ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนตราอาหรับ

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 59


    ตอนที่ 2

     

                    ขับรถญี่ปุ่นราคาแสนกว่าชนท้ายรถยุโรปราคาล้านกว่าของชีคคาฟาห์

                    ถูกชีคคาฟาห์ไล่ตะเพิดออกจาก งานเจรจาผู้นำระหว่างรัฐประจำปีโดยที่ยังไม่ทันได้สัมภาษณ์หรือถ่ายภาพใครสักคน มิหนำซ้ำยังโดนกล่าวหาว่าแอบอ้างเข้างานและเป็นผู้หญิงขายบริการอีก...จะมีอะไรย่ำแย่เลวร้ายเพราะชีคคนนี้อีกมั้ย? นี่คือคำถามที่ค้างคาใจมนตร์ทรายตลอดคืน เธอโกรธจนทำให้นอนแทบไม่หลับ แถมยังต้องครุ่นคิดหาเหตุผลแก้ตัวกับมิสเตอร์โรเบิร์ตอีก ว่า...เพราะเหตุใดจึงกลับมามือเปล่า

                    ซองสีขาวถูกโยนลงตรงหน้าหญิงสาวทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปหยุดยืนตรงโต๊ะผู้จัดการชาวอังกฤษในเช้าวันต่อมา โดยที่เธอยังไม่ทันได้เอ่ยปากสักคำ

    หมายความว่ายังไงคะ?

    ในใจนั้นรู้คำตอบเป็นนัย หากแต่ยังไม่มั่นใจเสียทีเดียว

    คุณไม่รู้จักเงินสามเดือนล่วงหน้าเหรอ? เขาย้อนถามพร้อมจดจ้องมองหญิงสาวอย่างตำหนิผ่านแว่นตากรอบทองนั้น

    คุณคงไม่ได้หมายความว่า...

    ใช่...ผมไล่คุณออก!” เขาเอ่ยประโยคไม่น่าฟังที่สุดในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้

    ทำไมคะ...ฉันทำอะไรผิด? มนตร์ทรายร้องถามอย่างตกใจ โดยไม่สนใครหลายคนที่เริ่มทยอยมุงดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นแถวประตูห้อง

    ก่อนถามว่าทำอะไรผิด ทำไมคุณไม่ลองย้อนกลับไปคิดดูว่าตัวเองทำอะไรเอาไว้ ผมให้คุณไปทำข่าวนะ ไม่ได้ใช้ให้คุณไปมีปัญหากับชีคคาฟาห์!!!”

    ปึงงงง!!!

    เขาทุบโต๊ะเสียงดังสนั่นจนมนตร์ทรายและใครหลายคนต่างตกใจ นี่มันไม่ยุติธรรมเลยแม้แต่นิดเดียว...เขามีสิทธิ์อะไรมาโกรธ เพราะเธอต่างหากที่ควรโมโห ทั้งโดนดูถูกเหยียดหยามยังมาโดนไล่ออกด้วยเหตุผลทั้งหมดที่เกิดจากชีคคนนั้น!

    ฉันไม่ได้อยากมีปัญหานะคะ แต่ชีคมาดูถูกเหยียดหยามฉันก่อน!” คำชี้แจงดูเหมือนจะไร้ค่าเมื่อบุคคลตรงหน้าซึ่งมีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายในสายอาชีพส่ายศีรษะน้อยๆแล้วเอ่ย

    คุณไม่รู้จักท่านดีพอ เอาเถอะ...ออกไปได้แล้วมิสมนตร์ทราย ผมต้องทำงานอีกเยอะ ไหนจะสะสางปัญหาที่คุณก่อ ไหนจะต้องหานักข่าวสายเศรษฐกิจคนใหม่!!!” พูดจบมือหนาก็ผายยังประตูเป็นเชิงไล่ทางอ้อม นั่นทำให้หญิงสาวสะบัดหน้าเชิดกระฟัดกระเฟียดออกไปอย่างหงุดหงิด

    ขณะที่สองมือหยิบจับข้าวของมากมายยัดใส่ลังกระดาษ ปากนั้นก็พึมพำต่อว่าอดีตเจ้านายที่ไร้เหตุผลจวบจนไปถึงต้นต่อก่อเหตุ นั่นคือ ชีคคาฟาห์

    ผู้ชายอะไรไร้ความเป็นสุภาพบุรุษ...คิดจะดูถูกใครก็ดูถูก!!!”

