ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนตราอาหรับ

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 59


    ตอนที่ 3

     

                    เอกสารมากมายบนโต๊ะทำงานหรูหราจากไม้แกะสลักเคลือบทองหาได้ทำให้ใบหน้าคมคายสะทกสะท้านแต่อย่างใด เขาไม่เคยย่อท้อกับการงานมากมายในเมื่อเป็นสิ่งที่ประชาชนมอบหมายให้พิจารณา แน่นอนว่าคนเป็นผู้นำก็ต้องยอมเสียสละเวลาส่วนตัวเข้าช่วยเหลืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่า...ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ชาวบ้านชาวเมืองรักและเชื่อฟังชีคคาฟาห์จนกลายเป็นที่เทิดทูน

                    “ท่านครับ...กาวา

    นัยน์ตาสีเทาเจือความอ่อนล้าละจากกองเอกสารขึ้นมองแก้วกาแฟขนาดเล็กซึ่งวางอยู่บนถาดทองคำในมือของอัมเม็ต

    ข้าสั่งอย่างนั้นหรือ? น้ำเสียงแข็งแกมดุทำให้ผู้รับใช้คนสนิทก้มหน้าลงมองพื้น หากแต่มือนั้นก็เอื้อมไปรับแก้วขึ้นมาอย่างไม่อยากทำลายน้ำใจ เพราะรู้ดีว่าชายตรงหน้าคงเห็นเขาไม่หยุดพักทำงานมาเกือบสามวันเพราะหลายอย่างรัดตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าขายส่งออก หรือ การท่องเที่ยว ล้วนต้องสะสางปัญหาที่คาราคาซังให้หมดไป

    รสขมของกาแฟอาหรับที่ไร้การเติมแต่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง พลางทอดสายตามองไปยังหน้าต่างบานกว้างซึ่งเปิดรับภาพทะเลอะราเบียนจนได้กลิ่นคาวของน้ำเบาบางเจือจางตามสายลม

    ขอบใจอัมเม็ต เขาพูดพลางวางแก้วเปล่าลงบนถาดทองคำที่รอรับ

    เอ่อ...เมื่อชั่วโมงก่อนมีโทรศัพท์จากชีคยัสซิม ว่า...ขออภัยที่มิอาจมาร่วม...งานเจรจาผู้นำระหว่างรัฐประจำปี...เพราะติดการเดินทางเยี่ยมเยียนประเทศฝรั่งเศสในตอนนี้ชายในชุดสูทสีดำกล่าวรายงานพลางค่อยๆเดินออกไป

    ไม่แปลก...ในเมื่อชีคยัสซิมเป็นถึงกษัตริย์ปกครองสหรัฐอาหรับฟาเราะห์ทั้งหมด ย่อมมีภาระหน้าที่ท่วมท้นจนมาร่วมงานไม่ได้ก็ไม่เสียหายในเมื่อเขาพบปะท่านผู้นำประเทศคนนี้บ่อยจนเกินไปด้วยซ้ำ เผลอๆยังเป็นเรื่องดีที่ท่านไม่ต้องพบปัญหาไร้สาระในงานเลี้ยงที่แม่สาวเอเชียคนนั้นสร้างเอาไว้

    ป่านนี้...หล่อนจะเป็นอย่างไรบ้างนะ? ชีคคาฟาห์ครุ่นคิดพลางใช้มือลูบไล้เคราบางๆที่เกิดจากการไม่ได้ชำระสะสางตนเองเพราะต้องทำงานมากมายหลายวัน

                    “ขอโทษค่ะ...ทางเรารับคุณเข้าทำงานไม่ได้จริงๆ แม้จะมีความสามารถขนาดไหนแต่ถ้าไม่ได้มติเห็นชอบจากทางคณะกรรมการยังไงก็ไม่ให้ผ่านอยู่ดี พนักงานสาวของบริษัทเครื่องใช้สุขภัณฑ์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเศร้าใจหากแต่ใบหน้านั้นกลับมีรอยยิ้มจนมนตร์ทรายต้องขอตัวออกไปก่อนระเบิดอารมณ์ใส่พวกคนงี่เง่าเหล่านี้ที่เห็นเรื่องภายนอกสำคัญกว่าภายใน

