คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : คู่มือสร้างรัก?
ตอนที่ 1 : คู่มือสร้างรัก?
เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มไปทั่วโรงเรียนไทย-ญี่ปุ่นมิยาชิตะ โรงเรียนเอกชนสุดหรูในกรุงเทพมหานครเป็นรอบที่สิบของวันนี้ ทำให้หลายคนต้องชะเง้อจากระเบียงอาคารเพื่อมองดูกลุ่มหญิงสาวที่กำลังห้อมล้อมไอดอลประจำโรงเรียนอย่างนายฮิโรชิ เรตะ หนุ่มลูกครึ่งสัญชาติไทย-ญี่ปุ่น ที่ย้ายเข้ามาเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมปลายปีสาม ห้อง A ได้ครึ่งปี เขามีใบหน้าหล่อระดับเทพเป็นอาวุธ สามารถปลิดชีพสาวๆที่เข้าใกล้รัศมีสองร้อยเมตรได้เพียงแค่สบตา ไม่แปลกเลยที่ฉันจะอดหวั่นไหวไปด้วยไม่ได้แม้รู้ตัวเองว่าธรรมดาจนผู้ชายทั่วไปยังไม่ชายตามอง แล้วคนแบบเขาเหรอจะมาแล เฮ้อ...
“ซูกัส...ยัยพวกนั้นกรี๊ดเรตะทำไมน่ะ?” แตงโม เพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยถามขณะพวกเรายืนมองเหตุการณ์ตรงสนามด้านล่างจากอาคารเรียนชั้นสี่
“นี่...ฉันก็อยู่กับแกตรงนี้นะจะไปรู้ได้ยังไง!”
“งั้นรอสายข่าวก็ได้!” เพียงชั่วครู่ ลูกหมี หญิงสาวผู้รอบรู้เรื่องของคนอื่นที่สุดในโรงเรียนก็รีบวิ่งถลามาทางพวกเราราวกับขีปนาวุธ
“ยัยจัสมิน ห้องบี สารภาพรักกับเรตะเมื่อสักครู่!!!”
“จริงอ่ะ!!! แล้วเรตะตอบว่ายังไง?” ฉันกับแตงโมถามพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ชิ...เบื่อจริงๆเวลามีเพื่อนชอบผู้ชายคนเดียวกันเนี่ย =_=*
“ก็ไม่ว่ายังไง...โดนปฏิเสธไปตามระเบียบด้วยคำพูดอันแสนนุ่มนวล...‘ไม่อยากให้คุณต้องเสียใจเพราะผมคิดว่าตัวเองยังไม่ดีพอที่จะคบคุณ’...” ยัยลูกหมีเก็กเสียงเลียนแบบเทพบุตรสุดหล่อของพวกเรา ( แต่ไม่ได้เท่าเศษหนึ่งส่วนล้านของเขาเลยแม้แต่น้อย )
“สมน้ำหน้า...ยัยนั่นสิ้นคิดจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าเรตะไม่มีทางคบผู้หญิงง่ายๆหรอก เขาออกจะป็อบปูล่าขนาดนั้น!” คำพูดของเพื่อนสนิททำให้ฉันใจแป้วพอสมควร
“เฮ้อ...แล้วเมื่อไรเขาถึงจะพร้อมมีใครสักคนล่ะ จะได้กล้าไปสารภาพรักบ้าง!” ฉันพึมพำอย่างหดหู่ แต่แตงโมรีบเอาหลังมือมาแตะเหม่งฉันทันที
“ตัวก็ไม่ร้อนทำไมถึงเพ้อ”
“เพ้ออะไรยะ?” ฉันถามกลับไป
“ยัยซูกัส...ขนาด จัสมินเป็นดาวโรงเรียนเขายังไม่เอาเลย แล้วอย่างเธอจืดๆ เชยๆ ธรรมด๊า...ธรรมดาเป็นดาวเทียมเขาจะสนเหรอ เอาแค่หันมาสบตาสักครั้งยังยากเลย!!!”
