ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนตราอาหรับ

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 59


    ตอนที่ 4

     

                    เสียงนกที่ร้องแปลกๆริมระเบียงคลายเปลือกตาหนักอึ้งให้เปิดลืมมองรอบตัวในเช้าตรู่ มือเล็กๆยันร่างบางขึ้นจากเตียงแล้วเอี้ยวบิดไปมาเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการนอน ก่อนลุกเดินออกไปสัมผัสอากาศยามเช้าอันแสนสดชื่น

                    เหยี่ยวทะเลทรายตัวหนึ่งเกาะขอบรั้วระเบียงทำให้มนตร์ทรายชะงัก มันจ้องมองนิ่งๆก่อนจะโผบินขึ้นทะยานสู่ฟากฟ้าที่ยังคงมืดสลัวคลายความกลัวของหญิงสาวซึ่งไม่คาดฝันว่าจะได้พบเจอ แม้ดวงตะวันยังไม่ขึ้นเหนือขอบทรายหากแต่แสงไฟจากบ้านเรือนก็เริ่มส่องเรืองรองบ่งบอกชีวิตใหม่ได้เริ่มต้นอีกครา เช่นเดียวกับเธอที่ต้องรีบชำระล้างร่างกายแล้วลงไปช่วยคุณยายจ่ายตลาดเช่นกัน

    ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆว่าเธออยู่ที่นี่มาหนึ่งอาทิตย์กว่าๆแล้ว เริ่มคุ้นเคยและชื่นชอบวิถีชีวิตเรียบง่ายแบบพื้นบ้านตามวัฒนธรรมอาหรับมากกว่าความเจริญในเมือง แม้การทำอะไรซ้ำซากเหมือนทุกวันจะดูน่าเบื่อแต่ก็เป็นสีสันบนความเรียบง่ายที่ไม่เคยพบเจอ ต้องออกไปซื้อกับข้าวในตลาดชุมชนแทนซูเปอร์มาร์เก็ต ช่วยทำความสะอาดร้านแทนโยนภาระหน้าที่ให้แม่บ้าน และคอยต้อนรับลูกค้าร่วมถึงบริการต่างๆกับคุณยายโดยมีคุณตาเป็นพ่อครัวมือหนึ่ง

    ลูกค้านั้นมีสามแบบ คือ คนที่มากินอาหาร คนที่มาสูบชิชา และ คนที่มากินอาหารแล้วสูบชิชาตบท้ายเป็นของหวาน จนมนตร์ทรายเชื่อจริงๆ ว่า...ชาวอาหรับนิยมสูบชิชาราวกับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ลูกค้ากลุ่มหนึ่งพยายามชักชวนเธอให้ลองสูบชิชากลิ่นผลไม้ หรือ ช็อกโกแล็ต แบบที่ผู้หญิงอาหรับชอบ แต่เธอปฏิเสธเพราะไม่เคยชินและกลัวติด

    เมื่ออาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า...ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งทำงานเสร็จในตอนเย็นจะรีบมาลิ้มรสอาหารฝีมือคุณตาก่อนกลับบ้านในกรณีที่ยังไม่มีแม่ศรีเรือนทำให้ร้านนี้คึกคักอยู่ตลอดเวลา และหน้าที่พิเศษอีกอย่างของมนตร์ทราย คือ การเปิดประตูต้อนรับแขกให้กลายเป็นความประทับใจแรกพบในกรณีลูกค้าใหม่ และ ทักทายเทคแคร์ลูกค้าเก่าไปในตัว เช่นตอนนี้...ทันทีที่ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาหญิงสาวก็ปรี่ออกไปหน้าร้านเพื่อเปิดประตูต้อนรับ

    ว่าไง เสียงทักทายนั้นดังขึ้นเมื่อหญิงสาวเปิดประตูออกไปพบเพื่อนชายซึ่งยืนยิ้มต้อนรับแทนเธอ

    ลีธ!!!”