    สามวันแล้วที่หญิงสาวเที่ยวตระเวนหางานทำนับสิบนับร้อยบริษัทหากแต่ยังไม่ได้รับการยินยอม ซ้ำบางบริษัทเพียงแค่เห็นหน้าเธอก็โบกไม้โบกมือไล่ไม่ต้อนรับนั่นทำให้รู้สึกย่ำแย่มากจริงๆ ป่านนี้คงเป็นที่รู้จักไปทั่วบ้านทั่วเมือง

    อาหารขยะอย่างแฮมเบอร์เกอร์กับน้ำอัดลมเป็นสิ่งวิเศษและถูกที่สุดในยามนี้ ยังไม่นับรถยนต์คู่ใจซึ่งเธอใช้หลับนอนมาถึงสามวันสามคืน รู้สึกสมเพชตัวเองจนบางเวลาอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้จริงๆ ถึงกระนั้นก็ยังรักศักดิ์ศรีมากกว่าไปขอขมาทั้งที่ไม่ได้ผิด

    เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือฉุดเธอออกจากภวังค์ความคิดให้หยิบมันขึ้นมาดู และเมื่อพบว่าเป็นคนสนิทก็อดดีใจไม่ได้จริงๆ

    ชาซียา!!!”

    เป็นยังไงบ้างแซนด์? แม้ไม่เห็นหน้าคร่าตา แต่น้ำเสียงของเพื่อนสาวชาวมุสลิมก็ทำให้มนตร์ทรายคลายความทุกข์ว่าอย่างน้อยก็มีคนเป็นห่วงเธอ

    คือ...ฉะ...ฉัน...

    น่าแปลก...ทั้งที่เธอยังไม่ทันได้เล่าเรื่องราวต่างๆที่พบเจอในตลอดสามวันที่ผ่านมาให้หล่อนฟัง หากแต่ความเจ็บช้ำมันก็เอ่อล้นจนต้องสะอื้นความเสียใจออกมา

    ใจเย็นๆ...อืมมม...มาเจอกันที่คอฟฟี่ช็อปตรงหัวมุมถนนข้างออฟฟิศสำนักข่าวคาฟาห์โอเคมั้ย?

    แน่นอนว่ามนตร์ทรายไม่ปฏิเสธข้อตกลง แม้อยู่ใกล้สถานที่ที่เธอเพิ่งจากลาหากแต่เข้าใจดีว่าเพื่อนสาวมีเวลาพักเที่ยงช่วงสั้นๆเท่านั้น คอฟฟี่ช็อปเลยกลายเป็นสถานที่เหมาะในการพบเจอ

    เธอรีบขับรถตรงไปยังสถานที่นัดหมายก่อนปรี่เข้าไปหาชาซียาซึ่งนั่งรออยู่ตรงมุมอับของร้านกาแฟ ราวกับรู้ดีว่าตอนนี้มนตร์ทรายไม่ปรารถนาสู้หน้าใครทั้งนั้น หญิงสาวเล่าเรื่องราวต่างๆอย่างเรื่องชีคคาฟาห์ เรื่องบริษัทที่ไปสมัครงาน รวมถึงอพาร์ทเม้นท์ ว่าล้วนกระทำอย่างไรบ้างจนละเอียดโดยที่น้ำตานองหน้าอย่างขมขื่น

    นั่นมันแย่จริงๆ...ถ้าฉันไม่รู้จักเธอดีพอต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ เพราะปกติท่านไม่เคยวางตัวไม่เหมาะสม หรือ พูดจาดูถูกใครโดยเฉพาะกับสตรี ชาซียากล่าวอย่างแปลกใจ

    เขาอาจดีกับคนที่เป็นฟาเราะห์ แต่ไม่ดีกับชาวต่างชาติ!!!”