โอ้ย...ฟังแล้วอยากกระอักเลือดตาย TT^TT
“นั่นสินะ...ถ้ารู้สเป็คเขาสักหน่อยคงดีกว่านี้ จะได้ไม่ต้องมีความหวังแบบลมๆแล้งๆคอยเพ้อฝันว่าเขาจะชอบผู้หญิงแบบไหน” ฉันบอกเพื่อนสาว
“ก็ว่างั้นล่ะ แต่นี่เขาเล่นปฏิเสธทุกคนที่ทั้งสวยเลิศเลอเพอร์เฟคไปยันอัปลักษณ์น่าเกลียดน่าชังเลยน่ะสิ อ๊ะ...หรือว่าเขาจะเป็นเกย์!”
“แกนี่...ทำเป็นพูดไป ถ้าเกิดสมพรปากได้ใจสลายยกโรงเรียนแน่ๆ” ฉันหันไปตำหนิเพื่อนสาวที่หัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี
“ก็แหม...ตราบใดที่เขายังไม่ยอมคบสาวๆคนไหนมันก็น่าคิด เอาเถอะๆ...พวกเราอย่าไปเพ้อฝันเลย ห้องเอ กับ ห้องจี มันห่างไกลกันคนละโยชน์ กว่าเขาจะชายตามามองเห็นก็คงเรียนจบพอดี!” แตงโมพูดพลางดันฉันเข้าไปในห้องเรียน
เฮ้อ...ก็ว่างั้นล่ะ ถ้าเขาเป็นดาวฤกษ์ที่เจิดจ้า พวกฉันคงไม่ได้เป็นดาวเทียมแต่เป็นอุกกาบาตมากกว่า อ๊ะ...หรือ ฝุ่นอวกาศเนี่ย... TT^TT
หลังจากร่ำเรียนวิชาอันน่าเบื่อหน่ายในแต่ละวันเสร็จสิ้นฉันก็เตร็ดเตร่เดินเล่นแถวสยามฯก่อนคิดขึ้นมาได้ว่านิตยสาร J-Pop เล่มใหม่ออกวันนี้เลยรีบตรงดิ่งเข้าไปในร้านหนังสือทันที เมื่อพบว่ามันเหลืออยู่เล่มสุดท้ายตรงชั้นวางหนังสือฉันก็รีบจู่โจมเข้าไปหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
หมับ!!!
มีมือที่สามแย่งเอาไปครอบครองจนได้...เป็นพวกกลุ่มรุ่นน้องที่โรงเรียนฉันนั่นเอง ให้ตายเถอะ...ถ้าตบตีเพื่อแย่งนิตยสารเล่มเดียวฉันจะโดนทำทัณฑ์บนที่โรงเรียนมั้ยเนี่ย...คิดแล้วเศร้าใจเลยปล่อยเลยตามเลย
ฉันเบนความสนใจไปมองหาหนังสือเล่มอื่นๆแทน ก่อนหยุดที่ “คู่มือสร้างรักแบบฉบับสาวฮอต!!!” น่าสนใจแฮะ...คงเป็นพวกหนังสือสอนแต่งหน้าหรือแต่งตัวให้อินเทรนด์ล่ะมั้ง แต่เมื่อหยิบมาดูก็พบว่าเป็นวิธีสร้างรักสไตล์เด็กสาวชาวญี่ปุ่นโดยให้ใช้คาถากับเทคนิคต่างๆกับคนที่แอบชอบ คงจะได้ผลจริงๆหรอกหนังสือพวกนี้ไร้สาระชะมัด!!! ดูก็รู้แล้วว่ามันเป็นความเชื่อหลอกเด็กวัยรุ่นเท่านั้น
“น้อง...เล่มนั้นลดราคาพิเศษจากหนึ่งร้อยหกสิบบาท เป็น แปดสิบบาท!!!” เสียงเจ้าของร้านตะโกนบอกจากตรงเคาน์เตอร์ แล้วฉันก็คงเป็นคนปัญญาอ่อนที่ยอมให้หลอกเพราะดันซื้อหนังสือเล่มนั้นติดมือกลับบ้านเพียงเพราะเห็นว่ามันลดราคา TT^TT
ทันทีที่กลับถึงบ้านฉันก็รีบเปิดดูคู่มือเล่มนั้น...มีเคล็ดลับในการสร้างรักแบบใช้คาถากับเทคนิคมากมายเต็มไปหมดจนแวบแรกรู้สึกเสียดายเงินขึ้นมาเพราะแปดสิบบาทเอาไปซื้ออย่างอื่นได้ตั้งเยอะ TT^TT แต่พอคิดไปคิดมา...มันก็ไม่แน่...ถ้าคาถากับเทคนิคเหล่านี้ไม่ได้ผลจะมีคนกล้าเอามาเขียนลงหนังสือเหรอ ความลังเลเกิดขึ้นในจิตใจฉันจนอดไม่ได้ที่จะลองทำตามเพราะคิดว่าไม่ได้เสียหายอะไร...