    ถ้าไม่เกรงใจลูกค้าคนอื่นๆเธอจะตรงเข้าไปสวมกอดเขาเอาไว้ หากแต่ไม่อาจทำได้เพราะวัฒนธรรมอาหรับค่อนข้างถือเรื่องการแตะเนื้อต้องตัวเพศตรงข้ามในที่สาธารณะ ขืนทะเล่อทะล่าจะโดนตำรวจจับเอาเปล่าๆคราวนี้ชื่อเสียงคงได้กระฉ่อนอีกระลอก

    นายมาได้ไงเนี่ย?

    ก็ขับรถมาไง

    เขายียวนกวนประสาทไม่ต่างจากเดิมเลยแม้แต่น้อย ทำให้หญิงสาวอดหัวเราะเบาๆไม่ได้

    เข้ามาก่อนสิ เธอเอ่ยเชื้อเชิญ

    แน่นอน...วันนี้ผมมาเป็นลูกค้าร้านนี้ ไม่ได้มาหาทรายสักหน่อย!”

    ลีธเดินสวนผ่านมนตร์ทรายที่หุบยิ้มอย่างรวดเร็ว ก่อนนั่งลงตรงโต๊ะไม้ตัวหนึ่งริมหน้าต่างพลางรับเมนูอาหารจากมือเพื่อนสาวแล้วเปิดดูนั่นดูนี่อยู่สักพักอย่างชั่งใจเลือกไม่ถูก ทำให้พนักงานมือใหม่แอบหงุดหงิดเพราะเขามักมีปัญหาเช่นนี้บ่อยครั้งในการกินอาหารตามร้าน เลือกไม่ได้แล้วกลายเป็นสั่งตามเธอ

    นายยังเลือกไม่ได้อีกเหรอ?

    เอ่อ...ทรายคิดว่าอะไรอร่อยก็เอามาให้ผมล่ะกัน คำตอบนั้นทำให้หญิงสาวถึงกับยกมือกุมขมับ จะไปรู้ความชอบของแต่ละคนได้อย่างไร ถ้าเธอชอบแต่เขาไม่ชอบ หรือถ้าเขาชอบแต่เธอไม่ชอบ...ก็แย่น่ะสิ

    พิทต้ากับเคบับไก่เหมือนเดิมมั้ยคะ? คุณยายเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าต่างฝ่ายต่างจนปัญญามาสักพัก

    ดีเลยครับ...ที่คุณยายยังจำอาหารโปรดของผมได้

    มนตร์ทรายมั่นใจเต็มร้อยว่าเพื่อนชายเคยมาร้านนี้หลายครั้งอย่างที่เขาพูดไว้ในโทรศัพท์เมื่อหลายวันก่อน ไม่เช่นนั้นคุณยายคงไม่มีทางจำเมนูโปรดได้เป็นแน่ในเมื่อแต่ละวันมีลูกค้าเข้ามาในร้านนับร้อยคน

    เอ่อ...นี่ลีธเป็นเพื่อนที่ทำงานเก่าหนูเองค่ะ มนตร์ทรายรีบแนะนำให้คุณยายรู้เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ หากแต่สีหน้าของผู้สูงวัยกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย

    "คุณลีธก็เป็นเพื่อนชาซียา ฉะนั้นจะเป็นเพื่อนกับหนูแซนด์ก็ไม่น่าสงสัยหรอก...จริงมั้ย? หญิงชราเฉลยข้อกังขาของมนตร์ทรายซึ่งแสดงออกผ่านสีหน้าชัดเจนพลางเอ่ยต่อ หนูแซนด์...ยายวานเอารายชื่ออาหารไปให้คุณตาในครัวทีนะ

    ค่ะ

    เมื่อเห็นว่ามนตร์ทรายเดินออกไปแล้ว หญิงชราก็หันมาพูดคุยกับชายหนุ่มอีกครั้ง

    คุณลีธเป็นอย่างไรบ้างคะ?