    เพื่อนสาวชาวมุสลิมรับฟังโดยไม่เอ่ยอะไรเพราะไม่มั่นใจในตัวท่านผู้นำจะเป็นดั่งว่าหรือไม่ ในเมื่อเธอเคยรู้ ว่า...ชาวต่างชาติหลายคนไม่เคยมีปัญหากับชีคคาฟาห์ แต่ทำไม...

    เอ่อ...สรุปว่าตอนนี้เธอก็ยังหางานทำไม่ได้ใช่มั้ย? ชาซียาเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นพนักงานเสิร์ฟเริ่มมองมา คงได้ยินชื่อบุคคลทรงอำนาจจากการสนทนาครั้งนี้

    อย่าว่าแต่หางานทำ...ให้หาที่พักฉันยังไม่มีปัญญาเลย การไปเช่าอพาร์ทเม้นท์หรือโรงแรมต้องใช้เงินจำนวนมาก ไม่อยากเอาเงินเก็บออกมาเมื่อยังไม่รู้ถึงความมั่นคงในภายภาคหน้า ถ้ามันแย่นักฉันอาจจะกลับประเทศไทยน้ำเสียงมนตร์ทรายเศร้าจนชาซียารู้สึกไม่สบายใจ

    เอ่อ...ลองโทรไปปรึกษาลีธดีมั้ย เขามีเส้นสายเยอะเพราะเป็นนักข่าวสายการเมืองน่าจะพอช่วยเหลือเรื่องนี้ได้ ไอเดียนี้เข้าท่าแต่มนตร์ทรายไม่อาจรับได้ พลางรีบตะครุบมือเพื่อนสาวที่ทำท่าจะโทรออก

    อย่าเลย...ฉันเกรงใจ เธอก็รู้นี่ว่าการที่ฉันได้เป็นนักข่าวก็เพราะเขาฝากฝังให้ แต่ดันโดนไล่ออกแบบนี้ขืนไปรบกวนอีกฉันคงรู้สึกผิดและรู้สึกแย่มากๆ

    โธ่...ทำไมเธอต้องคิดมากขนาดนั้นด้วย โอเคๆ...ฉันไม่โทรก็ได้

    มนตร์ทรายปล่อยมือเพื่อนสาวชาวมุสลิมให้เป็นอิสระทันทีที่รับปาก

    นัยน์ตาคมกริบใต้ฮิญาบสีดำเหลือบมองไปทางอื่นราวกับกำลังใช้สมาธิครุ่นคิดหาวิธีช่วยเหลือเพื่อน จวบจนเห็นชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งเดินเข้ามาถามพนักงานภายใน ว่า...ร้านคอฟฟี่ช็อปนี้มีการขายอาหารหรือไม่ พลัน...เธอก็ยิ้มกริ่มเมื่อรู้ทางออกปัญหานี้

    ฉันนึกออกแล้วแซนด์ ชาซียาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

    อะไรเหรอ?

    เธอไม่เกี่ยงเรื่องงานใช่มั้ย?

    ใช่...ขอได้ทำและได้เงินก็พอ

    มนตร์ทรายยอมรับว่าตอนนี้ต้องการเงินจริงๆเพราะมันอาจช่วยเหลือเรื่องหนี้ในสองอาทิตย์ข้างหน้า

    สนใจเป็นพนักงานเสิร์ฟมั้ย พอดีคุณตาคุณยายของฉันท่านเปิดร้านอาหารเล็กๆอยู่ย่านชานเมืองของรัฐคาฟาห์ ถ้าฉันพาเธอไปพวกท่านต้องยินดีแน่ๆ

    เอ๊ะ...จะดีเหรอ ถ้าพวกท่านไม่พอใจเรื่องที่ฉันทะเลาะกับชีคคาฟาห์ล่ะ?