วิธีที่ 1 “ร่มแห่งความรัก”
ให้เขียนร่มแห่งความรักที่กระดานไวท์บอร์ดหน้าห้องเรียนเขา โดยเขียนชื่อผู้หญิงไว้ทางด้านซ้าย ชื่อผู้ชายไว้ทางด้านขวา จะทำให้เขารับรู้ว่าคุณกำลังแอบชอบ ( แหม...เขียนประจานซะขนาดนั้นเป็นใครไม่รู้ก็โง่สุดๆ...แต่ก็ทำตาม =///= )
เช้าวันจันทร์...ฉันรีบแหกขี้ตาตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่นเพื่อไปถึงโรงเรียนก่อนใครๆแล้วแอบย่องเข้าห้อง A ที่ยังไร้เงาคน ก่อนเอาปากกาไวท์บอร์ดเขียนร่มแห่งความรักพร้อมชื่อฉันกับเขาลงไปบนกระดาน พลางย่องออกไปซุ่มแถวหลืบบันไดเพื่อรอดูลาดเลา จนเวลาสายๆมีผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาเนิร์ดๆสะพายเป้ขึ้นบันไดตรงเข้าไปในห้อง A แล้วพูดว่า
“เมื่อวานก็ทำเวรไปแล้วนี่หว่า ทำไมถึงได้ลืมลบกระดานเนี่ย...” พูดปุ๊บมันก็ลบปั๊บ
กรี๊ดดด!!!...ไอ้บ้านี่ฉันจะฆ่านาย TT^TT
วิธีที่ 2 “ด้ายแดงแห่งรัก”
ให้เอาด้ายแดงยาวหนึ่งฟุตมาม้วนแล้วแปะทับด้วยพลาสเตอร์ที่ข้อมือซ้ายเป็นเวลาสามวัน จะทำให้เนื้อคู่ปรากฏออกมา... ( ค่อนข้างเสี่ยงเพราะถ้าเนื้อคู่ฉันไม่ใช่เขาคงได้ช็อกตาย แต่เอาเถอะ...เผื่อคนๆนั้นจะหล่อพอสูสี ฮี่ๆๆ... )
พักเที่ยงวันอังคาร...ฉันยังคงประคับประคองเคล็ดลับเล็กๆที่ข้อมือซ้ายเอาไว้ได้ จนกระทั่งยัยแตงโมถือจานข้าวราดแกงมานั่งข้างๆแล้วเอ่ยถามว่า
“ข้อมือแกเป็นอะไรน่ะ?”