    สบายดีครับ แล้วคุณตากับคุณยายสบายดีมั้ย ผมไม่ได้แวะมาที่นี่เสียนานดูร้านไม่เปลี่ยนไปเลย ออ...มีพนักงานใหม่เพิ่มขึ้นหนึ่งคน...ฮ่าๆ เขาหัวเราะแซวเพื่อนสาวซึ่งตอนนี้ผละออกจากห้องครัวไปบริการลูกค้าโต๊ะหนึ่งอย่างวุ่นวายแต่สนุกสนาน เมื่อสีหน้าของเธอนั้นไม่ปรากฏร่องรอยของความเครียดแม้นิดเดียว

    ก็สบายดีค่ะ... ขอบคุณนะคะที่มาอุดหนุนตากับยายเป็นประจำ

    ไม่เป็นไรครับ แต่...ผมอยากฝากให้คุณตากับคุณยายดูแลเพื่อนผมด้วยเท่านั้นก็พอ

    แน่นอนค่ะ หญิงชราตอบรับพลางขอตัวทำงานต่อและอนุญาตให้มนตร์ทรายเลิกงานเร็วขึ้นเพื่อไปนั่งคุยเป็นเพื่อนชายหนุ่มได้ตามสบาย เพราะร้านจะปิดในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเมื่ออาทิตย์ลาลับขอบฟ้าจนหมด ทำให้ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้ามาหลังจากนี้แล้ว

    ลีธใช้เวลาจัดการขนมปังพิทต้ากับเคบับไก่ในจานเกือบครึ่งชั่วโมง เขาไม่ได้กินช้าแต่เพราะพูดคุยกับเพื่อนสาวจนลืมเวลา และเมื่อรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นลูกค้าคนสุดท้ายที่ยังนั่งอยู่ในร้านเสียแล้ว

    ผมต้องกลับแล้วล่ะ เพื่อนชายเอ่ยเมื่อนาฬิกาข้อมือบอกเวลาหนึ่งทุ่มกว่า

    ขอบใจมากที่แวะมา

    มนตร์ทรายรู้สึกดีที่ได้พูดคุยและระบายเรื่องราวต่างๆให้ลีธฟัง แม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ช่วยปลดความเครียดให้ผ่อนเบาลง

    ไม่เป็นไรหรอก

    เพื่อนชายยิ้มพลางหันไปจ่ายเงินค่าอาหารกับคุณตาคุณยายที่ออกมายืนรอส่ง

    ขอบคุณนะครับคุณลีธ คุณตากล่าวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มราวกับเขาเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ มนตร์ทรายไม่แปลกใจเพราะเพื่อนชายค่อนข้างเป็นที่รักใคร่ของใครหลายคนที่ได้พบเจอ ลีธมักยิ้มแย้มแจ่มใสและพูดคุยอย่างสนิทสนมกับทุกคนจนกลายเป็นนักข่าวขวัญใจประจำรัฐคาฟาห์

    ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยๆเหมือนเดิมเช่นกันครับ และขอโทษที่ผมมาเย็นไปหน่อย เขากล่าวอย่างยินดีและรู้สึกผิด ขณะที่มนตร์ทรายอดแขวะโดยการทำสีหน้ากระอักกระอ่วนใจไม่ได้เมื่อเห็นเพื่อนชายวางมาดสุภาพบุรุษ จนเจ้าตัวที่โดนหยอกต้องเอามือไปยีเส้นผมสีดำยาวสลวยของหญิงสาวอย่างหมั่นไส้

    จะว่าไปหนูแซนด์ก็ดูเหมาะสมกับคุณลีธนะคะ คุณยายเอ่ยปากชมเมื่อเห็นความสนิทสนมของชายหนุ่มหญิงสาวตรงหน้า

     “นั่นสิ...ถ้าหนูแซนด์ได้ผู้ชายอย่างคุณลีธเป็นคู่ครองต้องเป็นหญิงสาวผู้โชคดีที่สุดแน่ๆ ชายแก่เห็นด้วย หากคำเยินยอนั้นทำให้มนตร์ทรายชักสีหน้าเหยเก

    ไม่ไหวหรอกค่ะ...ลีธชอบทำตัวประหลาดเดี๋ยวก็เหมือนเด็กชอบแกล้งคนนั้นคนนี้ เดี๋ยวก็เหมือนคนแก่ชอบสั่งสอนคนนั้นคนนี้...ใช่มั้ยคุณลุง!!!” เธอกัดเพื่อนชายที่ยักคิ้วส่งให้อย่างยียวนกวนประสาท