    หญิงสาวไม่มั่นใจเอาเสียเลย เพราะเธอคาดเดาได้ว่าคนทั่วรัฐคาฟาห์คงรู้เรื่องนี้กันหมด เผลอๆอาจลามไปถึงรัฐอื่น

    จะกลัวทำไม พวกท่านเป็นคุณตาคุณยายแท้ๆของฉันนะ อีกอย่าง...เธอเป็นเพื่อนสนิทของหลานรัก ไม่มีทางรังเกียจหรอกน่า!!!” ชาซียายืนยันอย่างมั่นใจ ทำให้มนตร์ทรายอดซาบซึ้งไปกับความหวังดีของเพื่อนสาวไม่ได้

    เธอดีกับฉันจริงๆชาซียาน้ำตาใสๆพานจะไหลอีกระลอกเมื่อได้สัมผัสความเอื้อเฟื้อหลังจากไม่ได้รับมาสามวันหากแต่รู้สึกยาวนานดั่งสามปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีชีวิตอย่างไม่แคร์ใครแต่ตอนนี้กลับรู้สึกโหยหาพอสมควร

    รถสภาพแย่กำลังขับตามรถสภาพดีไปบนถนนเส้นเล็กขนาดสี่เลนเพื่อมุ่งออกสู่ชานเมืองของรัฐคาฟาห์ ถึงกระนั้นมันก็ยังใหญ่ในความคิดของมนตร์ทราย หากเทียบกับถนนออกชานเมืองในประเทศไทย เพราะบางจังหวัดกว้างแค่สองเลนเท่านั้นซ้ำยังรวมเลนไปและเลนกลับอย่างละหนึ่งเลนจนน่ากลัวกับอุบัติเหตุรถชนกัน

    ราวๆสี่สิบห้านาทีมนตร์ทรายก็จอดพาหนะใกล้พังขนาบข้างรถของชาซียาในบริเวณหน้าอาคารหลังเล็กๆ สูงสามชั้นริมถนน เพื่อนสาวชาวมุสลิมยิ้มหน้าชื่นตาบานพลางตะโกนเรียกใครบางคน

    คุณตา คุณยายขา...

    ชายแก่กับหญิงชราเดินออกมาจากภายในร้านอาหารเล็กๆมองดูหญิงสาวสองคน พวกเขาทั้งคู่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าบ่งบอกถึงช่วงวัยที่เนิ่นนาน ผมเผ้าสีขาวเผยแซมจากกูฟียะห์สำหรับคุณตาและฮิญาบสำหรับคุณยาย ถึงกระนั้นรอยยิ้มซึ่งปรากฏก็กลับทำให้ความสูงวัยห่างไกลจากความร่วงโรยได้เป็นอย่างดี

    ชาซียา

    คุณยายปรี่เข้าไปหาหลานสาวพลางสวมกอดไว้แน่น

    มายังไงล่ะ...ปกติเห็นนานๆทีจะมาหาตากับยายสักครั้ง ชายแก่เอ่ยถามอย่างคลางแคลงใจ

    เอ่อ...พอดีหนูมีเรื่องวานให้คุณตาคุณยายช่วยน่ะค่ะ เพื่อนสาวชาวมุสลิมพูดพลางเหลือบไปยังมนตร์ทรายซึ่งยืนยิ้มเจื่อนๆ ก่อนที่เรื่องราวต่างๆจะถูกเล่าผ่านชาซียาให้พวกเขาทั้งคู่ฟัง

    ไม่น่าเชื่อเลย ว่า...ชีคคาฟาห์ท่านใจร้ายได้ขนาดนี้

    หากหลานสาวไม่ได้เป็นผู้เล่าหญิงชราคงทำใจเชื่อได้ยากเป็นแน่ ในเมื่อชีคผู้นำรัฐเป็นคนสุขุมและเฉลียวฉลาดในการบริหารบ้านเมือง แม้บางครั้งอาจเย็นชาไปบ้างแต่ไม่เคยสร้างเรื่องเสื่อมเสียหรือดูถูกใครต่อใคร

    ตาเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ ว่า...มีการทะเลาะกัน แต่ไม่คิดว่าชีคท่านจะเหลวไหลเป็นเด็กแบบนี้ รังแกกันได้แม้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างหนูแซนด์

    ชายแก่ส่ายหน้าระอาใจ เพราะอย่างไรเสียผู้ชายก็แข็งแกร่งกว่าผู้หญิง ไม่ควรถือสาหาความกับเรื่องเพียงเล็กน้อยแบบนี้

