ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Evil-Dragon อันธพาลสุดโฉด VS ยัยโหดสุดแสบ

    ลำดับตอนที่ #1 : อะไรกันวะ!

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 61


    ตอนที่ 1 : อะไรกันวะ!

             เสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกผู้ชายดังเอ็ดตะโรโวยวายพลางวิ่งไล่แย่งกันเตะลูก กลมๆสีขาวสลับดำอยู่ในสนามฟุตบอลสีเขียวสด ผมนั่งมองดูพวกเขาจากโต๊ะหินอ่อนข้างสนามฟุตบอลอย่างเบื่อหน่าย วันหนึ่งๆผ่านไปโดยไม่มีอะไรให้ทำ ไม่มีอะไรน่าสนุกสนาน นอกจากตื่นเช้าขึ้นมาก็แหกขี้ตาไปโรงเรียน เล่นๆ เรียนๆ แล้วนั่งจับเจ่าอย่างเบื่อหน่ายหลังเลิกเรียนก็เท่านั้น เพราะถึงบ้านกลับไปก็ไม่มีอะไรให้ทำ อย่างน้อยอยู่ที่โรงเรียนยังได้ยินเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจบ้างไม่เงียบเหงาจนเกิน ไป

             “จี...มานั่งซึมกระบือ เอ้ย...กระทืออยู่ได้ ไม่กลับบ้านกลับช่องสักทีวะ” ฟิล์ม เพื่อนสนิทของผมเดินเข้ามาตบบ่าแล้วนั่งลงข้างตัว

             “นั่นสิ...ทำหน้ายังกับหมาหงอย” โอ๊ค เพื่อนร่วมก๊วนอีกคนเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ ผมแทบยกเท้าใส่ให้เป็นคำตอบ

             ”ให้มันน้อยๆหน่อย ฉันเป็นหัวหน้าพวกแกนะ” ผมไม่ได้โอ้อวดแต่อย่างใด เพราะผมคือหัวหน้าแก๊งค์อันธพาลอันดับหนึ่งในตอนนี้ ถ้าพูดถึง จี Evil-Dragon รับรองว่าไม่มีใครรู้จัก เอ้ย...ไม่มีใครไม่รู้จัก =_=” สมัยก่อนแก๊งค์ของพวกเรายังไม่โดดเด่นได้ขนาดนี้เนื่องจากตอนนั้นยังมี แก๊งค์อันธพาลผู้ทรงอำนาจอีกกลุ่มขึ้นปกครองอยู่ นั่นคือ D@rK-DeviL ทว่า...ตอนนี้มันก็กลายเป็นเพียงอดีตเท่านั้น เพราะ D@rK-DeviL ได้ยุบแก๊งมาเกือบสองปีแล้วตั้งแต่ผมอยู่มัธยมศึกษาปีที่สี่ จนบัดนี้อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก

             คิว หัวหน้าแก๊งค์ D@rK-DeviL ที่แก่กว่าผมสองปีก็ไปร่ำเรียนใช้ชีวิตเฟรชชี่ในรั้วมหาวิทยาลัยเรียบร้อย แล้ว ได้ข่าวว่าเลิกยุ่งกับวงการอันธพาลโดยเด็ดขาดเพราะหลงแฟนหัวปักหัวปำ =_=* ปัญญาอ่อนที่สุด! ทั้งๆที่กฎของแก๊งค์คือห้ามคบผู้หญิง ตัวเองดันไปคบเองซะงั้น แก๊งค์ก็เลยพังไม่เป็นท่า ผมไม่มีทางหลงผิดแบบนั้นแน่ๆ...แต่คิดแล้วก็อดเสียดายคู่ปรับฝีมือดีไม่ได้ จริงๆ

             “ปัดโธ่เว้ย...!!!” โครม!!! ผมทุบโต๊ะหินอ่อนเสียงดังอย่างหงุดหงิดใจที่สุดเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น มันก็ดีอยู่หรอกที่แก๊งค์ Evil-Dragon ขึ้นมาแทนที่ D@rK-DeviL แต่...มันน่าเบื่อไม่มีอะไรทำ สมัยก่อนพวกเรายังได้แข่งขันกับพวกนั้นแย่งชิงความเป็นหนึ่ง ทว่า...เมื่อได้ความเป็นใหญ่มาครอบครองกลับไม่มีอะไรสนุกๆ พวกแก๊งค์เล็กๆกระจอกๆไม่มีใครมากล้าท้าแข่งขันประชันกับพวกเราสักคน ห่วยแตกที่สุด!

