คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความฝันหรือความจริง
ตอนที่ 2 : ความฝันหรือความจริง
ให้ตายเถอะ...เรตะบอกว่าฉันเป็นแฟนเขา นี่มันต้องเป็นความฝันแน่ๆไม่อยากเชื่อเลยว่าไอดอลสุดหล่อคนนั้นจะยอมให้ผู้หญิงธรรมดาๆอย่างฉันเป็นแฟน
“ซูกัส” เสียงหนึ่งเรียกฉันจากที่ห่างไกลก่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนดังอยู่ข้างหู
“ยัยซูกัส!!!”
“ห๊ะ!!!”
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาพลางมองรอบตัวอย่างงุนงงก็พบแตงโมยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้า
“อ้าว...มีอะไรเหรอ?”
“ยังมีหน้ามาถามอีกว่ามีอะไร แกไม่ไปเข้าแถวตอนเช้าหรือไงถึงได้มานอนน้ำลายยืดตรงสนามบาสฯแบบนี้เนี่ย!!!” คำพูดของเพื่อนรักทำให้สมองฉันเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด ว่า...ฉันพบเรตะที่นี่และได้สะกดจิตขอเป็นแฟนเขา...
“แก...ฉันกับเรตะเป็นแฟนกันแล้ว!!!”
“ห๊ะ!!!” แตงโมอุทานด้วยสีหน้าเหยเกพลางตอบว่า
“ละเมออะไรของแก พร่ำเพ้ออยากเป็นแฟนเขาจัดจนต้องเก็บเอาไปฝันเลยเหรอเนี่ย!”
“ฉันไม่ได้ฝันนะ”
“จะไม่ฝันได้ไง มันไม่มีทางเป็นจริงหรอกที่เขาจะคบแกเป็นแฟนน่ะ”
“จริงๆนะ...ฉันเอานาฬิกาล็อคเก็ตเรือนนี้ไปสะกดจิตแล้วเขาก็ยอมเป็นแฟนฉัน!”
ฉันยืนยันด้วยนาฬิกาล็อคเก็ตที่อยู่ในมือแต่แตงโมยังไม่เชื่ออยู่ดี
“ยัยบ้าเอ้ย...แกนี่ฝันเป็นตุเป็นตะจริงๆ พอๆ...รีบไปเข้าแถวได้แล้วเดี๋ยวอาจารย์มาพบโดนหักคะแนนความประพฤติกันพอดี”
อะไรกัน!!! นี่ฉันพูดความจริงนะเนี่ยว่าเรตะกับฉันเป็นแฟนกันแล้ว...งั้นเหรอ? หรือฉันฝันไปแบบที่มันบอกฟะเนี่ย...เริ่มลังเล
กรี๊ดดด!!!
อาจจะฝันก็ได้ถ้าฉันเผลอหลับไป นี่มันอะไรกันเนี่ยหลงดีใจดันกลายเป็นความฝัน
โลกมันช่างหม่นหมองจริงๆ เช้าวันนี้รอบตัวฉันมันเป็นสีเทาดำไปหมดเลย ขณะที่กำลังยืนเข้าแถวด้วยความหดหู่ก็อดชะเง้อคอมองไปทางห้อง A ที่อยู่ไกลลิบไม่ได้ แม้แต่ออร่าจากเรตะยังไม่เห็นเลยเพราะถูกห้อง B ถึงห้อง F บังมิด นั่นสินะ...เขาอยู่สูงแบบนั้นจะมองเห็นห้อง G ที่ต่ำต้อยได้ยังไง ฉันรู้สึกเซ็งจนทำให้ฟังอาจารย์พูดบนเวทีไม่รู้เรื่องเลย ( ปกติก็ไม่ได้ฟังอยู่แล้ว =_=” )
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปท่ามกลางความเบื่อหน่ายของนักเรียนหลายพันคนเช่นเดียวกับฉัน ทันทีที่อาจารย์สั่งเลิกแถวแตงโมก็ทำท่าจะปรี่เข้าอาคารเรียนแต่ฉันรีบดึงมือมันเอาไว้
“อะไรของแกเนี่ย...ฉันอยากเข้าห้องเรียนใจจะขาดแล้ว!”