    แซนด์...แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป? เพื่อนสาวชาวมุสลิมเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล แม้ทั้งคู่จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงปีแต่ก็สามารถพูดคุยเข้าใจในปัญหาต่างๆได้เป็นอย่างดี

    ฉันก็คงต้องหางานใหม่ทำ แต่อันดับแรกจะสาปแช่งอีตานั่น!!!"

    หมายถึงมิสเตอร์โรเบิร์ตน่ะเหรอ?

    เปล่า...ชีคคาฟาห์!!!”

    ชาซียาแทบเอามือปิดปากเพื่อนสาวไว้ไม่ทันเมื่อเห็นพนักงานคนอื่นๆเดินผ่านมาพอดี ก่อนสอดส่องสายตามองไปรอบกายว่าปลอดคนดีแล้วจึงค่อยปล่อยหญิงสาวเป็นอิสระราวกับคำต้องห้ามสำหรับทุกคน

    อย่าเสียงดังไป...เธอไม่รู้หรือไงว่าชีคคาฟาห์มีอิทธิพลมากมายขนาดไหน!”

    รู้สิ...รู้มากด้วย แค่ชื่อก็ทำให้ฉันโดนไล่ออกแบบนี้!!!” มนตร์ทรายกล่าวอย่างฉุนเฉียว เพราะเขาคนเดียวที่สร้างปัญหาให้เธอ

    เอาน่า...ใจเย็นๆ แต่ลีธรู้เข้าคงตกใจ

    ชื่อเพื่อนชายชาวอาหรับทำให้มนตร์ทรายอดใจหายไม่ได้เช่นกัน เธอรู้จักลีธตั้งแต่ก่อนเรียนจบจากในเว็บไซต์เฟชบุ๊คนับว่าเป็นเพื่อนชาวอาหรับคนแรก และ ยังเป็นเพื่อนชาวต่างชาติคนแรกอีกด้วย เขาคอยช่วยแนะนำนักศึกษาจบใหม่อย่างเธอซึ่งว่างงานจนกลายเป็นนักข่าวที่นี่ทั้งที่อายุมากกว่าเพียงสองปีหากแต่ความคิดและความสามารถนั้นก็ยังเหนือกว่าจนหญิงสาวแอบเรียกเขาเล่นๆว่า คุณลุง เพราะอิจฉาความรอบรู้ไปเสียทุกเรื่องราวเกิดก่อนสักสิบหรือยี่สิบปีเห็นจะได้

    หากแต่ตอนนี้กลับทำงานที่เขาฝากฝังผิดพลาดซ้ำยังถูกไล่ออกจากสถานที่ที่เขาช่วยแนะนำ ไม่รู้ว่าลีธจะกลับมาวันไหนเพราะเพื่อนชายมักออกไปทำธุระกับครอบครัวคราวละนานๆเกือบหนึ่งอาทิตย์ ทว่า...เธอคงรอไม่ได้ในเมื่อตอนนี้ต้องไปแล้ว

    ฉันจะติดต่อเขาหลังจากนี้...ไปล่ะนะชาซียา ไว้เจอกัน!!!”

    ชาซียามองมนตร์ทรายหอบหิ้วลังกระดาษใส่สัมภาระของตัวเองออกไปจนลับสายตา หากแต่สีหน้าของเธอนั้นยังเจือปนด้วยความกังวลใจ ราวกับมีลางสังหรณ์ว่าเรื่องวุ่นวายจะตามติดมนตร์ทรายเพื่อนสาวชาวไทยอย่างแน่นอน

                    แม้ตอนนี้มนตร์ทรายจะขับรถญี่ปุ่นแสนรักสภาพใกล้พังทั้งที่ซื้อมาไม่ถึงสองปีอยู่บนท้องถนนได้สักพักหลังออกมาจากสำนักข่าวคาฟาห์ หากแต่เธอก็พกพาความไม่สบายใจปนโกรธเคืองหอบหิ้วมาพร้อมสัมภาระที่ตอนนี้ยัดไว้ในกระโปรงท้าย

    ไม่อยากเชื่อเลย ว่า...ชีคคาฟาห์จะทำให้เธอต้องสูญเสียงานอันเป็นที่รักไปแบบนี้!