             ”ทำหน้าหงิกหน้างอแบบนี้ แสดงว่าแกต้องคิดถึงพวก D@rK-DeviL อยู่แน่ๆ...” ฟิล์มเอ่ยราวกับรู้ใจ

             “ก็ใช่...” ผมสารภาพไปตามตรง ก็มันน่าเบื่อ ตลอดสองปีมานี้ไม่มีอะไรน่าสนุกๆทำเลย ชีวิตขาดสีสันสุดๆ

             “จะว่าไป สมัยก่อนพวกเราไม่ถูกกับ D@rK-DeviL เลยนะ พยายามล้มล้างอำนาจตลอด แต่พอไม่มีพวกมันแล้วก็อดโหวงเหวงไม่ได้” โอ๊คเอ่ยขึ้นมาอีกคน

             “อ๊ะ...ฉันคิดอะไรสนุกๆขึ้นมาได้ล่ะ” ฟิล์มปิ๊งไอเดียขึ้นมา ทำให้ผมกับโอ๊คสนอกสนใจทันที

             ”อะไรวะ...?”

             ”นั่นสิ...รีบๆบอกมาเร็ว...” ผมเร่งเร้าอยากรู้สุดๆ ช่วงนี้ไม่มีอะไรทำ พอมีอะไรให้น่าสนใจก็อดตื่นเต้นไม่ได้

             ”ฉันมีวิธีทำให้ D@rK-DeviL กลับมาล่ะ แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์นะ” ฟิล์มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แม้ไม่เต็มร้อยเหมือนอย่างที่พูดก็ตาม

             ”ยังไงวะ?” โอ๊คสงสัยไม่ต่างจากผม ฟิล์มจุ๊ปากเบาๆเอ่ยตอบกลับมา

             ”มีวิธีละกันน่าแต่ฉันขอลุยเอง เออ...พวกแกต้องปิดเงียบไว้นะ ห้ามบอกใคร ไม่งั้น...แย่แน่ๆ...” พวกผมพยักหน้ารับคำ ฟิล์มแสยะยิ้มเล็กๆพร้อมดวงตาที่ฉายแววเจ้าเล่ห์ มันจะทำอะไรของมันนะ! แต่เอาเถอะ...ขอแค่พวก D@rK-DeviL กลับมาทำให้ครึกครื้นเหมือนเดิมได้ก็พอ!


             เช้าวันรุ่งขึ้นก็เหมือนเช่นทุกๆวันที่ผมต้องแหกขี้ตาแต่เช้าเพื่อไป โรงเรียน เฮ้อ...เบื่อชะมัดยาด จะโดดก็ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะขยันหรืออะไรหรอกนะ แต่เพราะว่าขาดครบทุกวิชาแล้ว ขืนหยุดหรือโดดอีก...มีหวังโดนบุพการีซ้อมแน่ๆ

             ผมขี่มอเตอร์ไซค์ฉวัดเฉวียนบนท้องถนนอย่างเบื่อหน่าย... วันนี้อากาศน่าจะร้อนพอตัว ยังไม่สายแดดก็จ้าเสียแล้ว แอบโดดเข้าแถวเคารพธงชาติไปหลบหลังสแตนด์เชียร์ตรงสนามฟุตบอลดีมั้ยนะ ( โดดเรียนไม่ได้...โดดเคารพธงชาติก็เอาฟะ! ) ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะจนขี่รถเลี้ยวมาถึงบริเวณ แถวโรงเรียนเอกชน O.S.I. ที่ๆผมเรียน สายตาก็ไปสะดุดกับกลุ่มนักเรียนที่มุงดูหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าบริเวณแผงลอย ข้างทาง ด้วยความที่เป็นคนมีมรรยาทก็อดไม่ได้ที่จะสอดรู้สอดเห็นซะหน่อย =_=”

