สิบขุนพลเพชรรัมมนา
ท่ามกลางไฟแห่งสงครามที่แผ่ลุกลาม ได้ปรากฎเพชรขึ้นกลางกองเพลิงสงคราม
ผู้เข้าชมรวม
1,290
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นำเรื่อง
แม้นจะต้องลำบากอย่างไร ก็ขอให้ลูกจงนึกถึงวงศ์ตระกูลของเราที่ล้วนเป็นทหารหาญบนหลังม้ามาหลายชั่วอายุคน ขอให้ลูกหมั่นเพียรในการเล่าเรียนวิชาให้จงดี ภายหน้าลูกจะภูมิใจที่ได้ดำเนินรอยตามบรรพบุรุษ
บิดาของเดชกล่าวกับบุตรชาย อายุสิบสี่ ซึ่งเข้ามากราบลาเพื่อที่จะเดินทางไปเล่าเรียนหนังสือและเพลงอาวุธ ถึงแม้นบิดาผู้เป็นนายทหารจะได้ฝึกสอนวิชาเพลงอาวุธบนหลังม้าให้กับบุตรชายมาบ้างแล้ว
แต่บิดาของเดชต้องการให้บุตรชายมีความรู้มากขึ้นกว่านี้ จึงได้สั่งให้บุตรชายไปเที่ยวเสาะหาอาจารย์ เพื่อจะได้มีความรู้หนังสือ เพลงอาวุธต่างๆและตำราพิชัยสงครามมากขึ้นกว่านี้ เพื่อภายหน้าจะได้เป็นนายทหารตามที่บรรพบุรุษได้ทำกันต่อๆมา
เดช ผู้เป็นบุตรชายคนโตของกรมขุนม้าเอกมหยุทธอาชา ผู้เป็นนายทหารม้าที่มีฝีมือการรบในชั้นแนวหน้าของอาณาจักรรัมมนา กราบเท้าบิดาเพื่อลาไปเล่าเรียนที่เมืองนครอุดรบุรินทรา เมืองเอกแห่งหัวเมืองฝ่ายเหนือของอาณาจักรรัมมนา
เอ้า ไปกราบเท้าขอพรแม่ก่อนด้วยล่ะ บิดาของเดชเตือน
เดชเข้าไปกราบเท้าลามารดา แล้วจึงฉวยย่ามที่ใส่ของมาสวมสะพาย เหน็บมีดด้ามเงินซึ่งเป็นมีดประจำกายที่บิดามอบให้เป็นของขวัญในวันโกนจุกไว้ที่ผ้าคาดเอว มีดเล่มนั้นยาวหนึ่งคืบ ใบมีดทำจากเหล็กเนื้อดี ที่ใบสลักไว้เป็นรูปเหราแยกเขี้ยว ฝักมีดทำจากไม้มะขามมีห่วงทองเหลืองรัดที่ขอบฝัก
เดชออกเดินทางด้วยลูกม้าตัวที่เขาชอบมากที่สุด เนื่องจากตระกูลของเขานั้น ล้วนเป็นทหารม้า จึงชอบที่จะสะสมม้าพันธ์ดีเอาไว้
ลูกม้าคู่ใจของเขานั้นเป็นลูกม้าเพศผู้สีดำสนิทดั่งนิลมณี นอกจากฉลาดรู้ภาษาแล้วยังมีกำลังวังชามาก สามารถกระโจนข้ามสระน้ำที่กว้างสองวาได้และสามารถวิ่งตัดทุ่งซึ่งกว้างราวๆสิบเส้นได้เหมือนกับกว้างเพียงสิบวาเท่านั้น ชื่อของมันคือ นิลอาชา หรือเรียกสั้นๆว่า เจ้านิล
เจ้านิลเองก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ท่องเที่ยว มันหกหน้าหกหลังรออยู่กับหลัก เมื่อมันเห็นเขาเดินออกจากเรือนมา มันก็สะบัดศีรษะไปมาอย่างดีอกดีใจ แล้วแทบจะออกควบทันทีที่เดชขึ้นนั่งบนหลังมัน แต่ด้วยความที่ถูกฝึกมาอย่างดี ทำให้มันต้องรอคำสั่งจากเดช ในที่สุดมันก็เริ่มร้อนใจจึงสะบัดหัวและส่งเสียงฝืดฝาดทางจมูกเพื่อเตือนเดชให้ออกเดินทางได้แล้ว
เดชสะบัดบังเหียนเล็กน้อยตามที่ได้ฝึกสอนมันเอาไว้ เป็นคำสั่งที่สั่งด้วยบังเหียนให้ออกเดิน มันแทบจะกระโดดพรวดด้วยความดีใจ แต่มันก็ออกวิ่งเหยาะย่างไปทางรั้วบ้านอย่างร่าเริง เพื่อจะเดินทางไปกับเจ้านายที่มันจงรักภักดีเพียงคนเดียว
นิลอาชาหรือนิลนี้ เดชได้มันมาเมื่อมันยังเป็นลูกม้าอายุสองขวบ มันเกิดในคอกม้าของบิดาเขาเอง แต่มันพยศมาก ไม่ยอมให้ใครแตะต้องมันเลย แต่มันกลับรักเดชมาก มันจะส่งเสียงแสดงความยินดีและจะก้มหัวลงคล้ายคำนับ เพื่อทักทายเดช เมื่อเดชเดินเข้ามาหามัน
แม้แต่กรมขุนม้าเอกมหยุทธอาชา ผู้เป็นบิดาของเดชเอง เจ้านิลมันก็ไม่วายแสดงอาการพยศใส่ มันไม่ยอมให้แตะต้องตัวมันเลย ถ้าแตะมันเมื่อไหร่ มันเป็นต้องกระโดดหกหน้าหกหลัง ร้องเสียงดังลั่นใส่อย่างดุร้าย
เดชและนิลอาชา เริ่มออกเดินทางอย่างกล้าหาญออกจากเมืองอุดรปราการนคร ซึ่งเป็นเมืองที่ทั้งสองเกิดและเติบโตมาแต่เยาว์วัย ไปเสาะหาอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถ
ผลงานอื่นๆ ของ พญาลิงลมสีคราม ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ พญาลิงลมสีคราม
ความคิดเห็น