    ด้วยเหตุนี้หนูถึงอยากฝากแซนด์ไว้กับคุณตาคุณยาย รับเธอเป็นพนักงานเสิร์ฟหรือให้ทำงานอื่นๆก็ได้เพียงแต่จ่ายค่าจ้างให้บ้างตามสมควร ชาซียากล่าวอ้อนวอน

    โอ้ย...เรื่องนั้นอย่าได้ห่วงไปเลยมีอะไรก็ต้องช่วยกัน อีกอย่างถ้าหนูแซนด์มาช่วยงานแบบนี้จะให้ทำฟรีได้ยังไง คุณยายเอ่ยอย่างยินดี นั่นทำให้มนตร์ทรายเผลอตัวยกมือไหว้

    ขอบคุณมากๆค่ะ

    ไม่เป็นไร...เพื่อนชาซียาก็เหมือนลูกเหมือนหลานนั่นล่ะ ขนข้าวของเข้ามาอยู่ได้เลยเพราะตอนนี้ห้องชาซียาก็ว่างไม่ได้ใช้นานแล้ว อีกอย่างมาอยู่ด้วยกันจะได้ไม่ทำให้ตากับยายเหงาเพราะหลานสาวคนเดียวดันรักงานในเมืองมากกว่า คุณตาแอบแขวะหลานสาวที่ว่าซึ่งกำลังชักสีหน้าเจื่อนๆก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

     

    หลังจากชาซียาขอตัวกลับ คุณตาคุณยายก็ปล่อยให้มนตร์ทรายทำตัวตามสบายโดยพวกท่านต้องกลับเข้าไปทำอาหารและบริการลูกค้าที่ยังคงทยอยเข้ามาในร้านเป็นระยะๆ หญิงสาวขนสัมภาระของตนจากรถขึ้นไปเก็บยังห้องนอนบนชั้นสามของบ้าน

    ห้องของชาซียาไม่กว้างแต่ก็ไม่แคบขนาดพอดีกำลังสบาย เฟอร์นิเจอร์และเครื่องตกแต่งถูกคลุมผ้ากันฝุ่นไว้ทั้งหมด แค่นำมันออกไปแล้วเก็บกวาดปัดฝุ่นเพียงชั่วโมงถึงสองชั่วโมงก็พร้อมรองรับให้สมาชิกใหม่ได้ใช้พักผ่อน

    กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางร้านก็ปิดเสียแล้วเมื่อมนตร์ทรายเดินลงบันไดมา นัยน์ตากลมโตสีดำนิลเหลือบมองรอบตัวอย่างจดจำเมื่อสัมผัสความน่ารักเล็กๆของวัฒนธรรมแห่งดินแดนทะเลทราย

    ผนังปูนหนาและผ้าม่านสีน้ำตาลถักทอลวดลายกั้นแสงยามสนทยาตรงหน้าต่างไม่ให้เล็ดลอดเข้ามาทำให้บรรยากาศภายในค่อนข้างมืดทึบและเย็นหากแต่ไร้กลิ่นอับ โต๊ะนับสิบตัวตั้งเรียงรายเป็นแถวชิดติดผนังซึ่งประดับประดาภาพวาดฝีมือดีจากจิตรกรเอก ตรงกลางร้านคือลานว่างปูพื้นไม้ยกระดับมีชิชาที่สูบยาสไตล์อาหรับจำนวนหนึ่งตั้งอยู่

    มีอะไรให้หนูช่วยมั้ยคะ ขอโทษที่ลงมาช้าค่ะ...พอดีวุ่นวายกับการทำความสะอาดและจัดของนิดหน่อยเธอขอโทษขอโพยอย่างรู้สึกผิดที่วันแรกก็ไม่ได้ทำอะไรเลย หากแต่หญิงชราซึ่งกำลังถูโต๊ะตัวสุดท้ายเสร็จกลับโบกไม้โบกมือแล้วยิ้มน้อยๆอย่างไม่ถือสาหาความ