             ”ถอยไปหน่อยเด่ะ...มุงดูอะไรกันวะ?” ผมไล่พวกนักเรียนที่ยืนออแต่แรกให้ออกไป ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร =_=* ก่อนจะตกตะลึงกับข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับ

             # แก๊งค์อันธพาล D@rK-DeviL แข่งมอเตอร์ไซค์ป่วนถนน ชาวบ้านร้อนรนแจ้งจับ! ( อ่านต่อหน้า 2 )

             # D@rK-DeviL ประกาศกร้าวปิดถนน ท้าแข่งรถทุกคืน... ( อ่านต่อหน้า 16 )

             # ชาวบ้านอดหลับอดนอน แก๊งค์มอเตอร์ไซค์ D@rK-DeviL ป่วนกรุงฯ แจ้งจับแต่ลอยนวล ( อ่านต่อหน้า 5 )


             ผมคว้าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาเปิดข่าวหน้าในอย่างรวดเร็ว อาแปะเจ้าของแผงเห็นผมเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ที่วางขายของแกก็เอาแส้ปัดฝุ่นมา ปัดแถวๆผม

             ”อาตี๋...ลื้ออย่าเอาของซื้อของขายมาเปิดอ่านหน้าด้านๆเซ่...” ผมลดหนังสือพิมพ์ที่บังหน้าลง ก่อนมองแกด้วยสายตาเป็นมิตร... =_=*

             ”เฮื้อกก...อ๊ะ...อาจีเองเหรอ อั๊วนึกว่าใคร...เอ่อ...จะเอาไปเลยก็ได้นะ อั๊วยกให้...” พูดจบแกก็ตาลีตาเหลือกเข้าหลังร้านไป อะไรฟะ...ตูยังไม่ได้ทำอะไรเลย =_=” เมื่อได้รับอนุญาตผมก็คว้าหนังสือพิมพ์ขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์เข้าโรงเรียนไป

             “แก๊งค์อันธพาล D@K-DeviL ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ป่วนกรุงฯวุ่นวาย...เมื่อคืนนี้มีกลุ่มวัยรุ่นนับสิบรวมตัวกันแถวถนน XXX ย่านชานเมือง แข่งมอเตอร์ไซค์ส่งเสียงดังหนวกหูน่ารำคาญจนชาวบ้านในย่านนั้นทนไม่ไหวต้อง โทรเข้าแจ้งความ ทางสถานีตำรวจ XXX ส่งตำรวจไปตรวจสี่ถึงห้านายแต่พวกกลุ่มวัยรุ่นไหวตัวทันชิ่งหนีไปเสียก่อน โดยทิ้งข้อความบนกำแพงพ่นด้วยสเปรย์สีแดงว่า “D@rK-DeviL กลับมาแล้ว” ผู้เห็นเหตุการณ์บางคนให้การว่า ได้ยินพวกกลุ่มวัยรุ่นตะโกนเสียงดังว่าจะท้าแข่งมอเตอร์ไซค์ทุกคืน ซึ่งทางตำรวจต้องรอดูเหตุการณ์ต่อไปแต่ก็จะพยายามตามจับและนำตัวมาดำเนินคดี ให้ได้โดยเร็ว” โอ๊คอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นด้วยสีหน้างงๆไม่ต่างไปจากผมที่กำลังเท้าคาง ครุ่นคิดอยู่บริเวณโต๊ะหินอ่อนข้างสนามฟุตบอลซึ่งเป็นที่พำนักประจำ

             ”D@rK-DeviL กลับมาแล้วจริงเหรอ...รู้สึกทะแม่งๆยังไงไม่รู้ว่ะ” โอ๊คบ่นขึ้นมา

             ”เออสิ...มันน่าแปลกจริงๆด้วย อย่าง D@rK-DeviL คงไม่ทำเรื่องปัญญาอ่อนพรรค์นี้หรอกมั้ง ไอ้การแข่งมอเตอร์ไซค์ป่วนเมืองแบบนี้มันไร้สาระยังไงไม่รู้” ( พูดเหมือนสมัยก่อนไม่เคยทำเลยตู =_=” )

             ”แสดงว่ามีแก๊งค์อื่นมาแอบอ้างงั้นเหรอ...?”

