เพราะซึม จึงต้องเล่า เพราะความเหงาที่กัดกินใจ
ในแต่ละวันที่ชีวิตของแต่ละคนหมุนเวียนเปลี่ยนไป
ชีวิตของฉันกลับหยุดนิ่งอยู่กับที่ราวกับว่านาฬิกาได้หยุดลง คงมีแต่ความเศร้า ความเจ็บปวด ความเหงากัดกินใจ
กว่าหนึ่งปีแล้วที่ฉันรักษาตัว กว่าหนึ่งปีแล้วที่ฉันพบจิตแพทย์ แม้วันนี้ฉันยังไม่หาย แต่ฉันอยากจะเรียงร้อยเล่าเรื่องราวความซึมเศร้าอันแสนเหงา
ความเจ็บปวดที่ไม่หอมหวาน แต่อาจเป็นยาขมรักษาใจหม่นๆ ของใครบางคนได้บ้าง...
"พี่คะ หนูไม่อยากอยู่แล้ว หนูอยากตายเป็นผีไม่มีญาติ ไม่ต้องเป็นภาระของครอบครัว" เสียงสั่นเครือเจือน้ำตาสุดจะกลั้นของฉันเอ่ยบอกกับพยาบาล
ผู้วางสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาแสดงความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้
"คุณเคยมีความคิดอยากทำร้าย หรือทำร้ายตัวเองบ้างมั้ย" เธอถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
น่าแปลกที่ทุกวันนี้เราเลือกที่จะระบายความรู้สึกของเราผ่านช่องทางต่างๆ มากมายให้กับคนแปลกหน้า เพราะเรารู้สึกสะดวกใจกว่าการคุยกับคนรู้จักและ"ครอบครัว"
ฉันเติบโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างอัตขัด ครอบครัวที่เริ่มต้นด้วยความรัก ความรักที่ขาดๆ เกินๆ ของคนรุ่นก่อน
"สวัสดีค่ะหมอ" คำพูดแรกที่ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากสาวเท้าเข้าห้องตรวจไป "อ่า สวัสดีครับ คุณ... เป็นอะไรมาครับ"
"เป็นโรคซึมเศร้าค่ะ" ฉันสวนตอบไปทันควันราวกับได้ทำการคิดวิเคราะห์สรุปผลการทดลองส่งคุณครูแล้ว
"เป็นยังไงครับ ทำไมถึงมา"หมอถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อ่อฉันลืมบอกไป คุณหมอที่ฉันมารักษาเป็นคุณหมอหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
ผิวขาว ใบหน้าตี๋ตามแบบสไตล์คุณหมอ คุณหมอสวมแว่นกรอบใหญ่สีดำ ฉันเอาแต่จับจ้องมันแทนการมองตาคุณหมอ
นี่เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องเล่าเรื่องทุกข์ใจออกไปให้กับใครก็ไม่รู้ฟังอย่างเสียมิได้ เพราะฉันรู้ตัวแล้วว่าหากไม่มาอยู่ตรงนี้ ฉันคงได้ตายสมใจ
หรืออาจจะทรมานยิ่งกว่าตายไปเลยเสียอีก
ณ ขณะนั้นมันเหมือนมีมวนก้อนอารมณ์บางอย่าง ที่ทั้งเกรี้ยวกราด ทั้งเปราะบาง สองบ่ามันหนักอึ้ง รวมกันจุกอยู่ที่คอ หัวใจมันรวดร้าว...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น