ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RyuJin - RyuSei ริวจิน - ริวเซ

    ลำดับตอนที่ #2 : RyuJin - RyuSei [ 2 ] [[ กำเนิดเทพบุตร 2 ]]

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 49


    ตอนที่ 2 : RyuJin - RyuSei [ 2 ] [[ กำเนิดเทพบุตร 2 ]]

             อาทิตย์ส่องแสงลงมาเบาบางราวกับจะจางหายไปจากท้องนภา  สรวงสวรรค์เงียบงันเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นความรู้สึกได้ดีนัก  ไม่มีเสียงดนตรีขับกล่อมคลอเคล้าเสียงเพลงท่วงทำนองหวาน  ไม่มีเสียงหัวเราะครื้นเครงสนุกสนานอย่างทุกๆครั้ง แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยังยากที่จะปรากฏให้เห็น

             ข่าวการสิ้นชีพของเทพบุตรริวจินสร้างความโศกเศร้าแก่เหล่าเทพทั้งหลายยิ่งนัก  เพราะเหตุใดกันเล่า  แค่เพราะสตรีนางเดียวเท่านั้นน่ะหรือ…ถึงทำให้ริวเซพระอนุชาแท้ๆถึงกับปลิดชีวาผู้เป็นพระเชษฐาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้

             "ท่านจะทำเยี่ยงไรต่อไปกันเล่าชินจู ..บุตรของท่านต้องมาฆ่าฟันกันเพราะสตรี"

             เทนไต ประมุขแห่งเทพเอื้อนเอ่ยสุรเสียงถามพระนางชินจูที่นั่งบนอาสน์ไม่ห่างจากกันมากนักในตำหนักหลวง…..เทวีสาวทอดเนตรมอง เทพเทนไต เทพอาวุโสซึ่งมีอายุมากกว่าตัวนางเองหลายรอบ หากแต่ใบหน้านั้นยังดูอ่อนเยาว์ราวกับเทพหนุ่มๆ ผมสีดำขลับปรกลงมาดูยุ่งๆ คิ้วเข้มโก่งเรียวยาวดั่งคันศร จมูกโด่งได้รูป และริมฝีปากที่เรียวบางดูเอิบอิ่มเป็นสีชมพู ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนช่างลงตัว  ไหนจะบุคลิกที่น่าเกรงขาม พินิจดูดีๆแล้วก็คล้ายกับริวจินและริวเซอยู่ไม่น้อย…ไม่ผิดเลย….เพราะว่า เทพหนุ่มสองพี่น้อง คือ บุตรของเทพเทนไตที่กำเนิดจากพระนางชินจู ผู้เป็นชายานั่นเอง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่การตายของริวจินจะเป็นที่โจษจันไปทั่วทั้งสรวงสวรรค์

             "ใช่บุตรของข้าคนเดียวเสียเมื่อไร…บุตรของท่านด้วยนั่นแหละ….."

             พระนางชินจูเอ่ยกระทบผู้เป็นสวามีไปเสียที…..พลางทำหน้าหน่ายๆ..ใช่ว่าจะไม่เสียใจที่ริวจินตาย หากแต่ไม่ว่าอย่างไร…ก็คงได้พบกันอีกนั่นเอง…..เทพเทนไตทำหน้าปุเลี่ยนเล็กน้อยที่โดนชายาเอ่ยกระทบตัว

             "จะทำเยี่ยงไรได้ล่ะ…ตอนนี้ก็ต้องจัดการเรื่องริวเซก่อนนั่นแหละ..เพราะริวเซได้ชินเทกิไปครั้งการประลองเท็นชิโนะจากงานเทศกาลเท็นชิโนะ โอโดะแล้ว คงต้องจัดพิธีมงคลสมรสให้กระมัง"

             พระนางชินจูตอบไปอย่างหน่ายใจยิ่งนัก…เอาเถอะ..จัดการเรื่องของริวเซก่อน..ส่วนเรื่องริวจินเอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน…..

    ...................................................