    ถนนแปดเลนเริ่มบีบเข้ามาเหลือหกเลนเมื่อแล่นเข้าสู่ย่านชุมชน ทว่า...มันยังคงรองรับปริมาณรถมากมายได้เป็นอย่างดี สายตาผละจากกระจกใสด้านหน้าไปยังสองข้างทางหลังจอดรอสัญญาณไฟจราจรที่ตอนนี้ยังคงเรืองแสงเป็นสีแดง

    แผงหนังสือเล็กๆข้างทางซึ่งขายหนังสือพิมพ์รวมถึงนิตยสารมากมายสะท้อนให้มนตร์ทรายรู้สึกเศร้ากว่าเดิม ทั้งที่เมื่อวานเธอยังเขียนคอลัมน์ลงไปในหน้ากระดาษเหล่านั้นแท้ๆแต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว พลัน...หญิงสาวเริ่มครุ่นคิดได้บางอย่างเกี่ยวกับป้ายโฆษณาที่หายากตามท้องถนนหนทาง ว่ามันได้ย่อส่วนอัดแน่นตามหนังสือพิมพ์เป็นส่วนใหญ่เมื่อเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการเผยแพร่ ข้อนี้อดีตนักข่าวอย่างเธอรู้ดีเมื่อคลุกคลีกับมันมานานและยังกลายเป็นทางเลือกสำหรับงานใหม่ด้วย!!!

    ฟุตบาทริมซอยเล็กๆเป็นที่จอดรถสำหรับหญิงสาวซึ่งตอนนี้กำลังเดินจ้ำอ้าวไปยังแผงหนังสือนั้นโดยไม่ลืมหันไปกดรีโมตเพื่อล็อกประตูรถ แม้สภาพดูไม่ดีก็ใช่ว่ามันจะใช้งานไม่ได้ หรือ ไม่เป็นที่ต้องการของใครๆ...อย่างน้อยก็พ่อค้าขายเศษเหล็ก!

    ถ้าไม่ได้รู้สึกไปเอง...มนตร์ทรายคงคิดว่าตอนนี้ได้เปลี่ยนอาชีพนักข่าวสายเศรษฐกิจกลายเป็นนางแบบซูเปอร์โมเดลแล้วกระมัง เมื่อทุกสายตาของชาวบ้านชาวเมืองเพ่งพินิจมายังเธอทันทีที่เดินผ่านพวกเขาเหล่านั้น

    ไม่ทันได้ตั้งคำถาม...แต่คำตอบก็ปรากฏตรงหน้าชัดเจนในตอนนี้ เมื่อพบหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับโชว์ภาพการปะทะคารมระหว่างเธอกับชีคคาฟาห์ที่โรงแรมยัสมินแผ่หลาครึ่งหน้ากระดาษ โดยมุมเล็กๆด้านล่างมีข่าวเกี่ยวกับ งานเจรจาผู้นำระหว่างรัฐประจำปีทว่า...ยังไม่อลังการงานสร้างเท่าข่าวของเธอกับเขาคนนั้น!

    อะไรกันเนี่ย!!!” หญิงสาวพึมพำในรถตัวเองหลังจ่ายเงินค่าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งอย่างรวดเร็วก่อนที่ชายแก่ชาวอาหรับเจ้าของร้านจะทันได้นึกออกว่าเธอเป็นใคร

    ภาษาอารบิกที่ยึกยือตรงหน้ากระดาษไม่ได้ทำให้เธอเข้าใจมากไปกว่ารูปภาพ สามารถคาดเดาออกได้ว่าพวกนักข่าวเหล่านั้นคงพาดหัวในเชิง สาวเอเชียบ้าระห่ำท้าทายอำนาจชีคผู้นำรัฐ หรือ ถ้าเลวร้ายกว่านั้นก็ ชีคคาฟาห์ไล่ตะเพิดสาวเอเชียขายบริการภายในงานใหญ่ ทำนองนั้น

    โอ้ย...แค่คิดก็ทำให้เธอแทบบ้าแล้ว!