“รอดูเรตะก่อน”
“เออ...ก็ได้!”
แหม...เรื่องผู้ชายนี่ยอมได้ทุกอย่างเชียว =_=*
การมองหาเรตะนั้นไม่ยากแค่เจอกลุ่มสาวๆก็พบแล้ว แต่จะเห็นหรือไม่...นั่นเป็นอีกเรื่องเพราะเขามักโดนพวกหล่อนบังจนมิด =_=”
“อ๊ะ...นั่นไง!”
เรื่องเรดร้ามองหาผู้ชายหล่อต้องยกให้แตงโมจริงๆเพราะมันไวกว่าฉันมาก
เป็นอย่างที่คิดมีสาวๆนับสิบกำลังรายล้อมเขาจนแทบไม่เห็นตัว TT^TT ฉันชะเง้อจนกระทั่งมองเห็นเขานิดหน่อยก็เลยรีบโบกไม้โบกมือให้
“เรตะคุง!!!”
เจ้าตัวเหมือนจะได้ยินเสียงตะโกนของฉันเลยหันมาสบตาแต่เพียงชั่วครู่เท่านั้นก็หันกลับไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
“แกนี่ช่างกล้า ไปตะโกนเรียกชื่อเขาแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนแฟนคลับรุมตบหรอก!” แตงโมเตือนด้วยความหวังดี =_=”
“ก็...คิดว่าเขาน่าจะจำฉันได้...”
“จำได้อะไรกัน...เขาไม่ได้รู้จักแกสักหน่อย หรือยังเอาความฝันเมื่อสักครู่มาปะปนกับความจริงอีกเนี่ย ยัยบ๊อง!!!”
นั่นสินะ...คงหลงเพ้อเจ้อไปเอง เฮ้อ...กลับเข้าสู่โลกความเป็นจริงได้แล้วนังซูกัสเอ้ย...เมื่อฉันปลงชีวิตเสร็จก็เดินตามแตงโมเข้าห้องเรียนไป
“วันนี้เราจะเรียนวรรณคดีญี่ปุ่นเรื่องตำนานฮิคารุ เกนจิกันนะจ้ะ” อาจารย์อันนะที่เพิ่งเข้ามาเอ่ยบอกนักเรียนในห้อง ทำให้ฉันนึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบดิกชันนารี่ภาษาญี่ปุ่นมาจากบ้าน ตายล่ะ...แล้วจะเรียนรู้เรื่องมั้ยเนี่ย อ๊ะ...แต่ไม่เป็นไรยัยแตงโมคงเอามายืมมันดูก็ได้
“แก...ขอยืมดิกชันนารี่ภาษาญี่ปุ่นด้วยนะ”
สาบานได้ว่าไม่ใช่ฉันพูด...แต่เป็นยัยเพื่อนรัก =[]=”
“ฉันกำลังจะขอยืมแกพอดีเลย”
“อ้าว...แกก็ไม่ได้เอามาเหรอ?”
“เออสิ!” ฉันตอบ
“งั้นแกไปยืมที่ห้องสมุดเดี๋ยวนี้เลยแล้วเอามาเผื่อฉันด้วยนะ ขืนนั่งฟังเฉยๆไม่ยอมเปิดหาคำศัพท์มีหวังโดนอาจารย์ด่าแน่ๆ”
เมื่อได้รับคำสั่งฉันก็รีบเลื้อยไหลออกจากห้องเรียนไปโดยไม่ให้ใครเห็น แต่พอคิดๆระหว่างทางทำไมฉันต้องเป็นคนไปเอาฟะ =_=*
ห้องสมุดในช่วงสายๆมีนักเรียนค่อนข้างบางตาจนน่านอน =_=” แต่ฉันพยายามตัดใจรีบตรงดิ่งไปยังชั้นหนังสือโซนพจนานุกรมภาษาต่างประเทศทันที
“เอ๊ะ...อยู่ที่ไหนนะ?”
ฉันเลือกหาพจนานุกรมเล่มที่ต้องการอย่างรีบร้อน ทันใดนั้นเอง...