    อย่างน้อยก็มีผู้หญิงคนนี้ยอมโชคร้ายเพราะเธอไม่มีวันสนใจผมล่ะครับ...ฮ่าๆๆ ลีธเอ่ยก่อนร่ำลามนตร์ทรายและคุณตาคุณยายพลางขับรถออกไปจากหน้าร้าน

    ความมืดกลบรถยนต์ที่แล่นออกไปไกลในถนนสายเล็กๆยามค่ำคืน หญิงสาวอดใจหายไม่ได้จริงๆแม้เป็นช่วงสั้นๆที่ได้พบเจอเพื่อนสนิทหากแต่ก็มีความสุขจนเสียดายเวลาซึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    เดี๋ยวตากับยายขอขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าข้างบนก่อนนะ วานหนูแซนด์ช่วยเก็บกวาดโต๊ะให้ด้วยได้มั้ย? คุณตาเอ่ยถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงร่วงโรยไปกับความเหน็ดเหนื่อยที่ต้องทำงานตลอดทั้งวัน ไม่ต่างจากคุณยายซึ่งดูอ่อนล้าในยามนี้

    คุณตากับคุณยายขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้หนูจัดการเอง

    ขอบใจมาก...หนูแซนด์ช่วยพวกเราได้เยอะจริงๆ หญิงชราเอ่ยชมพลางเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนพร้อมสามี

    ผ้าเช็ดโต๊ะถูกชุบลงในถังน้ำใบเล็กๆเมื่อหญิงสาวพร้อมทำความสะอาดร้าน พลัน...เสียงรถคันหนึ่งซึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าร้านก็ทำให้เธอต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะเป็นแบบนี้บ่อยครั้งที่ลูกค้ามักหลงเข้ามาเนื่องจากไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนในการปิดร้าน

    ขอโทษนะคะ...ร้านปิดแล้ว!!!” เธอเอ่ยพร้อมเปิดประตูออกไป

    ไม่มีร้านไหนกล้าปิด...ถ้าผมมา น้ำเสียงทุ้มดึงใบหน้าหวานให้เงยมองบุรุษหนุ่มในชุดกันดูเราะห์สีขาว...ชีคคาฟาห์!!!

     

                    ไม่อยากเชื่อจริงๆว่าบุคคลที่ไม่ปรารถนาจะพบเจอกำลังยืนอยู่ตรงประตู เขาดูไม่ตกใจเมื่อเห็นเธอคงเพราะรู้อยู่ก่อนแล้วจึงได้มา นัยน์ตาสีเทานั้นเฉยชาไม่เข้ากับใบหน้าหล่อเหลาคมคายเพราะไร้ความอบอุ่น กูฟียะห์สีแดงสลับสีขาวลายตารางหมากรุกถูกรัดด้วยอัลกอร์มงกุฎผ้าคาดสีดำสนิท ลงตัวกับชุดกันดูเราะห์สีขาวซึ่งเรียบเนี้ยบไม่มีแม้รอยยับ บนไหล่กว้างข้างขวานั้นมีเหยี่ยวทะเลทรายตัวหนึ่งเกาะอยู่อย่างสง่างาม ถ้าไม่ติดว่าหญิงสาวเกลียดชังที่จะมองบุรุษหนุ่มตรงๆเธอคงสนใจเจ้านกตัวนี้เป็นพิเศษว่ามันคือตัวเดียวกับที่เกาะระเบียงเมื่อเช้าหรือไม่

    ไม่ยักรู้ว่าชีคมีสายสืบเป็นนก?

                    “ร้านปิดแล้ว...ช่วยมาวันอื่นนะคะ เพราะตอนนี้ไม่มีใครทำอาหารให้คุณกินหรอก เธอกล่าวพลางจะปิดประตู หากแต่มือหนากลับดันเอาไว้แล้วผลักเข้าไปจนเท้าเล็กๆต้องถอยก้าวเมื่อมีการบุกรุกอย่างซึ่งๆหน้า หากผู้ชายคนนี้ไม่ได้มียศเป็นถึงผู้นำรัฐมนตร์ทรายคงแหกปากตะโกนเพราะคิดว่าเขาเป็นโจรแน่นอน

                    “ใครบอกว่าผมมากินอาหาร

    นัยน์ตาคมเหลียวมองบรรยากาศภายในร้านอย่างดูแคลนขณะเดินเข้ามาเรื่อยๆ

                    “ถ้าไม่ได้มากิน แล้วคุณมาทำไม?