    มนตร์ทรายพยายามแสร้งทำเป็นไม่สนใจข่าวหน้าแรกแล้วเปิดหาโฆษณาเพื่ออนาคตของเธอในภายภาคหน้าดีกว่ามาครุ่นคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับผู้ชายแย่ๆคนหนึ่ง ก่อนหยิบปากกาวงสถานที่ทำงานต่างๆซึ่งเปิดรับพนักงานอย่างรวดเร็วแล้วเลือกหาเป้าหมายไม่ใกล้ไม่ไกลเพื่อไปเป็นอันดับแรก

    ตึกสูงตั้งอยู่กลางย่านชุมชนธุรกิจของรัฐคาฟาห์ดึงความสนใจให้มนตร์ทรายตรงเข้าไปสมัครงานอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นประกาศรับพนักงานจากหนังสือพิมพ์ เป็นอีกครั้งที่สายตาของใครหลายคนภายในออฟฟิศเพ่งพินิจจับจ้องมองเธอราวกับเป็นตัวประหลาด หญิงสาวไม่สนใจรีบเดินไปยังลิฟท์แล้วกดชั้นห้าเพื่อมุ่งสู่แผนกช่างภาพของสำนักพิมพ์นิตยสารการท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง อย่างน้อยก็น่าสนใจและใกล้เคียงอาชีพเก่าที่ต้องอาศัยฝีมือการถ่ายภาพและเขียนเนื้อหา

    ภายใต้ผ้าคลุมฮิญาบสีม่วงอ่อนปรากฏใบหน้าของหญิงสูงวัยที่ดูไม่เต็มใจรับแขกเสียเท่าไรกำลังนั่งประจำตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้าแผนกเพื่อรับรองบุคคลมากมายซึ่งสนใจมาสมัครงาน หล่อนดูเฉยเมยไม่แยแสผู้คนที่ต่อแถวเพียงแค่รับเอกสารยืนยันตัวและส่งใบสมัครงานกลับไปเท่านั้น จวบจนมนตร์ทรายหยุดยืนตรงหน้าแล้วยื่นข้อมูลส่วนตัวบางอย่างสำหรับใช้สมัครงานไปจึงค่อยๆทำให้ใบหน้าเรียบเฉยนั้นเงยขึ้นมอง

    มิสมนตร์ทราย...ทางเราไม่สามารถรับคุณเข้าทำงานได้ค่ะ เธอเอ่ยเสียงแข็งพอๆกับใบหน้าจืดชืดไร้เครื่องสำอางและไร้รอยยิ้มแย้มภายใต้ฮิญาบที่คลุมเส้นผม

    ทำไมคะ? หญิงสาวถามอย่างสงสัย เธอยังไม่ทันได้กรอกใบสมัคร คณะกรรมการยังไม่ทันได้พิจารณาประวัติการทำงานที่ดีมาตลอด แล้วพนักงานคนนี้มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินว่าสามารถได้งานนี้หรือไม่!

    เพราะคุณมีปัญหากับชีคคาฟาห์

    หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งถูกวางลงตรงหน้า แน่นอนว่าเธอเคยเห็นแล้วบนแผงหนังสือเมื่อสักครู่

    แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะรับสมัครหรือไม่นี่คะ มนตร์ทรายพยายามแย้ง

    ก็ใช่ค่ะ...แต่ทางเราไม่ต้องการมีปัญหากับชีคคาฟาห์ถ้าได้คุณมาร่วมงาน

    คุณมีสิทธิ์อะไรมาประเมินว่าฉันควรได้งานหรือไม่ได้คะ ในเมื่อผู้บริหารหรือคณะกรรมการยังไม่ทันได้เห็นความสามารถของฉัน

    มีคำสั่งจากทางคณะกรรมการลงมาทันทีเมื่อทราบข่าวต่างๆที่ออกสื่อค่ะ แต่ถ้าคุณไม่เชื่อจะให้ฉันต่อสายเพื่อให้คุยก็ได้นะคะ

    หล่อนทำท่าจะต่อสายโทรศัพท์ขึ้นไปหายังผู้บริหารที่อ้างถึง ทำให้มนตร์ทรายอารมณ์เสียเนื่องจากเป็นการแสดงออกเหมือนไล่เธอทางอ้อมจึงได้สะบัดหน้าเชิดเดินออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยไม่แคร์สายตาใครหลายคนที่จดจ้องมองมา

    ก็ได้ให้รู้กันไปข้างหนึ่ง ว่า...ชีคคาฟาห์จะควบคุมชีวิตได้ยังไง ในเมื่อเธอมีสิทธิ์เลือกเส้นทางเอง!!!