“อยู่ที่นี่เอง!” เสียงทุ้มๆนุ่มๆดังข้างใบหูแล้วมือสองข้างก็โอบกอดเอวฉันไว้จากด้านหลัง...
ไอ้โรคจิตที่ไหนเนี่ย!!!
“กรี๊ดดดด!!!...” ฉันแหกปากจะร้องขอความช่วยเหลือจากอาจารย์บรรณารักษ์ แต่มือนั้นก็รีบเลื่อนมาปิดปากทำให้มีโอกาสรีบหันไปผลักร่างนั้นออกหมายจะต่อว่าและดูหน้ามันให้ชัดๆ...
พลัน...ต้องชะงักเมื่อพบว่าเป็น...เรตะ!!!
“ผมตามหาคุณตั้งนาน...คิดถึงจังเลย!”
ฉันฟังคำนั้นอย่างอึ้งๆ เดี๋ยวสิ!!! นี่มันอะไรกันเนี่ย...และขออีกรอบได้มั้ยคะ =.,=
“เอ่อ...เรตะคุง พูดกับฉันเหรอ?” เกิดความไม่มั่นใจเลยถามไปด้วยความลังเล TT^TT
“ครับ”
เขายิ้มตอบ อ๊ายยย...ฝันไปแน่ๆเลย
“แล้วทำไมคุณถึง...เอ่อ...มาพูดกับฉันล่ะ ในเมื่อเราสองคนไม่ได้รู้จักกันซะหน่อย” ฉันถามกลับไป
“ก็เราสองคนเป็นแฟนกัน ทำไมจะพูดคุยไม่ได้ล่ะครับ”
“เอ๊ะ...คุณบอกว่าฉันเป็นแฟนคุณงั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ...เราสองคนเป็นแฟนกัน!”
อ้ากกกก...แบบนี้เรื่องเมื่อเช้ามันก็ไม่ใช่ความฝันน่ะสิ!!! การสะกดจิตได้ผลจริงๆงั้นเหรอ! ไม่อยากจะเชื่อเลย
“ไม่จริงน่า...เป็นไปไม่ได้หรอก...ก็...เอ่อ...เมื่อเช้าคุณทำเหมือนไม่เห็นจนฉันนึกว่าฝันไป”
“เอ่อ...คือ...ตอนนั้นผมโดนพวกผู้หญิงรุมล้อมจนปลีกตัวออกมาไม่ได้น่ะครับ ขอโทษจริงๆที่ทำให้คุณเข้าใจผิดไป” เขาตอบฉันที่ฟังแบบเอ๋อๆเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่านี่กำลังฝันอีกหรือเปล่า
“เหรอ...?”
ในหัวตอนนี้มึนงงไปหมด ทำอะไรไม่ถูก...และไม่รู้จะพูดอะไร รู้สึกเขินอายจนต้องหลบนัยน์ตาคู่งามที่กำลังจ้องมองมาเพื่อลดจังหวะหัวใจที่เต้นดังจนแทบระเบิด
“น่าแปลกจังทั้งที่เราสองคนเป็นแฟนกัน แต่ทำไมผมถึงนึกไม่ออกว่าคุณชื่ออะไร...ผมช่างเป็นแฟนที่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ” เขาเอ่ยเสียงเศร้าพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย
เวรกรรม...มันก็แน่ล่ะ เพราะฉันกับเขาเพิ่งได้รู้จักกันวันนี้
“เอ่อ...ฉันชื่อซูกัสนะ เรียนอยู่ห้องจี!” ฉันตอบเขา
“ชื่อแปลกดีนะครับ” เขายิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า “แล้วซูกัสมีพี่น้องมั้ยครับ...ผมนึกอะไรไม่ออกเลยจริงๆ”
“เอ่อ...ฉันมีน้องชายหนึ่งคน อยู่ม.ปลายปีสอง ห้องบี ชื่อ คูก้าน่ะ”
เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ราวกับพยายามครุ่นคิดอะไรบางอย่างแล้วจึงเอ่ยถามต่อว่า
“แล้วพวกเราคบกันมานานหรือยังครับ?”