    ไม่เป็นไร...วันแรกก็ฉุกละหุกแบบนี้ ยายเสียอีกที่ทำให้หนูแซนด์ต้องลำบากเก็บกวาดห้องเจ้าหลานสาวตัวแสบ

    ยาย...หนูแซนด์...ถ้าทำธุระเสร็จแล้วก็มากินข้าวเย็นกันเถอะ!!!” คุณตาร้องเรียกจากในห้องครัวทำให้หญิงชรายิ้มน้อยๆแล้วจูงมือมนตร์ทรายเดินไปตามเสียงนั้น หญิงสาวรู้สึกตื้นตันบอกไม่ถูก...นานเท่าไรแล้วที่เธอห่างหายจากการใช้ชีวิตแบบครอบครัว

    การใช้ชีวิตคนเดียว กินข้าวคนเดียว...มีหรือจะสู้การอยู่กับครอบครัวหรือผู้อาวุโสได้ พวกเขาเหล่านั้นยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ให้เคว้งคว้างราวอยู่ตามลำพัง จึงมีคำพูด ว่า...ผู้ใหญ่เปรียบเสมือนเสาหลัก หากขาดหายไปแล้วย่อมไม่สมบูรณ์และพังโดยง่าย

    มื้อเย็นเป็นอาหารพื้นบ้านท้องถิ่น อย่าง คัปซา ประกอบไปด้วยข้าวสีเหลืองนวลผสมผสานเครื่องเทศอย่างใบกระวาน ลูกจันทร์เทศ และอีกมากมาย มีเนื้อไก่กับผักจำนวนหนึ่ง ดูหน้าตาคล้ายข้าวหมกไก่ แต่...พิเศษกว่าหลายเท่าตัว!

    ภายในห้องครัวแม้จะเล็กแต่ไม่แออัดและมนตร์ทรายก็ไม่ใส่ใจข้อเล็กน้อยนั้น เพราะรู้สึกดีและอบอุ่นกว่าการกินแฮมเบอร์เกอร์กับโค้กในรถทุกมื้อถึงสามวัน ระหว่างที่ปากกำลังเคี้ยวอาหารอย่างเอร็ดอร่อย สายตาก็เหลือบมองไปรอบๆจวบจนเจอรูปชีคคาฟาห์ในกรอบกระจกติดไว้ตรงเหนือประตู

    ให้ตายเถอะ...หนีไม่พ้นจริงๆ!!!

    เอ่อ...นั่นรูปชีค... เธอเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย

    ออ...ชีคคาฟาห์ทำให้พวกเรามีกำลังใจในการทำงาน เพราะท่านตรากตรำลำบากยิ่งกว่าเราในการบริหารรัฐ ขณะที่พวกเราแค่บริหารในครอบครัวซึ่งเล็กน้อยกว่ามากเลยทำให้รู้สึกดีที่จะต้องผลักดันตัวเองให้เหมือนชีค คุณตาตอบอย่างปลาบปลื้ม

    แม้หญิงสาวจะอดหงุดหงิดใจไม่ได้แต่ก็เข้าใจดีว่าต่างประเทศต่างศาสนาย่อมมีผู้นำและวีรบุรุษซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ อย่างในประเทศไทยเธอและคนอื่นๆก็ติดรูปในหลวงเอาไว้เพื่อเทิดทูนและเคารพเช่นกัน

    เอ๊ะ...ชีคคาฟาห์รูปนี้...” เธอเอ่ยอีกครั้งเมื่อสังเกตเห็นว่ารูปนี้ เขาดูเด็กกว่า และ ใบหน้าเปื้อนยิ้มช่างน่าประหลาดใจเพราะไม่เคยพบเห็นมาก่อนทั้งตามสื่อข่าวโทรทัศน์ หน้าหนังสือพิมพ์ แม้กระทั่งตัวจริงก็ตาม

    ท่านดูสดใสใช่มั้ย... นั่นถ่ายเมื่อสามปีก่อน ตอนที่...