     

    หนังสือพิมพ์นับสิบฉบับไม่ว่าจะเป็นภาษาอารบิกหรือภาษาอังกฤษล้วนแล้วถูกโยนทิ้งลงบนพื้นหินอ่อนขัดมันอย่างไม่ไยดีเพราะทุกทีที่นึกถึงเรื่องนี้มันทำให้อารมณ์ของชีคคาฟาห์ขุ่นมัวได้ทุกครั้ง ศีรษะซึ่งโพกผ้ากูฟียะห์นั้นเอนลงทับพนักโซฟาขนสัตว์สีน้ำตาลตัวใหญ่แล้วปิดเปลือกตาเพื่อคลายความเครียดที่คั่งค้างจากเมื่อคืน

    หากแต่ภาพของผู้หญิงคนนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวจนไม่อาจสลัดทิ้งไปได้ง่ายดาย สาวเอเชียไร้มรรยาทแบบนี้ทุกคน ทั้งยังไร้กาลเทศะ และ ไม่รักนวลสงวนตัว!!! เขาสบถด่าทอหล่อนในใจ

    ในตอนนี้ท่วงทำนองแห่งอัลอูดกับลูทที่ผสมผสานกลายเป็นจังหวะดนตรีแบบอะราเบียนไม่ได้ช่วยขัดเกลาจิตใจให้สดใสเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีเทาเหลือบขึ้นมองเฟอร์นิเจอร์หรูหราภายในห้องนั่งเล่นขนาดโอ่อ่าซึ่งล้วนตระการตาไปด้วยหินอ่อนและไม้สักทองคำขัดเงาจากต่างแดนอย่างเบื่อหน่าย จะมีประโยชน์อะไรถ้าชีวิตที่สวยหรูไม่ได้อยู่กับคนในครอบครัว รู้สึกตัวอีกทีภาพตรงหน้าก็หาใช่เครื่องเรือนแต่เป็นภาพวาดขนาดใหญ่ดูหม่นหมองแม้กรอบที่คลอบทับจะสดใส มันคือ รูปครอบครัวซึ่งประกอบไปด้วย พ่อ แม่ เขา และ น้องสาว...

    ท่านครับ เสียงผู้รับใช้คนสนิทดึงสติของชีคคาฟาห์ออกจากภวังค์ความขุ่นเคือง นัยน์ตาสีเหล็กกล้าปรายมองชายร่างสูงที่หมอบอยู่ไม่ห่างอย่างสงสัย

    ว่าอย่างไรอัมเม็ต วันนี้ข้าไม่มีงานไม่ใช่เหรอ? เขาถามด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายและเรียกชายผู้ต่ำศักดิ์กว่าด้วยคำพูดอย่างเจ้านายกับข้ารับใช้ตามปกติของชนชั้นโบราณ ซึ่งมันเป็นอารยธรรมที่ยังสืบทอดในปัจจุบันแม้ตอนนี้เจือปนวัฒนธรรมตะวันตกบ้างแล้วก็ตาม

    เรื่องที่ท่านสั่งผมไว้เมื่อเช้าเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้ได้ข่าวคราวความคืบหน้ามารายงานแล้วครับ

    มีอะไรเพิ่มเติม?”

    หล่อนชื่อ มนตร์ทราย พัฒนวิไล มาจากประเทศไทย มาทำงานเป็นนักข่าวสายเศรษฐกิจของสำนักข่าวคาฟาห์ได้ราวๆหนึ่งปีกว่าแล้วครับ

    ข้อมูลที่เหลือถูกส่งยื่นให้ชีคคาฟาห์ซึ่งรับไปอ่านอย่างรวดเร็ว เมื่อมีหลักฐานยืนยันในสายอาชีพว่าเธอทำงานสุจริตในใจเขาก็เริ่มรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ไปกล่าวหาไม่ดีไม่งาม

    แล้วตอนนี้หล่อนเป็นอย่างไรบ้าง?

    ได้รับการรายงานจากสำนักข่าวคาฟาห์ว่าหล่อนโดนมิสเตอร์โรเบิร์ตไล่ออกไปแล้ว และยังมีสถานที่ต่างๆแจ้งให้ทราบ ว่า...พบเจอผู้หญิงคนนี้เข้าไปขอสมัครงาน แต่พวกเขาไม่กล้ารับเพราะเกรงว่าท่านจะไม่พอใจ คำรายงานจากอัมเม็ตขึงใบหน้าหล่อเหลาคมคายให้บึ้งตึงอีกครั้ง

    ใช่...เขาไม่พอใจเอามากๆที่โดนเธอเถียงด้วยน้ำเสียงไม่เคารพต่อหน้าแขกเหรื่อมากมายภายในงาน นั่นทำให้ต้องตอบคำถามนักข่าวรวมถึงท่านชีคผู้นำรัฐซึ่งต่างตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนวุ่นวายไปหมด โชคดีที่บอกปัดว่าแค่เรื่องเล็กน้อยไม่มีปัญหาเพราะเธอคนนั้นเข้าผิดงาน ทำให้การเจรจาพูดคุยเป็นไปได้ต่ออย่างราบรื่น แต่ถึงกระนั้นมันก็เกือบพัง!!!