“เอ่อ...เพิ่งคบได้ไม่นาน เพราะงั้นเรตะคุงถึงยังไม่ค่อยรู้เรื่องของฉันไง!”
แถแบบหน้าด้านสุดๆเลยตู =_=”
“ขอโทษนะครับที่ผมจำอะไรไม่ค่อยได้เลย อาจทำให้ซูกัสเสียความรู้สึกที่มีแฟนแย่ๆแบบผม”
เขากุมมือฉันแล้วทำหน้าเศร้า
“ไม่เป็นไรหรอก”
เสียความรู้สึกอะไรกัน นี่มันสุดยอดชัดๆที่ได้เป็นแฟนกับเรตะ
“เอ่อ...เดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าห้องเรียนก่อนนะครับ ไว้เจอกัน!”
เขายกมือฉันที่กุมขึ้นมาจูบเบาๆพลางโปรยยิ้มแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ฉันเสียสติอยู่ที่เดิม
อ้ากกกกกกก!!! ฉันกับเรตะเป็นแฟนกันจริงๆด้วย สุดยอดไปเลย!!!
รู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในทุ่งกุลาร้องไห้ เอ้ย...ทุ่งดอกไม้ รอบข้างที่เคยหม่นหมองสีเทาดำกลับกลายมีสีสันสดใสมองอะไรเป็นสีชมพูไปหมด ทำไมถึงได้มีความสุขแบบนี้นะ...
พลัน...นางมารก็ปรากฏตรงหน้าขณะที่ฉันกำลังจะเดินเข้าห้องเรียน
“แกหายไปไหนมาเนี่ย?” แตงโมเท้าเอวถามฉันด้วยสีหน้าหงิกงอ
“ก็ไปห้องสมุดมาน่ะสิ”
“เหรอ...แล้วแกไปทำอะไรที่ห้องสมุด?”
“ก็ไปเอาดิกชันนารี่ภาษาญี่ปุ่นน่ะสิ...อ๊ะ...”
กรี๊ดดด...ลืมไปเลย!!! TT[]TT
“แล้วไหนดิกชันนารี่ภาษาญี่ปุ่นที่ว่านั่น ห๊ะ!!!” ยัยแตงโมทำเสียงเขียวกำลังจะกลายร่างเป็นนางมารสวมบาจา ( คล้ายๆปราด้า )
“ลืมไปเลย...อ๊ะ...เดี๋ยวฉันกลับไปเอามาให้” ฉันพูดพลางจะหันหลังวิ่งออกไป แต่ยัยเพื่อนรักก็ดึงคอเสื้อฉันเอาไว้
อ่อกกก!!!
“ไม่ต้อง...นี่มันจะหมดคาบแล้วนะยะ และฉันก็โดนอาจารย์อันนะเฉ่งไปแล้วด้วย เฮ้อ!!!...แกนี่จริงๆเลย คงแอบไปนอนในห้องสมุดมาอีกแล้วสิท่า”
“เปล่านะ...ฉันไปเอาดิกชันนารี่ภาษาญี่ปุ่นจริงๆ แต่บังเอิญเจอเรตะซะก่อนเลยคุยกันนิดหน่อย เห็นมั้ย...ฉันกับเขาเป็นแฟนกันจริงๆ” ฉันยืนยันเพื่อนสาวที่ทำหน้าเหยเกขึ้นมา
“แกนี่เพ้อฝันจริงๆ...โดดเรียนไปนอนก็บอกมาเถอะฉันไม่ว่าอะไรหรอก แต่อย่ามาโกหกกันแบบนี้ฟังไม่ขึ้นเลย” แตงโมตำหนิฉัน
แง...ฉันไม่ได้โกหกซะหน่อยทำไมไม่มีใครเชื่อฉันเลยเนี่ย TT^TT ไม่ว่าฉันจะยืนยัน นั่งยัน หรือนอนยันยังไงยัยแตงโมก็ไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดอยู่ดี ก็แน่ล่ะ...ขนาดฉันเองยังแทบไม่อยากเชื่อเลย แต่มันเป็นเรื่องจริงที่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงให้ใครๆเข้าใจได้...แย่ชะมัด