             ”น่าจะใช่นะ...อยากรู้จริงๆว่าแก๊งค์ไหนเป็นคนทำ แม่ง...ปัญญาอ่อนสิ้นดี!” ผมเอ่ยอย่างหงุดหงิดใจ สายตาเหลือบไปเห็นฟิล์มที่เดินยิ้มหน้าบานเข้ามาแต่ไกล

             “มานี่เลยไอ้ฟิล์ม แกเห็นข่าวนี่หรือยัง...?” ผมกวักมือเรียกมันพลางโชว์หนังสือพิมพ์ให้ดู

             ”ว้าว...ลงข่าวได้แจ่มมากเลย...” ฟิล์มคว้าหนังสือพิมพ์ไปชมเปราะ ผมกับโอ๊คมองหน้ากัน ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดี...

             ”ไอ้ฟิล์ม อย่าบอกนะว่า...” ผมไม่กล้าพูดต่อเลย ไม่อยากให้ความคิดที่ผุดขึ้นมาในสมองตอนนี้เป็นเรื่องจริง

             ”เออ...ฉันเป็นคนไปแข่งมอเตอร์ไซค์โดยใช้ชื่อ D@rK-DeviL เอง” อ้ากกกก...ผมอยากตาย! เมื่อได้ฟังคำพูดจากปากฟิล์ม นี่ตูว่าแก๊งค์ตัวเองปัญญาอ่อนเหรอเนี่ย...สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่ง Evil-Dragon โปรดประทานอภัยให้ลูกด้วย ( มันมีด้วยเหร้อ! =_=” จาก Sw. )

             ”ไอ้ฟิล์มแกทำอย่างนี้ทำไมวะ...?” โอ๊คถามมันด้วยสีหน้ากลุ้มอกกลุ้มใจไม่แพ้กัน...

             ”เอ้า...ก็ทำให้ D@rK-DeviL กลับมาไง” ฟิล์มเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย

             ”ไอ้บ้า!!!...ให้ D@rK-DeviL จริงๆกลับมา ไม่ใช่ไปปลอมชื่อแก๊งค์มันเพื่อให้ชื่อกลับมาเว้ย...” ผมโวยวายใส่มัน ฟิล์มทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกลับมาทันที...

             “โอ้ย...ฉลาดเหลือเกินหัวหน้าตู...ไอ้จี ไอ้โอ๊ค ฟังฉันก่อนสิเว้ย โวยวายแตกตื่นเป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้ ฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องเอาพวก D@rK-DeviL กลับมาจริงๆ แต่...วิธีที่ฉันใช้เนี่ยอารมณ์มันเหมือนล่อเสือออกจากถ้ำไง สร้างข่าว ประโคมข่าวออกมาให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ฉันว่าพวก D@rK-DeviL มันต้องทนไม่ไหวยอมกลับมากู้ชื่อเสียงคืนแน่ๆ...เข้าใจยัง” ออ...ฉลาดมาก ผมกับโอ๊คพยักหน้าหงึกหงัก

             ”แสดงว่าตอนนี้ก็ได้แต่รอเวลาใช่มั้ย?” ผมถามกลับไป

             ”ใช่...แต่คงต้องสร้างเรื่องให้มากกว่านี้อีกหน่อย รับรองว่าพวกมันต้องทนไม่ไหวแน่ๆ...” ฟิล์มตอบกลับมา หึหึ...ก็ดีเหมือนกัน น่าสนุกดี...


             # ป่วนไม่เลิก!!! D@rK-DeviL จี้ชิงทรัพย์ย่านชุมชน ( อ่านต่อหน้า 2 )

             # D@rK-DeviL อุกอาจกลางกรุงฯ ซ้อมเหยื่อก่อนรีดไถหมดตัว ( อ่านต่อหน้า 14 )

             # ปางตายเหยื่อ D@rK-DeviL โดนซ้อมน่วม หามส่งโรงพยาบาล ( อ่านต่อหน้า 18 )


             ผมแทบปาดเหงื่อเมื่ออ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่กองพะเนินบนโต๊ะหิน อ่อนข้างสนามฟุตบอลในวันต่อมา ผมกับโอ๊คมองฟิล์มที่นั่งเอนกายพิงต้นไม้ลัลล้าเอาขาพาดโต๊ะเล่นเกม Nintendo DS ที่เพิ่งถอยออกมาใหม่เอี่ยม ผมล่ะไม่อยากถามเลยว่ามันไปเอาเงินมาจากไหน =_=”