    ต่อให้เป็นชีคเจ้าของรัฐก็ไม่มีสิทธิ์ดูถูกใคร อำนาจเงินของคุณอาจเป็นเจ้าชีวิตใครหลายคนได้แต่ไม่ใช่กับฉัน!!!”

    คำพูดนี้ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ...คิดแล้วน่าจับลงโทษเสียให้เข็ด ถ้ากฎสมัยโบราณยังสามารถใช้ได้ในปัจจุบัน ป่านนี้เขาคงจับหล่อนโยนลงกลางทะเลทรายให้แห้งตายกลายเป็นมัมมี่อย่างไม่ปรานี! พลัน...รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นตรงมุมปากเมื่อชีคหนุ่มครุ่นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

    อัมเม็ต...ข้าวานเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง... เขากล่าวความปรารถนาให้คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ฟัง ก่อนหัวเราะเบาๆในลำคออย่างยินดีที่จะได้สะสางเรื่องบางเรื่อง

    แล้วเราจะได้รู้กันแม่สาวเอเชีย ว่า...ฉันสามารถเป็นเจ้าชีวิตได้ทุกคนไม่เว้นแม้แต่เธอ!!!

    ร่างบางกระแทกลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวในสวนสาธารณะเล็กๆของชุมชนอย่างอ่อนระโหยโรยแรงเมื่อเท้าสองข้างหนักอึ้งจนไม่อาจเดินต่อไปได้ เพราะเธอตระเวนหางานไปทั่วถนนทั้งสายภายในสามถึงสี่ชั่วโมงโดยไม่ได้หยุดพัก หากแต่ไม่มีที่ไหนรับและให้ใบสมัครเพียงเพราะเหตุผลเดียวกัน นั่นคือ...มีปัญหากับชีคคาฟาห์

    มนตร์ทรายมองสีหน้ายิ้มแย้มของชาวเมืองที่ผ่านไปมาจากตรงมุมมืดอย่างรู้สึกท้อแท้ ทำไมทั้งที่ทุกคนล้วนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเองแต่กลับต้องมาเกรงกลัวอำนาจจากผู้ชายคนหนึ่ง แม้เป็นชีคปกครองรัฐหากแต่ก็ไม่ได้ควบคุมชีวิตให้คนนั้นคนนี้ทำงานอะไร รักกับใคร กินอาหารอะไร ทำไมต้องเชื่อฟังเสียทุกเรื่อง!!!

    และหญิงสาวก็ไม่เชื่อว่าทุกที่ในรัฐคาฟาห์จะไม่ต้อนรับเธอเข้าทำงานเพียงเพราะทะเลาะกับชีคคาฟาห์ ในตอนนี้แม้จะไม่ได้งานในสายข่าว หรือ งานเขียน จะให้เป็นพี่เลี้ยงเด็ก หรือ พนักงานขายของก็ยอมเพราะอย่างน้อยมันก็เป็นข้อพิสูจน์และสร้างรายได้โดยไม่ต้องงัดเงินเก็บจากการสะสมถึงหนึ่งปีมาใช้

    ลำแสงสีส้มคล้อยต่ำตามดวงตะวันกลมโตบ่งบอกถึงเย็นมากแล้วที่จะหางานทำในวันนี้ เธอมองเงาใบไม้ไหวไปมาบนลำต้นใหญ่เพื่อผ่อนคลายความฟุ้งซ่าน หวังให้มันช่วยขับกล่อมจิตใจเพื่อละทิ้งปัญหาต่างๆไว้ที่นี่แล้วกลับไปพักผ่อนในอพาร์ทเม้นท์ของตัวเองได้อย่างมีความสุข

    นี่มันอะไรกัน!!!” เธอกรีดร้องถามหญิงสูงวัยเจ้าของตึกที่เธอเช่าอย่างตกใจ เมื่อพบข้าวของตัวเองกองพะเนินเทินทึกตรงหน้าทางเข้าอพาร์ทเม้นท์