จนกระทั่งพักเที่ยง...โรงอาหารวันนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ฉันกับเพื่อนสาวรีบมองหาที่นั่งเพราะในมือถือชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆเอาไว้ ให้ตายเถอะ...ไม่มีใครใจบุญพอทานเสร็จแล้วรีบลุกเลยหรือไงนะ
“เฮ้ย...พวกแกทางนี้ๆ!!!” เสียงลูกหมีที่ดังแหวกฝูงชนราวกับเสียงสวรรค์ ฉันกับแตงโมช่วยกันมองหาจนพบมันชูไม้ชูมืออยู่ลิบๆ เลยรีบปรี่เข้าไปก่อนที่มือจะสุกซะก่อน
“โหย...คนเยอะชะมัดเลย” แตงโมบ่นพึมพำพลางนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามลูกหมี ส่วนฉันนั่งข้างมันโดยไม่มีใครนั่งตรงข้าม =_=”
“ก็พวกแกลงมาช้าเอง” ลูกหมีตอบกลับมา
“ไม่ให้ช้าได้ไง มัวแต่เถียงกับยัยซูกัสอยู่น่ะสิ” แตงโมหันมาแขวะฉันที่เริ่มลงมือโซ้ย =_=”
“เถียงอะไรกัน?” ลูกหมีถามด้วยความสงสัย
“ก็ยัยซูกัสน่ะสิ ตั้งแต่เมื่อเช้าก็พร่ำบอกฉันตลอดเลยว่าได้คบกับเรตะแล้ว ฉันเลยเตือนว่าอย่าเอาความฝันมาปะปนกับความจริง”
“อ้ออันเอ็นเอื้องอิงอี่” ( ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่ ) ฉันเถียงขณะเคี้ยวไปด้วย
“เห็นมั้ย...ดูมันยังเพ้อฝันไม่เลิก” แตงโมหันมาแยกเขี้ยวใส่
“แกนี่...อย่าไปว่าเพื่อนสิ เพ้อฝงเพ้อฝันอะไรกัน” ลูกหมีหันไปตำหนิแตงโม
อ๊ายยย...แบบนี้เท่ากับว่ามีคนเชื่อฉันแล้วสินะ
“อย่าบอกนะ...ว่าแกเชื่อยัยซูกัส!”
“เขาไม่ได้เรียกเพ้อฝัน เรียกว่า ประสาทหลอน ต่างหาก”
จบ!!! ฉันสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากอย่างเซ็งๆขณะที่เพื่อนสาวสองคนหัวเราะร่วน เอาเถอะ...
ในตอนนั้นเองเสียงผู้หญิงมากมายก็ดังกรี๊ดกร๊าดอื้ออึงขึ้นมาจนพวกเราและคนอื่นๆที่นั่งทานอาหารต้องเหลียวมองหาต้นเสียงซึ่งเกิดจากสาวๆกลุ่มหนึ่งกำลังยื้อแย่งตัวเรตะให้นั่งโต๊ะตัวเอง
“เรตะมานั่งกับฉันดีกว่า” สาวห้อง C เอ่ยพลางดึงมือเขาไปทางขวา
“เรื่องอะไร เรตะอยู่ห้องฉัน...ก็ต้องนั่งกับพวกฉันสิ!” สาวห้อง A เอ่ยพลางดึงมือเขาไปทางซ้าย
“ให้เขามานั่งกับพวกเรามั้ย...ไหนๆที่นั่งก็ว่างอยู่” ฉันมองศึกสงครามย่อยๆนั้นพลางเอ่ยถามเพื่อนๆ
“แกจะบ้าเหรอ...ยังไงเขาก็ต้องนั่งกับพวกห้องต้นๆอยู่แล้วแบบทุกครั้ง!” แตงโมบอก
“นั่นสิ...ตามสถิตินะ เขานั่งกับพวกห้องเอสิบสี่ครั้ง ห้องบีเจ็ดครั้ง ห้องซีห้าครั้ง ห้องดีถึงจีไม่เคยได้แตะเลย” สายข่าวแห่งโรงเรียนเอ่ยบอก นับว่าเชื่อถือได้เพราะไม่มีใครแม่นยำเท่ายัยลูกหมีอีกแล้ว =_=”
“ฉันอยากลองดูนี่...ไหนๆพวกเราก็เป็นแฟนกัน!” คำพูดฉันทำให้แตงโมกับลูกหมีส่ายหน้าน้อยๆอย่างระอา