             บริเวณตำหนักของเทพธิดาชินเทกิ ท้องนภาดูหม่นหมอง....อีกทั้งยังดูอึมครึม ไร้แสงสุริยันที่สาดส่องลงมา ทำให้บุปผชาติต่างเหี่ยวเฉา...หมู่ภุมราก็หงอยเหงาน่าหดหู่ใจยิ่งนัก  หอคอยสูงของตำหนักเทพธิดาชินเทกิก็ไม่ได้ต่างอะไรกับตำหนักร้าง เพราะมันช่างเงียบไร้เสียงที่จะเข้ามาทำลายความสงัดในตอนนี้ หากแต่ถ้าได้ฟังดีๆ ก็จะได้ยินเสียงร่ำไห้ของสตรีผู้หนึ่ง ไม่ใช่ใครอื่น ชินเทกิ นั่นเอง

             "ชินเทกิ..เจ้าจะไม่ทานอะไรบ้างเลยเหรอ"

             สหายหญิงของชินเทกิเอ่ยถาม ในขณะที่ยกถาดใส่ผลไม้นานาชนิดมาวางตรงโต๊ะหน้าชินเทกิที่นั่งนิ่งอยู่

             "ไม่!!!...."

             ชินเทกิปัดถาดผลไม้นั้นออกไปจนมันตกลงกับพื้น  ผลไม้ในถาดหกกระจัดกระจายเกลื่อนกลาด  เช่นเดียวกับ ใบหน้าสะสวยในขณะนี้ซึ่งถูกบดบังด้วยคราบน้ำตามากมายที่ไหลพรากอาบแก้มทั้งสองข้าง

             "ข้าไม่กินอะไรทั้งนั้น...เจ้าคิดว่าข้ามีความสุขพอที่จะมานั่งกินโน่นกินนี่ได้เหรอ....บุรุษที่หมายปองถูกฆ่าไม่พอ ยังโดนจับแต่งงานกับคนที่ฆ่าเขาอีก...ข้ายอมตายเสียดีกว่า"

             ชินเทกิตวาดลั่นตำหนัก..อย่างไม่อายใคร.. ใช่สิ..ใครจะไปทนได้...แถมคนที่ฆ่านั้นยังเป็นพระอนุชาแท้ๆอีก ช่างโหดร้ายป่าเถื่อนเสียนี่กระไร สหายหญิงถอนหายใจ…..ไม่รู้จะพูดอะไร….เพราะชินเทกิพูดถูก…..ริวเซโหดร้ายเหลือเกิน เกินกว่าที่เหล่าเทพจะรับได้

             "ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว"

             พูดจบสหายหญิงคนสนิทของชินเทกิก็เดินออกจากห้องไป….ชินเทกิเหลือบมองก่อนจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่พึงพอใจ…..ทำไม….ทำไม….ทำไมริวจินต้องถูกฆ่า….บุรุษที่เธอได้ยินคำร่ำลือว่าช่างงดงามและสง่างาม อีกทั้งยังจิตใจดีมีเมตตา ถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ได้ยินแค่นั้นก็น่าหลงใหลปลาบปลื้มเหลือเกินแล้ว เมื่อมาได้พบเจอครั้งงานเทศกาลเท็นชิโนะ โอโดะ ก็ยิ่งทำให้เชื่อเหลือเกินว่าคำร่ำลือนั้นเป็นจริง….รู้ตัวอีกทีก็หลงรักไปเสียแล้ว..แต่ไฉนเลยริวจินกลับถูกปลิดชีพด้วยน้ำมือของพระอนุชาผู้มีจิตใจชั่วช้า……..

    ...................................................

             เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆบ่งบอกว่ามีผู้มาเยือน….ชินเทกิถึงกลับหงุดหงิดใจยิ่งนัก….ทำไมต้องมากวนใจอีก…ใครกันนะ หรือว่า สหายหญิงคนเมื่อสักครู่….. ชินเทกิเหลียวไปมองดูผู้หยุดยืนที่หน้าประตูห้องก่อนจะทำสีหน้าตกใจยิ่งนัก

             "ริวเซ!!!"

             ริวเซ ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูห้อง ดวงเนตรสีเงินจ้องมองดูสตรีผู้เป็นที่รักตรงหน้าก่อนจะย่างเท้าก้าวเข้าไปในห้องของชินเทกิช้าๆอย่างถือวิสาสะ

             "หยุดนะ..ใครใช้ให้เจ้าเข้ามาในนี้.….แล้วเจ้าเข้ามาในตำหนักของข้าได้อย่างไร"

             ชินเทกิตวาดใส่แล้วลุกขึ้นถอยหลังไปนิดหน่อยอย่างไม่ไว้ใจเทพหนุ่มผู้นี้เสียเท่าไรนัก  ริวเซหัวเราะในลำคอก่อนจะตอบชินเทกิไป