    ท่าทางวางก้ามนั้นทำให้ดูหงุดหงิดพิกล เป็นผู้นำรัฐแล้วมีสิทธิ์ล่วงล้ำเข้าบ้านคนนั้นคนนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตหรืออย่างไร มิหนำซ้ำชายชุดดำคนที่เคยเห็นตอนขับรถชนยังตามประกบเขาแจราวกับต้องปกป้องคุ้มครองผู้ชายร่างโตจากผู้หญิงร่างเล็กแบบเธอ

    คุณลืมไปหรือเปล่า ว่า...ติดหนี้ผม และอีกไม่กี่วันก็จะครบกำหนด เขาทวงถามถึงภาระที่เธอติดพัน ณ ขณะนี้ ใบหน้าหวาดสลดลงเล็กน้อยเพราะจำนวนเงินที่เก็บสะสมรวมกับเงินค่าจ้างทำงานยังไม่ได้ถึงครึ่งด้วยซ้ำ

    เอ่อ...ฉันพยายามทำงานเก็บเงินอยู่

    โดยการเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านเล็กๆแบบนี้สินะ เชื่อเถอะ...อีกสิบปีคุณก็หาเงินมาคืนผมไม่ได้!!!” คำพูดถากถางและดูถูกนั้นทำให้ความโกรธเริ่มปะทุอยู่ในอก หากแต่หญิงสาวยังสามารถควบคุมเอาไว้ได้

    ถ้าคุณจะมีน้ำใจก็ช่วยยืดเวลาให้อีกสักหน่อย ฉันคิดว่าคงหามาคืนได้ครบตามจำนวนค่ะ มนตร์ทรายพยายามควบคุมคำพูดรวมถึงน้ำเสียงให้ดูดี แม้สองมือจะกำแน่นจนเล็บแทบจิกเข้าในเนื้อก็ตาม

    ทำไมต้องยืดเวลาให้ ในเมื่อคุณไม่ได้ทำตัวให้น่าสงสารหรือน่าสมเพชเลย ยังคงจองหองอวดดีไม่เปลี่ยน!!!”

    นั่นไม่ใช่เพราะคุณดูถูกและกลั่นแกล้งฉันเหรอ!!!” น้ำเสียงดังขึ้นของหญิงสาวบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มควบคุมไม่ค่อยได้

    ผมเนี่ยนะ...กลั่นแกล้งคุณ เมื่อไรกัน!!!”

    คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงราวกับไม่เคยรับรู้ในพฤติกรรมของตนเอง

    ไม่ใช่เพราะคุณเหรอที่ทำให้ฉันพลาดงานสำคัญ ซึ่งจะได้ค่าจ้างเยอะมากพอจ่ายหนี้ให้คุณในเวลาอันรวดเร็ว!”

    การที่พวกเขาเหล่านั้นกลัวผมมันเป็นความผิดของผมงั้นเหรอ ถ้าคิดว่าเงินมันหายากขนาดนั้นทำไมคุณไม่ลองขายตัวแบบสาวเอเชียส่วนใหญ่มาทำกันที่นี่ล่ะ!!!”

    ซ่า!!!

    น้ำในถังถูกสาดใส่บุรุษในชุดกันดูเราะห์สีขาวจนเปียกชุ่มพร้อมความอดทนของมนตร์ทรายที่ถึงขีดสุด

    ท่าน...