“ตามสบายแกเถอะ...ฉันเบื่อจะเถียงด้วยแล้ว”
แตงโมคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากทำเป็นไม่ใส่ใจ
“เอาเถอะ...ถ้าแกเรียกได้ฉันยอมเลี้ยงบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นหัวละพันเลย!!!” ลูกหมีเอ่ยอย่างมั่นใจ ฉันเลยรีบหันไปโบกไม้โบกมือพลางตะโกนเสียงดังเรียกเขา
“เรตะคุง!!! มานั่งกับฉันเถอะ”
ทุกคนในโรงอาหารเงียบกริบพลางหันมามองฉันราวกับพร้อมใจ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้น
“ฮ่าๆๆ...ดูยัยห้องจีสิ กล้าเรียกเรตะไปนั่งด้วยล่ะ”
“นั่นสิ...ไม่เจียมตัวเลย” สาวๆหลายคนหัวเราะร่วน
“ถ้าเธออยากทานข้าวกับผู้ชายจะติดต่อฉันก็ได้นะ เดี๋ยวสงเคราะห์ให้!!!” ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนข้ามโต๊ะมาบอกฉันที่เริ่มรู้สึกอาย
ให้ตายเถอะ...ฉันทำอะไรลงไปเนี่ยถ้าเรตะไม่มานั่งด้วยได้ขายขี้หน้าไปทั้งโรงเรียนแน่ๆ TT^TT ทว่า...เรตะยิ้มน้อยๆแล้วสะบัดมือพวกหล่อนพลางตรงเข้ามาหาฉันที่หน้าซีดเซียวเพราะความอับอาย
“Arigato...ขอบคุณครับ ขอนั่งด้วยนะที่รัก!”
โรงอาหารเงียบกริบราวกับป่าช้า ยัยแตงโมกับลูกหมีอ้าปากค้างจนเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เพิ่งคีบเข้าปากไหลกลับลงชาม =_=” เรตะนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามฉันซึ่งข้างๆกับลูกหมีที่ช็อคก่อนสลบเอาหัวเกยโต๊ะ ไม่รู้ว่าตกใจเพราะไม่เคยได้เข้าใกล้เขาขนาดนี้หรือเสียใจที่ต้องเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นฉันกันแน่ =_=”
“กรี๊ดดดด...ยัยนั่นเป็นใครกันน่ะ ทำไมเรตะถึงต้องไปนั่งด้วย!!!”
“นั่นสิ...เรตะมานั่งกับพวกฉันเถอะ” สาวๆหลายคนตะโกนร้องเรียกเขาที่ไม่สนใจตักข้าวราดแกงกระหรี่เข้าปาก
“ไม่จริงน่า...เอ่อ...ทำไมเรตะถึงเรียกเธอว่าที่รักล่ะ...อย่าบอกนะว่า...” แตงโมยั้งคำพูดไว้เท่านั้น
ฉันกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นเพราะไม่รู้จะตอบยังไง น่าแปลกจริงๆทั้งที่ตอนแรกพร่ำบอกใครๆได้แท้ๆ แต่พอถึงสถานการณ์แบบนี้กลับรู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูกและเกรงสายตาสาวๆนับร้อยที่จับจ้องมองมาด้วย เรตะเหมือนจะรู้เลยหันไปยิ้มแล้วตอบว่า
“เพราะซูกัสเป็นแฟนผมไงครับ” ทันทีที่เขาพูดจบเสียงกรี๊ดของสาวๆก็ดังโหยหวนไปทั่วโรงเรียนเอกชนไทย-ญี่ปุ่นมิยาชิตะ...พระเจ้า!!!
ความคิดเห็น