             "หึหึ...ทำไมข้าจะเข้ามาไม่ได้ ในเมื่อข้าได้เจ้ามาจากการพนันประลองเท็นชิโนะใครๆก็รู้..แล้วตอนนี้ข้าก็ยังเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่บนสรวงสวรรค์ ใครจะกล้าขัดใจข้า"

             ริวเซตอบไปอย่างง่ายๆ…พลางนั่งลงยังอาสน์ตัวที่ชินเทกินั่งเมื่อสักครู่…

             "ข้าไม่ใช่ของพนันของผู้ใด…"

             ชินเทกิตวาดใส่รริวเซอย่างไม่เกรงกลัวและไม่ให้ความเคารพ ..ใครเล่าจะไปเคารพได้ลง นิสัยอย่างนี้ต่อให้เป็นบุตรของประมุขแห่งเทพก็เถอะนะ….

             "ไม่ใช่ของพนัน….เพราะข้าเป็นผู้ชนะใช่มั้ย…ทำไม…ตอนที่เจ้าริวจินมันชนะ..เจ้าไม่เห็นเดือดร้อนอะไรกับคำว่าของพนันเลย"

             "ก็ข้ารักริวจิน….ข้าไม่ได้รักเจ้า เข้าใจมั้ย….."

             เทพธิดาสาวเอ่ยตะโกนลั่นออกไป…ชลเนตรหลั่งไหลรินอาบแก้ม….แล้วสะอื้นเบาๆ……..ริวเซทอดเนตรมองชินเทกิ สตรีผู้เป็นที่รักอย่างสับสน……ทำไม…..เจ้าริวจินมันดีกว่าข้าตรงไหนกันเล่า….

             "ข้าสู้ริวจินไม่ได้ตรงไหน ทั้งๆที่ข้าชนะมันนะ  แค่นั้นก็รู้แล้วว่าใครเก่งกว่ากัน"

             ริวเซเอ่ยบอกไปด้วยเหตุผลที่ดูไร้ค่า….เพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าพระเชษฐาออมแรงออมฝีมือเพื่อเขาขนาดไหน… ชินเทกิมองริวเซด้วยความหยามเหยียดเดียดฉันท์ บุรุษเทพผู้นี้ทรนงเกินตัวยิ่งนัก…

             "เจ้าสู้ริวจินไม่ได้เพราะเจ้ามันมีจิตใจโหดร้าย หยาบกระด้าง ชั่วช้าน่ะสิ…"

             ประโยคนี้ทำเอาริวเซถึงกับเลือดขึ้นหน้า….ก่อนจะลุกตรงเข้าไปหาชินเทกิด้วยความรวดเร็ว…..ชินเทกิผวาตกใจจะถอยหนี ทว่า..ช้าไป… ริวเซจับข้อมือไว้ได้ก่อนจะดึงร่างชินเทกิเข้ามาสวมกอดไว้อย่างรวดเร็ว….แล้วเชยคางนางขึ้นจุมพิต ชินเทกิบ่ายตัวหลบแล้วผลักอกเทพหนุ่มออกไปอย่างแรง…

             "เป็นของเจ้า..ข้ายอมตายเสียดีกว่า"

             พูดจบชินเทกิก็หนีออกไปยังระเบียง…..ความสูงของหอคอยเมื่อมองลงไปจากตรงนั้น ไม่ได้ทำให้ชินเทกิสะทกสะท้านอะไรเลยเมื่อเทียบกับรอยจูบที่ประทับบนริมฝีปากอันน่าขยะแขยงเมื่อสักครู่ คิดดังนั้นชินเทกิก็กระโดดลงไปจากหอคอยสูง  ริวเซตกใจยิ่งนักเมื่อเห็นอย่างนั้น…เทพบุตรหนุ่มรีบตรงเข้าไปคว้าข้อมือของนางได้ทันพอดีก่อนที่ชินเทกิจะร่วงหล่นลงไป หากแต่ร่างของนางก็ยังอยู่ในอากาศเช่นเดียวกับริวเซ…ที่ใช้มือขวาจับมือของนางไว้….มือซ้ายเหนี่ยวกับรั้วระเบียง….

             "เจ้าจะทำอะไรน่ะ..ปล่อยข้า…ให้ข้าตกลงไปตายเสียดีกว่าที่จะอยู่ร่วมกินกับคนอย่างเจ้า!!!"