“เอ่อ...เป็นแผลนิดหน่อยน่ะ” ฉันตอบเลี่ยงๆ
“อ้าว...มีด้ายอะไรติดอยู่ตรงพลาสเตอร์น่ะเดี๋ยวโดนแผลแล้วติดเชื้อกันพอดี มาๆ...ฉันช่วยดึงออกให้!” พูดปุ๊บมันก็ดึงออกไปด้วยความหวังดี
จบ!!!...ขอบใจมากเพื่อนรัก TT_TT*
วิธีที่ 3 “สร้างเสน่ห์ให้ตัวคุณเอง”
ไม่ต้องทำอะไรแค่ใจกล้าไปยืนตรงหน้าให้เขาเห็นคุณก็เพียงพอ... ( วิธีนี้ดูง่ายๆน่าลองสุดๆ )
เย็นวันพุธ...ฉันซุ่มมองหาเรตะจากแถวประตูหน้าโรงเรียนเพื่อรอจังหวะที่เขาอยู่คนเดียวตอนกลับบ้าน สายตาฉันกวาดไปทุกทิศก่อนพบเป้าหมายสะพายกระเป๋าเดินออกมาจากอาคารพอดี อ๊ะ...ตอนนี้ล่ะ! ฉันรีบกระโดดเข้าไปยืนดักหน้าเขาที่กำลังก้มหน้าก้มตาพลางตะโกนเรียก
“เร...”
พลัวะๆๆ ตึงๆๆ...!!!
กองทัพสตรีวิ่งเข้ามาพุ่งชนฉันจนกระเด็นกระดอนออกจากวงโคจร ก่อนที่ฉันจะยืนมองผู้หญิงเกือบยี่สิบคนที่โผล่พรวดมาจากไหนไม่รู้กำลังห้อมล้อมเขาแล้วพูดว่า
“กลับบ้านด้วยกันนะเรตะ”
พอๆๆ...พอกันที!!! จะไม่ทำตามไอ้คู่มือบ้าๆนี่แล้ว ทันทีที่กลับมาถึงบ้านฉันก็ปาหนังสือเล่มนั้นลงพื้นอย่างหัวเสีย
ให้ตายเถอะ...ไร้สาระที่สุด...ทำไมฉันถึงได้หลงเชื่อทำอะไรงี่เง่าๆแบบนี้นะ มันจะเป็นจริงไปได้ยังไง อย่าว่าแต่ให้มาสนใจเลยแค่ให้มองเห็นฉันยังยากเต็มทน!
“ฮ่าๆๆ...มิน่าล่ะ ฉันก็ว่าช่วงนี้แกดูแปลกๆเพราะมัวไปทำไอ้เทคนิคสร้างรักแบบญี่ปุ่นนี่เอง” ยัยแตงโมหัวเราะร่วนทันทีที่ฉันโทรไปเม้าท์ให้มันฟังทางโทรศัพท์
“อ้าว...ก็มันอาจได้ผลนี่หว่า!”
“แล้วได้ผลมั้ยล่ะ?”
“ชิ!!!” ฉันส่งเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆในลำคอแทนการตอบ ทำให้เพื่อนรักยิ่งหัวเราะเข้าไปใหญ่...
“ยัยบ้าซูกัส...ถ้าของแบบนี้มันได้ผลจริงๆคนคงรักกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว”
ก็ว่างั้น...มิน่าล่ะหนังสือถึงได้ลดราคาซะเยอะแยะเพราะขายไม่ออกนี่เอง
“เฮ้อ...ช่างมันเถอะ ฉันล่ะหมดหวังแล้ว!”
“จริงๆแกน่ะไม่มีหวังด้วยซ้ำ ส่วนเทคนิคเคล็ดลับอะไรนั่นเปลี่ยนเป็นคุณไสยยังพอลุ้นกว่านี้อีกนะยะ”
“ก็ว่างั้นล่ะ”
“ว่าแต่...แกทำรายงานวิชาภูมิศาสตร์ที่จะต้องส่งพรุ่งนี้หรือยัง?” คำถามของเพื่อนรักทำให้ฉันถึงกับอึ้งจนเงียบไป มันเลยรีบพูดต่อว่า
“อย่าบอกนะว่าแกลืม”
ก็ลืมนะเซ่!!! กรี๊ดดด...