    อัมเม็ตปรี่เข้ามาจะช่วยหากแต่มือหนากลับยกขึ้นปรามพลางค่อยๆเช็ดน้ำจากใบหน้านั้นออกด้วยชายแขนกันดูเราะห์

    นี่คุณไม่รู้จริงๆใช่มั้ยว่าผมคือใคร ถึงได้กล้ากระทำพฤติกรรมต่ำๆแบบนี้!!!” น้ำเสียงกร้าวตะโกนใส่หน้าหญิงสาวโดยไม่สนใจว่านัยน์ตากลมโตของฝ่ายตรงข้ามจะรื้นไปด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอมากน้อยเพียงใด

    พฤติกรรมต่ำๆของฉันมันก็เหมาะสมกับคนที่มีคำพูดต่ำๆและความคิดต่ำๆอย่างคุณ!!!”

    เพี้ยะ!!!

    ใบหน้าหวานหันสะบัดไปตามแรงตบ ผื่นแดงขนาดใหญ่ปรากฎชัดบนแก้มข้างขวาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบในตอนนี้ หญิงสาวไม่อาจควบคุมมันไว้ได้อีกแล้ว

    พูดอีกสิ!!!” เขาท้าทาย

    คุณมันคนใจร้าย ถ่อย เถื่อน เลวทราม มีปัญหาทางจิตกับผู้หญิงเอเชียหรือไงถึงได้ชอบดูถูกเหยียดหยาม!!!”

    เพี้ยะ!!!

    เป็นอีกครั้งที่ใบหน้าหวานต้องสัมผัสกับฝ่ามือหนักจนรับรู้รสเลือดในปาก น้ำตาใสๆไหลออกมาหากแต่แววตากลับจ้องมองชายตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

    ตบฉันให้พอใจ...เพราะยังไงคุณก็แค่ผู้ชายเฮงซวยไม่ได้สูงส่งเหมือนตำแหน่งที่เป็นตอนนี้!!!”

    มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!!”

    ชีคคาฟาห์เงื้อมือขึ้นอีกครั้งหมายจะลงโทษสตรีผู้อาจเอื้อมตรงหน้า ทว่า...เสียงใครคนหนึ่งที่ร้องดังทำให้เขาถึงกับชะงักหันไปมอง

    พอเถอะค่ะ...ชีคคาฟาห์

    คุณยายรีบลงบันไดพลางปรี่เข้าขวางกลางระหว่างทั้งคู่ นัยน์ตาสีเทาที่แข็งกร้าวอ่อนกำลังลงก่อนเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างขัดใจ

    ท่านไม่น่าทำร้ายเธอเลย ไม่สมกับเป็น... หญิงชราหยุดพูดเพียงแค่นั้นพลางซับน้ำตาให้มนตร์ทรายอย่างสังเวชใจเมื่อใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงของนิ้ว

    ผมไม่ได้ตั้งใจ

    คำพูดนั้นกล่าวกับคุณยายหาใช่หญิงสาว ก่อนที่นัยน์ตาสีเหล็กจะแข็งกร้าวอีกครั้งเมื่อหันมองเธอ

    คุณจำเอาไว้ ว่า...เรื่องมันไม่จบเท่านี้แน่!!!”

    ทันทีที่ผู้ทรงอำนาจกับผู้รับใช้เดินออกไปพ้นร้านมนตร์ทรายก็สะอื้นเสียงดังอย่างอัดอั้น ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเขาต้องบีบคั้นเธอ เหยียดหยามเธอราวกับผู้หญิงเอเชียไม่ใช่คน

    มันไม่มีอะไรแล้วอย่าร้องไห้ไปเลย รีบอาบน้ำอาบท่าแล้วเข้านอน ส่วนงานที่เหลือยายจะจัดการต่อเอง หญิงชราไล่มนตร์ทรายให้ขึ้นไปบนห้องนอน ซึ่งเธอไม่ปฏิเสธในเมื่อตอนนี้รู้สึกแย่เกินกว่าทำอะไร

    แม้ผ่านไปนานเกือบสามชั่วโมงหากแต่หมอนยังคงเปียกชุ่มด้วยน้ำตามากมาย เช่นเดียวกับรอยแดงที่ยังเด่นชัดไม่จางหายบนใบหน้าของหญิงสาวซึ่งกำลังร้องไห้เสียใจ เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บบนใบหน้า ทว่า...กลับเจ็บที่หัวใจเมื่อโดนเหยียดหยามครั้งแล้วครั้งเล่า...