    ตา!!!” เสียงของหญิงชราดึงสติชายแก่ที่กำลังหวนคิดถึงบางอย่างในอดีตจนเจ้าตัวชะงักแล้วหยุดพูดโดยปริยาย มันเป็นเรื่องในอดีตอย่าไปใส่ใจเลย กินข้าวกันต่อเถอะหนูแซนด์ จะได้รีบเข้านอนพักผ่อนเอาแรงเพราะพรุ่งนี้ต้องไปช่วยยายจ่ายตลาดแต่เช้าตรู่

    ความลับบางอย่างในอดีตเกี่ยวกับชีคคาฟาห์ทำให้มนตร์ทรายอดสงสัยไม่ได้ ทว่า...จะเซ้าซี้ถามไปก็ใช่เรื่องในเมื่อแต่ละคนต่างทำท่าทางราวกับไม่ต้องการพูดและอยากลืมเลือนเกินกว่าเก็บไว้เป็นความทรงจำ

    อีกไม่นานจะเที่ยงคืนหากแต่มนตร์ทรายยังไม่อาจข่มตาลงหลับได้เมื่อแปลกที่แปลกทาง พลางต้องผละจากฟูกนุ่มๆลุกออกไปยืนตรงระเบียงชั้นสามของห้องนอน ลมเย็นพัดโหมโอบล้อมรอบหญิงสาวจนต้องขยับผ้าคลุมขึ้นมาปกปิดบางส่วนเพื่อคลายความหนาวของอากาศทะเลทรายยามค่ำคืน ก่อนแหงนเงยมองศศิธรบนท้องนภาซึ่งกำลังประชันรัศมีกับดวงดารานับพันที่พร่างพราวสุกสกาวขณะนี้

    คิดถึงครอบครัวที่ประเทศไทย

    เป็นความรู้สึกทุกครั้งที่ได้มองดวงจันทร์และดวงดาว มันทำให้เธออดคิดถึงใครหลายคนในแผ่นดินเกิดไม่ได้ อย่างไรเสียก็ยังยืนอยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกันและใต้ฟากฟ้าเดียวกัน ได้แต่หวังไว้ว่าความคิดถึงเหล่านั้นจะส่งผ่านไปถึง...

    โทรศัพท์มือถือซึ่งวางไว้ตรงเตียงดังขึ้นจนมนตร์ทรายต้องรีบปรี่เข้าไปรับสายเพราะเกรงว่าภายใต้ความเงียบสงัดแบบนี้เสียงของมันจะรบกวนคุณตาคุณยายที่นอนอยู่ตรงชั้นสอง ทำให้เธอไม่มีเวลามากพอจะดูหน้าจอว่าใครเป็นคนโทรมายามวิกาล

    ฮัลโหล

    ทราย...เป็นยังไงบ้าง? ผู้ชายอาหรับเพียงคนเดียวที่เรียกเธอด้วยชื่อเล่นไทย นั่นทำให้รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหวานทันที

    ลีธ...นายเป็นยังไงบ้าง?

    ให้ตายเถอะ...ผมถามก่อนนะ เขาสวนกลับมา ทำให้มนตร์ทรายหัวเราะเบาๆ

    ฉันสบายดี... เธอตอบสั้นๆ

    ผมได้ข่าวจากพวกพนักงานในออฟฟิศว่าทรายโดนมิสเตอร์โรเบิร์ตไล่ออกเมื่อสามวันก่อน แค่เพราะทะเลาะกับชีคคาฟาห์เท่านั้น นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!!!” เพื่อนชายกล่าวอย่างโมโห

    ไม่เป็นไรหรอก...ฉันเข้าใจว่าพวกเขากลัวอำนาจชีค

    ถึงอย่างนั้นมันก็ไร้เหตุผล ชีคก็คน...พวกเราก็คน...ทำไมจะมีปากเสียงกันไม่ได้ถ้าความคิดเห็นไม่ตรงกัน!”