“แค่นี้ก่อนนะแก...สงสัยคืนนี้ไม่ได้นอนแน่ๆเลย!”
ไม่ได้แล้ว...ต้องรีบทำโดยเร่งด่วน!
“เออ...สมน้ำหน้า!!!” พูดจบมันก็กดวางสายไป
ให้ตายเถอะ...เป็นเพราะไอ้คู่มือบ้านั่นแท้ๆทำให้ฉันมัวแต่หลงงมงายจนลืมทำงานทำการไปเลย ( โบ้ย TT3TT )
ตีสองกว่าเข้าไปแล้ว...แต่ฉันก็ยังไม่ได้นอนเพราะต้องทำรายงานกองโต สองมือที่ตวัดปากกาย่อเนื้อหาจากหนังสือหลายสิบเล่มเริ่มอ่อนล้าจนทำให้หนังตาทำท่าจะปิดไปด้วย อีกทั้งลมเย็นๆที่พัดผ่านเข้ามาจากทางหน้าต่างซึ่งเปิดระบายอากาศเอาไว้กำลังจะกล่อมให้ฉันเคลิ้มหลับเพราะสบายตัวจนบอกไม่ถูก
พรั่บๆๆ!!!
เสียงอะไรบางอย่างทำให้ฉันสะดุ้งจากภวังค์พลางเหลียวซ้ายแลขวามองหาที่มาก็พบว่าเป็นคู่มือสร้างรักแบบฉบับสาวฮอต!!! ที่วางอยู่บนพื้นกำลังถูกลมพัดจนกระดาษเปิดไปมาแล้วหยุดที่หน้าเกือบสุดท้าย ฉันมองภาพประกอบเป็นรูปนาฬิกาล็อคเก็ตกับเนื้อหาที่ดูแปลกกว่าหน้าอื่นๆทำให้ต้องหยิบขึ้นมาอ่านด้วยความสนใจ
“วิธีสะกดจิตแบบง่ายๆ ให้ลองนำนาฬิกาล็อคเก็ตไปแกว่งต่อหน้าคนที่คุณรักแล้วพูดในสิ่งที่ต้องการ ถ้าเป็นเนื้อคู่กันรับรองว่าเห็นผลทันที!“
เฮอะ...ท่าจะบ้า มันจะไปสำเร็จได้ยังไงต่อให้เป็นเนื้อคู่กันก็เถอะ ในเมื่อไม่ได้เรียนการฝึกสะกดจิตที่ถูกต้อง
ปังๆๆ!!!
ฉันทุบประตูห้องเสียงดัง ก่อนที่ คูก้า น้องชายจอมแสบซึ่งอายุห่างกันแค่หนึ่งปีจะโผล่หน้าออกมาแล้วเอ่ยถาม
“มีอะไรพี่ซูกัส...ผมหลับไปแล้วนะเนี่ย”
“อย่ามาแหล...ฉันรู้ว่าแกแอบดูหนังโป๊อยู่!!!”
“หนังโป๊บ้าบออะไร เขาเรียกว่าสารคดีสร้างความสุขให้ตัวเอง” ดันไม่แก้ตัวอีก...ไอ้น้องเลว =_=”
“จะอะไรก็ช่างเถอะ...เอานาฬิกาล็อคเก็ตที่แฟนแกให้เมื่อปีก่อนมาให้ฉันยืมหน่อยสิ” ฉันเอ่ยบอกมันพลางแบมือ
“แฟนอะไร...แฟนเก่าต่างหาก เอ่อ...รอแปบนะเดี๋ยวหาก่อน” พูดจบมันก็ไปค้นลิ้นชักชั้นวางของข้างหัวเตียงพลางนำออกมาส่งให้ เป็นนาฬิกาล็อคเก็ตสีเงินมีลวดลายวิจิตรพอสมควร
“อ๊ะ...เอาไป ใช้เสร็จแล้วคืนด้วยจะเก็บเป็นคอลเล็คชั่นของขวัญจากบรรดาแฟนเก่า”
ชั่วจริงๆ...ฉันแอบด่ามันในใจพลางเดินจากไปเพื่อทำรายงานต่อ...
