็เลยพามา
ไม่ทราบว่า..ม้าฝูงนี้เป็นของผู้ใด"
เด็กหญิงคนนั้นได้ฟังก่อนแย้มริมฝีปากเรียวบางเล็กน้อย
"ม้าฝูงนี้เป็นของจอมเวทย์คาโอ ผู้วิเศษแห่งราชสำนักคินได ส่วนข้า ชื่อ มิโดริ เป็นลูกศิษย์ของจอมเวทย์คาโอ"
เด็กหญิงเอ่ยแนะนำตัวไปทีเดียว
..นั่นทำให้จินโนะรู้สึกทึ่งกับเด็กหญิงตรงหน้าเหลือเกิน
ได้ข่าวมาจากพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้านเหมือนกันที่ร่ำลือว่า ในเมืองหลวงมีจอมเวทย์คนหนึ่งที่เก่งกาจ
..นามว่า คาโอ ไม่นึกว่าจอมเวทย์คาโอจะมีลูกศิษย์เป็นเด็กหญิงวัยแค่นี้
แสดงว่าเธอคงต้องมีพรสวรรค์หรือความสามารถอะไรสักอย่างที่สามารถทำให้จอมเวทย์ผู้เก่งกาจนั้น..ยอมรับเธอเป็นลูกศิษย์
"เจ้านี่มีสีผมสีตาแปลกดีนัก
."
มิโดริเอ่ยถาม
พลางพินิจผมสีขาวของจินโนะ มันขาวสะอาดราวกับหิมะ ก่อนจะเหลือบไปสบนัยน์ตาสีทองดุจอำพันที่แวววาวน่าจับตาจับใจ
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะข้ามีสีผมและสีตาแบบนี้มาตั้งแต่เกิด
.ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
"
จินโนะหยุดชะงัก
เขาเงียบกริบ นิ่งงันไม่พูดอะไรต่อ
ทำเอามิโดริถึงกับแปลกใจ
.
"เจ้าเงียบทำไม"
มิโดริเอ่ยถามด้วยความสงสัย
.ทว่า
ชินเทกิสะดุ้งเล็กน้อยมองดูจินโนะที่ยืนนิ่งราวกับถูกตรึงเอาไว้อยู่กับที่
.หรือว่า
.ก่อนที่เธอจะเหลือบมองท้องฟ้าเบื้องบนที่แปรเปลี่ยนเป็นสีเทาแกมส้มบ่งบอกเวลาเย็นมากแล้ว
..อีกไม่กี่นาทีพระอาทิตย์ก็คงลับขอบฟ้า
.บรรยากาศรอบตัวเริ่มมีความมืดครอบคลุมเข้ามา
ชินเทกิหันไปมองร่างของจินโนะที่สั่นเล็กน้อย
...อย่างตกใจ
"จินโนะ"
ชินเทกิตะโกนลั่นเรียกเด็กชายที่ยังคงยืนสั่น
จินโนะไม่หันมามองชินเทกิแม้แต่นิดเดียว
..ราวกับไม่ได้ยินเสียงของเธอ
.ไม่นะ
เธอไม่น่ามาดูฝูงม้าในยามเย็นแบบนี้เลย เธอลืมไปได้อย่างไร ว่าเวลาเย็นใกล้ค่ำแบบนี้
.มันไม่ใช่เวลาของจินโนะ..ความลับของจินโนะจะต้องมีอีกคนที่รู้ คือเธอ มิโดริ!!!
..
ความคิดเห็น