             ชินเทกิตวาดลั่น……ในขณะที่ริวเซกัดฟันแน่นแล้วปริปากออกไปอย่างทนไม่ได้

             "จะให้ข้าปล่อยเจ้าตกลงไปตาย ข้ายอมตายด้วยดีกว่า…อย่าให้ความรักของข้าต้องทนทุกข์ทรมานเพราะไม่มีเจ้าเลย"

             ริวเซเอ่ยบอกนางไป…ชินเทกิเงียบงัน…..ริวเซหลงรักเธออย่างนั้นหรือ…….

             "เจ้ารักข้าอย่างนั้นเหรอ……."

             ชินเทกิเอ่ยถามอย่างสงสัย…ริวเซไม่ตอบแต่อย่างใด มือขวาที่จับข้อมือเธอไว้กำแน่นกว่าเดิม……แต่แค่นั้นชินเทกิก็รับรู้ความรู้สึกที่ริวเซมีต่อตัวเธอได้แล้ว

             "อึ่ก……"

             ริวเซกัดฟันแน่นกว่าเดิม….มือซ้ายที่แดงก่ำเพราะเลือดที่มาคลั่งอีกทั้งยังไม่ถนัดในการใช้งานมันเริ่มรับน้ำหนักตัวของเขาและเธอไม่ไหวแล้ว…. 

             "ปล่อยข้าเถอะ……"

             ชินเทกิเอ่ยเสียงสั่น แล้วเสียน้ำตาอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความโกรธแค้น หากแต่ร้องเพราะความรู้สึกสงสารและเห็นใจเทพหนุ่มผู้นี้เสียมากกว่า

             "ถ้าจะตาย เราก็ตายด้วยกัน"

             ริวเซตะโกนบอกออกไป มือซ้ายที่จับรั้วระเบียงเริ่มสั่นอย่างอ่อนแรงเหลือเกินแล้ว…. ดวงเนตรสีเงินมองดูไม้เท้าสีดำที่ตกบนพื้นห้องห่างออกไปอย่างเจ็บใจยิ่งนัก…..ไม่น่าลืมไม้เท้าเลย…ไม่เช่นนั้นคงเรียกมังกรออกมาช่วยได้…

             "ข้าขอโทษนะชินเทกิ….ที่ข้าทำให้เจ้าไม่พอใจ…หากแต่เพราะข้ารักเจ้าจริงๆ…"

             ริวเซเอ่ยพร้อมกับน้ำตาที่คลอดวงเนตรสีเงินนั้น….

             "ขอโทษที่ข้าปกป้องเจ้าไม่ได้"

             ขาดคำ….ริวเซก็ปล่อยมือจากรั้วระเบียงนั้นทันที..เพราะมือซ้ายรับน้ำหนักไม่ไหวแล้ว……ร่างของทั้งคู่ลอยละลิ่วในอากาศพร้อมตกลงสู่เบื้องล่าง ชินเทกิกรีดร้องด้วยความตกใจ ขณะที่ริวเซใช้แรงเฮือกสุดท้ายคว้านางมากอดได้อีกครั้งแล้วพูดเบาๆ

             "เราจะตายด้วยกัน"

             สายลมพัดแรงยิ่งนักในอากาศ มันพัดพาร่างของชินเทกิกับร่างของริวเซตกลงปะทะพื้นเบื้องล่างอย่างแรง……..เงียบ….ไร้เสียงร้องเพราะความเจ็บปวด โลหิตของทั้งคู่ท่วมตัวไหลนองพื้นตรงนั้น…ชินเทกิหายใจแผ่วเบาราวกับลมหายใจนั้นจะหมดไปในไม่ช้า… แล้วหรี่ตามองดูร่างริวเซที่นอนนิ่งสิ้นใจอยู่ข้างๆ…เธอจับมือเขาเอาไว้….แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาออกไป…

             "ถึงชาตินี้ข้าไม่อาจเคียงคู่กับท่านได้ริวเซ…แต่ชาติหน้าข้าจะขอเคียงคู่กับท่านละกัน"

             พูดจบ….ชินเทกิก็สิ้นใจ….คำพูดของนางจางหายไปตามสายลมที่พัดแรงในตอนนั้น….

    ...................................................

                  พื้นหญ้าสั่นไหวน้อยๆราวกับสะอื้นไห้…ต้นไม้สั่นกิ่งก้านไหวไปมาราวกับร่ำร้อง…

              สายลมพัดแรงกว่าท่วงทำนอง…ประสานขับกล่อมให้ทั้งสองสู่นิทราที่ยาวนาน…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×