    ก็ของๆเธอไง จำไม่ได้เหรอ? หล่อนย้อนกลับมา

    ใช่...ฉันรู้ แต่คุณขนออกมาทำไมคะ? มนตร์ทรายถามโดยที่ในใจนั้นหวังให้ไม่ใช่เหตุผลน่าเบื่อซึ่งได้ฟังมาทั้งวัน

    ฉันไม่อยากให้คนที่มีปัญหากับชีคคาฟาห์มาอาศัยร่วมด้วย เดี๋ยวจะพาคนอื่นซวยเปล่าๆ

    อะไรกัน...ฉันไปทำอะไรให้พวกคุณ เรื่องทะเลาะมันก็เป็นปัญหาระหว่างฉันกับเขาไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่นๆเลย เธอพยายามแย้งชี้แจงเหตุผล

    เธอไม่รู้หรือไง ว่า...ท่านมีอิทธิพลมากมาย ถ้าโกรธใครขึ้นมาคนๆนั้นก็ซวยแล้วพลอยทำให้คนรอบข้างลำบากไปด้วย!”

    แต่อย่างน้อยคุณควรแจ้งให้ทราบก่อนไม่ใช่ขนข้าวของออกมาแบบนี้ แล้วนี่มันก็มืดค่ำแล้วฉันจะไปพักที่ไหน? เธอร้องถาม

    นั่นมันเรื่องของเธอ แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่!!!” หล่อนตอบด้วยสีหน้าเฉยเมยไม่ไยดีเลยแม้แต่น้อยก่อนเดินกลับเข้าไปภายในอพาร์ทเม้นท์ มนตร์ทรายรู้สึกอยากร้องไห้เหลือเกินเพราะวันนี้พบเจอแต่เรื่องเลวร้ายมาทั้งวันพลางค่อยๆหอบข้าวของไปไว้ในรถซึ่งจอดไม่ห่างจากตรงนั้น

    เอี้ยดดดด....

    เสียงเบรกดึงความสนใจให้หญิงสาวเหลียวมองรถยุโรปสีดำ หัวใจนั้นเริ่มเต้นแรงขึ้นและหวังว่ามันคงไม่มีอะไรย่ำแย่มากไปกว่านี้ หากแต่คิดผิดเมื่อบุคคลที่ลงมา คือ ชีคคาฟาห์!!!

    คุณ!!!”

    มนตร์ทรายร้องอุทานอย่างตื่นตระหนก นี่มันบังเอิญหรือตั้งใจกันแน่!!!

    ขอบคุณที่จำผมได้ เขากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน

    คุณมาที่นี่ทำไม?

    ที่นี่คือรัฐของผม...แล้วทำไมผมจะไปไหนมาไหนไม่ได้ คำตอบยียวนกวนโทสะนั้นทำให้หญิงสาวต้องพยายามอดกลั้นอารมณ์โกรธ เพราะไม่ต้องการมีปัญหามากกว่านี้

    เรื่องของคุณ เธอตัดบทเรียบง่ายและเดินเลี่ยงออกไปให้พ้นจากบริเวณนี้

    จะรีบไปไหนมิสมนตร์ทราย

    เขารู้ชื่อเธอ? ใบหน้าหวานเหลียวมองชีคหนุ่มอย่างแปลกใจ หากแต่ต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ภายในเมื่อเริ่มคาดเดาสถานการณ์ต่างๆได้ ว่า...คนมีอำนาจอย่างชีคคาฟาห์อาจให้ใครต่อใครไปสืบหาชื่อที่อยู่ แม้ดูละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลแต่คงไม่มีอะไรที่คนบ้าอำนาจเยี่ยงเขาไม่อาจกระทำ

    ฉันไม่อยากคุยกับคุณ

    แต่คุณจำเป็นต้องคุยกับผม...รับนี่ไป

    กระดาษใบหนึ่งถูกยื่นส่งตรงหน้าหญิงสาวซึ่งดูลังเลจะรับ แต่แล้วก็ตัดสินใจคว้ามันมาแล้วอ่านข้อความที่เขียนไว้

    อะไรกัน!!!” เธอร้องเสียงดังเมื่อพบว่ามันคือ ใบเรียกร้องค่าเสียหายจากรถที่ถูกชนเป็นจำนวนเงินถึงสองหมื่นดอลล่าห์ ไหนคุณบอกว่ายกโทษให้ฉัน มนตร์ทรายเอ่ยถามเพราะยังจดจำคำพูดไม่ถือสาหาความปนการเหยียดหยามเมื่อวานนี้ได้อย่างแม่นยำ

    มันไม่มากเกินไปสำหรับผู้หญิงสกปรก ดีเท่าไรแล้วที่ผมไม่สั่งเนรเทศคนประเภทคุณออกไปจากรัฐ แต่เอาเถอะครั้งนี้จะยอมยกโทษให้เพราะถือว่าคุณเลือกเป้าหมายผิดไปหน่อย!!!”