             “เฮ้ย...แกไม่เล่นแรงไปหน่อยเหรอวะ อาการปางตายเลยน่ะนั่น” โอ๊คเอ่ยถามเมื่อเห็นภาพข่าว ชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบห้าปีหัวแตกเลือดอาบเต็มใบหน้า เสื้อผ้าขาดกระรุ่งกระริ่ง =_=”

             “นั่นสิ...ฉันว่า พวกเราจะโดนลากเข้าซังเตก่อนที่ D@rK-DeviL จะกลับมาแน่ๆเลยว่ะ” ผมสมทบ รู้สึกอนาคตมืดมนพิกล TT^TT

             ”ฮ่าๆๆ...ไม่หรอก นักข่าวมันเขียนเว่อร์ไปงั้นแหละ ถ้าแค่หัวแตกกับโดนกระชากไปกระชากมาแค่นั้นแล้วตายก็ซวยสุดๆแล้ว” ฟิล์มตอบขณะเล่นเกมส์ไปด้วย

             ”แต่แกแน่ใจใช่มั้ยว่ามันจะไม่เป็นอะไรจริงๆ” โอ๊คถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

             ”เออสิวะ...อย่าห่วงไปเลยน่า...” ฟิล์มตอบกลับมาแบบกึ่งรำคาญหน่อยๆ

             “แล้ววิธีต่อไปแกจะทำอะไร...?” ผมถามบ้างเพราะอยากรู้แผนการที่มันวางไว้ ฟิล์มหยุดเล่นเกมส์แล้วทำท่าทางครุ่นคิดสักพัก

             ”เอ่อ...ก็คงแข่งมอเตอร์ไซค์ ปล้นจี้อีก แล้วก็...ยกพวกตีกับโรงเรียนอื่น ทำลายข้าวของตามร้านค้า...”

             ”พอๆๆ...ทำไมแกไม่ค้ายาฆ่าข่มขืนไปด้วยเลยล่ะเว้ย” ผมประชดด้วยความสัตย์จริง ยิ่งฟังมันพูด...ยิ่งเห็นตะราง ข้าวผัด โอเลี้ยงรำไร

             ”คิดอยู่เหมือนกัน...ฮา...จะบ้าเหรอ ล้อเล่นน่า...ก็คงแค่แข่งมอเตอร์ไซค์กับปล้นจี้สร้างข่าว แต่ถ้าพวก D@rK-DeviL ยังไม่ยอมปรากฏตัว ก็คงยกพวกไปตีกับโรงเรียนอื่นบ้าง ทำลายข้าวของบ้าง ไม่ถึงขนาดค้ายาฆ่าข่มขืนหรอก มันเกินไป...ฉันยังไม่สิ้นคิดขนาดนั้น” ฟิล์มเอ่ย... ขนาดยังไม่สิ้นคิดนะเนี่ย ผมล่ะไม่อยากเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์วันต่อๆไปเลย... แทบอยากภาวนาให้พวก D@rK-DeviL ปรากฏตัวมาเร็วๆก่อนที่ผมจะโดนร่างแหเข้าตะรางไปซะก่อน

             ”เฮ้อ...คิดๆแล้ว ฉันสงสารไอ้หมอนั่นว่ะ โดนรีดไถหมดตัวเลย...” โอ๊คพึมพำขึ้นมา

             ”เฮ้ย...จะไปสงสารทำไม กะอีแค่เศษเงินนิดหน่อยเอง หมดตงหมดตัวอะไรกัน” ฟิล์มบ่นกลับมา เหอะๆ...ไอ้บ้าเอ้ย...เศษเงินบ้านแกซื้อ Nintendo DS มาเล่นได้เหร้อ! ผมรู้สึกเท้ากระตุกพิกล =_=* หมั่นไส้มันจริง