    คนใจร้าย...คนป่าเถื่อน...มนตร์ทรายสบถด่าทอเขาในใจ ตั้งแต่เกิดมาหญิงสาวไม่เคยโดนใครดูถูกเหยียดหยามขนาดนี้มาก่อน มันจึงทำให้จิตใจของเธออ่อนแอเหลือกำลัง

    ยามเช้าเวียนมาถึงอีกครั้งทั้งที่เธอยังไม่ทันได้นอน หากแต่จำยอมต้องลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเตรียมตัวลงไปช่วยคุณยายจ่ายตลาดโดยมีคุณตาเป็นสารถีขับรถให้เช่นทุกวัน มนตร์ทรายล้างหน้าหลายครั้งเพื่อทำให้สดชื่นแจ่มใสโดยไม่ลืมใช้เครื่องสำอางอย่างคอนซิลเลอร์และแป้งพัฟเพื่อปกปิดร่องรอยของการร้องไห้และการโดนทำร้ายเมื่อวาน

    หนูแซนด์ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย? ชายแก่ถามไถ่อย่างเป็นกังวล เพราะเมื่อวานเผลอหลับไปก่อนเลยไม่รู้เรื่องราวจวบจนคุณยายเล่าให้ฟัง

    ไม่เป็นไรค่ะมนตร์ทรายตอบพร้อมรอยยิ้มฝืนๆ

    กระบะเปิดท้ายคันใหญ่มุ่งสู่ตลาดยามเช้า กลิ่นคาวเลือดของไก่ เนื้อ และ แกะ ที่ถูกฆ่าสดๆใหม่ๆชวนให้สะอิดสะเอียนแต่หญิงสาวก็จำต้องเดินตามคุณตาคุณยายโดยถือของเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โชคดีที่แผงขายผักผลไม้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น และเมื่อได้ข้าวของจนครบก็พากันขึ้นรถเพื่อกลับร้านหลังจากจ่ายตลาดนานกว่าชั่วโมง

    เสียงจอแจจากผู้คนจำนวนหนึ่งซึ่งยืนระเกะระกะตามถนนทำให้จราจรติดขัดเป็นบางช่วง ดูเหมือนจะเกิดเหตุอะไรบางอย่างจึงทำให้ใครหลายคนสนอกสนใจ คุณตาไม่รอช้ารีบเปิดกระจกรถถามชาวบ้านคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว

    เกิดอะไรขึ้น?

    ไฟไหม้ร้านอาหารที่อยู่ตรงโน้น ตอนนี้รถดับเพลิงกำลังมา เขาตอบพลางชี้มือชี้ไม้ไปยังบริเวณที่ตั้งร้านอาหารของคุณตาคุณยาย นั่นทำให้ทุกคนไม่รอช้าเปิดประตูรถแล้วเดินฝ่ากลุ่มคนไปยังที่เกิดเหตุ

    ขี้เถ้าเขม่าควันมากมายกำลังพวยพุ่งจากเปลวไฟสีส้มซึ่งแผดเผาข้าวของรวมถึงอาคารร้านอาหารของคุณตาคุณยาย ไม่ต่างจากการทำลายความรู้สึกและจิตใจเจ้าของร้านซึ่งแทบทรุดตัวลงพื้นพร้อมน้ำตาที่หลั่งไหล มนตร์ทรายรู้สึกอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

    เสียงปะทุของไม้แตกทำให้หัวใจเจ็บปวดรวดร้าวราวกับมันจะสลายกลายเป็นเสี่ยงๆเช่นกัน นัยน์ตากลมโตพยายามละจากคุณตาคุณยายซึ่งนั่งกอดกันร้องไห้ไปยังพระเพลิงตรงหน้าซึ่งโหมกระหน่ำบ้าคลั่งราวกับเสียสติและสะใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

    พลัน...คำพูดของชีคคาฟาห์ก็หวนกลับเข้ามาในความทรงจำหญิงสาว

    คุณจำเอาไว้ ว่า...เรื่องมันไม่จบเท่านี้แน่!!!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×