    ใช่...ผมเคยพูดแบบนั้นเอาไว้ว่าจะยอมยกโทษให้ แต่นั่นมันก่อนที่คุณหักหน้าผมกลาง งานเจรจาผู้นำระหว่างรัฐประจำปี รู้หรือไม่...งานนั้นมีการเตรียมการล่วงหน้าถึงสามเดือน ทั้งยังลงทุนไปไม่รู้กี่สิบล้านดอลล่าห์ ค่าเสียหายรถแค่สองหมื่นดอลล่าห์ยังน้อยเกินไปสำหรับการเสียชื่อเสียงของผมกับรัฐคาฟาห์!!!”

    ความสับสนก่อตัวขึ้นในหัวของมนตร์ทราย ไม่อยากเชื่อว่าชีคตรงหน้าจะสร้างปัญหาซึ่งทวีคูณซัดซ้ำประดังประเดราวกับพายุที่โหมพัดคลื่นทะเลบ้าคลั่งให้รุนแรงหนักหน่วงกว่าเดิม รถก็ยังไม่ได้ซ่อม งานใหม่ก็ยังหาไม่ได้ โดนไล่ออกจากอพาร์ทเม้นท์ ซ้ำยังเจอเรียกร้องค่าเสียหายอีก

    เอ่อ...ฉันไม่มีเงินมากพอในตอนนี้ เธอยอมรับสารภาพตรงๆ

    คิ้วเข้มขมวดมุ่นส่งผลให้นัยน์ตาสีเทาหลุบลงต่ำแล้วจดจ้องมองสาวไทยตรงหน้าอย่างไม่พอใจ หากแต่นั่นก็แค่รูปลักษณ์ภายนอกที่วางไว้อย่างมั่นคง เมื่อภายในนั้นกำลังกระหยิ่มยิ้มเป็นต่อเพราะก่อมรสุมปัญหาเอาไว้ให้หญิงสาวจนใบหน้าหวานเคร่งเครียดเห็นได้ชัด

    ผมมีทางเลือกง่ายๆให้คุณนะ

    เอ๊ะ?

    คุณแค่ขอโทษผมในสิ่งที่เคยกล่าวว่าไว้ในงาน เพราะตอนนี้คงรู้แล้ว ว่า...ผมมีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายและควบคุมชีวิตใครๆก็ได้ไม่เว้นแม้แต่คุณ ถ้ายอมขอโทษดีๆรับรองว่าพรุ่งนี้ชีวิตที่เคยสุขสบายปกติเรียบง่ายจะกลับมาเหมือนเดิม!!!” คำพูดนั้นราวกับเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาเสียเหลือล้น หากแต่คนอย่างมนตร์ทรายมีหรือจะแยกแยะไม่ออกว่าความถูกต้องนั้นคืออะไร

    ตอนนี้เธอมั่นใจว่าปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากผู้ชายตรงหน้าที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ แม้เป็นเรื่องผิดเขาก็สามารถพลิกกลับด้านให้ถูกต้องในมุมมองของตัวเอง นี่มันไม่ยุติธรรมและไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกล่าวขอโทษทั้งที่ไม่ผิด!

    ไม่มีทางคุณกลับไปเสียเถอะ!!!”

    เมื่อไรคิดกลับใจก็บอกผมล่ะกัน ออ...อย่าลืมเรื่องหนี้ด้วย ถ้าภายในสองอาทิตย์ยังไม่มีการจ่ายผมจะเรียกร้องทางกฎหมายจนถึงที่สุด!!!” เขากล่าวจบก็หมุนตัวกลับเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว มนตร์ทรายพยายามกลั้นความเจ็บใจที่เอ่อคลอไม่ให้ไหลจวบจนรถยุโรปแล่นหายลับสายตาไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×