             ”อ๊ะ...เกือบลืม ฉันซื้อของมาฝากพวกแกด้วยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไร้น้ำใจ...” ฟิล์มพูดพลางล้วงกระเป๋าก่อนส่งมือถือ Nokia N95 มาให้ผมกับโอ๊คคนละเครื่อง พระเจ้า!!! ไอ้ฟิล์มสาบานกับตูมาเดี๋ยวนี้เลย ว่า เศษเงินของแกสามารถซื้อมือถือเครื่องละเกือบสามหมื่นได้ถึงสองเครื่อง TT^TT ผมล่ะอยากบ้าตาย ใครมันจะไปกล้าใช้...จะโดนข้อหารับของโจรมั้ยฟะเนี่ย!!! ไอ้โอ๊คทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้เต็มแก่ ผมล่ะไม่อยากมองเลย...ไม่ใช่สมเพชเวทนาหรอกแต่กลัวจะเสียน้ำตาไปด้วย TT^TT

             ข่าว D@rK-DeviL กลับมา ดังไปทั่วโรงเรียนเอกชน O.S.I. และภายนอก นักเรียนหลายคนพูดถึงข่าวคราวที่เกิดขึ้น บ้างก็หวังให้ผมไปต่อยตีแย่งชิงอำนาจเหมือนแต่ก่อน เหอะ...ก็อยากอยู่หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะข่าวที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของไอ้ฟิล์ม เอ่อ...พวกเรา ( พยายามโบ้ยให้มันคนเดียว ) ตอนนี้ขืนไปก้าวก่ายมากๆมีหวังแผนแตกแน่ๆ ผมได้แต่หวังว่าการร่ำลือพวกนี้จะไปสะกิดต่อมคุณธรรมของฝ่ายตรงข้ามที่รอคอย ให้กลับมาได้โดยเร็ว จนกระทั่งตอนเย็นหลังเลิกเรียน

             “เย็นนี้ไปดื่มกันมั้ย...?” โอ๊คเอ่ยชวนผมกับฟิล์มที่กำลังขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ของใครของมัน

             ”ไม่ดีกว่า...คืนนี้ฉันมีงานต้องทำ” ฟิล์มปฏิเสธ แม้ไม่บอกว่างานอะไร แต่พวกเราก็รับรู้ได้เอง

             ”เอ่อ...ฉันก็ขอตัวว่ะ อยากนอน...” จริงๆผมไม่ตระเวนเพ่นพ่านต่างหาก เกิดไอ้ฟิล์มทำอะไรผิดพลาดขึ้นมาผมต้องซวยไปด้วยแน่ๆในฐานะหัวหน้าแก๊งค์ สู้อยู่บ้านกับบุพการีและญาติพี่น้องให้เห็นเป็นพยานว่าใสซื่อบริสุทธิ์ดี กว่า หุหุ...

             โอ๊ค และ ฟิล์ม ขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากโรงเรียนไปก่อน ขณะที่ผมยังเอ้อระเหยตามหลังไปอย่างช้าๆ มองรุ่นน้องผู้หญิงตามข้างทางไปด้วย =_=” ทว่า...ยังไม่ทันออกไปพ้นประตูรั้วก็พบกลุ่มนักเรียนกำลังมุงอะไรสักอย่าง ด้วยความที่มีมรรยาทอีกแล้ว ผมไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ รีบเข้าไป ส.ใส่เกือกทันที ผมแหวกฝูงคนเข้าไปอย่างถืออภิสิทธิ์ว่าตัวเองใหญ่ก่อนพบว่าตรงประตูรั้ว โรงเรียนนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาสะสวยราวกับนางฟ้า ผิวขาว ผมยาวมัดรวบ สวมแจ็คเก็ตยีนส์ทับเสื้อยืดสีดำเข้ากับกางเกงยีนส์ดูทะมัดทะแม่ง ท่าทางจะเป็นสาวมาดมั่นใช่เล่น

             ”สวัสดีครับ...มารอใครเอ่ย...?” ผมหยอดคำหวานเข้าไป ไม่รู้ว่าเธอมารอใครแต่หว่านไว้ก่อนเป็นดี เพราะผู้ชายในโรงเรียน O.S.I. ไม่มีใครกล้าแหยมกับผมอยู่แล้ว