    เอาน่า...ตอนนี้มันโอเคแล้ว

    แม้มนตร์ทรายจะเห็นด้วยกับลีธทุกประการ แต่จำต้องปรามอารมณ์คุกรุ่นของเพื่อนชายให้สงบลง

    ออ...เมื่อตอนเย็นผมแวะไปหาที่อพาร์ทเม้นท์ แต่เจ้าของบอกว่าทรายย้ายออกไปแล้ว

    ใช่...เอ่อ...ฉันย้ายออกมาช่วยคุณตาคุณยายของชาซียาที่ร้านอาหารแถวย่านชานเมืองน่ะ พักที่นี่สะดวกกว่าในเมืองนี่คือความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะไม่อยากให้ลีธรู้ว่าเธอโดน ถีบ ไสไล่ส่งออกมา เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าเดิม

    อ๊ะ...ผมเคยไปกินอาหารที่ร้านนั้นบ่อยๆเอาไว้จะแวะไปหาละกัน ตอนนี้ดึกมากแล้ว...พักผ่อนเถอะ

    โทรศัพท์ถูกวางสายไปแล้วแต่ยังมีกลิ่นไอของมิตรภาพเจือจางในบรรยากาศรอบตัวจนมนตร์ทรายสามารถทิ้งกายลงบนเตียงอย่างสบายใจ ก่อนผล็อยหลับไปไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวเพราะเหน็ดเหนื่อยตรากตรำถึงสามวัน

    ดวงตาสีเทาถูกฉาบด้วยแสงสีเหลืองนวลของพระจันทร์จนแวววาวในความมืดกำลังทอดมองไปไกลแสนไกลในท้องทะเลทรายที่ไร้ขอบเขตเบื้องหน้า สองมือเท้าขอบระเบียงหินอ่อนเพื่อถ่ายน้ำหนักตัวซึ่งทิ้งลงไปอย่างอ่อนล้าจากการทำงานพลางคิดถึงใครบางคน

    ยัสมิน...พี่คิดถึงเจ้า น้ำเสียงทุ้มเอ่ยเบาๆผ่านลำคอที่ตีบตันในยามนี้ มะลิสีขาวกำลังชูพวงดอกระย้าจากกระถางนับสิบจนกลิ่นหอมฟุ้งขจรขจายเพิ่มแรงปรารถนาแห่งความคิดถึงเหลือเกิน

    ชีค...ยามนี้ดึกเกินไปสำหรับการเชยชมราตรี ท่านควรเข้านอนได้แล้วเพราะพรุ่งนี้ยังมีภาระหน้าที่อีกมากมายให้ต้องสะสาง เสียงนั้นฉุดดึงชีคคาฟาห์ออกจากห้วงคำนึงที่หลงเข้าไปชั่วครู่

    อัมเม็ต...ข้าจะนอนตอนไหนก็หาใช่เรื่องของเจ้า!” น้ำเสียงแข็งกร้าวนั้นบ่งบอกถึงความโกรธ หากแต่ข้ารับใช้ผู้จงรักภักดีก็หาได้มีท่าทีเกรงกลัวเพราะรู้นิสัยผู้เป็นนาย

    ท่านเคยกล่าวกับใครหลายคน ว่า...อดีตเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ ควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด คำเตือนนั้นทำให้สีหน้าขึงตึงผ่อนปรนลง

    ก็จริงอย่างเจ้าว่า...ข้าฟุ้งซ่านอีกแล้ว ขอเวลาอีกเพียงแค่นาทีถึงสองนาทีข้าจะไปนอน อย่าได้กังวลไปเลย

    อัมเม็ตก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนผละออกไปจากบริเวณนั้น ปล่อยให้ชีคคาฟาห์ได้ทอดถอนอารมณ์ต่ออีกสักพัก นัยน์ตาสีเทาหลุบลงต่ำอย่างหม่นหมอง ยิ่งคิดยิ่งเจ็บ...ยิ่งคิดยิ่งปวดร้าว...หากแต่ไม่อาจละทิ้งเรื่องราวในอดีตให้มลายหายจากหัวใจ มันยังทำให้ภายในบีบคั้นได้ทุกคราวที่คำนึงถึงราวกับเชือกปมแน่นยากจะหลุดออกได้ง่ายๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×