แม้มันจะไร้สาระแต่ก็อยากลองดูอีกสักครั้งเพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ฉันครุ่นคิดขณะนั่งเอ้อระเหยตรงโต๊ะเขียนหนังสือพลางเปิดล็อคเก็ตดูด้านในก็พบรูปสาวน้อยหน้าตาน่ารัก เฮ้อ...น่าเสียดายจังที่มาหลงผิดคบนายคูก้าน้องชายของฉัน เพราะไอ้หมอนี่เจ้าชู้สุดๆมีแฟนคนแรกตั้งแต่อยู่ชั้นประถมฯทั้งที่พี่สาวมัน ( นั่นก็คือฉัน ) ยังไม่เคยมีแฟนเลยแท้ๆ TT^TT
กว่ารายงานจะเสร็จก็ปาไปตีห้าฉันเลยอดใจไม่นอนสักงีบเพราะกลัวหลับยาว พลางรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปทานอาหารเช้าที่คุณแม่ทำเผื่อไว้ให้ก่อนออกไปทำงาน
“โห...ตื่นเช้าชะมัด!!!” คูก้าที่เพิ่งเดินลงบันไดมาเอ่ยทักทันทีที่เห็นฉันอยู่ในชุดนักเรียนกำลังทานขนมปังปิ้งกับนมสดใกล้เสร็จแล้วขณะที่มันเพิ่งตื่น
เฮอะ...ฉันยังไม่ได้นอนต่างหาก TT^TT
“จะไปโรงเรียนพร้อมกันมั้ย?” ฉันถามน้องชายเพราะเราสองคนอยู่โรงเรียนเดียวกัน
“ไม่อะ...ไปกับพี่ผมหมองทุกที รู้มั้ยว่าเพื่อนๆผมบอกว่าพี่เป็นลูกเก็บมาเลี้ยงแน่ๆหน้าตาถึงได้ห่างไกลคนละโยชน์กับผม ฮ่าๆๆ”
ฟังแล้วอยากต่อยปากมัน
“เออ...ไอ้หล่อยีนเด่น ฉันมันไม่สวยยีนด้อย พอใจมั้ย!” ฉันแขวะน้องชายที่หัวเราะเบาๆ พลางลุกออกจากตรงนั้นเพื่อเตรียมไปโรงเรียน ก่อนตรวจเช็คความเรียบร้อย
ผมเผ้าโอเค... ^o^b
เสื้อผ้าโอเค... ^o^b
กระเป๋าโอเค... ^o^b
หน้าตา ( ไม่ค่อย ) โอเค... =_=P
แล้วก็นาฬิกาล็อคเก็ตที่สวมคอโอเค... เมื่อครบถ้วนฉันก็เดินออกจากบ้านไป แต่เพียงสิบนาทีก็ต้องย้อนกลับมาใหม่
“อ้าว...ยังไม่ไปอีกเหรอ?” น้องชายจอมแสบถามด้วยความสงสัย
ฉันคว้ารายงานที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะอาหารขึ้นมาแล้วตอบว่า
“ฉันลืมรายงาน” ( TT^TT < หน้าฉัน )
“....” ( =_=* < หน้าน้องชาย )
เจริญจริงๆ...เรื่องไร้สาระนี่ไม่เคยลืมแต่ดันลืมเรื่องสำคัญ ฉันด่าทอตัวเองพลางแบกรายงานออกไปจนกระทั่งถึงโรงเรียนตอนหกโมงสี่สิบ เวลานั้นมีนักเรียนทยอยมาบ้างแล้วแต่ยังน้อยอยู่ จะขึ้นห้องเรียนก็ขี้เกียจเลยเดินไปทางสนามบาสเก็ตบอลด้านหลังเพื่อหาที่นั่งพักเพราะแถวนั้นมีโต๊ะหินอ่อนหลายสิบตัวตั้งอยู่
พลัน...สายตาฉันเหลือบไปพบ “เรตะ” เขากำลังอ่านหนังสือตรงโต๊ะหินอ่อนตัวหนึ่ง ที่สำคัญ คือ อยู่คนเดียวแถมรอบข้างยังปลอดคน!