             ”มารอคนที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนนี้ค่ะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานใสดุจระฆังแก้ว อ๊า...ไพเราะเหลือเกิน

             ”เอ่อ...ถ้าพูดถึงคนที่ใหญ่ที่สุด และ หล่อที่สุดไม่มีใครเกินผมแล้วล่ะครับ” ตอนที่พูดประโยคนี้จบรู้สึกได้ยินเสียงแหวะมาจากคนอ่าน ( เดี๋ยวปั้ดเหนี่ยว... ) =_=* เธอมองผม ดวงตาเราทั้งคู่ประสานกันราวกับในนิยายหวานแหววก่อนที่เธอจะเอ่ยว่า

             ”งั้นนายก็คือ จี แห่ง แก๊งค์ Evil-Dragon สินะ”

             ”อ๊ะ...ถูกต้องนะคร้าบบ...” ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชื่อเสียงเรียงนามของผมดังกระฉ่อนไปไกลจนทำให้สาวๆ คลั่งไคล้ขนาดตามมาที่โรงเรียน หุหุ...

             ”โอเค...งั้นก็ถูกคน...” ทันทีที่เธอพูดจบ เปรี้ยงงงงง!!!...หมัดเล็กๆก็ฮุกเข้าที่ใบหน้าของผมอย่างแรงจนเสียหลัก กระเด็นลงไปนอนที่พื้นด้วยความมึนงงสุดๆ...เฮ้ย...อะไรกันวะเนี่ย!!!

             ”นะ...นี่เธอ...อู้ย...ฉันไปทำอะไรให้เธอเนี่ย มาชกฉันทำไม?” ผมเอ่ยพลางเอานิ้วแตะริมฝีปาก เลือดสีแดงสดไหลซิบออกมา TT[]TT ฮึ่ย...หมัดหนักอิ๊บอ๋าย นักเรียนชายหลายคนที่เป็นสมาชิกแก๊งค์ Evil-Dragon รีบเข้ามาประคองผมจากพื้น แต่ช้ากว่าแม่สาวคนนั้น เธอเดินฉับๆเข้ามาผลักอกพวกนั้นแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบอกผม =[]=”

             “นายไม่ได้ทำอะไรให้ฉันหรอก แต่...นายกำลังสร้างความเดือดร้อนให้พี่ชายฉัน!!!” เธอตวาดเสียงดัง

             ”ฉันไปทำอะไรให้พี่ชายเธอตอนไหน ห๊ะ!!!” ผมโวยวายแม้จะถูกเหยียบอยู่ก็ตาม

             ”เมื่อคืนวานแล้วก็เมื่อคืนนี้!!!”

             ”จะบ้าเหรอ...เมื่อคืนวานกับเมื่อคืนนี้ฉันไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง!!!” ยัยบ้านี่ต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ

             ”ทำไมจะไม่ได้ทำห๊ะ!!! แล้วที่ชื่อ D@rK-DeviL หราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เนี่ยเป็นฝีมือใคร ถ้าไม่ใช่ Evil-Dragon ที่กล้าต่อตีมาตลอด!!!” ผมรู้สึกว่าน้ำลายในคอมันเหนียวเหลือเกิน...เมื่อฟังคำพูดนั้น...

             “อย่าบอกนะว่า...” ผมไม่กล้าพูดต่อ เธอแสยะยิ้มราวกับนางมารร้าย ดวงตาที่มองจ้องเคียดแค้นราวกับตกอยู่ในนิยายสยองขวัญ

             ”ฉัน ชื่อ ครีม เป็น น้องสาวพี่คิว แห่ง แก๊งค์ D@rK-DeviL !!! จำเอาไว้ให้ดีนะนายจี อย่าได้คิดสร้างเรื่องเลวร้ายอะไรให้พี่ชายฉันและแก๊งค์ D@rK-DeviL ต้องเสื่อมเสียอีก ไม่เช่นนั้น...จะโดนไม่ใช่น้อย!!!” พูดจบเธอก็ยกเท้าออกแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ผมอึ้ง ทึ่ง เสียว พระเจ้า!!! ใครก็ได้บอกตูที ว่า ยัยนี่มันไม่ใช่ผู้หญิง...

    + +
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×