ไชโย!!! นี่เป็นโอกาสของฉันแล้ว
“เรตะคุง!!!” ฉันเอ่ยเรียกด้วยเสียงที่ดังพอสมควร เขาค่อยๆเงยหน้ามองฉัน
เปรี้ยะ!!!
โอ้ย...รู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าสปาร์คไปทั้งตัวเมื่อได้สบตา สมกับคำร่ำลือจริงๆที่บอกว่าเพียงแค่สบตาก็สามารถปลิดชีพได้เพราะหัวใจฉันมันกำลังละลายจนเกือบลืมว่าตัวเองมาทำอะไรตรงนี้
“Na-ni...เอ่อ...มีอะไรเหรอครับ?” น้ำเสียงทุ้มๆนุ่มๆเอ่ยถาม ฉันพยายามสงบสติและความตื่นเต้น
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เข้าใกล้เขาแบบนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสบตาและมองฉัน
และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับฉัน
“เอ่อ...คือ...ขอโทษนะคะ” ฉันขอโทษพลางจะเดินหนีเพราะใจฝ่อ TT^TT แต่เมื่อคิดได้ว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีง่ายๆขนาดเขาย้ายเข้ามาเรียนเกือบครึ่งปีฉันเพิ่งได้ใกล้ชิดเขาที่สุดก็วันนี้เลยจำใจหันกลับไปหาอีกครั้ง
“เอ่อ...คือว่า...”
“ว่าไงครับ?” เขาถามกลับมาอีกครั้งด้วยสีหน้างุนงงแบบหล่อๆ =///=
ฉันไม่ตอบอะไรรีบถอดนาฬิกาล็อคเก็ตออกจากคอแล้วเอาไปแกว่งต่อหน้าเขาทันที พลางครุ่นคิดถึงคำอธิบายในหนังสือ... “วิธีสะกดจิตแบบง่ายๆ ให้ลองนำนาฬิกาล็อคเก็ตไปแกว่งต่อหน้าคนที่คุณรักแล้วพูดในสิ่งที่ต้องการ ถ้าเป็นเนื้อคู่กันรับรองว่าเห็นผลทันที!“ สิ่งที่ฉันต้องการงั้นเหรอ...
“ให้ฉันเป็นแฟนคุณได้มั้ยคะ?” ฉันโพล่งออกไปขณะที่เรตะมองนาฬิกาล็อคเก็ตนั้นด้วยสีหน้าอึ้งๆและชะงักไปพักใหญ่
มันจะได้ผลหรือเปล่าเนี่ย เขาต้องหาว่าบ้าแน่ๆ...ทำไมฉันไม่เอาโอกาสนี้แนะนำตัวแล้วพูดคุยปกติมากกว่ามาทำอะไรงี่เง่าแบบนี้นะ!!! TT^TT
พลัน...เขาก็เอื้อมมาจับข้อมือฉันไว้
หมับ!!!
สติแทบหลุดกระเจิง...เรตะจับมือฉัน! สาบานว่าจะไม่ล้างไปทั้งชีวิต ก่อนจะต้องช็อคยิ่งกว่าเมื่อเขายิ้มหวานส่งให้แล้วพูดว่า
“Hai
Anata wa boku no kanojo ni narimashita” ( ได้ครับ...คุณเป็นแฟนของผมแล้ว )
พระเจ้า...บอกฉันทีว่านี่คือความฝัน!!!
ความคิดเห็น